กุญแจดอกที่ 6
แม้เทียมฟ้าจะเคยเห็นบรรยากาศงานวัดผ่านจอโทรทัศน์หรือคำบอกเล่าจากแม่นมที่เคยเลี้ยงดูเทียมฟ้ามาบ้างแล้วก็ตามแต่การได้มาสัมผัสงานวัดของจริงมันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่เทียมฟ้ามากกว่าหลายเท่านัก พญาเห็นอาการตื่นเต้นของเทียมฟ้ากับหนูด้วงแล้วก็ได้แต่แอบขำ หนูด้วงตื่นเต้นพญายังพอจะเข้าใจได้ ก็ในงานมีทั้งลูกโป่งเอย ขนมเอย เครื่องเล่นสารพัดมันถูกจัดขึ้นเพื่อล่อตาล่อใจเด็กน้อยอย่างหนูด้วงอยู่แล้ว แต่คนโตอย่างเทียมฟ้าที่คอยทำตาโตและยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่ายทุกครั้งที่เห็นอะไรแปลกหูแปลกตามันดูน่ารักและน่าขำไม่น้อย
“น่ารัก” พญาหยุดขำก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าเพราะรู้สึกเก้อที่ตัวเองเอาแต่มองเจ้ากระต่ายจนมีคำว่าน่ารักผุดขึ้นมาในหัว ปกติปากของพญาเอาแต่ต่อว่าเทียมฟ้าแต่เมื่อกี้เขาเกือบหลุดชมคำว่าน่ารักออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ถึงจะพูดเบาๆ แต่ไอ้ก้านได้ยินนะนาย” ไอ้ก้านโผล่หน้ามาล้อเลียนเจ้านายของมัน
“เฮ้ย! กูตกใจหมด เมื่อกี้มึงยังอยู่ตรงโน้นอยู่เลยไม่ใช่เหรอวะไอ้ก้าน กูชักจะมั่นใจแล้วว่ามึงต้องเป็นลูกของนินจาแล้วเขาก็ทิ้งมึงลงน้ำจนลอยมาติดที่เกาะนี้แน่ๆ นี่มึงจะตามดูกูทุกฝีก้าวเลยใช่ไหม”
“ไม่ได้หรอกนาย ไอ้ก้านต้องคอยปกป้องนาย เพราะฉะนั้นทั้งนายพญานายน้อยด้วงและว่าที่นางสิงห์ของนายก็จะต้องอยู่ในสายตาของไอ้ก้านตลอด”
“หึ มึงคนเดียวจะช่วยอะไรกูได้” พญาแกล้งถามลูกน้องคนสนิทแม้จะรู้ว่ามันซื่อสัตย์และยอมปกป้องเขาด้วยชีวิต
“ใครว่ามีไอ้ก้านคนเดียว” ไอ้ก้านย้อนถามนายของมัน
“มึงอย่าบอกนะว่า...” พญามองไปรอบๆ จนพบว่ารอบตัวพญามีลูกน้องของตัวเองเดินกระจายเต็มไปหมด มีสี่คนตามประกบเทียมฟ้าและหนูด้วงอยู่ ส่วนอีกห้าหกคนเดินวนอยู่รอบตัวพญา ลูกน้องพวกนี้พญาจะเรียกใช้ยามจำเป็นเท่านั้น นอกนั้นเขาก็จะให้มันคอยสอดส่องจับตาดูพวกของนายหัวสุริยาไม่ให้เข้ามาส่งยาเสพติดบนเกาะใบไม้คราม
“ไอ้ก้านไม่อยากประมาท” ไอ้ก้านกระซิบบอกนายของมันเมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ
“นี่มันในวัด ใครจะมาทำอะไรกู แต่เอาเถอะไหนๆ ก็มาแล้วมึงก็อย่าให้พวกมันวิตกเกินไปนัก ให้พวกมันไปเดินเที่ยวตามสบาย ให้เงินพวกมันด้วย” พญารู้ว่าก้านหวังดีเลยไม่อยากตำหนิที่มันทำเกินกว่าเหตุ เขาแค่มาเที่ยวงานวัดทำไมมันต้องสั่งให้คนมาตามเขามากขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ครับนาย”
