คำเตือน : อ่านช้า ๆ อย่างตั้งใจ ไม่ต้องรีบ...นะจ๊ะ
ทะลึ่ง : กามที่ 5
ผมกำลังขับเลกซัสสีดำเงาวับไปตามท้องถนนอย่างไม่รีบร้อนนัก ถามว่าได้มาอย่างไร ขโมยใครมา หรือมีตุ๊กตาหน้ารถหรือไม่ เอาเป็นว่าผมได้มาพร้อมกุญแจห้องที่ตรัสยื่นให้ มันไม่บอกไม่กล่าวอะไร แค่ส่งให้พร้อมสีหน้าที่ผมอ่านไม่ออก อีกสามคนก็พาลปิดปากเงียบนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาจนผมอยากจะ...ระเบิดหัวเราะดัง ๆ
‘เคทเป็นเลสฯ นะคะ คืนนี้ไปด้วยกันนะ’
จะให้กลั้นขำยังไงไหว ไม่ใช่เพราะตลกอะไรแต่อยากหัวเราะเยาะตัวเองมากกว่า มั่นหน้ามาทั้งชีวิตว่ารูปหล่อสมชายชาตรีหลีหญิงมานักต่อนัก แต่กลับมาตกม้าตายเพราะกลายเป็นทอม โชคดีที่ผมเก็บอาการไว้ทันก็เลยแอ๊บทอมรับคำคุณเธอไป ก่อนจะนัดแนะเวลาเจอกันหน้าร้านเสร็จสรรพ เดินกลับมาที่โต๊ะก็นึกขึ้นได้ว่าอยากแกล้งคน เดิมทีจะเนียนติดรถไปกับสาว แต่ไหน ๆ ได้ทีเอาคืนไอ้หล่อ ขอแบบสะใจไปเลยแล้วกัน
ระหว่างทางที่ออกมาจากคลับ ผมแสร้งทำเป็นขอแวะร้านสะดวกซื้อที่กำลังจะถึง เคทคนสวยก็ถามทันทีว่าจะซื้ออะไร จอดรถได้ผมก็หันเข้าหาแล้วยิ้มกริ่มก่อนจะตอบช้า ๆ เน้น ๆ ให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน ‘ถุงยางอนามัย’ เท่านั้นแหละ คิ้วเรียวก็ขมวดผูกเป็นปม ก่อนคุณเธอจะขยับปากเหมือนอยากจะถามอะไรแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เพ่งมองหน้า มองแขน มองขา ก่อนย้อนกลับมามองบางอย่างที่อยู่ใต้เข็มขัดของผม เห็นนิ้วเรียวเล็กเป็นลำเทียนอย่างนั้นก็เถอะ ตบเจ็บไม่ใช่เล่นเลย แต่ก็ถือว่าได้คุ้มเสีย คืนนี้ผมได้เป็นเจ้าของรถหรู ได้ครอบครองคอนโดราคาหลายสิบล้านแต่เพียงผู้เดียว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรตามเจ้าของห้องกลับมาแล้วอธิบายทุกอย่างให้มันฟังก็แล้วกัน
ผมเยื้องย่างอย่างใจเย็นขั้นสุดเข้าไปในห้องของตรัส ถือวิสาสะยึดครองเปิดไฟเปิดแอร์ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วนึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่สะใจกับแอลกอฮอล์ที่เพิ่งเริ่มซึมซับเข้าสู่กระแสเลือด จากแผนที่จะฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนฝูง กลายเป็นมานั่งหงอยคนเดียวในห้องคุณชาย ถึงจะหรูหราแค่ไหนก็เซ็งได้เหมือนกัน เดินเข้าไปในครัวรื้อค้นจนถึงตู้ที่อยู่ด้านในสุดแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ไอ้คุณตรัสเขามีสมญาว่าพ่อพระไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ แต่ไม่นานมานี้ก็เพิ่งรู้ว่าแอบสูบเวลาเครียด แล้วมีหรือที่เหล้ามันจะไม่แอบดื่มเวลาอยาก และที่เห็นนี่ก็มีทั้งชีวาสรีกัล จอห์นนี่วอล์กเกอร์ ทั้งเรด แบล็ค โกลด์ บลู ไอ้ตรัส...ไอ้เสือซุ่ม
