- 27 -
Khet part
“ไม่ผิดหรอครับพี่จัดการให้แล้ว”
“พี่เขต”
ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนเรียกพร้อมกับโอบกอดเบาๆแทนคำปลอบโยนทั้งหมดที่ผมอยากจะพูดกับคนในอ้อมแขน
ภูของผมคงเสียใจไม่น้อยเลยซินะกับการสูญเสียในครั้งนี้ เจ้าตัวอุตส่าห์เพียรพยายามหาเงินทุกทางเพื่อมารักษาชีวิตพ่อ แต่กลับมาพบเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ผมอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดที่คนตรงหน้าผมพยายามแบกรับไว้โดยลำพังมาตลอด อยากจะช่วยบรรเทา แม้แค่เพียงนิดเดียวผมก็อยากจะทำแบบนั้น ผมเลยตัดสินใจติดต่อขอเป็นเจ้าของไข้ และพอพ่อของภูเสียทางโรงพยาบาลก็โทรหาผม แจ้งเรื่องที่พ่อภูเสียชีวิตและค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ผมเลยรีบแจ่นมาที่โรงพยาบาล และก็มาเจอภูที่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงินที่ผมพึ่งเดินออกมาเมื่อซักครู่
“พ่อเราไปดีแล้วนะ ท่านไปสบายแล้ว”
ทันทีที่ผมพูดคำนี้ออกมา คนในอ้อมแขนก็ปล่อยโฮออกมา เสียงสะอื้นไห้พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลซึมผ่านเสื้อยืดตัวบางของผม ทำให้ผมรู้สึกใจหายอยากบอกไม่ถูก ผมเป็นห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้าผมขึ้นมาจับใจ ภูร้องไห้มีน้ำตา ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าลึกๆคนตรงหน้าผมต้องเจ็บมากแค่ไหน ถึงได้เรียกน้ำตาที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กลับมาไหลได้อีกครั้ง
“พี่เขต พ่อทิ้งภูไปแล้ว ภูไม่เหลือใครแล้ว ฮึก ฮึก”
“ภูยังมีพี่นะครับ พี่ยังอยู่ตรงนี้กับภูและจะไม่ทิ้งภูไปไหนด้วย”
ผมบอกแล้วกระชับกอดคนที่อยู่ตรงหน้าแน่นขึ้น เพื่อเป็นการย้ำให้คนในอ้อมแขนรู้ว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้อีกคนจริงๆ ย้ำให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง ถ้าเขาหันมามองซักหน่อย เขาจะเห็นคนที่รักเขาอีกคนอยู่ตรงนี้ และจะอยู่ตลอดไป พี่อยู่ตรงนี้นะครับภู ไม่ว่าภูต้องการให้พี่อยู่ในฐานะไหน พี่ก็พร้อมเสมอที่จะอยู่ข้างภู
งานศพผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจากความช่วยเหลือของคนในชุมชนที่น้องภูอาศัยอยู่ เท่าที่ผมเห็นทุกคนที่นี่รักและเอ็นดูภูอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าภูจะทำอะไรพวกเขาก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ตลอดจนจบพิธีเผ่าศพ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ภูไม่ยอมรับการติดต่อจากไอภีมเลย ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะอะไรกัน แต่ดูเหมือนครั้งนี้ภูจะแน่วแน่มากที่จะตัดการติดต่อจากไอภีม เพราะนอกจากจะไม่รับโทรศัพท์แล้วภูยังพยายามทำทุกวิถีทางที่จะหลบหน้าไอภีม ไม่กลับไปนอนบ้านหลังจากที่เห็นว่าไอภีมไปดักรอหน้าบ้านทุกวัน ขอร้องผมให้หยุดพูดถึงเรื่องของไอภีม ขอให้ผมช่วยปิดเรื่องราวต่างๆให้ รวมไปถึงขอให้ผมเอามือถือเครื่องนี้ไปคืนให้ไอภีม ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมจู่ๆภูถึงหักดิบตัวเองเช่นนี้ ทั้งๆที่ทุกครั้งเวลาที่ภูเห็นไอภีมดักรออยู่ที่หน้าซอยบ้าน นัยน์ตาคู่นั้นของภูจะดูเศร้าอยู่เสมอ ผมรู้ว่าภูรักภีมและผมก็รู้เหมือนกันว่าไอภีมเองก็รักภู แต่สิ่งที่ผมไม่รู้ก็คือ ทำไมทั้งๆที่รักกันแต่ภูถึงต้องฝืนใจตัวเองให้เจ็บแบบนี้ด้วย ทำไมถึงเลือกที่จะเดินจากมาอย่างเงียบๆ ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย
“ขอบคุณมากครับสำหรับทุกอย่าง”
เสียงเรียบเอ่ยเรียกสติผมให้กลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง ภูในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพูดขอบคุณผมระหว่างที่เก็บของชิ้นสุดท้ายลงกล่องเสร็จ หลังจากเสร็จงานศพภูก็ตัดสินใจเปลี่ยนที่อยู่ทันที เห็นบอกผมว่าจะไปอาศัยอยู่ที่วัดซักสองสามวันก่อนที่จะขึ้นเหนือไปฝึกงาน ตอนแรกที่ผมได้ยินก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกันที่รู้ว่าภูตัดสินใจที่จะไปอยู่ในที่ไกลแบบนั้นโดยลำพัง แต่เจ้าตัวบอกผมว่าเขาคิดแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว ติดต่อขอไปฝึกงานที่เหนือตั้งแต่แรกเพราะอยากพาพ่อไปเจอบรรยากาศใหม่ๆ เจอผู้คนใหม่ๆ แต่สุดท้ายกลับเป็นแค่ตัวเองที่ได้ไป
“ไม่เป็นไรครับพี่เต็มใจ”
ผมบอกแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ หลังจากนั้นผมก็ช่วยน้องเขาย้ายของไปไว้ที่วัด ความจริงผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าไปอยู่กับผมก่อนก็ได้ ผมอยากให้ภูได้หลับสบายในที่นอนดีๆกับเขาบ้าง แต่ก็ได้แค่คิด เพราะยังไงภูคงไม่ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วผมเลยไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ขอบคุณครับพี่ผมรบกวนพี่เยอะเลย”
“ไม่เป็นไรครับพี่บอกแล้วว่าเต็มใจ ภูสอบเสร็จวันไหน แล้วมีสอบวันไหนบ้างมีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
“ภูมีสอบพรุ่งนี้แค่ตัวเดียวครับสอบย้อนหลัง”
“งั้นแสดงว่าอีกสองวันภูก็จะไปแล้วซินะ”
ผมอดใจหายไม่ได้เลยที่รู้ว่าจะไม่เจอคนตรงหน้าอีกนาน ในระหว่างที่ภูไปฝึกงานพวกผมก็เรียนจบ แล้วก็ต้องเตรียมตัวเข้าสู่การใช้ชีวิตจริงๆในรูปแบบของคนทำงาน คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เว้นแต่ภูจะยอมบอกที่อยู่ของภูให้ผมได้รู้บ้าง เผื่อถ้าผมมีเวลาผมจะได้ไปเยี่ยมภูได้
“ครับ”
“ถ้าพี่ขอที่อยู่ภูไว้ภูจะให้พี่หรือเปล่าครับ ถ้าเผื่อวันไหนที่มีโอกาสไปแถบภาคเหนือพี่จะขอเจอภูได้บ้างไหม”
ภูเงียบไปซักพักเหมือกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม
“ภูขอเบอร์พี่เขตไว้ได้ไหมครับ แล้วภูจะโทรบอก”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะจดเบอร์ใส่กระดาษที่หาเจอในกระเป๋าตัวเองส่งให้ภู
“สะดวกใจเมื่อไหร่ค่อยโทรบอกพี่ก็ได้นะครับ พี่จะรอ”
ผมบอกไปตามความรู้สึกตรงๆ ภูพยักหน้ารับ เราสองคนคุยกันอยู่อีกพักก่อนที่จะแยกกัน ใจผมไม่อยากจะกลับเลยด้วยซ้ำ เพราะผมไม่รู้ว่าการที่ได้เจอภูวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของผมแล้วหรือเปล่า ผมกลัวว่าภูจะจากไปไม่โดยไม่ลา ผมกลัวว่าผมจะไม่เจอภูอีก
หลังจากที่กลับมาจากวัดผมก็ขับรถตรงมายันคอนโดตัวเองทันทีหวังว่าจะกลับมานอนเอาแรง เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมไม่ค่อยจะได้นอน เพราะต้องเตรียมตัวสอบและก็ต้องไปช่วยงานของพ่อน้องภูทำให้ผมนอนไม่พอเท่าที่ควร ที่พอกลับมาถึงผมก็เจอแขกที่ไม่ได้รับเชิญรออยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าที่ดูไม่ต่างจากอีกคนที่ผมพึ่งแยกมาซักเท่าไหร่นัก
“มีอะไร”
ผมถามพลางเปิดประตูห้องให้ไอภีมเข้าไป ซึ่งมันก็เดินตามผมเข้ามาอย่างไม่ต้องรอให้เชิญเป็นรอบที่สอง
“มึงไปหาภูมาใช่ไหม”
“กูเปล่า”
“มึงอย่าโกหกกูไอสัส!!!กูรู้ว่ามึงต้องไปหาภูมาแน่ มึงบอกกูได้ไหมว่าภูอยู่ไหน ไอเขตบอกกูทีกูจะบ้าตายอยู่แล้ว!!”
ไอภีมที่ปรี่เข้ามากระชากคอผมในตอนแรก คลายมือที่กำคอเสือผมออกน้ำเสียงมันค่อยๆอ่อนลงในประโยคถัดมา นัยน์ตาคู่นั้นของมันเต็มไปด้วยความเศร้า ไอภีมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ถามว่าผมเห็นแล้วสงสารไหม มันก็เพื่อนผมถ้าจะบอกว่าไม่สงสารผมก็คงเป็นเพื่อนที่แปลก ใช่ครับผมสงสารมัน แต่ถึงผมจะสงสารมากแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถบอกมันได้ว่าภูอยู่ที่ไหนและกำลังวางแผนจะทำอะไร ผมไม่สามารถบอกมันได้เลย ผมคิดว่าก่อนที่ภูจะทำแบบนี้ ภูคงตัดสินใจมาดีแล้ว ไม่งั้นภูคงไม่ยอมหักดิบตัวเองแล้วจากไอภีมไปทั้งๆที่ภูเองก็รักไอภีมมันหรอก ผมเชื่อว่าภูมีเหตุผลที่มากพอที่ตัดสินใจเลือกทางนี้
“กูไม่รู้อะไรจริงๆ ต่อให้มึงเค้นกูให้ตายยังไงกูก็ไม่มีคำตอบที่มึงต้องการหรอก”
ผมพูดแล้วค่อยๆฉุดมันให้ลุกไปนั่งบนโซฟาดีๆ
“กูตามหาภูจนทั่ว ไปดักรอที่บ้านทุกวันแต่ภูก็ไม่เคยกลับเข้ามา พอกูรู้ว่าพ่อภูตายกูก็เอาแต่คิดว่าภูจะเป็นยังไง กูเป็นห่วงแทบบ้า ตามหาให้ทั่ว ถามเอาจากเพื่อนของภูก็ไม่มีใครยอมบอกกู กูไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ฮึกๆ”
ไอภีมหลุดพูดทุกอย่างออกมาจนหมด ก่อนจะร้องไห้ออกมาเบาๆ ผมมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่รู้ว่าผมควรจะทำอะไร ผมไม่รู้ว่าจะหาทางช่วยมันยังไงด้วยซ้ำ เพราะผมสัญญากับภูไว้แล้วว่าผมจะไม่บอกอะไรเกี่ยวกับภูให้มันรู้ ผมหวังว่ามันจะตามหาภูได้เองแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผม ผมหวังว่ามันจะไม่ล้มเลิกความพยายามและตามหัวใจมันกลับมาให้ได้
