1
( สาริน )
ผมเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตที่ผมคิดว่าผมเริ่มจะทำมันพังเพราะตัวของผมเอง ผมมันเลว เอาจริงๆแล้วผมก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่ไม่มีอะไรเลย ถูกรับมาเลี้ยงโดยผู้ชายสองคนที่รักกันมาก เขารักและดูแลผมได้ดีกว่าใครคนไหนๆ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมขออะไรมี้กับพ่อแล้วจะไม่ได้ ผมได้ในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าในชีวิตนี้ผมจะได้ แต่ผมก็ทำมันพัง ผมทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ท่านมีต่อผม ผมมันเลว และผมควรจะออกมาจากที่ตรงนั้นได้แล้ว
"ห้องของเราไม่มีโทรทัศน์นะจ๊ะ ถ้าจะหามาเองก็ได้ หรือถ้ามีอยู่แล้วบอกพี่นะ เดี๋ยวเรียกช่างมาต่อสัญญาณให้" พี่เจี๊ยบ พี่หัวหน้าที่รีสอร์ตที่ผมมาฝึกงานเอ่ยขึ้น
"ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวกี่โมงครับ" ผมยิ้มให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังสวยและดูเป็นมิตรมาก
"เจ็ดโมงควรถึงรีเซฟชั่นนะคะ เอ้อ ญ่า นี่เสื้อผ้ายูนิฟอร์มนะ อาจจะดูคล้ายหมอนวดไปหน่อย แต่ที่นี่เขาใส่กันแบบนี้จริงๆ" พี่เจี๊ยบยื่นชุดทำงานสีไข่มาให้ผม
"ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี" ผมยิ้มขำๆ เรายืนคุยกันอีกสักพักก่อนที่พี่เจี๊ยบจะขอตัวไปดูแลหน้าร้านต่อ
ผมรีบเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย ที่นี่เป็นห้องพักพนักงาน ถ้าเปรียบกับการไปพักรีสอร์ต ห้องนี้ถือเป็นห้องสามดาวเลยทีเดียว มีทั้งระเบียงชมวิว อ่างอาบน้ำเล็กๆ เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าห้องนี้เคยเปิดเป็นห้องให้แขกพักมาก่อน แต่ตอนหลังเจ้าของเขาสร้างบ้านพักแถบใหม่ ที่ตรงนี้เลยแบ่งให้พนักงานเช่า ราคาก็ไม่แพงครับ เดือนละสองพันบาทเท่านั้น แต่ผมได้พักฟรีนะ มาฝึกงาน ไกลขนาดนี้ไม่มีห้องพักให้ผมก็แย่แล้ว
รุ่งเช้าผมรีบอาบน้ำแต่งชุดทำงานของรีสอร์ต ก่อนจะออกมานั่งรอพี่ๆมาทำงาน เมื่อคืนกว่าผมจะได้หลับก็ดึกเลย เพราะกว่าจะเก็บห้อง อาบน้ำ คุยกับหม่ามี้ ก็ปาไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ไหนจะต้องเตรียมไปรายงานตัวพรุ่งนี้อีก เลยทำให้ผมนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มดีสักเท่าไหร่นัก
"มาเช้าจังเลย ทานอะไรมาหรือยังลูก" พี่เจี๊ยบเดินเข้ามาทักผม ผมรีบยกมือสวัสดี
"วันนี้พี่เจี๊ยบสวยจัง" ผมชม พี่แกก็ฉีกยิ้มไปกว่าเดิม "ยังเลยครับ เอ่อ ผมไม่ทราบว่าจะไปทานที่ไหน"
ในนี้ไม่มีเซเว่นหรือร้านค้า ผมเริ่มหิวแล้วนะครับ แต่ก็ต้องทน
"อื้อ ถ้าอย่างนั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่า ตรงนี้ให้คนเป็นรีเซฟชั่นเขาทำไป" พี่เจี๊ยบเรียก ผมเลยต้องรีบลุกขึ้นเดินตามเขามา
ห้องอาหารที่นี่มีไว้ให้พนักงานโดยเฉพาะ ผมไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นป้าแม่ครัว พี่ยามที่กำลังนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เขาให้ผมตักข้าวเองครับ ตักเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่จะกิน วันนี้กับข้าวเป็นผัดกะหล่ำกับไข่ลูกเขย ผมกับพี่เจี๊ยบเรานั่งทานข้าวกันไปคุยกันไปจนเสร็จ หลังจากนั้นพี่เจี๊ยบก็พาผมเดินไปดูงานในรีสอร์ตทั้งหมด ที่นี่คนต่างชาติมาเยอะถึง 70% ต่อวัน ผมมีหน้าที่คอยดูแลซัพพอร์ตลูกค้าต่างชาติ ส่วนมากจะอยู่หน้าเคาท์เตอร์ แต่เราก็ต้องเข้าใจงานส่วนรวมให้ได้ทั้งหมด
"ที่นี่สวยใช่ไหม" พี่เจี๊ยบถามผมตอนที่เรากลับมาถึงหน้าบ้านแล้ว
"มากๆเลยครับ ผมชอบบรรยากาศที่นี่ เหมือนคนสร้างเขาจงใจให้ดูอบอุ่น เป็นธรรมชาติ" ผมยิ้มเอ่ย จิบน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆไปเรื่อยๆ
"แหงล่ะ เจ้าของที่นี่น่ะน่ารัก ใจดี รักธรรมชาติ แถมชอบให้โบนัสด้วยนะ" ผมฟังแล้วก็แอบคิดตาม เธอคงจะสวยน่าดูสิท่า
"ดีจังเลยนะครับ" ผมเอ่ย ถึงจะรู้ว่าทำงานคงไม่ได้เจอกับเจ้าของบ่อยๆ แต่อย่างน้อยการที่ได้รู้ว่าเขาเป็นคนดี มันก็ทำให้ผมตั้งใจอยากที่จะฝึกงานให้ดี ตอบแทนที่เขาให้โอกาสผมได้มาฝึกงานที่นี่
แล้วผมก็ได้เริ่มทำงานจริงๆครับ เริ่มจากการนั่งต้อนรับลูกค้า ฝึกลงทะเบียนห้องพัก มันไม่ได้ยากอะไรในความคิดผม เพียงแต่เราต้องอาศัยความแม่นยำ ละเอียด และฝึกฝนจนชำนาญเท่านั้น พี่ๆที่นี่ใจดีมากๆเลยครับ พี่หลายคนเขามีรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์กัน ผมเองชักอยากจะหัดขับแล้วสิ ผมขับรถเป็นนะครับ แต่ไม่ชิน ผมเป็นคนขี้กลัว ออกถนนใหญ่ทีไร ใจตุ้มๆต่อมๆทุกที
...
ผ่านมาสามวันของการฝึกงาน ผมเข้ากับทุกคนได้ดี ผมชอบอะไรแบบนี้นะ ทุกคนติดดิน เป็นกันเอง มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันดีกว่าการไปฝึกงานในที่ไฮโซแล้วต้องทำงานตัวใครตัวมัน ถูกใช้ให้ถ่ายเอกสารหรือเดินส่งเอกสารอย่างเดียว แบบนั้นคงเป็นความทรงจำที่ไม่ดีแน่
"วันนี้คุณยะจะเข้ามา พวกเธอสงบๆกันหน่อยนะจ๊ะ" พี่เจี๊ยบเหมือนคุณครูสมศรี วันดีคืนดีนึกจะเอาไม้เรียวมาเคาะโต๊ะรีเซฟชันแล้วทำตาดุก็ดูโหดใช่ย่อย
"โธ่ รู้แล้วน่า เห็นพวกหนูเป็นอะไรกันค้าา" พี่แอนเอ่ยน้ำเสียงประชด
"เหรออออ อย่าให้เห็นแล้วกันนะ" พี่เจี๊ยบชี้หน้าเรียงคน แต่ละคนหัวเราะคิกคัก ทำหน้าตาทะเล้นใส่
"ส่วนเรากอญ่า วันนี้ไปอยู่ช่วย life guard ที่สระน้ำตอนเย็นนะจ๊ะ พี่ทิวแกลาไปเยี่ยมแม่ อีกสามวันถึงจะมา ช่วงนี้ให้เราอยู่ตรงนั้นไปก่อน สามโมงถึงหกโมงเย็น พี่มีโอให้ ไม่ต้องห่วง" พี่เจี๊ยบเดินมาบอกผม
"ได้ครับ" ผมรับปาก มันไม่ได้หนักหนาอะไร อยู่ที่นี่งานสบายมาก พอได้ทำงาน ผมก็ไม่ต้องคิดอะไรฟุ้งซ่าน
วันนี้ผมคอยช่วยประสานงานอยู่หน้าเคาท์เตอร์ วันนี้พี่เจี๊ยบหายเข้าไปประชุมทั้งวัน พวกผมเองเลยต้องช่วยกันดูแลความเรียบร้อยแทน อยู่ที่นี่ผมได้ฝึกภาษาเยอะมากขึ้น ผมคิดไว้แล้วว่า ถ้าผมจบปริญญาตรี ผมจะขอพ่อภาคกับหม่ามี้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ
"พี่ๆสวัสดีครับ" ผมไหว้พี่ๆที่นั่งอยู่ตรงจุดรักษาความปลอดภัยประจำสระว่ายน้ำ
"สวัสดีหนุ่ม คุณเจี๊ยบส่งมาแทนทิวสินะ" พี่คนตัวคล้ำๆมองผมอย่างเป็นกันเอง
"ครับ แค่สามวันนี้นี่แหละ" ผมยิ้มแห้ง มองไปยังสระว่ายน้ำ ขนาดบ่ายสามโมงยังมีฝรั่งมาว่ายน้ำเล่นอยู่เลย ไม่กลัวร้อนเลยแฮะ
"ชื่ออะไรเรา มาทำงานใหม่เรอะ" พี่อีกคนถาม พวกเขาสองคนสูงใหญ่มากครับ น่าจะสูงเกือบร้อยเก้าสิบได้
"กอญ่าครับ มาฝึกงานเฉยๆ" ผมนั่งลงข้างๆ ตอนนี้แดดร้อนมากจนผมปวดหัว แต่ก็คงต้องทน
"หน้าตาน่ารักเกินผู้ชาย ผิวพรรณขาวเนียนอย่างกับผู้หญิง" พี่คนเดิมมองผมทำเอาผมไปไม่ถูก ไม่ใช่ว่าไม่ชินนะครับ แต่สถานการณ์ตรงหน้ามันไม่ใช่คนคุ้นเคย "เอ้อ เอ็งมันน่ารักว่ะ ใครเห็นเขาคงเอ็นดู"
เฮ้อ ผมโล่งอกที่เขามองผมว่าน่าเอ็นดู
"ตอนเด็กๆผมคงไม่ค่อยกินข้าวมั้งพี่ แถมป่วยออดออดแอดแอดเลยโตมาแคะแกร็นแบบนี้" ผมพูดไปหัวเราะไป พอผมพูดจบพี่เขาก็พากันหัวเราะตาม
สรุปแล้วพี่คนตัวคล้ำแกชื่อยอดส่วนพี่อีกคนชื่อแสง พี่แกเป็นคนใต้กับคนอีสานครับ มีลูกมีเมียกันหมดแล้ว ผมเลยหายห่วง เอาจริงๆตอนนี้โรคกลัวผู้ชายที่โตกว่าของผมแทบจะหายเป็นปกติแล้ว มีบางทีที่ผมฝันร้าย วันนั้นผมจะรู้สึกไม่ดีไปหมดทั้งวัน มันเลวร้ายมากนะครับ ผมฝังใจ เกลียด จดจำทุกความเลวร้ายของคนคนนั้นได้ จนกระทั่งผมได้มาเจอพ่อภาค คนที่ฟูมฟัก รักษาผมจนหายกลัวผู้ชายแปลกหน้า พ่อภาคคือผู้ชายคนแรกที่ผมกล้าที่จะอยู่ใกล้ จนกระทั่งผมกับยี่ ...
ผมที่ทำหน้าที่อยู่ตรง life guard ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการตอบคำถามแขกที่มาพัก วันนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง ใกล้จะหกโมงเย็นเต็มทีแล้ว วันนี้ผมได้รับข้อความของยี่ทั้งวันเลย ผมก็เสียใจนะครับที่เรื่องราวทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ แต่ผมกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ผมผิดเอง ผมทำผิดเองทุกอย่าง ยี่ไม่ควรกลายเป็นเกย์แบบผม ไม่ควรเลยสักนิด
"คุณยะมา" เสียงดังข้างหูทำเอาผมรีบเงยหน้าขึ้นมอง
"แกก็ชอบมาว่ายน้ำประจำ สงสัยเพิ่งจะมาจากฟิตเนส" ผมยังคงมองคนที่กำลังถอดชุดคลุมว่ายน้ำออกจากตัว เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวคล้ำเล็กน้อยน่าจะเกิดจากการเล่นกีฬากลางแจ้ง หุ่นเขาดีมาก เป็นผู้ชายที่มีกล้าม เป็นคนดูแลสุขภาพของตัวเอง กล้ามเนื้อแขนเนื้อขาเป็นมัดๆยิ่งทำให้ดูมีอะไรเข้าไปอีก
"คนนี้เหรอครับเจ้าของ" ผมถามพี่ๆทั้งสอง
"อืม นี่แหละ ท่านมาเดือนละสองสามครั้ง มาทีไรตกเย็นก็จะไปวิ่งที่ฟิตเนส เสร็จแล้วก็มาว่ายน้ำต่อ" พี่ยอดพูดอย่างชื่นชม
"หกโมงแล้ว เอ็งกลับเถอะ ขอบใจมากที่มาช่วยวันนี้นะ" พี่แสงบอก ผมยิ้มรับก่อนจะไหว้พี่ๆทั้งสองแล้วเดินออกมา
คุณยะเป็นผู้ชาย ผมดูรู้ได้จากชื่อ ตอนแรกผมนึกว่าเขาเป็นผู้หญิงตอนที่พี่เจี๊ยบพูดถึงเขาให้ฟัง แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายคนนึงที่ดูดีมากถึงมากที่สุด
ผมเดินกลับที่พักหลังจากตอกบัตรเสร็จ วันนี้ผมเลือกที่จะทานมาม่าเป็นอาหารเย็นเพราะขี้เกียจเดินออกไปครัว เพลียแดดครับ ผมยิ่งเป็นคนป่วยง่ายอยู่ด้วย ยาในกระเป๋าที่มี้จัดมาให้เยอะมากจนผมเริ่มกลัวตัวเอง ทำไมถึงได้ป่วยง่ายขนาดนี้นะ
( ดูแลสุขภาพด้วยนะครับพี่ญ่า มี้คิดถึงเรานะ ไว้พ่อภาคว่างเมื่อไหร่ มี้จะไปหานะครับ ) มี้ในกล้องยังดูดีเหมือนอายุสามสิบต้นๆอยู่เลย
"ครับมี้ ญ่าก็คิดถึงมี้กับพ่อภาคนะ" ผมอ้อน อยากกลับไปกอดใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้
ผมวางโทรศัพท์หลังจากวิดีโอคอลเสร็จ ผมเปิดเพลงฟังก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ
รุ่งเช้าผมรีบตื่นเข้าประจำที่เหมือนเดิม ชีวิตฝึกงานดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้น่ากังวลใจนัก พอบ่ายสามผมก็ไปรวมตัวกับพี่ยอดพี่แสง จนกระทั่งพอใกล้จะหกโมงเย็นคุณยะที่เป็นเจ้าของรีสอร์ตที่นี่ก็มาว่ายน้ำอีก
"คุณยะแกเป็นคนใจดี มีอะไรก็คุยกับแกได้ตลอด" พี่แสงเอ่ยชม "เมียลูกก็ไม่มี ใครได้แกนี่โชคดีตลอดชีวิต"
ผมมองคนที่ว่ายน้ำไปมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อๆแบบนี้เหรอไม่มีแฟน
"อย่างว่าละนะ ก็แกทำแต่งาน กี่สาขาล่ะที่คุณยะต้องดูแล ผู้หญิงที่ไหนจะได้ใกล้ชิด เดินทางก็บ่อย เวลาก็ไม่ค่อยมี"
"นั่นสิเนอะ"
ผมนั่งฟังบ้าง ไม่ฟังบ้างเพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร อีกอย่างตั้งแต่เขามา ผมยังไม่เคยคุยกับเขาแม้แต่คำเดียว ผมมองเห็นเขา แต่เขาไม่เคยเจอผมด้วยซ้ำ ผมเลยคิดว่าก็แค่มาฝึกงาน ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้จักเจ้าของก็ได้มั้ง
แล้วก็ได้เวลาที่ผมต้องกลับอีกครั้ง
"พี่ๆสวัสดีครับ ผมกลับก่อนนะ" ผมลาพวกพี่ๆ
"เออๆ โชคดี เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้"
ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้น เลี่ยงไปเข้าห้องน้ำด้านหลังเพราะคิดว่าคงไม่มีคนใช้
แต่ผมคิดผิด
คุณยะเขากำลังยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
"ผมขอโทษครับ ไม่คิดว่า.." ผมชะงัก ทำหน้าไม่ถูกจริงๆ
"เป็นอะไร?" เขาเลิกคิ้วถาม
"เอ่อ ผม" ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่เขากำลังโป๊อยู่จริงๆ ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียว และนั่นคงทำให้ผมประหม่า
"เป็นผู้หญิงเหรอถึงได้ทำท่าอึกๆอักๆ" เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า "จะเข้าห้องน้ำก็เข้าเลยครับ"
แล้วเขาก็ถือของเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่คนเดียว
อะไรวะ
ผมกลายเป็นคนที่ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นแทนเสียอย่างนั้น ผมยืนอยู่นานมากจนนึกได้ว่าคำพูดของเขามันก็จริง ผมจะต้องยืนอึ้งทำไม ในเมื่อผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่หรอก ที่ผมยืนอึ้งเป็นเพราะว่าผมเผชิญหน้ากับเขาครั้งแรก เขาเป็นถึงเจ้าของรีสอร์ต ส่วนผมเป็นแค่เด็กฝึกงาน ผมก็แค่กลัวว่าจะทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง
ผมกลับมาถึงห้องตอนหกโมงครึ่ง คิดว่าจะนอนพักสักหน่อยแต่พี่เจี๊ยบมาตามให้ทุกคนไปทานอาหารร่วมกับบอส ผมอยากปฏิเสธ แต่พี่เจี๊ยบก็ดันดักคอว่าเป็นธรรมเนียมประจำของที่นี่ ถ้าบอสมา ก่อนกลับบอสจะเลี้ยงอาหารเย็นพนักงานทุกคน ผมเลยต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปรวมกับพี่ๆที่ห้องอาหาร
"กอญ่ามานั่งนี่ สวัสดีบอสด้วย" พี่เจี๊ยบเรียกผมไปนั่งข้างๆตอนที่ผมเดินเข้ามา ผมมองหน้าพี่เจี๊ยบงงๆ แต่ก็ยอมเดินมานั่งลงข้างๆ
"สวัสดีครับ" ผมไหว้คนที่นั่งหัวโต๊ะ เพิ่งจะได้เห็นหน้าเขาตรงๆชัดๆสักที เขาเป็นผู้ชายสูงหล่อ ดูมีอายุแต่ก็ไม่แก่ ดูภูมิฐาน ไว้หนวดบางๆก็เข้ากับผิวหน้าเขาได้ดี
"เห็นเจี๊ยบบอกว่าเราพูดภาษาเก่ง คิดอย่างไรถึงมาฝึกงานที่นี่ล่ะ" คุณยะมองผมนิ่งๆ มือทั้งสองข้างประสานกันบนโต๊ะ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการคำตอบแบบไหน แต่ถ้าจะให้ผมพูดเอาใจคน ผมทำไม่เป็นหรอก
"ผมเบื่อชีวิตที่วุ่นวายครับ อยากมาพักผ่อน ได้อยู่ในที่ๆไกลผู้คน อีกอย่างผมรักบรรยากาศที่นี่ ได้ทั้งทำงาน ได้ทั้งพักผ่อน ผมสบายใจครับ" ผมตอบยาวแต่ทุกอย่างล้วนเป็นความจริง
"หนีปัญหาสินะ" จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาเหมือนต้องการจะด่าถึงผม
"บางทีปัญหาที่แก้ไม่ได้ เราก็ไม่ควรดันทุรังไม่ใช่เหรอครับ" ผมจ้องเขาอย่างนิ่งๆบ้าง เขาทำแต่เพียงยกยิ้ม และก่อนที่จะเกิดสงครามกลางโต๊ะดินเนอร์ พี่เจี๊ยบก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน เราเลยต้องเริ่มทานอาหารกันไปเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มทาน ผมก็หมดบทบาทครับ ได้แต่นั่งทานข้าวไปเงียบๆ ส่วนใหญ่คุณยะเขาก็คุยเรื่องงานกับพี่เจี๊ยบ ผมเองก็มีคุยกับพี่ๆคนอื่นบ้าง แต่ก็น้อย
เวลาล่วงเลยไปจนสี่ทุ่ม ผมเริ่มง่วงแล้วครับ จะไปนอนก่อนก็เกรงใจ เพราะทุกคนที่นี่เขายังไม่ยอมลุกเลย ถ้าผมที่เป็นนักศึกษาฝึกงานจะขอไปก่อน เขาจะว่าผมไหมเนี่ย
นั่งนานๆก็ชักเบื่อ ผมเลยขอตัวมาเข้าห้องน้ำ พี่ๆเขาดื่มกันด้วยครับ เลยนั่งนาน แต่ผมไม่ดื่มเพราะผมไม่ค่อยชอบ ถ้าวันไหนผมดื่มแสดงว่าวันนั้นผมต้องมีอะไรไม่สบายใจสักอย่าง
"เด็กดีเหรอ" เสียงดังมาจากหน้าประตูทำให้ผมหันไปมอง ใช่ครับ คุณยะอีกแล้ว
ผมไม่ได้ตอบเขา เพียงแต่หันไปเลิกคิ้วอย่างงงๆ แล้วล้างมือให้เสร็จ
"นายไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ เพราะนายเป็นเกย์ใช่หรือเปล่า?"
"คุณยะ!" ผมหันไปหาเขาทันที รู้ตัวเลยว่าคิ้วขมวดเป็นปมแค่ไหน
"เป็นหรือเปล่า?" เขาย้ำ
"มันเรื่องอะไรของคุณครับ!" ผมไม่พอใจอย่างมาก ไม่ใช่ไม่พอใจเพราะเขาดูออก แต่ไม่พอใจที่เขาไร้มารยาทแบบนี้
"ฉันแค่ถาม ทำไมจะต้องโกรธขนาดนี้ด้วย" น้ำเสียง ท่าทางเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที
"ใช่ ผมเป็น พอใจหรือยัง?" ผมตอบคำถามเขาโดยไม่มีหางเสียง เขาคงรู้แล้วว่าผมไม่พอใจ เอาจริงๆผมไม่มีสิทธิจะไปโกรธเขาหรอกครับ แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ สนิทกันหรือก็เปล่า เราเพิ่งจะเจอกันวันสองนี้ด้วยซ้ำ
"อื้ม กลับไปพักผ่อนเถอะ ก่อนจะมาหลับในที่ทำงานวันพรุ่งนี้ ฝันดี" เขาบอกกับผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่ข้างนอกคนเดียว อีกแล้ว
ผมไม่ค่อยเข้าใจคนคนนี้เลย เขาทำเหมือนจะมาต่อว่า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นห่วง แถมยังมองออกอีกว่าผมกลั้นความง่วงไว้ขนาดไหน ผมไม่กล้าที่จะคิดหรอกว่าที่เขาตามมาเพราะจะมาบอกผมเรื่องนี้ แต่ถ้ามาคิดดูในฐานะลูกจ้างนายจ้าง การที่เขาทำแบบนี้ ถือว่าเขาเป็นคนดูแลเอาใจใส่พนักงานดีเลยทีเดียว
ผมเดินกลับมาที่ห้องคนเดียวในตอนที่พี่ๆเขากำลังสนุกสนานกันอยู่ กลับมาถึงห้องผมก็รีบตรงไปอาบน้ำ คิดว่าวันนี้จะไม่เขียนรายงานการฝึกงานสักวันเพราะรู้สึกเหนื่อยและง่วงมาก
ผมแต่งตัวเสร็จ กำลังจะนอน จู่ๆก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้น ผมเดินมาที่เตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
*คุณมีข้อความใหม่ 1 ฉบับ*
ผมกดดูแบบรีบๆ เลยไม่ทันมองว่าเป็นข้อความจากใคร
คิดถึงญ่านะ อยู่ที่นั่นสบายดีไหม ดูแลสุขภาพด้วยนะ ยี่ยังรักญ่าเสมอ ฝันดีนะครับพี่ชายสุดที่รักของยี่ [หัวใจ]
ผมน้ำตาคลอกับข้อความที่น้องชายส่งมาให้ ผมรู้ว่าเราทั้งสองทรมานแค่ไหนกว่าจะเดินมาถึงจุดๆนี้ได้
ผมพยามแล้วที่จะเข้มแข็งอดทนเพื่อที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่มันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไปและเลือกที่จะปิดโทรศัพท์ลงวางไว้ข้างเตียง การหลับตานอนคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
ปล่อยให้หยดน้ำตาชะโลมจิตใจที่ถูกกัดกร่อนจนแทบจะไม่มีชิ้นดี
.....
( อมาตยะ )
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังเด็กคนนั้นไม่กี่นาที แต่ปรากฎว่าเขากลับห้องไปนอนแล้วจริงๆตามที่ผมบอก ผมส่ายหัวให้กับความตรงไปตรงมาและความดื้อรั้นของกอญ่า เขาดูเป็นคนนิ่งๆ แต่ก็ติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเองไม่น้อย เขาน่ารัก น่ารักเกินกว่าจะมองว่าเป็นผู้ชายมาดแมนได้ ผมถึงได้ข้องใจและในที่สุดผมก็เอ่ยถามคำถามบ้าๆนั้นออกไป
คำตอบที่เขาตอบมาไม่ได้ไกลจากที่ผมคิดสักเท่าไหร่ ผมมีน้องชายอยู่หนึ่งคน เป็นน้องชายแท้ๆ เพียงคนเดียวของผม เขาเป็นเกย์ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน พอขึ้นปีหนึ่งน้องผมก็มีแฟน คบกันแอบๆซ่อนๆอยู่หลายปี จนกระทั่งวันนึงพ่อกับแม่รู้เข้า และท่านรับไม่ได้ พยายามบังคับให้น้องกับแฟนเลิกกัน ตอนนั้นผมเรียนต่อโทอยู่ที่อเมริกา ผมได้รับรู้เรื่องราวขาดๆหายๆ รู้แค่บางเรื่องที่ทางบ้านอยากให้รู้ จนในที่สุดผมก็ได้รับข่าวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
น้องผมกินยาฆ่าตัวตายประชดชีวิต ผมเสียใจมากที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวพวกนี้มาก่อน ผมโทษตัวเองที่ไม่เคยดูแลเอาใจใส่น้องให้มากกว่านี้ ผมผิด ผิดที่ทิ้งน้องไว้เผชิญหน้าเพียงลำพัง ส่วนตัวผมเองกลับได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
เรื่องที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องคือพอน้องเสีย มีผู้หญิงคนนึงซึ่งผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทน้องที่มหาลัย เธออุ้มเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึงมางานศพน้อง ผมถามเธอว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร เธอไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่าเป็นลูกน้องชายผม ตอนแรกผมเองก็ช็อคมาก เกือบไม่เชื่อด้วยซ้ำเพราะผมเองก็พอรู้ว่าน้องชายผมชอบผู้ชาย
แต่พอได้เห็นหน้าเจ้าตัวน้อยใกล้ๆแล้ว ผมจึงรู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โกหก ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้นนี้ มันช่างเหมือนน้องชายผมอย่างกับแกะ
"คุณยะไม่พาน้องหยามาด้วยเหรอคะ น้องติดเรียนเหรอ" เจี๊ยบถามผมตอนที่เรากำลังคุยกันถูกคอ
"เรียนว่ายน้ำน่ะ ผมมาแค่สองสามวัน เลยให้แกอยู่บ้าน" พูดไปผมก็เริ่มคิดถึงเด็กดื้อแล้ว
"คราวหน้าพาน้องมาอีกนะคะ มีแต่คนบ่นอยากเจอทั้งนั้นเลย" หยาเขาเป็นเด็กน่ารัก กล้าแสดงออกครับ อยู่กับใครคนนั้นก็พากันหลงไปทั่ว
"ได้สิ ปิดเทอมคราวหน้าจะพามาทำงานช่วยที่นี่ซะเลย ดีไหม" ผมเอ่ยขำ แต่ก็แพลนไว้เรียบร้อยแล้วครับว่าปิดเทอมใหญ่อีกไม่กี่วันนี้จะพาแกมาอยู่ที่นี่
"อืม เรื่องกอญ่าน่ะ ช่วยผมหน่อยนะ ถือว่าผมขอร้องก็ได้ แต่ผมอยากให้เขามาช่วยผมจริงๆ" ผมฝากความหวังสุดท้ายไว้กับผู้ช่วย
"ได้ค่ะ ถ้าเราบอกเหตุผลเขาดีๆ เขาต้องช่วยแน่ๆค่ะ" เจี๊ยบพยักหน้ากับผม
"ขอบคุณมาก"
เรานั่งทานต่อกันจนเที่ยงคืนกว่าถึงได้แยกย้าย ตอนแรกผมว่าจะโทรหาเจ้าตัวเล็ก แต่ถ้าโทรไปตอนนี้คงได้ยินแต่เสียงงัวเงียของเด็กดื้อ ผมเลยตัดใจเอาไว้โทรพรุ่งนี้เช้าดีกว่า
เช้านี้ผมต้องเตรียมตัวกลับแล้ว ผมเดินถือถ้วยกาแฟออกมาสูดอากาศริมทะเลตอนเช้า หกโมงแบบนี้ อากาศก็กำลังดี แดดก็ไม่ร้อนเกินไป
ยืนตรงระเบียงสักพัก ก่อนจะเห็นร่างคุ้นๆกำลังเดินเตร่อยู่ตรงชายหาด ผู้ชายหน้าหวานขวัญใจสาวๆรีเซฟชั่น ผมเจอเขาครั้งแรกตอนที่เขาเดินผ่านผมไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเดินตัดหน้าเจ้าของรีสอร์ตที่เขากำลังฝึกงานอยู่ ครั้งที่สองตอนที่ผมไปว่ายน้ำและเขาก็ทำหน้าที่นั่งเฝ้าสระน้ำได้ดีมากจริงๆ
ส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมสะดุดคือเด็กคนนี้หน้าตาเหมือนน้องชายผมมาก มากจนแทบจะเป็นคนคนเดียวกันก็ว่าได้ หุ่นเล็กๆ หน้าหวานๆ เพียงแต่กอญ่าจะดูน่ารักกว่าน้องชายผมเล็กน้อย ตัวสูงกว่า แต่นัยน์ตาและการแสดงสีหน้าจะแฝงไปด้วยความกังวลและมีอาการรู้สึกผิด หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาเหมือนกันทั้งคู่
ครั้งแรกที่เขาเดินผ่านผมไป พูดตามตรงว่าผมเผลอคิดไปว่าน้องชายกลับมาหาผม ผมเกือบจะเดินเข้าไปดึงเขาเข้ามากอด โชคดีที่เจี๊ยบเตือนผมเอาไว้ก่อนว่านั่นไม่ใช่ยีนส์ ผมถึงได้มีสติและเลิกคิดเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้
ผมเผลอมองตามคนตัวเล็กไปเรื่อยๆ เขาคงมาเดินออกกำลังกายตอนเช้า พอครบสิบนาทีเขาก็กลับเข้าห้องพัก ผมเพิ่งจะรู้ว่าเขาพักอยู่ห้องใต้ระเบียงผมไม่ไกลนี่เอง
'เขาจะทำให้มลกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งได้ไหมนะ'
..........
"ป๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
เสียงเรียกของเจ้ากระต่ายน้อยดังมาจากในบ้าน ไม่ถึงสิบวินาทีเจ้าตัวเล็กก็วิ่งดุ๊กๆออกมากระโดดกอดคอผมเอาไว้
"ไงคะคนดี ดื้อหรือทำอะไรไม่สบายใจให้คุณพี่เลี้ยงหรือเปล่า" ผมฟัดแก้มนิ่ม พลางอุ้มเด็กน้อยเข้าบ้าน
"ไม่มีค่ะ น้องหยาเป็นเด็กดี" ลูกสาวผมอ้อน เห็นนะว่าตาก็แอบเหลือบมองถุงในมือผม
"ดีมากค่ะ ป๋าซื้อเค้กร้านโปรดกับน้องแมวตุ๊กตุ่นมาฝาก ดีใจไหมคะ" ผมจะพูดเพราะกับลูกเสมอ การที่เราจะเป็นพ่อคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมถือมั่นก็คือผมจะไม่ยอมหาแฟนเพื่อตัวเอง แต่จะต้องเป็นแฟนที่สามารถเข้ากับลูกผมได้
"ดีใจค่ะ น้องหยาแบ่งป๋าด้วยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะสาวน้อย"
ผมหอมแก้มนิ่มก่อนจะพาหยาไปส่งที่ห้องนั่งเล่น ให้เขาทานขนมกับพี่เลี้ยงไปเรื่อยๆ ส่วนผมขอปลีกตัวออกมาเคลียร์งานก่อน วันนี้คงไม่ไปไหน แค่งานก็เยอะจนปวดหัวไปหมดแล้วครับ อย่าคาดหวังอะไรในตัวผมเลย ที่ทุกวันนี้ผมไม่มีคนรู้ใจสักทีคงเป็นเพราะว่าผมทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเพื่อน้องหยากับกมลา
"วันไหนเราจะไปเยี่ยมคุณแม่อีกคะ" ลูกสาวผมเอ่ยถามตอนที่เรากำลังนั่งหวีผมยาวๆก่อนจะเข้านอน
"อีกสองวันได้ไหมคะ ป๋ายุ่งมากเลย เอาไว้เราไปซื้อของอร่อยๆกับขนมให้คุณแม่กันนะคะ" ผมยิ้ม วางหวีไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะอุ้มลูกสาวแสนสวยขึ้นมานอนบนเตียง
"ได้ค่ะ น้องหยาคิดถึงคุณแม่" ลูกน้อยอ้อน ผมยิ้มก่อนจูบหน้าผากนิ่มให้เด็กน้อยคลายกังวล
"คิดถึงคุณแม่ก็ต้องเป็นเด็กดีนะคะ นอนนะเด็กดี ให้คุณนางฟ้าเสกให้น้องหยาฝันดีนะคะ"
TBC.
Talk: นานจนไม่มีใครรอแล้วใช่ไหมคะ 55555555
อย่าคาดหวังว่าจะมาต่อเนื่องนะคะ ยุ่งมากๆเลย
คิดถึงทุกคนมากน้าาาาาา #รักนี้คอยเสนอ