ได้เสียงเพลงจากเครื่องเสียงราคาระยับที่รู้สึกว่าจะมีไว้ประดับห้องเฉย ๆ เปิดคลอเบา ๆ ขณะซัดโฮกออนเดอะร็อค ที่จริงก็ไม่ประสงค์จะมานั่งก๊งโชว์ความดิบให้ตัวเองดูแต่เผอิญว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรที่พอจะใช้เป็นมิกเซอร์ได้ คว้ามาแต่น้ำแข็งก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ดื่มเพลิน ๆ ฟังเพลงเพลิน ๆ ก็ชักง่วง หันมองก็เห็นชีวาสรีกัลพร่องไปกว่าครึ่งขวดเลยรีบทำลายหลักฐานโดยการยัดเข้ากล่องแล้วเอาไปเก็บไว้ที่เดิม ก่อนเดินตุปัดตุเป๋ไปหยิบผ้าขนหนู ก็คุณชายเขาสอนไว้ไปไหนมาไหนต้องกลับมาอาบน้ำ แม้จะดูเหมือนไม่เจียมสังขารก็ตาม
เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำได้ก็แทบผงะหงายหลัง ตั้งสติว่าไม่ได้ตาฝาดหรืออาจมองผิดว่าคนที่สวมเชิ้ตขาวปลดกระดุมนั่งฟรีสไตล์อยู่ปลายเตียงคนนี้คือตรัส รัตนภูมิเศรษฐ ซึ่งเผอิญว่ามันใช่ ยืนยันได้จากน้ำเสียงที่...เซ็กซ์ซะ
“ไหนผู้หญิง” มันทักคำแรกทำเอาฮาไม่ออก ก็กะจะหลอกขำ ๆ แต่ดูจากสีหน้าแล้วมันคงไม่ตลกด้วย ผมยิ้มเผล่แล้วเดินไปใกล้ ๆ ไอ้โคมไฟหัวเตียงก็ไม่รู้จะริบหรี่ไปไหน ทำบรรยากาศวังเวงโดยใช่เหตุ
“อยู่ใต้เตียง” ผมกวนตีนโดยที่มันยังจ้องหน้า ไม่มีทีท่าว่าจะก้มลงไปมองตามคำบอกเล่า แน่ล่ะ ก็ไอ้หล่อมันไม่ได้ปัญญาอ่อน
“อยู่ไหน”
“ไม่รู้ หนีกลับไปแล้วมั้ง” ตอบไปพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอกเปลือย ๆ ของตัวเองไว้ ขอเซฟหน่อย เผื่อมันลุกพรวดพราดขึ้นมาชกต่อย ปอดจะได้ไม่ช้ำตาย
“เท็ต”
“มึงนี่เซ้าซี้ว่ะ เออ กูไม่ได้พาเขามาหรอก พอใจยัง”
“ยัง”
“แล้วมึงจะเอาอะไรอีก กูขอแต่งตัวก่อนได้ไหมแอร์ห้องมึงเย็นจะตาย หวัดแดกกันพอดี” พอยืนอยู่ใกล้แบบนี้ก็เลยได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยมากระทบจมูก ปกติที่ดื่มสังสรรค์กันตรัสจะจัดแค่พอเป็นกระษัย ไม่ตั้งหน้าตั้งตากระดกอย่างใครเขา แต่ดูคราวนี้เหตุการณ์จะไม่ปกติเท่าไหร่ ท่านถึงได้คลุ้งกลิ่นน้ำเมาตลบอบอวล
“มึงเมาเหรอ ไปอาบน้ำตั้งสติหน่อยไหม” ที่พูดไปแบบนั้นเพราะมันส่งมือมาจับแขนผมไว้ไม่ให้ไปแต่งตัวอย่างที่ตั้งใจ พูดไปแล้วมันก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังกำมือแน่นขึ้นอีก มึงควรปล่อยก่อนนะตรัส ผ้าขนหนูผืนหนาของกูดูจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะตอนนี้
“ทำอะไรกันหรือเปล่า” โอ้ สวรรค์ ทำไมท่านสรรสร้างมนุษย์อย่างลำเอียงได้ถึงเพียงนี้ น้ำเสียงสั่นเครือของไอ้เทพบุตรทำเอาเข่าผมแทบทรุดแล้วนั่งศิโรราบ
“ทำ” ดูเหมือนคำตอบสั้น ๆ แบบยียวนจะยิ่งกวนน้ำให้ขุ่น ทำไงได้ ก็นิสัยผมมันเป็นแบบนี้ และไม่อยากจะบอกเลยว่าเวลาทำให้คนที่เก็บอารมณ์เก่งที่หนึ่งอย่างไอ้ตรัสเป็นเดือดเป็นร้อนได้ ผมโคตรสะใจเลยเถอะ
“กูโดนเขาตบ อะเนี่ยมึงดู ไม่รู้เป็นรอยไหมแต่เจ็บฉิบ” ผมยื่นแก้มแล้วชี้จุดเกิดเหตุ เห็นมันลุกขึ้นยืนก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้เพราะนึกว่าแสงมันน้อยคงมองไม่ถนัด แต่ที่ไหนได้...
คุณชายเขาส่งมืออุ่นมาสอดรับท้ายทอยอย่างช้า ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาก่อนแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ผิวแก้มคล้ายปลอบประโลม ด้วยความที่ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอย่างปากว่า ผิวสัมผัสมันจึงกลับตาลปัตรกลายเป็นแรงกระตุกเบา ๆ ในอกข้างซ้าย คล้ายคนละเมอถึงยอมปล่อยให้ปลายจมูกแปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากอุ่นที่ค่อย ๆ ไล้แผ่วเบามาจนถึงมุมปาก ชะงักไปนิดเหมือนจะขออนุญาตแต่ผมไม่โต้ตอบอะไร รู้สึกได้แค่ว่าผิวแก้มร้อนจนแทบไหม้เมื่อใบหน้าคมคายโน้มมาจูบย้ำที่ปลายจมูกก่อนริมฝีปากจะถูกครอบครอง
สมองเลอะเลือนไปชั่วขณะหนึ่งจึงรับรู้ถึงรสขมเฝื่อนของบรั่นดีผสมกลิ่นกรุ่นวนิลาที่มาจากเส้นผม ปลายนิ้วที่ท้ายทอยคลึงเบา ๆ คล้ายสั่งให้เผยอริมฝีปาก ในวินาทีที่ไม่มีอำนาจต่อรองก็ทำได้เพียงคล้อยตาม รั้งไหล่เอาไว้เพื่อไม่ให้เข่าที่อ่อนแรงทรุดนั่งลงกับพื้น แอลกอฮอล์ที่ตีรวนอยู่ในท้องก็เริ่มทำพิษ ทั้งมึนและเบลอจนเผลอสัมผัสตอบปลายลิ้นอุ่น แม้จะประหม่าจนมือไม้สั่น ใจก็เต้นระส่ำจนแทบกระดอนออกมานอกอก
เนิ่นนานจนต้องบีบไหล่อีกฝ่ายประท้วง ซึ่งมันได้ผล ผละใบหน้าออกจากกันเพียงนิด เทคลมหายใจกันตายไปได้ไม่กี่เฮือกก็เหมือนจะถูกลิดรอนสิทธิ์อีกหน แต่ผมกดจูบแรง ๆ กลับไปจนตรัสชะงัก
“พอแล้ว ขนตามึงทิ่มหน้ากู จั๊กจี้” ได้ยินมันหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะยอมถอยทัพแต่โดยดี ผมได้แต่ยืนเกาหัวแก้เก้อ
“โทษที แค่จะขอดูรอยที่แก้ม” เหี้ยอะไรนะ ไอ้หล่อมันพูดอะไรนะเมื่อกี้ นี่เรียกว่าขอดูรอย ถ้ามึงขอจูบกูคงโดนข่มขืนไปแล้วใช่ไหม เห็นมันอมยิ้มหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ดูอารมณ์ดีขึ้นจม
ผมคว้าเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนมาจากตู้ของไอ้หล่อ เม้มปากไปสวมเสื้อผ้าไปโดยที่ใจยังสั่นไม่หาย ก็ไม่ได้อยากหาเหตุผลอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเองก็กรึ่ม ๆ ตรัสมันก็เมา จะทำอะไรโดยขาดสติยั้งคิดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ผู้ชายเหมือนกันก็ไม่รู้จะดัดจริตถือตัวทำไม คิดได้อย่างนั้นก็ผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคอแห้งเลยเดินไปในครัว กลับออกมาอีกทีก็เห็นตรัสมันยืนเช็ดผมอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้ว
