[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 318246 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อ่านทันแล้ว โหยยย เหนื่อยมาก เหนื่อยกับความซึนของคุณพนิตจริงๆ แต่ก็ฮาดีนะคะ จะติดตามต่อค่าาาาาา ^^

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
มาดันกระทู้รอตอน 21 อย่างใจจดจ่อ อ๊ายยยยยยยยย ลุ้น! :-[

ออฟไลน์ ชินจัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**พาพี่นิตที่รักมาส่งค่ะ :L2: (อูวว... กำลังจะพ้นมรสุมสายลับ เหลือแค่งานเก็บนิดๆ)

--------------------------------------------
 Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่21
            เคยเป็นไหมครับ บางที... เขียนอะไรไปเรื่อยๆ มันจะมีช่วงที่นึกไม่ออก ผมน่ะเป็นบ่อยเลยล่ะ ก็ผมเขียนนิยายนี่นา นักเขียนนิยายไม่ได้นึกเรื่องออกตลอดเวลาหรอก ไม่งั้นจะมีคนทวงต้นฉบับไว้ทำไมล่ะ

            แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ ไม่ใช่การถูกทวงต้นฉบับ ไม่ใช่ว่าผมคิดนิยายไม่ออก

ผมคิดทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ต่างหาก

            “โจ...” ผมเรียกชื่อผู้ชายรูปหล่อที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนของผม อืม.. ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำผิดสัญญาอะไรหรอก เขามาส่งผมที่บ้านตอนเย็นตามสัญญา แถมยังช่วยเก็บล้างกับข้าวบูดๆ บนโต๊ะ ที่พอเปิดประตูบ้านก็ได้กลิ่นทันทีจนสะอาด แล้วก็มายืนรดน้ำต้นไม้ให้ผมอีก เรียกว่าแย่งงานผมทำแทบหมดเลยทีเดียว

“มีอะไรหรือครับ?” เขาหันมาถามผม ผมปั้นหน้าเคร่ง แต่ในหัวยังนึกคำพูดดีๆ ไม่ออก

เอาล่ะ ผมจำได้ว่าเคยตกปากรับคำว่าจะไปเที่ยวอยุธยากับเขา แต่ว่า... มาคิดๆ ดูอีกที... ไปกับเขาสองคน อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ เกิดเขาพาผมไปแล้วไม่ยอมเอามาส่งกลับล่ะ? เกิดว่าเขาหาเรื่องค้าง เลือกโรงแรมที่มีแต่เตียงคู่ขึ้นมา แล้วถ้าผมต้องนอนเตียงเดียวกับเขาทั้งคืน เจอสถานการณ์แบบนั้น ผมหมดข้ออ้างแน่นอน... หรือว่านี่เป็นแผนที่สุภาพงษ์วางเอาไว้!

“พี่นิต?” สุภาพงษ์เรียกผม สงสัยเพราะเห็นว่าผมเรียกเขาแล้วก็ยืนอึ้งเอง เดี๋ยวนะ ขอเวลาผมคิดคำพูดสักครู่...

“อยุธยาพรุ่งนี้น่ะ ชวนกั้งไปด้วยสิ”

“?” ผู้ชายหน้าตาระดับเดียวกับพระเอกละครดังหลังข่าวเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง “ทำไมล่ะครับ?”

“ก็... ไปเที่ยวกันหลายๆ คนสนุกดี” ผมว่า แล้วรีบสาธยายเหตุผลต่อ “ไปกันสองคน เกิดพี่หลับ แล้วใครจะชวนโจคุยระหว่างทางล่ะ แถม.. ไปกันหลายๆ คน จะได้มีคนช่วยถ่ายรูปด้วย เวลาทานข้าว แย่งกันทานก็อร่อยนะ”

สุภาพงษ์มองผมตาปริบๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อน “พี่นิตไม่อยากไปกับผมเหรอ?”

ผมรีบสั่นศีรษะ “เปล่า พี่แค่คิดว่าไปกันหลายคนสนุกดี อืม... พี่โทรชวนภูมิด้วยดีกว่า”

ผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้า “ก็ได้ครับ”

ผมนึกดีใจ เลยรีบพูดอีก “งั้นเดี๋ยวพี่โทรชวนภูมิ โจโทรชวนกั้งนะ แล้วเราค่อยออกไปทานมื้อเย็นกัน พี่เลี้ยงเอง”

สุภาพงษ์ยิ้มนิดๆ จากนั้นก็พยักหน้า ผมเลยรีบแจ้นเข้าไปโทรศัทพ์ในบ้านทันที

 

“ภูมิ นี่เราเอง พนิตนะ”

“อ้าว.. พนิต มีอะไรน่ะ” เพื่อนผมกรอกเสียงตอบกลับมา อันที่จริงผมชวนคนอื่นก็ได้ แต่เกรงใจสุภาพงษ์ เขาไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นของผม แต่เขารู้จักภูมิวัฒน์ แถมยังเคยต่อยหมอนี่อีกด้วย นี่ถ้าไปด้วยกันเขาคงเกรงใจบ้าง ไม่น่าทำผิดซ้ำซากหรอก

“พรุ่งนี้ภูมิว่างรึเปล่า?”

ภูมิวัฒน์นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วถามกลับมา “มีอะไรล่ะ?”

“เราจะชวนไปเที่ยวอยุธยา”

คราวนี้เขาตอบกลับมาเร็วทันใจ “ว่าง พนิตจะให้เราไปรับกี่โมง?”

“อืม...” คราวนี้ถึงคิวผมต้องนึกบ้าง “เจ็ดโมงมั้ง รถภูมิกับรถโจ รถใครนั่งได้เยอะกว่ากันน่ะ”

“หา?!” ภูมิวัฒน์ร้องเสียงแปลก “เดี๋ยวนะพนิต ไปกับใครน่ะ กับน้องโจเหรอ?”

“อืม.. ไปกันหลายๆ คนไง” ผมตอบ “เรากับภูมิก็ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะ”

“...................”

“ภูมิ?”

“พนิต... เลือกมา จะไปกับน้องโจหรือไปกับเรา”

ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง เพื่อนผมจะมามุกไหนอีกล่ะ “ก็ไปด้วยกันไง เราจะไปกับโจสองคนมันก็ไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ ภูมิไปด้วยกันสิ”

“..................” เพื่อนผมเงียบไปอีก สักพักก็ครางออกมา “พนิต... ตกลงพนิตปลงใจกับน้องโจจริงๆ รึเปล่าน่ะ ไปเที่ยวกันก็ต้องไปแค่สองคนสิ เราไม่ไปนะ ยกเว้นพนิตจะไปกับเราสองคนเหมือนกัน”

ผมล่ะนึกอยากยกมือตบกะโหลกเพื่อนจริงๆ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมจัดการไปแล้วนะเนี่ย “แล้วทำไมต้องไปกันสองคนล่ะ?”

ได้ยินเสียงเพื่อนสูดหายใจลึก “พนิต... แฟนกันไปเที่ยวด้วยกัน มันก็ต้องไปแค่สองคนสิ”

“เฮ้ย ยังไม่ใช่แฟนนะ” ผมว่า พลางนึกตกใจ นี่ผมกับสุภาพงษ์ยังไม่ใช่แฟนกันนะ ผมแค่คบหาดูใจกับเขาเฉยๆ

“ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นอะไรน่ะ?”

