[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 319351 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ช่องว่างระหว่างวัยมันห่างมาก
นิสัยใจคอ ความคิด ประสบการณ์เลยต่างกันมาก
สิ่งเดียวที่โจมีคือรักแรกรักเดียวนี่แหละ สลัดไม่หลุด

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
พี่นิตสายเอสรึเปล่าเนี่ยเลย่นายโจซะช้ำเลย

แต่นายเอกคุณจูออนหลายเรื่องก็โหดๆกว่าพระเอกทั้งนั้นนี่นะ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ระวังโจจะตื่นขึ้นมาสร้างหลักฐานบนตัวพี่นิตนะคะ  :laugh:

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เริ่มหวาดหวั่นกับอนาคตโจ ยังไม่เริ่มต้น ก็น่วมทั้งตัวขนาดนี้แล้ว  o22

ฮาตอนกั้งเข้ามาเจอโจแล้วโหวกเหวกโวยวาย ส่วนพี่นิตก็เขม่นในใจเงียบๆ มีแบคกราวน์เป็นภาพโจนอนพะงาบๆ อยู่ นึกภาพตามแล้วอดยิ้มไม่ได้ คุณจูออนไม่สนใจอยากวาดการ์ตูนตอนนี้หรอคะ คงน่ารักดีเนอะ :impress2:

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2

nicepooh

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปก็กรี๊ด ๆ ในใจไป อึดอัดใจแทนคุณพนิตจริง ๆ แต่มุมแอบหวานก็ใช่่ย่อยนะเนี่ย อิอิ รีบมาต่อให้ไว ๆ นะค้าบ อยากอ่านแล้ว  :o8:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**ตอนนี้มาไวผิดคาด (แน่นอนว่าแลกด้วยการดองสายลับที่ใกล้ต้องปิดเล่มต่อเนื่อง และเสื้อคุณเพื่อน ซึ่งเหลือส่วนประกอบอีกนิดหน่อยก็เสร็จ แต่ก็ยังไม่เสร็จ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:)

พยายามจะหาเพลงมาประกอบตอนนี้ แต่.... หาไม่เจอ นึกไม่ออกว่าเพลงไหนจะเนื้อหาตรงใจพี่นิตตอนนี้

รู้แต่ พี่นิตน่ารักจังเลยยยยยย :-[ (อาการหนักนะเนี่ย.. เรา...= =")

-------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่19
   คืนนั้นผมฝันร้าย ฝันว่าโดนผีอำ เพราะหลับไปได้สักพัก ตัวก็หนักๆ เหมือนมีอะไรมาทับเอาไว้ ผมจะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ จะร้องก็ร้องไม่ออก เลยได้แต่ครางอือๆ อาๆ หวังว่าผีจะเมตตา หยุดอำผมสักที เพราะพรุ่งนี้ผมจะต้องตื่นเช้า เจ้าผีเหมือนจะเห็นใจผมนิดหน่อย ตอนแรกผมถูกอำจนหายใจไม่ออก พอทำท่าวิงวอนในความฝันออกไป น้ำหนักที่กดลงบนตัวผมเลยลดลงไปหน่อยหนึ่ง พอให้ผมหายใจหายคอได้ บ้าจัง นี่ผีลงโทษผมเพราะลงไม้ลงมือหนักไปรึเปล่านะ? หรือบางทีอาจจะเพราะผมนอนผิดที่ก็ได้ แต่... ห้องสุภาพงษ์ผมเคยมาค้างสองสามคืนแล้วนี่นา... ทำไมถึงมาโดนผีอำเอาวันนี้ล่ะ..
   หรือว่า?!!
   ผมงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพราะนอนไม่ค่อยสนิทนัก แต่พอเห็นว่าท้องฟ้ายังดูสลัวๆ อยู่ก็พอจะนึกโล่งใจขึ้นมา เมื่อคืนท่าทางผมจะฝันร้าย จำไม่ค่อยได้แล้ว รู้แต่นอนไม่สบายเลย แต่ว่ายังตื่นเช้าอยู่ แบบนี้คงพอจะกลับบ้านทันก่อนที่สุภาพงษ์จะตื่นหรอก
   อืม.. เผลอๆ อาจจะทันทำมื้อเช้าเผื่อไว้ให้เขาด้วย... เขาคงไม่สงสัยหรอกว่าผมมาค้าง อาจจะเข้าใจว่าผมแวะมาตอนเช้าก็ได้
   พอคิดดังนั้นแล้วผมก็พลิกตัวตะแคงไปด้านข้าง เพื่อจะดูว่าอาการคนถูกผมตบเป็นอย่างไรบ้าง
   !?
   ไม่มี!?
   เดี๋ยวนะ เมื่อคืนผมแน่ใจว่าสุภาพงษ์นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ผมนี่นา
   ผมกะพริบตาปริบๆ พยายามไล่ความง่วงออกจากร่างกาย พลางเขม่นมองที่ว่างข้างเตียงอีกครั้ง เผื่อว่าอาจจะมืดจนมองผิด หรือยังไม่ตื่นเต็มตาดี แต่ว่า... ข้างตัวผมไม่มีใครแล้ว แถมผ้าห่มก็.... ย้ายมาห่มไว้ที่ผมหมด...
   ไม่จริงน่า!!!
   ผมยันตัวลุกขึ้น แล้วให้รู้สึกวูบในหัว คงเพราะลุกเร็วไปแน่ๆ ขณะที่ผมกำลังนึกตกใจ ประตูห้องก็เปิดแง้มออก แสงไฟสีนวลที่ติดอยู่ระหว่างทางเชื่อมไปห้องน้ำลอดเข้ามา พร้อมกับเงาร่างใครคนหนึ่ง
   “อ้าว.. พี่นิตตื่นแล้วหรือครับ อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยทัก จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง ผมไม่ทันเห็นหน้าเขาหรอก เพราะตามันพร่ากะทันหัน สงสัยจะลุกเร็วไปจริงๆ
   “!!” ใครคนนั้นถลันมาคว้าตัวผมไว้ โอ๊ย จะตกใจอะไรนัก ผมแค่หน้ามืด เลยฟุบ ฟุบลงบนเตียง บนหมอนด้วยนะ ไม่ได้ไปฟุบบนพื้นซีเมนต์ที่ไหน เขาทำอย่างกับผมล้มลงกลางถนนงั้นแหละ
   “พี่นิตเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ผมไม่กล้าหันไปมองเขา เพราะสัมผัสได้ว่าเขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ยังไม่ได้สวมอะไร
   “หน้ามืดน่ะ” ผมตอบ แล้วพยายามจะเอาหน้ามุดหมอน บ้าจริง! ผมวางแผนว่าจะแอบกลับไปก่อนแท้ๆ แต่เขาดันตื่นซะแล้ว ทำไงดีล่ะผม
   สุภาพงษ์รีบวางผมลงบนเตียง จับตัวผมหงายขึ้น ดึงหมอนออก แล้วม้วนผ้าห่มมารองขาผมไว้แทน จากนั้นก็จับมือผมไว้ “ทำใจดีๆ นะครับ หายใจลึกๆ”
   ผมเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของเขาแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พี่แค่ลุกเร็วไปน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
   คนที่นั่งอยู่ข้างผมเม้มปากนิดๆ ในความมืด ก่อนจะดึงมือผมไปจูบเบาๆ
   เออ แต่ผมจะเป็นลมจริงๆ ก็เพราะเขานี่แหละ
   ระหว่างที่ผมใจเต้นตึกๆ สุภาพงษ์ก็พูดออกมา “ขอบคุณนะครับ”
   “หืม?”
   ผู้ชายตัวใหญ่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและยังไม่สวมเสื้อผ้า ดึงมือผมไปจูบอีกครั้ง แล้วยกขึ้นแนบแก้ม “ขอบคุณที่มาดูแลผมนะ”
   “?!” ผมนึกหวั่นใจขึ้นมา เลยโพล่งถามออกไป “โจตื่นนานรึยัง?”
   “สักพักแล้วล่ะครับ” เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนท่ามกลางแสงสลัวยามเช้า “ที่จริงผมตื่นมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อคืน พอเห็นว่าพี่นิตหลับอยู่ข้างๆ เลยคิดว่าฝันไปแน่ๆ แต่ว่า... ผมไม่ได้ฝัน พี่นิตค้างกับผมจริงๆ”
   เขาพูดแล้วกุมมือผมแน่น ใจผมเต้นดังกว่าเดิม ได้ยินเสียงตัวเองตะกุกตะกักถามเขาไป “มะ... เมื่อคืนโจมีทำอะไรพี่รึเปล่า?”
   สุภาพงษ์สะดุ้งหน่อยหนึ่ง มือเขาที่จับมือผมไว้ร้อนวาบขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบ “ผม.. เอ่อ... แอบกอดพี่นิตไว้น่ะ ขอโทษนะครับ ผมทำให้พี่นิตอึดอัดใช่มั้ย?”
   มากเลยล่ะ........ ผมตอบในใจ แล้วให้นึกได้ว่า เจ้าหมอนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผมหลับไม่สนิท
   “โจกอดพี่หรือล้มทับพี่น่ะ” ผมถามเขา เพราะนึกขึ้นมาอีกว่า ก่อนหน้านี้เขาก็เคยกอดผม ไม่เห็นจะรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าผมตัวร้อนกว่าเดิม “แค่กอดเฉยๆ ครับ”
   “พูดจริงนะ?”
   ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าผมเม้มปากนิดๆ จากนั้นแทนที่จะพูดอะไรก่อน ดันทะลึ่งทิ้งตัวลงมาทับผมไว้ ทำเอาผมร้องเหวอ จากนั้นเขาก็กอดผมเอาไว้แน่น
   “ผมรักพี่นิตมากเลย”
   โอ๊ย นี่เขาช่วยตอบอะไรให้มันเป็นคำพูดแทนการกระทำหน่อยไม่ได้หรือไงนะ ไม่ต้องสาธิตเหตุการณ์จริงให้ผมดูขนาดนี้ก็ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอตุส่าห์กอดตอบเขาไปพอเป็นพิธี แล้วแค่นเสียง “โจ พี่หนัก”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อย แต่ก็ยอมลุกจากตัวผมโดยดี เออ ถ้าลุกช้ากว่านี้ ผมคงแบนติดเตียงเลยล่ะ เขาเห็นผมเป็นกล้วยปิ้งหรือไง ทับอยู่ได้
   “เมื่อคืนโจนอนทับพี่แบบนี้เหรอ?”
   ผู้ชายคนเดิมอึกอักอีก “ขอโทษนะครับ... ที่จริงผมกอดเฉยๆ แต่รู้ตัวอีกทีก็ทับพี่ไปแล้ว”
   “?!”
   “แต่พอรู้ตัวผมก็รีบลุกเลยนะ เห็นพี่นิตครางอือๆ เหมือนอึดอัดมาก”
   แน่สิ ตัวหนักอย่างกับอะไร!!
   ผมมองหน้าเขา พอดีกับว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างขึ้นมาแล้ว สายตาเลยเหลือบไปเห็นแผงอกเปลือยของเขาเข้า
   โอ๊ย!! ผมควรบอกเขาไหม ว่าหยุดเปลือยต่อหน้าผมที ผมจะความดันขึ้นตายเพราะกล้ามแน่นๆ ของเขานี่แหละ
   “โจ”
   “ครับ?”
   “ไปใส่เสื้อผ้าไป”
   “.................................”
   “.............................................”
   “พี่นิตไม่ชอบให้ผมถอดเสื้อเหรอ?”
   โห..... ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีก ใครบ้ามันจะชอบมองคนถอดเสื้อ เอ่อ... ที่จริงมันก็น่ามองหรอกนะ... แต่... แบบนี้มันใกล้เกินไป เป็นส่วนตัวเกินไปแล้ว นี่ถ้าเขาถ่ายแบบลงหนังสือผมคงมองได้สบายใจ เอ๊ะ ไม่สิ ถ้าเขาไปถ่ายแบบลงหนังสือจริงล่ะก็... ผมคงโมโหนะ...
   ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหุ่นเขา สุภาพงษ์ก็ดึงมือผมไปจูบอีก... จูบเปล่าๆ ยังพอทน แต่นี่เขาจูบแล้วอ้าปากเลียนิ้วผมด้วย ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก “นิ้วพี่ไม่ใช่ไอติมนะ”
   คนตรงหน้าผมไม่ตอบอะไร ใช้แค่แววตาเซื่องสนิทมองผม ตาเขาเป็นประกายนิดๆ คงเพราะแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องสะท้อนเข้าให้ล่ะมั้ง ผมใจเต้นตึกๆ ขณะที่เขาเลียนิ้วผมอีกครั้ง