“เท็ต”
“ไม่ต้องถามหรอก กูไม่หิว” แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ คงไม่พ้นถามว่าหิวไหมอีกตามเคย
“ไม่ใช่ จะถามว่าไม่หนาวหรือไง เปลี่ยนเสื้อไหม” อย่าพูดกลั้วหัวเราะอย่างนั้นครับสหาย กูไม่สำลักอากาศตายก็ให้รู้ไปสิ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ให้ตัวเย็นไว้เป็นดีที่สุด
ผมคลานขึ้นเตียงไปนั่งกดโทรศัพท์เล่น ทำเป็นมองไม่เห็นแผ่นหลังขาวจัดที่มีกล้ามเนื้อเต็มอัตรา ปัดเมินแรงดันในอกจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนแล้วเอาผ้าคลุมโปงหลีกหนีภาพตรงหน้า แต่มันล่อสายตาเกินกว่าจะหันหนีได้ มาสะดุ้งสุดตัวอีกทีก็ตอนที่คุณท่านเขาหันกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เลยประสานสายตากันจะ ๆ แบบหาข้ออ้างไม่ได้
“มึงหุ่นดีว่ะ กูอิจฉา” โอ๊ย เชี่ยเท็ต เดี๋ยวกูตบปากฉีก มึงจะพูดตามที่คิดทำไม เงียบไว้มันก็ไม่หาว่าเป็นใบ้หรอก
“อิจฉาทำไม” คำถามแบบนี้มันมีคำตอบให้เลือกไหมวะ ควรตอบว่าอะไร หรือเป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ นั่งคิดไม่ตกไม่รู้จะพูดอะไรต่อจนไอ้เจ้าของเตียงมันทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ นั่นแหละถึงได้หันไปมอง
“ไม่นอนหรือ”
“ยังไม่ง่วง” แหลเนียน ๆ ก้มหน้าก้มตาจิ้มเกมในโทรศัพท์ต่อ กะว่าจะรอพักใหญ่ ๆ แล้วค่อยนอนเพื่อความปลอดภัยในการถูกล่วงละเมิด
“นอนเถอะ” มันพูดเสียงอ่อนคล้ายจะอ้อน อย่านะหล่อ มือที่แตะมาโดนต้นขาอย่าไต่ไปตรงอื่นเชียวนะ ผมขยับตัวหลบมือปลาหมึกแต่ยังไงก็ไม่พ้น ปัดทิ้งมันก็ยกขึ้นมาวางใหม่ โดนตรัสมันรวนใส่แล้วไหมล่ะ
“นอนก็นอน” พอผมว่าอย่างนั้นมันก็ชักมือกลับไปแต่โดยดี
แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้นอนอย่างสงบสุข ตรัสที่นอนหันหลังให้มันก็หายใจปกติ แต่เป็นผมเองที่หูดีผิดมนุษย์มนา นอนนับเสียงหายใจเข้าออกของมันมาพักใหญ่แล้ว อีกทั้งยังต้องขดขาคู้ตัวอยู่กับความรู้สึกเจ็บแปลบตรงท้องน้อย เข้าใจดีว่ามันคืออะไร พยายามข่มตาให้หลับ ทำสมาธิ เลิกคิดฟุ้งซ่าน แต่การปฏิบัติมันยากกว่าทฤษฎีเป็นไหน ๆ ผมลังเลที่จะเอื้อมมือไปแตะที่หัวไหล่ไอ้คนที่หลับเป็นตายตรงหน้า กระซิบเรียกชื่อเบา ๆ บังคับเสียงไม่ให้สั่นจนผิดสังเกต แต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ มิหนำซ้ำลมหายใจยังผะแผ่วเป็นจังหวะเดิมไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
“ตรัส” เรียกย้ำไปอีกหน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมผุดลุกขึ้นนั่งกอดเข่า ซบหน้าลงแล้วกัดฟันแน่น ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกกระตุ้นจากแรงเสียดสีมากขึ้นเท่านั้น
“บ้าฉิบ” ผมสบถ รู้สึกได้ว่าตรัสขยับตัวพลิกเข้าหาแต่เปลือกตายังปิดสนิท ผมตัดสินใจตอนนี้เดี๋ยวนี้ว่าจะไปอาบน้ำอีกรอบ เผื่อไอ้อารมณ์บ้าบอนี่จะทุเลาลงบ้าง หรือถ้าอับจนหนทางจริง ๆ ก็คงต้องใช้วิธีนั้น
แต่ยังไม่ทันที่จะพยุงตัวลุกขึ้นยืน เพียงแค่หยอนขาข้างหนึ่งลงข้างเตียงก็รู้สึกถึงแรงดึงจากด้านหลังจนเสียหลักลงไปนอนอีกหน พร้อมกับถูกกักตัวไว้ในกรงแขนแข็งแรง กายสัมผัสที่แนบชิดกันทำให้ผมรู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่ามันร้อนจัด ขัดกับความเป็นจริงที่ว่าแอร์ในห้องเย็นเฉียบแค่ไหน
“จะไปไหน” เสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบชิดริมฝีปาก ใกล้ขนาดนี้เมื่อสังเกตดี ๆ จะรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แววตาของคนที่เพิ่งตื่นนอน ผมโดนแกล้งอย่างไม่น่าให้อภัยซะแล้วสิ
“ไม่ได้หลับอยู่ใช่ไหม”
“เปล่า” นั่นปะไร ผมปิดเปลือกตาไว้อาลัยตัวเอง กัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจก่อนชันขาขึ้นเพื่อปกปิดบางอย่างไว้ให้พ้นสายตา แต่ดูท่าว่าจะสายเกินไป มุมปากที่หยักยิ้มทำเอาใจผมกระตูกวูบ
“ยังไม่ตอบเลยว่าจะไปไหน”
“เข้าห้องน้ำ”
“เข้าไปทำอะไร” ผมมองริมฝีปากที่กระซิบถามอย่างไม่มีสติที่จะรับฟัง สามารถยับยั้งความรู้สึกไว้ได้ดีที่สุดแค่ตรงนี้ สิ้นคำถามที่ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งถาม ผมกดริมฝีปากเบา ๆ ที่ปลายคาง และขอเอาคืนข้อหาที่แกล้งหลับด้วยการฝังเขี้ยวเบา ๆ จนคุณชายครางเสียงต่ำในลำคอ
ปลายลิ้นชื้นที่ไล้แผ่วบนริมฝีปากแห้งผากของผมกลับกลายเป็นการยั่วยวนโดยไม่เจตนา ตรัสผ่อนลมหายใจขาดช่วงก่อนจะส่งปลายนิ้วร้อนสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อ ไล้ช้า ๆ ไปตามขอบกางเกงจนผมขดเกร็งตัวงอ แอบนิ่วหน้าอย่างขัดใจเพราะเจ้าของมือดูจะพึงใจกับการกระทำของตัวเองซะเหลือหลาย แถมยังยักคิ้วท้าทายจนผมต้องกัดฟันกรอด
แล้วผมก็เป็นต่อเมื่อคนแข็งแรงกว่าตกอยู่ใต้อาณัติ ตัดสินใจผลักไอ้คนที่ถือวิสาสะใช้วงแขนกักตัวผมไว้ให้พลิกมานอนหงาย ซึ่งมันดูง่ายดายเกินจริงไปสักหน่อยหากคำนวณจากรูปร่างแต่ผมไม่อยากใส่ใจ นั่งค่อมช่วงเอวมันไว้ป้องกันเชลยขัดขืน เห็นไอ้หล่อยกสองมือขึ้นยอมแพ้ ผมก็เอียงคอล้อเลียน ยกยิ้มอย่างภูมิใจในผลงาน ก่อนจะรู้สึกถึงความร้อนของอีกฝ่ายที่เสียดสีกับต้นขา ซึ่งดูท่าว่ามันจะรู้ตัวและกลัวว่าผมจะแกล้งก่อนถึงได้ส่งปลายนิ้วมาเฉียดสัมผัสสิ่งที่ร้อนจัดกลางลำตัวจนต้องนิ่วหน้า
“...อย่า” หาลิ้นตัวเองไม่เจอไปพักใหญ่กว่าจะพูดออกมาได้เป็นถ้อยคำ ยิ่งผมเขว ไอ้หล่อก็ยิ่งสนุก พอสนุกก็ยิ่งแกล้ง ผมเอาคืนด้วยการเม้มปากแน่น งดใช้เสียงชั่วคราว
“อย่าอะไร” ดูเอาเถอะ น้ำเสียงกระเส่าฟังไม่ได้ศัพท์ก็ยังมีหน้ามายอกย้อน ผมจงใจบดเบียดต้นขากับสิ่งเร้าที่ดึงดันอยู่ในกางเกงผ้านิ่ม ค่อย ๆ ขยับแรงขึ้นจนถึงกับสั่นสะท้าน คุณชายเขาไม่ทนให้ผมแกล้งไปมากกว่านั้น ฉุดแขนไปปล้นจูบกันดื้อ ๆ ปล้น...แบบหมดเนื้อหมดตัวเลยด้วย
นี่ไม่ใช่แค่จูบที่ร้อนแรงและเร่งรัด แต่มันยังละลายสติสัมปชัญญะของผมจนเลอะเลือนไปหมดสิ้น จนกระทั่งฝ่ามืออุ่นล่วงล้ำเค้นคลึงอยู่ตรงสะโพก ผมถึงมีแรงมาประท้วงด้วยการทุบไปที่ไหล่เบา ๆ ไอ้หล่อกระตุกยิ้มโดยที่ปลายลิ้นยังละเลียดคลอเคลียกับริมฝีปากล่าง
ไม่ใช่ ที่ผมต้องการไม่ใช่แบบนี้ ผมอยู่บน ผมต้องคุมเกม แต่ไหงถึงได้คล้อยตามมันไปทุกอย่าง
“ยอมเป็นของกูดิตรัส”
“อะไรนะ” พอผมกระซิบที่ข้างหู มันก็หยุดทุกการกระทำ พร้อมทั้งชักน้ำเสียงอย่างกับข้องใจอะไรนักหนา มันน่าตกใจตรงไหน สถานการณ์ก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว มันต้องยอมเป็นของผมสิ
“พูดอีกที” อย่ามาโง่ตอนนี้ได้ไหม กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ถือโอกาสตอนสับสนชีวิตถอดเสื้อยืดของมันออกก่อนจะไปวุ่นวายกับปมเชือกที่ขอบกางเกง มันรีบคว้ามือผมไว้ทั้งที่ยังไม่ได้ปลดออกไปไหน
“ใครเป็นของใคร”
“มึง...เป็น...ของ...กู” ผมเน้นหนักชัดถ้อยชัดคำ ประสานสายตากันได้ไม่นานผมก็ถูกจับกดลงกับเตียงนุ่ม สับสนกับการเปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันแต่ยังไม่ทันได้ร้องอุทธรณ์ใด ๆ ริมฝีปากของผมก็ไม่ว่างพอจะส่งเสียงซะแล้ว
“พูดใหม่ ใครยอมใคร” หอบหนักอย่างคนขาดอากาศมานานหลายนาที ส่ายหน้าประหนึ่งว่าพูดไม่ออก ปากอุ่นที่เพิ่งละจากกันตอนนี้ย้ายไปละเลียดอยู่หลังใบหู ลามมาจนถึงแอ่งชีพจร พรมจูบย้ำตรงลาดไหล่ ก่อนจะใช้ปลายจมูกปัดผ่านยอดอก ผมสะดุ้งเบา ๆ เผลอไผลจนเสื้อที่ใส่หลุดพ้นตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองดูเหมือนว่ากางเกงขายาวก็จะหลุดพ้นข้อเท้าไปแล้วเหมือนกัน