“เป็น............” ผมตอบไม่ออก จะให้ใช้ศัพท์วัยรุ่นก็ดูจะฉาบฉวยไป ผมไม่ได้คบกับเขาเล่นๆ แบบนั้น แต่ก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนเหมือนกัน สุดท้ายผมเลยตอบเขาไปตามตรง “ภูมิ ไปเป็นกันชนให้เราหน่อยนะ เรากลัวโจจะแอบวางแผนทำมิดีมิร้าย”

“...................”

“ไปได้มั้ย?”

“ถ้าเราไป พนิตให้เราจุ๊บทีนะ”

            “บ้าเรอะ!” ผมตวาดเพื่อนทางโทรศัพท์ “อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้วนะ มาจุ๊บอะไรเล่า”

            “งั้นไม่ไป”

            “เออ ไม่ไปก็ไม่ไป” ผมชักมีน้ำโห จะให้ไปเป็นกันชนให้ ไอ้หมอนี่ดันจะมาชนผมเอง หาคนอื่นก็ได้ แต่พอจะวางโทรศัพท์ เขาก็รีบพูดขึ้นอีก “ล้อเล่น เราไปก็ได้ พรุ่งนี้กี่โมงน่ะ? ไปรถเราได้มั้ย เกรงใจน้องมัน”

            นี่ล่ะเพื่อนผม พอทำท่าไม่สนใจ รีบมาง้อเชียว ผมหมั่นไส้ เลยตอกไปดอกหนึ่ง “ไหนว่าจะไปต้องไปกันสองคนไง”

            “โธ่... พนิต... อย่างอนนะ... ตกลงจะให้เราไปเป็นกันชนให้อีกไหม?”

            “อืมๆ” ผมรีบตอบตกลง เพราะกลัวเขาจะชิ่งหนีไปอีก ภูมิวัฒน์ยิ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ ไม่สิ เขารู้เส้นผมดีต่างหาก เกิดเล่นตัวมากๆ เดี๋ยวเขาชิ่งหนีไปจริง ผมนี่แหละจะซวย

            “งั้น... เจอกันที่ไหน”

            “บ้านเราแล้วกัน เดี๋ยวเรื่องรถ เราคุยกับโจอีกที”

            “ก็ได้... ไงก็โทรบอกเรานะ”

            “อืม” ผมตอบ แล้ววางสาย พอดีกับที่สุภาพงษ์เดินเข้ามาในบ้าน

            “พี่ภูมิไปรึเปล่าครับ?”

            “ไป” ผมตอบทันที “ภูมิฝากมาถามว่า โจไปรถเขาได้มั้ย?”

            “รถพี่ภูมิเก่าแล้วนะ” สุภาพงษ์ออกความเห็น ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวผมโทรคุยกับพี่เขาอีกทีดีกว่า”

            นั่น.... พูดเหมือนรู้จักกันดิบดีเลย เขาแค่เคยคุยกับภูมิวัฒน์ตอนที่มีเรื่องต่อยกันแค่นั้นเองไม่ใช่หรือ?

            “แล้วกั้งไปรึเปล่า?”

            “ขานั้นชวนอะไรไปหมดล่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบผม จากนั้นก็กดโทรศัพท์ “ผมคุยกับพี่ภูมิแป๊บหนึ่งนะครับ พี่นิตจะทานอะไรครับ เลือกร้านเลย เดี๋ยวนั่งรถผมไป”

            ผมกำลังจะอ้าปากบอก ว่าจะไปร้านใกล้ๆ นี่แหละ แต่เพราะสุภาพงษ์กดโทรศัพท์ แล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่น ผมเลยได้แต่ยืนมองเขาคุยโทรศัพท์ตาปริบๆ อืม... หลังเขากว้างดีจริงๆ ใส่เสื้อเชิ้ต ยกโทรศัพท์แนบหูแบบนี้ เสื้อมันเลยแนบเนื้อเขา อืม.... ทั้งตึงทั้งแน่นขนาดนี้ เห็นแล้วอยากดีดชะมัด คงดังเพี๊ยะๆ เลยนะเนี่ย

ผมมัวแต่มองแผ่นหลังล่ำๆ ของสุภาพงษ์ เลยไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไรกับภูมิวัฒน์ อันที่จริงผมไม่มีนิสัยแอบฟังใครคุยธุระ และสุภาพงษ์เองก็พูดเบาจนผมขี้เกียจเงี่ยหูฟัง เขาจะคุยอะไรกันก็ช่างเถอะ มีทั้งคุณากร ทั้งภูมิวัฒน์ไปด้วย ก็เหมือนผมมีข้ออ้าง ยังพอจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือสุภาพงษ์ได้แน่ๆ

            อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าเขาจะฆ่าจะแกงอะไรผมหรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อม เขาเล่นรุกเอาๆ แบบนี้ ผมก็ต้องหาอะไรมาป้องกันตัวบ้าง...

            เขาแค่สามสิบสี่ แต่ผมสี่สิบห้าแล้ว... เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม แต่ผมไม่ใช่แล้วล่ะ...

            ขอเวลาผมอีกสักพักก็แล้วกัน

-----------------------------------------

            ผมมองรถเก๋งสีขาวของสุภาพงษ์วิ่งหายลับออกไป พลางถอนหายใจเฮือก นึกดีใจที่เขาไม่อ้าปากขอค้างหรืออะไรแบบนั้น ก็แค่มาช่วยผมเก็บบ้าน รดน้ำต้นไม้ ทานข้าว แล้วกลับไปอย่างที่ผมหวัง แต่ไม่รู้สิ ทำไมใจผมมันเกิดรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา สงสัยเพราะอยู่กับเขาหลายวันล่ะมั้ง พอเขาไปแล้วก็เหงาอยู่นิดๆ เหมือนกัน

            เอาน่ะ ผมอยู่มาตั้งปูนนี้แล้ว เรื่องเหงาแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็ได้พบเขาอยู่ดี

            ผมเดินกลับเข้าบ้าน เงยหน้ามองนาฬิกา ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เขียนนิยายตอนนี้สงสัยกว่าผมจะต่อเนื้อหาได้ คงดึก ดังนั้นผมจึงเดินไปเดินมาอยู่รอบสองรอบ แล้วคิดขึ้นว่าน่าจะเตรียมอะไรไปทานรองท้องบนรถพรุ่งนี้ ไปกันตั้งสี่คน ก่อนเจ็ดโมง นอกจากร้านสะดวกซื้อ คงยังไม่มีร้านอาหารอะไรเปิดนักหรอก

            คิดดังนั้นแล้วผมเลยไปเปิดตู้เย็น มองไปมองมาก็ได้ความคิดว่าน่าจะทำข้าวผัดไป ทานง่าย ไม่เสียเร็ว หุงข้าวรอไว้คืนนี้ แล้วผัดพรุ่งนี้เช้าน่าจะทัน

            ผมเลยจัดแจ้งตั้งหม้อข้าว แล้วรื้อปิ่นโตออกมาจากตู้ อืม... ปกติใช้ใส่ของไปวัด แต่นานๆ เอาไปเที่ยวบ้างก็ได้ เที่ยวครั้งล่าสุดของผมที่ต้องหิ้วปิ่นโตไปด้วยก็คงสมัยเป็นเด็กๆ โน่นล่ะมั้ง

            ผมเผลอนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ สมัยผมยังเป็นเด็กชายพนิต รู้สึกวันนั้นจะไปเที่ยวทะเลกัน แม่ทำกับข้าวใส่ปิ่นโต ให้ผมกับน้องช่วยหิ้วนั่นหิ้วนี่ นั่งรถประจำทางกันไป แล้วต้องไปโบกรถคนแถวนั้นอีก ลำบากไม่เหมือนสมัยนี้ แต่ก็สนุกดี

            ผมยิ้มกับตัวเอง พลางเลือกวัตถุดิบทำข้าวผัดในตู้เย็นมาไว้รวมกัน พรุ่งนี้จะได้หยิบมาจัดการได้เลย

            คราวนี้ผมคงไม่ได้หิ้วปิ่นโตไปทานข้าวริมทะเล สุภาพงษ์อยากไปอยุธยา เขาคงอยากไปดูโบราณสถาน แต่คงจะทานข้าวที่นั่นไม่ได้ อืม.. อาจจะต้องทานบนรถกันก็ได้นะ.. อืม... แล้วสุภาพงษ์ที่เป็นคนขับรถจะทานยังไงล่ะ? ผมต้องป้อนเขารึเปล่า? แต่ไม่เอาดีกว่า คุณากรกับภูมิวัฒน์ก็ไป ขืนผมนั่งป้อนข้าวสุภาพงษ์คงน่าเกลียด ให้เขาจอดข้างทางแล้วทานดีกว่า

            ผมเตรียมของทำข้าวผัดแล้วก็ไปอาบน้ำ ตอนหยิบเสื้อนอนออกมา นึกได้ว่าต้องเตรียมเสื้อใส่ไปพรุ่งนี้ด้วย เอาเสื้อแบบไหนดีนะเนี่ย

            ผมมองดูในตู้เสื้อผ้า ใจจริงอยากใส่สีเทา แต่พรุ่งนี้ไปกันหลายคน แถมเป็นวันหยุด ผมใส่สีเทามันจะดูหม่นไปรึเปล่านะ งั้นเอาสีน้ำตาล... ก็ดูจะหลวมไปอีก มีสีขาวอยู่ เอาสีขาวดีกว่า เดินตากแดดจะได้ไม่ดูดแสงอาทิตย์ด้วย

            เสื้อในตู้ผมมีไม่เยอะ แต่พอเลือกได้แล้วเงยหน้ามองนาฬิกาอีกที ก็สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ตายล่ะ นี่ผมเลือกเสื้อนานขนาดนั้นเลยเหรอ ผมรีบหยิบมาแขวนไว้หน้าตู้ แล้วลงไปปิดบ้าน ก่อนจะเข้านอน โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกกันพลาด

            ผมอุตส่าห์เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ตื่นไม่ทันก็เสียดายเวลาแย่สิ

-----------------------------------------

            ผมลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า โดยไม่ต้องรอให้นาฬิกาปลุก ก็บอกแล้วว่ากันพลาด ปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้ว เพราะงั้น พอหกโมงกว่าๆ ข้าวผัดสารพัดผักของผมก็อยู่ในปิ่นโตเรียบร้อย แต่ผมยังไม่รีบซ้อนกันแล้วเอาใส่เถาหรอก รอให้เย็นอีกหน่อยก็ได้ ระหว่างรอข้าวผัดเย็น ผมก็เลยไปอาบน้ำ พอเดินออกมาก็ได้ยินคนมาเรียกที่หน้าประตู ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วหยิบเสื้อตัวใหญ่ๆ ใส่ทับ ก่อนจะออกไปดู

            “พนิต!”

            ฟังเสียงก็รู้แล้วล่ะว่าไม่ใช่สุภาพงษ์ แต่ผมไม่คิดว่าภูมิวัฒน์จะมาเช้าขนาดนี้ ผมเลยต้องออกไปเปิดประตูให้เขาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อตัวใหญ่ ภูมิวัฒน์เข้ามาแล้วมองผมขึ้นๆ ลงๆ “อย่าบอกนะว่าพนิตจะใส่ชุดนี้ไป?”

            “ตลกไปล่ะภูมิ” ผมว่า “เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ภูมิมาเร็วไปนะ นั่งรอก่อนแล้วกัน”

            “อืม ก็เช้าๆ รถไม่ติดน่ะ แท็กซี่ขับเร็ว ก็มาถึงก่อน นี่เรามาถึงคนแรกเลยใช่มั้ย?”

            “อือ” ผมพยักหน้า “เพราะงั้น ห้ามรื้ออะไรในบ้านเราเล่นนะ เราไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวลงมา”

            ภูมิวัฒน์หัวเราะออกมา “พนิตไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ไปทั้งชุดแบบนี้แหละ รับรอง น้องโจต้องดีใจแน่ๆ”

            “.................” ผมถลึงตามองเพื่อน “ภูมิอยากมีปากไว้กินข้าวอีกมั้ย?”

            คราวนี้เพื่อนรูปหล่อของผมรีบยกมือเป็นเชิงขอโทษทันที “ล้อเล่นน่า จะไปเปลี่ยนเสื้อก็ไปเถอะ เดี๋ยวเรานั่งรอรับแขกให้ ใครมาบ้างนะ?”

            “โจกับกั้ง”

            “อ้อ... น้องนักข่าวจอมตื้อคนนั้นเอง ฮะๆ” เพื่อนผมพูดพลางหัวเราะ ผมอดไม่ได้ต้องถามเขาไป “ทำไม? มีอะไรกับน้องเขาเหรอ?”

            “เปล่าๆ” ภูมิวัฒน์สั่นศีรษะ “พนิตไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ เอาหล่อๆ นะ อยากเห็นเพื่อนพนิตแต่งหล่อบ้าง”

            “เอาแบบไปวัดพระไม่ไล่แล้วกัน” ผมว่า แล้วรีบชิ่งเดินหนีขึ้นไปชั้นบน เพราะกลัวจะเจอภูมิวัฒน์ทิ่มกับหอกปากอีก แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงเขาแซวอยู่ดี

            “เอาแบบที่น้องโจเห็นแล้วกระโจนเข้าใส่เลยนะ”

            อืม... นี่ถ้าผมยกราวบันไดขว้างใส่เขาได้ ผมทำไปแล้วนะเนี่ย พูดอะไรน่าเกลียดจริงๆ

            ผมหยิบเสื้อที่เลือกไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวม แล้วไปส่องกระจก อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะหล่ออะไรนักหนาหรอก แค่อยากรู้ว่าสุภาพงษ์เห็นแล้วจะเลี้ยวรถกลับรึเปล่า อืม.... ผมว่ามันก็พอดูได้นะ ผมอาจจะไม่หล่อเท่าภูมิวัฒน์ แต่ไปไหนยังไม่เคยมีใครไล่ ใส่แบบนี้ก็พอจะได้แหละ เสื้อผมก็ไม่ใหญ่ไม่เล็ก คอก็ไม่ลึก แขนสั้นปกติ.. สุภาพงษ์เห็นแล้วคงไม่กระโจนเข้าใส่หรอก... บ้าจริง ภูมิวัฒน์พูดอย่างกับเขาเป็นเสือหรืออะไรงั้นแหละ เขาก็แค่คนมือไวกว่าปกติ.... ชอบจับเนื้อต้องตัวผมเท่านั้นเอง

            ก็เพราะว่าเขามือไวนี่แหละ ผมถึงต้องตามตัวภูมิวัฒน์มา ดีนะที่เพื่อนผมแค่ปากไว ไม่ได้มือไว เอามากันท่าคนมือไว้แต่ปากหนักนี่แหละ น่าจะเหมาะกันที่สุด

            ขณะที่ผมคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์ตะโกนขึ้นมา “พนิต น้องโจมาแล้วนะ เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จรึงยัง?”

            ผมล่ะอยากเอาตู้เสื้อผ้าทุ่มภูมิวัฒน์ เจ้าสาวอะไรน่ะ ข้างผมมีแต่ผมที่แต่งตัวอยู่ เขาช่วยปากไวดูกาลเทศะหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวผมก็ไล่กลับบ้านหรอก

            “จะเสร็จแล้ว ไม่มีเจ้าสาวหรอก” ผมตะโกนกลับไป พลางนึกแปลกใจว่าสุภาพงษ์มาถึงแล้วจริงหรือ ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถเลยล่ะ ผมเลยชะโงกไปดูที่หน้าต่าง แล้วเห็นว่ารถเขาจอดอยู่หน้าบ้านแล้วจริงๆ

            โอย.. ไม่ไหวเลยผม มัวแต่คิดอะไรฟุ้งซ่านจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงรถจอด แต่เสียงเครื่องรถเขาก็เบาอยู่นะ รถเขาเครื่องเบาเอง ไม่ใช่เพราะผมมัวแต่คิดถึงเขาจนหูไม่ได้ยินอะไรหรอก

            “สวัสดีครับ” สุภาพงษ์กับคุณากรยกมือไหว้ผม ทันทีที่ผมเดินลงมาจากบันได ทำอย่างกับผมเป็นครูใหญ่ กำลังเดินมาตรวจแถวงั้นแหละ ผมยกมือรับไหว้ แล้วมองด้วยสายตาอึ้งๆ

            ไม่ได้อึ้งว่าสองคนนี้ไหว้ผมอย่างกับเป็นครูใหญ่หรอกนะ แต่อึ้งกับ.. เอ่อ... ผู้ชายรูปหล่อสามคนที่อยู่ในบ้านผมต่างหาก

            ที่จริงภูมิวัฒน์มาถึงบ้านผมก่อน แต่เพราะดันปากเสียตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าบ้านดี ผมเลยหมดอารมณ์จะชมความหล่อของเขา วันนี้เขาใส่เสื้อโปโลสีเทาอมเขียวตุ่นๆ หน่อย เขาใส่สีตุ่นนะ แต่พอบวกเข้ากับรูปหน้า หุ่น ทรงผมแล้ว ดูดีกว่าผมใส่สีชมพูซะอีก อืม... คนหน้าตาดีนี่ใส่สีอะไรก็ดูดีไปหมดจริงๆ

            ส่วนคุณากร เขาใส่เสื้อยืดสีส้ม กับเสื้อเชิ้ตตัวสั้นๆ สีชมพู กางเกงยีสน์สีฟ้า สีตัดกันสุดๆ แต่.. พออยู่บนตัวเขา ผมกลับนึกถึงหนังสือแฟชั่นวัยรุ่น หน้าตาเขาหล่อแบบน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่งแบบนี้เลยเหมือนเด็กอายุยี่สิบกว่าๆ ทั้งๆ ที่ผมจำได้ว่าเขากับสุภาพงษ์รุ่นเดียวกัน แหม... แต่งมาเหมือนข่มคนอายุเยอะอย่างผมเลยนะเนี่ย

            เอาเถอะ ผมมันปูนนี้แล้ว แต่งสีสดใสก็ใจไม่สู้ หุ่นก็ไม่ดี หน้าก็ไม่หล่ออย่างภูมิวัฒน์ แต่ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้คุณากรนี่สิ.. เขาสวมแค่เสื้อยืดสีขาวธรรมดา กับเชิ้ตสีฟ้าอ่อนอีกตัวหนึ่ง แต่ทำไมถึงดูดีนักก็ไม่รู้ สุภาพงษ์ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ ทั้งหน้าเอย คางเอง คิ้วเอย จมูกเลย ผมมองทุกส่วนได้ไม่เบื่อจริงๆ นะเนี่ย อยากรู้ว่าตอนเขาอายุสี่สิบ จะยังรักษาความดูดีเอาไว้ได้อย่างภูมิวัฒน์รึเปล่า แต่ตอนเขาสี่สิบ ผมคงห้าสิบกว่าแล้ว... โอย ไม่อยากจิตนาการถึงสภาพตัวเองตอนนั้นจริงๆ นะเนี่ย

            “พนิต?”

            เสียงเรียกของภูมิวัฒน์ทำให้ผมรู้สึกตัว ตายล่ะ นี่ผมเผลอมองสุภาพงษ์ตาค้างอีกแล้วเหรอเนี่ย

            พอรู้ว่าเผลอแสดงท่าทางน่าเกลียดออกไป ผมเลยแกล้งตีหน้าจริงจัง แล้วถือโอกาสกวาดตาดูเขาชัดๆ เสียเลย “แต่งมาอย่างกับจะไปถ่ายแบบแน่ะ”

            สุภาพงษ์ทำหน้างงๆ ในขณะที่ภูมิวัฒน์ขำพรืด “อะไรน่ะ พนิตอยากถ่ายแบบน้องโจเหรอ มีกล้องมั้ย? เปิดห้องถ่ายเลยสิ สองต่อสองนะ รับรองน้องโจให้ถ่ายทุกส่วนแน่ๆ”

            ผมถลึงตาใส่เพื่อน นึกเสียใจว่าน่าจะตบภูมิวัฒน์ให้พูดไม่ได้เสียตั้งแต่ตอนมา แต่เพราะพอเหลือบมาเห็นสุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ ผมเลยอ้าปากพูดอะไรไม่ออก เขาใช้ดวงตาสีดำสนิทมองผม แล้วพูดเสียงค่อย “ไม่เหมาะหรือครับ?”

            เอ่อ... เหมาะสมทุกอย่างเลยต่างหากล่ะ ที่เขาแต่งไม่ต่างจากคนทั่วไป ถ้าจะบอกว่าไม่เหมาะล่ะก็ คุณากรสิหนัก สีอย่างกับลูกกวาด แต่นั่นแหละ เขาหน้าตาดี ท่าทางน่ารัก ใส่แล้วเหมือนนายแบบมากกว่าคนบ้า ส่วนผม.... เดินกับพวกเขาสามคน สงสัยกลายเป็นคุณพ่อ เอาน่า พ่อก็พ่อ ผมก็แก่จนเป็นพ่อคนได้อยู่แล้ว มีลูกอายุเยอะๆ คอยดูแลก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
            “เปล่า ดูดีแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น “ขอโทษที่ทำให้รอนะ เดี๋ยวพี่เอาปิ่นโตใส่เถาแป๊บหนึ่ง ไปที่รถเลยก็ได้”

            “ถ้าปิ่นโตล่ะก็ เราใส่เถาให้แล้วล่ะ อยู่นี่” ภูมิวัฒน์พูด แล้วยกเถาปิ่นโตข้างตัวให้ผมดู ผมมองเขาอึ้งๆ “อ้อ... เหรอ.... ขอบใจนะ”

            “รู้อยู่หรอกว่าพนิตต้องทำอะไรไว้ให้ทานแน่ๆ เราเลยไม่ทานอะไรมาไง ไปที่รถเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา” เพื่อนผมพูด พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำออกไป ทำตัวเหมือนเป็นหัวหน้าทริปซะไม่มี คนอื่นๆ ก็เลยต้องเดินตามเขาไปด้วย เหลือผมรั้งท้ายเพราะต้องปิดประตูบ้าน

            “ตกลงใครขับรถ” ผมปิดบ้านแล้วก็หันไปถามเพื่อน เพราะนึกหมั่นไส้ท่าทางของเขา ภูมิวัฒน์คงรู้ตัว เลยหันมาตอบผมยิ้มๆ “รถน้องโจ ก็ต้องให้น้องโจขับสิ”

            “อ้อ...” ผมลากเสียง แต่ก็ขี้เกียจจะพูดอะไรให้อายเด็ก เลยเดินตามไป แต่พอเห็นภูมิวัฒน์เปิดประตูด้านหลังรถ ผมก็อดไม่ได้ต้องถามออกไปอีก “อ้าว ไม่นั่งเบาะหน้าเหรอ?”

            เพื่อนรูปหล่อของผมสั่นศีรษะ” ไม่ได้ขับ จะไปนั่งเบาะหน้าทำไม”

            “อ้าว ก็เบาะข้างคนขับไง”

            “โหย... อันนั้นน่ะมีคนนั่งแล้ว”

            ผมคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าต้องเป็นคุณากรแน่ๆ เลยพยักหน้า “อืม งั้นเราไปนั่งอีกฝั่งก็ได้”

            แต่พอเดินอ้อมไป คุณากรเพิ่งปิดประตูด้านหลังพอดี... เอ่อ... เดี๋ยวสิ ที่มันเหลืออยู่แต่เบาะหน้าแล้วนี่... ตกลงคนนั่งต้องเป็นผมเหรอ

            เพราะเกรงใจที่เห็นทุกคนเข้ารถไปหมดแล้ว ผมเลยต้องเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างเสียไม่ได้ ที่จริงปกติถ้ามาด้วยกัน ผมก็นั่งเบาะนี้อยู่แล้ว แต่วันนี้เห็นว่ามีคนอื่นมาด้วย เลยอยากจะไปนั่งเบาะหลัง ไม่รู้สิ... นั่งคู่กับสุภาพงษ์ให้คนอื่นเห็น... ผมเขินน่ะ....

            พอออกรถมาได้สักพัก ระหว่างที่ผมกำลังแอบมองคนขับเพลินๆ เสียงของภูมิวัฒน์ก็ดังขึ้นอีก “น้องโจ หิวมั้ย?”

            ผมนึกขึ้นมาได้ทันที ว่าสุภาพงษ์น่าจะยังไม่ได้ทานมื้อเช้า เลยพูดเสริมไป “ถ้าหิว แวะปั้มทานข้าวกันก่อนไหม?”

            “ไม่ต้องแวะปั้มหรอกครับ” เสียงคุณากรแทรกขึ้นมา “ทานบนรถเลยก็ได้”

            ผมทำหน้าอึ้งๆ “แต่... แล้วโจจะทานยังไงล่ะ เขาขับรถอยู่นะ”

            “พนิตก็ป้อนไง” เพื่อนผมพูดต่อทันที จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเขาแกะเถาปิ่นโต

            “โหย.. ข้าวฝีมือพนิต ไม่ได้กินนานมาก” เขาว่า “นึกถึงสมัยเรียนนะ พนิตชอบทำกับข้าวมาฝากเวลากลับมาจากบ้านทุกทีเลย”

            ผมนึกหมั่นไส้เขา... เขาควรรู้ตัวว่าที่ผมทำกับข้าวไปให้เขาน่ะ เพราะผมแอบปลื้มเขาอยู่ แต่ไอ้หมอนี่มันพวกหัวไวแต่รู้ตัวช้า ปล่อยไปก่อนแล้วกัน รอให้ได้จังหวะ เดี๋ยวผมจะตอกให้หน้าหงายเลย

            “อือหือ... ได้คุณพนิตเป็นรูมเมทนี่ดีจัง สมัยผมเรียนนะ ไม่มีใครทำให้ผมทานหรอก มีแต่ผมเนี่ยต้องทำไปให้” คุณากรพูดขึ้นบ้าง ผมพยักหน้าเห็นด้วย “บางคนสักแต่กินอย่างเดียว ไม่เคยรู้เลยว่าคนเขาทำไปให้ด้วยใจ”

            ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์สำลัก ขณะที่สุภาพงษ์ซึ่งขับรถอยู่พูดขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกรถ “ผมรู้นะครับ”

            ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตามภูมิวัฒน์ไปอีกคน ผมแค่อยากตอกหน้าเพื่อนผม ไม่ได้ต้องการให้เขาตอบ แต่... บางทีเขาอาจจะตอบคุณากรก็ได้

            “.............................”

            ผมรอให้คุณากรตอบกลับ แต่เห็นเขาเงียบ สุภาพงษ์ก็เงียบ มีแต่ภูมิวัฒน์ยังสำลักไม่เลิก ผมเลยต้องถามไป “ภูมิ น้ำมั้ย?”

            “ไม่ต้อง” เขาตอบ จากนั้นก็ไออีกสองสามครั้ง “พนิตนี่ถนัดหลอกด่าคนจริงๆ”

            ผมใช้ความเงียบยอมรับทันที ได้ยินเสียงภูมิวัฒน์พูดอีก “แล้วนี่จะไม่ป้อนข้าวน้องโจหรือไง?”

            “?!” ผมหันไปมองเพื่อนทันที เห็นเขายกขวดน้ำขึ้นมาดื่ม มือถือปิ่นโตใบหนึ่งอยู่ ส่วนคุณากรกำลังจัดแจงแยกอีกสามใบออกมา

            “คุณพนิต..” คุณากรเรียกผม แล้วยื่นปิ่นโตมาให้ใบหนึ่ง “เดี๋ยวถ้าใบนี้หมดแล้วไม่พอ ค่อยเพิ่มอีกใบนะครับ โจมันกินจุอยู่”

            ผมกะพริบตาปริบๆ แต่เพราะกลัวข้าวจะหก เลยรีบรับปิ่นโตมาก่อน “ภูมิทานเสร็จแล้วมาเปลี่ยนมือกับโจก็ได้นี่ โจจะได้ไปนั่งทานดีๆ”

            “โห... ทำไมพนิตใจร้ายแบบนี้ ป้อนน้องหน่อยไม่ได้หรือไงน่ะ?” เพื่อนผมพูด แล้วมองผมประหนึ่งเห็นยักษ์เห็นมาร ผมหันไปถลึงตาใส่เขา “ก็กลัวป้อนแล้วโจไม่มีสมาธิขับรถ”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมขับได้” คราวนี้สุภาพงษ์พูดขึ้นมาบ้าง ผมเลยหันกลับมามองเขา “โจหิวแล้วหรือ?”

            “ครับ” เขาพยักหน้า ผมลังเลขึ้นมา ด้านหลังคนหนึ่งเป็นรูมเมทผม ไอ้คนนั้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนเป็นแฟนเก่าเขา ผมจะมาป้อนข้าวแฟนเก่าให้เขาดู มันจะดีเหรอ...

            ขณะที่ผมกำลังนึกว่าจะทำยังไงดี เสียงของคุณากรก็ดังขึ้น “คุณพนิตไม่ต้องอายนะครับ ผมกับพี่ภูมิจะปิดตาไว้ รับรองไม่เห็นแน่นอน”

            “กั้งบาดตาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมถามด้วยความตกใจ แต่พอหันไปมองก็เห็นเขากับภูมิวัฒน์กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวกันอยู่

            “เปล่าครับ..” คุณากรพูด แล้วเงยหน้าจากปิ่นโต “ก็เห็นคุณพนิตไม่ยอมป้อนเสียที ผมน่ะไม่บาดตาอะไรหรอก แต่โจมันอาจจะใกล้หิวไส้ขาดแล้วก็ได้นะ ถ้าคุณพนิตมันรีบป้อนข้าวมัน เดี๋ยวมันหน้ามืดระหว่างขับรถนะครับ”

            “พนิตจะใจร้ายขนาดปล่อยให้น้องนุ่งหิวแล้วตัวเองนั่งกินคนเดียวเลยเหรอ” ภูมิวัฒน์พูดเสริมด้วยสีหน้าจริงจัง จนผมอยากจะเอาปิ่นโตเขวี้ยงใส่หน้าเขา แต่... ผมเก็บอาการได้ อีกอย่าง ก็แค่ป้อนข้าว คงไม่น่าเกลียดอะไรเท่าไหร่หรอก

            คิดได้ดังนั้น ผมจึงหันกลับมา ตักข้าวผัดมาพอดีคำ แล้วค่อยๆ ป้อน โดยระวังไม่ให้เขาต้องหันมาก

            “ทานได้มั้ย?” ผมถาม หลังเห็นคนขับเคี้ยวตุ้ยๆ สุภาพงษ์พยักหน้า “อร่อยครับ กำลังดีเลย”

            ผมแอบดีใจนิดๆ แต่ก็กลัวเขาจะพูดเอาใจ เลยตักมาทานเองบ้าง อืม... ผมเป็นคนทำ ก็ต้องทำรสชาติที่ผมทานได้อยู่แล้วนี่นา

            “โจ... ถ้าไม่อร่อยไม่ต้องฝืนนะ พี่อยากให้พูดจริงๆ”

            “อร่อยจริงๆ นะครับ” เขาว่า ได้ยินเสียงคุณากรพูดแทรก “คุณพนิตครับ ที่โจมันกินไม่ได้ คงเป็นก้อนหิน อิฐ ปูนเท่านั้นล่ะครับ ตั้งแต่รู้จักมา ผมยังไม่เคยเห็นมันบ่นว่าไม่อร่อยเลยสักครั้ง”

            “แต่ข้าวผัดพี่นิตอร่อยนะ” สุภาพงษ์แย้งขึ้นมาทันที เขาไม่ต้องพูดเพิ่มก็มีคนช่วยสนับสนุน

“ข้าวผัดพนิตอร่อยจริงๆ นะ” ภูมิวัฒน์พูด ผมล่ะนึกดีใจที่มีเพื่อนไม่เสียแรงทำกับข้าว แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียว “โดยเฉพาะ ถ้ามีพนิตอยู่ในปิ่นโตด้วย รับรอง น้องโจกินถึงเช้าแน่ๆ”

ผมอยากเอาปิ่นโตขว้างหน้าภูมิวัฒน์จริงๆ “คนนะ ไม่ใช่หมู จะไปอยู่ในปิ่นโตได้ไง”

“อืม..” เพื่อนผมทำหน้าคิดหนัก “ไม่อยู่ในปิ่นโตก็ได้ อยู่ในอ่าง อยู่บนเตียง”

“ภูมิ!” ผมเอ็ดเพื่อน “อยากทานข้าวแบบเจ็บตัวหรือไง!”

ภูมิวัฒน์ทำท่ากลัวลนลาน ขณะที่คุณากรหัวเราะ “พี่ภูมินี่พูดเก่งจริงๆ ด้วย”

ผมได้แต่นั่งเงียบๆ เพราะระลึกได้ว่า ไม่ควรว่าเพื่อนต่อหน้าเด็ก แต่ให้เงียบแล้วเห็นเขาทำหน้าสนุกแบบนี้ เดี๋ยวผมจะทนไม่ไหว เอาปิ่นโตปาหน้าเขาขึ้นมา คงแย่กว่าว่าเขาต่อหน้าเด็กอีก ดังนั้น ผมจึงหันหน้ากลับมาจะป้อนข้าวสุภาพงษ์ต่อ

            แต่พอเห็นเขากำลังเม้มปาก แถมแก้มแดงนิดๆ ผมอกปากไม่ไหวจริงๆ “โจ! ห้ามคิดอะไรบ้าๆ นะ”

            “ปะ... เปล่าครับ” สุภาพงษ์ตอบผม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้แก้ตัวอะไรเพิ่ม คุณากรก็พูดแทรกขึ้นมา “คุณพนิตก็อย่าปล่อยให้โจได้แต่คิดสิครับ ให้มันทำจริงๆ ไปเลย”

            ผมล่ะอยากเอาปิ่นโตปาทั้งคุณากรกับภูมิวัฒน์จริงๆ ผมตั้งใจชวนคนอื่นมาเพื่อเป็นกันชนให้ผม ไม่ใช่มาเสี้ยมกันแบบนี้

            หลังจากพบแล้วว่า สองคนที่ชวนมา ท่าทางพึ่งไม่ได้ ผมเลยหันไปพึ่งช้อนพึ่งปิ่นโตในมือแทน ให้สุภาพงษ์ตั้งใจเคี้ยวข้าว เขาคงไม่มีเวลามาคิดอะไรบ้าๆ กับผมแน่

            ตัดเสียงคุยเกี่ยวกับเรื่องคอรัปชั่นที่ผมไม่รู้เรื่องด้านหลังออกไป ผู้ชายที่กำลังมองถนน มือจับพวงมาลัยคนนี้ดูดีจริงๆ นั่งดูเขาเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางน่าอร่อยแล้ว คนทำอย่างผมก็ปลื้มได้แบบไม่ต้องมีใครมายอ

            ผมป้อนไปมองเขาไปเพลินๆ เผอิญป้อนพลาดไปนิด ข้าวเลยร่วงไปที่ตักเขา ด้วยความตกใจ กลัวว่ามันจะเลอะเบาะ ผมเลยคว้ามือไปตามสัญาชาตญาณ สุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก เหยียบเบรกรถทันที

            “โอ๊ย!” ทั้งผม ภูมิวัฒน์ และคุณากรร้องขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่คุณากรจะโวยวายออกมา “เหยียบเบรกทำไมน่ะ?!”

