Three Couple of love บทที่15 รักของเราจะเป็นเช่นใด
คู่ที่1
เล้ง จ้องมองผม ผมเองก็รู้สึกกลัว กับสายตานั้น แต่ในใจนึกไว้ว่า แม้เล้งจะรู้เรื่องราวของผมกับอาจารย์ทั้งหมด หรือเล้งจะต้องการให้ผมเลิกกับอาจารย์ ยังไงผมก็ไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด
“เรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถึงนายไม่บอกเราก็เถอะ” เล้งพูดกับผม ผมเงีบยไม่พูดอะไร
“เราเองก็ไม่อยากก้าวก่าย เรื่องของนายหรอก แต่อาจารย์เค้ายังไม่บอกเรื่องบางอย่างกับนาย เราเป็นห่วงน่ะ เราไม่อยากให้นายเสียใจกับเรื่องนั้น อีกทั้ง ถ้านายยังดื้อดึงจะคบกัยอาจารย์ต่อไป สักวัน ก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี แล้วต่อไปนายจะเป็นอย่างไร คิดดูดีดีน่ะโจ้” ผมไม่เข้าใจที่เล้งพูด มีเรื่องอะไร ที่อาจารย์ยังไม่บอกเรา
ผมถามเล้ง “อาจารย์ยังไม่ได้บอกอะไรกับเรา”
เล้งตอบผม “เอาไว้นายไปฟังจากปากอาจารย์เองแล้วกัน นายควรจะรู้เรื่องนี้จากเจ้าตัวดีกว่า”
ผมเองรู้สึกหวั่นๆกับเรื่องนั้น มันคืออะไรกันแน่?
ในวันเปิดเรียน ผมเดินมาหาอาจารย์ที่ห้องพัก แต่ไม่เจออาจารย์ ผมตั้งใจจะรอจนกว่าอาจารย์จะมา
ผมนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ สักพัก เห็นซองกระดาษ สีขาว กับ ซองสีชมพู วางไว้อยู่บนโต๊ะ
ผมเองอยากรู้ว่ามันคืออะไร เลยหยิบซองสีขาวขึ้นมาเปิดดู
ปรากฏว่า เป็นใบขอย้ายของอาจารย์ไป มหาลัยที่ต่างจังหวัด ผมตกใจมาก เพราะอาจารย์ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้กับผม ทำไมอาจารย์ต้องย้ายด้วย
ผมจึงหยิบซองสีชมพูขึ้นมาดู ผมเห็นเป็นการ์ดรูปหัวใจ มันคือการ์ดแต่งงาน ผมเปิดดูการ์ดนั้น ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าการ์ดนี้ เป็นการ์ดแต่งงานของอาจารย์ แล้วจังหวัดที่จัดงานแต่ง เป็นจังหวัดเดียวกับที่อาจารย์จะย้ายไปอยู่
นึกถึงคำพูดของเล้ง ที่เล้งบอกว่าอาจารย์มีบางอย่างปิดบังผมอยู่ เรื่องนี้เองเหรอ ทำไมอาจารย์ไม่เคยบอกผม
ผมทั้งโกรธ และเสียใจ ผมลุกขึ้นออกจากห้องพักพร้อมน้ำตา แต่มีคนมาคว้ามือผมไว้ “เป็นอะไรโจ้” อาจารย์เบนนั้นเอง
ผมมองหน้าอาจารย์ ด้วยความโกรธ ผมจึงตบหน้าอาจารย์เบน เพี้ย!!!! พร้อมว่าอาจารย์ “ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม ว่าอาจารย์จะแต่งงาน”
อาจารย์นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ผมขอโทษ เรื่องของเราคงจบลงเท่านี้”
ผมช็อคกับคำพูดนั้น น้ำตาของความเสียใจไหลมามาหยุด ผมจึงเดินกลับมาที่ห้อง แล้วล้มตัวลงนอน ร้องไห้ฟูมฟายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การที่เราไว้ใจใครมากๆ ให้ความหวังกับใครมากๆ ผลสุดท้าย เมื่อเรื่องราวไม่เป็นอย่างที่เราคิด คนที่เสียใจที่สุด คือ ตัวเราเอง
คู่ที่ 2
ผมตกใจกับคำพูดของพี่ แจ๊ค ทำไมผมต้องไปเรียนที่อเมริกาตอนนี้ด้วย
“เชียร์ไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่ที่นี้” ผมตอบกลับไป
“เชียร์เป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่เหรอ ว่าอยากไปอยู่กับพี่” พี่แจ๊คพูดกับผม
“ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้ เชียร์ไม่อยากไปแล้ว” ผมปฎิเสธเสียงแข็ง
"แต่แกต้องไป” ผมหันไปมองพ่อ
“ทำไมล่ะ ป๊า ทำไมถึงอยากให้เชียร์ไป”
“ฉันอยากให้แกได้เรียนที่ดีดี มันผิดตรงไหน”
“แล้วทำไมไม่มีใครถามความเห็นผมก่อนล่ะ” ผมเริ่มโมโห
“ยังไงเชียร์ก็ไม่ไปเด็ดขาด”
“ทำไมเชียร์ถึงไม่อยากไป”พี่แจ๊คเป็นฝ่ายถามผมบ้าง
“เพราะว่า......” ผมกำลังจะตอบว่า เพราะคนรักผมอยู่ที่นี้ แต่ผมไม่กล้าบอกพ่อ
พี่แจ็คเห็นผมอ้ำอึ้ง เลยตอบแทนผม “เพราะ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม เชียร์ถึงไม่อยากไป”
ผมมองหน้าพี่แจ๊ค นี้คงเป็นแผนการของพี่แจ๊คล่ะซิ
“มันเรื่องของผม ผมจะอยู่ที่นี้เพราะอะไรมันก็เรื่องของผม"
“แต่ฉันจะให้แกไป ยังไงแกก็ต้องไป พรุ่งนี้ฉันจะไปลาออกให้แกที่มหาลัย” ผมอึ้งกับคำสั่งของพ่อ
ผมโกรธมาก เลยหนีออกจากบ้านมาหาพี่เอก
พี่เอกเห็นผมร้องไห้ เลยถามเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
“เชียร์ไม่อยากไป เชียร์อยากอยู่ที่นี้กับพี่”
พี่เอกลูบหัวผม “แล้วเชียร์จะทำยังไง พ่อเชียร์จะยอมเหรอ”
ผมยังร้องไห้ “ไม่รู้อ่ะยังไงเชียร์ก็ไม่ไป”
“แต่พี่ว่า เชียร์ไปเถอะ มันเป็นสิ่งที่ดีกับเชียร์ไม่ใช่เหรอ เชียร์เองยังบ่นกับพี่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ ว่าอยากไปเรียนที่โน้น”
“แต่เชียร์อยากไปกับพี่ เชียร์ไม่อยากไปคนเดียว”
“ตัวเราไม่ได้ติดกันซะหน่อย ดีแล้วหัดอยู่คนเดียวหัดดูแลตัวเองซะบ้าง จะได้โตซะที”
ผมไม่เข้าใจพี่เอก ผมอุตส่าห์บอกเป็นนัยๆว่าที่ไม่อยากไปเพราะผมรักพี่เอกขนาดไหน
“เชียร์ไม่อยากไปเพราะเชียร์รักพี่น่ะ”
“พี่ก็รักเชียร์ แต่พี่เองก็อยากให้เชียร์ได้เจอโอกาสดีดี แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังรักกันไม่ใช่เหรอ”
ผมโมโห เพราะยังไงผมก็ไม่อยากไป แต่พี่เอกพูดอย่างนี้ ผมเลยเสียใจ
ด้วยความโกรธผมผลักพี่เอกพร้อมว่าพี่เอก “เมื่อไม่มีใครอยากให้เชียร์อยู่ เชียร์ไปก็ได้”
ผมรีบวิ่งกลับมาที่บ้าน เข้าไปหาพ่อกับพี่แจ๊คที่ยังคุยกันอยู่
“ตกลงเชียร์จะไปอเมริกา”
คู่ที่3
หน้าห้องไอซียู ผมยังคงร้องไห้ไม่หยุด รอผลตรวจจากหมอว่า พี่เก่งจะรอดหรือไม่
ทำไมเรื่องความรักของผมถึงต้องลงเอยด้วยความเศร้า
เหน่งที่มาเป็นเพื่อนผม คอยปลอบผมตลอดเวลา ว่าพี่เก่งต้องรอด
เหน่งจับมือผม ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาบ้าง “ทำไมว่ะ ทำไม ทำไมต้องแบบนี้” ผมพูดกับเหน่งด้วยน้ำตาหนองหน้า
เหน่งเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่โอบที่ไหล่ผม ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ด้วยความเพลีย ผมจึงซบไหล่เหน่งและ หลับไป
เวลาผ่านไป เกือบสิบชั่วโมง คุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด ผมรีบลุกขึ้นไปหาคุณหมอ ถามอาการของพี่เก่ง หมอบอกกับผมว่า “คนไข้ไม่เป็นอะไรครับ” ผมได้ยินเพียงเท่านี้ก็โผ่เข้ากอดเหน่งด้วยคว่ามดีใจ
คุณหมอยังพูดอีกว่า“โชคดีน่ะครับที่อวัยวะสำคัญๆของคนไข้ไม่เป็นอะไร แต่กระดูกสันหลังของคนไข้เคลื่อนและได้รับกระทบกระเทือน อาจจะทรงตัวไม่ได้ในระยะแรกๆ ต้องได้รับกายภาพบำบัดอาจจะหายน่ะครับ”
ผมเดินเข้ามาที่ห้องไอซียู ผมมองดูร่างของพี่เก่งที่ไร้สติอยู่ ผมก้มลงไปจูบที่มือของพี่เก่ง แล้วก็ร้องไห้
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เพราะความดีใจ
----- จบตอนที่15-----