ตอนที่ 2 คนในฝัน
เคยมีใครถามคุณถึงผู้ชายในสเป็คบ้างไหม?
สำหรับผม ผมคาดหวังถึงชายคนนั้นว่าจะเป็นคนที่ให้ความรักและความอบอุ่น ที่ผมไม่เคยได้รับมาทั้งชีวิต
เด็กกำพร้าอย่างผมย่อมหวังคนที่จะปกป้อง ดูแล และรักผมมากพอที่จะไม่คิดทำร้ายผม
ที่จริงตอนม.4ผมเจอคนนั้นแล้ว เขามีพร้อมทุกอย่างที่ผมต้องการ รูปร่าง หน้าตา ฐานะและครอบครัวที่มั่นคง รวมถึงบุคลิกภาพและนิสัยใจคอที่ชวนหลงใหล
แต่เขาไม่ได้รักผม
ผมหวังว่าจะเจอคนในแบบเขาคนนั้น และที่สำคัญเขาต้องรักผมด้วย
“นายอมร พจนวัฒน์ ประธานคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนเซนต์XXXXX”
ผมจ้องมองรูปภาพของผู้ชายในอุดมคติของผม
“กูเห็นมึงจ้องรูปพี่หมีมาสามนาทีแล้วนะ” เชียร์ถามผม ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงออกจากความคิด
“ก็จะได้จำพี่เขาได้ เวลาเจอหน้ากันคราวหน้าจะได้ทักไง” ผมแก้ตัวพร้อมเดินออกจากบอร์ดคณะกรรมการนักเรียนหน้าห้องปกครอง
“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย มึงคิดอะไรอยู่” เชียร์ยังไม่เลิกเซ้าซี้
ผมจับแก้มตัวเอง ไม่นึกว่าแค่รูปยังเขินขนาดนี้เลย
“นายธนากร มานี้หน่อย” อาจารย์ฝ่ายปกครองเรียก
“ได้เวลารับใช้บรรดาคณาจารย์แล้ว นักเรียนคนเก่ง” เชียร์แซวพร้อมเดินหนีไปอีกทาง ผมนึกโมโห แทนที่มันจะอยู่ช่วย
ผมเดินเข้าไปในห้อง พร้อมตรงไปที่โต๊ะของอาจารย์ ว่าแล้ว ต้องโดนใช้ยกของอีกตามเคย
ผมหอบหนังสือเล่มใหญ่ เดินไปที่อีกฝากของตึกที่ผมเรียนอยู่ อาจารย์ให้ผมเอาหนังสือไปที่ห้องม.6 ที่อาจารย์กำลังจะไปสอนในคาบต่อไป
เมื่อถึงห้องของพี่ม.6 ผมเดินเอาหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะ พร้อมรีบเดินออกจากห้องเพราะรู้สึกว่าทุกคนในห้องนั้นจ้องมองมาที่ผม
“โอ๊ะ” คงรีบเกินไปเลยชนคนที่กำลังเข้ามาในห้อง แต่แว่นผมมันหายไปไหนอ่ะ
“ระวังแว่นหักนะ” คนที่ผมเดินไปชนยื่นแว่นให้
“ขอบคุณครับ” ผมรับแว่นพร้อมใส่มัน
แล้วผมก็เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าผม
ชายหนุ่มที่ผมจ้องมองรูปเขาเกือบสามนาที และทำให้ผมรู้สึกเขินอายแค่เพียงมองรูปเขา
“มาทำอะไรครับ เข้าผิดห้องเหรอ” พี่หมีถามอย่างสุภาพ
“เออ คือ อาจารย์ใช้ผมให้เอาหนังสือมาไว้ที่ห้องนี้”
“นึกว่ามาหาใครซะอีก” พี่หมียิ้มให้ผม
“แล้วพี่คิดว่าผมจะมาหาใครเหรอ” ผมย้อนถาม
“ไม่รู้สิพี่ก็เดาไปอย่างนั้นแหละ”
“เฮ้ยไอ้หมี มึงจีบใครอยู่หน้าห้องเหรอว่ะ” เพื่อนในห้องแซว ผมลืมไปว่าตอนนี้ผมคุยกับพี่หมีอยู่หน้าห้อง ที่มีสายตานับสิบกำลังจ้องมองเราสองคนสนทนากันอยู่
“ไม่รีบกลับห้องเหรอ จะหมดเวลาพักแล้วนะ” พี่หมีตัดบทสนทนาเมื่อเห็นว่าคุยในเวลานี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่
“เออ ครับ ยินดีที่ได้เจอพี่อีกครั้งนะครับ” ผมไม่วายพูดความรู้สึกในใจออกมา
พี่หมียักคิ้วให้ผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
ผมเดินมาจากห้องนั้นพร้อมรอยยิ้ม นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่จะมีแค่ในฝันมีตัวตนจริงๆ
ผมเดินลัดไปทางหลังของตึก เพราะเป็นทางลัดที่ไปตึกที่ผมเรียน แต่ไม่ค่อยมีใครใช้ทางนี้ เพราะหญ้าค่อนข้างรกและพื้นก็มีแต่หินที่เป็นทางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วผมต้องรีบไปเข้าเรียนให้ทัน เลยไม่สนใจทางลัดที่แสนทรมานขนาดนี้
ผมรู้สึกว่าเหมือนมีควันลอยขึ้นมาใกล้ๆกับทางที่ผมเดิน ผมมองที่ควันนั้นพร้อมเดินเข้าไปหาว่ามันคืออะไร
“ใครสูบบุหรี่ว่ะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง
เจอเจ้าตัวแล้ว ทำไมหน้าคุ้นๆว่ะ
“โจ นายสูบบุหรี่เหรอ” ผมเอ่ยชื่อเจ้าตัว ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ที่มีคนเห็นเขา
“อืมม แล้วมึงเห็นกูทำอะไรเล่า” แนะมันย้อน
“สูบไหม” มันยื่นมาให้ผม
“โทดที เราไม่อยากตายเร็ว” ผมพูดประชด
“ลืมไป ดันไปชวนเทวดาประจำโรงเรียน” มันก็ใช่ย่อย
“นายไม่กลับห้องไปเรียนด้วยกันเหรอ” ผมทำหน้าที่เพื่อนที่ดี แม้รู้คำตอบว่าคนตรงหน้าจะตอบว่าอะไร
“กลับไปทำไม ไม่ได้คิดจะมาเรียนสักหน่อย ไม่ได้เข้าเรียนมาตั้งแต่เช้าอยู่แล้ว” ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
“นี้นายไม่ได้เข้าเรียนมาตั้งแต่เช้าเหรอ”
“เอ้า อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ ไม่รู้เหรอ” มันทำน่าตกใจ สักพักมันก็ถอนหายใจ “ใช่สิ เด็กเรียนแถวหน้าอย่างมึงคงไม่คิดจะสนใจเด็กซ้ำชั้นหลังห้องอย่างกูหรอก”
มันพูดเหมือนให้ผมรู้สึกผิด
กรี้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...........................................................
“โธ่เว้ย! ไปไม่ทันจนได้” ผมบ่นกับตัวเอง
“ไปช้าหน่อยจะเป็นไร อาจารย์ไม่ทำโทดศิษย์รักอย่างนายหรอก” ไม่รู้มันพูดประชดหรือพูดจริง
ที่จริงผมก็ไม่ได้กลัวหรอก เพราะผมอ้างได้ว่าไปชวนอาจารย์ฝ่ายปกครองมา แค่อยากไปให้มันทันแค่นั้น
“แล้วนายแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน” ผมถามโจอีกครั้ง
“ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดจะมาเรียน” มันย้ำอีกครั้ง
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าถ้าศิษย์รักอย่างเราไปบอกอาจารย์ว่านายโดดเรียนไปสูบบุหรี่ แล้วมันจะเป็นยังไง”
โจทำหน้าไม่พอใจ แต่มันก็ทิ้งบุหรี่ พร้อมเดินตามผมมา
พอเห็นมันเดินตามมา ผมหยิบหมากฝรั่งให้มัน
“เคี้ยวซะ จะได้ลบกลิ่นบุหรี่ของนาย”
มันทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็รับหมากฝรั่งของผม
พอถึงห้องผมก็เดินกลับไปที่นั่ง โดยอาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร สงสัยเชียร์มันบอกให้แล้วมั้ง
“เอ๊ะ วิรุฬกาน บอกว่าอาจารย์เค้าใช้ธนาการไปคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วนายอัศวเทพไปไหนมาเหรอ” อาจารย์ถามนายโจก่อนที่มันจะไปนั่งที่
“พอดีผมแบกของคนเดียวไม่ไหว เลยให้อัศวเทพไปช่วยครับ” ผมแก้ตัวให้โจ ไม่รู้ไปแก้ตัวให้มันทำไม
อาจารย์เชื่อผมเลยปล่อยให้มันไปนั่งที่
“พอดีเมื่อกี้อาจารย์ให้คนในห้องจับบัดดี้กันนะ” ที่อาจารย์พูดถึง คือการจับคู่กันในการเรียน ให้คนเก่งช่วยคนที่เรียนไม่เก่ง เหมือนให้คอยช่วยเหลือกัน
“เพื่อนๆในห้องจับกันไปแล้ว เหลือเธอสองคน อาจารย์เลยให้เธอคู่กันนะ”
“ห๊า...ว่าไงนะ” ผมกับโจอุทานขึ้นมาพร้อมกัน คนทั้งห้องหันมามองผมกับโจที่ตกใจกับการจับคู่ครั้งนี้
“ถึงทั้งสองคนไม่พอใจ แต่อาจารย์คิดว่าเหมาะสมดีแล้ว” อาจารย์รวบรัดกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ
และแล้วอาจารย์ก็ให้คนที่เป็นบัดดี้มานั่งคู่กัน
ผมต้องมานั่งกับนายโจจนได้
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้” โจแซวเหมือนเห็นผมทำหน้าบูด
“อย่ารบกวนสมาธิในการเรียนของเรา” ผมหันไปดุมัน
“คิดว่าอยากพูดกับมึงนักเหรอไง” มันทำเสียงเข้ม
“งั้นก็เงียบๆไปเลย ต่างคนต่างอยู่ โอเคมั้ย” ผมตัดบท
“มึงก็จำไว้ว่ากูไม่คิดจะขอร้องอะไรมึง เมื่อกี้ที่มึงพูดแก้ตัวให้กู กูไม่คิดว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ เพราะกูไม่ได้ขอร้อง ถือว่ามึงเสือกเอง”
ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ได้ฟังคำพูดของมัน
ผมจะจำไว้เลยว่า มัน คือผู้ชายที่ผมเกลียดที่สุดในโลก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------