            ความจริงสุภาพงษ์เป็นคนขับรถนิ่มมาก เบรกทีไม่มีกระตุก เขาขับรถดีเลยล่ะ แต่ที่เขาเบรกตะกี้นี่น่ะ.....

            “.................” ผู้ชายรูปหล่อที่มือยังกำพวงมาลัยอยู่หน้าแดงก่ำ ผมก็หน้าแดงเหมือนกัน... คือ เอ่อ... ผมแค่ตั้งใจจะคว้าข้าวที่ร่วงลงไป แต่เผอิญมือมัน...

            “เฮ้ย! ไอ้คุณโจ... ไข้ขึ้นเรอะ?!” คุณากรโพล่งออกมา ก่อนจะยื่นหน้ามาที่เบาะหน้า “เป็นอะไรน่ะ เกิดช็อกความน่ารักของคุณพนิตขึ้นมากะทันหันหรือไง?”

            ยังไม่ทันที่สุภาพงษ์จะได้ตอบอะไร ภูมิวัฒน์ก็พูดขึ้นอีก “เอารถเข้าข้างทางก่อนแล้วกัน พี่กลัวรถคันหลังขับตามมาแล้วจะชนเอา”

            สุภาพงษ์ค่อยๆ เคลื่อนรถเข้าข้างทางทั้งๆ ที่หน้ายังแดงไม่หาย ส่วนผมน่ะหรือ... ไม่รู้จะพูดอะไรเลยล่ะ...

            ผมคว้าพลาด... คว้าพลาดแค่นั้นเอง

            “ตกลงเป็นอะไรน่ะโจ?” คุณากรไล่เบี้ยต่อ หลังจากเอารถเข้าข้างทางแล้ว ขณะที่ภูมิวัฒน์เองก็ดูสงสัยไม่แพ้กัน “พนิตทำอะไรน้องเขาน่ะ”

            “.....................” ผมพูดไม่ออก ขณะที่สุภาพงษ์ก็ดูจะอ้ำๆ อึ้งๆ พอเห็นว่าเขาคงพูดไม่ได้แน่ ผมเลยกลั้นใจพูดแทน “พอดีเราทำข้าวหก”

            “แล้ว...?” สองคนด้านหลังถามขึ้นพร้อมกัน แถมทำหน้าอย่างกับคนรอซื้อนิยายตอนใหม่

            “เราเลยเผลอคว้ามือไปหยิบ กลัวมันจะเลอะเบาะ แต่.. พอดีมันร่วงไปบนตักโจ...”

            “..............................” คุณากรกับภูมิวัฒน์มองหน้าผมอึ้งๆ จากนั้นคุณากรก็โพล่งออกมา “คุณพนิตเลยคว้าน้องชายไอ้โจแทนข้าว?!”

            ผมไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้าไป

            “.......................................................................” ทั้งคุณากรและภูมิวัฒน์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ต่างคนต่างก็หัวเราะออกมา

            “ตาย ผมเป็นไอ้โจผมก็เบรก พี่นิตกำแรงมั้ย?”

            ใครมันจะไปรู้เล่า แล้วผมจะไปตอบเขาทำไมล่ะ!

            “โจ... ดีมั้ย?” คุณากรเปลี่ยนเป้าหมายไปถามสุภาพงษ์ ผมเลยเงยหน้ามองเขาบ้าง สุภาพงษ์หน้าแดงจัด ได้แต่เม้มริมฝีปาก แต่ไม่ยอมพูดอะไร

            ตกลงมันดีหรือไม่ดีล่ะ?!

            “มันคงเจ็บนะ” ภูมิวัฒน์พูดออกมาแก้สถานการณ์ได้ทัน ก่อนจะหันมาจ้องผมอย่างจริงจัง “วันหลังพนิตห้ามไปคว้าน้องชายใครแบบนี้อีกนะ”

            ผมอยากยกมือต่อยดั้งเขาก็วินาทีนี้แหละ “บ้าเรอะ เราไม่ไปจับของใครมั่วๆ หรอก”

            “แปลว่าตั้งใจจับของโจใช่ไหมล่ะครับ” คุณากรพูดขึ้นต่อทันที ผมหันไปถลึงตามองเขา แล้วคิดว่าถ้ามีแบบนี้อีกสองสามประโยค ผมคงได้ต่อยคนแน่ๆ ดีที่ภุมิวัฒน์พูดแก้ลำทัน

            “เราหมายถึง พนิตไม่ต้องไปคว้าอะไรตอนที่คนเขาขับรถหรอก มันอันตราย ดีนะที่ไม่มีรถตามหลัง”

            “อือ...” แบบนี้ค่อยดูเป็นผู้ใหญ่อายุสี่สิบห้าหน่อย ผมพยักหน้ารับผิดแต่โดยดี “ขอโทษนะ”

            “อืม... ไม่เป็นไรหรอก” เขาพูด แล้วหันไปพูดกับสุภาพงษ์ “น้องโจเปลี่ยนมือกับพี่แล้วกัน ไปพักฟื้นร่างกายเบาะหลังก่อนนะ”

            สุภาพงษ์นิ่งไปพัก ก่อนจะพยักหน้า เอ่อ... ผมจับของเขาแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?

            พอเห็นผู้ชายรูปหล่อหน้าแดงไม่หาย แถมเดินคู้ตัวออกจากรถ ผมเลยยิ่งรู้สึกผิดหนัก

            “โจ... พี่ขอโทษนะ” ผมพูด ขณะที่เขาย้ายมานั่งเบาะหลัง สุภาพงษ์พยายามจะยิ้มให้ผม “ไม่เป็นไรครับ”

            “................” ผมมองเขา แล้วตัดสินใจพูดออกมา “พี่ไปนั่งด้วยมั้ย?”

            คราวนี้สุภาพงษ์หน้าแดงกว่าเดิม “เอ่อ.... ไม่ต้องหรอกครับ”

            “..............” ปกติเขาจะหาทางอยู่ใกล้ผมตลอดนี่นา หรือเขาจะโกรธผมนะ

            “โจ... พี่ขอโทษแล้วนะ”

            “ครับ...”

            “ให้พี่ไปนั่งด้วยได้ไหม?”

            สุภาพงษ์ทำหน้าปั้นยาก เขาหันไปหาคุณากร จากนั้นนายคุณากรก็พูดราวกับสื่อสารทางโทรจิตกันได้

            “คุณพนิตอย่าเพิ่งมานั่งข้างมันเลยครับ ไอ้โจมันไม่ได้เจ็บหรอก มันกำลังของขึ้น เกิดคุณพนิตมานั่งใกล้ๆ อีก ระวังมันจะกินคุณพนิตแทนข้าวนะครับ”

            “?!” ผมมองหน้าสุภาพงษ์ เห็นเขาหน้าแดงจัดกว่าเดิม เลยรีบหันหน้ากลับมาจ้องถนนทันที!

            งานนี้ผมไม่ผิดนะ! ผมแค่คว้าพลาด คว้าพลาดเท่านั้นเอง!!!!!