   !!!!!!!!
   ผมสะดุ้งหน่อยหนึ่ง เพราะเขาเลียนิ้วผมแล้ว ก็จับมือผม เลื่อนไปแตะหน้าอกเขา ตัวเขาร้อนชะมัด สงสัยความร้อนมันจะถ่ายเทผ่านมือผมมา หน้าผมเลยพลอยร้อนไปด้วยแล้ว
   สุภาพงษ์เอามือผมไปแตะหน้าอกเขาแล้ว ก็มองผมตาเชื่อม ให้ตายสิ หัวใจผมเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาเสียให้ได้ จากนั้น เขาก็ไล้มือผมไปตามช่วงเอว ผ่านหน้าท้องแน่นๆ จนแตะเข้ากับขอบผ้าเช็ดตัว ทำเอาเลือดลมผมตีกลับจนแทบจะหน้ามืดทั้งๆ ที่ยังนอนหนุนขาสูงอยู่แบบนั้น
   “โจ!!!”
   “...............” คราวนี้เขาไม่ตอบผมแล้ว แต่ค่อยๆ จับมือผมล้วงเข้าไปในขอบผ้าเช็ดตัว เอาล่ะสิ เขาจะทำอะไรน่ะ... จะให้ผมแก้ผ้าเขาหรือไง ไม่ได้นะ แบบนี้แย่แน่ๆ!!!
   “แก้มเป็นไงบ้าง” ผมโพล่งถาม คราวนี้เขาชะงักไปหน่อย ผมไม่รอให้เสียโอกาส รีบดึงมือกลับมาทันที แล้วพูดเร็วปรื๋อ “เมื่อวานแก้มโจช้ำมากนะ ตอนนี้เป็นไงบ้างน่ะ”
   ผมกลัวไม่สมเหตุสมผลพอ เลยยกมือจับหน้าเขาไว้เบาๆ สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ”
   “อ้อ... เหรอ” ผมรีบพูดต่ออย่างกับคนกลัวว่าถ้าช้าจะอดพูด “พี่ทำลูกประคบมาให้น่ะ โจเห็นแล้วยัง?”
   “............”
   “เดี๋ยวพี่ออกไปอุ่นให้นะ จะได้ประคบต่อ” ผมพูดอีก พยายามตั้งสติเต็มที่ พลางคิดว่าถ้าเขายังไม่ลุก จะงัดไม้ไหมมาใช้อีกดี
   สุภาพงษ์นิ่งไปสักพัก ก็ถอนหายใจออกมา แล้วก้มลงจูบหน้าผากผม “พี่นิตไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
   ผมยังอึ้งๆ ที่ถูกเขาจูบหน้าผากเหมือนเด็กๆ กำลังจะพูดตอบโต้ออกไป ผู้ชายพูดน้อยตรงหน้าผม ก็ดันแย่งพูดทันอีก
   “ถ้าพี่นิตไม่ไป... ผมจะจัดการพี่นิตนะ”
   “!!!!!!!!!!!” ผมรีบผลักเขาออก แล้วไถลลงจากเตียงทันที “เด็กบ้า!” จากนั้นก็เดินงุดๆ ไปที่ห้องน้ำ โดยไม่ได้หันกลับไปมองอีก
   กลัวน่ะ กลัวจะเห็นหน้าเขา เขาทำหน้าแบบไหนผมก็กลัวทั้งนั้นแหละ
   ใจผมเต้นแรงขนาดนี้ จะไม่ให้กลัวได้ไงล่ะ
--------------------------------------------
   โชคดีคราวนี้ผมไม่ลืมผ้าเช็ดตัว เพราะพาดเตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากวางแผนว่าจะรีบกลับไปตอนเช้า แต่แผนผมก็ดันพังไม่เป็นท่า เพราะคนที่คิดว่าน่าจะหลับเป็นตายดันตื่นมากลางดึก แล้วก็กอดผมไว้ด้วยท่าทางพิลึกๆ จนผมแทบจะหายใจไม่ออกตาย เออ... เอาไงเอากัน ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ผมพยายามปิดบังขนาดไหน คงปิดไม่อยู่แล้วล่ะ
   ปัญหาคือ ต่อให้ผมไม่มีเหลี่ยมอะไรให้ลับแล้ว ใจผมก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี
   ผู้ชายรูปหล่อ ที่ผมแอบมองอยู่หลายเดือน มาสารภาพว่าตกหลุมรักผมมาตั้งนานนม แถม... นิสัยเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีอะไร แค่พูดน้อยไปหน่อย กับปากไวในเรื่องไม่สมควร ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใจผมมันดันเต้นแรงกับเขาไปทุกที ทั้งๆ ที่พยายามจะปิดบังสารพัดวิธีแล้ว แต่ก็ดูจะปิดไว้ไม่อยู่
   แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าเปิดเผยออกมาทั้งหมดหรอก ใครไม่เป็นผมคงไม่รู้ ผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองมาเป็นค่อนศตวรรษ ทำอะไรตามใจตัวเองมาโดยตลอด เคยฝังใจกับแผลที่เพื่อนซึ่งผมแอบชอบสร้างไว้อย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความรักที่สำหรับตัวผมแล้ว มันค่อนข้างกะทันหัน ผมตั้งตัวไม่ทัน บอกตัวเองไม่ได้ว่าจะรับมือยังไงดี ผมไม่มีประสบการณ์ ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ ผมกลัวถ้าตกลงใจเร็วเกินไป แล้วมันไม่ราบรื่นแล้วล่ะก็ ผมคงจะเจ็บหนัก
   ผมมันคนเห็นแก่ตัว รักโลกส่วนตัวของตัวเองยิ่งกว่าอะไร แต่ก็ยังไม่วายแอบเก็บต้นรักที่ได้รับกะทันหันนี้มาใส่เอาไว้ด้วย
   ไม่รู้ว่าต้นรักต้นนี้มันแอบมาขึ้นในหัวใจผมเมื่อไหร่ แต่มันคงจะขึ้นสูงและต้นใหญ่มากแล้วล่ะ ผมไม่กล้ามองหรอก ผมกลัว แค่เห็นเงาของมัน ผมก็หวั่นใจแล้ว
   มันชักจะใหญ่คับใจผมเข้าทุกที ผมกลัวมันจะกินหัวใจผมเข้าไปหมด แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมันตายลง... ผมจะทำยังไง
   ผมพยายาม พยายามจะไม่รดน้ำ ไม่บำรุงอะไรต้นรักต้นนี้ แต่มันก็ยังโตเอาๆ บ้าจริงเชียว โตจนผมจะปิดไว้ไม่อยู่แล้ว
   แต่ผมก็ยังกลัว...
   ผมกลัวมากจริงๆ............
   “พี่นิตครับ”
   ผมสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาทันที เลยรีบปิดฝักบัว เพื่อฟังว่าคนด้านนอกห้องน้ำจะพูดอะไร
   “พี่นิตอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมจะได้ทำเผื่อ”
   “?!”
   “พี่นิต?”
   พอเห็นน้ำเสียงเขาเป็นกังวล ผมเลยรีบตอบไป เพราะกลัวว่าเขาจะพังประตูเข้ามา “อ้อ.. อะไรก็ได้ โจจะทำกับข้าวเหรอ?”
   “ครับ พี่นิตไม่เป็นอะไรนะครับ?” เขาถาม สงสัยเพราะเห็นผมเปิดฝักบัวทิ้งไว้ล่ะมั้ง ผมนึกอายตัวเองที่ผลาญทรัพยากรอันมีค่าไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ เลยตอบเขาไป “เปล่าๆ พี่จะอาบน้ำเสร็จล่ะ เดี๋ยวออกไปช่วยแล้วกันนะ”
   จากนั้นผมก็รีบถูสบู่ ล้างตัวแล้วเช็ดจนแห้ง ใส่เสื้อผ้าตัวเมื่อวานออกมาจากห้องน้ำ พอเดินออกไปก็เห็นสุภาพงษ์ยืนหันหน้าเข้าหาเตา หันหลังให้ผมอยู่ ท่าทางจะทำกับข้าวจริงๆ เลยเดินเข้าไปหา
   “โจทำกับข้าวเป็นหรือ?”
   “พอเป็นนิดหน่อยครับ” เขาตอบแล้วหันหน้ามามองผม อืม... แก้มเขาดีกว่าเมื่อวานเยอะล่ะ แต่ยังมีรอยช้ำเห็นได้อยู่ ผมเห็นแล้วนึกได้ เลยถามเขาไป “แล้วนี่โจไม่ไปทำงานเหรอ?”
   “ผมโทรไปบอกคุณอรนภาแล้วครับ ว่าขอหยุดอีกวัน ท่าทางเธอจะเป็นห่วงผมอยู่” สุภาพงษ์ตอบผม “ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลำบากกันไปหมดเลย”
   “อืม...” ผมส่งเสียง แล้วถามเขาอีก “โจหยุดบ่อยนะเนี่ย”
   เขานิ่งไปพักหนึ่ง “ขอโทษครับ”
   แต่อันที่จริง สาเหตุที่ทำให้เขาหยุดงานส่วนใหญ่ เหมือนจะเป็นผมด้วยมั้ง ไม่สิ เขาทำตัวเองต่างหาก ผมแค่แวะมาดูตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละ
   ผมมองแผ่นหลังกว้างๆ เขาแล้วก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เขาแสดงฝีมือทำครัวบ้าง เพราะเขากินฝีมือผมมาหลายมื้อแล้ว แต่ผมยังไม่เคยลองฝีมือเขาเลย คิดดังนั้นแล้วผมเลยเดินไปนั่งที่โซฟา
   “เออ จริงสิ โจเปิดโทรศัพท์แล้วยัง?” ผมถาม เพราะเห็นโทรศัพท์ของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะ เลยนึกได้ สุภาพงษ์ตอบผมเสียงงึมงำ “ค่อยเปิดพรุ่งนี้ครับ”
   “?!” ผมหันไปมองเขาทันที “ทำไมล่ะ?”
   “ไม่อยากถูกรบกวนความเป็นส่วนตัวน่ะครับ” เขาตอบ พลางขยับตะหลิวด้วยท่าทางคล่องแคล่วพอดู ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่เขายืมคำพูดใครมานะเนี่ย ฟังดูคุ้นๆ
   “ท่าทางโจทำครัวคล่องนี่นา ทำไมครั้งแรกที่พี่มาที่ห้อง โจถึงบอกว่าแฟนเก่าชอบทำครัวล่ะ?” ผมถาม เพราะนึกได้ว่าเขาไม่เคยพูดมาก่อนว่าทำอาหารเป็น สุภาพงษ์ตอบทันใจ “กั้งชอบทำน่ะครับ วันดีคืนดีเขาก็แวะมาทำให้ผมทาน ผมพอทำเองได้ แต่ไม่ชอบทำเฉยๆ น่ะ”