จะด้วยอารมณ์ที่โหมกระพือหรือความเชี่ยวชาญโชกโชนของไอ้คนที่ดูเจนจัดอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ทำผมแทบคลั่งตายได้ทั้งนั้น นอกจากเสน่ห์มหาศาลที่อยู่บนหน้าของมันแล้ว ทั้งริมฝีปาก ฝ่ามือ และปลายลิ้น ก็ทำให้ผมสละทิ้งความเป็นตัวเองได้จนหมดสิ้น
“ตรัส...” กว่าจะส่งเสียงได้อีกครั้งก็ล่วงเวลาไปนานพอดู เอื้อมมือไปสอดรับเส้นผมนุ่มก่อนจะได้ยินเสียงแหบพร่าตอบกลับมา
“ครับ” ผมไม่พูดอะไรต่อเพราะคนที่ขานรับมันไม่ได้หยุดแค่คำพูด ริมฝีปากอุ่นยังพรมจูบอยู่ตรงหน้าท้อง พร้อมทั้งคางสากยังลากต่ำลงเรื่อย ๆ ...ก่อนจะวกขึ้นมาใหม่ยังจุดเริ่มต้น
“ตรัส...” ผมลากเสียงประท้วง มันแกล้งผม ผมรู้ได้จากเสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่แว่วมา สัมปชัญญะที่เลื่อนลอยจากสิ่งเร้าทำเอาผมถึงกับครางหวิวจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งบิดเกร็งจนต้องจำยอมกับแผนร้ายที่ไอ้เทพบุตรสร้างขึ้นมา ก็ได้...ตรัส
“กู...ยอม” กระซิบแผ่วเบาแต่ชัดเจนนักในความมืด
นาฬิกาปลุกเช้านี้สำเนียงแปร่งหูนิดหน่อย มันเป็นเส้นเสียงคุ้นเคยที่ได้ยินมาทั้งคืนแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นภาษาต่างชาติที่ผมฟังไม่เข้าใจ มุ่นคิ้วพร้อมขยับตัวทั้งที่นอนคว่ำหน้าเข้าหาเนื้อกายอุ่นก่อนจะสำเหนียกได้ว่านั่นเป็นเสียงตอบรับโทรศัพท์ และตอนนี้ปลายสายก็วางไปเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น” ไม่ใช่แค่คำพูดแต่บรรจงจูบซับที่ขมับไล้มาจนถึงมุมปาก ผมยกมือขึ้นปรามผู้ร้ายก่อกวนการนอน ก่อนจะเกาที่ปลายคางเป็นนัยว่าไรหนวดมันทำให้ผมจั๊กจี้ คุณชายก็หัวเราะเสียงต่ำ
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม” ห้ามจูบแต่ไม่ได้ห้ามจับก็เลยรู้สึกได้ว่ามีมืออุ่นคลึงปลอบอยู่แถวต้นคอ ผมไม่เอ่ยปากแต่ตอบด้วยภาษากายเอี้ยวตัวชี้นิ้วไปที่บั้นเอว แต่ไอ้หล่อดันยียวนคลำไปที่ต่ำกว่านั้นใต้ผ้าห่ม ผมลืมตาอาฆาตโทษแล้วหยิกไปที่ซิกซ์แพคของมันเต็มแรงจนร้องโอย
“ซาดิสม์ก็ไม่บอก”
“ลามก”
“อะไรนะ” มันได้ยินเสียงพึมพำของผมแต่แกล้งถามย้ำพร้อมยื่นหูมาฟังใกล้ ๆ ผมได้ทีเลยฝังเขี้ยวให้พอรู้สึกเจ็บไปที่ใบหู แต่ไหงถึงกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ไม่รู้ มันหันหน้ามาพร้อมจูบลงโทษปล้นลมหายใจกันดื้อ ๆ
“ซาดิสม์จริง ๆ” มันยืนยันความเข้าใจของตัวเองชิดริมฝีปากแถมยังจูบซับแผ่ว ๆ อีกหลายหน ก่อนจะถอยกลับไปนอนพิงพนักเตียงเหมือนเดิม
ผมชั่งใจนอนจ้องหน้ามันอยู่พักใหญ่ กลัวจะเป็นการละลาบละล้วงคุณชายเกินไปแต่ผมไม่อาจเก็บความคับข้องใจเอาไว้ได้ ก็เลยเอื้อมมือไปแตะข้างแก้มคนที่นอนหลับตาพริ้มก่อนจะเอ่ยถามเบา ๆ
“เมื่อกี้ใครโทรมา”
“ญาติผู้ใหญ่” ได้ยินคำตอบแล้วเหนื่อยใจ มันชอบใช้คำกำกวมไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน ผมถึงชอบค่อนมันบ่อย ๆ ว่าเป็นพวกความลับเยอะ และดูท่าว่าครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากที่แล้ว ๆ มา หมั่นไส้หนักเข้าผมก็ขยับขึ้นไปนอนทับมันไว้ทั้งตัวแล้วจ้องหน้ากันตรง ๆ
“อ๋อเหรอ”
“ถามทำไม”
“ก็ไม่ทำไม แค่ลองถามดูเผื่อตาแก่ปากหนัก พ่อนักธุรกิจใหญ่จะเผยไต๋อะไรออกมาให้รู้บ้าง”
“อยากรู้จริงหรือแค่ลองใจ” ไม่ถามเปล่า มือไม้ใต้ผ้าห่มยังลูบผ่านช่วงเอวไปหยุดอยู่ตรงสะโพก ผมยื่นหน้าขึ้นไปกระซิบที่ข้างหูก่อนจะฝังเขี้ยวที่ต้นคอไปเต็มรัก
“แล้วแต่จะคิด”
“อ๋อเหรอ” ตรัสมันล้อเลียนเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วผมจะยอมได้ยังไง กัดเบา ๆ ที่ปลายคางอย่างหมั่นเขี้ยวไปอีกหน คนถูกกระทำก็ดูเหมือนจะชอบใจ ไม่มีบ่นสักแอะแถมยังนอนยิ้มกริ่มไม่สะทกสะท้าน
“เถียงไม่ได้แล้วนะว่าไม่ซาดิสม์” ตรัสส่งมืออีกข้างมาปัดไรผมให้ สายตาก็ชักจะฝ้าฟางเต็มทีถึงได้เห็นว่าริมฝีปากสีเข้มตรงหน้าล่อใจแค่ไหน ผมเม้มปากหลบสายตาที่มองมาอย่างรู้ทัน แต่ก็เห็นได้จากหางตาว่ามันลอบยิ้มพร้อมยักคิ้วยียวน
“จะทำอะไรก็ทำสิ” ดูมันพูด ผมว่าไอ้หล่ออาหรับคนนี้เข้าข่ายมาโซคิสม์ไม่มากก็น้อย อย่าคิดว่าคิ้วหนาขนตาเรียงเป็นแพจมูกโด่งคางสวยแล้วจะมอมเมาคนอื่นเขาได้ ผมก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาท้า เสนอมาไม่สนองตอบก็เสียเชิงชายกันพอดี มีปากให้จูบก็จูบ มีอกให้ลูบก็ลูบ แต่ลืมไปว่ามือมันก็มี ลิ้นมันก็มีเหมือนกัน
“ตรัส...ขี้โกงว่ะ” รู้ตัวอีกทีผมก็คล้อยตามปลายลิ้นร้อนแต่ให้ความรู้สึกดีชะมัดไปซะแล้ว จากเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตอนนี้ตกมาอยู่ใต้ร่างมันเรียบร้อย ผิวเนื้อที่ร้อนรุม ๆ เป็นเหตุเป็นผลกับแววตาเชื่อมที่มองสบมา
“...ได้ไหม”
“ถ้าตอบว่าไม่...จะหยุดหรือเปล่า” มุมปากที่หยักยิ้มไม่เห็นแก่จังหวะหัวใจที่เต้นเขวไปผมเลย
“ไม่มีทาง”▩▩▩