จิมยืนกอดอกมองดูสองพ่อลูกนั่งนัวเนียกันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทอมกำลังสอนแม็กกี้เล่นเกมโดยเล่นให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ บอกเล่นเป็นแล้ว แต่ทอมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือให้เจ้าหนูเล่นเองซะที เป็นครั้งแรกที่จิมได้เห็นแม็กกี้ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข มีอารมณ์ร่าเริงสนุกสนานอย่างเด็กผู้ชายคนอื่นในวัยเดียวกัน ไหนจะรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของผู้เป็นพ่อเห็นแล้วไม่อาจละสายตาได้เลย
เจ้านายหนุ่มสุดหล่อของบ้านแม็คกิลล์อารมณ์ดี หัวเราะเล่นหัวกับลูกชายหนุ่มน้อยตลอดทั้งวันแบบนี้ ทำให้สมาชิกทุกคนในบ้านพลอยมีความสุขอารมณ์เบิกบานแจ่มใสไปด้วย
สองสัปดาห์ผ่านไป.. อาการบาดเจ็บที่แขนของแม็กกี้หายเป็นปกติแล้ว ทอมอนุญาตให้เด็กชายย้ายไปนอนห้องข้างๆ เพราะเห็นว่าหลายคืนที่ผ่านมาแม็กกี้นอนหลับสนิทตลอดคืน ไม่มีอาการฝันร้ายอย่างที่เขาวิตก หากแต่กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งทอมและจิมตกใจตื่นเพราะเสียงกรีดร้องของเด็กชาย วิ่งเข้าไปดูก็พบเจ้าหนูกำลังตกอยู่ในภวังค์ร้าย ต้องปลุกขึ้นมาปลอบกันอยู่พักใหญ่กว่าจะหายตกใจ
แม็กกี้ไม่ยอมบอกว่าฝันเห็นอะไร บอกแต่ว่ากลัวและกอดทอมแน่น... จนทอมต้องพากลับไปนอนที่ห้องด้วยเหมือนเดิม สีหน้าของทอมส่อแววกังวลใจและตื่นกลัวยิ่งกว่าเด็กชายซะอีก
“รู้อะไรมั้ย ทอม.. ฉันไม่กังวลเรื่องที่แม็กกี้จะจำเหตุการณ์ร้ายได้เลย อยากให้จำได้เร็วๆ ด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้มั้ย”
จิมสบตาเทพบุตรแสนรักของเขาและกล่าวอย่างมั่นใจ
“ตราบใดที่มีนายอยู่ข้างๆ แม็กกี้จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เขาจะไม่กลัวอะไรถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของนาย เพราะฉะนั้นเลิกกังวลซะ เตรียมสองแขนไว้กอดลูกเมื่อถึงเวลานั้นก็พอ..”
“จริงเหรอ..”
จิมหัวเราะหันไปมองเด็กชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ สีหน้าไม่ได้ส่อเค้าว่าเพิ่งผ่านอาการฝันร้ายมาเลย
“ไม่จริงแล้วจะหลับปุ๋ยอย่างนี้ได้ยังไง ให้ฉันปลอบจนถึงเช้าก็ไม่รู้ว่าจะยอมหลับหรือเปล่า” กล่าวจบก็เอนตัวลงนอน
“นอนเถอะ ทอม.. เลิกวิตกกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง ถึงเวลาจริงๆ มันไม่เลวร้ายอย่างที่นายกังวลหรอก”
ทอมพยักหน้าหงึกล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ถูกจิมขยับเข้าสวมกอดก็สะดุ้งรีบลุกขึ้นนั่ง
“อ๊ะ!.. จะนอนต่อที่นี่เหรอ.. กลับไปนอนห้องนายซี จิม..”
จิมส่ายหน้าและฉุดทอมนอนลง
“ไม่เอาอ่ะ.. ขี้เกียจ.. นอนด้วยกันสามคนนี่แหล่ะ”
“แต่ว่า.. แม็กกี้..”
จิมเอามือปิดปากทอมไว้
“แม็กกี้นอนซ้าย ฉันอยู่ขวาเกี่ยวอะไรด้วย ดีเสียอีก นายจะได้เลือกกอดได้ตามใจชอบไง แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ฉันขอกอดนายก่อนนะ”
ทอมแกะมือจิมออกและตวาดด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“ไม่เอา จะนอนด้วยก็ได้แต่ห้ามกอดห้ามแตะต้องตัวฉัน ไม่งั้นก็กลับไปนอนที่ห้องนายเลย ไป..”
“ก็ได้.. ไม่กอดก็ได้..” จิมกล่าวเสียงอ่อนและตะแคงข้างหันหลังให้ แปลว่าจะไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องแน่นอน
ทอมลอบถอนใจ เขาไม่อยากให้จิมกอดหรือสัมผัสถูกตัวไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจจิม แต่ไม่ไว้ใจตัวเองต่างหาก จิมย่องเข้ามาขอนอนกับเขา 2 คืนแล้ว พอเห็นแม็กกี้ไม่ได้นอนด้วยก็ถือโอกาสเข้ามาอ้อนขอนอนด้วยทันที และที่เขาปฏิเสธไม่ได้ก็เพราะถูกจิมสัมผัสนี่แหล่ะ..
“จิม..”
จิมกำลังจะเคลิ้มหลับก็สะดุ้งกับเสียงกระซิบเรียก
“หือ..”
“โกรธหรือเปล่า”
จิมขยับตัวนอนหงายก็เจอใบหน้าของเทพบุตรสุดรักอยู่ห่างไม่ถึงคืบ กระทั่งในความมืดสลัวยังงดงามได้ถึงเพียงนี้
“เรื่องอะไร”
“ฉันไม่ได้ไล่นะ แค่ไม่อยากให้กอดเท่านั้น”
จิมซ่อนยิ้ม เขารู้เหตุผลว่าเพราะอะไรแต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“แค่กอดเฉยๆ ทำไมไม่ได้ล่ะ หือ..”
“ก็.. เอ่อ..” ทอมกัดริมฝีปากตัวเอง ...ใครจะบอกได้ล่ะว่าเพราะอะไร..
“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่อยากให้กอด เดี๋ยวแม็กกี้ตื่นขึ้นมาเห็น”
ทอมให้เหตุผลตัดบทและล้มตัวลงนอน จิมขยับเข้ามากระซิบข้างหู
“ไม่ใช่กลัวมีอารมณ์เหรอ หือ..”
ทอมสะดุ้ง อ้าปากจะโวยก็ถูกมือใหญ่ปิดไว้
“อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด ฉันเองแค่คิดถึงนายอารมณ์ก็เตลิดไปไกลแล้ว รู้มั้ย..”
ทอมทั้งโกรธและอาย ถึงจะเป็นเสียงกระซิบก็เถอะ ถ้าแม็กกี้ไม่ได้หลับสนิทได้ยินเข้าจะทำยังไง จิมนะจิม.. พอดีด้วยหน่อยก็ชักจะเหลิง ทอมขยับแขนขวาศอกเข้าร่างสูง
“อุ๊บ!..” ครั้งนี้ทอมเป็นฝ่ายเอามือปิดปากจิมและกระซิบหยอก
“อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวแม็กกี้ตื่น.. นี่เป็นวิธีแก้อารมณ์ที่กำลังเตลิดให้กลับคืนมา รู้มั้ย..”
จิมพยักหน้ารับทราบไม่ร้องไม่โวย ทอมจึงปล่อยมือ
ร่างสูงยันกายลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่กำลังจุก
“จะไปไหนอ่ะ” ทอมถามเสียงดังด้วยความลืมตัว ลุกขึ้นนั่งตามก่อนลดเสียงลงเป็นน้ำเสียงกระซิบ
“หยอกเล่นแค่นี้ต้องหนีกลับห้องด้วยเหรอ”
จิมก้มลงมากระซิบตอบ
“วิธีของนายใช้ไม่ได้ผล มันยิ่งเร่งเร้าฉันมากขึ้น รู้มั้ย.. ฉันทนไม่ไหวต้องหาทางถอนพิษออกแล้ว..”
จิมขยายความต่อด้วยการคว้ามือเทพบุตรของเขามาสัมผัสที่กลางลำตัว ทอมสะดุ้งเฮือกใบหน้าร้อนผ่าวรีบชักมือกลับ ถ้าไม่ติดว่าแม็กกี้นอนหลับอยู่คงส่งเสียงเอ็ดตะโรดังลั่นแล้ว ทอมกระโดดลงจากเตียงคว้ามือร่างสูงกึ่งดึงกึ่งลากไปที่ประตู
“ออกไป.. กลับไปห้องนายเดี๋ยวนี้เลย ไป..”
ทอมถอนใจโล่งอกเมื่อจิมยอมออกจากห้องไปแต่โดยดี
...บ้าที่สุดเลย ถูกอัดจนจุกยังมีอารมณ์ได้ขนาดนั้น นายต้องเป็นซาดิสต์แน่ๆ เลย จิมมี่...
แม้ทอมจะยอมรับกับตัวเองแล้วว่ามีความรู้สึกพิเศษกับจิมฉันท์คนรัก แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เปิดใจยอมมีเซ็กซ์กับจิมจนถึงขั้นสุดท้าย และจิมเองก็ไม่เคยบังคับหรือเอ่ยขอ บอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะพร้อม แค่ได้เป็นฝ่ายปลดปล่อยอารมณ์ให้เขา จิมก็มีความสุขยิ้มไม่หุบทั้งวันแล้ว แม้บางครั้งตัวเองจะอารมณ์ค้างเพราะความไม่พร้อมของเขาแต่จิมกลับไม่หงุดหงิด ยังพร่ำบอกรักซ้ำไปมาจนทอมอายแทบจะแทรกที่นอนหนี
สาเหตุที่จิมอารมณ์ค้างส่วนใหญ่เพราะคิดแต่จะมอบความสุขให้ทอมโดยไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้ตัวเองไปพร้อมๆ กัน บางครั้งทอมรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นแก่ตัว เขาน่าจะเป็นฝ่ายช่วยปลดปล่อยให้จิมบ้างแต่เขาก็ไม่ทำ เขาทำไม่ได้เพราะใจยังไม่ยอมรับการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน ซึ่งจิมเข้าใจดี ความหมายของคำว่า ‘ขอแค่ได้รัก ’ ของจิมจึงหมายความรวมถึงขอแค่ได้เป็นฝ่ายให้ความสุขกับทอมก็เพียงพอแล้ว..
คืนนี้ก็เช่นกัน จิมยอมกลับไปนอนที่ห้องแต่โดยดีคงเป็นเพราะอารมณ์ค้างไปแล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ถ้าครั้งนี้ยังไม่ได้ปลดปล่อยอีกคงไม่ดีต่อสุขภาพจิตแน่ ป่านนี้คงกำลังถอนพิษให้ตัวเองอยู่
...ขอโทษนะ จิมมี่.. ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ ฉันทำไม่ได้... ยังไงก็ไม่ได้..
เช้าวันหนึ่ง… ในสองสัปดาห์ต่อมา… เด็กชายกระโดดลงจากเตียงโผเข้ากอดทอมที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำด้วยอาการตกใจกลัวสุดขีด น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ร่างเล็กสั่นสะท้านละล่ำ ละลักให้ทอมช่วยด้วย
“แด๊ดดี้ ช่วยด้วย.. ฮึก.. ฮือ.. ”
ทอมเข้าใจว่าแม็กกี้ฝันร้ายเหมือนทุกครั้ง หากแต่ประโยคชัดถ้อยชัดคำที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นถามด้วยอาการสะอื้น ทำให้รู้ว่าวันที่เขาเฝ้ากังวลที่สุดมาถึงแล้ว
“พวกมันจะมาอีกมั้ย แด๊ดดี้.. มันจะมาทำผมอีกมั้ย ผมเจ็บ.. ผมกลัว.. ฮือ..”
“ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัว”
ทอมละล่ำละลักปลอบด้วยอาการตกใจเช่นกัน พยายามตั้งสตินึกถึงคำพูดของจิมได้ก็ขยับแขนสวมกอดเด็กชายแน่นขึ้น
“นี่บ้านเรา แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูก ที่ผ่านมาเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น ลืมมันซะ แม็กกี้.. ลืมซะนะ..”
ทอมช้อนร่างเล็กไว้ในวงแขนพามานั่งที่เตียง เด็กชายกอดเขาแน่นเหมือนกลัวจะถูกใครตามมาทำร้าย
“ไม่กลัวลูก.. ไม่ต้องกลัวนะ” ทอมพร่ำปลอบและเช็ดน้ำตาให้ แต่เช็ดเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล
“ผมไม่ได้ฝันร้าย.. ผมถูกทำร้ายจริงๆ ผมถูกมัด ถูกไฟจี้ ถูก.. ถูก .. ฮึก.. ฮือ.. ช่วยด้วย!!.. ผมเจ็บ.. ผมจะตายแล้ว แด๊ดดี้ ฮือ..”
เด็กชายร้องครางดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัวสุดขีดเหมือนหวนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
...โอ! พระเจ้า.. หัวใจทอมแทบสลายเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดเกร็งตัวดิ้นเร่าๆ เขาจับศีรษะเด็กชายซุกไว้แนบอกและกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ไม่เป็นไร ลูก.. ไม่เป็นไรแล้ว มันจบลงแล้ว แด๊ดพาลูกกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายลูกอีก ไม่กลัวนะ แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัว..”
ทอมจูบซับน้ำตาที่แก้ม นอกจากพร่ำปลอบด้วยคำพูดแล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการสวมกอดเด็กชายไว้แนบอก
“พวก.. พวกมันเผาสมุดของผมด้วย ... ฮือ.. มันบอกว่าถ้าผมไม่ร้องจะคืนสมุดให้ แต่.. แต่ผมเห็น.. มันเผาสมุดรูปแด๊ดไปแล้วอ่ะ.. ฮือ..”
ทอมสะอื้นในอกเมื่อรู้ว่าเด็กชายห่วงและหวงสมุดที่มีรูปเขาเป็นตัวแทนพ่อถึงขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อให้ได้สมุดคืน
“โอ!.. แม็กกี้.. ยังต้องดูรูปในสมุดอีกเหรอ.. แด๊ดอยู่ใกล้ๆ กอดลูกอยู่นี่แล้วไงครับ.. ไม่ต้องกลัวนะ แม็กกี้.. ไม่มีอะไรแล้ว ที่นี่บ้านเรา แด๊ดไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องลูกอีก ใครกล้ารังแกลูก แด๊ดจะฆ่ามันให้ตายกับมือเลย..”
ทอมไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาได้อย่างไร รู้แต่ว่าเขาทำได้จริงอย่างที่พูดแน่นอน
“ใช่!!.. ใครบังอาจแตะต้องแม็กกี้ของฉันแม้เพียงปลายเล็บ ฉันจะหักมันเป็นสองท่อนเลย..” ทอมสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเห็นจิมยืนยิ้มให้สีหน้าอ่อนโยนขัดกับน้ำเสียงและคำพูดที่ออกมา น้ำเสียงที่ทรชนถ่อยคนใดได้ฟังแล้วไม่กล้าเสี่ยงแตะต้องแม็กกี้ของเขาแน่
ทอมยิ้มให้จิมแทนคำขอบคุณ คำพูดของเขาและจิมคงทำให้แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลง มือเล็กที่ขยุ้มเสื้อคลุมเขาอยู่คลายออก ทอมรีบสัมทับ คำพูดของจิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เด็กชายเชื่อมั่นและหายกลัวกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
“ไม่มีใครกล้ารังแกหรือทำร้ายลูกอีกแล้วนะ แม็กกี้.. นอกจากแด๊ดแล้วยังมีคนเยอะแยะในบ้าน คุณจิมก็อยู่ด้วยทั้งคน ลูกไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะ รู้มั้ย.. คุณจิมเป็นครูฝึกเทควันโดสายดำเชียวนะ ใครกล้าแตะต้องลูกมีหวังถูกหักเป็นสองท่อนจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองถามดูว่าคุณจิมทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า..”
ใบหน้าที่ซุกนิ่งอยู่กับอกทอมเงยขึ้นมองจิม ดวงตากลมฉ่ำนองไปด้วยน้ำตา จิมยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าให้ แม็กกี้หันมาถามทอมด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ผมอยากเป็นเทควันโดสายดำได้มั้ย.. ผมจะหักมันเป็นสองท่อนด้วย..”
ทอมอึ้งไปก่อนหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้ แม็กกี้เลิกหนีและหันหน้าสู้แล้ว แสดงว่าจะไม่กลัวและไม่ฝันร้ายอีกต่อไป
“ได้เลยแม็กกี้.. ลูกต้องได้เป็นแน่นอน เราสมัครเป็นลูกศิษย์คุณจิมพร้อมกันเลยดีมั้ย ใครกล้าเข้ามาทำร้ายลูกอีก เราช่วยกันหักมันเป็นสี่ท่อนเลยนะ” ทอมเงยหน้าขึ้นกล่าวกับจิม
“คิดค่าสอนเท่าไร จิม.. ฉันกับแม็กกี้จะสมัครเรียนเทควันโดนะ เตรียมชุดไว้ให้ด้วย..”
ร่างสูงทรุดตัวลงเบื้องหน้าสองพ่อลูก
“ขอเปลี่ยนค่าสอนเป็นขอร่วมวงจัดการกับไอ้วายร้ายด้วยคนได้มั้ย แม็กกี้ ช่วยกันสามคนมันจะได้ถูกหักเป็นหกท่อนไง..”
แม็กกี้มองจิมตาปริบๆ ก่อนเอ่ยถามเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ
“แบบนี้มันก็ตายสนิทเลยซีฮะ..”
“ใช่!!..” ทอมประสานเสียงกับจิม
“มันสมควรตายสนิท ใครบังอาจรังแกหรือทำร้ายลูกอีก มันต้องถูกหักหกท่อนแน่นอน..” ทอมกล่าวย้ำให้เด็กชายมั่นใจและเลิกกลัว
แม็กกี้คลายความหวาดกลัวลงแล้ว เด็กชายยิ้มให้ทอมและซุกหน้ากับอกอุ่นอีกครั้ง
“ผมไม่ได้อยากหนีไป ผมอยากอยู่กับแด๊ดดี้ อยากอยู่ด้วยตลอดไปครับ”
..โอ!.. พระเจ้า.. ความรู้สึกปวดร้าวเมื่อครู่มลายสิ้น ทอมปลื้มปีติและสุขใจเหลือที่จะกล่าว เพิ่งรู้ตัวว่าแม็กกี้เรียกเขาว่า แด๊ดดี้ แล้ว...
“แด๊ดก็อยากอยู่กับลูกตลอดไปแม็กกี้.. ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แด๊ดรักลูกและเชื่อว่าลูกเป็นลูกตั้งแต่วันแรกที่เล่าให้ฟังแล้วรู้มั้ย.. แด๊ดขอโทษที่ไม่กล้ายอมรับความจริง และยังทำร้ายจิตใจลูกมาตลอด ยกโทษให้แด๊ดนะ แม็กกี้..”
“ผมไม่ยกโทษหรอก แด๊ดไม่ผิด.. ผมต่างหากอยู่ๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณทอมวุ่นวายไปหมด ทำให้นายแบบคนดังต้องกลายเป็นพ่อของลูกที่โตแล้วแบบผม ถ้ามันทำให้แด๊ดดี้เสียชื่อเพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ผมขออยู่ด้วยในฐานะอะไรก็ได้ครับที่ไม่ใช่..”
ทอมปิดปากเจ้าหนูไว้ทัน
“ชูว์~~ จะอยู่ในฐานะอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากลูก.. เข้าใจมั้ย..”
ทอมเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนและก้มลงจูบเบาๆ แม็กกี้ซุกหน้าลงกับอกทอม ครั้งนี้เด็กชายซุกหนีเพราะเขินอาย
เสียงปรบมือเปาะแปะของจิมดังขึ้น ในที่สุดทอมก็ทำสำเร็จ อ้อมกอดที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักของทอมเป็นเหมือนยาวิเศษ ที่ช่วยรักษาจิตใจของเด็กชายให้คลายความเจ็บปวดและหวาดกลัวลงได้จริงๆ
ในที่สุดแม็กกี้ก็ได้พบกับความจริงที่เฝ้ารอคอยมาตั้งแต่จำความได้ เป็นความจริงที่ตัวเองต้องการแค่พิสูจน์ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความรักตอบแทนกลับมามากมายขนาดนี้ ไม่ใช่แค่จากทอมผู้เป็นพ่อ.. แต่จากจิมและทุกๆ คนในบ้านแม็คกิลล์ด้วย
>>>> 16