“เดี๋ยว กูมีคำถาม” พญาเรียกก้านเอาไว้ก่อนที่มันจะทำตัวล่องหนไปอีก
“ครับนาย”
“ตอนกูไปล่องเรือ ลูกน้องมึงตามไปด้วยรึเปล่าวะ กูว่าก่อนกูจะนอนเหมือนเห็นแสงไฟวิบๆ วับๆ”
“ก็...ไกลๆ เองนาย” ไอ้ก้านหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะยอมสารภาพ
“งี้มันก็เห็นหมดดิว่ากูทำอะไรบนดาดฟ้า”
“โธ่นาย ปกตินายทำมากกว่านี้อีก ไอ้ก้านไม่เคยเห็นนายอายเลย โอ้ย!” ก้านพูดจบก็โดนพญาเขกหัวอย่างแรง
“กูไม่ได้อาย แต่คุณชายของมึงเขาไม่ใช่คนหน้าหนาอย่างเราๆ มึงนี่นะ...อย่าให้เขารู้เชียว ไม่งั้นมึงได้ลงไปนอนกองอย่างไอ้โจ้แน่” พญาทำท่าจะเขกหัวไอ้ก้านอีกรอบแต่ก็นึกสงสารเลยได้แต่ขู่มันแล้วรีบเดินไปหาเทียมฟ้ากับหนูด้วง ส่วนไอ้ก้านพอย้อนนึกไปถึงตอนที่ไอ้โจ้โดนเทียมฟ้าฟาดขาใส่แล้วก็ต้องลูบคอตัวเองเพราะรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นทันที
เทียมฟ้ากับหนูด้วงยืนรอพ่อค้าปิ้งข้าวเกรียบว่าวเสร็จพญาก็เดินเข้ามาหาพอดี หนูด้วงกัดข้าวเกรียบดัง ‘กร๊อบ’ ก่อนหัวเราะชอบใจและส่งข้าวเกรียบให้เทียมฟ้ากัดบ้าง จังหวะที่เทียมฟ้ากำลังกัดข้าวเกรียบพญาก็รีบเข้ามากัดข้าวเกรียบด้วยจนแก้มของทั้งคู่แนบชิดกัน เทียมฟ้าเขินจัดจนเผลอบีบข้าวเกรียบแรงไปหน่อย ข้าวเกรียบในมือของหนูด้วงเลยแตกร่วงจนเหลือเศษติดมือเพียงนิดเดียว
“อาน้อนดู ดูจิ ดูมันย่วนหมด หนูยันไม่อิ่มเยย” หนูด้วงทำตาละห้อยมองขนมที่ร่วงไปอยู่กับพื้น
“ก็...ก็...” เทียมฟ้ายิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปค้อนพญาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่
“เดี๋ยวน้าซื้อให้ใหม่ อาน้อนไม่ได้เรื่องเลยเนอะทำขนมแตกหมด” พญารีบแย่งทำคะแนน
“ยุงพะยาแย่นอาน้อนกินคาหนมก็เลย..อุ๊บ” หนูด้วงพูดยังไม่ทันจบเทียมฟ้าก็เอามืออุดปากหนูด้วงเอาไว้ก่อน
“เอ้า มึงจะอุดปากหลานทำไม”
“ก็น้องคิดว่าหนูด้วงคงจะพูดคำว่าแตก”
“แล้วไง” พญาขมวดคิ้ว
“ก็หนูด้วงพูดแม่กกไม่ชัด ชอบพูดเป็นแม่กด” พอเทียมฟ้าอธิบายเสร็จพญาก็ยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“มึงนี่นะ...” พญาส่ายหัวก่อนจะเดินไปซื้อข้าวเกรียบอันใหม่ให้หนูด้วง
