≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสงตอนที่ 18 คิดถึงคนที่ไร้ตัวตน "ช่วยด้วย ผะผะผะผะผีผีผีผีหลอกกกกกกกกก ช่วยด้วย!"
หลังจากที่เดินมาเปิดประตูให้ คนเปิดประตูพลันทำหน้าเหวอและร้องเสียงดังลั่นราวกับถูกผีหลอกเมื่อเห็นว่าใครมา
"ไอ้โอ๊ต มึงเป็นอะไรของมึงวะ ผีที่ไหนเล่า กูเอง" เนตั้นว่าเพื่อนพลางเดินเข้ามาในห้อง รู้สึกแปลกใจตัวเองพอสมควรที่ใส่ชุดและรองเท้าแปลกๆ เพราะตอนไปเรียนเนตั้นไม่ได้ใส่ชุดแบบนี้ แถมกระเป๋ากับโทรศัพท์ก็หายไปด้วย ไม่รู้ว่าลืมไว้ที่ห้องหรือเปล่า
"มึงตายไปแล้วนะเว้ยไอ้ตั้น อย่ามาหลอกมาหลอนกูเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากูจะทำบุญไปให้มึง ฮือๆ กูกลัวแล้ว กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย มึงมาหลอกกูทำไม"
โอ๊ตยกมือไหวปะหลกๆ พลางร้องห่มร้องไห้ด้วยความกลัว
"ไอ้บ้า กูยังไม่ตายเว้ย มึงพูดอะไรของมึงวะ อกหักแค่นี้ไม่ทำให้กูตายหรอกเว้ย" เนตั้นเถียงแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อน
โอ๊ตร้องจนเสียงหลงด้วยความกลัว "กลัวแล้วๆๆ ไอ้ตั้น มึงไปผุดไปเกิดเหอะ เดี๋ยวกูทำบุญไปให้"
เนตั้นจับแขนเพื่อนที่กำลังไหว้ปะหลกๆ โอ๊ตจึงหยุดชะงักและขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะมือเนตั้นยังอุ่นๆ อยู่ แถมยังสัมผัสเนื้อหนังมังสาได้ด้วย
"มึงดูนี่ ถ้ากูตายกูจะจับแขนมึงได้ไหม"
โอ๊ตยังคงประมวลผลอย่างหนักอยู่ แต่สักพักจึงร้องด้วยความดีใจ "ไอ้ตั้น มึงยังไม่ตายจริงเหรอวะ"
"เออดิวะ อะไรวะมึง กูไปเรียนหนังสือดีๆ หาว่ากูตายซะงั้น" เนตั้นว่าเพื่อนไม่จริงจังนัก
"เย้ ไอ้ตั้น มึงยังไม่ตายจริงๆ ด้วย"
โอ๊ตกระโดดกอดเพื่อนอย่างดีใจใหญ่ ใครๆ ต่างก็คิดว่าเนตั้นตายไปแล้ว แม้ว่าจะหาศพไม่เจอเลยก็ตาม
"เฮ้ย มึงเป็นไรมากเปล่าวะ" เนตั้นขำเบาๆ แต่จะว่าไปก็งงตัวเองหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งอกหักและร้องไห้ฟูมฟายอยู่แท้ๆ แต่อยู่ดีๆ กลับไม่รู้สึกเสียใจอีกเลย คล้ายกับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทรก แต่ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกอะไร
โอ๊ตปล่อยเนตั้นแล้วจับหมุนตัวไปรอบๆ "เฮ้ย มึงไปเอาเสื้อผ้าอะไรมาใส่วะเนี่ย ทำไมมันรัดเป้าขนาดนี้วะ เหมือนชุดต่างดาวเลย ลายแปลกๆ สีแปลกๆ แปลกหมดเลยว่ะ"
"อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็งงเหมือนกันว่ากูเอาเสื้อผ้าใครมาใส่"
