• Lucky Love เปลี่ยนลุค เลยได้รัก • END l หนังสือ #พี่กายหลงฝน l P.12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • Lucky Love เปลี่ยนลุค เลยได้รัก • END l หนังสือ #พี่กายหลงฝน l P.12  (อ่าน 190690 ครั้ง)

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

เราว่าเราต้องน่าเกลียดมากแน่เลย น่าเกลียดกว่าตอนที่เราตัดผมอีกใช่ไหม
ramin
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 9 •




พี่เรน
   



วันนี้ผมรู้สึกแปลกๆ … ไม่สิ ผมรู้สึกแปลกๆ มาหลายวันแล้วแต่วันนี้มันแค่แปลกกว่าทุกวัน ทุกครั้งที่ผมมามหา’ลัย หรือเดินไปไหนมาไหนเหมือนจะมีสายตาหลายคู่มองมาที่ผม ไม่ใช่แอบมองนะครับ แต่มองแบบให้ผมรู้ตัวเลย มันเริ่มตั้งแต่วันที่แรกที่ผมมาเรียนด้วยทรงผมใหม่ และแว่นตาอันใหม่ อ่า… โดนพวกตินาบ่นนิดหน่อยด้วยที่ผมไม่ยอมใส่คอนแทคเลนส์  ก็ผมไม่ชินนี่…



ส่วนวันนี้ที่รู้สึกแปลกกว่าทุกวันเพราะว่าผมใส่คอนแทคเลนส์มาแทน ผมไม่มั่นใจเลยครับมันต้องน่าเกลียดแล้วก็ดูไม่ได้แน่ๆ ทุกคนถึงได้จ้องผมกันขนาดนี้



งือ...



รู้อย่างนี้ไม่ทำตามที่ตินาบอกก็ดีหรอก



ผมได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาตรงไปที่คณะ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองใครเลยสักคนเดียว



ปึก!



ผมเซไปเล็กน้อยเมื่อเดินชนอะไรบางอย่างตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นเพื่อนในคณะของผมเองยืนอยู่ตรงหน้า



“ขอโทษ... เราไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูด ปากเริ่มเบะ ยิ่งพอเห็นเพื่อนของผมมองผมแบบแปลกๆ ก็อยากจะร้องไห้ให้ได้เลย ผมน่าเกลียดมากจนเพื่อนในคณะเองยังมองผมแปลกๆ เลยใช่ไหม



“เฮ้ย! น้ำตาคลอทำไม” เพื่อนของผมร้องเสียงดังอย่างลนลานเมื่อเห็นผมน้ำตาคลอเตรียมจะร้องไห้ออกมาแล้ว คราวนี้คนอื่นๆ เลยยิ่งหันมามองกันใหญ่เลยครับ



“เราแปลกมากเลยใช่ไหมอะ วันนี้มีแต่คนมองเราแปลกๆ ดินก็มองเราแปลกๆ ด้วย” ผมว่า ปากเบะเรื่อยๆ รู้สึกเลยว่าน้ำตามันคลออยู่ที่ดวงตาจริงๆ แล้วถ้าเพื่อนพยักหน้าผมว่าน้ำตามันต้องไหลออกมาแน่นอนเลยครับ



ถึงผมไม่ค่อยสนิทกับใครเท่าไหร่นอกจากพวกตินา แต่ผมก็ไม่อยากโดนเกลียด หรือโดนรังแกเหมือนตอนอยู่มัธยม หรือตอนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ๆ นะ ใช้เวลาตั้งเกือบปีได้เพื่อนๆ ในชั้นปีเดียวกันถึงเลิกถอยห่างจากผม



“เราว่าเราต้องน่าเกลียดมากแน่เลย น่าเกลียดกว่าตอนที่เราตัดผมอีกใช่ไหม เราว่ามันไม่เข้ากับเราเลย แถมพอไม่ใส่แว่นเราก็ไม่ชิน”



“เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องร้องนะ ไม่ใช่ว่าน่าเกลียดอะไร ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ ไม่ต้องคิดมาก” ดินพูดเสียงรัว มือเหมือนจะยกขึ้นมาใช้มันปลอบผม แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้น



“ดินแกล้งอะไรสมบัติของกลุ่มฉันยะ” ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นใบหม่อนเดินตรงเข้ามาหา พอเห็นเพื่อนในกลุ่มผมก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาทันที



“ใบหม่อน...”



ใบหม่อนหันมามองผมก่อนจะขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปหาดิน “ทำเรนร้องไห้เหรอ”



พอได้ยินใบหม่อนพูดแบบนั้นดินก็สะดุ้งยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที “เฮ้ย!!! เปล่า ไม่ได้ทำ จริงๆ นะเฮ้ย”



“อือ... ดินไม่ได้แกล้งอะไรเราหรอก ใบหม่อน... เรากลับไปทำผมแบบเดิม ใส่แว่นเหมือนเดิมได้ไหมอะ เราไม่มั่นใจเลย เราว่าเราต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ เลยอะ มีแต่คนมองเราแปลกๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาในมหา’ลัยแล้ว ขนาดดินยังมองเราแบบแปลกๆ เลยอะ” ผมหันไปเบะปากใส่ใบหม่อน



ผมว่ามันแปลกจริงๆ นะ ไม่อย่างนั้นคนจะมองผมกันทำไม ปกติแทบไม่มีคนสนใจผมเลยด้วยซ้ำไป



ใบหม่อนเลิกคิ้วขึ้นนิดตอนได้ยินผมพูดแล้วจึงหันไปมองรอบๆ ซึ่งก็ยังมีคนมองมาที่ผมอยู่ แล้วใบหม่อนก็หันไปมองหน้าดิน



“เรนไม่ได้น่าเกลียด แล้วก็ไม่ได้แปลกหรอกนะ” ดินพูดกับผมอีกรอบพร้อมทำหน้าจริงจังเมื่อผมมีท่าทีที่ยังไม่เชื่อ มันไม่น่าเชื่อเลยนี่นา...



ผมมองใบหม่อนอย่างขอความคิดเห็นแล้วจึงหันไปมองดินอีกรอบ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ แล้วร้องถามออกไป “อย่างนั้นเหรอ...”



“อ... อือ ยังไงเดี๋ยวเจอกันที่ห้องนะ ต้องรีบไปเอางานก่อน ดันลืมงานเอาไว้ที่ห้องซะได้” ดินพูด ยกมือให้ผมกับใบหม่อนแล้วเดินออกไป



“ทำไมดินหน้าแดงๆ หล่ะ” ผมหันไปถามใบหม่อน “หรือจะไม่สบายนะ แดดแรงออกขนาดนี้นี่นะ”



ใบหม่อนกรอกตานิดแล้วถอนหายใจออกมาแต่ก็ไม่ได้ขยายความอะไรให้ผมเข้าใจ นอกจากเดินนำผมเข้าไปในอาคารเรียน ผมก็เลยได้แต่เดินตามใบหม่อนไป ซึ่งตลอดทางก็ยังคงมีคนมองผมอยู่โดยเฉพาะรุ่นน้องปีหนึ่งปีสอง โดยเฉพาะน้องปีหนึ่งคือมองผมอย่างจริงจังมาก แต่ใบหม่อนก็หันมาบอกว่าเขาไม่ได้มองเพราะว่าผมน่าเกลียดอะไร ผมก็เลยพอโล่งใจไปบ้าง



ถ้าใบหม่อนบอกว่าไม่น่าเกลียดก็คงไม่น่าเกลียดจริงๆ นั่นแหละครับ เพราะใบหม่อนไม่ใช่คนชอบพูดโกหกอะไร



“จริงอย่างที่สาว่า ทำหนุ่มๆ หน้าแดงไปแล้วหล่ะ แต่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าไปหว่านเสน่ห์ใส่เขา” ใบหม่อนหันไปพูดกับเพื่อนๆ ในกลุ่มหลังจากที่ผมกับใบหม่อนนั่งลงแล้วเรียบร้อย



“คนเขาซื่อหน่ะนะทำอะไรไปก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่หลังจากนี้คงได้เหนื่อยกันหน่อยหล่ะนะ” คราวนี้เป็นตินาพูดบ้าง



“แต่เด็กนั้นก็ใช่เล่นนะ ประกาศตัวซะขนาดนั้นถ้าใครไม่มั่นใจว่าจะชนะแน่ก็แพ้ไปจ้า” สาพูด



“เอาเถอะ ยังไงก็อยู่ที่คนฝั่งนี้มากกว่า ว่าจะรู้ตัวเมื่อไหร่ แต่ดูท่าแล้ว... คงอีกนาน”



ผมได้แต่มองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่เข้าใจว่าพวกสาวๆ คุยอะไรกัน ดูท่าจะสนุกนะครับแต่ผมฟังแล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่คงไม่ใช่เรื่องของผมหรอก ปล่อยให้สาวๆ เขาคุยไปครับส่วนผมก็นั่งดูคลิปน้องหมีไป



เมื่อวานผมถ่ายคลิปน้องหมีด้วยครับ น่ารักมากๆ เลย ผมเอาไม้ล่อแมวมาเล่นกับน้องหมี น้องหมีเป็นแมวตัวเล็กๆ ตอนที่กระโดดสองขาเพื่อจะจับขนนกที่ติดอยู่ตรงปลายน่ารักมากเลยจนผมอดใจไม่ไหวต้องเอาโทรศัพท์มาอัดคลิปเอาไว้



จะว่าไป... อัพคลิปลงเฟสบุ๊คเอาไว้ดีกว่าเผื่อผมเผลอลบคลิปในโทรศัพท์ไป เดี๋ยวจะไม่มีให้ดู



ผมไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลอะไรเท่าไหร่มีแค่เฟสบุ๊คนั่นแหละครับ แต่ก็ไม่ได้ลงอะไรมากส่วนใหญ่จะเป็นรูปงานของผมแล้วก็รูป คลิปของน้องหมีเป็นส่วนใหญ่ รูปของผมไม่ค่อยมี จะมีก็แต่ที่ถ่ายกับพวกตินาและสาวๆ แท็กมาหาผมก็แค่นั้นแหละครับ



หลังจากอัพคลิปเรียบร้อยผมก็นั่งฟังสาวๆ คุยกันต่อจนกระทั่งอาจารย์เดินเข้ามาในห้องจึงได้หันกลับไปนั่งเรียนกันต่อ วันนี้มีส่งแบบด้วย แล้วตอนท้ายคาบก็ได้งานมาใหม่ อ่า... อีกงานผมยังทำไม่เสร็จเลยนี่นา เหลือลงสีอีกนิดหน่อย สงสัยจะต้องรีบทำงานนั้นให้เสร็จแล้วจะได้มาทำงานนี้ต่อ คราวนี้ไม่ใช่วาดรูปเหมือนทุกทีครับ แต่เป็นตัดโมเดล ก็เอาแบบที่อาจารย์สั่งให้ออกแบบก่อนหน้านี้มาตัดเป็นโมเดลจำลองห้องภายในที่ออกแบบนั้นแหละครับ



ผมชอบตัดโมเดลพอๆ กับไม่ชอบ ตัดโมเดลมันต้องใช้สมาธิสูงแล้วก็งานละเอียด ผมว่าสนุกดีนะครับ แต่มันไม่สนุกเพราะต้องใช้เวลานี่แหละ บางทีตัดโมเดลกันจนลืมวันลืมคืนเลย



“เลิกเรียนแล้วไปซื้อของตัดโมเดลกันไหม” ผมหันไปถามสาวๆ



นึกแปลกใจอยู่นะว่าทำไมเพื่อนในกลุ่มสนิทของผมมีแต่ผู้หญิง... แต่ช่างเถอะครับ ไม่สำคัญสักหน่อย เนอะ



“เรนรีบไปไหมมมม ฉันยังเคลียร์งานเก่าไม่เสร็จเลย ถ้าซื้อของตัดโมไปกองไว้ที่ห้องต้องหลอนตายแน่ๆ เลยอะ” แป้งร้องก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ



“เราบอกแล้วว่าให้รีบทำ ให้รีบทำ เป็นยังไงหล่ะ” ผมทำหน้าดุใส่ ทุกครั้งเวลามีงานผมมักจะบอกทุกคนให้เริ่มทำตั้งแต่วันแรกๆ ที่อาจารย์สั่งจะได้ไม่มีงานสะสมค้างเอาไว้เพราะอาจารย์จะสั่งงานเรื่อยๆ บางงานอาจารย์ให้ระยะเวลาทำนาน แต่ระหว่างก่อนจะส่งงานชิ้นนั้นก็มีชิ้นอื่นเข้ามาแทรกอีก ทำไม่ทันกันก็เยอะ สุดท้ายก็ต้องมาเร่งเผางานเอาสองวันสุดท้ายก่อนส่ง งานมันก็ออกมาไม่ดีน่ะสิ



“ตอนนี้แป้งเลยต้องทำงานสามงานพร้อมกันเลยเห็นไหม ถ้าแป้งทำออกแบบตั้งแต่แรกก็เสร็จไปแล้ว งานสเก็ตแค่นิดเดียว ทำสองวันก็เสร็จแล้วก็จะได้มีเวลาทำโมเดลต่อ แต่นี้ออกแบบแป้งก็ยังไม่เสร็จ สเก็ตก็ยังไม่ได้ทำใช่ไหมหล่ะ ไม่ยอมทำตามที่เราเตือน”



“หยุดๆ สต็อปๆ โอเค ฉันผิดเองที่มัวแต่เล่น ไม่เทศน์กันสักครั้งเถอะเรน” แป้งหันมาโอดครวญกับผม



“ถ้าแป้งทำแบบที่เราบอกทุกครั้ง เราก็ไม่พูดทุกครั้งหรอก”



แป้งได้แต่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะบอกว่ากลับบ้านไปวันนี้จะรีบไปทำงานออกแบบให้เสร็จเร็วๆ จะได้มีเวลาตัดโมเดล ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังไม่มีใครทำงานออกแบบเสร็จเลยสักคน พอหมดคาบสาวๆ เลยรีบกลับไปปั่นงานกันต่อเพราะไม่อย่างนั้นคงลำบากแน่นอน ถ้าแบบไม่เสร็จก็ตัดโมเดลไม่ได้ ยิ่งช้าเวลาตัดโมเดลก็ยิ่งน้อย



ผมเลยเดินไปร้านขายอุปกรณ์ตัดโมเดลที่หน้ามหา’ลัยคนเดียว ยังไม่ชินกับการถูกจ้องเท่าไหร่เลยครับ



“พี่เรนคะ!” ผมหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ได้แต่เอียงคออย่างงงๆ เพราะผมคิดว่าผมไม่รู้จักน้องคนตรงหน้านะ ไม่ใช่รุ่นน้องในคณะผมแน่นอน แล้วไม่ใช่แค่คนเดียวนะครับ มีด้วยกันสี่คน



แล้วพอผมหันไปหาทั้งสี่คนก็เข้ามาล้อมผมเอาไว้ทันที



“ครับ?...”



“พี่เรนเป็นแฟนกับพี่กายเหรอคะ เป็นแฟนกันจริงๆ เหรอคะ” น้องคนแรกพูด



“นั่นสิคะ พี่เรนคบกับพี่กายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ” น้องคนที่สอง



“แล้วพี่เรนตัดผมเปลี่ยนลุคเพราะเป็นแฟนกับพี่กายหรือเปล่าคะ” น้องคนที่สามครับ



“สรุปว่าคบกันจริงๆ ใช่ไหมคะ” คราวนี้เป็นน้องคนที่สี่



ผมได้แต่หันซ้ายทีขวาทีอย่างงงๆ และไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องทั้งสี่คนพูดเลยสักนิด พี่กายไหน อะไรยังไง แล้วผมไปคบกันใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน



“เอ่อ...”



“สรุปว่าคบกันใช่ไหมคะ พี่กายถึงขนาดใช้รูปพี่เรนพรีเซนต์งานเลยนะคะ” ทำไมน้องๆ เขาแทบจะประสานเสียงพูดกันเป็นเสียงเดียวกันได้ขนาดนี้นะ



แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหมายถึงอะไร แล้วผมจะออกจากตรงนี้ได้ยังไงกัน รู้แบบนี้น่าจะขึ้นรถตินาไปลงที่หน้ามหา’ลัย งือ... ผมจะทำยังไงดีครับ



“อ่า... คือ...”



ใครก็ได้... ช่วยผมทีสิ





************************************************
พี่เรนน่าเอ็นดูเนอะ น้ำตาคลอด้วย งื้ออออ ถ้าน้องกายเห็นละก็... สติหลุดแน่นอนเลย แล้วไงหล่ะไปหว่านเสน่ห์แบบไม่รู้ตัวเข้าให้แล้ว น่ารักขนาดนี้ใครเห็นก็ต้องมองเป็นธรรมดา แต่พี่เธอยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่ารักเป็นที่ต้องตาต้องใจหนุ่มๆ หลายคน คราวนี้น้องกายเหนื่อยไป คิดจะรักจะชอบคนอย่างพี่เรนก็เหนื่อยหน่อยนะกายนะ!

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ


ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
พี่เรนคนซื่อ น่ารักจริงจริ๊ง :hao7:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
งืออ น่ารักก

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

เราว่าเราต้องน่าเกลียดมากแน่เลย น่าเกลียดกว่าตอนที่เราตัดผมอีกใช่ไหม
ramin
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 9.2 •




• • • ต่อค่ะ 100% • • •





น้องกาย





ไม่ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้เท่าไหร่ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่มีรูปพี่เรนบนจอพรีเซนต์ที่ผมกำลังยืนพรีเซนต์อยู่หน้าห้องกระจายอยู่บนเฟสบุ๊ค หลายๆ คนก็พูดถึงเรื่องนี้ทั้งแสดงความคิดเห็นว่าผมกับพี่เรนคบกันบ้าง ผมกำลังจีบพี่เรนบ้าง ผมกับพี่เรนไม่ได้เป็นอะไรกันแค่ขอให้มาเป็นนายแบบให้บ้าง แล้วแต่จะคิดเหตุผลกันได้นั่นแหละครับ แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอก



ผมสนใจเรื่องรูปของพี่เรนมากกว่า...



รูปของพี่เรนน่าจะเป็นรูปที่แอบถ่ายของเช้าวันนี้ พี่เรนพอตัดผมใหม่แล้วก็ไม่ใส่แว่นหนาๆ แล้วโคตรจะน่ารักเลยครับ ผู้ชายหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ชมกันใหญ่ บางคนถึงขั้นประกาศจีบเลยก็มี ซึ่งผมยอมไม่ได้ ผมไม่มีทางยอมให้ใครมาจีบพี่เรนแน่นอน และไม่ยอมให้พี่เรนไปชอบใครนอกจากผมด้วย



เพราะฉะนั้นผมจะต้องรีบเร่งเดินหน้าในการจีบพี่เรนอย่างเต็มกำลังแล้วละครับ ก่อนที่จะมีใครจะตัดหน้าผมไป ผมไม่ยอมแน่นอน



ดังนั้นหลังจากเลิกเรียนในช่วงเช้าผมก็รีบลุกแล้วพุ่งออกจากห้องเรียนทันทีเพื่อตรงไปที่คณะของพี่เรน หลังจากตามชอบมานาน ผมเลยรู้ตารางเรียนของพี่เรนครับ เปล่าหรอก... จริงๆ แล้วไปขอพวกพี่ตินามา



วันนี้พี่เขามีเรียนแค่คาบเช้าคาบเดียวเท่านั้นไม่รู้ว่าอาจารย์จะปล่อยหรือยังแต่ยังไงก็ต้องรีบไปก่อน



“พี่เรนคะ!”



ยังไม่ทันจะถึงตึกคณะของพี่เรนผมก็ได้ยินคนเรียกชื่อพี่เรน ไม่แน่ใจหรอกว่าใช่พี่เรนของผมหรือเปล่า แต่ชื่อมันสะดุดหูแบบนี้ก็เลยต้องหันไปดูสักหน่อย แล้วนั่นไง!   พี่เรนของผมจริงๆ ด้วย กำลังโดนผู้หญิงสี่คนรุมล้อมอยู่เลยครับ



“พี่เรนเป็นแฟนกับพี่กายเหรอคะ เป็นแฟนกันจริงๆ เหรอคะ”



“นั่นสิคะ พี่เรนคบกับพี่กายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”



“แล้วพี่เรนตัดผมเปลี่ยนลุคเพราะเป็นแฟนกับพี่กายหรือเปล่าคะ”



“สรุปว่าคบกันจริงๆ ใช่ไหมคะ”




พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นผลัดกันถามพี่เรนแบบไม่หยุดพัก เห็นสีหน้าพี่เรนที่เลิกลั่กอย่างไม่รู้จะทำยังไงแล้วก็นึกหงุดหงิดปนๆ กับชอบใจ



ชอบใจที่เห็นสีหน้าแบบนั้นของพี่เรนเพราะปกติผมจะไม่ค่อยได้เห็น



หงุดหงิดที่พวกผู้หญิงเอาแต่รุมถามพี่เรนแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น



แล้วนั่น... พี่เรนของผมทำท่าจะร้องไห้แล้วไหมหล่ะ! พอเห็นท่าไม่ดีขาผมก็ก้าวตรงไปที่พี่เรนทันที ดันตัวพี่เรนให้หลบอยู่หลังผม



“ว้าย!   พี่กาย”



เรียกผมว่าพี่... ก็แสดงว่าเป็นน้องปีหนึ่งสินะ “มีอะไรกันครับ”



“น้องกาย...” พี่เรนเรียกผมเสียงสั่นจนผมต้องหันไปมอง ซึ่งผมคิดว่าผมคิดผิดที่หันไปหาเพราะหัวใจของผมกำลังจะหยุดเต้นครับ ริมฝีปากสีสดของพี่เรนที่เม้มเข้าหากัน นัยน์ตาสั่นๆ และมีน้ำตาคลอทำเอาผมใจสั่นมาก



ผมพยักหน้าพี่ให้เขาไปแล้วรีบหันกลับมาหาน้องผู้หญิงทั้งสี่คนแทน “ว่ายังไงครับ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”



“ป เปล่าค่ะ... พอดีพวกเรามีเรื่องอยากถามพี่เรนแค่นั้นเอง” น้องผู้หญิงคนที่หนึ่งว่า ซึ่งคนอื่นก็พยักหน้ารับเป็นลูกคู่กันเลยทีเดียว



“อยากจะถามอะไรครับ”



“เรื่องของพี่กาย... กับพี่เรนค่ะ” น้องผู้หญิงคนที่สองพูดเสียงค่อย อย่างกลัวว่าผมจะโกรธ ดูแล้วคงจะเป็นแฟนคลับผมด้วยสินะเนี่ย



“เรื่องของพี่กับพี่เรน ยังไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ แล้วก็อย่าพุ่งเข้ามาหาพี่เรนแบบนี้อีกพี่เขาตกใจหมดแล้ว ถ้าอยากรู้อะไรก็เอาไว้ไปถามพี่ครับ อย่ามารบกวนพี่เรน” ผมพูดดุออกไปนิด ส่วนน้องๆ จะเอาไปพูดไปแชร์ต่อหรืออะไรยังไงก็ช่างครับ แต่ผมไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับพี่เรนมากเกินไป



เมื่อพูดจบผมก็หันไปคว้าข้อมือพี่เรนมาจับแล้วพาเดินออกจากตรงนั้นทันที หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป หลายคนมองมาที่ผมกับพี่เรนและซุบซิบกัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ ก่อนอื่นต้องพาพี่เรนออกมาก่อน คงตกใจน่าดูเลย



ตลอดทางพี่เรนไม่ได้พูดอะไร ผมก็ถือวิสาสะพาพี่เรนกลับมาที่ห้องของตัวเองส่งข้อความไปบอกไอ้พวกนั้นแล้วว่าตอนบ่ายผมโดด ฝากมันเช็คชื่อแล้วก็เก็บชีทเอาไว้ให้ผมด้วย



“พี่เรน” ผมเรียกคนตรงหน้าหลังจากดันให้พี่เรนนั่งลงบนเตียงของผม “น้องๆ พวกนั้นทำอะไรพี่เรนหรือเปล่าครับ”



พี่เรนกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วส่ายหน้าไปมา “ป เปล่าหรอก... พวกเขาแค่เข้ามาถาม แต่พี่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แล้วก็ตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ ก็เข้ามาล้อมกันทุกทางเลย”



“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ ไม่ได้มีอะไรหรอก” ผมตอบ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้าพี่เรน ก่อนจะหันไปหยิบรูปที่ผมเอาไปใช้พรีเซนต์มา “คือพี่เรน... ผมมีเรื่องอยากจะขอโทษพี่”



“ขอโทษ... ขอโทษพี่เรื่องอะไรเหรอ” คนตรงหน้าผมทำหน้างง ขนาดหน้างงยังโคตรน่ารักเลยละครับ



ผมส่งรูปนั้นให้พี่เรนไป ซึ่งอีกคนก็รับไปดูก่อนจะเงยหน้ามองผม หน้าตาไม่ต่างจากเมื่อกี้เท่าไหร่ “รูป... ทำไมเหรอ แต่กายถ่ายรูปสวยนะ เก่งจังเลย”



“ห๊ะ... เอ่อ...” ผมเลยไปไม่ถูกเลยทีเดียวครับ “คือ... ผมแอบถ่ายรูปพี่เรนแล้วเอาไปใช้พรีเซนต์งานเมื่อวันก่อน ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อน”



“นี่รูปพี่เหรอ”



โอ๊ยยยย กูอยากจะเอาหัวเขกขอบเตียงให้รู้แล้วรู้รอดไป



“อย่างกับไม่ใช่พี่แหน่ะ กายถ่ายรูปเก่งนะดูดีกว่าตัวจริงตั้งเยอะ” นั่น... ยังจะมาหัวเราะคิกคักอีก คือช่วยคิดสักนิดได้ไหมว่าผมขโมยรูปพี่ไปใช้ส่วนตัวแบบไม่ได้ขออนุญาตนะเฮ้ย แล้วเพราะไอ้รูปนี้นี่แหละที่ทำให้พี่โดนเด็กปีหนึ่งสี่คนนั้นมาล้อมน่ะ!



“เอ้อ…” เกิดอาการอึ้งรับประทานครับ ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างไม่รู้จะพูดยังไงดี พูดไม่ออกเลยละครับ “คือ… เอาเป็นว่าผมขอโทษที่เอารูปแอบถ่ายพี่เรนไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน อย่างที่ผมบอกพี่ไปไงว่าผมอยากให้พี่มาเป็นนายแบบให้กับผม เพราะพี่เหมาะกับคอนเซ็ปของผมมากเลยนะ”



คนน่ารักเอียงคอมองผม ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “อย่างพี่เนี่ยนะ”



“ก็ใช่ไงครับ”



พอผมพูดแบบนั้นพี่เรนก็ส่ายหน้าขวับๆ ทันที เอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่เลย พี่หน้าตาประหลาดจะตายไปไม่อย่างนั้นวันนี้คนคงไม่มองพี่กันเต็มหรอก”



ผมนี่อ้าปากค้าง ตาค้างเลยทีเดียว อยากจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นแล้วร้องโวยวาย นี่พี่ซื่อหรือพี่ซื่อ โอ๊ยยย พี่เรนนนน ถ้ามีใครหลอกไปขายจะทำยังไงคร้าบบบ ไอ้กายคนนี้หล่ะเป็นห่วงจริงๆ



“พี่เรนไม่ได้หน้าตาประหลาดสักหน่อย อย่างนี้น่ะ…” ทำใจกล้าหน้าด้านยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเบาๆ “เขาเรียกว่าน่ารัก…”



ไอ้เหี้ย!!!



แก้มพี่เรนโคตรนิ่มอะ มันนิ่มมาก นิ่มมากๆ นิ่มแบบนิ่มจริงๆ นิ่มจนอยากจะเอาจมูกกดลงไปแทนนิ้วเลยละครับ



พี่เรนหน้าแดง ยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเอง น่ารักไปไหม “พี่เนี่ยนะน่ารัก”



ผมพยักหน้ายืนยันทันที “ใช่ครับ น่ารัก ไม่เชื่อรอดูนะ”



หันไปหยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจมา เปิดฝากล้อง เปิดกล้องแล้วเล็งไปที่คนที่นั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง ผมกดถ่ายรูปพี่เรนติดๆ กันไปสี่ห้ารูป ก่อนจะเนียนไปนั่งข้างๆ พี่เขาแล้วก็ยื่นกล้องให้พี่เขาดูรูปที่ผมถ่าย “นี่ไง น่ารักจะตายไป”



บนจอเล็กๆ บนกล้องปรากฏภาพพี่เรนที่นั่งเอามือปิดแก้มแดงๆ ดวงตากลมโตจ้องตรงมาจนผมรู้สึกว่าถ้าหากใครได้มองดวงตาคู่นี้นานๆ โอกาสกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ได้หลงรักดวงตาคู่นี้แน่นอนเลยครับ



เป็นตากวาง… ที่มีเสน่ห์ดึงดูดมากเลยทีเดียว
   


“กายถ่ายรูปเก่ง…”



ผมหัวเราะกับคำพูดนั้น โอเคไม่ยอมรับว่าตัวเองน่ารักก็ไม่เป็นไร ผมรู้ของผมเองก็พอว่าพี่เรนน่ารัก



“พี่เรนยังวาดรูปเก่งเลย” ผมตอบยิ้มๆ หัวสมองอันชาญฉลาด(ในบางเรื่อง)เริ่มประมวลผล และเมื่อผมคิดอะไรดีๆ ออกก็ได้แต่ยิ้มกว้าง “เอาอย่างนี้ไหมพี่เรน…”



“หือ อะไรเหรอ”



“ผมกับพี่เรนเรามาแลกเปลี่ยนความถนัดกันดีกว่า” ผมได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าทำท่าสนใจกับสิ่งที่ผมพูดมากแค่ไหน “ผมถนัดถ่ายรูป ส่วนพี่เรนก็ถนัดวาดภาพใช่ไหม”



คนตรงหน้าผมพยักหน้ารับ “อย่างนั้นเรามาสลับกัน ผมจะถ่ายรูปพี่เรนแล้วพี่เรนก็วาดรูปผม เราทำในสิ่งที่ต่างคนต่างถนัดแล้วก็เอามาแลกกัน… ดีไหม?”



ถ้าเป็นคนอื่น… ผมพนันเลยว่าถ้าไม่ปฏิเสธก็ด่ากลับ เพราะมันเรื่องอะไรที่เราจะมาทำอะไรแบบนี้กันละครับ ใช่ไหม เรื่องอะไรที่เราจะไปถ่ายรูปคนอื่น หรือวาดรูปคนอื่นทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาก ไม่ได้มีเรื่องจำเป็นอะไรด้วย



แต่ผมพนันหมดตัว… พี่เรนจะตอบตกลงผม



“น่าสนุกนะ พี่ไม่ค่อยได้วาดรูปคนมานานแล้ว อย่างนั้นเอาอย่างที่กายว่า!” เห็นไหมละครับ “แต่ว่า… พี่วาดรูปช้านะ อีกอย่างช่วงนี้มีตัดโมเดลด้วยวาดวันเดียวไม่เสร็จหรอก”



นั่นแหละที่ผมต้องการ… “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ หอเราอยู่ตรงข้ามกันแค่นี้เอง เอาไว้ผมไปหาพี่เรนที่ห้อง ถ้าพี่เรนว่างก็ค่อยวาดรูปผมก็แล้วกัน ดีไหมครับ”



“นั่นสิเนอะ อย่างนั้นเอาตามนี้แล้วกัน” พี่เรนพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง



แน่นอนว่ารอยยิ้มนั้นทำเอาผมใจสั่นไปหมด ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนผมคงเข่าอ่อน แต่ตอนนี้คิดจะเดินหน้าจีบเขาอย่างจริงจังแล้วเพราะฉะนั้นแค่รอยยิ้มหวานๆ น่ารักๆ ของพี่เรน ผมจะเข่าอ่อนไม่ได้ ต้องยิ้มสู้กลับไป คล้ายๆ กับพวกสั่นสู้นั่นแหละครับ



แม้(ใจ)จะสั่น แต่ก็ต้อง(ยิ้ม)สู้ครับ



“เฮ้ย!”



ผมสะดุ้งเมื่อพี่เรนร้องออกมาเสียงดัง คือเป็นครั้งแรกที่เห็นพี่เรนร้องแบบนี้ “มีอะไรครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”



แทบจะพลิกห้อง พลิกตัวพี่เรนดูเลยว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้พี่เขาร้องออกมาแบบนี้



“พี่ลืมไปซื้อของตัดโมเดลหน้ามอ!”



“ของตัดโมเดล”



พี่เรนพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ๆ ของตัดโมเดล พี่ตั้งใจจะไปซื้อหลังเลิกเรียน แต่เจอน้องผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วก็เลยลืมนี่แหละ”



ผมร้องอ๋อในใจพร้อมพยักหน้ารับรู้ไปด้วย “อย่างนั้นไปซื้อของกัน ไปหาอะไรกินด้วยผมหิวแล้วหล่ะ พี่เรนหิวไหม”



“พี่พาหมีไปด้วยได้ไหม อาทิตย์นี้ยังไม่ได้พาออกไปข้างนอกเลย” พี่เรนถามผม คือจริงๆ ไม่ต้องถามผมก็ได้นะ แมวของพี่เขาเองแต่คงเกรงใจก็เลยถาม



“ไปสิครับ เดี๋ยวผมช่วยดูเอง” ผมยิ้มกว้างกลับไป ซึ่งก็ได้รอยยิ้มกว้างๆ น่ารักๆ ของพี่เรนกลับมาเช่นกัน



พอตกลงกันได้เรียบร้อย ผมก็ขอเวลาเปลี่ยนชุดเพราะไม่อยากใส่ชุดนักศึกษาเท่าไหร่กางเกงขามันยาว ร้อนครับ พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ไปหอพี่เรนกันต่อ



ไม่อยากจะอะไรนะคะแต่ความรู้สึกเหมือนได้มาออกเดทกับพี่เรนอีกรอบเลยละครับ เราสองคนเดินข้างๆ กัน ผมอาสาเป็นคนอุ้มหมีเอาไว้เอง ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากครับที่ผมอาสาแบบนี้ เพราะพี่เรนเป็นบุคคลที่สนใจแมวมาก มักจะหันมาเล่นกับหมีบ่อยๆ จนผมได้แอบแต๊ะอั๋งพี่เขาบ่อยๆ ฟินไปครับ ฟินไป



มีหลายคนมองมาที่ผมกับพี่เรนแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร สิ่งที่ผมสนใจคือพี่เรนแค่นั้นแหละครับ



“พี่เรนเข้าไปเลือกของเลย เดี๋ยวผมอุ้มหมีรออยู่หน้าร้านนี่แหละครับ” ผมบอกกับพี่เรนเมื่อเรามาอยู่หน้าร้านขายเครื่องเขียนกันแล้ว



“โอเค เดี๋ยวพี่จะรีบซื้อนะ”



“ไม่เป็นไร ตามสบายเลยพี่” ผมบอก อุ้มหมีไปนั่งที่เก้าอี้หน้าร้านเป็นเชิงบอกให้พี่เรนเลือกของได้ตามสบายเลย



เหมียว~



ผมก้มลงมองเจ้าแมวที่นั่งตักอยู่ มันเงยหน้าขึ้นมองผม แบบที่ผมก็จ้องมันกลับอย่างไม่ยอมแพ้กัน มันส่งเสียงร้องออกมาอีกหลายๆ รอบ



“ไม่ให้จ้อง? หวงตัวเหรอ หวงเหรอ” พอผมถามมันกลับไปแบบนั้นมันก็ร้องออกมาอีกรอบแล้วก้มหน้ามุดขามันเอง



เห็นแล้วน่ามั่นเขี้ยวปนๆ น่าหมั่นไส้ ผมเลยจัดการยื่นมือไปยีหัวมันเบาๆ



“นี่… ชอบเราไหมอะ แต่เราอะชอบเจ้านายเธอนะ ต้องชอบเรานะรู้เปล่า” วินาทีนี้ต่อให้เป็นสัตว์ก็ขอติดสินบนครับ



ต้องเอาใจคนรอบข้างพี่เรนมาให้ได้ก่อนเวลาพิชิตใจพี่เรนจะได้มีคนสนับสนุนครับ อันดับแรกเลยก็... เจ้าเหมียวตัวนี้นี่แหละ ถ้ามีเจ้าหมีมาเป็นพวกผมว่าอะไรๆ ก็ต้องง่ายขึ้นแน่นอน



“เรามาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันไหม?” ผมยังคงถามเจ้าหมีที่นอนขดอยู่บนตักผมเอาหน้าหมุดขาตัวเอง “เรามาเป็นพันธมิตรกันแล้วเดี๋ยวจะซื้ออะไรอร่อยๆ ให้กินบ่อยๆ เลยดีไหม”



หมีเงยหน้าขึ้นมองผม พอได้ยินคำว่าของกินละตาเป็นประกายเชียวนะ ผมถามย้ำไปอีกรอบพร้อมกับบอกว่าจะซื้อของกินให้ ทีนี้เจ้าเหมียวลุกขึ้นมาคลอเคลียผมทันที ผมได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางนั้น ถ้าเปลี่ยนจากแมวเป็นคนมาคลอเคลียผมก็คงจะดีไม่น้อยเลยละ



“พี่กาย...” ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกผม



“ครับ?”



“อ๋า... หนูเป็นแฟนคลับพี่กายน่ะค่ะ” รุ่นน้องตรงหน้าบอก ผมเลยได้แต่พยักหน้ารับแล้วก็ยิ้มกลับไปให้ “พี่กายเลี้ยงแมวด้วยเหรอคะ”



ผมก้มมองแมวในอ้อมแขนของตัวเองก่อนจะยิ้ม “เปล่าหรอกครับ พี่ไม่ได้เลี้ยงหรอก”



“อ้าว... แล้ว...”



“ขอโทษนะ... รอนานเลยใช่ไหม” ยังไม่ทันที่รุ่นน้องคนนั้นจะพูดจบ ผมก็หันไปสนใจพี่เรนที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านเครื่องเขียนแทน สองมือนั้นเต็มไปด้วยกระดาษแผ่นใหญ่ ไหนจะมีถุงใบใหญ่อีกใบซึ่งในนั้นก็มีของเต็มไปหมด



“ซื้อทีเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”



“อือ... เดี๋ยวต้องมีตัดโมเดลอีกหลายตัวแน่ๆ พี่เลยซื้อเตรียมเอาไว้ก่อนเลย ขอโทษนะที่ปล่อยให้รอนาน” พี่เรนทำหน้าเหมือนคนสำนึกผิด



“ไม่นานหรอกพี่ มา... เดี๋ยวผมช่วยถือดีกว่า พี่เอาหมีไปอุ้ม” ผมวางหมีลงบนเก้าอี้ แย่งเอากระดาษแล้วก็ถุงมาถือเอาไว้เองปล่อยให้พี่เรนอุ้มแค่แมวของเขาไปแค่นั้นแหละครับ



“อ๋อ... แมวนี่ไม่ใช่ของพี่หรอก” ผมหันกลับไปหารุ่นน้องที่ยังยืนอยู่ไม่ไปไหน “ของพี่เรนน่ะ”



ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำพี่เรนออกจากหน้าร้าน จริงๆ ก็อยากทำตัวเท่ๆ เดินจูงมือเขาเหมือนในละคร ในนิยายเหมือนกันครับที่พระเอกจะหันไปพูดเท่ๆ กับคนอื่นแล้วก็คว้ามือนางเอกเดินออกมา ให้คนอื่นมองภาพเบื้องหลังของพวกเขา



แต่คือ... กระดาษแผ่นโคตรใหญ่สี่ห้าแผ่น ถุงใบใหญ่ที่มีไม้ยาวๆ โผล่ออกมาเต็มไปหมด แบบถือมือเดียวไม่ไหวอะครับ ต้องใช้สองช่วยกันถือ เพราะฉะนั้นไอ้โมเม้นต์เท่ๆ เดินจูงมือนี่ตัดออกไปได้เลย ตอนนี้อย่างเดียวเลยคือรีบเดิน รีบกลับเถอะ กระดาษมันจะแผ่นใหญ่ไปไหนวะ...



ตอนแรกว่าจะหาอะไรกินกันก่อนกลับเข้าห้อง เป็นอันต้องเปลี่ยนแผนครับ ของเยอะเกินไปเราเลยต้องกลับห้องกันก่อน ก็ห้องพี่เรนนั่นแหละครับเอาของไปเก็บ แล้วก็ใช้โทรสั่งของกินมากินแทน อันนี้ผมรีเควสเอง สั่งพิซซ่ามากินกันครับ เพราะว่ากว่าพิซซ่าจะมา กว่าจะได้กิน จนกินเสร็จมันค่อนข้างนาน ผมก็ได้ยืดเวลาอยู่กับพี่เรนมากขึ้นไปอีก



แล้วยังได้พิชิตใจเจ้าหมีด้วยอีกดวง จนตอนนี้เจ้าหมีเริ่มติดผมแล้วละครับ ฮ่าๆๆๆ



คิดการณ์ใหญ่ใจต้องนิ่งครับ



แถมยังได้รูปพี่เรนมาอีกหลายรูปเลย ใช้กล้องโทรศัพท์นี่แหละถ่าย ถ่ายเก็บเอาไว้ดูเอง เอาไว้รอสนิทกว่านี้อีกนิดจะชวนพี่เรนไปตากฝนถ่ายรูปแล้วละครับ



รับรองได้... จบเทอมนี้ไอ้กายได้ทั้งเอวิชาเรียน แล้วก็เอ... วิชารัก แน่นอน







กาย คามิน @Guy_Kamin
คนอะไร จะทำอะไรก็น่ารัก จะทำหน้ายิ้ม จะทำหน้าจริงจัง ทำหน้างงก็ยังน่ารัก
หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้วคร้าบบบบบบ :)






************************************************
มาแล้วคร้าบบบ ครบ 100% แล้ว คือน่ารักกันทั้งคู่เลยอะ เลือกไม่ถูกเลยจะหลงใครดี แต่ใจจริงนี่อยากเป็นน้องกายนะ อยากฟัดพี่เรนนนน คนอะไรน่ารักน่าเอ็นดู แล้วดูเถอะ... ตกหลุมพรางน้องกายไปแล้วไหมหล่ะ หนียังไงก็ไม่พ้นแล้วหล่ะพี่เรน นับวันรอตกปากรับคำเป็นแฟน เอ๊ย... เป็นนายแบบให้น้องไปนะพี่นะ ฮี่ๆๆๆ

ขอแจ้งเรื่องการอัพนิยายสักนิดหนึ่งค่ะ ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. – 6 พ.ย. ฟางมีออกบูธงาน “บ้านและสวน” ที่อารีน่า ค่ะ ออกทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น. กว่าจะกลับถึงหอ 4 – 5 ทุ่มแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้น ช่วงที่ออกบูธฟางของดอัพนิยายนะคะ เจอกันอีกทีก็หลังวันที่ 7 – 8 พ.ย. เลยนะ ขอพักหน่อยค่า เพราะออกบูธทุกวันไม่มีวันหยุด คาดว่าเหนื่อยแน่ๆ เพลียแน่ๆ ค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งฟางไปไหนนะคะ

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
งืออออออ น่ารักอีกแล้ว  :o8:
เจ้าหมีก็น่ารัก แค่ได้ยินว่าของกินก็เข้าข้างเจ้ากายละ ขอบคุณค่ะฟาง สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

หึ... ดูท่าจะเลี้ยงไม่ยากด้วยกันทั้งคู่นะ
kamin
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 10 •





น้องกาย





“โห... มันต้องละเอียดขนาดนี้เลยเหรอพี่” ผมถามพร้อมชะโงกหน้าดูแบบแปลนที่พี่เรนกางเอาไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น



กินพิซซ่าเสร็จแล้วครับแต่ยังไม่กลับห้อง หน้าด้านครับ อีกอย่างพี่เรนก็ไม่ไล่ หมีก็ไม่ไล่ แล้วจะกลับทำไมให้โง่ละคร้าบบบ อยู่ทำคะแนนต่อไปดีกว่า



“นี่พี่เรนต้องตัดละเอียดแบบนี้เลยเหรอ” ผมถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากมองแปลนบนโต๊ะญี่ปุ่นไปที่อุปกรณ์รอบๆ ตัวพี่เขาแทน



ตอนที่เลือกซื้อของผมก็สงสัยนะว่าทำไมนานจังกับแค่ซื้อของตัดโมเดล แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับเพราะมันเยอะมากๆ นี่ขนาดมีอันที่พี่เรนขนของเก่ามาใช้ด้วยนะ “แล้วพี่เอาผ้าสีขาวมาทำอะไรเหรอครับ”



ผมพอมีเพื่อนเรียนคณะสถาปัตย์นะ เห็นมันชอบบ่นๆ ว่างานเยอะโดยเฉพาะตัดโมเดลในหนึ่งอาทิตย์มันต้องตัดโมเดลสองถึงสามตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่งานที่ผมเห็นก็เห็นแค่มันใช้กระดาษ... อะไรนะ กระดาษชานอ้อย กระดาษหลังรูป ไม้บัลซ่า (ผมเคยไปจับของมันเล่น มันหันมาด่าผมใหญ่บอกว่าอย่าจับมั่วซั้ว มันบาง หักง่าย แล้วก็แพงชิบหาย) แค่นั้นนะ แต่ของพี่เรนคือมีเยอะกว่านั้นอีกอะ



“เอามาทำโซฟาไง” พี่เรนตอบแบบง่ายๆ เหมือนกับเอามาตัดเล่นอย่างนั้น



“โซฟา?! พี่ต้องตัดโซฟาด้วยเหรอ” ผมได้แต่ตาโต



คนตรงหน้าผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารัก ชี้ไปที่มุมห้องที่มีโมเดลที่มีฝาครอบเอาไว้อยู่ “แบบนั้นไง อันนั้นเป็นโมเดลไฟนอลโปรเจคตอนเทอมที่แล้ว”



“ผมดูได้ใช่ไหมอ่ะ” ผมหันไปถามพอเห็นพี่เรนพยักหน้าผมก็ค่อยๆ เดินไปมุมห้อง คือต้องระวังนิดหนึ่งครับ ของตัดโมเดลเยอะมาก แล้วจากการที่เคยไปดูเพื่อนตัดโมเดลผมเห็นมันรัก มันหวงอุปกรณ์ทุกอย่างยิ่งกว่าเมีย ผมเลยไม่อยากเผลอไปทำอะไรของพี่เรนเสียหาย กลัวโดนโกรธ



โอ้โฮ!



งานเรียบกริบเลยครับ โมเดลของพี่เรนอย่างสวยอะ สวยกว่าที่เพื่อนผมทำอีก นี่ไม่ได้อวยเพราะความชอบพี่เรนส่วนตัวนะตอนเห็นงานของเพื่อนก็ว่าสวยแล้วแต่ของพี่เรนสวยกว่าอีกครับ รอยต่อของกระดาษอย่างเนียน รายละเอียดเยอะมากๆ เลยครับ มันเป็นโมเดลขนาด... ขนาดฐานเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้อะ น่าจะประมาณกระดาษเอสองได้ครับ



“โฮ... ต้องตัดโมเดลละเอียดขนาดนี้เลยเหรอครับ”



“ใช่แล้วหล่ะ”



ผมนั่งดูโมเดลพี่เรนอย่างสนใจ นั่งดูจนพอใจก็กลับไปนั่งใกล้ๆ พี่เขาอีกรอบ ตอนนี้พี่เรนอยู่ในโหมดจริงจังแล้วครับ แว่นสายตาที่ก่อนหน้านี้วางเอาไว้บนตู้หน้าทีวีก็หยิบมาใส่แล้ว ผมหน้าม้าด้านหน้าก็มัดเป็นจุกน้ำพุเล็กๆ อย่างที่พี่เขาชอบมัด เห็นแล้วน่ารักดี



ปกติพี่เรนเป็นคนซุ่มซ่ามนะ ไม่เดินชนนู้นก็สะดุดนี้ จนผมรู้สึกเสียวมากๆ เวลาพี่เขาหยิบคัตเตอร์ไปกรีดกระดาษ แต่โคตรแปลกเลยครับไม่มีกรีดกระดาษพลาดเลยสักนิดเดียว กรีดกระดาษทีเดียวขาด คบกริบเลย



“ผมอยากจะช่วยนะ แต่กลัวทำงานพี่พังมากกว่านะสิ” ผมพูด



ผมพูดจริงๆ นะ อยากช่วยเพราะดูท่าแล้วมันต้องใช้เวลามากแน่ๆ แต่ผมก็กลัวจะทำงานพี่เขาพังแล้วทำให้มันช้ากว่าเดิมเนี่ยสิ



พี่เรนเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มน่ารักให้ “ไม่เป็นอะไรหรอก”



“ว่าแต่ว่า... ผมนั่งเล่นที่นี่ได้ใช่ไหมครับ ไม่กวนพี่นะถ้ากวนผมจะได้กลับห้อง” อยากทำคะแนนแต่ก็เกรงใจครับ ไม่อยากจะรบกวนเท่าไหร่



จุกน้ำพุนั้นสะบัดไปมาตอนที่อีกคนส่ายหน้า “ไม่กวนหรอก นั่งเล่นก่อนก็ได้ อยู่ห้องคนเดียวเหงาใช้ม้า... อยู่เล่นกับหมีก่อนก็ได้ หมีจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย”



พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มร่าเลยครับ ถึงจะไม่สามารถจีบอะไรได้มากเพราะไม่อยากรบกวนแต่อย่างน้อยก็ยังได้อยู่ในห้องนี้นะครับ เข้าไปอยู่ในสายตาพี่เรนมากๆ บ่อยๆ อีกฝ่ายจะได้ชินแล้วทีนี้... ก็จะได้รู้สึกแปลกๆ เวลาไม่เห็นผม แล้วคราวนี้ละ!



ไอ้กายก็จะย้ายมาอยู่ห้องนี้เลย หึหึหึ



ผมหัวเราะหึหึหึอย่างชอบใจในความคิดของตัวเอง แบบที่หมีก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับเอียงคอมองแล้วร้องออกมาเหมือนจะหาว่าผมเป็นบ้าที่หัวเราะออกมา แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่โกรธ อีกอย่างเห็นหน้าหมีแล้วโกรธไม่ลง พลานนึกไปถึงหน้าพี่เรน แล้วแบบนี้ผมจะโกรธลงได้ยังไงละครับ จริงไหม?



ผมเล่นกับหมี สลับกับตอบแชทเพื่อนไปด้วย บ่อยครั้งที่นั่งมองพี่เรนทำงาน เห็นแล้วเพลินตาดีครับไม่เบื่อด้วยเพราะพี่เรนเดี๋ยวก็ทำหน้ายุ่งตอนที่เหมือนจะตัดกระดาษผิด เดี๋ยวก็ยิ้มร่าตอนติดกาว แล้วประกอบชิ้นส่วนออกมาเป็นที่น่าพอใจ ดูเพลินเลยผม



“เหมียว~~ เหมียว~~” ผมก้มลงมองเมื่อได้ยินเสียงร้องของหมี มันกำลังนั่งจ้องหน้าผมแล้วก็ร้องออกมา



“ว่าไง มีอะไรหือ?” ผมถามมันกลับ



หมีลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงส่วนครัว พอเห็นว่าผมไม่เดินตามไปมันก็หันมามองแล้วจิกตาใส่... เดี๋ยวนะ... นี่แมวหรือคนวะมีจิกตงจิกตาใส่อีก พอผมลุกเดินมันก็เดินต่อ ก่อนจะไปหยุดอยู่ข้างๆ ถาดใส่อาหารของแมว



“อ๋อ... หิวอย่างนั้นเหรอ” ผมนั่งยองๆ ยิบถาดขึ้นมาชู



“เหมียว~~” เจ้าหมีร้องออกมาอีกรอบ คราวนี้ไม่มีจิกตาแล้วครับ แต่ตาเป็นประกายเลยเหมือนตาของพี่เรนตอนที่เห็นหรือเจอของชอบของถูกใจ



นี่แสดงว่าผมทายใจเจ้าหมีมันออกนะเนี่ย พอลุกไปเปิดๆ รื้อๆ ค้นๆ ตู้ดูก็เห็นถุงอาหารของแมวในตู้ หยิบออกมาเทใส่ถาดให้ พอเทเสร็จหมีก็รีบเดินมากินทันที ผมยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ มันก็หันมามองนะครับแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหันกลับไปกินต่อ



ผมละสายตาจากหมีมาดูเวลา รู้สึกตกใจเพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้ว เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วครับ มิน่า... หมีมันถึงร้องขออาหารกิน นี่ผมก็ขลุกอยู่ห้องพี่เรนหลายชั่วโมงเลยครับ ทั้งๆ ที่ไม่ได้คุยอะไรกันแต่ก็ไม่เบื่อเลยสักนิดเดียว ผมหันกลับไปมองพี่เรน พี่เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาตัด ต่อ ประกอบ โมเดลของเขาอยู่ ผมรู้สึกว่ามันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วจากตอนแรกที่มีแต่กระดาษแผ่นแบนๆ วางเต็มโต๊ะ



จะหนึ่งทุ่มแล้วไม่รู้ว่าพี่เรนเขาจะหิวหรือยัง แต่ไม่ว่าจะหิวหรือไม่หิวก็ต้องกินข้าวละครับ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้เป็นลม ไม่สบายไปแน่นอน



ผมปล่อยให้พี่เรนทำงานต่อไปส่วนตัวผมเองก็ถือวิสาสะใช้ครัวในห้องของพี่เขานี่แหละ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดมาอยู่หอพักคนเดียว ตอนอยู่บ้านพ่อเคยสอนผมทำอาหารบ่อยๆ บ้านผมผู้ชายจะทำอาหารเก่งกว่าผู้หญิงครับ พ่อผมทำอาหารเก่งกว่าแม่ของผม และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมทำอาหารเก่งกว่าน้องสาวที่มักบอกว่าอยากเป็นเชฟ ตลกดีนะครับ



แต่พอมาเรียนที่นี่ มาอยู่หอ ผมก็ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่ นานๆ ทำทีครับส่วนใหญ่จะติดขี้เกียจ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ขอโชว์ฝีมือทำอาหารง่ายๆ สักหน่อยแล้วกัน ผมแวบออกไปซื้อของสดมาทำมื้อเย็น เชื่อไหมครับขนาดผมออกไปข้างนอกแล้วกลับเข้ามาใหม่ พี่เรนก็ยังไม่รู้ตัวเลย เอาแต่นั่งทำงานแบบนั้นไม่หยุด



“หิวแล้ว...” ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังในระหว่างที่ผมกำลังทำต้มยำกุ้งอยู่



พี่เรนที่หัวยังมีจุกน้ำพุอยู่เดินเข้ามา ดวงตากลมโตนั้นมองตรงมาที่ผม รู้ตัวแล้วเหรอว่าหิว สงสัยจะเพราะได้กลิ่นอาหารที่ผมทำ “กายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”



“ก็นิดหน่อยครับ ขอโทษนะพี่เรนที่ถือวิสาสะใช้ครัวแบบนี้ เห็นมันค่ำแล้วพี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรก็เลยทำมื้อเย็นให้กิน” ผมตอบ หันไปหยิบช้อนมาตักน้ำต้มยำขึ้นเป่า พยักหน้าให้พี่เรนเข้ามาชิม “ลองชิมดูว่าชอบไหม”



พี่เรนยกมือจับมือของผมเอาไว้แล้วก้มลงงับช้อน คือ... ใจสั่นมากครับ โคตรจะตื่นเต้นเหมือนมือจะอ่อนแรง แทบจะทำช้อนหลุดมือ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนนางเอกในละครที่มือไม้อ่อนเวลาเจอคนที่ชอบ



แต่กูผู้ชายไหม!! แถมเป็นพระเอกด้วยนะโว้ยยย



“อร่อยอ่ะ” คนตรงหน้าผมยิ้มกว้างมาให้



ใจสั่นไปอีกกู...



“อย่างนั้นไปตักข้าวเลยครับ เดี๋ยวผมทอดไข่เจียวอีกอย่างแล้วจะได้กินข้าวกัน” ผมหันหน้าหลบ ทำทีเป็นตักต้มยำใส่ถ้วย ปล่อยให้พี่เรนเดินวนไปวนมาอยู่ด้านหลัง นี่แค่ตักข้าวอะไรจะนานขนาดนี้ ขืนยังไม่ยอมไปนั่งที่โต๊ะดีๆ จะหันกลับไปโวยวายใส่แล้วนะโว้ย!!



ว่าอย่ามาทำให้ใจสั่น หวั่นไหวมากได้ม้ายยยย!!



ตลอดมื้อเย็นพี่เรนกินไปชมไปไม่หยุดว่าผมทำต้มยำอร่อย ไอ้ผมนี่แทบอยากจะหาเทปกาวมาพันตัวเองเอาไว้กับเก้าอี้เพราะจะไม่ได้ลอยไปไหน คือโดนชมจนหัวใจมันพองตัว ฟูคับอกไปหมดแล้วครับ แทบจะลอยละลิ่วไปถึงดวงจันทร์ ดาวอังคารแล้ว ชมกันแบบนี้เอาตัวมาให้ผมฟัดแทนเลยแล้วกัน! จะได้หายกัน



“ถ้าชอบ... วันหลังผมมาทำให้กินอีกเอาไหม” ผมถาม ไม่ได้มีเจตนาไม่มีจะหลอกหลวงแอบเข้าห้องพี่เรนเลยนะครับ ไม่มี๊ ไม่มีอะ ผมมาทำให้ด้วยใจอันบริสุทธิ์จริงๆ นะเออ



“จริงเหรอ? เอาสิๆ กายทำอร่อยเอาไว้มาทำให้พี่กินอีกนะ แล้วทำอย่างอื่นเป็นไหม” คนตรงหน้าผมทำตาวาวทันที ตาเหมือนหมีเลยตอนที่ผมเทอาหารให้มันกิน



หึ... ดูท่าจะเลี้ยงไม่ยากด้วยกันทั้งคู่นะ



“อย่างอื่นก็ทำเป็น บ้านผมผู้ชายจะทำครัวเก่งกว่าผู้หญิง ผมก็ทำเป็นหลายอย่างเลยครับ พี่เรนอยากกินอะไรหล่ะ เอาไว้ผมทำให้กินบ่อยๆ ทุกวันเลยก็ได้นะ” ผมตอบกลับยิ้มๆ



“จริงเหรอ จริงนะ ดีอะ พี่ทำไม่เป็นเคยเลย อย่าว่าแต่ต้มยำข้าวผัดเลย แค่ไข่เจียวไข่ดาวพี่ยังทำไม่เป็นเลยนะ” คนตรงหน้าผมพูด “เคยคิดจะทำแต่แค่ตอกไข่ใส่กระทะพี่ยังทำไม่ได้เลยอ่ะ แฮ่ๆ...”



“จริงเหรอ จริงนะ ดีอะ พี่ทำไม่เป็นเลย อย่าว่าแต่ต้มยำ ข้าวผัด แค่ไข่เจียวไข่ดาวพี่ยังทำไม่เป็นเลยนะ” คนตรงหน้าผมพูด “เคยคิดจะทำแต่แค่ตอกไข่ใส่กระทะพี่ยังทำไม่ได้เลยอ่ะ แฮ่ๆ...”



“เอาไว้ผมมาทำให้กิน อยากกินอะไรก็บอกได้ถ้าทำเป็นก็จะทำให้กิน ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” ผมบอก หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากให้พี่เรน เวลากินข้าวพี่เขาเหมือนเด็ก ไม่ได้กินเลอะหรือมอมแมมอะไรมาก แต่จะเคี้ยวตุ้ยๆ สองแก้มนี้พองออกมาเลย



อ๋อ... เหมือนพวกหนูแฮมเตอร์นั่นแหละครับ



“อย่างนั้นผมกลับก่อนดีกว่า พี่เรนก็อย่านอนดึกนักนะครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วยนี่” ผมพูดกับพี่เรนหลังจากเรากินข้าวกันแล้วเรียบร้อย เมื่อกี้ผมแอบเห็นตารางเรียนของพี่เขาที่แปะเอาไว้บนตู้เสื้อผ้า



“อืมม ไม่ดึกหรอก” พี่เขาว่าแบบนั้น



“โอเคครับ แล้วเจอกันนะพี่เรน คืนนี้ฝันดีนะครับ” ผมบอก ได้แต่ยกมือโบกลาอีกฝ่าย ใจจริงก็อยากจะยกมือไปเล่นผมพี่เขา บีบแก้มพี่เขาแต่ทำไม่ได้ไง ตอนนี้ทำได้แค่นี้แหละ เลยต้องอดใจเอาไว้หน่อย เอาไว้ได้เป็นแฟนเมื่อไหร่จะจับแก้มขาวๆ นั้นมาบีบมาฟัดให้หนักเลยคอยดู



“ฝันดีนะน้องกาย” พี่เรนยิ้มน่ารักมาให้ แบบที่ผมเองก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้ารับ



ดันหลังพี่เขาเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย ส่วนตัวผมเองก็เดินเท่ๆ กลับหอครับ แล้วเมื่อถึงห้องตัวเองปุ๊บผมก็ตรงมาที่ระเบียงห้องก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากที่โยนกระเป๋าไว้บนเตียงแล้ว ห้องพี่เรนยังเปิดไฟสว่าง พอเห็นเงาของเจ้าของห้องเดินไปเดินมา สักพักพี่เขาก็เดินออกมาที่ระเบียงเอาผ้าขนหนูมาตาก คงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนหัวยังมีจุกน้ำพุอยู่เลย



ผมได้แต่เอาแขนค้ำราวระเบียงเอาไว้ตอนที่มองระเบียงฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่าเพราะคนที่อยู่ตรงนั้นก่อนหน้านี้เดินกลับเข้าไปในห้องแล้ว



ไม่รู้หรอกว่าวันนี้จะก้าวเข้าไปในชีวิตพี่เรนได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อย... ผมก็คิดว่า...



ผมสามารถก้าวเข้าไปใกล้พี่เรนได้อีกหนึ่งก้าวแล้วละครับ






************************************************
กลับมาแล้วค่ะ รอนานเลยใช่ไหม... อย่างที่บอกไปค่ะว่าไปออกบูธมา 9   วัน ไม่คิดว่าจะเหนื่อยและเมื่อยขนาดนี้ แทบไม่ได้นั่งเลยง่ะ ตั้งหลายชั่วโมง ฮืออออ เท้าระบมกลับหอทุกคืน กลับถึงหอก็ไม่มีแรงละค่ะ หลับลูกเดียวเลย วันนี้ได้หยุดก็เลยหยิบนิยายเรื่องนี้มาแต่ง แล้วก็เอามาอัพให้ได้อ่านกันนี่แหละค่ะ ไม่รู้ว่าจะคิดถึงเจ้ากายกับพี่เรนกันไหม แต่ฟางคิดถึงมากกกก ฮ่าาาาา

และแล้วน้องกายก็เข้าห้องพี่เรนเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นี่ถ้าคิดจีบไปนานป่านนี้ก็ได้เสีย เอ๊ย!   ได้คบกับพี่เขาไปแล้วแท้ๆ เนอะ แต่พอบทน้องกายจะรุกจีบก็ไม่น้อยหน้าใครนะเออ นิยายเรื่องนี้ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านสบายๆ คลาดเครียด เพราะฉะนั้น... ก็อาจจะไม่ได้ยาวมากนักนะคะ

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2016 21:33:42 โดย fangiily »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ WASHABHI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :o8: :-[ :-[ พี่เรนน่ารักมากเลยยย งื้ออออออ 

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ Asmknrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอให้จีบติดเร็วๆน้าาา :hao7:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่เรนน่ารักจังเลย จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

หึ... ดูท่าจะเลี้ยงไม่ยากด้วยกันทั้งคู่นะ
kamin
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 10.2 •





• • • ต่อค่ะ 100% • • •




พี่เรน





อ่า...



ทำไมภาพข้างหน้ามันไม่ค่อยชัดเลยนะ มองอะไรก็เบลอๆ ไปหมดเลย มันเห็นนะแต่เห็นแบบไม่ชัด ไม่ถึงกับมองไม่เห็น แต่มันเห็นไม่ชัดอะ...



ผมยกมือขยี้ตาอีกสองรอบเพื่อที่ว่าผมจะมองเห็นตรงหน้าชัดขึ้น แต่มันก็ยังไม่ชัดอยู่ดี ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ มือก็กระชับสายสะพายของกระเป๋าย่ามใบโตเอาไว้ อีกข้างก็หนีบกระดานวาดรูปเอาไว้ด้วย



ปึก!



อูย... เจ็บจังครับ



ผมเดินชนอะไรสักอย่างเต็มแรง แรงขนาดที่ผมล้มลงก้นจ้ำเบ้าแถมมือยังกระแทกพื้นถนนอีก



“พี่เรน!” ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อผมเอง พยายามหรี่ตามองว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่ก็เห็นไม่ค่อยชัด รู้แต่ว่าเขาตัวสูงแล้วก็... น่าจะตัวใหญ่กว่าผม ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ชนเขาแล้วล้มหรอกครับ



คนที่เรียกชื่อผมบ่นอะไรไม่รู้ออกมาเยอะเลยแต่ไม่ได้บ่นดังผมเลยไม่ได้ยิน แต่เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งยอง คว้ามือผมไปดู ผมเบ้หน้านิดเพราะรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ



“มือถลอกนิดหน่อย แต่ก็คงต้องไปล้างแผลแล้วก็ใส่ยา พี่ลุกไหวไหม” คนตรงหน้าที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครถามออกมาอีกรอบ แต่จะว่าไป... เสียงคุ้นๆ นะครับ เหมือนจะได้ยินบ่อยๆ



เขาคว้าเอาย่ามของผมไปสะพาย เอากระดานวาดรูปผมไปหนีบแล้วก็ประคองผมลุกขึ้น ตอนนั้นแหละที่ผมเริ่มเห็นหน้าเขาชัดขึ้นเพราะเขาขยับเข้ามาใกล้



“กาย...”



“ก็ผมน่ะสิ พี่ลืมใส่แว่น ลืมใส่คอนแทคเลนส์หรือยังไงกัน”



ผมยกมือจับหน้าตัวเองทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก็ว่า... ทำไมถึงมองเห็นไม่ชัดแล้วทำไมถึงขยี้ตาได้ง่ายนักเพราะผมลืมใส่แว่นตามานี่เอง ผมตั้งใจจะใส่แว่นตามาแล้วเมื่อเช้าก็รีบด้วย... ก็เลยลืม



“แหะๆ... ก็ว่าทำไมมองไม่ชัดเลย”



เพราะระยะใกล้ชิดผมเลยเห็นหน้าน้องเขาค่อนข้างชัด กายทำหน้าเหมือน... ยังไงดีละ เหนื่อยใจปนอึ้งๆ หรือยังไงก็บอกไม่ถูก ทำท่าเหมือนอยากจะบีบแก้มผมหรือขยี้หัวผมด้วย แต่เขาก็ไม่ทำนอกจากถอนหายใจออกมา



“เฮ้อ... พี่นี่นะ เป็นคนที่ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าเกิดคนที่ชนไม่ใช่ผม แล้วถ้าคนที่ชนเขาไม่สนใจขึ้นมาจะทำยังไง” กายบ่นออกมาอย่างดุๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มกลับไปให้



“แต่ก็เป็นกายไง...”



หือ... อะไรนะ เมื่อกี้น้องเขาพูดอะไรนะ ฟัดๆ ซัดๆ หรืออะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ยินอะ เลยได้แต่ทำหน้ายู่ออกไปเพราะไม่ได้ยินที่กายพูด



งือ...



กายบีบปากผมอะ




“ทำตัวน่ารังแก... ไปครับ เดี๋ยวไปใส่แผลที่มือก่อนแล้วเดี๋ยวผมไปส่งที่คณะ ว่าแต่ว่าพี่มีคอนแทคเลนส์ติดตัวไหมเนี่ย วันนี้จะเรียนได้ไหมครับไม่ใส่แว่นมาแบบนี้”



“คอนแทคเลนส์ อ่ะ! น่าจะมีอยู่ในกระเป๋านะ เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ เลย วันนี้มีสเก็ตด้วยสิ” พอพูดถึงคอนแทคเลนส์ผมก็นึกได้ เหมือนว่าจะมีอยู่ในกระเป๋า ก็ได้แต่หวังว่ามันจะมีจริงๆ นะครับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องยอมกลับไปเอาแว่นที่หอหล่ะ เพราะว่าวันนี้จะมีสเก็ตงานส่งในคาบด้วย ถ้ามองไม่เห็นแล้วจะวาดรูปได้ยังไงละครับ จริงไหม...



ผมได้แต่เดินตามน้องกายไปที่ห้องพยาบาลที่อยู่ในตึกใกล้ๆ นี่ ผมไม่แน่ใจแหะว่าตรงนี้คือส่วนไหนของมหา’ลัย มองไม่ค่อยเห็นทาง ตอนเดินเข้ามาในมหา’ลัย ก็เดินไปเรื่อยๆ ด้วย



“อ๊ะ! แสบอะ” ผมร้องออกมาเมื่อมือของผมโดนน้ำ ตอนนี้รู้สึกว่าผมจะถูกพามาล้างมือที่อ่างล้างมือในส่วนของห้องพยาบาล



“เดี๋ยวผมใส่ยาให้ โชคดีนะที่เป็นมือซ้ายไม่อย่างนั้นวันนี้พี่คงเขียน หรือวาดอะไรไม่ได้หรอก” น้องกายบอกก่อนจะจูงผมกลับไปนั่งที่เตียงพยาบาล



ผมยกมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นดูใกล้ๆ มันถลอกแล้วก็แดงๆ แต่ไม่ได้เยอะมาก แล้วก็โชคดีอย่างที่น้องเขาว่าที่เป็นมือซ้าย ไม่อย่างนั้นลำบากแน่นอนเลยครับ ผมนั่งให้กายทำแผลใส่ยาให้ ได้แต่นั่งนิ่งๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มองก็ไม่ค่อยชัดด้วย



“เพี้ยง! เดี๋ยวก็หายแล้ว”



อ่า...



ผมได้แต่อมยิ้มกับการกระทำนั้น นึกถึงตอนผมเด็กๆ เวลาผมเป็นแผลเพราะหกล้มแม่กับพ่อก็จะชอบเป่าเพี้ยงให้ ตอนนั้นผมคิดว่าแม่กับพ่อผมมีมนต์วิเศษเพราะแค่พวกท่านเป่าผมที่ร้องไห้จ้าก็หยุดร้อง แผลที่เจ็บก็ไม่เจ็บ ถึงแม้ว่าพอโตขึ้นหน่อยผมจะรู้แล้วก็ตามว่าไม่ได้มีมนต์วิเศษอะไร แต่ผมก็ชอบให้ทั้งสองคนเป่าแผลให้เสมอ แม้กระทั่ง... ตอนนี้



“ขอบคุณนะ”  ผมพูดขอบคุณเสียงเบา ดึงมือข้างซ้ายตัวเองมากุมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่แก้มผมเหมือนมันร้อนๆ จนต้องใช้มือยกขึ้นจับดู มันร้อนหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วยหรือไม่สบายนะ แค่มันร้อนๆ เท่านั้นเอง



“ไม่เป็นอะไรครับ” กายพูด ผมได้ยินเสียงเขารื้ออะไรอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะเห็นเขาชัดขึ้นเมื่อเขาเดินมายืนอยู่หน้าผม ไม่สิ... เดินมายืนอยู่กลางหว่างขาของผมที่นั่งอยู่บนเตียง



ผมว่า... มันน่าอายนิดๆ นะ



“เดี๋ยวผมใส่คอนแทคเลนส์ให้” เขาบอกแบบนั้นแล้วก็จัดการใส่คอนแทคเลนส์ให้ผม ส่วนผมก็ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้กายใส่คอนแทคเลนส์ให้



ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อเขาถอยห่างออกไปแล้ว และผมก็เห็นทุกอย่างชัดเจน “ขอบคุณนะ”



“ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ... เดี๋ยวผมเดินไปส่งขืนปล่อยให้พี่เดินไปคณะคนเดียว ได้หลงทางอีกแน่นอน” กายว่า คว้าเอาย่ามผมไปสะพายแล้วยังเอากระดานวาดรูปผมไปถือเอาไว้อีกด้วย แล้วก็คว้ามือของผมไปจับเอาไว้







น้องกาย



ผมหันไปมองคนที่เดินตามผมไม่ห่างแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเบนสายตาลงไปมองมือของผมเองที่กำลังจับมือของพี่เรนเอาไว้ มือของพี่เรนเล็ก... เล็กกว่ามือของผม เล็กจนผมแทบจะกุมมือของเขาเอาไว้จนมิด



ผมเก็บรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้เลย ผมรู้ว่าผมกำลังยิ้ม แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผมยิ้มกว้างมากแค่ไหน และผมแทบจะไม่ละสายตาไปจากคนข้างกายเลยสักนิดเดียว



“แต่พี่นี่ก็นะ... เดินเข้าไปได้ยังไงแบบที่มองอะไรก็ไม่เห็นแถมยังหลงไปจนเกือบจะถึงคณะผมอีก” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา ถ้าพี่เรนยังขี้ลืมและขยันหลงทางแบบนี้บ่อยๆ ผมว่ามันไม่ดีเลย นี่ถ้าเกิดออกไปไหนแล้วไปหลงทางขึ้นมาจะกลับหอถูกไหม ถ้าเกิดหลงทางไปที่ในแปลกๆ ขึ้นมาจะทำยังไง จะเอาตัวรอดได้ยังไง



ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดนะครับ



ผมเป็นห่วงจริงๆ นะ นี่ขนาดในมหา’ลัย แถมอยู่มาตั้งหลายปีพี่เรนยังหลงทางได้เกือบทุกวัน บวกกับนิสัยขี้หลงขี้ลืมอีก



“กาย...” ผมหันไปมองคนที่เรียกผมเสียงเบา พร้อมกับดึงมือผมเอาไว้ด้วย



“ครับ”



“ขอโทษ... พี่ทำให้ลำบากมากเลยใช่ไหม” พี่เรนพูด “พี่ไม่ได้อยากจะหลงทางนะ ไม่ได้อยากจะขี้ลืมด้วย แต่ว่า... แต่... มันก็แก้ไม่หายสักที”



ผมยืนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของพี่เรน บีบมือที่จับมือของพี่เรนเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม “ไม่ๆ พี่เรนไม่ใช่ ผมไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ไม่ชอบใจหรืออะไร แต่ผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงพี่กลัวว่าถ้าเกิดพี่เผลอไปหลงทางที่ไหนอะไรยังไงมันจะเป็นยังไง ถ้าเกิดผมไม่เจอพี่จะทำยังไง”



“พี่...”



“ผมเป็นห่วงพี่นะพี่เรน”



“อ... อือ” คนตรงหน้าผมชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับผิวแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อจางๆ



“เอาอย่างนี้นะ” ผมปล่อยมือจากพี่เรน ค้นกระเป๋าพี่เขาก่อนจะถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์พี่เรนออกมากด แล้วชูให้พี่เขาดู “นี่เบอร์ผม ต่อไปนี้ถ้าพี่จะไปไหนมาไหนก็ส่งข้อความ ส่งไลน์หรือจะโทรก็ได้ แต่ต้องบอกผมตลอด บอกด้วยว่าไปกับใครบ้าง แล้วจะกลับตอนไหน ผมจะได้รู้แล้วก็ถ้าต้องไปไหนเองคนเดียวให้โทรหาผม ผมจะไปด้วย ถ้าต้องกลับคนเดียวก็ให้โทรหาผม ผมจะไปรับ”



พี่เรนได้แต่ยืนฟังผมตาปริบๆ แต่ผมก็ไม่ปล่อยโอกาสให้พี่เขาได้คิดหรืออะไรเพราะผมพูดต่อทันที “ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมเป็นห่วง พี่เข้าใจใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น... ทำตามที่ผมขอร้องได้ไหม”



คนตรงหน้าผมนิ่งไปเพียงนิดก่อนจะพยักหน้ารับ ผมเชื่อว่าพี่เรนคงยังมึนๆ งงๆ อยู่นั่นแหละครับ จะหาว่ามัดมือชกก็ได้แต่ผมก็หวงของผม ห่วงของผมเหมือนกัน



ผมยิ้มรับเมื่อพี่เรนพยักหน้า ก่อนจะคว้ามือพี่เรนมาจับอีกรอบแล้วพาเดินไปส่งที่คณะของพี่เขา แน่นอนว่าตลอดทางมีแต่คนมองมาที่ผมกับพี่เรน แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ส่วนพี่เรน... ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็กำลังคิดถึงสิ่งที่ผมพูดอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้



“พาเด็กหลงทางมาส่งครับ” ผมเดินเข้าไปหาพวกพี่ตินาที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้หน้าคณะ ที่จริงผมส่งข้อความไปบอกพี่เขาก่อนแล้วว่าเจอพี่เรนแถวๆ คณะผมเดี๋ยวจะพามาส่ง พวกพี่เขาเลยมานั่งรอกันอยู่ตรงนี้



“งือ... พี่ไม่ใช่เด็กหลงทางสักหน่อย” คนข้างๆ ผมร้องประท้วงเหมือนเด็กๆ ทันที ขอซื้อได้ไหมไอ้ งือ นี่น่ะ ขอซื้อคนร้องให้ไปร้องให้ฟังที่ห้อง จะฟังมันทั้งวันเลย



“แกน่ะยิ่งกว่าเด็กหลงทางเสียอีก เด็กประถมยังไม่หลงทางบ่อยเท่าแกเลย” พี่ใบหม่อนพูด “อ้าวแล้วนี่มือไปโดนอะไรมา”



พอพี่ใบหม่อนทัก พี่คนอื่นๆ ก็หันมามองกันทันที คนที่มีแผลอย่างพี่เรนก็อึกอักไปเล็กน้อยก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเพื่อนเสียงเบา “เราล้มน่ะ เดินชนกายแล้วก็ล้ม มือกระแทกพื้นเลยถลอก”



“แล้วเดินยังไงให้ชน” คราวนี้พี่สาเป็นฝ่ายสอบสวนบ้างครับ



“ง่า... ก็... เราลืมใส่แว่นมาเมื่อเช้า ลืมใส่คอนแทคเลนส์ด้วย เราก็มองไม่เห็นไง แล้ว... แล้วทีนี้พอเรามองไม่เห็น เราก็เลยชน...”



“แล้วนี่มองเห็นไหมเนี่ย”



พี่เรนพยักหน้ารับกับคำถามของพี่ตินา “เห็นๆ เรานึกขึ้นได้ว่ามีคอนแทคเลนส์อยู่ในกระเป๋าก็เลย... น้องกายใส่ให้แล้ว”



ชะอุ้ย



พอพี่เรนพูดแบบนั้นทุกคนก็เบนสายตาจากพี่เรนมาเป็นผมแทน เห็นแล้วสะดุ้ง สั่นสะท้านเบาๆ เลยทีเดียว “ก็พี่เรนมือเจ็บไง ผมเลยใส่ให้”



“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พี่ตินาว่าแต่ก็ยังไม่วายหรี่ตาใส่ผม



ผมเลยได้แต่ยกมือเกาหัวตัวเองนิดๆ ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วก็กระดานวาดรูปของพี่เรนลงบนโต๊ะ “ยังไงผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวกลับไปเรียนไม่ทัน แล้วเอาไว้เจอกันใหม่นะพี่ๆ ทุกคน”



แล้วผมก็เผ่นสิคร้าบบบบ







“เอาแต่เล่นโทรศัพท์นะมึงอะ”



“นั่นดิวะ ไม่สนใจเรียนนะมึง”



เสียงแรกเป็นเสียงของไอ้เกลียวครับ เสียงที่สองก็คู่หูมันไอ้ไม้ แต่ผมไม่สนใจครับ ปล่อยพวกมันเห่ากันไป



“ไม่ตั้งใจเรียนนะมึงอะ” คราวนี้เป็นไอ้แม็คครับ



ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งเสียงจิ๊อย่างรำคาญนิดๆ กับเสียงก่อกวนของพวกมัน “ไม่ได้เรียนไหมมึง”



ที่จริงคาบนี้มีเรียนนะครับ เป็นวิชาในคณะแต่พอดีคณะบดีเรียกอาจารย์ทุกคนประชุมแบบกะหันทันพวกผมก็เลยว่างครับ ว่างยาวตั้งสี่ชั่วโมงก่อนจะไปเรียนวิชานอกคณะกันต่อ



“แล้วตกลงมึงเล่นอะไรของมึงเนี่ย กูเห็นมึงเอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆๆๆ ไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ไอ้เป้ถามผมก่อนจะชะโงกหน้ามามองโทรศัพท์ของผมครับ ผมก็ไม่ได้ปิดหรือหนีอะไร มันอยากดูก็ดู



แล้วพอมันเห็นมันก็ทำตาโตทันที “ว้าวๆๆๆๆ พี่กายนี่ไม่ธรรมดานะครับพี่น้อง”



“อะไรของมึง / วะ” พวกที่เหลือร้องถามออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน



“พี่กายเขาคุยแชทนะครับ” ไอ้เป้พูด ส่วนคนอื่นๆ ทำหน้างงเหมือนว่าแค่ผมคุยแชทแล้วมันไม่ธรรมดาตรงไหน มันก็เลยเฉลยทุกคนครับ “คุยแชทกับพี่เรนนะครับพี่น้อง”



แค่นั้นแหละพวกมันก็พากันชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ผมกันใหญ่ ไอ้แม็คทำท่าจะแย่โทรศัพท์ผมไปกดอ่านแต่ผมไม่ยอมครับ ก็คุยกับพี่เรนอยู่จะให้มันแย่งไปได้ยังไงกัน



ครับผม... ผมกำลังคุยแชทกับพี่เรนอยู่ครับ ไม่ได้คุยอะไรมากหรอกครับ ผมไลน์ไปชวนพี่เรนหาอะไรกินกันตอนเย็น แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธกลับมาเพราะว่าต้องอยู่วาดรูปส่งอาจารย์ก่อนสองทุ่มเลยไปด้วยไม่ได้



ก็เข้าใจนะ... เพราะบางทีผมก็เจออาจารย์สั่งงานแบบนี้เหมือนกัน ตอนเช้าให้หัวข้อถ่ายรูปมาแล้วให้ส่งตอนเย็น วิ่งวุ่นกันแทบตายเลยครับ พี่เรนก็คงจะเหมือนกัน จะว่าไป... ผมซื้ออะไรไปให้พี่เรนกินตอนเย็นดีกว่า เห็นพี่เรนบอกว่าอาจารย์ปล่อยให้วาดรูปกันอิสระแค่เอางานไปส่งก่อนสองทุ่มก็พอ



เพราะอย่างนั้นหลังเลิกเรียนผมกับเพื่อนก็ไปหาอะไรกินกันก่อนที่ผมจะแวะซื้อของกิไปฝากพี่เรน อ๋อ... รวมไปถึงพวกพี่ตินาด้วยครับ จะเอาใจพี่เขาก็ต้องได้ใจเพื่อนๆ พี่เขามาด้วย ผมเดินหิ้วถุงเสบียงเต็มสองมือครับ มีทั้งข้าวกล่อง (คือโทรไปถามมาแล้วว่าพวกพี่เขาจะกินอะไรกัน) ขนม แล้วก็น้ำ



ผมเดินเข้าไปในอาคารของคณะศิลปกรรมศาสตร์ หลายคนหันมามองเหมือนจะงงๆ ว่าไอ้นี่มันมาได้ยังไง คือแบบเหมือนมีพลังงานบางอย่างแอบแฝง เหมือนอย่างเวลามีคนของคณะอื่นเดินเข้าไปในตึกคณะเราเอง เราก็เหมือนจะมีญาณหยั่งรู้ใช่ไหมละครับว่าคนนี้ไม่ได้เรียนคณะเรา อะไรแบบนั้นแหละ



“เสบียงมาแล้วครับ” ผมส่งเสียงทักเมื่อเห็นพี่เรนกับเพื่อนๆ นั่งล้อมวงกันวาดรูปอยู่ตรงลานกลางคณะ



อาคารของคณะนี้เป็นลักษณ์สีเหลี่ยมที่มีคอร์ดตรงกลางเป็นสวนครับ บรรยากาศดูร่มรื่นผิดกับคณะผม คณะผมจะเน้นแบบอะไรที่ค่อนข้างทันสมัย มีห้องคอมอย่างเยอะ ร้านไอที ร้านกาแฟ ต้นไม้ไม่ค่อยเน้นครับ แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีนะ แต่ถ้าเทียบกับคณะของพี่เรนแล้วบรรยากาศร่มรื่นกว่าคณะผมเยอะ



“เยี่ยมๆ ขอข้าวด่วนๆ คือหิวมากมายอะ” พี่สากวักมือเรียกผมก่อนจะดึงถุงใส่กล่องข้าวไปแล้วก็หยิบข้าวแจกเพื่อนๆ แต่ละคน ผมวางถุงที่เหลือลงตรงกลางวงแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พี่เรน หยิบน้ำผลไม้มาเปิดเอาหลอดใส่ให้เรียบร้อยแล้วส่งให้พี่เรน



“ขอบใจนะ” คนน่ารักยิ้มกว้างมาให้รับน้ำของผมไปดูดใหญ่ คงจะหิวน้ำ



ผมหันไปรับข้าวกล่องของพี่เรนมาจากพี่สา จัดการเปิดฝาหยิบช้อนให้เรียบร้อยครับ นี่ถ้าป้อนได้ป้อนไปแล้วแต่ป้อนไม่ได้ไง เลยได้แต่ส่งข้าวให้พี่เรนกิน ระหว่างนั้นผมก็ชะโงกหน้าดูภาพที่พี่เรนวาดไปด้วย



พี่เรนวาดรูปสวยมากจริงๆ ครับ เคยเห็นแต่ในโทรศัพท์ที่พี่เขาอัพงานลง นั่นก็ว่าสวยแล้วนะแต่พอมาเห็นจริงๆ แบบนี้คือโคตรสวยเลยครับ พี่เขากำลังวาดภาพภายในของห้องอะไรสักห้องอยู่ครับ น่าจะเป็นแนวแบบห้องจัดแสดงงานอะไรประมาณนี้



“มีวาดรูปส่งแบบนี้บ่อยเหรอ” ผมหาเรื่องชวนคุย



“อือ! อาทิตย์ละวัน แต่บางอาทิตย์ก็สองวันแล้วแต่อาจารย์น่ะ” พี่เรนตอบ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ



หลังจากพวกพี่ๆ เขากินข้าวกันเสร็จก็หันกลับไปลงมือวาดรูปกันต่อเพราะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นก็ต้องเอางานไปส่ง ผมเองก็ไม่ได้กวนอะไรนั่งมองพี่เรนวาดรูปไปสลับกับคุยแชทกับเพื่อนๆ ในคณะไปด้วย



“อ่ะ” ผมแกะป๊อกกี้รสช็อคโกแลตก่อนจะหยิบป้อนพี่เรน พี่เขาชะงักนิดหนึ่งแต่ก็ยอมอ้าปากรับป๊อกกี้ที่ผมป้อน ผมเลยเปลี่ยนจากนั่งมองพี่เรนวาดรูป เป็นป้อนป๊อกกี้พี่เขาสลับกับคุยกับเพื่อนแทน



อีกสิบนาทีจะสองทุ่มพวกพี่ๆ เขาวาดรูปกันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แต่ก็ต้องรีบเอาภาพไปส่งให้ทันก่อนสองทุ่ม ผมเลยอาสาจะนั่งเฝ้าของไว้ให้เองแล้วให้พวกพี่เขาวิ่งเอางานไปส่งกันแล้วค่อยกลับมาเก็บของกลับกัน



“หิวไหมครับ” ผมถามพี่เรน ตอนนี้ผมกับพี่เรนกำลังเดินกลับหอด้วยกันครับ พี่คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว



“ไม่หรอก อิ่มแล้วกายหิวเหรอ”



“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าพี่จะหิว”



พี่เรนส่ายหน้าไปมา “ไม่หิวหรอก แต่อย่างนอนมากกว่าวันนี้เหนื่อยมากเลย” พี่เรนว่าเสียงยานคาง ฟังแล้วน่ารักดีครับอยากจะยื่นมือไปหยิกแก้มขาวๆ นั้น



“ฮ่ะๆๆ นี่ไงถึงหอแล้ว” ผมว่าเดินไปส่งพี่เรนที่หน้าหอ “รีบอาบน้ำแล้วก็นอนนะครับ ฝันดีนะพี่เรน”



พี่เรนพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้มให้ผม “อื้อ! ฝันดีนะ”



แล้วคืนนี้... ผมก็ฝันดีอย่างที่พี่เรนอวยพรด้วยละครับ






[color=#2a7286 ]************************************************
ครบ 100% แล้วค่าาาาาาา พี่เรนเขินน้องด้วยอะ เขินแต่ไม่รู้ว่าเขิน รู้แต่ว่าหน้าตัวเองมันร้อนๆ ไม่ได้จะเป็นไข้นะ แต่หน้ามันร้อนๆ แล้วพี่เรนคะ... ไม่ทันคนแบบนี้ก็ไม่ทันเจ้ากายมันน่ะสิ ดูสิได้ทั้งเบอร์ ได้ทั้งไลน์พี่เขาครอบครองแล้วนั่น แต่ก็นั่นแหละเนอะ จีบคนไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที ก็ต้องจีบกันแบบนี้แหละค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
[/color]

ออฟไลน์ Pakbung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 พี่เรนน่ารักตลอดดด น้องกายก็เนียนมากเหมือนกัน 444

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่เรนขี้หลงขี้ลืมแบบนี้นิ่งต้องให้น้องกายมาดูแลเลย 555555555 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เรนน่ารักอีกแล้ว งือออออออ
โดนเจ้ากายมัดมือชกแบบงงๆ
แถมเจ้ากายก็แถซะข้างตัวแผลซิบๆเลย ฮ่าๆๆ
ขอบคุณค่ะฟาง รอตอนหน้าจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอพี่เรนกลับบ้านได้ไหม  น่ารักอะไรเบอร์นั้น  :mew2:

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

“ฮื่อ… ไม่มี พี่นอนก่อนนะง่วงมากเลย ฝันดีนะกาย”
rain
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 11 •





น้องกาย





ตือดึ่ง! ตือดึ่งๆๆๆ!



ผมใช้มือควานสะเปะสะปะเพื่อหาโทรศัพท์เจ้ากรรมที่มีเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังไม่หยุดจนต้องตื่นจากฝันหวาน คนกำลังฝันดีว่าจะได้จูบกับพี่เรน ใครแม่งมาปลุกผมออกจากความฝันนี้วะ!!



ผมผงกหัวขึ้นหรี่ตามองเพราะแสงสว่างจ้าจากหน้าจอโทรศัพท์ทำให้แสบตา ใช้เวลาปรับสายตาอยู่สักพักจึงจะมองเห็นชัดขึ้น



เป็นข้อความจากเพื่อนๆ ในคณะ แม่งไม่นอนกันหรือยังไงวะ แล้วก็มีข้อความของพี่ตินา… หือ!!! พี่ตินา!!!



ผมเด้งตัวลุกขึ้นพรวดตาสว่างเลยครับก่อนจะกดเปิดหน้าจอแล้วเข้าแอพไลน์ทันที



     TiNa : ไอ้เรนกำลังจะกลับหอ มารับมันหน่อยดึกแล้ว
     TiNa : โทรศัพท์มันแบตหมดด้วย
     TiNa : *ส่งรูปภาพให้คุณ*




เป็นภาพพี่เรนที่กำลังทำหน้าตาง่วงนอนได้น่ารักมาก มือก็เหมือนกำลังจะเก็บของ ผมมองเวลาก่อนจะขมวดคิ้วเพราะนี้มันตีสามกว่าแล้ว



เมื่อตอนบ่ายพี่เรนบอกว่าจะอยู่วาดรูปแล้วก็ตัดโมเดลที่คณะเพราะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงต้องส่งงาน นี่อย่าบอกนะว่าทำกันตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้พักน่ะ วันนี้ผมเองก็ยุ่งครับ โดนเพื่อนบังคับให้เข้าไปดูน้องๆ ปีหนึ่ง คือให้ไปแนะนำตัวแหละเพราะผมเป็นเดือนปีสองไง กว่าจะหลุดออกมาได้ก็นู้นนน สามทุ่มแล้ว โดนพวกไอ้เกลียวลากไปหาอะไรกินต่อ กลับมาก็หลับยาวเลยครับ



“โอเค… เดี๋ยว ผม รีบ ไป… ครับ!” ผมกดข้อความส่งตอบพี่ตินาไปก่อนจะลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย ชุดไม่ต้องเปลี่ยนครับ ไปชุดไหนๆ ผมก็หล่อ



คว้าเอากุญแจรถ โทรศัพท์ กระเป๋าเงินมาถือแล้วล็อคห้องตรงไปที่ลิฟต์ทันที ปกติเวลาไปมหา’ลัย ผมจะเดินไปครับเพราะมันไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว อีกอย่างพี่เรนก็คงง่วงน่าดู…



ส่วนรถที่ผมมีเป็นรถยนตร์ครับ พ่อซื้อให้ตอนสอบติดมหา’ลัย บอกเอาไว้ใช้ ไม่ก็เอาไว้ขับกลับบ้าน นานๆ ทีก็เอามาขับครับ เวลารีบเร่ง



ผมกดเปิดรถมินิคูเปอร์สีน้ำตาลที่จอดไว้ใต้หอก่อนจะขึ้นไปนั่งแล้วขับออกจากหอไป ระยะทางจากหอผมไปมหา’ลัย เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงประตูทางเข้าเพราะอย่างนั้นผมเลยใช้เวลาสิบนาทีในการขับรถไปถึงคณะศิลปกรรมศาสตร์



พี่เรนกับพวกพี่ตินายืนอยู่หน้าคณะ พวกพี่ผู้หญิงเหมือนจะบังคับอะไรพี่เรนสักอย่างเพราะพี่เขาทำหน้ามุ่ยแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน



“รอน้องมันมารับก่อน จะกลับไปเองได้ยังไง” พี่สาว่า น้องที่ว่าคงหมายถึงผม



“งือออ เรากลับเองได้ จะให้กายมารับทำไม” พี่เรนเริ่มงอแง คงเพราะง่วงแล้วก็อยากกลับแล้ว แต่พวกพี่เขายังไม่เห็นผมนะครับสงสัยจะคิดว่าผมคงเดินมารับไม่ได้ขับรถมา



“มันดึกแล้ว พวกฉันจะไปส่งก็ไม่ยอม เพราะอย่างนั้นก็รอน้องมันมารับนี่แหละ” พี่ใบหม่อนพูดอย่างไม่ยอมให้พี่เรนกลับเอง



คราวนี้คนน่ารักของผมทำหน้างอเลยครับ เห็นแล้วน่ารักชะมัดเลย ผมเดินตรงไปหาพวกพี่ๆ เขา “พี่ๆ สวัสดีครับ”



“อ้าว! ทำไมมาเร็วจัง” พี่ตินาหันมาถาม เพราะถ้าเดินอย่างน้อยก็เกือบๆ ยี่สิบนาทีได้



“นู้นครับ ขับรถมาจะได้รีบมารับพี่เรน” ผมชี้ข้ามไหล่ตัวเองไปที่รถของผมที่จอดอยู่



“เหยดดดด มินิคูเปอร์ ไม่ธรรมดานี่หว่าน้องกาย” พวกพี่ๆ เขาร้องออกมา คือ… เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาร้องกันแบบนี้ใช่ไหม เพื่อนผู้ใหญ่ในคณะผมก็ชอบร้องแบบนี้แหละ…



“ฮ่ะๆ พ่อให้มาน่ะครับ ผมว่ากลับกันดีกว่าพวกพี่จะได้รีบกลับไปนอนกันด้วย” ผมบอกกับพวกพี่ตินาก่อนจะหันไปหาพี่เรน หยิบย่ามใบโตที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา “ไปครับพี่เรน เดี๋ยวผมไปส่ง มีของอันไหนของพี่อีกไหม”



พี่เรนยังทำหน้ายุ่งอยู่ หันไปบ่นงุ้งงิ้งอะไรก็ไม่รู้กับพี่สา จนพี่สาตีแขนเข้าให้ “เลิกบ่น หยิบของกลับห้องนอน ยังไงน้องมันก็มารับแล้ว”



“งือ!” คราวนี้มางือสั้นๆ ห้วนๆ ครับ ปกติจะลากเสียงยาว แต่ไม่ว่าจะเสียงสั้นเสียงยาวผมก็ชอบหมดอะ



พี่เรนหยิบโมเดลขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะหยิบกระดานวาดรูป ผมเลยคว้ามาเสียก่อน ไม่กล้าถือโมเดลให้ครับกลัวทำพัง ผมบอกลาพี่ๆ เขาอีกรอบแล้วเดินนำพี่เรนมาที่รถ เปิดประตูหลังให้พี่เรนเอาโมเดลวาง รวมถึงย่ามแล้วก็กระดานวาดรูปด้วย



“ลำบากกายเลย” พี่เรนพูดตอนที่ขึ้นรถแล้วและผมกำลังถอยรถออก



“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้เองไม่ได้ลำบากอะไรครับ” ผมหันไปยิ้มให้



“งือออ นี่ยังไม่ได้นอนเหรอ”



“นอนไปแล้วครับ แต่ตื่นมาพอดีแล้วก็เห็นไลน์พี่ตินาผมก็เลยมารับพี่นี่ไง” ไม่บอกหรอกครับว่าเพราะเสียงไลน์ดังไม่หยุด “ว่าแต่พี่เถอะ กินข้าวหรือยัง ได้พักบ้างไหม แล้วนี่งานเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”



พี่เรนพยักหน้ารับหงึกหงัก ตากลมๆ นั้นก็ปรือเหมือนจะหลับให้ได้ “กินข้าวแล้ว ไม่ได้พักเลยเพราะต้องเร่งทำงาน แต่ก็เสร็จแล้วหล่ะ ถึงได้กลับหอนี่แหละ” พูดจบก็หาวโชว์ผมอีก



ผมได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางนั้น ก่อนจะหาเรื่องชวนคุยต่อ ก็ไม่พ้นเรื่องเรียนของพี่เขานั่นแหละครับ ตอนก่อนหน้านี้ผมแค่ชอบ แค่มองห่างๆ ไม่รู้หรอกว่าพี่เขาเรียนยังไง ทำงานยังไง นอนตอนไหน อาศัยแค่ส่องระเบียงห้องพี่เรนเฉยๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ ยิ่งได้เข้ามาใกล้ชิด มารู้จักก็ยิ่งอยากรู้ว่าพี่เรนเป็นยังไง ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง เรียนหนักไหม งานเยอะหรือเปล่า ได้นอนตอนไหน กินอะไร และทำอะไรอยู่



“เป็นแบบนี้ประจำเลยเหรอ” ผมถามก่อนจะขยายความขึ้นเมื่อพี่เรนทำหน้างง “ผมหมายถึง ต้องเร่งทำงานจนดึกดื่นแบบนี้ เป็นประจำเลยเหรอครับ”



“อือ ก็ประจำนะ นี่ยังดีที่โมเดลไม่ใหญ่มาก บางงานไม่ได้นอนแบบสองสามคืนเลยก็มี ตางี้ดำยิ่งกว่าแพนด้าอีก” พี่เรนพูดพร้อมกับทำมือเป็นวงกลม เหมือนท่าโอเคนั่นแหละครับ แล้วก็เอามาแปะที่ตาตัวเอง



ฮ่าๆๆๆ น่ารักชะมัดเลย



“ไหวเหรอครับ ไม่เบลอแย่เหรอ” ผมเองก็เคยครับ ไม่ได้นอนเพราะปั่นโปรเจค คือแม่งโคตรจะมึนเลยครับ เบลอมากครับ



“ก็เบลอแหละ แต่ทำยังไงได้” พูดจบก็หาวอีกรอบ ดูท่าจะง่วงมากครับ



ผมเลี้ยวรถเข้าไปใต้หอพี่เรน ลงไปช่วยพี่เขาขนของเพราะมีทั้งโมเดล กระดานวาดรูปแล้วก็ย่ามใบโตที่ใส่อุปกรณ์วาดรูปเอาไว้เพียบ ตั้งใจว่าจะขึ้นไปส่งที่ห้องแล้วหลังจากนั้นก็ว่ากันอีกทีครับ



พี่เรนเปิดประตูห้องพักก่อนจะเดินนำเข้าไป เอาโมเดลวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น ส่วนของที่ผมถือมาพี่เขาก็บอกให้วางไว้ข้างๆ กัน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่ได้มาเกือบสัปดาห์ ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือกระดาษที่พี่เรนใช้ตัดโมเดล แล้วก็มีโมเดลเพิ่มมาอีกหนึ่งงาน



ส่วนหมีหลับไปแล้วครับ ไม่สนใจเลยสักนิดว่าใครจะเดินเข้ามาให้ห้อง



“ถ้านอนเลยแบบไม่อาบน้ำจะได้ไหมอะ” พี่เรนหันมาถามผม ตาปรือเต็มทีแล้วครับ



“นอนเลยครับ เอาไว้ตื่นมาค่อยอาบก็ได้ แล้วนี่ต้องตื่นไปส่งงานกี่โมง” ผมถาม พร้อมกับมองคนที่เดินไปนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง



“ฮ้าว… อย่างช้าก็สิบเอ็ดโมงกว่าๆ เพราะอาจารย์ให้ส่งงานตอนเที่ยงถึงบ่ายโมง”



“แล้วมีเรียนไหมตอนเช้ากับตอนบ่าย” พี่เรนทิ้งตัวลงนอนขดแล้วครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแก่ใจตอบคำถามของผมนะ



“ฮื่อ… ไม่มี พี่นอนก่อนนะง่วงมากเลย ฝันดีนะกาย”



แล้วคนง่วงก็นอนหลับไปครับ ส่วนผม… ได้แต่ยืนงงอยู่กลางห้อง ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองตอนนี้ดี ระหว่างเดินออกจากห้องพี่เรนไป พร้อมล็อคประตูปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วกลับห้องตัวเองไปนอน หรือไม่ก็… หน้าด้านอยู่ห้องพี่เรนต่อ



ผมยืนคิดอยู่สักพัก…



และแล้วผมก็เลือกที่จะหน้าด้านครับ



ผมเดินไปปิดไฟ ใช้แสงไฟจากโทรศัพท์นำทางไปที่เตียงนอน ขออนุญาตถือวิสาสะนอนด้วยคนนะครับ… เอาไว้ตื่นค่อยมาว่ากันอีกทีว่าพี่เรนจะโกรธหรือไม่โกรธ



ผมหลับไปหลังจากหัวถึงหมอนได้ไม่นาน ข้างนอกฝนเริ่มตกทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นสบายเข้าไปใหญ่ แล้วผมก็หลับยาวเลยครับ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีรู้สึกเหมือนมีอะไรเปียกๆ มาแตะโดนทั่วหน้าของผมแล้วก็รู้สึกหนักๆ ที่หน้าอก ผมหรี่ตาขึ้นมองก่อนจะเห็นเจ้าหมีมานั่งอยู่บนอกของผม แถมยังเอาจมูกมาดุนๆ ไปทั่วหน้าด้วย



“ว่าไง” ผมลูบหัวมันเล่น “อย่าซนนะรู้ไหม พี่เรนนอนอยู่”



หมีส่งเสียงร้องเบาๆ แล้วมันก็กระโดดลงจากเตียงไปนอนขดที่เบาะนอนของมันครับ คงพอใจแล้วที่มาปลุกผมให้ตื่นได้ เอาที่แมวสบายใจครับ...



ผมคว้าโทรศัพท์มากดดูเวลา เพิ่งจะแปดโมงเองปล่อยให้พี่เรนนอนต่อไปก่อนแล้วกัน เพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองเอาไว้ตอนเกือบๆ สิบเอ็ดโมงค่อยปลุกพี่เขาให้ตื่น ผมหันไปมองพี่เรนที่นอนขดอยู่ข้างๆ แล้วก็ยิ้มออกมา



ใบหน้าขาวๆ นั้นดู... เรียกว่าอะไรนะ จิ้มลิ้ม... อะไรประมาณนั้น ดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยเลยครับ ขนตายาวๆ นั้นทาบไปกับแก้มขาวๆ จมูกโด่งๆ แล้วไหนจะริมฝีปากอิ่มนั่นอีก คนอะไรไม่ว่าจะมองมุมไหน มองยังไงก็น่ารักไปหมด



ถ้าตอนนี้ผมมีสถานะเป็นแฟนพี่เรน ผมคงดึงพี่เขาเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็หอมไปที่แก้มขาวๆ นั้นหลายๆ ที ไม่ก็กัดแก้มสักที แต่ไม่ใช่ไงครับ ตอนนี้เลยได้ฝันเท่านั้นแหละ ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็เกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากแล้ว ใครจะคิดว่าจากแอบมองเขามาเป็นปี แต่วันนี้ได้มานอนบนเตียงเดียวกับคนที่ชอบ ถึงแม้จะเป็นการที่ผมถือวิสาสะนอนเองโดยไม่ได้ขอก็เถอะ



ผมนอนมองพี่เรนอีกแปบก็ย่องออกจากห้องพี่เรนไปที่หอตัวเองเพื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อยครับ วันนี้ไม่มีเรียนผมเลยหยิบชุดสบายๆ มาใส่อย่างกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดแค่นั้นครับ แล้วก็ย่องกลับเข้าไปในห้องพี่เรนใหม่อีกรอบ



พี่เรนยังไม่ตื่นเลย...



“เหมียว~~~” ผมก้มลงมองเมื่อหมีเดินเข้ามาพันแข้งพันขาพร้อมร้องเรียกผมด้วย ผมเลยจัดการอุ้มมันขึ้นมากอดซะเลย “ว่าไง หิวแล้วละสิ เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน โอเคไหม?”



มาอยู่ห้องพี่ อย่านิ่งดูดาย ต้องหาอาหารให้แมวพี่กินด้วยครับ หลังจากเทอาหารเม็ดสำหรับแมวให้หมีเรียบร้อยแล้วผมก็ปล่อยให้มันกินอาหารไป ส่วนตัวผมก็เดินไปนั่งอยู่ข้างเตียงพี่เรน เอาแขนวางไว้บนเตียงแล้วก็เกยคางบนแขนตัวเองมองหน้าคนหลับไปเรื่อยๆ เพลินดีครับ



ผมนั่งอยู่แบบนั้นเกือบชั่วโมงได้ คนหลับก็เริ่มขยับตัว ผมอมยิ้มกับท่าทางที่เหมือนเด็กๆ ของพี่เรน พี่เขาพลิกตัวไปมาเหมือนกับไม่อยากจะตื่นนอน



“อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมพูดเมื่อพี่เรนลืมตาขึ้นแล้วหันมาถามผม



ดวงตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนที่แก้มขาวๆ จะขึ้นสีจางๆ ดูน่ารัก



“อ... อรุณสวัสดิ์...” พี่เรนดูยังงงๆ ที่เห็นผมอยู่ในห้องแบบนี้ แล้วเจ้าตัวก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเลยครับ



ส่วนผมก็นั่งยิ้มขำกับท่าทางนั้น






************************************************
มาแล้วค่ามาแล้วววว เขาพัฒนานะเออ มีขับรถไปรับดึกๆ ดื่นๆ มีนอนด้วยกัน (ได้ข่าวว่าน้องกายมันหน้าด้านนอนเองนะ) อิอิ คู่นี้เขาเริ่มพัฒนาแล้วววว พี่เรนมีแก้มแดง น่ารักที่สุดเลย อยากจะเป็นน้องกายแล้วนอนมองพี่เรนนอน คือถ้าเป็นน้องกายก็คงคิดแบบน้องอะแหละเนอะ ถ้าเป็นแฟนนะ จะจับพี่เรนมาฟัดให้หนำใจเลย คนอะไรน่ารักน่าดูเอ็น เอ๊ย! น่าเอ็นดูไปหมดแบบนี้ ><

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2016 23:03:29 โดย fangiily »

ออฟไลน์ Pakbung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 พี่เรนน่ารักกกกกก น่าเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน หืมมมมใช่หรอ

 น้องกายหน้าด้านเข้าไว้ เดี๋ยวพี่เรนก็เสร็จเรา 5555

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่เรนน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยยย หลงพี่เรน หลงจนไปไหนไม่รอดแล้วเนี่ย น่ารักอะไรขนาดนั้น  ฮือออ ใจทำงานหนัก  :hao7:

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

“ฮื่อ… ไม่มี พี่นอนก่อนนะง่วงมากเลย ฝันดีนะกาย”
rain
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ





โชคครั้งที่ • 11.2 •





• • • ต่อค่ะ 100% • • •





พี่เรน

   


อือ...



ยังไม่อยากตื่นเลยครับ…



ผมได้แต่พลิกตัวไปมาบนเตียงนอนนุ่มๆ ของตัวเอง นอนต่อได้ไหมอะ… แต่วันนี้มีส่งงานนี่นา งือ… ผมอยากนอนต่อ



พลิกตัวไปมาอยู่สักพักก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารหมีเลย ไม่รู้หิวหรือยังแต่ก็แปลกปกติถ้าหิวหมีจะเข้ามาปลุกผมแล้วนะ หรือว่ายังเช้ามากอยู่กันแน่



“อรุณสวัสดิ์ครับ”



ผมตาโตด้วยความตกใจ ตอนแรกไม่ทันมองว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง พอเห็นใบหน้ายิ้มๆ ของน้องกายก็รู้สึกแปลกๆ ที่แก้มอย่างบอกไม่ถูก



“อ… อรุณสวัสดิ์…” ผมพึมพำตอบเสียงเบาก่อนจะลุกจากเตียงเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที



ทำไมแก้มมันร้อนๆ แบบนี้นะ…



ผมได้แต่ยกมือกุมแก้มของตัวเอง แล้วส่ายหน้าไปมา พลางนึกสงสัยว่าทำไมน้องเขาถึงมาอยู่ที่ห้องของผมได้นะ…



หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยผมก็เดินออกจากห้องน้ำ เมื่อกี้รีบไปหน่อยเลยไม่ได้หยิบผ้าเข้ามาด้วย หน้าผมนี่เปียกน้ำไปหมด



“พี่นี่นะ…” กายที่นั่งเล่นอยู่กับหมีหันมามองผมก่อนจะส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นมาหา หยิบผ้าที่แขวนอยู่บนราวมาด้วยก่อนจะใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดหน้าให้ผม



“ขอบคุณนะ”



กายยิ้มกว้างให้ผม ซึ่งผมก็ยิ้มตอบ ผมว่ากายเป็นคนที่ทำให้ใครต่อใครยิ้มตามได้ไม่ยากนะ



“ไปหาอะไรกินกันดีกว่าครับ หรือพี่เรนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วลงไปทีเดียวดี” กายเอียงคอมองแล้วถามผม



ผมเอียงคอตามอีกคนก่อนจะตอบ “อือ… พี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน จะได้ไปทีเดียวเลย ส่งงานเสร็จก็จะได้กลับมานอนยาวๆ ต่อ”



กายหัวเราะ ไม่รู้ว่าขำอะไรแต่ก็พยักหน้ารับกับคำพูดของผม แล้วก็หันไปเล่นกับหมีต่อ ผมมองกายเล่นกับหมีแล้วก็แปลกใจปกติหมีไม่ค่อยเข้าหาคนอื่นครับ กับพวกตินาบางทียังเล่นตัวไม่ยอมเล่นด้วยเลยแต่แปลก… กับน้องกายทั้งเล่นด้วยทั้งเข้าหาตลอดเลย



ผมยืนมองตาปริบๆ ก่อนจะสะดุ้งแล้วนึกขึ้นได้ว่าควรไปอาบน้ำได้แล้วก็ตอนที่กายเงยหน้าขึ้นมาถามผม “ไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ”



“อ๊ะ… อ่าๆ อาบๆ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมรีบพูดรัวเร็ว รู้สึกอายนิดๆ ที่ทำตัวเอ๋อๆ ออกไปแบบนั้นแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทันที




เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมาผมกับกายก็ลงไปหาอะไรกินกันครับ ร้านใกล้ๆ หอ ส่วนโมเดลกับรูปที่จะต้องส่งอาจารย์ตอนเที่ยงอยู่ในรถของกาย น้องบอกว่าจะขับรถไปส่งผมที่คณะ จริงๆ แล้วผมก็เกรงใจนะครับบอกปัดไปแล้วด้วย… แต่เจ้าตัวไม่ยอมแถมยังถือโมเดลผมเดินลิ่วๆ ไปที่รถ เอาโมเดลของผมใส่ไว้ในรถแล้วปิดล็อคเรียบร้อย



ฮึ่ม!



น้องกายเอาแต่ใจ



“แก้มป่อง” กายพูดพร้อมกับเอานิ้วมาจิ้มๆ ที่แก้มของผมไปด้วย



“ฮึ่ม!”



ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งเสียงในลำคอพร้อมทำหน้าขรึม แต่เหมือนกายจะไม่กลัวผมเลยครับแถมยังหัวเราะผมอีกต่างหาก อะไรกัน! ผมมีอะไรน่าขำหรือยังไง



เดี๋ยวก็กัดเสียเลยนี่!!!







น้องกาย



ผมท้าวคางมองคนที่ทำหน้าบึ้งแก้มป่องที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ไม่รู้หรือยังไงว่าทำหน้าแบบนั้นน่ะ… ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด ต้องบอกว่า… น่ารักมากเลยต่างหาก



ยิ่งตอนที่ทำหน้าเหมือนอยากจะกัดผมให้จมเขี้ยวแบบนั้นก็ยิ่งน่ารัก น่าฟัดมากขึ้นไปอีก ฮึ่ม!! อยากจะจับมาฟัดจริงๆ เลยให้ตายสิ แต่สถานะมันไม่ให้ไง ผมเลยได้แต่นั่งอมยิ้มมองคนน่ารักตรงหน้าแทน



“กินข้าวได้แล้วครับ เดี๋ยวไปๆ มาๆ ไปส่งงานไม่ทันนะ” ผมพูดยิ้มๆ ยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มพี่เรนอีกรอบ



โคตรนิ่มอะครับ นี่ถ้าไม่เกรงใจจะยกนิ้วขึ้นมาดมด้วยแล้วนะ อยากรู้ว่าหอมไหมแต่มันแลดูโรคจิตไปหน่อยก็เลยไม่ทำครับ แต่แก้มพี่เรนนิ่มมากจริงๆ ครับ ทั้งนิ่มทั้งนุ่มเลยครับ แล้วพี่เขาก็ใจดีไปอีกไม่มีห้าม ไม่มีว่าปล่อยให้ผมเล่นแก้มตามใจชอบซะอย่างนั้น



“กินข้าวครับ กินข้าว หรือจะให้ผมป้อน”



คนตรงหน้าผมทำปากยื่นก่อนจะลงมือกินข้าว ผมเห็นแบบนั้นก็เลยจัดการกับข้าวของตัวเองบ้าง



รู้สึกมีความสุขแล้วก็หัวใจพองโตยังไงก็ไม่รู้สิครับ การได้มานั่งกินข้าวกับคนที่ชอบแบบนี้เนี่ย



“ส่งงานเสร็จแล้วพี่เรนไม่มีเรียนต่อใช่ไหมครับ”



พี่เรนหยักหน้าหงึกหงักเพราะยังมีข้าวอยู่ในปากเลยไม่ได้พูดตอบผมกลับมา “ผมก็ว่าง อย่างนั้นตอนบ่ายเราพาหมีไปเที่ยวกันดีไหม ผมรู้จักแคทคาเฟ่อยู่ร้านหนึ่งแถวๆ สุขุมวิท”



พอผมพูดถึงแคทคาเฟ่พี่เรนก็ทำตาโตเป็นประกายเชียวครับ แล้วก็พยักหน้ารับ “ไปๆ พี่ก็เคยเสิร์ชเจอ อยากไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีคนพาไป พวกตินาบอกจะพาไปตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ยอมพาไปสักที พี่นะไปเองก็ไม่ยอมให้ไป ไปกันนะ นะๆ นะ”



พี่เรนนี่สามารถทำหน้าได้หลากหลายในหนี่งประโยคนะครับ ตอนแรกทำตาวิบวับเชียว ก่อนจะทำหน้างอนหน้าบึ้งตอนพูดถึงพวกพี่ตินา ก่อนจะทำหน้าอ้อนใส่ผมตอนท้ายประโยคอีก



“ไปนะกายนะ พาพี่ไปนะ ไปกันนะพี่อยากไป” พี่เรนอ้อนผมอีกรอบเมื่อยังเห็นผมไม่ตอบอะไรออกไป



ที่จริงก็อยากจะแกล้งทำยึกยักมากกว่านี้นะครับ แต่พอเห็นตาอ้อนๆ หน้าอ้อนๆ ของพี่เรนแล้ว หน้าผมมันก็กดลงโดยอัตโนมัติเลยครับ พอเห็นผมพยักหน้ารับพี่เรนก็ยิ้มกว้าง ชูมือขึ้นอย่างกับเด็กๆ



แต่ก็โคตรน่ารักเลยละครับ



หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้วผมกับพี่เรนก็เดินกลับไปที่หอของพี่เขาอีกรอบเพราะว่างานที่ต้องส่งของพี่เรนอยู่ในรถของผม



ผมขับรถเข้าไปในมหา’ลัยก่อนจะหาที่จอดรถแถวหน้าคณะของพี่เรน ช่วยพี่เขาถือของเดินเข้าไปในคณะ แน่นอนว่ามีหลายคนที่มองมาครับ คงจะสงสัยว่าทำไมไอ้เด็กหน้าแปลกแต่งตัวแปลกอย่างผมถึงมาเดินอยู่ในคณะศิลปกรรมแบบนี้



“เรน ทางนี้”



ผมกับพี่เรนหันมองตามเสียงเรียกชื่อของพี่เรนก่อนจะเห็นพวกพี่ตินายืนโบกไม้โบกมือให้



“สวัสดีครับ” ผมทักทายพวกพี่ๆ เขา ซึ่งพวกพี่ๆ ก็ทักทายผมกลับมาครับ



ผมนั่งลงข้างพี่เรน ปล่อยให้พวกพี่เขาคุยกันไปเรื่องงาน เรามาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงครับเลยต้องรอให้เที่ยงก่อนพวกพี่ๆ เขาถึงจะส่งงานได้ ตอนนี้ก็เลยนั่งคุยกันส่วนผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่น มีตอบคำถามบ้างเวลาพวกพี่เขาถามมา



“กาย… พี่เอางานไปส่งก่อนนะ” ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่กับพวกไอ้ไม้ขึ้นมองพี่เรน ก่อนจะพยักหน้ารับ



“ครับผม เดี๋ยวผมนั่งรอตรงนี้นะ”



“สรุปพาไปคาเฟ่แมวแน่นะ” พี่เรนถามย้ำอีกรอบ มีการหรี่ตามองผมด้วย



ผมหัวเราะ พยักหน้ายืนยันหนักแน่นไปอีกหลายรอบ “ครับผม พาไปแน่นอน ไปส่งงานได้แล้วพี่เรนเดี๋ยวเราจะได้ไปรับหมีแล้วไปคาเฟ่แมวกัน”



พอผมพูดแบบนั้นพี่เรนที่หรี่ตามองผมอยู่ก็ยิ้มกว้างตาเป็นประกายทันที แล้วก็รีบหอบงานขึ้นมาถือ แล้วถ้าผมไม่ห้าม… ผมเชื่อว่าพี่เขาต้องวิ่งแน่นอนครับ



“พี่เรนอย่าวิ่งนะ! เดี๋ยวล้มไปงานพังหมดไม่รู้ด้วยนะครับ”



ผมก้มลงมองโทรศัพท์อีกรอบเพราะมันยังแจ้งเตือนไม่หยุดที่พวกเพื่อนผมคุยกัน วันนี้ไม่มีเรียนพวกมันก็เลยว่าจะนัดกันไปถ่ายรูปแถวๆ เกาะรัตนโกสินทร์ ถ้าปกติผมคงตอบตกลงไปแล้วละครับเพราะพวกเราเป็นอย่างนี้ประจำ วันไหนที่ไม่มีเรียน หรือได้หยุดติดต่อกันหลายวันเรามักจะออกทริปไปถ่ายรูปกัน ถ้าหยุดวันเดียวก็เลือกในกรุงเทพนี่แหละ แต่ถ้าหลายวันหน่อยก็แบกเป้แบกกล้องออกต่างจังหวัดกันครับ



          mac : สัสกายแม่งเงียบ
          mac: ตกลงมึงจะไปไหม หลับต่อหรือยังไงวะ
          pae: มันต้องไปนอนกกพี่เรนของกูอยู่แน่ๆ เลยว่ะ
          mai: *ส่งสติ๊กเกอร์*
          kleow:*ส่งสติ๊กเกอร์*




ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป



กูไม่ไป กูนัดกับพี่เรนเอาไว้แล้วว่าจะพาพี่เขาไปคาเฟ่แมวแถวๆ สุขุมวิท : kamin
[/i]



แล้วพอผมส่งข้อความไปแบบนั้นพวกเพื่อนๆ ที่น่ารักก็จัดการบรรเลงเลยครับ ด่าผมกันสนุกเลยครับ



         mai: ใช่สิ! พวกกูมันก็แค่เพื่อนที่เรียนด้วยกันมา จะไปสู้พี่เรนได้ยังไง
          mac: มึงก็รู้ คนเราระหว่างเพื่อนกับเมีย ก็ต้องเลือกเมียป่าววะ
          kleow: *ส่งสติ๊กเกอร์*
          pae: ไอ้แม็คพูดถูก เพื่อนอย่างเราๆ จะสู้เมียได้ยังไง




พวกมึง… คือ… : kamin
กูยังไม่ได้พี่เรนเป็นเมียเลย พูดงี้พี่เขาเสียหายนะมึง : kamin
กูดูเป็นสุภาพบุรุษอะ เหี้ย! กูเขิน >< : kamin



ผมนั่งคุยกับพวกมันต่อจนกระทั่งเห็นพี่เรนเดินกลับมาพร้อมพวกพี่ตินาผมก็เลยเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “ส่งงานเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”



“อือ! เรียบร้อยแล้ว เราไปกันเลยไหม ไปๆ ไปเลยนะ” พี่เรนร้องอ้อนออกมาอีกรอบ ดูท่าจะอยากไปมากจริงๆ นะครับ



“นี่จะไปไหนกัน” พี่ใบหม่อยถาม



“ไปคาเฟ่แมว กายจะพาเรากับหมีไป พวกใบหม่อนไปด้วยกันไหม” พี่เรนหันไปตอบ



พวกพี่ๆ เขาร้องอ๋อแล้วก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธกันอย่างพร้อมเพรียง



“ขอบายดีกว่า ตอนนี้ง่วงมากแทบไม่ได้นอนเพราะตัดโมเดล” พี่สาพูด



พี่ๆ คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับพี่สาทุกคนก็เลยปฏิเสธไม่ไป สรุปก็เลยมีแค่ผมกับพี่เรนสองคน เราแยกกับพวกพี่ๆ เขาที่หน้าคณะก่อนที่ผมกับพี่เรนจะเดินกลับไปที่รถ



ต้องกลับไปรับหมีที่หอก่อนครับ แล้วค่อยขับรถไปกัน ไปเวลาแบบนี้รถไม่ค่อยติดเราเลยเสียเวลากันไม่มาก ร้านคาเฟ่แมวที่ผมพาพี่เรนมาบรรยากาศจะตกแต่งแบบ... เขาเรียกว่าอะไรนะ พี่เรนบอกว่าเป็นแนวยุโรป แนวโคโลเนียล ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าโคโลเนียลมันเป็นยังไง แต่ก็คงเป็นแบบที่ร้านนี้นี่แหละ



บริเวณร้านมีส่วนที่เป็นคาเฟ่กับที่เป็นร้านอาบน้ำตัดขนแมวครับ คนไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็พอมี



ผมเดินตามพี่เรนที่อุ้มหมีเข้าไปในร้าน บรรยากาศภายในถือว่าดีเลยครับตกแต่งด้วยไม้เกือบทั้งหมด ผนังบางส่วนเป็นลายอิฐ บางส่วนเป็นไม้ มีตู้โชว์สูงตั้งโชว์ของเกี่ยวกับแมวเอาไว้เต็มเลยครับ แล้วพอเดินเข้ามาด้านในบรรดาแมวเหมียวนับสิบตัวก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกันเลย ก่อนจะเดินเข้ามาคลอเคลียผมกับพี่เรน



ถูกใจพี่เรนเขาละครับ ยิ้มกว้างเลย นั่งยองๆ เล่นกับแมวแล้วนั่น หมีก็ดีนะครับ ไม่มีกลัว ไม่มีหวงเจ้าของแถมยังเข้าไปดมๆ แมวตัวอื่นอีกด้วย



“พี่เรนครับ หาโต๊ะนั่งกันก่อน” ผมเดินเข้าไปสะกิดพี่เขาเมื่อดูท่าทางแล้วน่าจะปักหลักนั่งอยู่กลางร้านแบบนี้



“อ่ะ... อ่า จริงด้วยๆ นั่งพื้นนะ” พี่เรนหันมาบอก ไม่รู้ว่าจะอ้อน หรือสั่ง แต่ไม่ว่าอะไรผมก็ตามใจแหละครับ



ที่ร้นเขาจะมีที่นั่งสองแบบคือแบบนั่งเบาะกับพื้น แล้วก็นั่งโต๊ะ พี่เรนเดินนำผมไปที่มุมหนึ่งซึ่งเป็นโต๊ะแบบนั่งพื้น พอลงนั่งเรียบร้อยบรรดาแมวเหมียวในร้านก็เดินตามมาคลอเคลียใกล้ๆ ทันทีครับ



ผมกับพี่เรนสั่งขนมเค้กกันไปคนละชิ้น น้ำคนแก้วแค่นั้นครับ เน้นนั่งเล่นกับแมวมากกว่ามาหาอะไรลงท้อง อีกอย่างเพราะเราเพิ่งกินข้าวกันไปตอนสิบเอ็ดโมงด้วยก็เลยยังไม่มีใครหิว



ผมหยิบกล้องขนาดเล็กเหมือนพวกกล้องดิจิตอล ฟรุ้งฟริ้งอะไรพวกนั้นแหละครับ แต่ของผมไม่ได้สีหวานอะไรแบบนั้นนะ ของผมอย่างเท่เป็นแนววินเทจสีน้ำตาล กล้องตัวโปรดผมเลยละครับ นั่นแหละ... ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปพี่เรนที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางดงแมวเหมียว



มีหมีนั่งประกาศศักดาความเป็นเจ้าของอยู่ที่ตัก ส่วนแมวของร้านบางตัวก็นอนซุกขาพี่เรน บางตัวก็เกาะแขนเกาะขา บางตัวก็จะขึ้นไปนั่งบนตักด้วย



ผมได้รูปพี่เรนมาหลายรูปเลยครับ เป็นที่พอใจมาก สักวัน... ผมว่าผมจะจัดแสดงรูปภาพคอลเลคชั่นพี่เรนนะ เพราะกว่าจะถึงวันนั้นผมมีคอลเลคชั่นภาพพี่เรนหลายชุดเลยทีเดียว



ผมว่าพี่เรน... เป็นฝนที่ไม่ได้สื่อถึงความเหงา ความเศร้า แต่พี่เรนเป็นฝนที่สื่อถึงความสุข



“พี่เรนยิ้มหน่อยครับ เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้” ผมเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแทน เอ่ยทักให้คนที่สนใจแมวเงยหน้าขึ้นมอง



พี่เรนเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มกว้างใส่กล้อง ผมก็กดถ่ายไปหลายรูปจนพอใจ พี่เขาก็ก้มลงเล่นกับแมวต่อ



ผมปล่อยให้พี่เรนสนใจและใช้เวลาอยู่กับน้องแมวเหมียวไป ส่วนผมก็นั่งดูรูปพี่เรนที่ถ่ายเอาไว้ เลือกเปิดไปเปิดมาอยู่หลายภาพก่อนจะตัดสินใจโพสภาพลงไป ไม่ได้แท็กพี่เขาครับ ปล่อยให้คนดูคิดกันเอาเอง



รูปที่ผมเลือกลงเป็นภาพของพี่เรนแต่ว่าไม่เห็นหน้าครับ เห็นตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเพราะผมกำลังโฟกัสภาพที่หมีที่มองมาที่กล้องพอดี มือข้างหนึ่งของพี่เรนจับหมีเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็กำลังลูบหัวแมวอีกตัว แถมรอบๆ ตัวยังมีแมวอีกหลายตัว หลายสายพันธ์ด้วย



          Guy Kamin ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
          เมื่อสักครู่

          น่ารักทั้งแมว... ทั้งคน... :)
          น่ารักแบบนี้อยากจะพามาบ่อยๆ เลย





read (20:21) : *ส่งรูปภาพ* : kamin
read (20:21) : *ส่งรูปภาพ* : kamin
read (20:21) : *ส่งรูปภาพ* : kamin
read (20:21) : *ส่งรูปภาพ* : kamin
read (20:22) : *ส่งรูปภาพ* : kamin



Rainramin: โห... หลายรูปเลย ถ่ายตอนไหนเนี่ย



read (20:30) : ตอนที่พี่เรนเผลอไง น่ารักผมก็เลยถ่ายเอาไว้ : kamin
read (20:30) : ไม่ได้ขอก่อน ไม่โกรธใช่ไหมครับ : kamin



Rainramin: ไม่โกรธๆ แต่ไม่เหมือนตัวจริงเลยอะ
Rainramin: กายถ่ายรูปเก่งอะ อิอิ




read (20:41) : 555555 : kamin
read (20:41) : ก็นายแบบหน้าตาดี น่ารัก ถ่ายรูปออกมาก็เลยดูดีไงครับ : kamin



Rainramin: อ่า...
Rainramin: 555555




read (21:14) : ผมมีอะไรจะถามพี่เรนด้วย : kamin



Rainramin: อะไรเหรอ???



read (21:33) : ที่ผมทำไปทั้งหมด... ผมหวังผลนะ : kamin



Rainramin: หวังผล???



read (21:45) : หวังให้พี่เรนมาเป็นนายแบบให้ผมไง : kamin
read (21:45) : 555555555555: kamin





กาย คามิน @Guy_Kamin
ที่ผมทำไปทั้งหมด... ผมหวังผลนะ
ไม่ได้หวังให้พี่มาเป็นนายแบบ
แต่หวังให้พี่มาเป็นแฟน
#นี่จีบอยู่นะรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย






************************************************
ครบ 100% แล้วค่ะ คู่นี้เขาน่ารักอ่ะ น่ารักทั้งพี่เรนทั้งน้องกายเลย อยากจะขอสั่งสองคนนี้ห่อใส่ถุงกลับบ้านหน่อยค่ะ จะเอาไปนอนฟัด โดยเฉพาะพี่เรนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารัก น่าเอ็นดู น่ากลั่นแกล้งตลอดเลยยยยยย

คือคอมเมนต์น้อยจัง... อ่านแล้วคอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยได้ไหมอะ ทำงานมาเหนื่อยมาก แล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอีก ก็อยากได้กำลังใจจากคนอ่าน จากคอมเมนต์ในนิยายเนอะ (คอมเมนต์จะชม จะอวย จะติ จะเตือน จะแนะ ฟางโอเคหมด เพราะทุกคอนเมนต์ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ถือคือหนึ่งในกำลังใจสำคัญของฟางค่ะ)

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด