กุญแจดอกที่ 13
หลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้วพญาบอกกับเทียมฟ้าว่าจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวที่สวนสนุกก่อนจะเดินทางกลับไปที่เกาะในวันพรุ่งนี้ เทียมฟ้าจึงให้ป้าสำรวลจัดอาหารที่ทำเอาไว้เยอะแยะใส่กล่องจะได้ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อกินที่สวนสนุก หนูด้วงกับโอบอุ้มดีใจที่จะได้ไปเที่ยวจึงรีบพากันไปเปลี่ยนชุดเสียใหม่
“อากาศมันร้อน ใส่เสื้อยืดสีขาวกับเอี๊ยมยีนก็แล้วกัน” โอบอุ้มแต่งตัวให้หนูด้วงเสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดของตัวเองบ้าง ซึ่งชุดที่โอบอุ้มใส่ก็เป็นเอี๊ยมเหมือนกัน
“ปี้โอดอุ้นใฉ่ชุดเหมือนหนู”
“ก็พี่โอบอยากน่ารักเหมือนหนูด้วงนี่ครับ” โอบอุ้มยิ้มให้หนูด้วง ซึ่งคนถูกชมก็ยิ้มกว้างยกใหญ่
“หนูอยาดใฉ่แบบนี้” หนูด้วงชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของโอบอุ้ม
“อยากได้เหรอครับ”
“หนูใฉ่ได้มั้ย”
“ได้ครับ งั้นพี่ยกให้หนูด้วง หนูด้วงต้องรักษาเอาไว้ให้ดีนะเพราะพี่รักมันมาก” โอบอุ้มถอดนาฬิกาออกจากข้อมือของตัวเองแล้วไปสวมใส่ให้หนูด้วง
“หนูก้อยักมันมาดดดด” หนูด้วงทำตาโตและยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อนาฬิกาแสนสวยมาอยู่บนข้อมือของตัวเอง
“เสร็จรึยัง” พญากับเทียมฟ้าเดินเข้ามาถามหลังจากที่ทั้งคู่ไปเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ยุงพะยากะอาน้อนใฉ่เฉื้อเหมือนกันเยย ยุงพะยาอยาดน่ายักเหมือนอาน้อนใช่มั้ย” หนูด้วงเห็นพญากับเทียมฟ้าใส่เสื้อเหมือนกันจึงร้องทัก
“ก็อาน้องของหนูด้วงบังคับให้น้าใส่” พญารู้สึกเขินที่เทียมฟ้าเอาเสื้อคู่รักมาให้ใส่ พอโดนหลานทักจึงเขินหนักกว่าเก่า
“พี่ไม่อยากใส่เหรอครับ” เทียมฟ้าทำหน้าหงอย
“อยากใส่ครับน้อง พี่อยากใส่” พญาเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะน้อยใจจึงรีบหันมาง้อ
“น่ารักดีครับป๊า” โอบอุ้มชมเมื่อเห็นเสื้อลายกระต่ายที่พญาใส่อยู่
“น่ารักเนอะน้องโอบ น่ารักเลยรัก” เทียมฟ้าพูดจบก็อมยิ้มที่พญายอมใส่เสื้อคู่
“ยุงมาดูมาดู อาน้อนมาดูมาดู ปี้โอดอุ้นให้หนู” หนูด้วงอวดนาฬิกาให้พญากับเทียมฟ้าดู
“นี่มันของรักของพี่อุ้มเขา คืนพี่อุ้มไปนะ เอาไว้น้าซื้อให้ใหม่”
“ไม่เป็นไรครับป๊า โอบอยากให้น้อง”
“ขอบใจนะ งั้นไปเที่ยวกันดีกว่า สายแล้ว” พญาเห็นความเสียสละของโอบอุ้มที่มีต่อหนูด้วงก็รู้สึกประทับใจ โอบอุ้มเพิ่งจะอายุสิบสามปีแต่ช่วยดูแลน้องได้ดี จะว่าไปดูแลดีกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ
“เย้ ไปเที่ยว ไปเที่ยว” หนูด้วงรีบเดินนำไปก่อนใคร
ก่อนจะออกเดินทางไปสวนสนุก สำรวลเข้ามาบอกเทียมฟ้าว่าหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองและญาติๆ จะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย เทียมฟ้าถอนหายใจเพราะรู้ว่าถ้ารวมญาติทีไรต้องมีประเด็นมาทำให้ปวดหัวอีกแน่แต่ก็พยักหน้ารับรู้ แอบลอบมองไปที่พญาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีอะไรก็แอบโล่งใจ เทียมฟ้าไม่อยากให้พญาอึดอัดและรู้สึกกดดัน เหมือนพญาจะรู้ว่าเทียมฟ้ากำลังไม่สบายใจ เมื่อขึ้นมานั่งในรถแล้วพญาจึงนั่งกุมมือของเทียมฟ้าเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองพร้อมจะรับมือกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
...
เมื่อมาถึงที่สวนสนุกหนูด้วงก็ส่งเสียงร้อง ‘ว้าว’ แทบจะตลอดเวลา เครื่องเล่นมากมายช่างน่าตื่นตาตื่นใจจนเจ้าตัวเล็กเก็บอาการไม่อยู่ เสียงเจื้อยแจ้วคอยซักถามทุกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่ตื่นเต้นไม่แพ้หนูด้วงแต่เก็บอาการได้แนบเนียนก็คือยุงพะยาของหนูด้วงนั่นเอง เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พญาได้มาเที่ยวที่สวนสนุก สมัยพญายังเป็นเด็กมักจะได้ของเล่นทุกอย่างที่อยากได้แต่ไม่เคยได้ไปไหนที่อยากไปเพราะนายหัวพยนต์เอาแต่ทำงาน พญาไม่มีเพื่อนสนิทเพราะตลอดชีวิตเจอแต่เพื่อนที่ไม่จริงใจและหวังแต่ผลประโยชน์ เวลาเพื่อนๆ ชวนไปกินไปเที่ยวที่ไหนพญาจึงมักปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าทุกคนต้องการให้พญาไปเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกมันแค่นั้น พอลับหลังก็เอาแต่นินทาจนพญาเบื่อหน่ายกับสังคมหน้าอย่างหลังอย่าง เพื่อนคนเดียวที่พญามีและไว้ใจก็คือก้านซึ่งมันก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนเหมือนกับเขา พญาคิดในใจว่าถ้าก้านได้มาที่นี่มันคงตื่นเต้นไม่แพ้เขาเหมือนกัน
“หูว...ยด...ไฟ...หด” หนูด้วงทำตาลุกวาวเมื่อเห็นรถไฟเหาะตีลังกา
“เหาะ ไม่ใช่หด” พญารีบแก้คำผิดให้หลาน
“หนูด้วงยังเด็กไป ต้องไปเล่นรถไฟของเด็กตรงนั้น” เทียมฟ้าชี้ไปที่รถไฟลอยฟ้าซึ่งเป็นรถไฟที่ขับพาชมรอบสวนสนุก
“น้องพาหนูด้วงไปเล่นแล้วกัน ของเล่นเด็กพี่ไม่ถนัด” พญาวางมาดขรึมจนเทียมฟ้านึกขำ
“ก็ได้ครับ พี่รออยู่แถวนี้นะ” เทียมฟ้ารู้ว่าพญาอยากเล่นรถไฟเหาะแต่กำลังวางมาดอยู่ ถึงจะรู้ทันแต่ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว
“พี่ไม่หลงหรอกน่า ไปเถอะ” พญาสะบัดมือไล่ให้เทียมฟ้าพาหนูด้วงกับโอบอุ้มไปเล่นเครื่องเล่นของเด็ก
เมื่อเทียมฟ้าพาหนูด้วงกับโอบอุ้มไปเล่นรถไฟลอยฟ้าแล้วพญาก็รีบไปเข้าแถวรอเล่นรถไฟเหาะ จนกระทั่งได้เล่นอย่างที่ใจต้องการเสร็จแล้วก็ลงมายืนพิงรั้วเหล็กพร้อมกับเอามือทาบหน้าอกเพราะรู้สึกว่าตัวเองหัวใจจะวาย พญานึกว่ามันจะสนุกแต่มันดันหวาดเสียวจนท้องไส้จะลงมากองรวมที่พื้น จนได้ยินเสียงเรียกของเทียมฟ้าจึงรีบปรับทีท่าเสียใหม่เพราะกลัวถูกจับได้ว่าตัวเองกำลังขาอ่อน
“พี่หายไปไหนมา”
“ไปเข้าห้องน้ำ”
“ป๊าไม่สบายรึเปล่าครับหน้าซีดๆ”
“เปล่า”
“ยุงเย่นยดไฟหดชาหนุดมั้ย”
“เหาะ...ไม่ใช่หด เฮ้ย! รู้ได้ไง” พญาแก้คำผิดให้หนูด้วงก่อนจะตกใจที่โดนจับได้
“ก้อยุงอยู่ข้านบนยดไฟ ยุงทำหน้าแบบนี้” หนูด้วงทำตาโตเหลือกไปมาพร้อมกับอ้าปากกว้าง
“พัง พังหมด” พญาโอดครวญก่อนจะลูบหน้าตัวเองเพราะรู้สึกเสียฟอร์ม
“ไม่เห็นจะพังเลยครับป๊า โอบเห็นคนขึ้นไปก็ทำหน้าแบบนั้นทุกคน” โอบอุ้มรีบปลอบใจพญา
“ไปเล่นล่องแก่งกันดีกว่า” เทียมฟ้ารีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวพญาจะอายจนไม่ยอมเล่นอะไรอีก
“ล่อนแก่นคืออะได” หนูด้วงเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ก็เหมือนนั่งเรือ” โอบอุ้มอธิบายให้น้องฟัง
“เย้ ไปๆ ไปล่อนแก่นกัน”
“ล่องแก่งมันสูงไหม” พญากระซิบถามเทียมฟ้า
“พี่กลัวเสียวเหรอครับ” เทียมฟ้าถามกลับ
“ก็เอออะดิ” พญาหน้ามุ่ยเมื่อเห็นเทียมฟ้าแอบอมยิ้ม
“ทีพี่ทำให้น้องเสียวน้องยังไม่กลัวเลย”
“บร๊ะ! แฟนพี่นี่ไม่ธรรมดา” พญาได้ยินแล้วตบหน้าขาของตัวเองด้วยความชอบใจ นึกขำที่คุณชายผู้สูงศักดิ์พูดสองแง่สองง่ามก็เป็นด้วย
“น้องหมายถึงตอนที่พี่พาน้องเข้าบ้านผีสิงต่างหาก พี่คิดอะไรเนี่ย” เทียมฟ้าหัวเราะสดใสก่อนจะเดินหนีพญาไปเพราะสายตาอีกฝ่ายแสดงชัดว่าอยากจะจัดการเทียมฟ้าจะแย่อยู่แล้ว
ทั้งสี่คนพากันเล่นเครื่องเล่นหลายชนิดจนเริ่มหิวจึงพากันมานั่งพักเพื่อทานข้าวกลางวัน หนูด้วงจิ้มไส้กรอกทอดใส่ปากก่อนจะตักข้าวคลุกน้ำปลาตามด้วยความเอร็ดอร่อย เทียมฟ้าพยายามจะตักผัดผักให้หนูด้วงกินด้วยเพราะนับตังค์กำชับเอาไว้ ระยะหลังพอไม่ได้อยู่กับนับตังค์หนูด้วงมักจะเขี่ยผักออก ยังดีที่ได้มุกกินแล้วจะเป็น ‘ปู้วิเฉด’ ของพญาหนูด้วงถึงยอมกินผักแบบไม่อิดออด
เมื่อทานข้าวกันเสร็จแล้วพญาอาสาเป็นคนเอาข้าวของเป็นเก็บที่รถ ระหว่างทางพญารู้สึกเหมือนมีใครคอยแอบมองอยู่แต่เมื่อหันไปดูรอบๆ ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติจึงคิดว่าคงคิดมากไปเอง หลังจากเอาของไปเก็บที่รถเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับทันมาเห็นว่าหนูด้วงกำลังสนใจกลุ่มคนที่เล่นห่วงฮูลาฮูปอยู่พอดี
“หนูเย่นได้มั้ย” หนูด้วงอ้อนถามพญา
“ได้สิ เดี๋ยวน้าซื้อให้” พญาเห็นว่าของเล่นแบบนี้มันมีประโยชน์จึงตัดสินใจซื้อให้ทั้งที่รู้ว่าหนูด้วงอาจจะเล่นไม่เป็น
“น้องเล่นไม่เป็นนะ” เทียมฟ้ารีบบอกเพราะเห็นพญามองมาที่ตนเอง
“โอบก็เล่นไม่เก่งครับ” โอบอุ้มกลัวว่าพญาจะซื้อให้เลยรีบบอกเช่นกัน
“งั้นซื้อของเด็กอันเดียวพอ” พญาบอกคนขาย เมื่อได้ห่วงฮูลาฮูปขนาดเล็กมาแล้วจึงส่งให้หนูด้วง
“หนูเย่นเก่น หนูจาเย่นไม่เบื่อ” หนูด้วงยกมือไหว้พญาก่อนจะคุยโวแถมยังรับปากว่าจะไม่เบื่อเพราะเคยถูกปู่ช้วนบ่นบ่อยๆ ว่าเล่นอะไรไม่นานก็เบื่อจนของเล่นเต็มบ้านไปหมด
“โอเค น้าเชื่อ ไหนเล่นให้น้าดูซิ” พญานึกขำหลานตัวน้อย
หนูด้วงมองคนที่กำลังเล่นห่วงฮูลาฮูปอีกครั้งแล้วก็เริ่มทำตาม เริ่มจากการเอาตัวเองลอดเข้าไปอยู่ในห่วงแล้วถือเอาไว้ระดับเอว แล้วหนูด้วงก็เริ่มส่ายเอวไปมาก่อนจะปล่อยมือออกจากห่วง แต่แล้วห่วงก็ร่วงลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหนูด้วงเริ่มท้อใจ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็ลอบยิ้มให้กับภาพที่เห็น เด็กตัวน้อยพยายามส่ายเอวดุกดิกทั้งที่ห่วงฮูลาฮูปกองอยู่กับพื้น แม้เจ้าตัวจะทำไม่ได้แต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มและยังมีเสียงหัวเราะออกมาให้ได้ยินตลอด สุดท้ายผู้คนก็เริ่มหยุดเดินแล้วส่งเสียงเชียร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ พญาเริ่มสงสารหลานที่พยายามจนเหนื่อย
“อาว่าหนูด้วงเล่นแบบนี้ก่อนดีไหมครับ” พญาเอาห่วงมาคล้องที่ข้อศอกแล้วเริ่มเหวี่ยงแขนช้าๆ ไม่นานห่วงก็เริ่มหมุนอยู่ที่แขนของพญา
“ยุงพะยาเก่น ยุงพะยาเป็นปู้วิเฉด” หนูด้วงเห็นแล้วก็ปรบมือชอบใจ
“ลองทำดูนะ” พญาทำให้ดูเสร็จแล้วก็เอาห่วงมาคล้องที่ข้อศอกของหลาน จากนั้นก็ช่วยจับแขนของหนูด้วงออกแรงเหวี่ยงเบาๆ ไม่นานห่วงก็หมุนรอบแขนของหนูด้วงได้จริงๆ พญาเริ่มหยุดช่วยเพื่อให้หนูด้วงได้ทำเอง
“หมุนแย้ว ปี้โอดอุ้นมาดูมาดู มันหมุนแย้ว” หนูด้วงทำตาโตพร้อมกับอมยิ้ม คนที่ยืนดูอยู่ต่างก็ปรบมือให้หนูด้วง บางคนก็แอบถ่ายรูปหนูด้วงเก็บเอาไว้เพราะนึกเอ็นดู
“เก่งที่สุดเลยครับ” โอบอุ้มปรบมือให้น้อง
“พี่รู้ตัวไหมว่าพี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” เทียมฟ้าหันมาพูดกับพญาพร้อมกับแววตาที่แสดงออกว่าชื่นชมพญาอย่างเปิดเผย
“ดีหรือไม่ดี” พญาถาม
“ดีสิครับ ดีมาก น้องภูมิใจในตัวพี่จังเลย น้องอยากให้ทุกคนมาเห็นว่าพี่เลี้ยงหนูด้วงได้ดีไม่แพ้ใครเลย” เทียมฟ้าส่งยิ้มให้พญา
“น้องเท่านั้น”
“อะไรนะครับ”
“แค่น้องเห็นเท่านั้นก็พอแล้ว” พญาพูดเบาๆ เพราะรู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆ ที่ถูกชม
“พี่มีค่าสำหรับน้อง น้องเห็นว่าพี่เป็นยังไงน้องถึงได้รัก หล่อด้วย ใจดีด้วย ทำไมน่ารักจัง”
“จะแกล้งให้พี่เขินตายรึไงเจ้ากระต่าย” พญาเริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนที่ตัวเองจ้องมองเทียมฟ้าทำไมอีกฝ่ายต้องเขินทุกที ตอนนี้พอโดนจ้องพร้อมกับได้ฟังคำหวานเข้าบ้างก็เริ่มวางมือวางไม้ไม่ถูก
“เขินก็น่ารัก”
“พอๆ มึงเป็นฝ่ายรับนะ จะมาตะบี้ตะบันจีบแล้วก็จ้องตาเขาเป็นมันแบบนี้ไม่ได้นะ แก่แดด” พญาเขินจนเก็บอาการไม่อยู่เลยต้องโวยวายกลบเกลื่อน เทียมฟ้าหลุดหัวเราะเมื่อแกล้งพญาได้สำเร็จ
“ยุงพะยา หนูเป็นปู้วิเฉดแย้ว” หนูด้วงวิ่งมาหาพญาหลังจากที่เล่นห่วงฮูลาฮูปเหนื่อยแล้ว
“เก่งครับ เก่งที่สุด” พญาพรูลมหายใจที่หนูด้วงมาช่วยชีวิต ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเขินตัวบิดเป็นเกลียว จากฉลามอาจจะกลายเป็นแค่ปลานีโม่ก็ได้
“ปู้วิเฉดเมื่อยได้มั้ย” หนูด้วงยิ้มเจื่อนๆ ให้พญาก่อนจะเกริ่นถามเพราะกลัวถูกบ่นว่าเล่นอะไรได้ไม่นาน
“เมื่อยได้สิ ฉลาดนักนะเรา” พญาหัวเราะชอบใจก่อนจะคว้าตัวหนูด้วงขึ้นมาอุ้มแล้วหอมไปหลายที
“ไปเล่นอย่างอื่นกันต่อดีกว่าเนอะ” เทียมฟ้าช่วยถือห่วงฮูลาฮูปให้หนูด้วงก่อนจะชวนไปเล่นอย่างอื่นต่อ
“ให้โอบถือให้ดีกว่าครับอาน้อง”
“ขอบคุณนะครับคุณสุภาพบุรุษของอาน้อง” เทียมฟ้าโยกหัวโอบอุ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะส่งห่วงฮูลาฮูปให้อีกฝ่ายถือตามคำขอ
ทั้งสี่คนพากันเที่ยวเล่นอยู่ในสวนสนุกจนเกือบเย็น พญาชวนเทียมฟ้ากลับเพราะเกรงว่าถ้าขืนเล่นต่อไปกว่าจะได้กลับถึงวังคงเย็นแล้วหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองจะรอนาน เทียมฟ้าถอนหายใจเพราะรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันเดินเร็วเหลือเกิน อีกอย่างหนูด้วงกับโอบอุ้มก็หาวแล้วหาวอีก เด็กทั้งสองคนคงจะเพลียและอยากจะหลับเต็มทนจึงจำต้องกลับตามคำชวนของพญา
“เดินไหวไหมหนูด้วง” พญาถามหนูด้วงที่เดินตาปรือปรอยเหมือนคนหมดแรง
“น้องโทรไปบอกพี่ป้างให้เตรียมรถมารอเราที่หน้าประตูสวนสนุกแล้ว หนูด้วงมานี่...อาน้องอุ้มดีกว่า กว่าจะเดินถึงหน้าประตูอีกไกลเลย” เทียมฟ้าคว้าตัวหนูด้วงมาอุ้ม เจ้าตัวน้อยซบบ่าเทียมฟ้าแล้วหลับในทันทีเหมือนถูกปิดสวิตช์
“เจ้าอุ้มมาขี่หลังป๊ามา” พญาเห็นโอบอุ้มเดินสะลึมสะลือตาจะปิดไม่ต่างจากหนูด้วงเลยเรียกให้มาขี่หลัง
“ไม่เป็นไรครับป๊า โอบเดินได้” โอบอุ้มพูดจบก็หาวหวอดใหญ่
“เป็นผู้ใหญ่ให้น้องก็พอ ยังไงเราก็คือเด็กสำหรับป๊านะเจ้าอุ้ม มาเถอะ” พญาย่อตัวลง โอบอุ้มยืนลังเลครู่เดียวก็ตัดสินใจเดินไปขึ้นขี่หลังของพญา
“ขอบคุณครับป๊า” โอบอุ้มแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้รับความอบอุ่นจากบุคคลที่รักและเทิดทูน
“ตัวเบานิดเดียว เราต้องกินและออกกำลังกายให้มากกว่านี้จะได้แข็งแรง ต่อไปจะได้ปกป้องคนที่เรารักได้ เข้าใจไหมเจ้าอุ้ม” พญาสอนโอบอุ้มไปด้วย
“ครับป๊า” โอบอุ้มรับคำ
“น้องรักพี่” เทียมฟ้าขยับปากบอกความรู้สึกของตัวเองแบบไร้เสียงให้พญารับรู้เพียงคนเดียว
“คืนนี้โดนแส้แน่เจ้าทาส” พญายักคิ้วส่งกลับไปก่อนจะขยับปากให้เทียมฟ้าดูบ้าง เทียมฟ้าอ่านปากของพญาแล้วก็หัวเราะออกมาก่อนจะเอียงศีรษะไปชนกับไหล่ของพญาเบาๆ
..
‘ป้าง’ ขับรถตู้กลับมาถึงวังก็หันไปมองทั้งสี่คนที่กำลังนอนหลับสนิทกันอยู่ ถึงป้างจะเป็นแค่คนขับรถแต่ก็มีหน้าที่คอยรับส่งคุณชายน้องมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือชั้นอนุบาลจนถึงทุกวันนี้จึงรู้สึกว่าคุณชายน้องเปรียบเสมือนลูกหลานคนหนึ่งของตัวเอง แม้ตัวเองจะเคยเห็นคุณชายน้องมีแฟนมาก่อนแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณชายน้องโตขึ้นหรือครั้งนี้จะเป็นรักแท้ที่ทำให้คุณชายน้องของป้างดูเปลี่ยนแปลงไป เมื่อวานพวกบ่าวในวังต่างก็ซุบซิบนินทาว่าพญาเหมือนพวกกุ๊ยต่างจังหวัดที่โชคดีได้ตกถังข้าวสารแต่ป้างกลับเห็นต่างออกไป รูปร่างหน้าตาท่าทางของพญาไม่ได้ดูแย่ขนาดที่พวกนั้นนินทาเพียงแต่ดวงตากร้าวไม่ยอมคนของพญาอาจจะทำให้ดูน่าเกรงขามไปสักนิด ความไม่ประจบสอพลอปากหวานไปทั่วเป็นอีกอย่างที่ทำให้พญาดูต่างจากคนที่คุณชายน้องเคยคบหา พวกบ่าวในวังคงคุ้นชินกับอาการที่ป้างขอเรียกว่า ‘ผู้ดีจอมปลอม’ จนเคยเลยทำให้มีอคติกับคนที่แสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาอย่างพญา ซึ่งป้างว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่พญามีให้กับเจ้านายของตัวเอง
“ถึงแล้วเหรอพี่ป้าง” เทียมฟ้ารู้สึกตัวเมื่อป้างเดินมาเปิดประตูรถให้
“ถึงแล้วครับคุณชาย”
“พี่ ถึงบ้านแล้วครับ” เทียมฟ้าปลุกพญากับโอบอุ้ม ส่วนหนูด้วงถูกปลุกแต่ยังไม่ยอมลืมตาง่ายๆ พญาจึงบอกว่าจะอุ้มหนูด้วงเข้าไปเอง
สำรวลมารายงานว่าหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองมาถึงวังแล้วและนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก เทียมฟ้าจึงปลีกตัวไปต้อนรับและปล่อยให้พญาพาหนูด้วงกับโอบอุ้มไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนลงมาทานอาหารเย็นด้วยกัน
เมื่อเทียมฟ้าเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกก็เข้าไปกราบหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองก่อนจะไหว้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหม่อมย่าซึ่งก็คือคุณลุงชาญชัยและคุณป้าทรงวาด จากนั้นถึงได้หันมาไหว้ ‘หม่อมปรียานุช’ และ ‘หม่อมจริญ’ ทั้งคู่เป็นหม่อมของท่านพ่อ ซึ่งทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องด้วย หม่อมทั้งคู่ไม่มีโอรสหรือธิดาให้กับท่านพ่อของเทียมฟ้า หลังจากที่ท่านพ่อสิ้นชีพิตักษัยทั้งสองคนจึงย้ายออกจากวังนี้ไปอยู่ที่อื่นแต่ทั้งคู่ก็ได้เงินจากพินัยกรรมที่ท่านพ่อของเทียมฟ้าทิ้งเอาไว้ให้มากพอสมควร
“มาเสียที ไปเที่ยวเล่นไหนมาเหรอคะคุณชาย รักสนุกเหมือนเคยนะคะ” หม่อมปรียานุชเอ่ยถามหลังจากที่รับไหว้เทียมฟ้าแล้ว
เป็นที่รู้กันภายในว่าหม่อมปรียานุชเป็นคนรักคนแรกของหม่อมเจ้าอโนทัยแต่ที่ไม่ได้ตกแต่งด้วยเพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบที่หม่อมปรียานุชมีลูกไม่ได้ ‘หม่อมนิด’ หม่อมแม่ของเทียมฟ้าจึงเป็นคนที่ได้สมรสและจดทะเบียนกับท่านชาย หม่อมนิดได้ให้กำเนิดบุตรชายถึงสามคนจึงเป็นที่โปรดปราณของผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลสรลักษณ์ หม่อมปรียานุชจึงไม่ค่อยชอบใจนักที่ตัวเองถูกหม่อมนิดแย่งตำแหน่งที่เธอควรได้ไป
“พาเด็กๆ ไปเที่ยวสวนสนุกมาครับหม่อม” เทียมฟ้าตอบดีๆ ทั้งที่รู้ว่าหม่อมปรียานุชกำลังประชด
“ลูกก็ไม่ใช่แต่ก็ดูแลเหมือนลูกเลยนะคะคุณชาย” หม่อมปรียานุชพูดพลางหัวเราะแต่เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้เทียมฟ้าหงุดหงิดใจ
“หลานไปอยู่ใต้มาจนผิวคล้ำขึ้นแบบนี้คงจะชอบล่ะสิ” คุณชาญชัยซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของเทียมฟ้าเอ่ยถามขึ้นมาเพื่อตัดบทไม่ให้หม่อมปรียานุชพูดจาค่อนขอดหลานชายของตัวเองอีก
คุณชาญชัยเป็นลูกพี่ลูกน้องของหม่อมเจ้าอโนทัยและหม่อมเจ้าวิรงรอง มารดาของคุณชาญชัยเป็นน้องสาวของหม่อมย่า ซึ่งลุงชาญชัยและคุณทรงวาดเป็นหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทและปัจจุบันนี้ท่านทั้งสองก็ยังเป็นผู้บริหารบริษัทของหม่อมเจ้าอโนทัยอยู่ ทั้งคู่ไม่มีบุตรและรักเทียมฟ้าเหมือนลูกเนื่องจากเทียมฟ้าเป็นเด็กขี้อ้อนและช่างซักช่างถาม ตอนเทียมฟ้ายังเล็กก็ไปเล่นซนอยู่ที่บ้านของคุณชาญชัยบ่อยๆ จึงสนิทสนมผูกพันกันดี
“น้องอยากผิวสีแทนมานานแล้วครับคุณลุง น้องคิดถึงคุณลุงกับคุณป้าจัง” เทียมฟ้าตอบคุณชาญชัยด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“ป้าก็คิดถึงคุณชาย แอบน้อยใจที่คุณชายหนีป้าไปอยู่เสียไกล กำลังทูลท่านหญิงวิว่าถ้าคุณชายยังไม่ยอมกลับมาป้าจะขอลงไปตามเอง” คุณทรงวาดพูดทีเล่นทีจริง
“ไกลที่ไหนกันครับ นั่งเครื่องไปแค่อึดใจเดียวก็ถึงแล้ว เอาไว้คุณลุงกับคุณป้าไปเที่ยวที่เกาะนะครับ ที่นั่นสวยมากเลยครับ”
“ดีเหมือนกัน เราไม่ได้ไปเที่ยวกันนานแล้วนะคะคุณ” คุณทรงวาดหันไปพูดกับสามี
“ทุกคนมากันพร้อมแบบนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เทียมฟ้าถามคุณชาญชัยเพราะปกติแล้วถ้าคุณชาญชัยอยากจะมาทานข้าวกับเทียมฟ้าก็มักจะเลือกมาในวันที่ไม่มีหม่อมปรียานุชมาด้วย
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดถึงหลาน เห็นท่านหญิงตรัสว่าคุณชายจะกลับไปที่เกาะในวันพรุ่งนี้เลยอยากมาทานข้าวด้วยก่อนจะไม่ได้เจออีก เมื่อวานป้าเขาบอกลุงว่าคุยกับคุณชายน้องได้นิดเดียว ยังไม่หายคิดถึงเลย” คุณชาญชัยตอบหลานชายก่อนจะหันไปสบตากับภรรยาเพราะรู้สึกผิดที่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดไป
อันที่จริงแล้วการที่ทุกคนมาในวันนี้เพราะอยากรู้จักคนรักคนใหม่ของหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าให้มากกว่านี้ มีข่าวลือต่างๆ ของพญาที่ทำให้บรรดาญาติๆ เป็นกังวล ไม่ว่าจะเรื่องที่พญาอาจจะมีส่วนในขบวนการค้ายาเสพติดหรือเรื่องทำตัวเป็นอันธพาลชอบทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทุกคนคงจะไม่หนักใจหากหลานรักของหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองจะไม่จริงจังกับความรักครั้งนี้เหมือนครั้งก่อนๆ แม้ที่ผ่านมาแวดวงสังคมส่วนใหญ่จะรับรู้ว่าคุณชายน้องคบหาเพศเดียวกันแต่คนที่เทียมฟ้าคบก็มักจะเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกันทั้งนั้น อย่างน้อยในครั้งนี้ถ้าเทียมฟ้าจะจริงจังกับใครสักคน คนคนนั้นควรจะเหมาะสมและคู่ควรกับสายเลือดสูงส่งที่ถูกกำหนดมาให้ตั้งแต่ถือกำเนิดอย่างหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้า สรลักษณ์
“แล้วพ่อพญากับเด็กๆ ไปไหนเสียล่ะ” ท่านหญิงวิถามนัดดาเมื่อไม่เห็นพญากับเด็กน้อยทั้งสองคน
“พี่พญาพาเด็กๆ ไปอาบน้ำค่ะท่านป้า”
“คนนี้จริงจังเหรอคะคุณชาย หรือว่าเป็นของเล่นเหมือนคนก่อนๆ” หม่อมปรียานุชทำหน้าตาใสซื่อจนเทียมฟ้าอยากจะเดินไปกระชากใบหน้าจอมปลอมนั้นออกแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเสียอารมณ์ให้กับคนแบบนั้นเลยพยายามไม่ใส่ใจ
“เราไปที่โต๊ะเสวยกันดีกว่าค่ะท่านป้า สงสัยป้าสำรวลคงทำอาหารถวายท่านป้าจนล้นโต๊ะแล้วแน่ๆ”
“ดีเหมือนกัน” หม่อมเจ้าหญิงวิรงรองเห็นนัดดาตัดบทก็รู้ใจว่าคงไม่อยากหงุดหงิดเพราะคำค่อนขอดของหม่อมปรียานุชจึงบอกให้ทุกคนไปที่ห้องอาหารพร้อมกัน
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V