"แล้วมึงหายไปไหนมาตั้งสามเดือน เขาตามหามึงกันให้ควั่กเลย นึกว่ามึงอกหักจนน้อยใจฆ่าตัวตายไปแล้ว"
เนตั้นเลิกคิ้ว หน้าเหวอ "สามเดือนอะไรของมึงวะ กูเพิ่งออกไปเมื่อเช้าแล้วก็กลับมานี่ไง เพี้ยนแล้วนะมึง"
"มึงว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร พ.ศ. อะไร"
"วันนี้เหรอ วันที่สิบแปด เดือนกันยายน พ.ศ. สองพันห้าร้อยห้าสิบแปดไง ถามทำไมวะ" เนตั้นทำหน้างง
"ใครบอกมึง วันนี้วันที่ยี่สิบเดือนธันวาคม พ.ศ. สองพันห้าร้อยห้าสิบแปดต่างหากเว้ย"
"จริงเหรอไอ้โอ๊ต" เนตั้นใจหายวาบ คงต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ ถึงได้เกิดความคลาดเคลื่อนของเวลามากขนาดนี้
"ถ้ามึงไม่เชื่อมึงมาดูคอมกูเลย นี่เห็นไหม วันที่ เดือน พ.ศ. ตรงตามที่กูบอกไหม เอ้า ดูโทรศัพท์กูด้วยก็ได้ นี่มึงดู ตรงไหม" โอ๊ตเปิดทั้งคอมและโทรศัพท์ให้เพื่อนดูวันที่เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้แกล้งอำเล่น
เนตั้นยิ่งหน้าเหวอเข้าไปใหญ่ "เฮ้ย เป็นไปได้ไงวะไอ้โอ๊ต"
"แล้วมึงไปไหนมา ก่อนจะกลับมาที่ห้องมึงอยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่อัฒจรรย์สนามกีฬาไง" เนตั้นบอกพลางพยายามทบทวนว่าตัวเองไปทำอะไรมาบ้าง
"แล้วไง แล้วมึงไปไหนต่อ" โอ๊ตซัก
"ไม่ได้ไปไหน ก็กูอกหักน่ะ น้องมีนาเขาบอกเลิกกับกู กูก็เลยไปนั่งคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ ที่อัฒจรรย์สนามกีฬา เสร็จแล้วกูก็กลับมานี่แหละ"
"แต่ รปภ. เขาบอกว่ามึงหายไปนะเว้ย" โอ๊ตให้ข้อมูลเพิ่ม
"กูนี่นะหายไป!" เนตั้นถามย้ำอย่างงงๆ
"เออ เขาตามหามึงกันจนทั่ว ตำรวจมาเก็บหลักฐานด้วย กูโดนสอบสวนไปตั้งหลายครั้ง อาจารย์ก็โดน รปภ. ก็โดน ขนาดมีนากับแฟนยังโดนสอบสวนเลย มีแค่ รปภ. เท่านั้นแหละที่เห็นมึงแถวๆ สนามกีฬาก่อนที่มึงจะหายตัวไป"
"เฮ้ย จริงเหรอวะ แล้วทำไมกูถึงรู้สึกเหมือนกูเพิ่งกลับมาจากมหาลัยวะ ทำไมอยู่ดีๆ มันก็ผ่านไปสามเดือน แล้วทุกคนเขาตามหากูทำไม กูไม่ได้หายไปไหนซะหน่อย" ยิ่งฟังเนตั้นยิ่งงง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองหายไปไหนตั้งสามเดือน เพราะถ้าหายไปเนตั้นควรจะรู้ตัวบ้าง ถ้าไม่รู้ตัวถึงสามเดือนก็ไม่น่ารอดชีวิตแล้ว
"กูว่ามันแปลกๆ แล้วว่ะไอ้ตั้น เออ...แล้วมึงเห็นอะไรแปลกๆ ตอนที่มึงนั่งอยู่ที่อัฒจรรย์สนามกีฬาไหมวะ" โอ๊ตสงสัย
"เดี๋ยวนะ นึกก่อน" เนตั้นทำท่านึก นึกไปนึกมาจึงพอจำบางอย่างเพิ่มได้นิดหน่อย "มีว่ะ กูเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า แล้วกูก็เห็นแสงอะไรไม่รู้ มันจ้ามาก จ้าจนกูต้องหลับตาเลย แต่พอกูลืมตาขึ้นมา กูก็อยู่ที่เดิมนะเว้ย กูไม่ได้ไปไหนเลย แล้วกูก็กลับมานี่แหละ เออ แล้วมึงเห็นกระเป๋ากูเปล่าวะ กูไม่รู้ว่ากูลืมไว้ในห้องหรือเปล่า"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ มีแต่บัตรนักศึกษาของมึงที่กูยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่ เฮ้ย...มึงถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปหรือเปล่าวะ" โอ๊ตไม่วายสงสัย แต่ฟังจากที่เนตั้นเล่ามาก็พอเข้าเค้าไม่น้อย
"มึงจะบ้าเหรอวะ แล้วทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย" เนตั้นเถียง
"อ้าว มึงไม่เคยดูหนังเหรอ พวกมนุษย์ต่างดาวมันอาจจะมีเทคโนโลยีลบความทรงจำก็ได้ ในหนังมันยังมีเลย พวกที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับไป พอกลับมาจำอะไรไม่ได้สักคน กูว่ามึงต้องโดนมนุษย์ต่างดาวจับไปแน่ๆ เลยว่ะ ไม่งั้นมึงจะหายไปไหนตั้งสามเดือน ตามหาก็ไม่เจอ หายไปนานขนาดนี้...ใครๆ เขาก็นึกว่ามึงตายไปแล้ว ดีนะเว้ยที่ตำรวจเขายังไม่ทำเรื่องให้มึงเป็นคนหายสาบสูญ เห็นเขาบอกว่าต้องหายไปเกินห้าปีก่อนถึงจะกลายเป็นคนสาบสูญได้"
เนตั้นทำหน้ายุ่งยากใจ "ไม่รู้เว้ย กูขออาบน้ำนอนก่อนละกัน เหนื่อยแล้วว่ะ มีอะไรค่อยเอาไว้คุยพรุ่งนี้"
"แต่ว่า...กูเอาเสื้อผ้ามึงไปเผาทิ้งหมดแล้วว่ะ" โอ๊ตบอกเสียงอ่อยๆ
"ไอ้โอ๊ต แล้วมึงเผาเสื้อผ้ากูทำไม!" เนตั้นโวยวายเสียงดัง
"กูจะไปรู้เหรอว่ามึงจะกลับมา กูกลัวมึงหลอกกูไง กูก็เลยเอาเสื้อผ้ามึงไปเผาทิ้ง"
"โธ่เว้ย งั้นกูยืมมึงใส่ก่อนละกัน"
"เออๆ เดี๋ยวกูหาให้"
โอ๊ตบอกพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ไม่นานจึงกลับมาพร้อมเสื้อกับกางเกงที่พอจะใส่นอนได้ "ไม่มีกางเกงในให้ใส่นะเว้ย มึงใส่โล่งๆ ไปก่อนละกัน"
"ไม่เป็นไร"
เนตั้นรับชุดมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งชุดเพราะไม่มีผ้าเช็ดตัว ความจริงแทบไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากบัตรนักศึกษาที่โอ๊ตยังเก็บไว้
เนตั้นหาที่วางเสื้อผ้าได้แล้วจึงถอดเสื้อกับกางเกงสีดำๆ ออก พอจะเอาไปแขวนไว้ตรงราวในห้องน้ำพลันมีวัตถุใสๆ บางอย่างหล่นลงมาด้วยจำนวนหนึ่ง เนตั้นรีบแขวนเสื้อผ้าชุดนั้นไว้แล้วก้มลงเก็บวัตถุขนาดเท่าลูกเต๋าแต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย
"อะไรเนี่ย เหมือนเพชรเลย หรือว่าจะเป็นเพชร" เนตั้นทำตาโต จากนั้นเก็บวัตถุใสทรงลูกเต๋าที่หล่นกระจายทั้งหมดราวๆ สิบเม็ดขึ้นมาแล้วห่อด้วยกระดาษทิชชู่ไว้ ถ้าเป็นเพชรจริงน่าจะขายได้เงินหลายล้านเลยทีเดียว
จากนั้นเนตันจึงรีบอาบน้ำ ไม่มีกะจิตกะใจจะตื่นเต้นกับเพชรมากนักเพราะรู้สึกเพลียมาก เพลียเหมือนคนเดินทางไกลหลายร้อยกิโลยังไงยังงั้น
รุ่งเช้า เนตั้นไปมหาวิทยาลัยกับเพื่อน สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับบรรดาเพื่อนๆ และอาจารย์กันใหญ่ แต่กระนั้นทุกคนก็ดีใจที่เนตั้นกลับมา วันนี้ทั้งวันเนตั้นไม่ได้เรียนหนังสือเลยเพราะต้องวิ่งวุ่นทำเรื่องกลับเข้ามาเรียนใหม่ นอกจากนี้เนตั้นยังต้องหาเวลาไปทำบัตรประชาชนและบัตรเอทีเอ็มใหม่ด้วย เนตั้นมีเงินในบัญชีธนาคารที่ทางสถานสงเคราะห์โอนให้เป็นค่าเล่าเรียนจำนวนหนึ่ง แม้ไม่มากแต่ก็เป็นเงินเพียงก้อนเดียวที่เนตั้นเหลืออยู่ไว้กินใช้
สรุปว่าทางมหาลัยให้เนตั้นทำเรื่องดร็อปการเรียนในเทอมนี้ไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่เทอมหน้า แม้ว่าจะเสียเวลาแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เรียนเลย
พอเสร็จธุระทั้งหมดที่มหาวิทยาลัย เนตั้นจึงเดินออกไปขึ้นรถเมล์ที่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปทำธุระต่อ ระหว่างทางที่กำลังเดินไปบังเอิญมีรถคันหนึ่งวิ่งตามมาพอดี ไม่นานเจ้าของรถจึงไขกระจกรถลงมาคุยด้วย
"ไง ไอ้ลูกคนปัญญาอ่อน กูนึกว่ามึงจะตายแล้วซะอีก ดวงแข็งจริงนะมึง แต่คนอย่างมึงน่ะ อยู่ไปก็เท่านั้นแหละ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย แม่ก็ปัญญาอ่อน พ่อก็ไม่มี แถมยังเรียนไม่เก่งอีก จะไปทำอะไรกินวะ"
เนตั้นหยุดชะงักกึก พอเห็นว่าเป็นคู่อริที่แข่งกันจีบมีนาจึงทำท่าจะเดินหนีเพราะไม่อยากเสวนากับคนพาล
หนุ่มแท็ปโมโหไม่น้อยที่เห็นเนตั้นทำท่าหยิ่งจองหองใส่ แถมยังไม่แสดงอาการด้อยกว่าให้เห็นเหมือนอย่างเคยด้วย เจ้าตัวจึงขับรถปาดไปจอดข้างหน้าแล้วเดินลงมาหา พอมาถึงตัวจึงผลักอกเนตั้นจนเซ
"คนอย่างมึงน่ะ มีนาเขาไม่เอามาทำพันธุ์หรอกเว้ย มึงคิดว่ามึงกลับมาแล้วเขาจะกลับมารักมึงเหรอ"
เนตั้นมองด้วยสายตาแข็งกร้าว ไม่ดูหงอหรือด้อยกว่าเหมือนเคยอีกแล้ว แท็ปดูจะแปลกใจมากทีเดียวเพราะนึกว่าเนตั้นจะแสดงอาการกลัวเหมือนที่ผ่านมา
"ไอ้แท็ป กูไม่ได้รักมีนาแล้วเว้ย มึงไม่ต้องกลัวหรอก อีกอย่าง...กูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว แล้วมึงก็เลิกหาเรื่องกูซะที รำคาญ!" เนตั้นพูดจบแล้วเดินหนีไป แท็ปได้แต่มองตามอย่างงงๆ