ผมหวังไว้อย่างนั้น ผมนั่งมองดูไอภีมเงียบๆอยู่ที่มุมห้อง นั่งฟังเสียงแห่งความเสียใจของมันไปเรื่อย ราวกับฟังเพลงเศร้าที่ไร้เนื้อร้อง ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบมันยังไง และก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน มันจะรู้ไหมว่าไม่ได้มีแค่มันที่กำลังเสียใจ แต่ยังมี ใครอีกคนที่กำลังเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างจากมัน และใครคนนั้นที่ผมว่า ก็กำลังจะจากไปพร้อมกับความเจ็บปวดโดยไม่มีใครรู้เลยว่าความเจ็บปวดที่แสดงออกมาให้เห็นผ่านสายตาคู่นั้นจริงๆแล้วต้นเหตุมันคืออะไร
“ภีมมึงทะเลาะอะไรกับภูหรือเปล่า”
ผมตัดสินใจถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ออกไป โดยไม่สนแล้วว่ามันจะสมควรหรือไม่สมควรในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ผมอยากรู้มันอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนสองคนต้องจากกันโดยที่ไม่ได้ล่ำลาก็ได้ และผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น ผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักทั้งสองคนต้องทนอยู่กับความเจ็บ อยากให้เรื่องราวถูกแก้ไขได้โดยเร็ว ผมอยากเห็นภูมีความสุข ในเมื่อคนที่สามารถทำให้ภูมีความสุขได้ไม่ใช่ผม ผมก็อยากจะภวนาให้คนที่ภูเลือกช่วยเติมเต็มชีวิตของภูแทนผม แทนผมคนที่ไม่สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นได้ไม่ว่าจะพยายามมากมายขนาดไหนก็ตาม
“กูไม่รู้ กูไม่รู้อะไรเลย จู่ๆภูก็หายไปจากชีวิตกู”
“มึงไม่รู้จริงๆหรอ”
ผมถามซ้ำอีก
“กูไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆ ฮึกๆ”
มันเน้นย้ำอย่างเต็มเสียงเป็นครั้งแรก ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอีกครั้ง ถ้ามันไม่รู้จริงๆว่าทำอะไรผิด ผมก็คงช่วยอะไรมันไม่ได้ เรื่องนี้คนที่รู้ดีก็มีแค่มันกับภู ถ้ามันบอกว่าไม่รู้ ผมก็คงหมดหนทางที่จะช่วยผมคงต้องปล่อยให้มันจัดการเรื่องของตัวเองโดยลำพัง และก็คงต้องปล่อยให้ภูไปตามทางที่ภูเป็นคนเลือก ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้เรื่องราวระหว่างสองคนนี้จะเป็นยังไง จะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน ผมไม่รู้เพราะนั่นมันเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง และถ้าให้ทำนายผมก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้คือการตั้งความหวัง หวังให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายและจบลงด้วยดี ผมอยากจะเห็นภูของมีความสุข ผมอยากเห็นแค่นั้น เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมทิ้งความหวังของตัวเองไปอย่างเด็ดขาด ความหวัง….ที่จะเห็นคนที่ผมรักมีความสุข
----------------------------------------------------
แหนะๆรู้นะว่ากำลังเชียรืให้เปลี่ยนพระเอกอยู่ใช่ไหมคะ
comment เป็นกำลังใจให้น้องภูด้วยนะ