เสร็จจากร้านข้าวเกรียบแล้วทั้งสามคนก็ตรงไปที่เต็นท์ของร้านมีคุณอนันต์ซึ่งตอนนี้มีทั้งเด็กและนักท่องเที่ยวต่อคิวยาวเป็นหางว่าว เทียมฟ้ารีบพาหนูด้วงเข้าไปช่วยแจกขนมเพราะดูทุกคนยุ่งไปหมด นับตังค์ ใบเมี่ยงและสองสาวฝาแฝดกำลังช่วยกันแต่งหน้าโดนัทและคัพเค้กเพื่อให้ช้วนและคุณพลอยประดับแจกบรรดาเด็กน้อยที่มาต่อคิวรอตั้งแต่ร้านยังตั้งไม่เสร็จดี ส่วนพายพัดและขมิ้นช่วยกันขายปอเปี๊ยะทอดไส้ผัดไทยให้แก่คนที่มาเที่ยวในงาน คุณขจีก็มาช่วยคุณย่าละม่อมขายขนมไทยที่หาทานยากด้วย ซึ่งขนมรสมือของคุณย่าละม่อมขายดีจนหมดไปหลายถาดแล้ว
พญาเห็นว่ามีคนช่วยนับตังค์เยอะแล้วเลยได้แต่ยืนดูใกล้ๆ เพราะตัวเองก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็นกลัวจะยิ่งไปเกะกะคนอื่นมากกว่า พญายอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้ขึ้นมาที่วัดนี้สักเท่าไหร่เพราะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่และพี่พยงค์ แต่พอได้มาในวันนี้ก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของที่นี่เป็นอย่างมาก ถึงวัดนี้จะเป็นวัดเดียวที่ตั้งอยู่บนเกาะแต่ก็มีแค่หลวงตากับพระลูกวัดไม่กี่รูปที่ดูแลอยู่ ชาวบ้านที่อาศัยบนเกาะก็ไม่ค่อยได้ขึ้นมาทำบุญกันสักเท่าไหร่อาศัยแค่ใส่บาตรแถวตลาดแค่นั้น แต่ตั้งแต่ที่หลวงพี่เหรียญเงินมาจำวัดอยู่ที่นี่พื้นที่รกร้างก็ถูกพัฒนา เริ่มมีห้องสมุดขนาดเล็กสำหรับเด็กๆ และประชาชนที่รักการอ่าน ห้องน้ำที่เคยเก่าก็ถูกซ่อมแซมให้สะอาดและถูกสุขลักษณะมากขึ้น ต้นไม้ต้นหญ้าที่ขึ้นรกก็ถูกถอนและตกแต่งจนสะอาดตา มีมุมให้นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมได้หลายจุด พญาได้ยินชาวตลาดพูดกันว่าเริ่มมีคนจากที่อื่นมาปฏิบัติธรรมที่นี่มากขึ้น บางคนได้ฟังเทศน์จากหลวงพี่ก็ศรัทธาถึงกับขอสร้างหอปฏิบัติธรรมให้ใหม่แต่หลวงพี่ก็ปฏิเสธและบอกว่าธรรมชาติคือสถานที่ที่สร้างความสงบให้ใจได้มากที่สุดแล้ว เขาเองเคยมองหลวงพี่ผิดไป นึกเสียดายแทนพี่พยงค์ที่ไม่ได้อยู่เห็นทั้งสามีและลูกที่น่ารัก ถ้าพี่สาวของเขายังอยู่ก็คงมีความสุขไม่น้อยเลย
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เป็นผู้เป็นคนขึ้นเหรอ” คีตะเห็นพญายืนอยู่คนเดียวเลยเข้ามาทัก
‘คีตะ’ คืออดีตคนรักของมีคุณและทำงานอยู่ที่โรงแรมของนายหัวพยนต์ คีตะยอมทิ้งแสงสีในเมืองกรุงเพราะตั้งใจที่จะมาแย่งมีคุณคืนจากนับตังค์ แต่ด้วยความรักที่มีคุณและนับตังค์มีต่อกันคีตะจึงยอมแพ้ จากศัตรูหัวใจก็กลับกลายมาเป็นมิตรที่ดีให้กับคนทั้งคู่ แต่กับพญาแล้วคีตะไม่อยากจะญาติดีด้วยสักเท่าไหร่เพราะเคยพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย แต่มันก็เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่พลาดไป เป็นครั้งเดียวที่คีตะไม่อยากจะจำให้รกสมองแต่มันก็ลืมไม่ลงสักที
“มึงยังเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้แล้วทำไมกูจะเป็นไม่ได้” พญาย้อนกลับทันที
“ตกหลุมรักคุณชายน้องเข้าแล้วสินะ ไหนว่ารักน้องตังหนักหนา” คีตะถามก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“กูจะรักใครมันทำให้มึงร้อนรึไง”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ก็แค่คิดว่าคนอย่างนายมันรักใครไม่เป็นหรอก เห็นจะเป็นจะตายกับนับตังค์แต่สุดท้ายก็ลืมง่ายๆ ฉันจะบอกอะไรให้นะ พ่อของนายกำลังตามสืบเรื่องของนายกับคุณชายน้อง ถ้านายคิดว่าคนนี้จะง่ายเหมือนทุกคนที่ผ่านมาก็คิดผิดแล้วล่ะ ฉันจะรอดูวันที่นายพญาจะกลายเป็นหมามองเครื่องบิน” คีตะยิ้มเยาะให้พญาก่อนจะเดินจากไป
“ไอ้ก้าน!” เมื่อคีตะเดินไปแล้วพญาก็เรียกลูกน้องเข้ามาหา
“ครับนาย นายกินไหม โคตรอร่อยเลยนาย ฝีมือคุณตังไม่ตกเลย”
“นี่มันขนมแจกเด็ก มึงโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังไปต่อคิวแย่งเด็กอีก”
“ก็ตอนเด็กไอ้ก้านไม่เคยได้กินแบบนี้นี่นานาย”
“เอาไว้กูจะสั่งซื้อขนมน้องตังให้มึงกินสักสี่โหลเลย ชดเชยวัยเด็กที่ถูกลอยทิ้งน้ำมา”
“โธ่นายชอบพูดแบบนี้ เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมาทำไง ดีไม่ดีไอ้ก้านอาจจะเป็นญาติของคุณชายน้องก็ได้ อาจจะเป็นคุณชายก้าน ฮ่าๆ โอ้ย! ก้านเจ็บหัวนะนาย” ไอ้ก้านลูบหัวปรอยๆ หลังจากที่โดนนายพญาเขกหัวอีกรอบ
“เหาจะกินกบาลของมึง กูจะให้มึงไปสืบจากไอ้หนามว่าพ่อของกูรู้เรื่องกูกับคุณชายของมึงแค่ไหน ให้ได้เรื่องนะมึง” พญาบอกความต้องการกับลูกน้องคนสนิท
“ครับนาย ว่าแต่ถ้านายหัวรู้ นายจะทำยังไง” ไอ้ก้านเริ่มเครียดจริงจังเมื่อนึกถึงปัญหานี้
“ไม่ทำไง สักวันคุณชายของมึงก็ต้องกลับบ้าน”
“แต่ว่า...”
“มึงยังไม่ชินอีกเหรอ ไม่เคยมีใครอยากอยู่กับคนอย่างกูถาวรหรอก มึงอย่าฝันเลยว่านายหญิงของมึงจะมีตัวตน ที่ข้างๆ กูมันเคยว่างเปล่ายังไงมันก็จะว่างเปล่าอย่างนั้น คุณชายของมึงเขาก็แค่อยากสนุกตามประสาลูกคนรวย”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ไม่ต้องทำหน้าสงสารกูด้วย ใครไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ กูอยู่คนเดียวได้” พญาทำเสียงเขียวใส่ลูกน้องเมื่อเห็นมันทำหน้าเจื่อนๆ
“แต่ว่า...”
“แต่อะไรของมึงนักหนาวะ! เฮ้ย!” พญาตกใจเมื่อหันมาเจอเทียมฟ้ายืนอยู่ข้างหลัง
“ไอ้ก้านไปก่อนนะนาย อุตส่าห์กระพริบตาให้นายจนตะคริวกินเปลือกตาแล้วนายก็ไม่สนซักที” ไอ้ก้านรีบเผ่นเมื่อเห็นว่าหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้ายืนหน้าบึ้งอยู่ด้านหลังนายพญาของมัน
“มึงแจกขนมเสร็จแล้วเหรอ” พญาถามเทียมฟ้าเสียงอ่อยๆ
“เสร็จแล้ว เราไปไหว้พระกัน แต่ถ้าพี่ไม่อยากไปน้องไปคนเดียวก็ได้ ไปคนเดียวก็สนุกดี”
“ไอ้ขี้งอนเอ้ย” พญายีผมเทียมฟ้าก่อนจะกอดคอแล้วพาเทียมฟ้าเดินออกไป
“สถานการณ์เป็นไงบ้างก้าน” นับตังค์ถามก้านหลังจากที่พญากับเทียมฟ้าเดินออกไปไกลจากเต็นท์ขายของแล้ว
“ก้านว่านายพญาเสร็จคุณชายแน่ครับ แต่ก้านกำลังกังวลเรื่องของนายหัวพยนต์กับหม่อมเจ้าคุณหญิงป้าของคุณชาย” ไอ้ก้านถอนหายใจพร้อมกับระบายให้นับตังค์ฟัง
“ขอแค่นายของก้านรักจริงก็พอ ความรักชนะทุกสิ่ง แต่บอกไว้เลยนะ ถ้านายของก้านเกเรฉันเชือดทิ้งแน่” นับตังค์ชูมีดที่เตรียมมาหั่นผักขึ้นมาขู่จนไอ้ก้านต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเสียว
“ก้านว่าเล่นของมีคมในวัดมันไม่ดีนะครับ เดี๋ยวผีผลัก ก้านไปดีกว่า” ไอ้ก้านรีบเลี่ยงออกไปจนนับตังค์หัวเราะ
“มัมมัมทำอะได เย่นมีดไม่ได้แต่เย่นชินช้าชะหวันได้ มาดูมาดู มากะหนู ไปเย่นด้วยกัน” หนูด้วงเดินมากระตุกชายเสื้อของนับตังค์แล้วชี้ชวนไปทางชิงช้าสวรรค์
“โอ้ยไม่เอาหรอก แด๊ดให้มาชวนใช่ไหม มันน่านัก! คิดแกล้งกันใช่ไหมบอส!” นับตังค์ร้องโวยวายแล้วรีบจูงหนูด้วงเดินไปหามีคุณที่หัวเราะร่วนอยู่ รู้ทั้งรู้ว่านับตังค์กลัวความสูงยังให้หนูด้วงมาชวนไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ นับตังค์คิดในใจว่าคืนนี้จะให้มีคุณนอนหัวเราะอยู่นอกห้องจนเหงือกแห้งไปเลย แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นเต็นท์รถบั๊มก็ลอบยิ้มร้ายก่อนจะกระซิบหนูด้วงให้ไปชวนคนกลัวความเร็วอย่างมีคุณไปเล่นเครื่องเล่นชนิดนั้นด้วยกันแทน
..
เทียมฟ้านำพญาเข้ามาในโบสถ์ก่อนจะจุดธูปแล้วส่งให้พญา ส่วนใหญ่คนที่มาไหว้พระในโบสถ์จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและคนพื้นที่ ซึ่งคนที่รู้จักพญาต่างก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อที่เห็นพญามาไหว้พระแต่พอพญามองกลับไปทุกคนก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตาพญาสักคน เมื่อทั้งคู่ไหว้พระและอธิษฐานเสร็จแล้วก็เหลือบไปเห็นกระบอกเสียมซีวางอยู่ตรงหน้า พญาหยิบกระบอกเสียมซีส่งให้เทียมฟ้าแต่อีกฝ่ายส่ายหน้าไม่ยอมรับไปถือ
“ทำไม ไม่เชื่อเรื่องดวงเหรอ” พญาถาม
“น้องเขย่าไม่เป็น”
“มึงนี่ตลกจริง เก่งทุกอย่างแต่ว่ายไม่เป็น เขย่ากระบอกเสียมซี่ก็ไม่เป็น”
“น้องเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเป็นไปทุกอย่าง”
“เขย่าไม่เป็นก็หยิบเอา ดูสิจะได้เลขเดียวกันไหม” พญายื่นกระบอกเสียมซี่ให้เทียมฟ้า เทียมฟ้าจึงหยิบไม้ในกระบอกมาหนึ่งไม้
“น้องได้เลขหก” เทียมฟ้าส่งไม้คืนให้พญา พญาหยิบมาใส่ในกระบอกแล้วเขย่าให้เทียมฟ้าดู เขย่าจนมีไม้ร่วงลงมาที่พื้นหนึ่งไม้
“กูได้เก้า หกเก้า ฮ่าๆ มึงมันทะลึ่งจริงๆ”
“พี่นั่นแหละที่ทะลึ่ง นี่ในโบสถ์นะ” เทียมฟ้าค้อนพญาก่อนจะรีบยกมือไหว้ขอโทษพระแทนพญา พญายังหัวเราะจนเทียมฟ้าต้องรีบเดินออกมานอกโบสถ์
“กูยังไม่ได้หยิบใบคำทำนายเลย” พญาเดินตามมาโวยวาย
“มันไม่แม่นหรอก”
“ทำไม กลัวใบทำนายจะบอกว่ามึงไม่ใช่เนื้อคู่กูสินะ”
“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นสักหน่อยเพราะเขาบอกว่าคนเป็นเนื้อคู่กันต้องมีอะไรเหมือนกัน”
“มึงมันผู้ดี กูมันผู้ร้าย มึงสุภาพ กูหยาบกระด้าง มึงทำงานเก่ง กูไม่ชอบทำงาน กูกับมึงมีอะไรที่เหมือนกันไหนมึงพูดสิ”
“มีอย่างหนึ่งที่เราเหมือนกัน” เทียมฟ้าพูดจบก็ระบายยิ้มออกมา
“อะไร”
“เพศไง”
“...........”
“เถียงสิว่าไม่เหมือน”
“มึงนี่นะ..” พญาเถียงไม่ออกจริงๆ
“น้องอยากไปเดินเล่นในงาน พี่ไปกับน้องนะ”
“กูเดินไม่ไหว”
“น้องอยากไป” เทียมฟ้าทำเสียงหงอยๆ พญาเลยทำแก้มป่องแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่แก้มของตัวเอง
“ถ้าน้องหอมพี่จะเดินไหวไหม” เทียมฟ้าต่อรอง
“กล้าก็ลองดู” พญาหัวเราะในลำคอก่อนจะป่องแก้มอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าเทียมฟ้าจะกล้าทำแต่เทียมฟ้าก็เขย่งตัวไปหอมแก้มพญาจริงๆ
“ทีเดียวนะ นี่ในวัด” เทียมฟ้าหน้าแดง ที่ยอมหอมเพราะเดินมาถึงบริเวณที่ลับตาคนแล้ว
“ขนาดในวัดมึงยังหอมแก้มกูซะแรง ถ้านอกวัดสงสัยแก้มกูคงจะยุบไปรวมกับกกหู” พญาหัวเราะชอบใจในขณะที่เทียมฟ้าอายจนหน้าแดงกว่าเดิม
“ไปได้ยังครับ” เทียมฟ้าถาม
“ก็ไปดิ แต่ถ้าพากูเดินเยอะกูหมดแรงอีกนะ” พญาพูดจบก็จูงมือพาเทียมฟ้าเดินต่อแถมยังหัวเราะไม่หยุดที่แกล้งเทียมฟ้าได้ เทียมฟ้าเองก็หุบยิ้มไม่ได้เหมือนกันเพราะสิ่งที่อธิษฐานเอาไว้คือขอให้พญามีความสุขและหัวเราะได้นั้นมันกำลังเกิดขึ้นจริง
ไอ้ก้านเดินตามพญากับเทียมฟ้าไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่ไอ้ก้านประทับใจในตัวคุณชายน้องก็คือคุณชายน้องไม่เคยปฏิเสธทุกครั้งที่นายพญาจับมือถึงแม้จะเป็นในชุมชนก็ตาม เจ้านายของไอ้ก้านเปิดเผยตัวตนและไม่เคยสนใจว่าใครจะมองตัวเองอย่างไรจึงไม่ได้ระวังตัว นายอยากจะทำอะไรนายก็ทำออกมาอย่างเปิดเผย แต่กับหม่อมราชวงศ์ผู้ที่มีสายเลือดสูงส่งอย่างคุณชายน้องนั้นไอ้ก้านนึกว่าจะเอาแต่ระวังตัวกลัวคนมองไม่ดีที่ต้องเดินเคียงข้างเจ้านายของมัน แต่มันไม่ใช่เลย...คุณชายน้องเองก็ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกของตัวเองเลยสักนิด หนำซ้ำยังแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยว่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้เคียงข้างนายของมัน รอยยิ้มที่สดใสของคุณชายเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่ากำลังมีความสุข รอยยิ้มของนายพญาก็เช่นกัน
“อะไร อย่าแม้แต่จะคิด” พญาเห็นเทียมฟ้าหยุดยืนมองแผงขายตะกร้อครอบปากสุนัขแล้วก็รีบพูดออกมาด้วยความระแวงถึงพญาจะประชดไปว่าถ้าไม่อยากให้ใครมาจูบพญาก็หาตะกร้อมาครอบปากเอาไว้ก็ตามเถอะ
“รู้เหรอน้องคิดอะไร” เทียมฟ้าอมยิ้ม
“ถ้ามึงซื้อไอ้ตะกร้อนี่ให้กู กูก็จูบมึงไม่ได้นะ เอาดิ กล้าก็ซื้อดิ”
“ไปร้านอื่นก็ได้”
“หึหึ” พญารู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้ตะกร้อครอบปากหมาเป็นของขวัญ
“พี่...น้องอยากลองเล่นปาลูกโป่ง อยากเอาตุ๊กตาไปให้หนูด้วง” เทียมฟ้าเห็นซุ้มปาลูกโป่งก็หันมาชวนพญา
“ซื้อเอาเลยง่ายกว่าไหม”
“ง่ายกว่าแต่ไม่น่าภูมิใจ อะไรที่ได้มาด้วยความพยายามมันน่าภูมิใจกว่านะครับ เหมือนที่น้องกำลังจะภูมิใจในตัวเอง”
“ยังไม่ทันเล่นเลยคุยโวแล้ว”
“น้องไม่ได้หมายถึงการปาลูกโป่ง”
“แล้วมึงหมายถึงอะไร”
“ก็กว่าจะได้พี่มามันไม่ง่าย น้องกำลังพยายามอยู่ น้องไม่ได้มาเล่นๆ นะ แล้วก็ไม่ได้แค่นึกสนุกด้วย” เทียมฟ้าระบายยิ้มสดใสก่อนจะเดินนำไปที่ซุ้มปาลูกโป่ง
“นี่มันมั่นใจว่าจะได้กูแน่ๆ ใช่ไหม” พญาพึมพำกับตัวเองก่อนจะขำความมั่นใจของเจ้ากระต่าย
พญากอดอกยืนมองเทียมฟ้าปาลูกโป่งดอกแล้วดอกเล่าแต่ก็ไม่เห็นว่าจะชนะรางวัลที่ต้องการเสียที พญารู้ดีว่าร้านค้าพวกนี้มันหัวหมอ ลูกดอกที่มันให้มาหัวทู่แบบนั้นคงจะทำให้ลูกโป่งที่เนื้อเหนียวกว่าปกติแตกได้หรอก แต่ในเมื่อเทียมฟ้าอยากลองพยายามพญาจึงปล่อยให้เล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกดอกลูกสุดท้ายที่เทียมฟ้าออกแรงปาไปกระทบลูกโป่งจนมันกระดอนร่วงลงไปอยู่พื้นเรียบร้อยแล้วเทียมฟ้าจึงเดินมาหาพญาด้วยท่าทางผิดหวังที่ลูกโป่งไม่แตกเช่นเดิม
“มึงนี่นะ...” พญาทนเห็นสีหน้าหงอยๆ ไม่ได้จึงจูงมือของเทียมฟ้ากลับไปที่ซุ้มปาลูกโป่งอีกรอบ
“จะเอาอีกเหรอคุณ” เจ้าของซุ้มเห็นเทียมฟ้าเดินกลับมาอีกรอบจึงถามขึ้นก่อนจะลอบยิ้มเพราะคิดว่าคงจะได้เงินอีกหลายบาท
“มึงจะเอาลูกดอกดีๆ มาให้เขาปาหรือจะให้กูใช้ไอ้นี้แทนลูกดอกหัวทู่ของมึง” พญาเลิกเสื้อตัวเองขึ้นจนเจ้าของซุ้มปาลูกโป่งเห็นด้ามปืนที่เหน็บเอวพญาอยู่
“คือ...ผม ผมมีแต่แบบนี้” เจ้าของซุ้มหน้าเสียและเริ่มพูดจาติดๆ ขัดๆ
“มึงคิดจะโกงที่ไหนก็เรื่องของมึงแต่ต้องไม่ใช่บนเกาะนี้ เด็กกี่คนต้องผิดหวังเพราะกลโกงของมึง”
“จะโกงที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น” เทียมฟ้าเสริมเมื่อหยิบลูกดอกมาดูแล้วเห็นว่าปลายลูกดอกมันทู่มากจริงๆ
“โธ่คุณครับ ถ้าทำให้มันแหลมผมก็มีแต่เจ๊ง” เจ้าของซุ้มทำหน้าวิงวอน
“มึงก็ไปทำอาชีพอื่น เดี๋ยวกูจะให้ลูกน้องกูมาช่วยรื้อซุ้มให้”
“ยอมแล้วครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนลูกดอกให้” เจ้าของซุ้มหันไปเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพญาแล้วก็รีบโกยลูกดอกที่วางหน้าร้านไปเก็บแล้วเอาดอกใหม่มาวางแทนทันที
ในที่สุดเทียมฟ้าก็ได้อุ้มตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่กว่าตัวเองออกมาจากซุ้มปาลูกโป่ง ไม่ใช่แค่เทียมฟ้าเพียงคนเดียว แต่เด็กๆ และคนที่เข้าไปต่อคิวเล่นต่างก็ได้ของรางวัลติดมือกันมาทั้งนั้น เทียมฟ้านึกสงสารเจ้าของซุ้มอยู่เหมือนกันแต่ถึงยังไงความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าก็เป็นสิ่งที่คนค้าขายควรมี
“ไม่ต้องมามองกู มึงอยากได้มึงก็ต้องอุ้มเอง” พญารีบบอกเทียมฟ้าเมื่อเห็นเทียมฟ้าอุ้มตุ๊กตากระต่ายยักษ์แบบทุลักทุเล
“น้องไหว” เทียมฟ้าพยายามขยับตุ๊กตาใหม่แต่ก็ยากลำบากเต็มทนเพราะมันตัวใหญ่มาก
“ถึงไม่ไหวกูก็ไม่ช่วย คนอย่างกูไม่มีวันอุ้มตุ๊กตาบ้านี่หรอก” พญามองตุ๊กตากระต่ายสีชมพูที่ผูกโบว์อันใหญ่ด้วยความสยองก่อนจะรีบเดินนำเทียมฟ้าไป
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V