แปลกจริงๆ เนตั้นรู้สึกเหมือนตัวเองมีความรักกับใครสักคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่มีนาอย่างแน่นอน แต่พอนึกกลับนึกไม่ออกว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เป็นไปได้ด้วยหรือที่เนตั้นมีความรักให้กับคนที่ไม่มีตัวตน ไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนี้เนตั้นไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นมากนัก พอขึ้นรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยไปอีกไม่กี่ป้ายจึงลงมาหาร้านที่เนตั้นจำได้ว่ารับซื้อเพชรพลอยแถวๆ นี้ เดินหาไม่นานเท่าไหร่ก็เจอพอดี แม้ว่าแต่งชุดนึกศึกษา แต่ออร่าลูกครึ่งของเนตั้นทำให้เจ้าของร้านไม่ดูสังสัยมากนักเมื่อเนตั้นก้าวเข้าไปในร้าน
"พี่ครับ พอดีมีคนให้เพชรผมมา ผมอยากรู้ว่าเป็นเพชรจริงหรือเปล่า ถ้าเป็นเพชรจริง จะขายได้ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ" เนตั้นบอกพลางควักเอาเพชรทรงลูกเต๋าหนึ่งเม็ดออกมาส่งให้เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนดู
"เพชรอะไรแปลกจัง เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าด้วย แล้วใครให้มาล่ะจ้ะ"
"อ๋อ พ่อผมครับ พ่อผมเป็นชาวต่างชาติ เขามาเยี่ยมผมแล้วให้เพชรผมไว้" เนตั้นอธิบาย สำหรับเนตั้นแล้วคงคิดว่าเป็นการโกหกเพราะไม่อยากให้ใครสงสัย แต่นั่นคือสิ่งที่พ่อแอบฝากใส่กระเป๋ากางเกงให้ลูกชายก่อนจะถูกปล่อยลงจากยานอวกาศโดยไม่ให้เนตั้นรู้
"อ้อ แล้วพ่อกลับไปแล้วเหรอ"
"กลับไปแล้วครับ เพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรกครับ" เนตั้นยิ้มบางๆ ให้เจ้าของร้าน
หลังจากตรวจด้วยเครื่องตรวจเพชรแท้ หญิงวัยกลางคนถึงกับตาโต "น้อง เพชรที่น้องได้มาเป็นเพชรเกรดเอเลยนะน้อง มีความบริสุทธ์สูงมาก หายากมากๆ นะเพชรแบบนี้ เม็ดนี้...สิบกว่ากะรัตเลยนะน้อง ราคามันสูงมาก พี่ซื้อไม่ไหวหรอก"
"เหรอครับ แล้วมันน่าจะขายได้ประมาณเท่าไหร่ครับ" เนตั้นถามด้วยความสงสัย
"เม็ดนี้ ราคาไม่น่าต่ำกว่าห้าล้าน"
"จริงเหรอพี่" เนตั้นตาโต ในกระเป๋ายังมีอีกเก้าเม็ด รวมๆ กันแล้วถ้าขายได้ เนตั้นจะมีเงินถึงห้าสิบล้านบาทเลยทีเดียว
"จริงสิจ๊ะน้อง ถ้าน้องอยากขาย พี่จะแนะนำร้านให้ แต่ร้านพี่ซื้อราคานี้ไม่ไหวจริงๆ ไม่เคยซื้อเพชรเม็ดขนาดนี้มาก่อน"
"ขอบคุณครับพี่ พี่ช่วยจดชื่อร้านแล้วก็ที่อยู่ให้ผมได้ไหมครับ"
"ได้จ้ะ"
พอได้ชื่อร้านและที่อยู่แล้วเนตั้นจึงรีบออกมาจากร้านนั้นด้วยความลิงโลดใจ ถ้าหากขายเพชรนี้ได้ทั้งหมดโดยไม่มีปัญหาใดๆ เนตั้นคงไม่ต้องมีชีวิตลำบากและซอมซ่ออีกแล้ว จะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาได้เสียที ใครที่เคยดูถูกฐานะของเนตั้นก็จะได้เลิกดูถูกเสียที
เนตั้นอยากขอบคุณใครคนนั้นเหลือเกินที่ให้เพชรทั้งหมดนี้มา น่าเสียดายที่เนตั้นไม่เคยรู้เลยว่าใครกันที่ช่างดีกับเนตั้นได้ถึงขนาดนี้ คงเป็นใครสักคนที่รักเนตั้นมากแน่ๆ ถึงได้กล้ามอบของมีค่ามากขนาดนี้ให้ แต่ดูจะขัดแย้งกับความเป็นจริงไม่น้อย เพราะเนตั้นไม่เหลือใครที่รักเนตั้นถึงขนาดนั้นแม้แต่คนเดียว
คิดๆ ไปแล้วยิ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าเนตั้นหายไปไหนในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แม้ในความทรงจำจะดูเหมือนไม่ได้ไปไหน แต่ลึกๆ เนตั้นกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเคยไปที่ไหนสักแห่งที่ไกลแสนไกล ไกลจนไม่อาจจินตนาการได้ว่าไกลแค่ไหน หรืออาจจะไม่อยู่บนโลกนี้เลยก็ได้
หนี่งปีเศษๆ ผ่านไป เนตั้นขึ้นมาเรียนอยู่ชั้นปีที่สามแล้ว ผลการเรียนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของเนตั้นเป็นที่น่าพอใจมากทีเดียว แม้แต่ตัวของเนตั้นเองยังแปลกใจที่ตัวเองเรียนเก่งขึ้นขนาดนี้ ความคิดเฉลียวฉลาดมากกว่าเดิมหลายเท่า แถมยังมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการการเงินเป็นอย่างดีอีกด้วย เงินห้าสิบกว่าล้านที่เนตั้นได้มาจึงงอกเงยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เนตั้นเพิ่งลงทุนไปเมื่อไม่นานนี้พอสมควร การกลับมาคราวนี้ของเนตั้นจึงสร้างความแปลกใจให้ใครต่อใครมากทีเดียว
เมื่อฐานะเปลี่ยนไป มีบ้านดีๆ อยู่ มีรถดีๆ ขับ สาวๆ จึงพากันเข้าหาไม่หยุดไม่หย่อน แต่แปลกที่เนตั้นไม่เคยรักใครเลย ในหัวใจของเนตั้นมีความรู้สึกเหมือนกำลังรอใครสักคนหนึ่งตลอดเวลา แม้ชีวิตจะดีขนาดไหน แต่เนตั้นกลับรู้สึกอ้างว้างและขาดความอบอุ่น
คนที่เนตั้นรอคอยเป็นใครกันแน่ ทำไมเนตั้นถึงรู้สึกรักคนๆ นี้มากเหลือเกินทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน!
ทุกๆ วันที่สิบแปดของเดือน เนตั้นมักจะมานั่งอยู่ที่อัฒจรรย์สนามกีฬาคนเดียวจนดึกดื่นเสมอ ทุกครั้งเนตั้นมักจะมองไปบนท้องฟ้าและรอคอยแสงจ้าให้สาดส่องลงมาอีกครั้ง แต่เดือนแล้วเดือนเล่า เนตั้นกลับไม่เคยได้เจอแสงจ้าจากท้องฟ้าอีกเลย
ครั้งหนึ่งเนตั้นเคยถามโอ๊ตว่า...
"เฮ้ยไอ้โอ๊ต มึงรู้ไหมว่า...ก่อนที่กูจะหายไปสามเดือนน่ะ กูรักใครอีกหรือเปล่าวะ ไม่ใช่มีนานะเว้ย กูไม่ได้รักมีนาแล้ว"
"ไอ้นี่ ขนาดมึงยังไม่รู้แล้วกูจะไปรู้กับมึงได้ยังไงวะ แล้วมึงถามทำไม มึงรักใครอีกเหรอ" โอ๊ตถามอย่างสงสัย
"กูไม่รู้ว่ะ แต่กูรู้สึกว่า...กูรักใครสักคน แต่กูไม่รู้ว่าใคร กูอยากเจอคนๆ นั้นมากเลย แต่กูไม่รู้เขาอยู่ไหน หรือเป็นใคร" เนตั้นบอกด้วยสีหน้าเศร้าและหนักใจเล็กน้อย
"เพี้ยนแล้วมึง ไม่เคยเจอกันแล้วมันจะรักกันได้ยังไงวะ"
"เออช่างเหอะ อย่าไปสนใจเลย คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง กูอาจจะคิดไปเองก็ได้" เนตั้นตัดบท เพราะถึงถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี ขนาดเนตั้นเองยังไม่รู้เลย โอ๊ตคงไม่มีทางรู้ด้วยแน่ๆ
"เดี๋ยวนี้กูไม่เห็นมึงจีบหญิงเลยวะไอ้ตั้น รวยก็รวย สาวๆ วิ่งเข้าหาเต็มเลย ไม่เห็นมึงชอบใครสักคน จะอยู่เป็นโสดเหรอวะ หรือกลัวผู้หญิงมาหลอกใช้เงินมึง" โอ๊ตเปลี่ยนเรื่องถาม
"เรื่องกลัวน่ะกูไม่กลัวหรอก อันนี้แหละที่กูเองยังแปลกใจตัวเองอยู่ ทำไมกูรักใครไม่ได้วะ จะสวยขนาดไหน น่ารักขนาดไหน แต่กูกลับรู้สึกเฉยๆ ว่ะ"
"เฉยจริงเหรอวะ กูเห็นพาสาวๆ นั่งรถออกไปตอนเย็นๆ ตั้งหลายคนบ่อยๆ" โอ๊ตทำเสียงล้อเลียน
"ก็มีบ้างเว้ย แต่กูก็ไม่ได้รักสาวๆ พวกนั้นอยู่ดีนั่นแหละ" เนตั้นแย้ง
"เฮ้ย หรือว่ามึงจะเป็นเกย์วะเนตั้น มึงลองคบกับผู้ชายดูสิ เผื่อมึงจะได้คำตอบว่ามึงชอบแบบไหน แต่อย่ามาจีบกูนะเว้ย กูยังชอบผู้หญิงอยู่ หรือต่อให้กูเป็นเกย์กูก็ไม่ให้มึงจีบกูหรอก ไม่อยากตีฉิ่ง" โอ๊ตพูดเล่นสนุกแล้วหัวเราะ
"เดี๋ยวกูถีบเลย เออ แค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวกูจะไปงานแล้ว"
"ไรวะ มาแป๊บเดียวก็จะไปแล้ว ไปงานอะไรวะ"
"บรรยายเรื่องเงินสี่ด้านของโรเบิร์ต คิโยซากิไง แล้วก็เรื่องธุรกิจอสังหาด้วย เขาเชิญกูไปพูดให้คำแนะนำเรื่องการลงทุน"
"เออ เดี๋ยวนี้มึงเก่งขึ้นเยอะเลยนะเนตั้น ตั้งแต่มึงหายไปสามเดือนเนี่ย มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเว้ย รวยขึ้น เก่งขึ้น มึงรู้ไหมเดี๋ยวนี้บรรดาแม่ๆ ที่สถานสงเคราะห์น่ะเขาชมมึงใหญ่เลยนะเว้ย เมื่อก่อนด่ามึงไม่เว้นแต่ละวัน เดี๋ยวนี้เอามึงไปเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ ด้วย แปลกดี คิดแล้วกูก็อยากจะหายไปสักสามเดือนมั่ง"
เนตั้นส่ายหัวไปมาแล้วขำเพื่อน "อย่าเลย เดี๋ยวเกิดหายไปแล้วไม่ได้กลับมาจะแย่นะเว้ย กูไปละ เดี๋ยวไม่ทัน วันหลังจะแวะมาเยี่ยมใหม่"
"เออๆ ตามสบาย โชคดีนะเพื่อน" โอ๊ตกล่าวลาแล้วเดินมาส่งเนตั้นที่ประตู
ตอนนี้เนตั้นกลายเหมือนจะกลายเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจอสังหาไปแล้วก็ว่าได้ ใกล้จะเป็นโรเบิร์ต คิโยซากิคนทึ่สองเต็มที แต่เนตั้นไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองได้ความเก่งด้านธุรกิจมาจากไหน แต่กระนั้นมันก็ส่งผลดีกับชีวิตของเนตั้นมากทีเดียว
ชีวิตของเนตั้นควรจะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็นเพราะเงินก็มีแล้ว เรียนหนังสือก็เก่งขึ้น แถมยังเริ่มมีหน้าตาในสังคม แต่ทำไมในหัวใจของเนตั้นถึงยังเรียกร้องหาใครสักคนตลอดเวลาอีกหนอ พอมีคนผ่านเข้ามากลับกลายเป็นเหมือนจิ๊กซอตัวที่ไม่ใช่ ไม่มีใครสามารถแทนที่คนปริศนาที่อยู่ในใจของเนตั้นได้เลย
พอเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือจึงพบว่าเกือบเที่ยงคืนแล้ว อัฒจรรย์สนามกีฬายังคงเงียบเหงาและว่างเปล่าอย่างเดิม ไม่มีแสงจ้านอกจากดวงจันทร์เต็มดวงเพียงดวงเดียวที่โดดเด่นกว่าดาวดวงอื่นในค่ำคืนนี้
เนตั้นตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มานั่งรอที่นี่ทุกเดือน รอทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารอใครหรือรออะไร แต่กระนั้นเนตั้นยังคิดว่าจะมานั่งรอที่นี่ต่อไป จนกว่าจะถึงวันนั้นที่เนตั้นได้เจอแสงจ้าจากฟากฟ้าอีกครั้ง แสงจ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนชีวิตของเนตั้นจากเด็กกำพร้าจนๆ คนหนึ่งให้กลายมาเป็น "คุณเนตั้น" ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังให้การยอมรับนับถือ
เนตั้นถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เงยหน้ามองดวงจันทร์อีกครั้งด้วยความหวังบางอย่าง พอเหลือบไปมองเห็นดวงดาวไกลโพ้นที่ส่องแสงให้เห็นเพียงจุดเล็กๆ ยิ่งรู้สึกได้ถึงความคิดถึง เนตั้นคิดถึงใครกันแน่ ทำไมความคิดถึงนั้นจึงทวีขึ้นมากเสียจนเนตั้นแทบจะทนไม่ไหวและอยากจะร้องไห้ แต่เอาเข้าจริงๆ กลับไม่มีน้ำตาสักหยด
เทคโนโลยีของดาวแม็กโซนาเดียนั้นลบได้เพียงความทรงจำระดับจิตสำนึกเท่านั้น แต่ไม่สามารถลบความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระดับจิตใต้สำนึกได้เลย ความรักที่เนตั้นมีให้เนบิวลาเขยิบลงไปอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกแล้ว เนตั้นจึงรู้สึกถึงความรักนั้นลึกๆ ในใจตลอดเวลา แต่กลับไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครกันทำให้เนตั้นรู้สึกรักได้มากถึงขนาดนั้น
คงจะมีเพียงแสงจ้าจากฟากฟ้าที่เนตั้นรอคอยเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้...TBC