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “อ้อ...” ผมส่งเสียง แบบยังงงๆ อยู่นิดหน่อย “แล้วทำไมวันนี้เกิดอยากทำล่ะ”
   “เพราะพี่นิตน่ะครับ” คำตอบเขาทำให้ผมนิ่วหน้า “พี่ทำกับข้าวไม่ถูกปากโจเหรอ?”
   สุภาพงษ์หันหน้ามามองผมทันที ก่อนจะพูดเร็วปรื๋อ “ไม่ใช่นะครับ ผมแค่อยากทำให้พี่นิตทานบ้าง... ผมชอบกับข้าวฝีมือพี่นะ”
   “ไม่อร่อยก็บอกเถอะน่า พี่ไม่ได้ทำเก่งอะไร” ผมว่า คราวนี้เขาตอบเสียงร้อนรน “อร่อยสิครับ พี่นิตทำอร่อยนะ แต่ว่า... ผมอยากทำ... อยากทำอาหารให้คนที่ชอบบ้าง”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายออกมา เลยรีบถามคำถาม เพื่อตัดคำพูดของเขา ที่อาจจะหลุดออกมาทำเอาผมสำลักอีก “แล้วแต่ก่อนโจทำให้ใครทานน่ะ”
   “แม่กับน้าครับ”
   ผมเริ่มได้กลิ่นหอมๆ ท่าทางเขาจะทำข้าวผัด อาจจะเป็นข้าวผัดเปรี้ยวหวาน เพราะได้กลิ่นเหมือนสัปปะรด นี่เขาไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
   “โจซื้อกับข้าวเตรียมไว้เหรอ?”
   “ลงไปซื้อตอนเช้ามืดนะครับ เห็นพี่นิตหลับอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะเตรียมอะไรไว้ให้พี่นิตทาน แต่ว่าพี่นิตตื่นมาก่อน เลยอดเซอร์ไพรส์เลย”
   ‘แค่เธอตื่นก่อนพี่ก็ตกใจแทบแย่แล้วล่ะ’ ผมนึกในใจ พลางมองผู้ชายรูปหล่อที่แก้มยังช้ำอยู่นิดๆ ทำครัว อืม.... เขาดูดีจริงๆ นะเนี่ย วันนี้ถ้าประคบต่อสักหน่อย พรุ่งนี้น่าจะหายแล้วล่ะ.. ผมนี่ก็ทำลายหลักฐานเก่งเหมือนกัน เสียอย่างเดียว ถูกเขาจับได้กลางคันเสียก่อน แบบนี้จะเรียกว่าเก่งหรือไม่เก่งกันแน่นะเนี่ย
   เพราะเห็นแล้วว่าจ้องเขาไป สมองมีแต่จะคิดฟุ้งซ่าน ผมเลยหันไปให้ความสนใจกับอย่างอื่นแทน เริ่มแรกก็คือเปิดโทรทัศน์ แต่ดูได้ไม่ถึงห้านาทีก็ต้องรีบปิด ไม่มีรายการอะไรถูกใจผมสักอย่าง ช่วงเช้าวันธรรมดาก็แบบนี้แหละ มีแต่รายการข่าว ฟังแล้วก็รู้สึกเครียดขึ้นมา คือไม่ใช่ว่าผมปิดโลกไม่รับรู้อะไรนะ ที่จริงผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน ถึงจะไปยืมอ่านที่ร้านตามสั่งใกล้บ้านก็เถอะ ผมว่าตัวหนังสือมันละมุนละม่อมกว่าฟังเสียงกับดูภาพนะ แถมบางอย่าง ผมดูแล้วอารมณ์เสีย อารมณ์เสียแล้วมันก็พาให้คิดนิยายไม่ออกด้วย สุดท้ายมันก็กระเทือนกับงานผม เพราะงั้น... ผมปิดดีกว่า
   พอผมปิดโทรทัศน์ มื้อเช้าก็ถูกเอามาวางตรงหน้าผมพอดี โดยพ่อครัวจำเป็นแถมรูปหล่ออย่างกับพระเอกหนัง นี่ถ้าผมไม่ตั้งตัวไว้ก่อน มีหวังได้มองตาค้างจริงๆ แน่
   สุภาพงษ์นั่งลงข้างๆ แล้วขยับมาใกล้ผม แน่ะ... เมื่อคืนกับเมื่อเช้ายังใกล้ไม่พออีกหรือไง.....
   ผู้ชายรูปหล่อที่แก้มยังมีรอยช้ำนิดๆ ขยับมาใกล้แล้วก็ชม้อยตามองผม จากนั้นก็เม้มปาก แต่ไม่ยอมแตะข้าวในจานตัวเองสักที ผมกลัวตัวเองอดปากไม่ไหว แขวะอะไรเขาแล้วจะเข้าตัวอีก เลยรีบตักข้าวขึ้นมาทานก่อน
   “เป็นไงบ้างครับ” เขาถาม เมื่อเห็นว่าผมตักข้าวฝีมือเขาเข้าปากไปแล้ว ผมเคี้ยวจนละเอียด กลืนลงไปจนเกลี้ยง แล้วหันหน้าไปตอบเขา “อร่อยดี โจก็ทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะ”
   คนตรงหน้าผมเม้มปาก ตาเป็นประกายเลย จากนั้นก็ขยับเข้ามาอีก “ผมดีใจจัง”
   ผมถอยออกมาหน่อย เพราะรู้สึกเหมือนเขาจ้องจะกินผมมากกว่ากินข้าวแล้ว “โจ.. ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นหมด”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อย แต่ก็ยอมก้มลงทานข้าวแต่โดยดี ผมแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารฝีมือเขา
   เขาทำอร่อยจริงๆ นะ ไม่เกี่ยวกับว่าเพราะหน้าตาหรอก
   เราทานข้าวเช้ากันเงียบๆ มีแค่เสียงพัดลมครางหึ่งๆ กับเสียงเครื่องยนต์จากรถบนถนนด้านล่างซึ่งดังแว่วขึ้นมาตามช่องหน้าต่างที่เปิดอยู่ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกถึงไออุ่นและเสียงลมหายใจของเขา สงสัยเพราะเราจะนั่งติดกันเกินไปล่ะมั้ง
   ทานเสร็จผมก็หยิบจานตัวเองไปล้าง สุภาพงษ์พูดขึ้นมาทันที “ไม่ต้องครับพี่นิต เดี๋ยวผมล้างให้” จากนั้นเขาก็ฉวยจานจากมือผม แล้วเดินดิ่งไปที่อ่างล้างจาน ผมหัวเราะเบาๆ “โจกลัวพี่แย่งงานทำหรือไง?”
   “ปะ... เปล่าครับ” เขาตอบ แล้วหน้าแดงนิดๆ “เห็นว่าเมื่อวานพี่นิตอุตส่าห์ไปทำลูกประคบมาประคบปากให้ผมน่ะ”
   “อืม” ผมตอบ แล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องประคบให้เขาต่อ เลยเดินไปหยิบหม้อมาใส่น้ำเพิ่ม แล้วเปิดเตาเพื่อนึ่งให้มันร้อน
   “นี่ถ้าเปิดไว้ตั้งแต่ตะกี้ก็ร้อนทันแล้ว” ผมแอบบ่นหน่อยๆ เพราะเสียดายเวลา สุภาพงษ์ที่เพิ่งคว่ำจานเสร็จ รีบหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ จากนั้นก็ขยับมาโอบเอวผมไว้ “ไม่เป็นไรครับ รอก็ได้”
   ผมขยับหน่อยหนึ่ง พลางคิดว่านิสัยมือถึงก่อนปากของเขาท่าจะแก้ไม่หายจริงๆ แค่รอน้ำเดือด ทำไมต้องมากอดผมไว้ด้วยนะ
   “พี่นิต...”
   “หืม?” ผมหันไป แล้วก็ต้องผงะ เพราะเขายื่นหน้าเข้ามาจบเกือบจะชนกัน เพราะคิดว่าเขาคงมีเจตนาอยู่ที่ปาก ผมเลยรีบชิงใช้มันก่อน “โจ เจ็บมากมั้ย แก้มน่ะ”
   สุภาพงษ์อึ้งไปนิดๆ แล้วสั่นศีรษะ
   “งั้น... พี่ตบซ้ำอีกดีมั้ย” ผมพูดล้อเขา หนุ่มรูปหล่อตรงหน้าผมหน้าตื่นขึ้นมาอีกนิด จากนั้นก็เม้มปาก “ตบแล้วพี่นิตจะทำลูกประคบมาให้ผมอีกมั้ย”
   “เหอะ ไม่ทำมาให้แล้วล่ะ” ผมว่า แล้วรีบหันหน้าหนี กลัวจะโดนเขาชิงปิดปากด้วยอย่างอื่นแทนคำพูดน่ะ สุภาพงษ์กอดผมแน่นอีก “งั้น ผมเจ็บครับ พี่นิตอย่าตบผมอีกเลยนะ”
   “ถ้าโจทำตัวไม่ดีกับพี่อีกล่ะก็ พี่ตบไม่เลี้ยงแน่”
   “................”
   “ไม่มาโอ๋แบบนี้ด้วย”
   เขากอดผมแน่นกว่าเดิม “ผมไม่ทำแล้วล่ะ ไม่อยากถูกพี่นิตโกรธแล้ว”
   “อืม ดีแล้วล่ะ” ผมส่งเสียง แล้วยกมือขึ้นลูบมือเขาที่กอดเอวผมอยู่เบาๆ “พี่ก็ไม่อยากเป็นลมเพราะโจอีกแล้ว”
   ได้ยินเสียงสุภาพงษ์สูดหายใจลึก จากนั้น ริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาก็แนบเข้ากับแก้มผมเบาๆ ผมร้อนวาบไปทั้งตัว
   “พี่นิต” เขากระซิบเสียงแผ่ว แล้วขบติ่งหูผมเบาๆ ผมสะท้านตัวเฮือก แทบจะครางออกไป โชคดีที่น้ำเดือดพอดี ผมเลยหาจังหวะพูดออกมาได้ “น้ำเดือดแล้วน่ะ”
   “ครับ” ผู้ชายด้านหลังส่งเสียงงึมงำในคอ แล้วจูบแก้มผมอีกรอบ ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยผมแต่อย่างไร ผมกลั้นใจ ยอมให้เขาจูบอย่างนั้นอยู่พัก ก็พูดออกมาอีก “โจไปนั่งที่โซฟานะ เดี๋ยวจะได้ประคบหน้าต่อ”
   สุภาพงษ์กอดผมต่ออีกสองสามอึดใจ ก็พยักหน้า แล้วพูดออกมา “งั้นผมช่วยยกไปนะ”
   เขาคลายวงแขนออก แล้วหยิบถุงมือมาสวมเพื่อยกหม้อออกจากเตา ผมเลยหยิบจานมารองให้ จากนั้นเราก็เดินไปที่โซฟา สุภาพงษ์วางหม้อนึ่งลง แล้วนั่ง ผมเลยหยิบลูกประคบด้านในออกมา ห่อผ้าพออุ่น แล้วค่อยๆ ประคบแก้มให้เขา ระหว่างนั้น สุภาพงษ์ก็ยื่นมือมาโอบเอวผมไว้
   ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ใจผมเต้นตึกๆ บ้าจริง ผมตั้งใจแค่ว่าจะมาแอบประคบให้เขาตอนหลับ พอเขาตื่นมาจะได้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมแก้มหายช้ำแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมาประคบให้เขาต่อตอนเขาตื่นแบบนี้ แถม... เขาจะเอามือโอบเอวผมไว้ทำไมนะ ที่วางที่อื่นไม่มีแล้วหรือไง
   ประคบไปได้สักพัก สุภาพงษ์ก็พูดออกมา “พี่นิต นั่งตักผมมั้ย?”
   ผมยังไม่ได้ตอบหรือทำท่าอะไรตอบรับคำถามเขาเลยสักอย่าง สุภาพงษ์ก็ดันรวบเอวผมจนลงไปนั่งบนตักเขาจนได้ ผมถลึงตาใส่เขาหน่อย ให้เขารู้ว่าผมไม่เต็มใจ แต่พอเห็นรอยยิ้มนิดๆ บนหน้าเขา ตาผมมันก็พาลจะหลบลงพื้นเอาดื้อๆ พอดีว่าแถวนี้ไม่มีพื้นให้ผมมอง มีแต่ตัวล่ำๆ ของเขาน่ะ
   จากนั้นเขาก็ขยับหน้าเข้ามา ทำท่าจะทำอะไรกับแก้มหรือปากผมอีก ผมเลยเอาลูกประคบขยี้แก้มเขาเสียเลย คราวนี้ผู้ชายตัวใหญ่ที่ให้ผมนั่งตักสะดุ้งเฮือก แล้วร้อง”อ๊ะ”ออกมา
   “เหอะ!” ผมแค่นเสียง นึกสมน้ำหน้าเขา แต่พอเห็นเขาทำหน้าเจื่อน ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เจ็บเหรอ?”
   “เปล่า ตกใจน่ะครับ” สุภาพงษ์ตอบ แล้วขยับมือมาจับมือผมไว้ “พี่นิตมือหนักจริงด้วย”
   ผมล่ะอยากจะขยี้ซ้ำอีกทีจริงๆ แต่ก็นึกได้ว่าเดี๋ยวแก้มเขาจะยิ่งช้ำกว่าเดิม เลยแค่นเสียบตอบเขาไป “พี่มือหนักแน่ ถ้าโจยังอยู่ไม่นิ่งแบบนี้ล่ะก็”
   คราวนี้สุภาพงษ์ยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมประคบแก้มเขาแต่โดยดี ไม่ทำมือไม้ซุกซนแบบตะกี้แล้ว ผมเลยช่วยรักษาน้ำใจเขาหน่อย ค่าที่เชื่อฟัง เลยยอมนั่งตักเขาแล้วช่วยประคบให้ทั้งแบบนั้น
   สุภาพงษ์หลุบตาลงต่ำ ตอนที่ผมประคบให้ ดีเหมือนกัน ผมจะได้มองหน้าเขาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะเห็นสายตาตัวเอง ระหว่างที่กำลังเพลินกับการมองสันกรามสวยๆ ของเขา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทั้งผมและสุภาพงษ์สะดุ้งเฮือก ผมรีบลุกจากตักเขาทันที
   “พะ.. พี่ไปเปิดให้นะ” ผมตะกุกตะกักด้วยความตกใจนิดๆ แล้วทำท่าจะผลุนผลันไปเปิดประตูห้อง แต่สุภาพงษ์ยึดมือผมไว้ “ไม่ต้องครับ พี่นิตนั่งเถอะ ผมเปิดเอง”
   ผมมองเขา แล้วพยักหน้าหงึกๆ นึกอายขึ้นมาว่าเขาเป็นเจ้าของห้อง แถมยังตื่นอยู่ แต่ผมดันจะทะลึ่งไปเปิดประตูเองซะแล้ว ผมนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ
   เหมือนสุภาพงษ์มีสีหน้าไม่สบอารมณ์พอสมควร ไม่รู้ว่าเพราะผมออกตัวจะเปิดห้องแทนเขา หรือว่าเพราะถูกเสียงเคาะขัดจังหวะกันแน่ เขาแทบจะจับผมให้นั่งบนโซฟา แล้วก้าวยาวๆ ไปเปิดประตู
   “ไอ้โจ!!!” เสียงของคุณากรดังเข้ามาก่อนที่ผมจะได้เห็นตัวเขาเสียอีก สุภาพงษ์เปิดประตูแง้มไว้ แต่ไม่ได้ก้าวออกไปนอกห้อง แล้วก็ไม่ได้เปิดให้คนด้านนอกเข้ามา ผมได้ยินเสียงคุณากรพูดต่อ “ตื่นแล้วไม่รู้จักหัดเปิดโทรศัพท์วะ!”
   “ขอโทษที” ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยังยืนขวางประตูตอบเสียงเรียบ ได้ยินเสียงคนด้านนอกขึ้นเสียงสูง “ไม่ต้องมาขอโทษเลย ของที่ฝากหาให้ล่ะ อย่าบอกนะว่าลืม”
   “เปล่า” สุภาพงษ์ตอบ แล้วพูดต่อ “โทษทีนะ เดี๋ยวหยิบมาให้แล้วกัน รอตรงนี้นะ”
   “เฮ้! ห้องมีพญานาคอยู่หรือไงนะ คนกันเองแท้ๆ วันนี้ดันมาบอกให้รอนอกห้อง” คุณากรโวยอีก ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ตอบไป “ขอร้องล่ะครับคุณกั้ง ช่วยรอข้างนอกได้มั้ย ผมกำลังมีช่วงเวลาส่วนตัวน่ะ”
   “ห๊ะ!” คุณากรร้อง ผมเองก็เกือบร้องออกไปด้วย อะไรคือช่วงเวลาส่วนตัวน่ะ เขาพูดงี้หมายความว่าไง?!
   จากนั้นสุภาพงษ์ก็เดินเข้ามาในห้อง หยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วล้วงกระดาษที่พับไว้เป็นแผ่นเล็กๆ ขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูอีกครั้ง คราวนี้ผมฟังไม่ออกแล้วว่าคุณากรพูดอะไร เพราะเหมือนเขาจะลดเสียงเป็นเสียงกระซิบ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังพูดถึง “ช่วงเวลาส่วนตัว” ที่สุภาพงษ์ว่าตะกี้รึเปล่า แต่ทำไมเขาต้องลดเสียงลงด้วยนะ หรือว่าเขาจะรู้ว่าผมอยู่ หรือว่านั่นจะหมายถึงผม?!
   ผมชักร้อนตัวนั่งไม่ติด อยากจะออกไปอธิบายว่าผมแค่มาดูแลเขา ค่าที่ทำเขาเจ็บหนักเกินกว่าเหตุ ไม่สิ ผมแค่ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนมือไม้หนักเหมือนยักษ์เหมือนมารต่างหากล่ะ แล้วเจ้าคนต้นเหตุที่ทำให้ผมคิดแบบนี้ ก็คือคุณากรที่ยืนกระซิบกระซาบอยู่นอกประตูนั่นแหละ
   ไม่ได้ ผมปล่อยให้เขาคิดเองเออเองไม่ได้เด็ดขาด
   “โจ” ผมเรียกผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ ระหว่างเดินเข้าไปหา สุภาพงษ์หันกลับมามองผม ตามด้วยหน้าของนายคุณากรที่ชะเง้อมา “ว้าว คุณพนิต ยอดไปเลยครับ ผมอิจฉาโจจริงๆ นะเนี่ย”
   ผมอ้าปากค้าง ไอ้คำที่นึกจะมาพูดหลุดหายเข้าไปในคอหมด นี่เขาคุยกันว่าอะไรน่ะ?
   “นี่ถ้าผมโดนคุณพนิตตบ คุณพนิตจะมาดูแลผมบ้างไหมเน้อ” คุณากรรำพึง แล้วหรี่ตามองผม ผมเลยถลึงตาใส่เขาไป พยายามนึกหาคำพูดที่เหมาะสมตอบโต้ ขณะที่สุภาพงษ์มีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็โดนคุณากรชิงพูดขึ้นอีกจนได้ “คุณพนิตครับ วันหลังตบอีกสิครับ ตบโจนะ มันคงชอบ โดนตบแล้วมีคุณพนิตมาดูแลขนาดนี้เนี่ย”
   “กั้ง!” สุภาพงษ์พูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ “ไหนบอกว่ารีบเขียนข่าวไง”
   “เออ!” คุณากรทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ให้ตายสิ เพราะนายนั่นแหละ เอาแต่ปิดโทรศัพท์ บ้าจริงเชียว ดีนะที่ยังโชคดี มีอย่างอื่นให้เขียนแก้ขัดไปก่อน” เขาบ่น จากนั้นก็หันมาหาผม “ต้องขอบคุณคุณพนิตเลยนะครับ ผมเลยได้รู้จักกับคุณภูมิวัฒน์จริงๆ สักที คราวนี้ผมได้แหล่งข่าวสำคัญอีกคนแล้ว ว่าแต่... คุณพนิตเส้นให้ผมหน่อยสิ พี่ภูมิเขาเล่นตัวเวลาให้ข่าวมากเลย”
   ผมถลึงตาใส่เขาแทนคำตอบ พลางนึกว่าภูมิวัฒน์เล่นตัวตรงไหน วันนั้นก็คุยกันสารพัดเรื่อง เพื่อนผมพูดจนน้ำลายแทบแตกฟอง
พอเห็นว่าบรรยากาศชักไม่เป็นใจ คุณากรก็รีบหลบฉาก ปลีกตัวออกไปทันที “งั้น... ผมไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวโดนเจ้านายด่า โจ... ดีใจด้วยนะ” เขาว่า แล้วยื่นมือมาตบแก้มอดีตแฟนเบาๆ ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไป สุภาพงษ์รีบปิดประตูทันที
   “ขอโทษแทนกั้งด้วยนะครับ เขาออกจะ... เอ่อ.... เป็นคนแบบนี้แหละ”
   “อืม” ผมพยักหน้า แล้วถอนหายใจเฮือก “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือหรอก”
   สุภาพงษ์นิ่งไปอีก ผมเลยตบไหล่เขา “นี่... ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เขาก็ดูร่าเริงดีออก โจยังเคยชอบเลยไม่ใช่หรือไง?”
   “เปล่า” เขาปฏิเสธทันที “คนที่ผมชอบมีแต่พี่นิตคนเดียว”
   ผมเงยหน้ามองเขา แล้วถอนใจอีก “นี่ ไม่ต้องพูดเอาใจพี่ขนาดนี้ก็ได้ ถ้าไม่เคยชอบ แล้วโจจะคบเป็นแฟนกับเขาหรือ?”
   สุภาพงษ์เม้มปากหน่อยๆ “เพราะเขาคล้ายๆ พี่น่ะ”
   “................” ผมเลิกคิ้ว “คล้ายตรงไหนน่ะ?”
   สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุยเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
   เออ จริงด้วยสิ ผมเป็นต้นเหตุให้พวกเขาเลิกกันตั้งแต่ตอนไหนนะ ตอนแรกคิดว่าเป็นตอนที่สุภาพงษ์มาขอผมให้เซ็นสัญญาเขียนเรื่องให้เขา แต่คุณากรเคยบอกว่าเลิกกันไปเป็นสิบปีแล้ว สรุปว่าผมไปทำให้ความรักคนอื่นเขาแตกหักตอนไหนนะเนี่ย
   “โจเลิกกับกั้งเมื่อไหร่น่ะ”
   “ตอนอยู่ปีสี่ครับ” ผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าตอบผม “วันนั้นผมกับเขาไปงานเปิดตัวหนังสือของพี่นิต... หนังสือเรื่องเสียงกระซิบจากห้วงน้ำไกลโพ้นไงครับ”
   ผมเลิกคิ้ว แล้วนึกย้อน “นั่นมันตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไงน่ะ?”
   “ครับ... สักสิบกว่าปีแล้วล่ะ” เขาตอบ ผมมองอึ้งๆ เออ.. ผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นบ.ก.ที่ผมเขียนเรื่องให้ เป็นคนรู้จักกันกับน้าชาย ก็เลยสนับสนุนงานผมน่าดู ถึงกับจัดงานเปิดตัวหนังสือให้ผมเลย แต่ก็นะ หนังสือเล่มนั้นยอดขายดีจริงๆ เป็นหลายๆ เล่มที่ยอดสูงเป็นประวัติการณ์ของผมเลย นึกแล้วก็เสียใจอยู่เหมือนกัน ที่เขาด่วนลาโลกไปก่อน ไม่งั้นผมคงได้เขียนงานกับเขายาว เพราะบ.ก.คนใหม่ไม่ค่อยอยากได้งานสไตล์ผมเท่าไหร่ ผมเลยต้องย้ายสำนักพิมพ์
   “แต่พี่ไม่เห็นโจเลยนี่” ผมว่า เพราะงานนั้นมีคนมาขอลายเซ็นผมหลายคน แต่กลับไม่มีความทรงจำว่าเจอสุภาพงษ์อยู่เลยสักกระผีกเดียว
   “ผมไม่ได้ไปหาพี่หรอก มัวแต่เขินน่ะ” สุภาพงษ์ตอบ แล้วเม้มปาก “ตอนนั้นผมเขินพี่จนไม่เป็นอันทำอะไรเลย กั้งเลยเอาหนังสือผมไปขอลายเซ็นให้”
   “?” ผมนึกทบทวน วันนั้นมีคนเอาหนังสือมาขอลายเซ็นเยอะ แต่คนที่หยิบหนังสือมาสองเล่มเหมือนจะมีแค่คนเดียว เออ เหมือนจะจำได้ลางๆ ว่าเป็นนักศึกษา ท่าทางน่ารักคนหนึ่ง เข้ามาขอลายเซ็น บอกว่าเพื่อนอาย ไม่กล้ามาขอ ตกลงนั่นคุณากรหรอกเหรอ?
   ผมมองสุภาพงษ์อีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าเขาหน้าแดงจัด “ผมขอโทษนะ แต่ว่า พี่นิตน่ารักมากจริงๆ ผมกลัวว่าถ้าเข้าไปขอลายเซ็นจะเผลอทำอะไรไม่ดีลงไป”
   “จะทำอะไรล่ะ” ผมถามเขา และรู้สึกขำขึ้นมา เขาจะทำอะไรผมกลางงานน่ะ ท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้จะทำอะไรได้
สุภาพงษ์เม้มปาก จากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด แล้วจูบแก้มผมอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว “กลัวว่าจะเผลอทำแบบนี้ลงไปน่ะ”
ผมหน้าเห่อวาบ บ้าแล้ว เกิดเขาไปกอดผมกลางงานแบบนี้ อย่าคิดเลยว่าผมจะยอมให้เขากอด ผมคงได้กระทืบเขาตายคางานแน่ๆ
สุภาพงษ์ซุกหน้าลงกับไหล่ผม แล้วกระซิบเบาๆ “หลังวันนั้นผมก็ฝันถึงพี่นิตหลายคืนเลยนะ ฝันว่าได้กอดพี่ไว้แบบนี้....”
   ผมผลักเขาออก เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา เขาเป็นผู้ชาย แถมเป็นเกย์ ไม่มีทางฝันว่ากอดผมไว้เฉยๆ แค่นี้แน่
   สุภาพงษ์เซถอยหลังไปนิดๆ จากนั้นก็ยื่นมือมาจับตัวผมไปกอดอีก “ผมรักพี่คนเดียว พี่นิตเชื่อผมมั้ย?”
   “.........................”
   “ผมคิดถึงพี่ ผมแอบชอบพี่ แอบมองพี่ เขินจนพูดอะไรไม่ออก แต่อยากจะได้เจอพี่ อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ ผมต้องปั้นหน้าตายไปขอพี่ให้มาเขียนเรื่อง ผมอยากกอดพี่ใจจะขาด อยากบอกรักพี่ แต่ผมกลัวพี่เกลียดผม ผมแค่อยากให้พี่รู้ว่า... ผมรักพี่ ผมรักพี่แค่คนเดียว” สุภาพงษ์พูดยืดยาว พลางหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงจัด จากนั้นก็กอดผมแน่นอีก
   “พี่ไม่ต้องคบผมอย่างที่คนเป็นแฟนปกติเขาทำกันก็ได้ แค่ให้ผมเป็นคนพิเศษของพี่ ผมไม่หวังเข้าไปแทนที่ส่วนไหนของชีวิตพี่ทั้งนั้น แค่ให้ผมอยู่ในสายตาพี่บ้างก็พอ”
   เหอะ.... เขาไม่รู้ตัวหรือไง ว่าอยู่ในสายตาผมมานานแล้ว.... เอาน่ะ อาจจะไม่ได้อยู่ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้นอกจากเขา ผมก็แทบจะไม่ได้มองคนอื่นแล้ว
   บ้าจริงเชียว
   “พี่นิต?!” สุภาพงษ์ร้องเสียงแปลก คงเพราะผมเอาศีรษะกระแทกอกเขาล่ะมั้ง ผมยื่นแขนโอบเอวแน่นๆ ของเขาเอาไว้ ไม่ได้คิดอยากแข่งรัดแข่งกอดกับเขาหรอกนะ ผมทำไปเพราะอยากทำน่ะ
   “โจ.... พี่ไม่อยากเสียน้ำตาเพราะโจอีกแล้วนะ”
   “............”
   “พี่ไม่รู้หรอกว่าโจจะทำตามที่พูดได้จริงหรือเปล่า”
   “................”
   “แต่ว่า....” ผมค้างคำพูดไว้แค่นั้น เพราะรู้สึกขืนขึ้นมาที่คอ แถม... อะไรที่ตามันก็พร่าไปหมด เพราะไอ้น้ำใสๆ ที่ดันไหลออกมาอีกแล้วแท้ๆ สุภาพงษ์ขยับตัวหนีผมหน่อย ผมก็รีบขยับตาม นึกในใจว่าให้ตายก็จะไม่ยอมให้เขาเห็นเด็ดขาด แต่ขนาดผมสู้อุตส่าห์ยอมให้อกเขาเป็นที่กำบังแล้ว เขายังเอามือมาจับไหล่ผมไว้ แล้วดูหน้าผมจนได้
   “พี่นิต...?!” เขาเรียกชื่อผม ผมหลุบตาลงต่ำ เม้มปากนิดๆ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แล้วก็คงพูดไม่ออกด้วย จากนั้นสุภาพงษ์ก็ขยับหน้าเข้ามา กระซิบเบาๆ ใกล้ริมฝีปากผม
   “ผมรักพี่นะ”
   ผมหลับตาลง ปล่อยให้เขาแนบริมฝีปากลงมา จากนั้นก็เลื่อนแขนไปกอดเขาไว้
   เขาคอยแอบมาดอดรดน้ำต้นรักในหัวใจที่ผมพยายามทิ้งๆ ขว้างๆ จนมันต้นสูงออกดอกสะพรั่ง ต่อให้ผมไม่อยากหันมอง ไม่อยากยอมรับ... ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
   เมล็ดรักของเขา ที่ผมเผลอเก็บมาไว้ในใจอย่างไม่รู้ตัว ได้ผลิบานจนผมไม่อาจจะซ่อนเอาไว้ได้อีกแล้ว
-------------------------------------------
**ต้นรักในใจพี่นิตออกดอกสะพรั่ง... บานจนทะลักออกมาแล้ว อ๊ายยย อิจฉาโจ....

ต้นรักที่โจอุตส่าห์ปลูกอย่างยากลำบาก(?) กลายเป็นต้นออกดอกบานแล้ว

รอบนี้นายกั้งมาผิดคิวไปเยอะ ฮ่าๆๆๆ คนกำลังมีความรักนะกั้ง.... มาขัดจังหวะนี่ มุกไหนก็แถต่อไปรอดหรอก อิอิ o18

ทางที่ดี กั้งควรพยายามไปหลอกล่อหาข่าวกับพี่ภูมิเอง อย่าได้ใช้พี่นิตเป็นเหยื่อล่อเด็ดขาด เพราะนอกจากพี่ภูมิ(อาจจะ)งับไปแบบไม่เอามาส่งคืนแล้ว อาจจะโดนแฟนเก่าอย่างโจตามฆ่าด้วยก็ได้ (ขนาดน้าน)

น่าลองเขียนตอนสั้นๆ ของกั้งกับคุณภูมิสักตอนนะเนี่ย (เผื่อจะไม่ได้เขียนเป็นเรื่องยาว ฮ่ะๆ)

ปล. เหมือนจะรู้สึกว่ามีเพลงที่อารมณ์คล้ายๆ คุณพนิตตอนนี้ แต่หาไม่เจออออ วอนนักอ่าน ถ้าพอนึกออก สงเคราะห์คนเขียน เอาไว้ประกอบการจิ้นด้วยนะคะ (เล่นกันงี้เลยค่ะ)

ปล.2 โจ โจร้ายมากค่ะ แอบซุ่ม โอ๊ย โจอ่ะ :o8: พี่นิต ห้ามให้ทันนะ โจเชื่อฟัง แต่ถ้าไม่ห้ามล่ะก็.... อ๊ายยยย :-[

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า^^ :L2: :L2: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2012 20:14:29 โดย juon »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โออออออ เหนื่อยแหะกว่าจะลุ้นพี่นิตได้เนี่ย น้องโจก็น้าาาามือไวจริงเชียว ^^

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ่านตอนนี้แล้วได้แต่ตะโกน  น่ารัก อ่ะๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดแปะไว้ก่อนเหมือนเดิมค่ะ อ่าในมือถืออีกแล้วว


มาดิทละค้าาาาาาาา

โอ๊ยยยยยยยยย! ตอนนี้มดกัด นี้ขนาดหวานพอดิบพอดี มีเคล้าน้ำตาบ้างพอเป็นน้ำจิ้ม ก็ยังรู้สึกว่า
มดแดงมดดำมดม่วง เดินแถวกันมาทำรังที่คอนโดนายโจกันถ้วนหน้า อาจจะเพราะ มีความหวานมากเกินไปหน่อย
จนเหล่ามดทั้งหลาย นอกจากจะมาทำรังแล้วยังเกิดอาการ อยากไปไต่ตอมนายโจ อยากไปกัด รอยยิ้ม สายตา และมืออันแสนซุกซนที่หาเรื่อง สกินชิพกับพี่นิตตลอดเวลา
ไหนจะมือ ที่คอยโอบพี่นิตให้เข้าหาอกแน่นๆตลอด...แต่ตอนนี้แอบมีมากกว่าโอบกอดนิดหน่อย
อ๊ายยยยยย ชอบมุกที่นายโจ เอามือพี่นิตไปจับตัวเองจริงๆเลยค่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหยากกรี๊ด อ๊ากกกกก
นี่ถ้าพี่นิตตั้งสติไม่ได้ ฟันธงได้เลยว่า มือพี่นิตคงไปอยุ่ใต้ผ้าขนหนูที่ตาโจพันเอวไว้แน่ๆ (ที่จริงก็เข้าไปอยู่แล้วไม่ใช่รึ?)
อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (กดซาวน์เอฟเฟ็คแบบรัวเร็ว)

ตอนนี้ตาโจรุกได้ใจมากกกกกก ก่อนหน้านี้ รุกได้แค่คำว่า "ผมรักพี่นิตครับ" กับ อาการมือไวกว่าปาก แถมเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง.......หลังๆมาก รุก หอม รุกจูบ...รุกเอามือชาวบ้านมาป้วนเปี้ยนบนตัว ตัวเอง
ชักร้ายไปแล้วนะคะคุณสุภาพงษ์!!!

พี่นิตก็ยังคงเส้นคงวาค่ะงานนี้ ฮ่าาา เนียนตลอด...ไหลไป...ไหลไป...เมื่อไหร่โจจะจับอยู่หมัดสักทีคะเนี่ย
ตอนนี้ทั้งขำคุณพนิต ทั้งขำโจ แต่ก็อดสงสารทั้งสองไม่ได้พอๆกัน แต่เห็นใจคนละเรื่อง
เห็นใจพี่นิตเรื่อง...อายุ เลือดลมไม่ค่อยดี..เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งเพราะโจรุกหนัก ก็คงต้องไปเช่าบ้านอยู่ข้างโรงพยาบลาล
เห็นใจโจในเรื่อง..จะรุกๆ..รุกๆๆ จะได้อยู่ละๆๆ พี่นิตเปลี่ยนเรื่องตลอด..เห็นถอนหายใจทิ้งขว้างเป็นว่าเล่นเลยนะคะ
ฮ่าาาาาาาาา
โอียยย ยิ่งพูดก็ยิ่งขำ...ขำจนจะเป็นประสาทแล้วค่ะตอนนี้ ฮ่าฮ่า

แถมหวานๆไปสักพัก รักดันสะดุดเพราะมีเสียงเคาะประตูนี่แหล่ะ
นายกั้งเข้ามาได้จังหวะ...การที่เข้ามาของกั้งจังหวะนี้...แอบเห็นใจคุณพนิตค่ะ ฮ่าาาาาา(อ้าว ไม่ใช่โจหรอกรึ?)
ก็ถึงโจจะโมโหเพราะโดนขัดความสุข และเวลาส่วนตั๊ววววว ส่วนตัวที่ได้อยุ่กับพี่นิต
แต่เอาเข้าจริงๆ..พี่นิตกำลังเคลิ้มนะคะนั่น ฮ่าาาาาาา ถึงไม่แสดงออกแต่เค้ารู้นะ! ได้นั่งตักโจ ได้ประคบแก้มช้ำโจ ได้มองโจใกล้ๆ...รู้นะ...ว่าคิด...อ๊ากกกกก ก๊ากๆๆๆๆ

ตอนนี้มันครทุกรสจริงๆล่ะค่ะ แถม เรื่องราวความหลังก็ค่อยๆเปิดเผยด้วย
ตาโจนี่ยังไงก็เป็นโจ...ไม่พูด..แถมยังขี้เขิน ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ เฮ้ย! ถ้า โจเรียกแก่...พี่นิตคงต้องเรียกว่าวัยรุ่นล่ะม้างงงงงงงงง วัยรุ่นใหญ่! ก๊ากกกก
ตอนแรกกะเล่น วัยแรกแย้ม...แย้มฝาโลง..แต่ถ้าว่าเล่นอย่างนี้จริง คงโดนพี่นิตเอาไม้ตะพดหวดหัวค่ะ ไม่ดีๆๆ เลยไม่เล่น (แต่ที่พูดมาก็เหมือนเล่นกรายๆละล่ะ ก๊ากกก)
เพราะถ้าเราโดนพี่นิตเอาไม้ตีหัว หัวช้ำหัวโน ขนาดไหน พี่นิตก็ไม่ใจดียอมทำลูกประคบมาประคบให้ถึงตักแบบนี้หร๊อกกก

อิอิ





"มันชักจะใหญ่คับใจผมเข้าทุกที ผมกลัวมันจะกินหัวใจผมเข้าไปหมด"
เอ่อ พี่นิตคะ ต้นรักนะคะ..ไม่ใช่ปอบ ถึงจะอยากกัดกินหัวใจพี่นิตน่ะค่ะ ก๊ากกกก

ส่วนเรื่อง "ต้นรัก" ของนายโจ ที่แอบมาหว่านเมล็ด เอาไว้ในใจพี่นิต...แถมยังแอบลักลอบเข้ามาดูแลรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จนโตวันโตคืนในใจของพี่นิตนั้น..ท่าทางจะเป็น "ต้นโพธิ์" แล้วไม่ใช่ ต้นโพธิ์ ธรรมดาด้วยนะคะ...

แต่เป็นต้น โพธิ์แดง ค่ะ!(โพแดง)

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
(วิ่งมาเล่นมุกควายพ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูป และไม่มีทีท่าว่าความหมายจะพ้อง...ด้วย -"-...)

แนะนำให้วิ่งไปเปิดสำรับไพ่แล้ว มองดูว่า ต้นโพธิ์แดงที่โจหว่านไว้ เป็นหน้าตาอย่างไร><

ติดตามเรื่องนี้เสมอค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ปล. ว่าโจขี้แย..พี่นิตก็ขี้แยตามละ..สงสัยงานแต่งงานคู่นี้คงต้องเตรียมเครื่องดูดน้ำ ที่ใช้ดูดน้ำเมื่อชวงที่ กทม. น้ำท่วมมาช่วยดูดออกซะล่ะมั้งคะ ก๊ากกกกกกก o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2012 15:45:33 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ eaey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
เมื่อไหร่โจจะได้ :oo1:พี่นิตเนี่ย อึ๊ย

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :impress2: ลุ้นเหมือนกัน อยู่ใกล้กันขนาดนี้เมื่อไหร่จะ...แอร๊ยยย  ลงเอยกันเสียที

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
คิดจะปลูกต้นรักอีกกอ เกรงว่าหนอรักนั้นไม่ยืน




แหม ช่างเหมาะกับพี่นิต

aoommy

  • บุคคลทั่วไป
น่าร๊ากที่สุด ปล่อยให้หัวใจมันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะพี่นิต ค่อยๆเรียนรู้กันไป ขอบคุณคนเขียนนะคะ :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เพลงเจ้าสาวที่กลัวฝนหรือได้หรือเปล่า
สองคนนี้เวลาเขาสวีทกันรู้สึกจั๊กกะเดียมยังไงไม่รู้ :z3:

ระริน

  • บุคคลทั่วไป
แหมมมม  ถ้าเป็นเรานะ เจอคนที่เพอเฟ็กซ์ และรักเราขนาดนี้ กระโดดใส่เลยค่ะ ล่ามโซ่ไม่ให้หนีอีกต่างหาก อายุเป็นเพียงตัวเลข หน้าเด็กซะอย่างกลัวอะไร

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ดีจังมาต่อไว  :L2:

ในที่สุด  :-[

โจเป็นพระเอก อ้อนนิดออดหน่อยก็ปลื้ม แต่ถ้าเรื่องนี้โจไม่ใช่พระเอกนี่ นิสัยแบบนี้ คงน่ากลัวมิใช่น้อย

ประโยคนี้
สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุณเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
แปลว่าอะไรน้อ

Loveyoujung

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยย น่ารักจิงๆๆๆๆๆ
พี่นิตเริ่มใจอ่อนมากแล้วนะเนี่ยยย
ส่วนโจ...รุกเข้าๆ อิๆๆๆ

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
หลังจากที่ผ่านดราม่า (แบบสายฟ้าแลบ) มาแล้ว ทำให้รู้ว่า

1. พี่นิต มือหนักมาก เลี่ยงได้โปรดเลี่ยง หลบได้โปรดหลบ  :z6: (เจอพี่นิตกระโดดถีบ)

2. พี่นิต มีความรู้เรื่องโบราณๆ เยอะมาก ทำลูกประคบได้เองด้วย เปิดสปาได้เลยนะ หุหุ

3. พี่นิต เป็นอาชญากรไม่ได้ เพราะทำลายหลักฐานไม่หมด 555

4. น้องโจ มือไวใจเร็ว ปากหนักแต่ปากเสีย ....มากถึงมากที่สุด

5. น้องโจ รู้ว่าพี่นิตแพ้ลูกอ้อน ... (พี่นิตโปรดระวังตัวไว้ให้ดี)

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ดีจังมาต่อไว  :L2:

ในที่สุด  :-[

โจเป็นพระเอก อ้อนนิดออดหน่อยก็ปลื้ม แต่ถ้าเรื่องนี้โจไม่ใช่พระเอกนี่ นิสัยแบบนี้ คงน่ากลัวมิใช่น้อย

ประโยคนี้
สุภาพงษ์แก้มแดงนิดๆ “เขาคุณเก่ง แล้วก็หน้าตาน่ารักคล้ายๆ พี่น่ะ” พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน “คือ... ผมก็คิดว่าชอบเขานะ จนผมเจอพี่อีกครั้ง ผมเลยรู้ว่าผมชอบใคร”
แปลว่าอะไรน้อ

พิมพ์ผิดค่ะ... ชัดเจน จริงๆ ตองเป็น "เขาคุยเก่ง" ฮ่าๆๆ แก้ให้แล้วนะคะ^^

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ลุ้นเรื่องนี้มาก ๆ ว่าน้องโจจะเผด็จศึกพี่นิตยังไง 5555+

ตอนนี้รู้สึกว่าหวานแหววมาก ๆ ดีจัง ๆ

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
โจขี้อ้อนเกิ๊นนน
พี่นิตก็ยอมๆโจไปเหอะนะ คนอ่านรออยู่  :z1:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
น้องโจนะเป็นคนพิเศษสุดๆของสุดๆ ของพี่นิตอยู่แล้ว แค่พี่นิตไม่ยอมปริปากบอก เพราะกลัวหัวใจจะวาย 5555
แต่น้องโจแค่รุก ได้คืบจะเอาศอกกับพี่นิตไปเรื่อยๆ ยังวันได้พิชิตพี่นิตแน่ๆ คิคิ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ตอนนี้ต้นรักก็ออกดอกผลิบานกระจัดกระจาย
แล้วเมื่อไหร่หนอที่จะได้ระเบิดบึ้มมมมม กลายเป็นโกโกครั้นซ์  :-[

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ตอนหน้านะโจนะ  ทำท่ามาหลายตอนละ  เอาจริง ๆ ซะทีเถอะ  คนอ่านรออยู่เนี่ยะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตอนนี้หวานมากๆ  :-[ กิ๊สๆ

ร่วมหอลงโรงเถอะ :laugh:

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
อ่านตอนนี้แล้วจักกะจี้หัวใจ  :-[ 

pmnet

  • บุคคลทั่วไป
โจ นายมันเสือชัดๆ สนุกมากเลย  ไม่มีประโยคไหนที่ไม่ชอบ แต่จะท้อตอน พินิตเป็นลมซะหลายตอน ฮ่าๆ โจจะแก้ไม่ให้พินิตลมจับได้หรือเปล่า

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด