ชอบแบบตกหลุมรักอย่างนั้นเหรอ... แบบที่กายเขา...
Rainsay-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ โชคครั้งที่ • 14 • น้องกาย ผมพาร่างอันสะโหลสะเหลของตัวเองเข้าไปในอาคารของคณะ หันมองเพื่อนร่วมสาขาที่มีสภาพไม่ต่างกันนักก็ได้แต่ถอนหายใจและยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น ที่ผมและผองเพื่อนในสาขามีสภาพเหมือนซอมบี้แบบนี้เป็นเพราะว่า... อาจารย์ที่แสนจะใจดีของพวกผมนึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ จะให้จัดนิทรรศการพรีเซนต์ภาพถ่ายหัวข้อ “ธรรมชาติ” จากที่ตอนแรกแค่จะพรีเซนต์หน้าห้องเฉยๆ
คราวนี้ยังไงละครับ... ไอ้พวกผมก็วิ่งวุ่นกันสิ เพราะนอกจากห้องจัดนิทรรศการแล้วอาจารย์ไม่ได้ให้อะไรอย่างอื่นมาเลย พร็อบเอย อะไรเอยก็ต้องจัดต้องเตรียมหมด เพราะฉะนั้นในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากจะต้องจัดการโปรเซสรูปที่ถ่ายกันมาแล้ว ยังต้องมาระดมช่วยกันจัดห้องนิทรรศการอีก นอกจากจัดห้องรวมแล้วแต่ละส่วนที่จัดแสดงผลงานตัวเองก็ต้องจัดอีก ไหนจะวิ่งไปล้างรูปเพื่อมาแสดง วิ่งวุ่นกันเกือบทั้งคืน... เพราะตอนกลางวันเรายังต้องเรียน
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันนี้เด็กฟิล์มปีสองถึงได้ทีสภาพแบบนี้
ส่วนถ้าถามว่าทำไมผมดูจะสภาพย่ำแย่กว่าคนอื่นเขานั่นก็เป็นเพราะผลพวงจากการที่มีจัดนิทรรศการนี่แหละครับ
หนึ่งอาทิตย์เลยนะ! หนึ่งอาทิตย์ที่ผมไม่สามารถไสหน้าหล่อๆ ของตัวเองไปหาพี่เรนได้นอกจากส่งไลน์ไปหาบ้างเป็นครั้งคราว นั่นก็เท่ากับว่า... หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมยังไม่เจอหน้าพี่เรนเลย โคตรเซ็ง โคตรเศร้า โคตรแซดเลยครับ
ไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นหน้าพี่เรนก็เหมือนจะหมดกำลังใจ ได้แต่ทำงานงกๆ อย่างกับเป็นเครื่องจักรซอมบี้จริงๆ ชีวิตจิตใจมันลอยละล่องไปหาพี่เรนแล้วครับ
แล้วแทนที่วันนี้ผมจะได้แวะไปหาพี่เรนบ้างก็ต้องรีบมาคณะแต่เช้าเพื่อเช็คสถานที่รวมไปถึงผลงานจัดแสดงของตัวเองว่าเรียบร้อยแล้วหรือยัง
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ใกล้ได้เวลาเปิดงานซึ่งคณะบดีจะมาเป็นคนเปิดงานนี้ด้วยตัวเอง จากตอนแรกที่คิดว่าคงเป็นนิทรรศการเล็กๆ ในชั้นปี คราวนี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้นแล้วละครับ กลายเป็นงานใหญ่ระดับคณะไปแล้ว และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถหาเวลาไปหาพี่เรนได้เลย ได้แต่ส่งข้อความไปหาแล้วก็บอกไปว่าผมมีจัดนิทรรศการแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรมาก
ผมยืนไปหาวไปตรงมุมด้านในสุดของห้องซึ่งงานของผมจัดอยู่บริเวณนี้กับเพื่อนในกลุ่ม ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ คนอื่นก็มีท่าทางไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ จะตื่นเต็มตาก็ตอนที่คณะบดีกับอาจารย์เดินมาดูงานนั่นแหละครับ
เป็นชั่วโมงกว่าที่คณะบดีจะเดินดูผลงานของนักศึกษาครบ ซึ่งแน่นอนว่าคอมเมนต์จากคณะบดีก็ถือเป็นคะแนนด้วยเช่นกัน พอพวกอาจารย์พากันเดินออกไปแล้วผมกับเพื่อนๆ ก็พากันทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ทั้งง่วงทั้งเมื่อยแล้วก็เหนื่อย หลังจากนี้ก็เปิดให้คนนอกเข้ามาดูผลงานได้ ภาพถ่ายพวกนี้จะจัดแสดงโชว์อยู่หนึ่งอาทิตย์ครับ
“มึง... กูว่าไปหาไรกินกันดีกว่า กูชักจะหิวๆ ละ แล้วค่อยมาเดินดูงานเพื่อนทีหลัง” ไอ้แม็คสะกิดผมแล้วก็เพื่อนคนอื่นๆ
ผมพยักหน้ารับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของมัน เพราะตั้งแต่เช้าพวกผมยังไม่มีใครได้กินอะไรเลยแล้วตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว
“เออ ไปหาไรกินกันเถอะ กูก็หิวว่ะ” ไอ้ไม้พูดก่อนจะลุกขึ้นยืนก่อนจะฉุดคนอื่นๆ ขึ้นยืนด้วย แล้วพวกผมก็เดินออกจากห้องจัดแสดงไปที่โรงอาหารของคณะครับ
ผมเดินไปจองโต๊ะก่อนจะสั่งให้ไอ้ไม้กับไอ้เกลียวซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้ด้วย ระหว่างรอก็หยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นพี่เรนส่งข้อความตอบกลับมาแล้ว
Rainramin : พวกตินาก็ชวนไปดูอยู่เหมือนกัน บ่ายๆ พี่คงไปดูนะผมยิ้มกับข้อความนั้น เมื่อเช้าผมไลน์ไปชวนพี่เรนมาดูนิทรรศการที่คณะ แล้วตอนนี้ผมก็ได้รับคำตอบแล้วครับว่าเดี๋ยวตอนบ่ายๆ พี่เรนจะมา ในที่สุดก็จะได้เจอพี่เรนสักที
พวกผมนั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปจนกระทั่งคนในโรงอาหารเริ่มเยอะพวกผมก็เลยพาร่างกายที่พร้อมจะชัตดาวน์ตัวเองเพราะความอิ่มผสมความง่วงออกจากโรงอาหารแล้วเดินกลับไปที่คณะ
พวกผมเดินดูงานของเพื่อนคนอื่นๆ ไปด้วย ผมว่าทุกคนสื่อความหมายของธรรมชาติได้ดีหมด เอาจริงๆ คำว่าธรรมชาติ มันก็ไม่ได้หมายถึงแต่ต้นไม้ ลำน้ำ ภูเขาหรืออะไรพวกนั้นหรอกครับ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะตีความหมายว่าธรรมชาติยังไง
ในห้องจัดนิทรรศการเริ่มมีนักศึกษาปีอื่นๆ รวมถึงคณะอื่นเข้ามาดูเรื่อยๆ ไม่อยากจะโม้หรืออะไรนะครับ แต่เวลาคณะผมมีงาน มีนิทรรศการที มักจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หรือเพราะคณะอื่นเขาไม่ค่อยมีจัดงานแบบนี้ก็ไม่รู้สิ
ผมเดินคุยเล่นกันเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ก่อนที่ขาของผมจะชะงักตอนที่กำลังจะเดินไปซึ่งโซนจัดแสดงของผมกับเพื่อนในกลุ่ม โซนของพวกเราอยู่มุมด้านในสุดจะเรียกว่าเป็นจุดที่ดีก็ดีเพราะมันจะเป็นจุดสุดท้ายที่คนจะเข้าไปถึง แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีเพราะบางคนอาจจะไม่เดินเข้ามาตรงนี้ก็ได้
แต่ที่ทำให้ผมชะงักนั้นไม่ใช่อะไร... นอกจากคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น แค่เห็นข้างหลังผมก็จำได้แม่นเลยครับว่าเขาคือใคร
พี่เรน... พี่เรนกำลังยืนดูรูปของผมอยู่พี่เรน“เรน~~”
ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์หันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าพวกตินากำลังเดินมาทางนี้ วันนี้ผมไม่มีเรียนครับแต่มีส่งงาน ใกล้จะสอบกลางภาคแล้วงานที่ต้องส่งก็เยอะขึ้นเป็นธรรมดา ช่วงนี้เริ่มไม่ค่อยได้นอนแล้วละครับ
“เป็นไง ได้นอนหรือเปล่า” ผมถามแต่ละคนที่เดินมานั่งที่โต๊ะกับผม
ทุกคนพากันส่ายหน้าไปหมด คงเร่งปั่นงานกันอีกตามเคย ผมอ้าปากเตรียมจะพูดแต่ใบหม่อนก็ยกมือขึ้นห้ามก่อน “พอเรน รู้ว่าจะบ่นเรื่องพวกเราไม่ยอมทำงานตั้งแต่แรกๆ”
ผมทำหน้างอใส่นิดก่อนจะพูด “ก็รู้อยู่แล้วนี่”
ผมจำไม่ได้ว่าผมพูดเรื่องนี้มากี่รอบแล้วแต่ผมก็เข้าใจนะครับ บางทีการทำงานถ้าความคิดมันไม่ให้ต่อให้นั่งจ้องนั่งทำทั้งวันงานมันก็ไม่เดิน อีกอย่าง... บางทีทำๆ ไปแล้วได้เยอะแล้วเกิดคิดคอนเซ็ปได้ใหม่ คิดจะแก้ตรงนู้นตรงนี้มันก็ต้องทำใหม่เลยทำให้งานเสร็จช้าขึ้น จริงๆ พวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ขยันหรอกครับ แต่จากที่ทำงานด้วยตลอดพวกตินาจะชอบปรับแก้ตรงนู้นตรงนี้เลยทำให้ต้องทำใหม่หลายรอบ
“วันนี้พวกนิเทศมีจัดนิทรรศการนี่ใช่ไหม ไปดูกันไหม” ตินาเปลี่ยนเรื่องทันที
“นิทรรศการอะไร” คนอื่นๆ ก็เริ่มสนใจทันที
คณะนิเทศฯ มีจัดงานจัดนิทรรศการบ่อยมากครับ พวกผมเองก็ชอบไปดูเหมือนกัน พวกเขาจัดงานได้สร้างสรรค์ดี คอนเซ็ปแต่ละครั้งก็อลังการมาก
“ภาพถ่ายของปีสอง” เป็นผมเองที่ตอบคำถามนั้น พอผมตอบทุกคนก็หันมามองผมทันทีเลย
“เรนรู้ได้ไง” สาถาม
“น้องกายบอก ไลน์มาบอกเมื่อเช้าว่าวันนี้ที่คณะปีสองมีจัดนิทรรศการภาพถ่ายหัวข้อธรรมชาติน่ะ” ผมตอบ ชูโทรศัพท์ให้ทุกคนดู
เพราะวันนี้ไม่มีเรียนผมเลยตื่นสายหน่อย พอตื่นมาก็เห็นข้อความนี้แล้วล่ะครับ จะว่าไปช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้เจอกับเขาเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างยุ่ง แต่ก็... ยังอุตส่าห์ส่งข้อความมาหาตลอด
แล้วคิดดูเถอะครับ ขนาดแค่ข้อความ... ยังทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนตอนที่ไปบางกระเจ้าได้เลย
คุยกันไปสักพักก็สรุปได้ว่าส่งงานเสร็จจะไปดูนิทรรศการกันผมก็เลยส่งข้อความตอบน้องกายไป พอส่งงานเรียบร้อยหาอะไรกินกันแล้วก็เลยเดินไปที่คณะนิเทศฯ กันครับ
คอนเซ็ปในการแสดงงานวันนี้เป็นหัวข้อธรรมชาติ น่าจะเป็นหัวข้อเดียวกับที่พวกน้องกายไปถ่ายรูปที่บางกระเจ้ากัน ภาพของแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่ทำไมบางคนถึงถ่ายพวกภาพบ้าน ภาพคนมากันนะ เป็นหัวข้อธรรมชาติไม่ใช่หรือยังไงกัน
“ว้าย!! ดูนี่สิ ดูนี่” ใบหม่อนร้องออกมาก่อนจะเรียกทุกคนไปดู
พวกสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลยครับ ผมเลยไปดูบ้าง...
“ภาพตรงนี้ต้องเป็นของกายแน่ๆ”
“ใช่ๆ ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้หรอก”
“แหม... จะว่าไปก็กล้านะเอารูปนี้ขึ้น”
นั่นสิ... กล้ามากๆ เลยที่เอารูปนี้ขึ้น...
“พี่เรน พวกพี่... สวัสดีครับ” ผมกับเพื่อนๆ หันไปตามเสียงเรียกทันที เจ้าของภาพมาแล้ว เดินมาพร้อมๆ กับเพื่อนในกลุ่มของเขา
“ภาพนี้ฝีมือนายใช่ไหม” ตินาถามชี้ไปที่ภาพที่แขวนอยู่บนผนัง
คนโดนถามก็พยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง “แน่นอนว่าของผมอยู่แล้ว ผมว่าภาพพวกนี้เข้ากับคอนเซ็ปของงานนี้มาที่สุดแล้วละครับ แต่อีกอย่างก็... ต้องบอกว่าได้นายแบบดีด้วย ไม่อย่างนั้นภาพคงออกมาไม่ดีขนาดนี้หรอกครับ เนอะพี่เรนเนอะ”
อ่า... ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ อีกแล้วครับ แก้มร้อนๆ หัวใจก็เต้นจังหวะแปลกๆ
ภาพที่กายแสดงเป็นภาพของผมเองครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาถ่ายไปตอนไหน แต่ดูแล้วน่าจะเป็นตอนที่ไปเที่ยวด้วยกันนั่นแหละครับ ว่าแต่ว่าทำไมกายถึงได้เลือกภาพพวกนี้กันนะ มันไม่เห็นจะเข้ากับคอนเซ็ปธรรมชาติตรงไหนเลย
“ว่าแต่ ทำไมถึงเลือกรูปของเรนน่ะ จะว่าไปพี่ก็เห็นหลายคนนะที่ไม่ได้ถ่ายรูปธรรมชาติน่ะ หัวข้อคือธรรมชาติไม่ใช่เหรอ” ใบหม่อนถามคำถามในสิ่งที่ผมสงสัยแล้วก็อยากจะรู้พอดี
“คอนเซ็ปของภาพคือธรรมชาตินั่นแหละครับ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคนมองและตีความมากกว่า อย่างที่พวกพี่เห็นที่เพื่อนๆ ผมหลายคนไม่ได้ถ่ายรูปต้นไม้ ใบหญ้าอะไรพวกนั้น ก็เพราะเขาตีความหมายไปอีกอย่าง” น้องกายอธิบาย และพวกผมเองก็ตั้งใจฟัง
“ธรรมชาติมันมีอยู่ทุกๆ ที่ไม่ใช่ว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง อย่างคนเดินไปเดินมาหรือทำกิจกรรมอะไรมันก็คือธรรมชาติครับ อย่างที่ผมใช้รูปพี่เรนเป็นเพราะว่าการกระทำของพี่เรนเป็นธรรมชาติ จะเรียกว่าเป็นภาพถ่ายทีเผลอก็ได้ ภาพพวกนี้จะแตกต่างจากการถ่ายภาพที่ให้นายแบบนางแบบโพสท่าตามที่เราต้องการ แบบนั้นดูก็รู้ว่าจัดท่าขึ้นมา”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของกาย จะว่าไปก็จริงนะครับ อย่างบางรูปของคนอื่นๆ เป็นภาพของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันแต่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ภาพที่จัดฉากขึ้นมา
อ่า... เรื่องพวกนี้นี่มันละเอียดจังเลยแหะ
พวกผมเดินไปดูรูปอื่นๆ ต่อจนกระทั่งครบ ทุกคนถ่ายรูปกันสวยมากจริงๆ ครับ เก่งมากเลย แล้วก็ต้องมีความอดทนมากด้วยเมื่อกี้ผมได้ยินรุ่นน้องคนหนึ่งอธิบายภาพให้... น่าจะอาจารย์แหละครับฟัง เห็นบอกว่าเขารอจะถ่ายรูปพวกนี้อยู่เป็นชั่วโมงๆ เลยกว่าจะถ่ายได้ สุดยอดไปเลยเนอะ
“พี่เรน พี่เรนครับ” ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกก่อนจะเห็นน้องกายเดินเข้ามาหาผม
“หือ... ว่ายังไงเหรอ”
“พี่เรนมีนัดไปไหนหรือเปล่าครับเย็นนี้”
ผมส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น พอเห็นผมส่ายหน้าน้องกายก็ยิ้มกว้างขึ้น “อย่างนั้น... รอผมอีกแปบหนึ่งได้ไหมครับ แล้วเราไปเดินตลาดหน้ามอซื้อของกินกลับไปกินที่ห้องกัน ดีไหมครับ”
“ได้นะ อย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปรอตรงโต๊ะข้างหน้าคณะนะ” ผมบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่โต๊ะเดิมที่ผมเคยมานั่งรอน้องเขา
กายพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้างทันทีก่อนจะวิ่งกลับไป ผมเลยตั้งใจว่าจะเดินไปนั่งรอน้องเขาเลย แต่ก็เจอพวกตินาที่ยืนอยู่หน้าห้องจัดนิทรรศการเสียก่อน อ้าว... นี่นึกว่ากลับกันไปแล้วนะ ผมหันไปมองรูปแปบเดียว หันกลับมาก็ไม่เห็นแล้ว
“นึกว่ากลับกันไปแล้ว”
ตินาท้าวเอว ส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ “ให้ตายสิเรน ห้องก็เล็กแค่นั้นยังจะหลงกับพวกฉันได้อีกนะ”
“เราไม่ได้หลงสักหน่อย เราก็เดินดูเรื่อยๆ พวกตินาแหละเดินเร็วเอง” ผมเถียงกลับ
เรื่องจริงนะครับ ผมไม่ได้หลงทางเสียหน่อย ถ้าผมหลงทางจริงๆ ละก็ผมจะเดินออกมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน ตินานี่มั่วจริงๆ เลย
“โอเคๆ เอาเถอะๆ อย่างนั้นเรากลับกันเลยดีกว่า” ใบ่หม่อนพูด
ผมส่ายหน้าไปมา “ทุกคนกลับก่อนเลย เดี๋ยวเรารอกายแล้วกลับพร้อมกัน”
“เดี๋ยวพวกฉันรอเป็นเพื่อนแล้วกัน” สาพูดแต่ผมก็ส่ายหน้าอีก ผมรอได้ ไม่เป็นอะไร ตกลงกันอยู่สักพักพวกนั้นถึงได้ยอมกลับกันไปก่อน ไม่รู้จะห่วงอะไรผมนัก ยังไงๆ ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ ไม่มีอะไรน่าห่วงน่าเป็นกังวลเลยสักนิดเดียว
“นี่เรน ถามอะไรหน่อยสิ” สาหันมาถามผมตอนที่เราเดินออกจากตึกไปหน้าคณะ
“ถามอะไรเหรอ”
“เรนชอบน้องกายเขาบ้างหรือยัง”ห๊ะ!!
เมื่อกี้สาถามอะไรผมนะครับ ผมชอบน้องกายเขาบ้างหรือยัง อือ... ถ้าไม่ชอบแล้วผมจะเป็นเพื่อนกับน้องเขาได้ยังไงละครับ สานี่ก็ถามอะไรแปลกๆ เนอะ “ก็ต้องชอบสิ ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง เพื่อนกันก็ต้องชอบกันสิ มีใครไม่ชอบเพื่อนตัวเองบ้าง”
สาถอนหายใจยาว “ไม่ได้หมายถึงชอบแบบเพื่อน”
อ้าว... อย่างนั้นเหรอ แล้วหมายถึงยังไงหล่ะ
“ชอบแบบ... ชอบแบบคนรัก ชอบแบบแฟน ชอบแบบตกหลุมรักน่ะ”
กึก!
ชอบแบบตกหลุมรักอย่างนั้นเหรอ... แบบที่กายเขา...
“ผมชอบพี่”
“ชอบทำให้ผมตกหลุมรัก”อีกแล้ว... แปลกๆ อีกแล้ว... ข้างในผมรู้สึกแปลกๆ อีกแล้วละครับ แก้มก็รู้สึกร้อนๆ คันๆ ไปหมดเลย มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
“ม...” และผมก็ตอบคำถามของสาไม่ได้ด้วย
“โอเค ไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยตอบวันหลังก็ได้” สาตัดบท ซึ่งผมก็รู้สึกว่าดีแล้วละครับเพราะผมยังไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนั้นได้เลย “ว่าแต่ว่า... ตกลงไม่ให้พวกฉันอยู่เป็นเพื่อนแน่นะ”
ผมพยักหน้าออกไป ทุกคนเลยพากันโบกมือลาผมแล้วเดินออกไป ส่วนผมก็นั่งรอน้องกายตรงนั้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ยอมหายไปสักที แถมในหัวก็มีแต่คำถามของสาอยู่เต็มไปหมดเลย
“ชอบแบบ... ชอบแบบคนรัก ชอบแบบแฟน ชอบแบบตกหลุมรักน่ะ”************************************************
งุ๊ย... พี่เรนรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว เมื่อไหร่จะรู้นะว่าไอ้ความรู้สึกๆ แบบนี้น่ะ เขาเรียกว่าอะไรกันแน่ >< ทำไมรู้สึกเขินก็ไม่รู้สิ น้องกายก็ช่างกล้า เอารูปพี่เรนขึ้นจัดแสดงเลยจ้าาาาา ชัดเจนมากค่ะชัดเจนมาก คาดว่าจบเรื่องนี้ น้องกายคงเปิดจัดแสดงภาพถ่ายคอลเลคชั่นพี่เรนได้หลายรอบเลยล่ะจ้า ฮี่ๆๆๆ
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ
อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