ตอนที่ 12“ปึง”
หลังเสียงปิดประตูรถด้วยฝีมือผมแล้วภายในรถก็เกิดความเงียบ ผมสตาร์ทรถเปิดแอร์มือจับพวงมาลัยรถยังไม่คิดขับรถออกไปหันหน้ามองตรงไปข้างหน้า มิคคงโกรธผมมากที่ทำตัวหึงหวงต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นจึงยังไม่ยอมพูดด้วย อารมณ์หึงหวงแบบนี้ของผมมันเกิดขึ้นเพราะมิคและมิคก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ผมย่อมไม่ชินและควบคุมมันไม่ได้ ผมเสียใจนะที่ทำให้คนรักเสียหน้าและเจ็บตัว ที่สำคัญผมรู้สึกน้อยใจคนรักที่นั่งข้างกันด้วย จะว่าผมติสท์แตกคิดมากเกินไปก็ได้ก็บอกแล้วไงผมควบคุมอารมณ์ที่จะเกิดกับตัวเองไม่ได้มันสับสนไปหมดยิ่งสาเหตุมาจากคนข้างกันนี้ด้วย
“เฮ้อ เราจะนั่งกันในรถแบบนี้ทั้งคืนใช่มั้ย” เสียงหวานถอนใจยาวและประชดออกมา
ผมที่น้อยใจอยู่แล้วยิ่งน้อยใจเพิ่มขึ้นจึงเข้าเกียร์และขับรถออกมาจากหน้าร้านอาหาร และไม่ได้หันไปมองว่ามิคจะมีสีหน้าแบบไหนหรือจะโกรธผมมากกว่าเดิมอีกเท่าไหร่ ขืนพูดออกไปตอนนี้ผมได้โวยวายแน่เพราะรู้ตัวดีว่าอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเองมันยังคุมไม่ได้ จนผมขับรถมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นที่มีต้นไม้ปลูกหนาแน่นและรอให้มิคเปิดประตูลง รอให้ผมเย็นลงกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคุยกันจะดีกว่า
“เพี๊ยะ / นี่แน่ะ ไอ้ทำคนผิดแล้วยังขี้งอน มันน่านักนะ” เสียงหวานโวยขึ้นมาไม่ดังนัก
เมื่อผมโดนฝ่ามือบางฟาดมาที่ต้นแขนและเสียงตวาดเบาๆจากมิคก็ทำเอาสะดุ้งหลุดจากความคิดตัวเอง หันไปมองมิคที่ทำหน้านิ่งจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว เราจ้องตากันแต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรกับมิคจะซักเรื่อง ‘แพม’ ก่อน หรือว่าจะขอโทษที่ทำมิคอายต่อหน้าแพมเรื่องความสัมพันธ์ของเรา หรือจะขอโทษเรื่องที่ทำมิคเจ็บตัวดี สายตาผมเหลือบไปที่ข้อมือบางเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นมันเป็นรอยแดงช้ำตอนอยู่ที่ร้านอาหาร สิ่งที่เห็นคือข้อมือบางที่ผมจำได้ว่าผมสามารถกำจนมิดเพราะมิคตัวเล็กแค่นี้มันแดงช้ำจนน่ากลัวใจผมหายวาบกับสิ่งที่เห็น ตอนนั้นผมหึงจนตาลายไม่รู้ว่าใช้แรงไปมากแค่ไหนแต่จากที่เห็นคงมากอยู่ ผมเอื้อมมือจะไปจับแต่ต้องชะงักชักมือออกมาเพราะผมกลัวว่าจะทำให้มิคเจ็บไปกว่านี้ ‘นี่ผมทำอะไรไปนะ’ ทุบกำปั้นลงไปกับพวงมาลัยตรงหน้าถ้าเป็นไปได้ผมอยากต่อยหน้าตัวเองด้วยซ้ำที่ทำให้คนรักเจ็บตัวแบบนี้
“ฟินๆ เป็นอะไร หยุดนะ” มิคจับข้อมือผมรั้งไว้ ผมชะงักซบหน้าลงกับพวงมาลัยตรงหน้า
“ฟินขอโทษครับ” ผมพูดขณะก้มหน้าอยู่
“ฟินขอโทษมิคเรื่องอะไร และคนที่ขอโทษเค้าต้องรู้สึกผิดแล้วแต่ทำไมต้องก้มหน้าก้มตาไม่สบตาเพื่อแสดงถึงความจริงใจล่ะ” เสียงหวานของมิคเหมือนส่งมาปลอบเด็กดื้อที่รู้ตัวว่าทำผิด
ผมเงยหน้าไปมองหน้าหวานของมิคที่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เห็นแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดกับมิค ผมรวบกอดร่างบางมาไว้กับอก ซบหน้าลงที่ลาดไหล่กอดแน่นอยู่อึดใจ จึงหันหน้ากระซิบที่ริมหูหอมให้เจ้าของเค้าได้ยินชัดถึงความจริงใจของผม
“ฟินขอโทษมิคนะครับกับเรื่องที่ทำให้มิคอายและเรื่องที่ทำให้เจ็บตัวแบบนี้”
ผมผละออกมาจากการกอดและจับมือข้างที่แดงช้ำขึ้นจูบข้อมือแผ่วเบาบริเวณรอยแดงจากฝีมือผม มิคยื่นมือมาลูบแก้มผมทำให้ผมแปลกใจกับกิริยาแบบนี้ของมิค เราสบตากันสายตาที่ผมเห็นไม่มีร่องรอยของความโกรธมีแต่เข้าใจและรอยยิ้มหวานของคนตรงหน้ามันทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
“มิคให้อภัยนะครับเรื่องที่ทำให้ข้อมือมิคแดงแบบนี้ แต่ที่ฟินขอโทษเรื่องทำให้มิคอายเนี่ยมิคอายเรื่องอะไรล่ะถึงต้องมาขอโทษกัน” มิคส่งสายตาคำถามมาให้ผม ผมจึงกุมทับมือนุ่มที่อยู่ที่แก้มตัวเองลงมาและรวบไว้ทั้งสองมือ
“เรื่องแพมไง ฟินรู้ว่ามิคอายแพมเรื่องของเรา โอ๊ย มิค” ผมเบี่ยงตัวหลบมือบางที่ตีลงมาที่ต้นแขนผม
“คิดแทนดีนัก มิคยังไม่ได้พูดเลยว่าอายเรื่องของเรา พ่อคนคิดมากขออีกทีเถอะ นี่แน่ะ” ปากว่ามือมาถึงแขนผมเต็มแรงหลบก็ไม่ทันแล้วผมรับแรงไปเต็มๆมือ
“โอ๊ย พอแล้วครับฟินขอโทษ งั้นฟินถามได้มั้ยว่าแพมเป็นใคร” หลังส่งคำถามผมจ้องหน้าหวานนิ่งกลั้นใจรอคำตอบ
“เฮ้อออ ก็แค่ถามออกมาไม่เห็นต้องคิดมากไปคนเดียวเลย แพมน่ะเป็น....” ผมที่กำลังรอคำตอบอย่างใจจดจ่อชะงักเมื่อมิคหยุดพูด หน้าผมคงตลกมากเพราะมิคส่งเสียงหัวเราะมาก้องรถ
“ฮ่าๆๆ หน้าฟินตลกอ่ะ อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ ฮิๆๆ” มิคหัวเราะตาปิดแก้มพอง
ผมเห็นก็รู้ว่าโดนแกล้งซะแล้ว มิคหัวเราะแบบไม่สนใจว่าผมรอฟังคำตอบอยู่มันน่านักเชียว ผมก้มหน้าเอาปากฉกวูบไปที่มุมปากที่อ้ากว้างอยู่เสียงใสเงียบลงฉับพลัน ผมเงยหน้ามองมิคที่ตาโตตกใจอ้าปากหวอ ‘น่ารักชะมัด’ คิดแบบนั้นได้ผมก็ฉีกยิ้มหวานใกล้ใบหน้ามิคและถอดแว่นหนาที่ขัดขวางสายตาออก ผมก้มแตะขอบปากไล่จูบซับความหวานไปจนทั่วรอปฏิกิริยาจากคนที่ผมรุกราน มิคนิ่งไม่ปฏิเสธผมจึงเดินหน้าต่อโดยประกบปากบางตรึงท้ายทอยของคนในอ้อมกอด ลิ้นเลียริมฝีปากแดงอย่าขออนุญาตและเมื่อเจ้าของยอมเปิดปากให้ผมก็ฉกลิ้นเข้าไปชิมรสหวานภายใน จูบไร้เดียงสาของมิคที่พยายามตอบโต้เกี่ยวพันมันยิ่งกระตุ้นให้ผมลุ่มหลง พลิกเปลี่ยนองศาของใบหน้าให้การจูบลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผมจูบดูดซับความหวานกอบโกยจนทั่ว ปล่อยเวลาผ่านไปเพื่อซึมซับถึงความหอมหวานที่ผมได้จากมิคและมารู้สึกตัวเมื่อมือบางทุบหลัง เมื่อรับรู้ว่าคนในอ้อมกอดที่ผมจูบอยู่เริ่มต้องการอากาศเข้าปอด ผมจึงปล่อยจากจูบหวานอย่างเสียดายแต่ยังไล่แตะชิมมุมปากมาที่แก้มใสและฝั่งจมูกลึกสูดดมความหอม มองใบหน้าหวานแดงก่ำหอบตัวโยนเรียกอากาศเข้าปอด ผมไล้ข้อนิ้วไปตามผิวแก้มใสที่ผมรู้ว่าหอมแค่ไหนและใช้ปลายนิ้วแตะเบาไปที่ปากบวมเจ่อจากฝีมือผม มิคเงยหน้าสบตามือจับยึดมือผมไว้
“คนฉวยโอกาส อ๊ะ” ปากเจ่อแดงขยับมันกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ ผมจึงก้มหน้าใช้ฟันขบกัดริมฝีปากล่างอย่างหมั่นเขี้ยวและแถมฟัดแก้มแดงอีกฟอด เงยหน้าส่งยิ้มให้มิคที่ผมเอาแต่ใจปล้นจูบไปอีกรอบ
“ต้องโทษมิคเองนะครับ ยึกยักแกล้งฟินเอง คนแบบนี้ต้องโดนทำโทษรู้มั้ย แล้วบอกฟินได้รึยังว่าแพมเป็นใครครับ”
มิคส่งค้อนมาให้กับคนที่เอาแต่ใจแบบผม เห็นแบบนี้ผมก็อดหัวเราะให้กับความน่ารักของมิคไม่ได้และสวมแว่นคืนกลับสู่เจ้าของ และรอฟังคำตอบที่ผมอยากรู้ใจจะขาด
“แพมเป็นปั๊ปปี้เลิฟของมิค”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไปแต่ความรู้สึกแรกที่ได้ยินทำเอาผมอึ้งคิดอะไรไม่ออกแทบไม่เชื่อหูตัวเองและไม่อยากเชื่อ
“เอ้า หุบปากได้แล้วแมลงวันจะบินเข้าไปแล้ว แน่ะ ฟินจะทำหน้าไม่เชื่อทำไมเนี่ยมิคพูดความจริงนะ เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นประถมฯและเริ่มคบกันตอนมัธยมต้นน่ะ พอแพมย้ายบ้านตอนจบ ม.3 เราก็ห่างกันก็เหมือนเลิกกันไปน่ะแหละ แต่พอมิคเรียนมหาวิทยาลัยสักปี 5 ได้มั้งก็เจอแพมโดยบังเอิญ เราก็คุยโทรศัพท์กันบ้างเหมือนเพื่อนสนิทกันน่ะ และก็ห่างกันอีกตอนที่มิคไปทำงาน ก็แค่นั้น” มิคอธิบายไปยิ้มไปเมื่อคิดถึงผู้หญิงคนนั้น
ผมเห็นแบบนี้ก็อดอิจฉาแพมไม่ได้ที่เธอได้เป็นคนที่มิคเคยรัก เป็นคนรักคนแรกของมิค ได้ทำอะไรในฐานะแฟนกับมิคเป็นคนแรก และต้องมีอะไรทำครั้งแรกด้วยกันอีกเยอะ ผมอิจฉาอดีตของมิคทำไมมันไม่ใช่ผมนะ ผมกอดร่างบางแน่นอย่างหวงแหน
“เป็นอะไรฟิน กอดแน่นไปแล้วมิคหายใจไม่ออก หะ ฟินพูดอะไรนะ” มิคได้ยินที่ผมพูดไม่ชัด ผมจึงต้องพูดซ้ำอีกรอบเหรอเนี่ย
“ฟิน ‘อิจฉา’ แพมน่ะ อิจฉาที่แพมได้ทำอะไรๆครั้งแรกกับมิคในฐานะแฟน ทำไมไม่ใช่ฟินล่ะ” เสียงผมดังในตอนต้นและกลับแผ่วลงในช่วงท้ายเพราะผมอายและรู้สึกว่าไม่สมกับเป็นผมเลยที่ไปอิจฉาผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เป็นอดีตของคนรัก
“ฮิๆๆ ว่าแต่มิคเด็กใครกันแน่ที่เด็กกว่ามิค” มิคหัวเราะเสียงใสลูบแก้มผมปลอบเหมือนปลอบเด็กตัวเล็กๆแต่ผมชอบสัมผัสของมิคนาทีนี้เป็นเด็กก็ยอม จึงปล่อยให้มิคลูบแก้มอย่างเพลินมือ
“เลิกอิจฉาได้แล้วครับน้องฟิน คิกๆ ฟินฟังมิคนะกับแพมน่ะมิคไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าเพื่อนมันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้มิคมีฟินเป็นแฟนเท่านั้นนะครับ” เสียงกระเซ้าหยอกล้อเปลี่ยนเป็นจริงจัง
น้ำเสียงนั้นมันเรียกสายตาผมให้สบตาหวานที่มีสายตาจริงจังเหมือนเสียงที่พูดออกมาและมันทำให้ผมเชื่อสิ่งที่มิคพูด แต่ลึกๆผมรู้อยู่แล้วว่ามิครู้สึกแบบไหนกับผมไม่งั้นเจ้าตัวไม่ยอมผมถึงขนาดนี้หรอก แต่เมื่อมีคนอื่นที่ให้ความรู้สึกว่าสำคัญกับมิคเข้ามามันทำให้ผมอดหวั่นไหวไม่ได้ ก็จะเอาอะไรกับคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องความรักมาก่อนแบบผมกันล่ะ
“ฟินขอโทษที่ทำตัวแบบนี้ ฟินรักมิคนะครับ” จับมือนุ่มแบออกและจูบไปที่กลางฝ่ามือเนิ่นนานอย่างต้องการให้เจ้าของมือรับรู้ถึงความรู้สึกของผมทั้งหมด
“อืม มิครู้แล้ว” รอยยิ้มหวานตรงหน้าครั้งนี้มันทำให้ใจผมเบ่งบานและปลดปล่อยความไม่สบายใจทั้งหมดออกไป
“ต่อไปนี้มีอะไรก็ถามอย่าคิดไปเอง เข้าใจมั้ยฟิน” เสียงเข้มแบบนี้จะไม่ให้ผมพยักหน้าแรงรับคำอย่างเชื่อฟังได้ยังไงกัน
“ดีมาก และในเมื่อมิคให้สิทธิฟินถามได้ทุกเรื่อง ฟินก็ต้องตอบทุกเรื่องที่มิคสงสัยเหมือนกันเข้าใจมั้ย ฮึ”
ผมชะงักเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมพยักหน้าช้าๆจะด้วยสายตาคาดคั้นของมิคหรือยอมเพราะรักก็แล้วแต่หรือทั้งสองข้อนั้น รู้แต่ว่าต่อไปนี้ผมต้องระวังตัวทุกเรื่องและทุกคำพูดถ้าไม่อยากผิดใจกับคนรัก
“เก๊าะๆๆ” ผมสะดุ้งเมื่อมีเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น ผมหันไปมองกระจกฝั่งตัวเองเพ่งมองว่าใครกันมาเคาะเมื่อแน่ใจว่ามีคนเคาะผมจึงเลื่อนกระจกรถลง
“พ่อ!” เสียงมิคดังอย่างตกใจและผละออกไปเปิดประตูรถ
ผมยังตกใจนั่งอยู่ในรถที่เจอว่าที่พ่อตาแบบไม่ทันตั้งตัว ผมนั้นมาส่งมารับมิคที่บ้านหลายครั้งแต่ยังไม่เคยเข้าไปทำความรู้จักกับคนบ้านมิคเลย เพราะมิคนั้นบอกว่าไม่เป็นไรรอให้ถึงเวลาแล้วมิคจะพาผมเข้าไปพบครอบครัวเอง แต่นี่มันถึงเวลาหรือยังนะที่ผมจะพบว่าที่พ่อตาของผม
“นี่จะนั่งอยู่ในรถอีกนานมั้ย” ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มที่ดังมาจากนอกรถ จึงลนลานเปิดประตูออกมายืนด้านนอก
“สะ สวัสดีครับคุณพ่อ” ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเท่าที่ทำได้
“ใครพ่อ! ผมมีลูกสองคนเท่านั้น” เสียงเข้มของพ่อตาผมดังขึ้นทำเอาผู้ชายมาดแมนไม่กลัวใครอย่างผมสะดุ้ง
“พ่อครับ” มิคร้องเรียกพ่อตัวเองอย่างตกใจและดึงแขนกระตุกเบาๆไปด้วย
แต่ถ้าผมดูไม่ผิดเหมือนจะงอนพ่อตัวเองไปแล้ว แต่ผมมองอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหันกลับมาที่ว่าที่พ่อตาอีกครั้ง
“นี่มองอะไร หันมาทางนี้ ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ” ว่าที่พ่อตาผมจ้องเขม็งมาที่ผมทำให้ต้องรีบตอบ
“ผมชื่อ ‘ชินกรณ์’ เรียกว่า ‘ฟิน’ ก็ได้ครับ คุณลุง” ผมบอกชื่อจริงชื่อเล่นไปพร้อม และเปลี่ยนสรรพนามเพื่อความถูกใจของพ่อตาไปก่อน แอบเหล่ไปทางมิคที่ส่งสายตาเป็นกำลังใจมาให้ ทำให้ผมอดยิ้มตอบไปไม่ได้
“นี่! นายชินกรณ์ ยิ้มอะไร ไปๆมิคเข้าบ้านนี่ก็มืดแล้ว ส่วนนายพรุ่งนี้มาบ้านนี้แต่เช้าล่ะเรามีเรื่องต้องคุยกัน” พ่อตาผมพูดเสร็จก็ลากลูกชายตัวเองเข้าบ้าน ไม่ทันได้รับไหว้และฟังคำตอบรับของผมด้วยซ้ำที่สำคัญผมยังไม่ได้ร่ำลาแฟนตัวเองเลย
คืนนี้มีเรื่องมากมายระหว่างผมกับมิคที่เพิ่งเคลียร์เรื่องนึงเสร็จ ก็มีเรื่องใหม่และดูท่าจะใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำมาให้แก้ ตอนนี้ผมคงต้องกลับก่อนแล้วค่อยโทรมาคุยกับมิคอีกทีว่าคุณพ่อตาจะว่าอะไรมิครึเปล่า และผมต้องเตรียมตัวอะไรบ้างสำหรับวันรุ่งขึ้น แต่ผมต้องทำทุกวิธีทางอยู่แล้วเพื่อให้ความรักของเรายังคงอยู่
................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ก็เคลียร์กันไปเพราะแพมก็แค่ puppy love ไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ชีอาจจะโผล่มาแวบๆ
กวนใจนายฟินให้ขุ่นเล็กๆบ้าง 555
ส่วนตอนนี้หลังเคลียร์แล้วกำลังหวานกันดีๆก็มี “ว่าที่พ่อตา” โผล่มาให้นายฟินใจหายเล่น
ซะงั้น และตอนหน้ามารอลุ้นกันค่ะเมื่อฟินเข้าบ้านมิคแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างน้อ^^
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ และติดตามมาให้กำลังใจฟินใน
วันอังคารนะคะ
เมื่อฟินเจอว่าที่พ่อตาแม่ยายแล้วจะเป็นยังไงน้า
ทุกการติดตามค่ะ