-------------------------------------------
*** โอ๊ย แทบจะลืมไปแล้วว่าพี่นิตอายุเท่าไหร่!!!~~ :-[

ฮ่าๆ ที่จริงแล้ว ตั้งใจว่าตอนนี้ต้องไปให้ถึงอยุธยา ดร๊าฟเดิมนี่ทำท่าจะหยุดที่ร้านอาหาร เลยลบ แต่ก็ไปไม่ถึง หยุดแ่ค่ในรถ... อีเว้นท์ระหว่างพี่นิตกับน้องโจเยอะจริงๆ โดยเฉพาะ เมื่อพี่นิตลากกันชนสองคนที่.. ดูแล้วเป็นพวกเสี้ยมทั้งนั้น ฮ่าๆๆๆ พี่นิตจะเข้าตัวเพราะมัวแต่คิดพึ่งคนอื่นนี่แหละ

งานนี้โจไร้บทพูดตามเคย... ตรงคอนเซป ปากหนัก มือไว้ ใจ.. รักพี่นิตคนเดียว (โหย... เล่นไปได้)

ตอนแรกตั้งใจว่า อีกสักสองตอน จะจบเรื่องนี้ แต่ดูจากทริปอยุธยานี้แล้ว ท่าทางต้องเพิ่มตอนแหะ...

เรื่องนี้มันยืดได้อย่างน่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย=[]=!!!

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
ฮ่าๆๆ เอาสองคนนั้นมาช่วยเป็นกันชน
แต่เหมือนว่าคุณพนิตจะแย่เพราะสองคนนี้นะ เสี้ยมกันสุดๆ
ตอนนี้ฮาาาาและน่ารักมากกก ฮ่าๆ
จะจบแล้วหรอไม่นะ! หลงรักคุณพนิตหัวปักหัวปำเลยตอนนี้ ไม่อยากให้จบบบบ

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
5555555 kon kae kor mii hua jai nii naa,,tae khuu nii narak yang ka khuu noom noom loei na kha...hu hu

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกโถ่ๆๆๆๆ
น้องข้าวหกใส่ ตกใจกันหมดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
พี่นิตเหมือนสาวพรหมจรรย์เลย :o8:
แล้วยังไปจับของโจเขาอีกเนอะพี่นิต :laugh:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณพนิตวางแผนการหาตัวช่วยไปเที่ยวด้วยซะดิบดี
ปรากฎว่ามีแต่คนแปรพักตร์

aoommy

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิตน่ารักมาก ไร้เดียงสาหน่อยๆ เหมือนลูกแกะในดงหมาป่าเลยอ่ะ
อุตสาห์เอาเค้ามาเป็นกันชน จะรอดไหมน้า

aozakub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ pnatbutter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สงสารโจว่ะ  ของขึ้นในรถซะด้วย  จะช่วยตัวเองยังงัยไหววะเนี่ยะ  5555

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
น่ารักมากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
คุณพนิตจะรักนวลสงวนตัวไปถึงไหนจ๊ะ
แม้ๆๆ ทำตัวเป็นสาวน้อยยุค50-60ปีย้อนหลังไปได้
จะไปเที่ยวกับชายหนุ่มที่เขาชอบเรา และเราพึงใจเขา ก็ต้องมีเพื่อนสาวไปเป็นกันชน
เพี้ยะ ! (เสียงดิฉันตบเข่าตัวเองค่ะ) เป็นเราหน่อยไม่ได้ อยู่มาตั้ง40กว่าๆแบบนี้
วันนั้นจะขอไปแค่สองต่อสอง และต้องให้มีได้เสียกันวันน้นเลยแหละ 555
"...เห็นโลกมาแล้วช่วงหนึ่ง ต้องเรียนให้ซึ้งถึงช่วงต่อไป..."
     ขณะอ่านไอ้เราก็นั่งดูดนมไปด้วย อ่านมาถึงตอนคุณนิตคว้าพลาด
เกิดอาการขำพรืด และพ่นนมออกทั้งทางปากและจมูก เลอะไปหมดเลยอ้ะ
งานนี้จะโทษใครดีคะเนี่ย 

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
     ขณะอ่านไอ้เราก็นั่งดูดนมไปด้วย อ่านมาถึงตอนคุณนิตคว้าพลาด
เกิดอาการขำพรืด และพ่นนมออกทั้งทางปากและจมูก เลอะไปหมดเลยอ้ะ
งานนี้จะโทษใครดีคะเนี่ย 

โทษพี่นิตค่ะ...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

(หนูไม่เกี่ยวนะค้าาา)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
แหม อย่ารีบจบเร็วเลยค่ะ

ชอบความไม่เดียงสาของพี่นิตจัง

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า พนิต กับเพื่อน ไม่ใช่อายุสี่สิบห้า

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า พนิต กับเพื่อน ไม่ใช่อายุสี่สิบห้า


อันนี้ที่จริงปีนเกลียวเขียน ไม่เคยอายุ45เหมือนกัน

แต่เอาประสบการณ์จากลุงๆ (ที่ดูจะเกิน45กันมานาน) เวลาเขาอยู่กับรุ่นเดียวกัน ซี้ๆ กัน เขาก็เป็นคล้ายๆ เราๆ นะคะ... คือ.. แซวกันบ้าง อะไรบ้าง (แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอาวุโสน้อยกว่าก็ ผู้ใหญ้ ผู้ใหญ่)

ขออภัยในความไม่สมเหตุสมผล แต่มันลุมาถึงขั้นนี้แล้ว... จะพยายามให้มันเข้าที่เข้าทางขึ้นนะคะ

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
กรี๊ดดด
พี่นิตลามกกกกกกก
อ่านตอนนี้แล้วเห็นหน้าตำลึงสุกของทั้งคุ่ชัดแจ๋วเลย

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้องโจ เมื่อไหร่จะได้กินพี่นิตนะ พี่เค้าหัวช้าจริงๆ อิอิ

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
กร๊ากกกกกกกกกกกก

พี่นิตคว้าข้าวพลาดทันไปคว้าน้องชายคุณ บ.ก.

หึหึ  งานนี้คุณ บก.เลยของขึ้น   :haun4:    :haun4:   :haun4:

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คว้าพลาดแบบนี้บ่อยๆ ไม่ดีนะพี่นิต
คว้าแบบตั้งใจไปเลยพี่!  :beat:<<พี่นิตตบ
อ๊ะ...แต่ต้องตอนน้องโจไม่ขับรถนะคะ ฮี่ :กอด1:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
แว๊กกกกก พี่พนิตไปคว้าตอนอยู่กัน 2 คนสิค้าาาาา รับรองตอนนั้นน้องโจเค้าไม่โกรธพี่นิตหรอกและจะได้เอา "ลง" ด้วย หึหึ

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ยังดีน้าเป็นข้าวผัด หยิบๆ จับๆ ได้ แต่ถ้าเป็นน้ำแกงนี่สงสัยต้องเช็ดกันนาน 555+

ตอนนี้น่ารักมากมาย XD

RanJeri

  • บุคคลทั่วไป
คุณพินิตพลาดเสียแล้ว แทนที่จะเป็นก้าง :laugh:

ตอนนี้ขำจริงจัง คุณพินิตจะรอดมั้ย

แต่จบแล้วเหรอยังไม่อยากให้จบเลย :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด