กุญแจดอกที่ 2
‘หม่อมราชวงศ์เทียมฟ้า’ หรือ ‘คุณชายน้อง’ เป็นโอรสองค์เล็กของหม่อมเจ้าอโนทัย สรลักษณ์ ซึ่งท่านสิ้นชีพิตักษัยไปแล้ว หม่อมนิดผู้เป็นมารดาก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ พระปิตุจฉาอย่างหม่อมเจ้าวิรงรองจึงเป็นผู้เลี้ยงนัดดาผู้อาภัพคนนี้ด้วยตัวท่านเอง ด้วยความสงสารคุณชายน้องที่สูญเสียพระบิดาไปท่านหญิงเลยไม่ค่อยเข้มงวดอะไรมากนัก เมื่อคุณชายน้องมาอ้อนขออยู่ฝึกงานที่เกาะใบไม้คราม ท่านหญิงจึงประทานอนุญาตและฝากฝังให้นายหัวพยนต์ช่วยดูแล ถึงจะรู้ว่านัดดายกเรื่องการฝึกงานมาเป็นข้ออ้างแต่ท่านหญิงก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ ก็ได้แต่หวังว่าผู้คนบนเกาะใบไม้ครามจะสร้างความสุขความทรงจำที่ดีให้แก่คุณชายน้องก่อนที่เขาจะต้องกลับมาดูแลกิจการของตัวเองต่อไปในอนาคต
ไอ้ก้านโทรไปบอกให้โจ้มาก่อนเวลานัดเดิมตามคำสั่งของนายพญา โจ้รีบอาบน้ำขัดตัวและพรมน้ำหอมจนคนที่เดินผ่านได้กลิ่นลอยมาแต่ไกล ไอ้ก้านไม่ค่อยชอบเด็กคนนี้ของนายพญาสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อนายต้องการไอ้ก้านก็ขัดไม่ได้ มันคิดว่าให้นายได้ปลดปล่อยบ้างก็ดีกว่าจมอยู่กับความทุกข์เรื่องของคุณนับตังค์ แต่ที่มันไม่เข้าใจก็คือทำไมนายพญาถึงสั่งมันว่าถ้าคุณชายน้องกลับมาให้มันตะโกนเรียกชื่อนายดังๆ สามที แล้วก็ปล่อยให้คุณชายน้องเข้ามาในห้องนอนได้เลย ตอนนี้ไอ้ก้านเลยต้องมานั่งอยู่หน้าสำนักงานของนายพญาเพื่อคอยส่งสัญญาณบอกนายของมันเมื่อคุณชายน้องกลับมา
ส่วนพญานั่งจิบไวน์รอเวลาที่เทียมฟ้าจะกลับมา เขาอยากรู้เหมือนกันว่าหากเขาพาเด็กในสังกัดมาบรรเลงเพลงรักในห้องส่วนตัวของเขาเองแล้วหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าจะทนอยู่ร่วมห้องกับเขาไหวไหม เขาไม่ชอบที่เทียมฟ้าเอาแต่ใจอยากจะสั่งอะไรพ่อของเขาก็สั่ง ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวที่พญาไม่เคยให้ใครมาวุ่นวาย แม้กระทั่งพ่อกับพเยียก็ยังไม่เคยมายุ่งด้วย ในเมื่อเทียมฟ้าถือดีบีบบังคับให้เขาต้องยอมทุกอย่าง เขาก็จะทำในสิ่งที่อยากจะทำเหมือนกัน
“นาย นายอยากให้ผมนวดตรงไหนก่อนดี” โจ้เขามานั่งเบียดพญาก่อนจะใช้มือลูบไล้ที่หน้าขาของพญาเบาๆ
“อย่าเพิ่ง” พญามองนาฬิกาแล้วเริ่มหงุดหงิด นี่มันก็เกือบสองทุ่มแล้วแต่เทียมฟ้ายังไม่กลับมาเสียที
“รออะไรเหรอครับ” โจ้เอ่ยถามเมื่อเห็นพญามองนาฬิกาบ่อยๆ
“เปล่า”
“แล้วนี่เตียงใครเหรอครับ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมีเตียงอันนี้เลย” โจ้มองไปที่มุมห้องเห็นเตียงขนาดสามฟุตครึ่งตั้งอยู่จึงสงสัย
“อย่าถามมากได้ไหม” พญาแสดงสีหน้ารำคาญจนโจ้ไม่กล้าถามต่อ
“นายพญา!”
เสียงไอ้ก้านตะโกนเรียกชื่อนายของมันดังเข้ามาถึงในห้อง พญาคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินก่อนจะรีบวางแก้วไวน์ลงแล้วจับโจ้กดลงนอนราบกับโซฟา โจ้ตกใจที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ในเมื่อพญาเปิดโอกาสมาแบบนี้โจ้ก็ไม่รอช้ารีบคล้องคอพญาเอาไว้แล้วผงกหัวขึ้นมาจูบพญาด้วยความชำนาญ สองร่างบดเบียดกันอยู่บนโซฟาแลกจูบที่ร้อนแรงกันจนคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องชะงักอึ้งอยู่กับที่ พญาได้ยินเสียงประตูห้องนอนของตัวเองเปิดแล้วก็พยายามจะเคล้าคลึงร่างกายของโจ้หนักขึ้นจนกระทั่งได้ยินเสียงของไอ้ก้านเรียกชื่อตัวเองอีกครั้งแบบแผ่วเบา พญาจึงหยุดการกระทำของตัวเองแล้วหันไปมอง
“น้องตัง!” พญาดีดตัวเองลุกออกมาจากโซฟาอย่างรวดเร็วทิ้งให้โจ้นอนงงเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆ พญาก็หยุดกลางคัน
“ไอ้ก้านเรียกนายแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่สามครั้งสักหน่อย ทำไมนายไม่เฉลียวใจเลย” ไอ้ก้านรีบแก้ตัวเสียงอ่อยเมื่อเห็นสายตาตำหนิของเจ้านายส่งมาที่มัน
“คือพี่...คือ....” พญาเห็นสีหน้าของนับตังค์ก็พูดไม่ออก จะว่านับตังค์โกรธก็ไม่ใช่ จะว่าไม่โกรธก็ไม่เชิง แต่มันทำให้พญารู้สึกว่าสายตาของนับตังค์ดูจะผิดหวังในตัวเขายังไงก็ไม่รู้
“ก้านไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของคุณชายน้องมาให้หน่อย” นับตังค์หันไปพูดกับก้าน
“นี่มันกล้าใช้ให้น้องตังมาเอากระเป๋าให้เลยเหรอ” พญาถามเสียงแข็ง รู้สึกไม่พอใจเพราะนึกว่าเทียมฟ้าเห็นคนอื่นเป็นคนรับใช้ไปเสียหมด
“เปล่า แต่ก็ดีแล้วที่ตังตัดสินใจมาเอาเอง” นับตังค์ไหวไหล่เล็กน้อย
“คือพี่ คือ...เด็กนั่นมันจะไปอยู่กับตังเหรอ” พญาไม่รู้จะแก้ตัวเรื่องโจ้ยังไงเลยเฉไฉไปคุยเรื่องของเทียมฟ้า
“คุณชายน้องไม่สบาย ปวดท้องจนต้องพาไปหาหมอที่อนามัย คุณชายแพ้น้ำส้มสายชู ตังเลยกะว่าถ้าไม่มีใครดูแลจะให้ไปพักกับตังสักวันสองวันก่อน แต่สงสัยคงจะให้พักถาวรเลย จะได้ไม่รบกวนลุง” นับตังค์มองไปที่โจ้เพราะโจ้เองก็จ้องนับตังค์ด้วยสายตาไม่พอใจอย่างเปิดเผย
“รู้ว่าแพ้น้ำส้มสายชูแต่เสือกสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ” พญาบ่นพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อนึกถึงเทียมฟ้า
“หมอบอกว่าคุณชายน้องคงกินน้ำส้มสายชูไปเยอะพอสมควรถึงออกอาการขนาดนี้” นับตังค์ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ในเมื่อเทียมฟ้าก็รู้ว่าตัวเองแพ้น้ำส้มสายชูทำไมถึงได้กินเยอะจนถึงขั้นปวดท้องได้ จะว่าเป็นคนชอบกินเปรี้ยวก็ไม่น่าใช่
“หรือว่า...” พญานิ่งคิดก่อนจะหันไปมองหน้าโจ้ โจ้สะดุ้งเมื่อเห็นสายตาจับผิดของพญา
“ผมไม่รู้เรื่องนะครับ ผมก็ปรุงให้เหมือนให้ลูกค้าคนอื่น” โจ้รู้สึกร้อนตัวจึงรีบปฏิเสธ
“มึงกลับไปได้แล้ว” พญาไล่โจ้
“นายพญา ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมนายถึงไล่ผม”
“กูบอกให้มึงกลับไป” พญาเสียงเข้มกว่าเดิมจนโจ้หน้าถอดสี แม้ในใจจะรู้สึกน้อยใจแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก สุดท้ายก็ยอมออกจากห้องไปแต่ก็ไม่วายทิ้งสายตาเคืองแค้นส่งไปที่นับตังค์
“ขอบใจนะก้าน” นับตังค์รับกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเทียมฟ้ามาถือแล้วเตรียมตัวจะกลับ แต่พญาคว้าข้อมือของนับตังค์เอาไว้ก่อน
“ตัง คือพี่...”
“ลุง ลุงจะทำอะไรก็ทำเถอะ ชีวิตเป็นของลุง” นับตังค์รู้ดีว่าพญากำลังรู้สึกอย่างไร
“แต่ตังทำหน้าเหมือนผิดหวังในตัวพี่”
“ใช่ตังผิดหวัง แล้วรู้ไหมว่าตังหวังอะไร”
“พี่ไม่รู้”
“ตังหวังว่าลุงจะมีชีวิตที่ดี ถึงตังไม่ค่อยได้มาที่นี่แต่ไม่ใช่ว่าตังไม่รู้นะว่าลุงทำอะไรบ้าง ลุงเอาแต่เมาไม่รับผิดชอบการงาน กลับไปทำตัวเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ตังหวังดีกับลุงนะถึงบ่น วันหนึ่งถ้าลุงได้เจอกับใครสักคนที่ลุงรัก ลุงจะได้ไม่เสียดายอีกว่าลุงยังไม่ดีพอสำหรับเขา”
“พี่คงรักใครไม่ได้อีกตังก็รู้”
“ก็แหงล่ะ ลุงจะรักใครอีกได้ไงถ้ายังไม่เจอคนที่รัก หาให้เจอเร็วๆ นะลุง”
“พี่เจอแล้ว แต่พี่รักเขาไม่ได้” พญารู้สึกเจ็บหน่วงๆ ที่หัวใจ คนที่พญารักก็คือคนที่ยืนบ่นอยู่ตรงหน้า รักแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“เจอแต่รักไม่ได้แปลว่ายังไม่เจอ อย่าทำให้ชีวิตมันยากเลยลุง ปัญหาของลุงมันอยู่ที่ความคิดไม่ใช่หัวใจ”
“พูดภาษาบ้านๆ แปลว่าให้ปลงใช่ไหมคุณตัง” ไอ้ก้านเสริม
“ไม่ต้องย้ำ กูรู้” พญาหันไปพูดกับลูกน้องของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ
“ตังไปก่อนนะ”
“ตัง แล้ว...มันเป็นอะไรมากไหม” พญาถามถึงเทียมฟ้า
“วันนี้คงนอนค้างที่อนามัย อยู่ใกล้หมอแล้วคงไม่น่าห่วงเท่าไหร่หรอก”
“แล้วใครไปเฝ้าล่ะ”
“ถามทำไม ลุงจะไปเฝ้าเหรอ”
“ฝันไปเหอะ” พญารีบตอบ
“ก็เป็นซะแบบนี้ ตังก็ไม่ว่างไปเฝ้าหรอก คงต้องให้นอนคนเดียว แต่มีเจ้าหน้าที่พยาบาลอยู่” นับตังค์ส่ายหน้าก่อนจะเดินออกไป
เมื่อนับตังค์ไปแล้วพญาก็ถอนหายใจ เขาคิดว่าโจ้คงแกล้งใส่น้ำส้มสายชูลงในชามก๋วยเตี๋ยวของเทียมฟ้าแน่ๆ แต่คนที่ทำให้เทียมฟ้าต้องมาป่วยเป็นเขาต่างหาก เขาเป็นคนพูดจากระแหนะกระแหนจนเทียมฟ้าฝืนกินก๋วยเตี๋ยวจนหมดชาม พญาเดินวนไปวนมาจนไอ้ก้านเริ่มเวียนหัว สุดท้ายทนไม่ไหวก็ต้องเอ่ยปากพูดกับนายของมัน
“นาย อยากไปเยี่ยมคุณชายน้องไหม”
“ทำไมกูต้องไปเยี่ยมมันด้วย”
“นายไม่รู้สึกผิดเลยจริงๆ เหรอ”
“ไอ้ก้าน!”
“ก้านยอมถูกเตะ แต่ก้านสงสารคุณชายน้องจริงๆ ตอนที่คุณตังกับคนอื่นๆ มอบมิตรภาพให้กับนาย นายรู้สึกดีไหม ทำไมนายไม่ให้โอกาสนั้นกับคุณชายน้องบ้าง ก้านว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีหรอก นายแค่มองเขาด้านเดียวมากกว่า”
“มึงกำลังสอนกูเหรอไอ้ก้าน”
“ไอ้ก้านแค่ไม่อยากให้นายเสียโอกาสที่จะได้เพื่อนดีๆ เพิ่มอีกสักคน” ไอ้ก้านพูดจบก็หันหลังโก้งตูดรอให้นายของมันเตะเพราะบังอาจไปสั่งสอนนาย
“มึงไปเอารถมารอกู บอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูไม่ได้สงสารไอ้คุณชายของมึงหรอก กูแค่ไม่อยากให้น้องตังผิดหวังในตัวกู” พญาบอกกับไอ้ก้านก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
ไอ้ก้านยิ้มแฉ่งที่นายของมันยอมไปเยี่ยมคุณชายน้อง ถึงจะยังวางท่าอยู่แต่ไอ้ก้านรู้ดีว่าคนอย่างนายถ้าไม่รู้สึกผิดต่อให้ช้างมาลากก็ไม่ยอมไปแน่ ว่าแล้วมันก็รีบออกไปเตรียมรถก่อนที่นายของมันจะเปลี่ยนใจ ขืนให้นายหัวพยนต์รู้ว่าคุณชายน้องมาป่วยจนต้องไปนอนที่อนามัยตามลำพัง หัวของไอ้ก้านคงหลุดจากบ่าแน่ๆ
...
“เอามาเลยหนึ่งพัน ตังบอกแล้วว่าลุงต้องมาเยี่ยมคุณชายน้องแน่ๆ” นับตังค์แบมือแล้วยื่นไปตรงหน้าของมีคุณหลังจากที่ชนะพนัน ตอนนี้นับตังค์กับมีคุณแอบมาจอดรถอยู่ตรงมุมหนึ่งภายในอนามัยของชุมชนเพื่อรอดูว่าพญาจะมาที่นี่หรือไม่
“ทำไมตังถึงรู้ว่าพญาจะมาที่นี่ ตังไปบังคับรึเปล่า” มีคุณถามคนรักหลังจากที่เห็นรถของพญาขับเคลื่อนเข้ามาที่อนามัยชุมชน เขาพนันกับนับตังค์เอาไว้ว่าพญาคงไม่ยอมมาเยี่ยมเทียมฟ้าแน่ๆ แต่นับตังค์มั่นใจว่าพญาจะมา ทั้งสองคนจึงพนันกันด้วยเงินหนึ่งพันบาท
“ตังไม่ใช่คนขี้โกงเหมือนพี่หรอกนะ เอามาเลย”
“การพนันเป็นสิ่งไม่ดี เอาหอมไปแทนนะ” มีคุณชะโงกหน้าไปหอมแก้มนับตังค์แทนการจ่ายเงินจนคนถูกหอมต้องค้อนใส่
“ก็เป็นซะแบบนี้” นับตังค์บ่นที่โดนมีคุณโกงอีกจนได้
“ตังคิดว่าเหมาะแล้วเหรอที่จะให้พญากับคุณชายน้องรักกัน”
“ตังไม่รู้หรอกว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ แต่เขาสองคนได้มาเจอกันแล้ว ตังอยากให้เขาลองเปิดใจกันก่อน โอกาสดีๆ มันไม่ได้มีมาง่ายๆ เหมือนที่พี่เคยบอกตังไง วันนี้มันไม่มีถึงสองครั้ง เพราะฉะนั้นตังไม่อยากให้ตาลุงพลาดโอกาสดีๆ ไป”
“พี่จะรอดูว่าเราจะเหมาะกับการเป็นกามเทพมากกว่าเชฟรึเปล่า” มีคุณเอื้อมมือไปลูบที่แก้มของนับตังค์
“กลับกันเถอะ” นับตังค์เห็นสายตาของคนรักก็รู้ว่ากำลังหิวคั่วกลิ้งอีกแน่ ขืนยังอยู่ในรถต่อไปมีหวังได้โดนกินบนรถ
“ไม่รอดูผลก่อนเหรอ รอมาได้ตั้งนานแล้ว”
“ไม่หรอก ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเขาสองคนใช่สำหรับกันมันจะลงตัวเอง” นับตังค์มองไปที่รถของพญา พอเห็นท่าทางฟอร์มจัดของพญาก็นึกขำ ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปแอบดูว่าพญาจะทำยังไง แต่อีกใจก็อยากกลับไปให้มีคุณกอดแล้ว สุดท้ายความรักมันเรียกร้อง นับตังค์จึงเลือกอย่างหลังมากกว่า คิดแล้วก็หันไปยิ้มหวานให้มีคุณ
“อย่ายิ้มแบบนี้สิ ใจพี่สั่น” มีคุณเห็นรอยยิ้มแล้วแทบจะอดใจไม่ไหว รีบสตาร์ทรถขับออกไปหวังจะกลับให้ถึงบ้านเดี๋ยวนี้เลย
พญาให้ไอ้ก้านรอที่รถ ส่วนตัวเองเมื่อเดินขึ้นไปบนอนามัยก็ไปด้อมๆ มองๆ เพราะไม่รู้ว่าเทียมฟ้านอนพักที่ไหน เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาต้อนรับพญาเพราะนายหัวพยนต์พ่อของพญาเป็นผู้บริจาคเงินสนับสนุนอนามัยชุมชนแห่งนี้ทุกปี เมื่อทราบว่าพญาจะมาเยี่ยมใครเจ้าหน้าที่จึงนำพญาไป
“อาการหนักไหม” พญาถามเจ้าหน้าที่
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“แล้วต้องค้างกี่คืน”
“อันที่จริงกลับบ้านคืนนี้เลยก็ได้ค่ะ แต่ผู้ป่วยยืนยันว่าจะนอนพักที่นี่”
เจ้าหน้าที่พาพญามาถึงหน้าห้องพักรวมก็ขอตัวกลับไปเฝ้าเวรที่เคาน์เตอร์ต่อ พญามองเข้าไปก็เห็นว่าในห้องมีแค่เทียมฟ้านอนพักอยู่เพียงคนเดียว เขาพยายามเดินให้เบาที่สุดเพราะคิดว่าเทียมฟ้าหลับอยู่ คนตัวเล็กนอนหันหลังให้เขาและนอนนิ่งจนพญาต้องเพ่งดูว่ายังหายใจอยู่รึเปล่า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหายใจสม่ำเสมอก็แอบพรูลมหายใจ พญาเดินเข้าไปยืนพิงหน้าต่างเพราะเป็นฝั่งที่เทียมฟ้าหันหน้ามา สีหน้าของเทียมฟ้าดูอ่อนแรง ริมฝีปากที่เคยอิ่มแดงระเรื่อก็ซีดจางไม่ต่างจากใบหน้า พญาเห็นเทียมฟ้าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะงอเข่าขึ้นมานอนในท่าขดตัว
“ปวดท้องอีกเหรอวะ” พญาพึมพำเพราะไม่แน่ใจว่าเทียมฟ้าตื่นหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ลืมตาแต่นอนคุดคู้ตัวงอก็เริ่มกังวล
“น้องหนาว” เทียมฟ้าพูดออกมาทั้งที่หลับตาอยู่ พญาเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากของเทียมฟ้าก็พบว่ามันร้อนกว่าปกตินิดหน่อย
“กูไปตามหมอดีกว่า” พญาเห็นท่าไม่ดีเลยจะไปตามหมอ แต่เทียมฟ้าคว้ามือของพญามาจับแล้วเอาไปแนบที่แก้ม พญาจึงชะงักอยู่กับที่แล้วหรี่ตามองเทียมฟ้า เขาพยายามจะดูว่าเทียมฟ้าตื่นหรือละเมอกันแน่
“แม่อยู่กับน้องนะ” เทียมฟ้าพึมพำออกมา พญาได้ยินก็ใจอ่อนยวบเพราะตัวเองก็มีปมเรื่องแม่เหมือนกัน สุดท้ายพญาจึงไม่ได้เดินออกไปตามหมอแต่ทิ้งตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงแทน
“กูให้มึงยืมมือกูไปก่อนแล้วกัน ถือว่าหายกันกับที่กูพามึงไปป่วย” พญาพูดเบาๆ แล้วก็ปล่อยให้เทียมฟ้าจับมือตัวเองไปแนบแก้มต่อไป
..
พญาพลิกตัวไปมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักรบกวนอยู่ข้างหู นึกหงุดหงิดไอ้ก้านที่มาเปิดโทรทัศน์รบกวนเขาทั้งที่เขายังไม่ตื่น แถมมันยังเปิดม่านจนแสงสว่างเข้ามาได้แบบนี้อีก พญาทนไม่ไหวลุกพรวดขึ้นมาหวังจะด่าไอ้ก้านที่มันบังอาจทำให้เขาต้องตื่น แต่แล้วพญาก็ต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าตัวเองขึ้นมานอนอยู่บนเตียงแทนผู้ป่วยโดยมีเทียมฟ้านั่งอยู่กับหนูด้วงบริเวณข้างเตียง
“ยุงพะยาตื่นฉายก่าหนูทุดที” หนูด้วงบ่นพญาก่อนจะหันกลับมาป้อนข้าวต้มให้เทียมฟ้า พญาได้แต่อ้าปากอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก พยายามนึกทบทวนว่าตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงนี้ได้ยังไง
“เมื่อคืนพี่คงง่วงเลยขึ้นมานอนบนเตียง ขอบคุณนะครับที่มาเฝ้าน้อง” เทียมฟ้าระบายยิ้มให้พญา สีหน้าของเทียมฟ้าดูสดใสกว่าเมื่อคืนมาก
“หายแล้วเหรอ” พญารู้สึกเสียฟอร์มแต่ก็ตีหน้าตายเอาไว้ก่อน
“ดีขึ้นแล้วครับ คุณหมอด้วงมาดูแลน้องตั้งแต่เช้าเลย” เทียมฟ้าลูบที่ศีรษะของหนูด้วงด้วยความเอ็นดู
“ดีขึ้นก็ดีแล้ว งั้นกูกลับล่ะ” พญารู้สึกอายเพราะคิดว่าป่านนี้ทั้งหมอทั้งพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่นี่คงเห็นว่าเขาหลับสบายบนเตียงผู้ป่วยกันหมดแล้ว
“ยุงพะยาพูดกูไม่ได้นะ มัมบอกว่าไม่ดี” หนูด้วงรีบหันมาเตือน
“น้าขอโทษครับ น้าขอกลับก่อนนะ เดี๋ยวบ่ายๆ น้าจะมาหาใหม่” พญารีบลงจากเตียงแล้วเดินออกไปปล่อยให้เทียมฟ้ามองตามไปด้วยสายตาที่หม่นลง
“อาน้อนกินข้าวนะ หนูจาป้อน” หนูด้วงพยายามจะตักข้าวต้มป้อนเทียมฟ้าแต่ตักทีไรน้ำซุปเอียงไหลหล่นหมดเหลือแต่ข้าวติดปลายช้อนนิดหน่อย เทียมฟ้าละสายตาจากแผ่นหลังของพญามายิ้มให้หนูด้วง โดยไม่รู้ว่าพญายังไม่ได้กลับแต่แอบมองอยู่ที่ด้านนอก ยืนดูอยู่สักพักพญาก็ตัดสินใจเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“หมอให้กลับได้แล้วไม่ใช่เหรอ” พญาถามเทียมฟ้า
“ครับ”
“แล้วทำไมยังอยู่ที่นี่”
“น้องไม่รู้จะไปไหน น้องเกรงใจพี่ตัง มีคนมาเรียนทำอาหารเต็มตารางเลย” เทียมฟ้ายังไม่อยากกลับกรุงเทพในตอนนี้เพราะกลัวว่าหม่อมเจ้าวิรงรองถามถึงสาเหตุและจะเดือดร้อนถึงนายหัวพยนต์ได้
“กระเป๋าอยู่ไหน” พญาถอนหายใจก่อนจะถาม
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอีกสองสามวันน้องก็กลับกรุงเทพแล้ว” เสียงของเทียมฟ้าไม่สดใสเหมือนรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้า นั่นยิ่งทำให้พญาถอนหายใจหนักกว่าเดิมกับการที่เทียมฟ้าพยายามจะยิ้มตลอดเวลา
“อนามัยที่นี่มันเล็ก คนป่วยก็มีตลอดจะมาเป็นภาระให้เขาทำไม ไม่คิดจะฝึกงานแล้วรึไงถึงจะกลับบ้าน”
“ก็น้องไม่อยากให้พี่รู้สึกแบบนั้น” เทียมฟ้าแอบมีความหวังเมื่อพญาพูดเหมือนว่าจะให้กลับไปฝึกงานได้
“ถ้าอยากจะอยู่ต่อก็ต้องคุยกันก่อน ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็อาศัยบารมีเจ้าป้าของมึงมาข่ม กู...เอ่อ พี่ไม่เหมือนพ่อของพี่ ไม่ชอบให้บีบบังคับ”
“ตกลงครับ” เทียมฟ้ารีบรับคำแล้วคลี่ยิ้มกว้าง
“ยิ้มอะไรนักหนา กลับดิ” พญาทำเสียงเข้มแต่ก็เดินไปหิ้วกระเป๋าของเทียมฟ้าให้ เทียมฟ้ารีบจูงมือหนูด้วงแล้วเดินตามพญาไปเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
..
เมื่อพญาพาเทียมฟ้าและหนูด้วงมาถึงสำนักงานของตัวเองก็สั่งให้ไอ้ก้านพาหนูด้วงไปซื้อขนมในตลาดเพราะว่าตัวเองมีเรื่องจะคุยกับเทียมฟ้าก่อน หนูด้วงยอมไปกับก้านแต่โดยดีเพราะก้านเอาปลาตู้มาหลอกล่อ ตอนนี้เลยเหลือพญากับเทียมฟ้าสองต่อสองภายในสำนักงาน
“ไหนบอกมาซิว่าอยากจะมาดูงานอะไร มึงก็รู้ว่าตลาดสดมันไม่มีอะไรให้ดู มึงมีเจตนาอะไรกันแน่ขอให้พูดมาตรงๆ”
“ให้น้องพูดตรงๆ เหรอครับ”
“เออ พูดมา” พญารอฟังว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์จะมีเหตุผลอะไรมาอ้าง
“น้องชอบพี่”
“อ๋อ....เฮ้ย!” พญาพยักหน้าก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าเทียมฟ้าด้วยความตกใจ
“แต่น้องไม่ได้ต้องการอะไรนะ น้องแค่รู้สึกว่าการได้เห็นพี่ทุกวันมันมีความสุขดี”
“หึ อยากเห็นกู ถามกูรึยังว่าอยากเห็นมึงรึเปล่า” พญารู้สึกทึ่งกับความตรงไปตรงมาของหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าผู้นี้ ด้วยอคติที่ยังมีในใจพญาเลยคิดว่าคนตรงหน้ากำลังหาของเล่นใหม่มากกว่า
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องเห็นน้องก็ได้”
“มึงรู้ไหม ในโลกนี้ไม่มีใครหรอกที่จะรักใครแล้วไม่ต้องการความรักตอบ”
“น้องยังไม่ได้บอกว่ารักพี่สักหน่อย”
“มึงนี่นะ!” พญารู้สึกเหมือนตัวเองถูกชูขึ้นฟ้าแล้วโดนกระชากลงมาให้หน้ากระแทกดิน
“พี่อย่าโกรธน้องสิครับ ก็พี่บอกให้น้องพูดตรงๆ” เทียมฟ้ากลัวพญาจะโกรธแล้วไม่ให้อยู่ด้วยจึงรับขยับเข้ามาแตะที่มือของพญาเบาๆ
“เออๆ สรุปว่ามึงอยากอยู่ที่นี่เพราะอยากใกล้ชิดกูแค่นั้น” พญาถามให้แน่ใจก่อนจะโดนย้อนจนหน้าแตกอีกรอบ เขาไม่เข้าใจคำว่าอยากใกล้ชิดของเทียมฟ้า ถ้าในความหมายของพญาคือการอ่อยเหยื่อดีๆ นี่เอง แต่เพราะคนพูดเป็นเทียมฟ้า พญาจึงเดาไม่ออกว่าคนๆ นี้ใสซื่อหรือเสแสร้งว่าไร้เดียงสากันแน่
“ครับ แต่น้องจะช่วยงานพี่ด้วย น้องจะมาช่วยทำบัญชีให้พี่ ช่วยทำตลาดให้เป็นระบบ น้องเรียนมา ดีไหมครับ”
“จะชมว่าตัวเองเก่งว่างั้น” พญาเลิกคิ้วถามแบบกวนๆ แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเทียมฟ้าช่วยได้ก็ดีไม่น้อย พญาอยากทำให้นับตังค์เห็นว่าเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองสมกับที่นับตังค์หวังเอาไว้ ถึงไม่ได้ความรักจากนับตังค์ แต่ถ้านับตังค์จะภูมิใจในตัวเขาบ้างก็คงจะดี
“เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” เทียมฟ้าตอบ
“มึงอวดขนาดนี้กูยกตลาดให้เลยเอาไหม” พญานึกขำคนตรงหน้า บทจะพูดตรงก็พูดออกมาหมดทุกอย่าง
“ไม่เอาหรอกครับ น้องไม่ได้อยากตลาด น้องแค่อยากช่วยพี่จริงๆ” เทียมฟ้าส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้พญา
“เคยร้องไห้ไหม” พญาถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเทียมฟ้าเคยเศร้าบ้างไหม
“เคยสิครับ แต่ถ้าเลือกได้ก็ยิ้มเอาไว้ดีกว่า”
“กูรำคาญเวลาที่มึงยิ้มบ่อยๆ ว่าแต่มึงยิ้มในเวลาที่เศร้าก็ได้เหรอวะ”
“มันขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังยิ้มให้ใคร ถ้าพี่อยู่ตรงหน้าคนที่พี่รัก ต่อให้พี่อยากร้องไห้แทบขาดใจแต่พี่ก็จะยิ้มให้เขา” เมื่อเทียมฟ้าพูดจบพญาก็นิ่งไปนาน จนเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายมองมาจึงปรับสีหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำไมไม่ไปนอนที่โรงแรม สะดวกกว่าที่นี่ตั้งเยอะ”
“น้องไม่อยากให้คุณอาพยนต์เป็นกังวลแล้วต้องคอยมาดูแลน้อง ห้องพักก็จะได้ให้แขกมาพักได้”
“หึ มึงรู้ไหม การที่มึงเลือกมาอยู่กับกู พ่อกูยิ่งเครียดจนป่านนี้เส้นสมองปูดไปแล้วมั๊ง”
“ไม่จริงหรอก คุณอาพยนต์บอกน้องว่าถึงพี่จะห่ามไปหน่อยแต่พี่จะปกป้องน้องได้”
“พ่อกูบอกมึงอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ”
“เอาเป็นว่ามึงจะนอนที่นี่ก็ตามใจ แต่กูไม่ชอบคนวุ่นวาย อยู่แบบเงียบๆ เจียมตัวหน่ะ เข้าใจไหม” พญากำชับ
“ได้ครับ พี่พญา น้องขอยิ้มได้ไหม” เทียมฟ้าถาม
“อยากยิ้มก็ยิ้ม” พญาส่ายหน้าเมื่อเห็นเทียมฟ้าระบายยิ้มกว้าง
“น้องไปหาหนูด้วงนะครับ แล้วเดี๋ยวกลับมาน้องจะช่วยพี่ตรวจดูบัญชีให้ ขอบคุณนะครับพี่พญา” เทียมฟ้ายิ้มร่าออกไปอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อ...กูว่ามันดูเด็กพอกับหนูด้วงเลย แล้วนี่กูจะยิ้มตามมันทำไมวะเนี่ย” พญามองตามเทียมฟ้าไป เมื่อรู้ตัวว่าปากของตัวเองก็กำลังยิ้มเหมือนกันเลยรีบหุบปากแล้วก็บ่นตัวเองเบาๆ
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V