พยับที่ ๑๖
ล่วงเข้าวันที่หกแล้วที่พ่อทีป์หลับไปเยี่ยงนี้ พ่อทีป์ของพี่จักให้พี่ทำเยี่ยงไรพ่อถึงจักกลับมา...ฤาเราจักสิ้นวาสนากันเท่านี้เสียแล้ว...
“พ่อนพ รับข้าวเสียหน่อยเถิดลูกกระเดี๋ยวล้มเจ็บไปอีกคนจักทำเยี่ยงไรเล่า?”
“ให้บ่าวยกมาเสียในเรือนนี้ได้หรือไม่ขอรับคุณแม่”
“เอาเถิด หากกระวนกระวายใจกับพ่อทีป์เสียหนักก็รับเสียในห้องนี้ พ่อทีป์จักมิเป็นอันใดไปหรอกลูกเชื่อแม่เถิด”
“ขอรับคุณแม่ ขอบพระคุณคุณแม่มากหนาขอรับ”
“มิต้องขอบน้ำอกน้ำใจอันใดแม่ดอก พ่อนพเป็นลูกของแม่หากพ่อนพไม่สบายใจ กระวนกระวายใจ เสียใจ เจ็บปวดอันใด แม่คนนี้ย่อมเจ็บปวดกระวนกระวายไปพร้อมกับลูกเยี่ยงกัน”
“ขอรับคุณแม่ ลูกบาปหนานักที่เป็นเสียเยี่ยงนี้ให้คุณแม่ต้องเป็นห่วง”
“พ่อนพ ความรักนั้นเป็นทุกข์หนักหนาหนาลูก หากลูกของแม่จักรักใครสักคนหนึ่งก็หาได้ผิดอันใดไม่ แลหากลูกของแม่จักต้องกระวนกระวายใจเพราะรักนั้นก็หาได้ผิดอันใดเยี่ยงกัน พ่อนพ แม่รู้ดีว่าพ่อนพคิดเยี่ยงไรกับพ่อทีป์ หากพ่อนพต้องดูแลตัวเองบ้างหนาลูก หากพ่อทีป์ตื่นขึ้นมาแล้วพ่อนพล้มป่วยไป พ่อทีป์คงไม่สบายใจเป็นแม่นมั่นมิใช่หรือลูก?”
“ขอรับคุณแม่ ลูกโชคดีนักที่มีแม่ที่ประเสริฐเยี่ยงคุณแม่ หากไปเป็นลูกบ้านอื่น เห็นทีคงโดนหวายลงหลังหนักๆเสียหลายยกด้วยเป็นลักเพศเป็นแน่แท้”
“เป็นกระไรกัน ลักเพศอย่างไรเสียพ่อนพก็เป็นลูกของแม่ แลมีหลานให้แม่ถึงสามคนเชียวหนา พ่อวิ พ่อวี แลพ่อพีนั้นน่ารักน่าชังยิ่งแล้วแลลูก หากมิใช่เชื้อไขของแม่ก็มิเห็นเป็นอันใด”
“ลูกรักคุณแม่เหลือเกินขอรับ”
“แม่ก็รักพ่อนพ แลแม่จักรักคนที่พ่อนพรักเยี่ยงกัน เอ้า มัวแต่ขอบน้ำอกน้ำใจแม่อยู่กระเดี๋ยวแม่มิได้ไปลงครัวเสียที กระเดี๋ยวจักมิได้กินกัน”
“นั่นซีขอรับลูกเองก็เริ่มจักหิวๆบ้างแล้วซี”
“กระเดี๋ยวแม่ทำกับข้าวกับปลาของโปรดพ่อนพมาให้ ดีหรือไม่ลูก พ่อนพก็ดูน้องอยู่ตรงนี้ พ่อทีป์มิเป็นไรดอกลูกเชื่อแม่เถิด”
“ขอรับคุณแม่”
พ่อทีป์ ใยยังไม่ตื่นขึ้นมามองหน้าพี่เสียที จักทิ้งพี่ไปเสียตอนนี้แล้วหรือ... มาบอกพี่ว่าอย่าทิ้งกัน แล้วไยพ่อทีป์ทิ้งพี่เสียเยี่ยงนี้เล่า...
มิได้เห็นใจกันแม้เพียงนิดเลยหรือพ่อทีป์ของพี่....
กลับมาเถอะ...อย่าให้พี่ต้องรออีกเลย
‘พ่อทีป์ พ่อทีป์อยู่ที่ใด เหตุใดมิมาหาพี่?’
ร่างโปร่งแสงที่ทำได้เพียงติดตามคนในครอบครัวไปมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงที่คิดถึง ไม่คิดว่าจะได้ยินหรือได้เจอหน้ากันอีกแล้ว อยากเจอเหลือเกิน...แต่ไม่รู้จักกลับไปได้อย่างไร...
“คุณหลวง...ผมคิดถึงคุณหลวง ฮึก...ยะ...อยากเจอเหลือเกิน”นภทีป์กลั้นสะอื้น หวังเพียงว่าเสียงนี้จะดังไปถึงคุณหลวงของเขา...เหมือนที่เขาได้ยินเสียงคุณหลวง
“ทำไมละครับ ให้ผมมาทำไม ให้ผมมาแล้วทำอะไรไม่ได้เลยให้ผมมาทำไมกัน...”
“ทีป์ นั่นทีป์รึเปล่าลูก ร้องไห้ทำไม”ร่างโปร่งแสงเงยหน้าใบหน้าที่เขาคุ้นเคยเหลือเกิน...คุณแม่...ทำไมคุณแม่ถึงเห็นเขาละ??
“คุณแม่มองเห็นผมเหรอครับ?”
“พูดอะไรอย่างนั้นละทีป์ แม่จะไม่เห็นลูกได้ยังไง แล้วนี้ตื่นแล้วเหรอลูก ทำไมตื่นเช้าจริง นี่เพิ่งตีห้าเอง?”ร่างโปร่งใสขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถึงคาดเดาเอาว่านี่คือความฝันของคุณแม่ของเขา...
“อยากใส่บาตรน่ะครับ คุณแม่ครับผมคิดถึงคุณแม่จัง”นภทีป์ลองโอบรอบร่างของมารดาที่เห็น...เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ นี่น่าจะเป็นความฝันของคุณแม่ของเขา...เพราะหากเขาไม่ได้เข้ามาในฝันของคุณแม่มีหรือจะได้กอดแบบนี้
“เด็กคนนี้ พูดอะไรกัน เมื่อคืนก็ยังออเซาะแม่อยู่จะมาคิดถึงอะไรหือ?”
“ฮะๆ อ้าวนั้นธามกับพ่อนี่ครับ?”นภทีป์เบิกตากว้าง นี่คงไม่ใช่ฝันรวมญาติของเขาหรอกนะ??
“แหม วันนี้วันอะไรเนี้ยตื่นกันไวจริง? ไหนๆก็ไหนๆไปใส่บาตรกันหมดนี่เลยดีไหม ไปด้วยกันนะคะคุณ”คุณแม่หันไปส่งยิ้มให้คุณพ่อ คุณพ่อพยักหน้าให้น้อยๆแล้วเราทุกคนก็ลงไปข้างล่าง ปกติแล้วแม่บ้านจะจัดสำรับอาหารสำหรับใส่บาตรไว้ทุกวัน ถ้าคุณแม่ไม่อยู่ก็จะเป็นผมหรือไม่ก็แม่นมออกมาตักบาตรแทน...
แต่ผมคงไม่มีโอกาสใส่บาตรแทนแม่อีกแล้วแหละ
เอ๊ะ...ผมยังอยู่ที่นี่ นี่ผมอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว
ยัง...ยังไม่เกินเจ็ดวันใช่ไหม? หรือว่านี่มันเกินเจ็ดวันมาแล้ว โอ๊ย นี่ผมอยู่ในช่วงนับหน้าเจ็ดหลังเจ็ดเหมือนผู้หญิงมีประจำเดือนหรือยังไงกัน
“ทีป์เหม่ออะไรน่ะลูก พระมาโน้นแล้วเตรียมตัวใส่บาตรเร็ว”คุณแม่สะกิดแขนผมยิกๆ (ในฝันนี่สะกิดได้ด้วยแหะ) ผมถอดรองเท้าออกแล้วยืนเหยียบบนรองเท้าแตะตัวเอง พนมมือนิมนตร์พระอยู่ข้างๆทุกคน
ข้างๆครอบครัวของผม
“นิมนตร์เจ้าค่ะหลวงพ่อ”
“ใส่บาตรกันทั้งบ้านเลยหรือโยม ดีจริง วันนี้มีโอกาสพิเศษอะไรของบ้านโยมหรือ?”
“ไม่มีหรอกค่ะหลวงพ่อ เผอิญลูกๆกับสามีดิฉันเขาตื่นมาพร้อมหน้าพร้อมตาแต่เช้าเลยมาใส่บาตรรด้วยกันน่ะค่ะ เอ...ดิฉันไม่เคยเห็นหลวงพ่อเลย หลวงพ่อเพิ่งมาจำวัดใหม่หรือคะ”คุณแม่ไม่เคยเห็นน่ะถูกแล้วครับ ก็นี่...หลวงพ่อวันระฆังฯ ที่เคยดูดวงให้ผม...
“ฉันจะมาแค่วันนี้แหละโยมจะหมดเวลาแล้ว”ผมขมวดคิ้ว...หมายความว่า วันนี้คือวันที่เจ็ด?
“หมดเวลาอะไรหรือคะ?”
“เอ่า มัวแต่ถามไถ่กระเดี๋ยวไม่ได้ใส่บาตรกัน มาเถอะ เดี๋ยวอาตมาผูกข้อมือให้เสียด้วย”หลวงพ่อยกยิ้มอย่างใจดีแล้วเลี่ยงไม่ตอบคำถามแม่ของผม
จะหมดเวลาแล้ว...
แล้วผมจะกลับยังไงกันละ!!
“รับพรนะโยม”
“เอ่า มาผูกข้อมือกันเสียด้วย วันนี้อาตมาเพิ่งมาบิณฑบาตแถวนี้กะจะผูกให้ทุกบ้านเชียวแหละ”
“แหม...ดีจริงค่ะ คุณคะมาผูกก่อนซี”คุณแม่ดึงคุณพ่อไปให้หลวงพ่อผูกข้อมือให้ก่อน แล้วจึงเป็นคุณแม่ พี่ธามแล้วก็ผม
“ถ้าอยากกลับไปที่นู้น โยมก็คิดถึงคนที่นู้นให้มากๆ คนที่นี่ก็บอกลาเสีย เวลาเหลืออีกมิกี่ชั่วยามดอกหนา”
“ขอรับ”ผมรับคำที่หลวงพ่อพูดกันเบาๆ ก่อนจะเดินตามกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับทุกคน เรานั่งกินอาหารเช้าคุยกันสัพเพเหระ แต่จิตใจผมไม่สงบเลย
ผมคิดถึงทุกคน และก็รู้ว่าเวลานี้กำลังจะหมดไปแล้ว ผมต้องพูดอะไรสักอย่างก็ที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ”
“หืมว่ายังไงตาทีป์ เป็นอะไรลูกทำหน้าเครียดขมึงทึงเชียว”
“ผมสบายดีนะครับ มีความสุขดี ไม่ต้องเป็นห่วง ผม...มีคนที่ผมรักแล้วก็เอ่อ...คิดว่าเขาน่าจะรักผมอยู่ด้วย เออ...ตอนนี้มันอาจจะฟังดูแปลกที่จู่ๆผมก็พูดแบบนี้ แต่เดี๋ยวคุณแม่ก็เข้าใจเองนั่นแหละครับ”
“อะไรกันลูกคนนี้ อยากอ้อนคุณแม่เขารึไง”คุณพ่อพูดติดตลกแล้วลูบหัวผมเบาๆ ผมกับคุณพ่อเราเจอกันน้อยมาก เพราะส่วนมากคุณพ่อก็อยู่ที่สถานทูตที่อื่น นานๆจะได้เจอกันสักครั้ง ตอนผมปิดเทอม หรือตอนพักร้อมของคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ยังเป็นฮีโร่ของผม
“คุณพ่ออิจฉาคุณแม่เหรอครับ”ฮ่าๆ ถูกจุดจริงๆด้วยคุณพ่อลูบคางแบบเขินๆทำเอาไอ่ธามขำก๊าก คุณพ่อเลยต่อยเข้าที่ท้องคุณหมอของบ้านเบาๆ จิ๊ ไม่ใช่ลูกรักอย่ามาแหยมเลยน่าธาม
“โธ่ คุณพ่ออ่ะ ต่อยผมทำไมละครับ ใช่สิ๊ ผมมันลูกคนโต ใครๆก็ไม่สนใจ พอมีไอ่หมาหน้าแป้นนี่ผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่า”ธามทำสะดีดสะดิ้งงอนคุณพ่อคุณแม่จนโดนฝ่ามือจากคุณแม่ฟาดไปอีกยก
คิดถึงจังเลยแหะ แต่ผมรู้ว่าผมคงกลับมาอยู่ในยุคปัจจุบันไม่ได้แล้ว
ดีแค่ไหนแล้วที่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้อีกสักครั้ง
“เอ้ยย จะสายแล้วผมไปทำงานแล้วนะครับคุณแม่ ทีป์มึงจะไปพร้อมกูเปล่า?”
“เออ ไปๆ ธามรอด้วยดิ แปปนึง”ผมหันไปบอกธามที่สะดุ้งเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสายแล้วกุลีกุจอไปเอากระเป๋าเอกสารกับเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่ตรงโซฟาใกล้ๆมาถืออย่างรวดเร็วพร้อมจะออกจากบ้านทุกๆเสี้ยววินาที เป็นหมอก็งี้ละนะ
“ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อ ไปก่อนนะครับคุณแม่ ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมสบายดี แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ในภพนี้แล้ว ผมรักพ่อกับแม่นะครับ”ผมพูดเร็วๆคุณแม่กับคุณพ่อทำหน้างงๆแล้วก็หัวเราะใส่ผม
ก็แหงละ ในโลกปกติมันคงแปลกน่าดูแต่เดี๋ยวตอนตื่นเขาก็รู้กันเอง
“ทีป์เร็วๆดิ คนไข้ตายนี่กูโทษมึงเลยนะ”ธามมันเร่งผมยิกๆ ผมเลยรีบสาวเท้าไปหามัน ผมเป็นคนขับรถไปส่งมันที่โรงพยาบาลก่อนแล้วจะไปที่สถานทูต โอเคก็คงไปไม่ถึงสถานทูตหรอก ถ้าผมคิดวิธีกลับไปโลกนู้นได้ก่อนน่ะนะ ผมแค่อยากไปเจอไอ่ตฤณด้วยแค่นั้นเอง ปกติผมก็เข้างานสายกว่าธามอยู่แล้ว ถือโอกาสเดินเข้าไปส่งมันเลยแล้วกัน
“ลมอะไรหอบมึงมาเนี้ยทีป์ คิดถึงมึงจังไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”ตฤณยิ้มตอแหลใส่หน้าผม ก็แหงแหละ จะมาคิดถงคิดถึงอะไรกันละ ตัวจะติดกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว (ในความคิดของตฤณตอนนี้น่ะนะ)
“ตอแหลสิมึง คิดถึงมึงเหมือนกัน เออ ว่าแต่มึงเสียตูดให้ธามยัง”ผมยิ้มใส่ตาไอ่ตฤณ
“ไอ่ห่า พูดจากวนตีน”
“ฮ่าๆ แปลว่ายัง กูมาส่งธามมันอ่ะ มึงไม่เตรียมตัวราวน์วอร์ดพร้อมพี่กูรึไง”ผมพยักเพยิดไปทางไอ่ธามที่ลุกลี้ลุกลนใส่เสื้อกาวน์กับหยิบของที่จำเป็นอยู่
“เออ ราวน์พร้อมกันนี่แหละ กูเตรียมเสร็จนานแล้วเอ็กซ์เทิร์นมาที่หลังพวกเรสซิเดนท์ก็ตายห่าสิมึง กูพร้อมนานละ ละทำไมวันนี้มันเกือบสายได้วะ ปกติมาเร็วตายห่า”
“มัวแต่คุยกันเพลินว่ะ พ่อกูกลับมาพอดี เออ มึงไปราวน์วอร์ดเถอะเดี๋ยวกูไปละ”
“เออๆ ขับรถดีๆนะมึง”
“เออ มึงก็รู้กูระวังจะตาย มึงก็เหมือนกัน มีชีวิตอยู่ดีๆนะ ดูแลไอ่ธามด้วยนะมึง”
“บ้า มันสิต้องดูแลกู”
“เออ จะยังไงก็ช่างเถอะ กูไปแล้วนะ”ผมรวบมันเข้ามากอดทีนึง ไอ่ธามมองมาตาเขียวปั๊ด โธ่ ไอ่พีชายเห็บหมา แค่นี้ยังไม่กล้าจีบแล้วยังมีหน้ามาทำตาเขียวใส่แม้กระทั่งในฝัน จิ๊ ผมแลบลิ้นให้มันก่อนจะโบกมือลาไอ่ตฤณแล้วเดินออกมา
หาทางกลับไปหาคุณหลวง...
แต่ผมก็นึกไม่ออก หรือผมจะลองไปบ้านริมน้ำดี
สุดท้ายผมก็พาตัวเองมาอยู่ที่บ้านของผม ผมเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วนั่งแหมะลงในห้องนอน โอ๊ย...แล้วผมจะกลับยังไงละเนี้ย
คุณหลวงครับ...คิดถึงผมรึเปล่า
คิดถึงผมบ้างไหม
ร่างโปร่งที่นั่งแหมะอยู่ที่พื้นเรือนลูบไล้พื้นเรือนแผ่วเบา ตาโตหรี่ลงพลางนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่อีกภพหนึ่ง ตอนที่พื้นกระดานยังใหม่กว่านี้เยอะ ริมฝีปากบางยกยิ้มอ่อนๆ
หึ จะคิดถึงผมบ้างไหมนะคุณหลวง
พี่นพ...พี่นพของผม
คิดถึงกันบ้างรึเปล่าครับ...
“พ่อทีป์ เหตุใดยังไม่กลับมาหาพี่เสียทีเล่า ไม่คิดถึง ไม่รัก ไม่สงสารพี่บ้างหรือ”คุณหลวงทรุดตัวอยู่ริมเตียง นี่ก็ล่วงวันที่เจ็ดมาจนเย็นย่ำแล้วที่พ่อทีป์หลับไป
เป็นกระไรกันนะ พ่อทีป์ของพี่
“คิดถึงพี่บ้างไหมคนดี ไม่อยากลุกมาคุยกับพี่แล้วหรือ”คุณหลวงหนุ่มก้มหน้าลงไปมองหน้าคนที่หลับอยู่ชัดๆ น้ำเสียงหยอกเย้ากึ่งตัดพ้อ เสียดใจคุณหญิงแขไขที่ฟังอยู่หน้าฉากยิ่งนัก
พ่อทีป์เอ๋ย รีบกลับมาเถิดลูก พี่เจ้าจะเป็นบ้าเป็นหลังไปเสียวันนี้อยู่เชียว...
ร่างสูงใหญ่กว่ามัวแต่มองหน้าคนที่เอาแต่หลับจนไม่ได้สังเกตนิ้วมือเรียวที่กระตุกแผ่วเบา...นภทีป์กำลังจะฟื้น กลับมาหาคนในยุคนี้
คนที่เขาคิดถึงเหลือเกิน
“แค่ก”
“พ่อทีป์!?”
“แค่กๆ โอ้ย คอแห้งขอน้ำหน่อยสิครับ”
“ค่อยๆจิบนะพ่อทีป์”คุณหลวงยื่นถ้วยกังไสใบน้อยให้นภทีป์ที่ลืมตาขึ้นมา เขาดีใจเหลือเกิน...นึกว่าชาตินี้พ่อทีป์จักไม่ตื่นขึ้นมาอีกเสียแล้ว
“คุณหลวง...คุณหลวง คุณหลวงจริงๆด้วย”นภทีป์กระซิบซ้ำไปซ้ำมา สองมือแปะลงมาบนหน้าคม ลูบไล้แผ่วเบา น้ำตาเริ่มไหลออกมาทีละน้อย
เขานึกว่าจะกลับมาไม่ได้เสียแล้ว...
เขานึกว่าจะสายไปเสียแล้ว...
นึกว่าชาตินี้จักไม่ได้พบไม่เจอกันอีก...
คุณหลวงนพเทพอัคราทำเพียงจับมือของนภทีป์ไว้แล้วซับน้ำตาให้แผ่วเบาด้วยมืออีกข้าง...ดีใจเหลือเกินแล้วที่เจ้ายังอยู่กับพี่
พ่อทีป์เอ๋ย...
จักรู้หรือไม่ว่าใจพี่เจ็บเพียงใดยามเจ้าเอาแต่นอนอยู่อย่างนั้น...
จักรู้หรือไม่ว่าอกชายสามศอกผู้นี้เจ็บปวดเพียงใด...
พี่คงรักเจ้าเข้าจริงๆเสียแล้วกระมังพ่อทีป์เอ๋ย...
จะให้พี่ถอดถอนใจเยี่ยงไรคงไม่ได้แล้วเทียว...
คุณแขไขที่อยู่หน้าฉากจะถลันเข้ามาถามไถ่ด้วยความห่วงใย หากแต่หะแรกที่เธอก้าวพ้นฉากมาก็ต้องชักเท้ากลับเสียแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาดูพ่อทีป์ยังมิสายดอกกระมัง
นางยิ้มกับตัวเอง หากพ่อนพลูกชายที่รักของนางจะต้องทนทุกข์เพราะไม่ได้รักกับคนที่รัก สู้นางทนทุกข์เสียหน่อยที่ต้องฟังคำติฉินนินทา ดีกว่าให้เลือดในอกของนางต้องทุกข์ทนเป็นไหนๆ
“มิเข้าไปหรือคะคุณหญิง”
“ไม่ละ ไปกันเถิดพ่อวิพ่อวีกับพ่อพีคงอยากให้คุณย่าไปส่งนอนแล้วกระมัง”
“ร้องไยเล่าพ่อทีป์ พี่อยู่ตรงนี้อย่างไรเล่าจ้ะ”
“ผมคิดถึง”นภทีป์พูดเสียงแผ่ว นัยน์ตาสะท้อนภาพคุณหลวงชัดเจน เขาลูบแขนลูบหน้าคุณหลวงซ้ำไปซ้ำมา จนคนโดนลูบชักจะทนไม่ไหว
“จะลูบจะคลำพี่อีกนานหรือไม่หือ พี่มิอยากชิงสุกก่อนห่ามหนา”
“ทะลึ่ง”
“ก็พ่อทีป์เอาแต่ลูบพี่อยู่นั่น พี่มิใช่พระอิฐพระปูนหนาเจ้า คิดถึงพี่มากหรือ ตัวเองเป็นคนชิงหลับไปแท้ๆเชียวหนา”
“คิดถึงซี พี่นพไม่คิดถึงผมหรือ”นภทีป์ทอดเสียงแผ่วเบา แต่คนที่ถูกเรียกชื่อกับใจเต้นระรัวแรง ดีเหลือเกินทีพ่อทีป์เรียกเขาด้วยชื่อนี้ มิใช่บรรดาศักดิ์ที่ได้รับแต่งตั้ง
“เรียกอีกได้หรือไม่”
“เรียกกระไรขอรับ?”
“เรียกชื่อพี่”
“พี่นพ...”
“เรียกอีกซี”
“พี่นพ”
“เรียกอีก เรียกพี่อีกได้หรือไม่จ้ะ”
“พี่นพ”
“เด็กดี”คุณหลวงก้มลงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากนภทีป์ ที่สุดท้ายก็กลายเป็นจูบรุกเร้ารุนแรง...เขาคิดถึงพ่อทีป์เหลือเกิน คิดถึงจนแทบจะทนไม่ไหว
คิดถึงจนแทบจะไม่อยากอดกลั้นอะไรไว้แม้แต่นาทีเดียวเลยแหละ!!
“พี่นพ พอแล้ว อื้อ”นภทีป์เริ่มประท้วงเมื่อคุณหลวงเริ่มถอดเสื้อผ้าของทั้งตัวเองและของเขา สุดท้ายก็เปลือยล้อนจ้อนกันทั้งคู่
“พี่นพครับ พอแล้วน่า อ๊ะ...”นภทีป์สะดุ้งตกใจเมื่อริมฝีปากนั่นครอบลงบนยอดอกสีนวล นี่คุณหลวงเป็นคาสโนว่ายุคโบราณรึเปล่าเนี้ยทำไมเชี่ยวชาญจังวะ!!
“อยากให้หยุดจริงๆหรือ ทำไมตรงนี้ไม่เห็นอยากให้พี่หยุดเลยเล่า”คุณหลวงรวบเอาแก่นกายของนภทีป์ไว้แล้วกระตุกแผ่วๆ ทำเอาร่างโปร่งบนเตียงที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงเพราะไม่ได้กินอะไรมากว่าเจ็ดวันสะดุ้งเฮือก
“พี่นพครับ อ๊า อย่าครับพี่นพ อ๊ะ”ฝ่ามือใหญ่ขยับขึ้นลงเป็นแก่นกายขาวเนียน ยิ่งเห็นหน้าแดงๆกับคนใต้ร่างบิดเร่าๆยิ่งสมใจ คุณหลวงก้มลงจูบนภทีป์ซ้ำไปซ้ำมา
เขามิใช่ชายไม่ประสา ยามเป็นหนุ่มก็พากันไปขึ้นครูกับสหายสนิทเสียตั้งแต่นมยังไม่แตกพานดีด้วยซ้ำ ดีแต่ว่าเขาไม่เอาบ่าวในบ้านมาทำเมียก็เท่านั้น
“ฮ๊า...”ฝ่ามือหนากระตุกรัวเร็วจนสุดท้ายก็ทำอีกคนถึงฝั่งจนได้ แต่เขายังไม่สมใจนี่ จะลงโทษให้สาสมเชียวที่พ่อทีป์ทำให้เขาทรมานใจมาเสียหลายวันแล้วมายั่วกันเสียอย่างนี้
“อ๊ะ ยังไม่พออีกหรือขอรับพี่นพ ผะ...อ๊า...ผมเหนื่อยแล้วนะ”ร่างโปร่งเริ่มดิ้นเร้าเมื่อมือใหญ่ไม่ยอมหยุดยังคงปลุกเร้าเขาอยู่อย่างนั้น
“พ่อทีป์สมใจแต่พี่ยังไม่สมใจนี้”คุณหลวงกระซิบริมหูบางแล้วขบเบาๆ ร่างโปร่งสะท้ายเฮือก มือหนาจับมือเรียวของอีกคนไปตะปบที่แก่นกายตัวเอง
“ช่วยพี่ทีสิจ๊ะพ่อทีป์”
“อ๊ะ คะ...ครับ”นภทีป์หลับตาปี๋เมื่อมองไปที่แก่นกายของอีกคนชัดๆ...ใหญ่...ใหญ่อะไรขนาดนั้นว่ะน่ะ แล้วเขาจะรับไว้ได้ยังไง ฮือ...เสียวก็เสียว กลัวก็กลัว!!
---------------------------------------------
ตัดจบปิ๊งงงง แบบเก๋ไก๋สไลด์เดอร์ ฮ่าๆ เอามาส่งค่ะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันพักครึ่งของการสอบ
เกือบตายแล้วนะเออ อาจจะมีต่อได้อีกทีหลังสิบเมษาหรือก่อนหน้านั้นะคะ มีนัดสอบนอกตารางอื้อ
มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานนะคะว่าอย่ามาเรียนเภสัชฯ ฮ่าาาา สอบทีเป็นซอมบี้ก็มิปาน
จริงๆแล้วก็อยากจะเขียนฉากอัศจรรย์ให้สะเทือนเลื่อนลั่นถึงชั้นฟ้าเหมือนกันนะคะ
ติดอยู่ที่ว่าไม่เคยเขียนนนน ไม่รู้อันนี้ออกมาเป็นไง (ช่วยติฉากนี้ให้ทีนะคะ)
สุดท้ายที่ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน อาจจะนานๆลงบ้างอย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ จะพยายามใหนิยายจบก่อนคนเขียนเรียนจบ (คือเรียนหกปี) ฮ่าาาา