ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)  (อ่าน 414782 ครั้ง)

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
 :-[
นี่แหละค่ะ คนอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็ถือว่าเป็นรสชาติของชีวิตคู่ แถมยังเป็นบทเรียนให้ได้เข้าใจกันมากขึ้นอีกด้วย

แหม...คนอ่านนี่รู้สึกถึงไออุ่นแล้วก็บรรยากาศสีชมพูแผ่กระจายออกมาเลยทีเดียวค่ะ

ขอบคุณเพื่อนสาวมากเลยนะคะ

ปล. เมื่อคืนเชียงใหม่ไฟดับเพราะฝนตกหนัก แต่ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านแล้ว แล้วก็มีลำนำรักสีรุ้งอยู่ในมือด้วย ฮิฮิ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
เช้านี้เชียงใหม่อากาศเย็นฉ่ำหลังพายุฝนนะจ๊ะเพื่อนสาว บนถนนยังเห็นร่องรอยน้ำฝนอยู่เลย บนเขาก็หมอกลงขาวเชียว ;)

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อ่านเรื่องนี้จบสักพักแล้ว แต่ไม่ได้เม้น เพราะไม่ค่อยไดล็อคอินสักเท่าไร


เค้าขอโทษนะ  :L1:


วัันนี้เข้ามาเม้นให้ เพราะเพิ่งเห็ว่าลงตอนพิเศษ   :L2:


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ  :pig4:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
รักกัน เข้าใจกัน
น่ารักอ่ะ :L1:

บวกเป็ด

Cacao

  • บุคคลทั่วไป
กรึ๊บตลอดอ่ะพ่อเป้ของน้อง 555555 คือแบบว่ารู้สึกอย่างแรงว่าถึงทะเลาะกันยังไงก็ยังมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากเหลือเกิน
เปรียบเทียบกับตัวเองแล้วที่ทะเลาะกับแฟน แต่...ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลยอ่ะ 5555 เวลาวิวอารมณ์ร้ายนี่ก็น่ากลัวเนอะ
กระโดดลงจากรถไปเลย แบบทิ้งเป้ไว้กลางทางแบบนั้น... คือถ้าโดนทำแบบนั้นบ้าง คงจะไม่เป็นแบบเป้อ่ะที่โกรธแค่นั้น
แล้วขอโทษวิวอีกต่างหาก... เพราะเราคงคิดไม่ได้ 55555555555555 แน่ๆจ้า ถึงบอกว่าชอบคู่นี้จัง แบบว่าเป็นคู่รักในอุดมคติ
ถ้าจะรักกันแคร์กันเห็นใจกันแล้วก้เข้าใจมากขนาดนี้ก็อดที่จะชื่นชมความรักของเป้วิวไม่ได้ ^^

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ว้ากกกกกกกกกก  ดีใจจัง :กอด1:
วิวช่วงแรกคบดูเป็นคนจริงจังมากเลยนะเนี่ย
ต่างจากตอนวัยทำงาน ที่จะดูนุ่มนวลมากขึ้น

ออฟไลน์ BiGgYDrIb

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เรียบๆ เรื่อยๆ แต่น่ารักดีนะ

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
อ่านแล้วยิ้มเช่นกัน
+1

nanajung

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคู่ เป้ กับ วิว มทากเลยยย เป้ดูค่อยเอาใจ วิว ตลอดเลย

ส่วนคู่ อ๊อฟ กับ น้อง นะ นี่ก้อน่ารักสุดๆ น้องนะ น่ารัก มาก ขี้อายสุดๆเลย อ๊อฟ ก้อ เจ้าเล่ห์ ได้ตลอดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
เป้ วิว ยังสติล น่ารักมากๆ
อ่านแล้วก็เขิน
วิวยังคิดมากเหมือนเดิมเลยนะ
แต่รักกัน ยังไงๆ ก็เข้าใจ
เย้เย้เย้

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
คิดถึงเป้-วิวเสมอ ^^

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
มาพร้อมกับสายฝนจริงๆๆ
ต่างคนต่างเข้าใจกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจดี
ถึงแม้จะมีพลั้งปากไปบ้างก็เถอะ
แต่ความน่ารักยังเหมือนเดิม
 :pig4:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
+1 ค่ะ รักเป้กับวิว สุดๆ

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
น่ารักตลอด ชอบคู่เป้-วิว ก้าบบบบบ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
สืบเนื่องจากเพิ่งนึกได้ว่าเขียนตอนพิเศษตอนนี้ให้เป้กับวิวเอาไว้ แต่ลงแค่ที่บล็อกกับอีกบอร์ดหนึ่ง แต่ยังไม่ได้มาลงที่นี่เลย เลยมาแปะให้แฟนๆ ที่อาจยังไม่ได้อ่านตอนนี้กันก่อนค่ะ และขอประกาศว่ายังเปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยานี้นะคะ :) รายละเอียดดูที่กระทู้นี้เลย --> [[คลิกดูดีเทลการจองค่า]]


*************************************************************


ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ

ในเช้าตรู่ที่ท้องฟ้ายังขมุกขมัวเป็นสีเทาเพราะเมฆบดบังดวงอาทิตย์ อากาศรอบตัวหมาดชื้นด้วยละอองไอที่หลงเหลือหลังจากสายฝนขาดเม็ดไปไม่นาน ร้านรวงในซอยยังปิดเงียบเพราะเช้าเกินกว่าจะเป็นเวลาต้อนรับลูกค้า ผมเดินถือถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้สองถุงพลางหลบหลุมบ่อบนทางเดินที่มีน้ำขังไปด้วย โดยจุดหมายปลายทางก็คือหอพักของผมเองที่ตั้งตระหง่านอยู่สุดทางเดินในซอย

หลังจากขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นหก ผมก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูเข้าไปก่อนจะงับปิดตามหลัง ได้ยินเสียงใครบางคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงส่งเสียงในคอเบาๆ ผมเลยยิ้มแล้ววางถุงอาหารเช้าลงบนชั้นวางเหนือตู้เย็น จากนั้นก็เดินไปเลื่อนประตูกระจกแล้วก้าวออกไปที่ระเบียง

ตรงที่ว่างใต้ราวระเบียงมีกระถางต้นไม้ขนาดเล็กและกลางเรียงราย ทั้งที่แม่ซื้อมาให้และทั้งที่ใครอีกคนซื้อให้ ทุกกระถางดูสดชื่นจากการได้รับน้ำฝน ผมเลยย่อตัวลงยกถาดรองน้ำใต้กระถางแต่ละอันมาเทน้ำที่ขังอยู่ลงบนรางระบายน้ำก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปล้างมือ ตอนแรกกะว่าถ้าวันนี้แดดดีก็จะซักผ้าเสียหน่อย เพราะเป็นวันเสาร์ที่ไม่มีแผนจะออกไปไหน แต่ดูสภาพท้องฟ้าแล้ว ท่าทางต้องรอให้แน่ใจก่อนว่าวันนี้จะได้เห็นแสงแดดจะดีกว่า

ผมเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่แขวนไว้ข้างอ่างให้แห้งก่อนจะเดินออกมาเช็ดเท้าบนพรม จากนั้นก็เลือกหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้นแล้วนั่งลงบนพื้นด้านปลายเตียง ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือฆ่าเวลาระหว่างที่คนร่วมห้องยังไม่ตื่น เพราะไม่ค่อยรู้สึกอยากดูโทรทัศน์เท่าไหร่ อีกอย่างถ้าเปิดไปเสียงอาจจะดังรบกวนคนนอนก็ได้

"...วิว"

ผมยังอ่านหนังสือไปได้แค่สองหน้า เสียงเรียกที่เจือความงัวเงียสุดขีดก็ดังมาจากคนบนเตียง ผมเลยเอาที่คั่นเสียบหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้แล้วหันไปตอบรับ

"หือ?"

"..."

เป้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกวักเรียกผมทั้งที่ยังไม่ลืมตา คงเพราะได้ยินเสียงผมเมื่อกี้ก็เลยรู้ว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะหยิบหนังสือแล้วลุกไปนั่งลงบนฝั่งที่ว่างของเตียง

"ว่าไง?"

"...ไปไหนมา..."

เจ้าเด็กโข่งถามงึมงำพลางควานมือสะเปะสะปะจนเจอมือผมที่วางเท้าอยู่บนเตียง จากนั้นก็ดึงมือข้างนั้นไปซุกคอตัวเองแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แต่ตลอดเวลาก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเลยสักแวบ พอวันหยุดทีไรพ่อคุณชายจะขี้เซาอย่างนี้เป็นประจำ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ใครๆ เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นนี่นา

"ไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มา เจ้าที่วันก่อนเป้บอกอยากกินไง พอดีวิวตื่นตอนที่ฝนหยุดแล้ว เลยไปซื้อมาให้ก่อนเขาจะขายหมดซะก่อน"

ผมตอบพลางยกขาที่เมื่อครู่นั่งห้อยข้างเตียงขึ้นมาวางบนเตียงแทน เพราะถ้าหากโดนอ้อนแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าหมอนี่จะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แล้วถ้าไม่เปลี่ยนท่านั่งก็มีแต่ผมนี่ล่ะที่จะเมื่อย

มุมปากของเป้หยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม เจ้าเด็กโข่งตัวโตยกมือผมข้างที่ซุกคออยู่ขึ้นจูบก่อนจะเอาไปซุกที่เดิม และแน่นอนว่าโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ท่าทางระบายลมหายใจยาวทำให้รู้ว่าคงกำลังจะผล็อยหลับอีกรอบในไม่ช้า

ผมยิ้มบางๆ แม้จะรู้ว่าเป้ไม่เห็น แต่การแสดงออกเมื่อครู่ก็บอกให้รู้ว่าเป้ดีใจกับการที่ผมใส่ใจคำพูดลอยๆ เมื่อวันก่อน ผมมองออกไปข้างนอกอีกครั้งก็เห็นว่าฟ้ายังครึ้มเมฆอยู่เหมือนเดิม เลยใช้มือข้างที่ว่างกรีดหน้าหนังสือบนตักออกเพื่ออ่านต่อจากตอนที่ค้างไว้

ยังไม่ทันจะได้เพลิดเพลินกับเนื้อความในหนังสือต่ออย่างที่ตั้งใจ จู่ๆ คนบนเตียงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียน้อยกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย

"วิวรู้มั้ย เวลาตื่นมาแล้วเจออากาศแบบนี้เป้นึกถึงอะไร?"

ผมละสายตาจากหนังสือพลางขมวดคิ้ว แล้วก็ได้เห็นว่าคนถามมองมาอยู่ก่อนแล้ว แถมบนหน้ายังยิ้มนิดๆ อยู่ด้วย ถ้าเป็นเวลาที่ตื่นเต็มที่นั่นก็คงเป็นยิ้มที่เจ้าเล่ห์น่าดู เพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นมันระยับทั้งสองข้าง

มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยชมให้เป้ได้ยินจากปาก แต่ผมก็คิดมาตลอดว่าสีตาแบบนี้สวยดี

"แล้วนึกถึงอะไรล่ะ?"

ผมถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอยากได้คำตอบเท่าไหร่ นัยน์ตาของคนมองเลยฉายประกายซุกซนขณะปล่อยมือผมที่ซุกคอตัวเองออกแล้วเข้ามากอดเอวผมแทน

"นึกถึงครั้งแรกของเราสองคนไง ตอนนั้นก็อากาศยังงี้เลย"

"เฮ้ย! เป้!!"

ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนฉุดลงไปนอนบนเตียง แล้วจู่ๆ เจ้าคนที่ทำท่าง่วงเหลือหลายเมื่อครู่ก็พลิกตัวขึ้นมานอนทับ เป้หัวเราะกับสีหน้าของผมก่อนจะก้มลงมาไล่หอมผมไปทั้งหน้า ก่อนจะก้มลงกดริมฝีปากเบาๆ ลงบนปากผมที่เม้มอยู่ พอเป้เงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เลิกคิ้วที่เห็นผมทำหน้ายุ่ง

"มีอะไรเหรอ?"

"...ฟันก็ยังไม่ได้แปรง ไอ้บ้า"

ผมบ่นงึมงำ จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ได้อะไรหรอกเพราะกลิ่นปากตอนเช้าของเป้ไม่ได้แรงขนาดนั้น แต่ว่านี่เหมือนเป็นวิธีตอบแบบเลี่ยงๆ ของผมเวลาบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ"เรื่องอย่างว่า" มากกว่า

โชคดีว่าสารที่ส่งไปถึงคนรับเพราะว่าเป้หัวเราะ ก่อนที่พ่อคุณชายจะก้มลงหอมแก้มผมแรงๆ อย่างมันเขี้ยวนักหนา

"เป้ก็อุตส่าห์จูบแบบปิดปากให้แล้วไง"

พูดจบเป้ก็ตะแคงตัวลงนอนอย่างเดิม แต่คราวนี้ดึงผมเข้าไปกอดพลางหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่เราทั้งคู่ โชคดีว่าอากาศที่กำลังเย็นๆ เลยทำให้ไม่อึดอัดเท่าไหร่ที่มานอนเบียดกันใต้ผ้าห่ม ผมมองตาเป้ก็เห็นอีกฝ่ายยังยิ้มให้ แต่ด้วยนัยน์ตาเชื่อมปรอยเหมือนเปลือกตาพร้อมจะปิดลงได้ทุกเมื่อ

"...เดี๋ยวน้ำเต้าหู้ที่ซื้อมาก็เย็นหมด"

ผมพึมพำเบาๆ แต่ก็พยายามขยับตัวให้นอนสบายขึ้นเพราะรู้ว่าหมดทางเลือกแล้ว อีกอย่างพอเห็นคนข้างๆ นอนหลับสบายแบบนี้...สมองมันก็พาลคิดว่านอนต่ออีกหน่อยก็ไม่เลว...

"ไว้จะกินค่อยอุ่นในเวฟก็ได้ ตอนนี้ขอนอนกอดวิวก่อน"

เป้พูดพร้อมกับยิ้ม นัยน์ตาทั้งสองข้างปิดไปแล้ว แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าผิวแก้มตัวเองอุ่นขึ้นหน่อยๆ เลยได้แต่ระบายลมหายใจยาวแล้วหลับตาลงบ้างแต่โดยดี

"ไอ้เด็กขี้เซา"

เป้หัวเราะกับสรรพนามที่ถูกมอบให้ จากนั้นผมก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ บนหน้าผากเพราะอีกฝ่ายขยับมาจูบปลายจมูก สัมผัสนั้นทำให้ผมยิ้มออกมา มือที่เมื่อครู่เพียงวางไว้ตรงอกค่อยเลื่อนออกไปพาดบนเอวเป้กลับบ้าง เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะหลับไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นคือเสียงครางในคออย่างพอใจของคนร่วมเตียง ผสานไปกับเสียงสายฝนอ่อนละมุนที่โปรยปรายลงกระทบบานกระจกหน้าต่างอย่างแผ่วเบา บรรยากาศช่างชวนให้นึกถึงครั้งแรกของเราสองคนจริงๆ อย่างที่เป้พูดนั่นล่ะ

ดูเหมือนวันนี้...ผมเองก็จะเริ่มติดใจบรรยากาศแบบนี้ไปอีกคนแล้วสิ...


++---End ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ--++


A/N: และพบกับตอนพิเศษที่จะหาอ่านไม่ได้ในอินเตอร์เน็ตอย่างน้อยสามตอนขึ้นไป สำหรับคนที่อุดหนุนรวมเล่มเท่านั้น สอบถามมาได้ที่อีเมล์ bellbomb[at]hotmail dot com นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 23:35:14 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับ
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 23:21:51 โดย Horizon »

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
สนุกมากค่ะ ชอบจริงๆ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ชอบ มานะ อะ เวลาอ้อนน่ารัก น่ากอดที่สุด

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
เรื่องราวน่าสนและสนุก มาแปะไว้หน้า17ครับ

ออฟไลน์ ขนมสัมปันนี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เพิ่งเข้ามาอ่าน
สนุกมากๆค่ะ
ชอบเป้-วิวมากๆ น่ารักที่สุด
น้องนะกับพี่อ๊อฟก็น่ารักค่ะ

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ช่วงนี้ีหน้าหนาว เรียกว่าฟ้าเป็นใจได้เหมือนกันนะ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : ความลับที่ไม่บอกใคร


เย็นวันนี้อากาศร้อนสมกับที่เป็นกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ค่อยได้สัมผัสฤดูอื่นไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเข้าช่วงไหนของปี กระนั้นก็ดูเหมือนสภาพอากาศจะไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกที่วิ่งไล่เตะลูกฟุตบอลกันอย่างสนุกสนานอยู่กลางสนามหญ้า ส่วนตัวผมเองไม่ได้ลงไปร่วมเล่นด้วยเพราะมีแววว่าจะได้อับอายกับความไร้ทักษะด้านกีฬาที่มีค่อนข้างน้อย อีกอย่างตอนที่โบ้ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเป้ถามผมว่าจะลงไปเล่นบอลด้วยกันก่อนกลับบ้านหน่อยไหม พ่อคุณชายที่มักตัวติดกับผมตลอดก็รีบขัดขึ้นทันที

"ไม่ต้องชวนโว้ย! พวกมึงตัวยังกับหมีควายแถมถนัดเล่นกันแต่แรงๆ เกิดวิวเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง"

ตอนนั้นผมคันปากอยากเถียงว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่เพราะรู้ว่าโบ้ก็แค่ชวนตามมารยาท และหน้าที่เฝ้าของก็ดูจะเหมาะกับผมที่เป็นเด็กเรียนมากกว่า สุดท้ายก็เลยได้มานั่งที่โต๊ะประจำริมสนามพลางทำการบ้านไปด้วย นานๆ ทีก็หันไปมองพวกในสนามบ้างเวลาได้ยินเสียงเฮเหมือนใครทำประตูได้ แต่ก็ไม่ได้นึกอยากเร่งรัดให้เป้เลิกเล่นเพื่อจะได้รีบกลับห้องไปพักผ่อน พวกที่พลังงานเหลือเฟืออย่างหมอนี่ปล่อยให้ออกกำลังที่เสียเหงื่อเยอะๆ นอกจากกิจกรรมในห้องบ้างก็ดีเหมือนกัน

"เฮ้ย!! วิว!!!"

จู่ๆ เสียงตะโกนลั่นจากกลางสนามก็ทำให้ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียง ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นลูกบอลกลมๆ ลอยลิ่วเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง จังหวะนั้นตกใจก็ตกใจ แต่สัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้รีบยกแขนขวาขึ้นปกป้องศีรษะเป็นอย่างแรก ก่อนจะได้ยินเสียง 'ตุ้บ' พร้อมกับความเจ็บที่แล่นจี๊ดมาตรงแขนที่ถูกลูกบอลกระแทก

ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งตรงเข้ามาหา และแน่นอนว่าคนแรกที่มาถึงคือพ่อคุณชายขายาวที่ทำสีหน้าไม่สู้ดีขณะที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคว้าแขนขวาผมไปดู

"ขอโทษที เจ็บรึเปล่า?"

ประโยคนั้นทำให้ผมรู้ทันทีว่าตัวการที่ทำลูกบอลพุ่งออกนอกสนามก็คือหมอนี่เอง แต่เพราะหน้าตาคนทำดูแย่ยังกับเห็นผมเลือดออกแทนที่จะเป็นแค่รอยฟกช้ำ ผมเลยรีบชักแขนกลับมาแล้วพยายามทำสีหน้าเหมือนไม่เป็นไร ...ทั้งที่ก็เจ็บอยู่เหมือนกันเพราะฝีเท้าเป้ไม่ใช่เบาๆ เลย

"ไม่เป็นไรหรอก แค่นิดเดียวเอง"

โบ้กับเพื่อนๆ อีกสามสี่คนพากันล้อมเข้ามาดูว่าผมเป็นอะไรมากไหม ผมไม่แน่ใจว่าที่ทุกคนทำหน้าตกใจจนเลิ่กลั่กนี่เพราะเห็นผมโดนบอลกระแทกหรือเพราะท่าทางของเป้กันแน่ แต่หลังจากผมพูดย้ำให้ทุกคนสบายใจและกลับไปเล่นต่อได้ เป้กลับหันไปบอกโบ้ว่าจะขอตัวกลับก่อน

"ไปเล่นต่อก็ได้นะเป้ วิวยังอ่านหนังสือไม่จบเลย ให้รอต่อก็ได้"

ผมเอ่ยทักหลังพวกเพื่อนๆ ของเป้วิ่งกลับไปไล่ลูกฟุตบอลกันในสนาม แต่เป้กลับส่ายหน้าพลางหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองมารูดซิปออก

"ไม่เอาล่ะ เหนื่อยแล้ว วันนี้กลับกันดีกว่า เป้ก็มีการบ้านต้องทำเหมือนกัน"

โชคดีวันนี้ในกระเป๋าของเป้มีเสื้อยืดใส่เล่นอยู่ตัวหนึ่ง พ่อคุณชายเลยถอดเสื้อเชิ้ตที่ชุ่มเหงื่อออกก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวนั้นมาใส่แทน แต่ชั่วขณะไม่กี่วินาทีที่เจ้าตัวอวดผิวกายท่อนบนซึ่งเป็นประกายเพราะเหงื่อ ผมพอจะทันเห็นสายตาของสาวๆ ที่เดินผ่านมาแถวนั้นแล้วทำตาวิบวับพลางหันไปป้องปากกระซิบกระซาบกันเหมือนถูกใจ ในขณะที่บางคนก็หน้าแดงแล้วรีบหลบสายตาหนีเหมือนเขิน

เอาล่ะ...ก็รู้หรอกนะว่าหมอนี่ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นปกติ แล้วไอ้ที่ถอดเสื้อไปเมื่อกี้ก็คงไม่ได้ตั้งใจจะอวดเรือนร่างยั่วใคร เพราะเป็นผมก็คงไม่ชอบที่ต้องใส่เสื้อเปียกเหงื่อในอากาศร้อนๆ อย่างนี้เหมือนกัน       

แต่ไอ้ความรู้สึกจี๊ดที่พุ่งทะลักขึ้นในอกตอนนี้สำหรับคนที่เป็นแฟน...มันคงห้ามกันไม่ได้ใช่ไหม?

"วิวเป็นอะไร โกรธที่เป้เตะบอลไปโดนเหรอ?"

"เปล่า เป้ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งนี่ จะโกรธทำไม"

"ถ้างั้นก็โกรธที่รถเสีย? แต่คนที่อู่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ก็ไปเอารถคืนได้แล้วนะ"

ผมกลอกตาก่อนจะตอบเสียงต่ำโดยไม่หันไปมองคนข้างหลัง "รถเสียก็ไม่ใช่ความผิดของเป้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่โกรธหรอกน่า"

ตอนนี้พวกเรากำลังเดินเลียบทางริมแม่น้ำเพื่อกลับหอ เนื่องจากเมื่อสองวันก่อนจู่ๆ รถของเป้ก็มีปัญหาสตาร์ทไม่ติดเลยต้องส่งซ่อม ทำให้สองวันมานี้พวกเราต้องใช้บริการรถเมล์บ้าง แท็กซี่บ้างแล้วแต่ความรีบร้อนในตอนนั้น แต่เพราะวันนี้ตั้งใจกันว่าจะแวะหาอะไรกินกันก่อนก็เลยเลือกจะเดินกลับ

"ถ้างั้นนี่งอนเป้เรื่องอะไรล่ะ?"

พ่อคุณชายสาวฝีเท้ามาจนทันแล้วกระตุกข้อมือผมให้หันไปหา แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปทุกทีทาบลงบนเสี้ยวหน้าที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่สบายใจ พอผมเห็นสีหน้าแบบนั้นก็เลยชักละอายในความไร้สาระของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่ไม่ชอบการแสดงออกเหมือนคนช่างคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้แท้ๆ

แต่ก็ไม่อยากบอกนี่นาว่าไม่ชอบแววตาของคนที่มองหมอนี่ถอดเสื้อเมื่อกี้ แล้วเลยอดจะพาลไปถึงคนถอดด้วยไม่ได้ ทั้งที่จะว่าไปแล้วเป้ก็ไม่ผิดอีกนั่นแหละ ในเมื่อหมอนี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องหาที่ลับตาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อย

ทำไมผมถึงเป็นพวกชอบหาเหตุผลให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็แก้ตัวให้ทั้งตัวเองและคนอื่นได้เสร็จสรรพอยู่เรื่อยแบบนี้ด้วยนะ

"ง้าววววววว...."

เสียงแหลมเล็กที่ดังเข้าหูทำให้ผมมุ่นคิ้วพลางเหลือบตาขึ้นสบตากับเป้ อีกฝ่ายเองก็มองหน้าผมงงๆ เหมือนกัน แต่แล้วเสียง 'แง้ววววววววว' ที่ดังอย่างเร่งเร้าขึ้นกว่าเดิมก็ดึงสายตาของเราทั้งคู่ให้พยายามมองหาต้นเสียง เพราะมันฟังแล้วเหมือนเจ้าของเสียงกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

"เสียงเหมือนมาจากข้างล่างนี้นะ"

ผมย่อตัวลงเมื่อจับทิศทางของเสียงได้ จากนั้นก็เห็นขาเล็กๆ ของลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งกำลังตะกุยเสาปูนอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ครึ่งตัวล่างติดอยู่ในกอผักตบชวา นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะกอผักตบนั่นลอยมาติดเสา สงสัยลูกแมวตัวนี้อาจจะลอยไปกลางแม่น้ำหรือไม่ก็จมน้ำไปแล้วก็ได้

"เฮ้ย! วิวจะทำอะไร!"

เป้รีบรั้งเอวผมไว้เมื่อเห็นผมทำท่าจะปีนข้ามราวทางเดินเพื่อลงไปช่วยลูกแมว เนื่องจากถึงแม้ระหว่างราวจับกับพื้นทางเดินริมแม่น้ำจะมีช่องว่างระหว่างเสาต้นเล็กๆ แต่ระยะแค่นั้นผมคงยื่นแขนลงไปไม่ถึงอยู่ดีเพราะติดไหล่ วิธีเดียวที่จะช่วยลูกแมวได้โดยไม่ต้องโดดลงน้ำคือปีนไปยึดราวจากด้านนอกแล้วก้มคว้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมา

"ลงไปช่วยลูกแมวตัวนั้นไง ถ้าปล่อยไว้มันอาจจะจมน้ำตายก็ได้นะเป้"

ดูเหมือนเจ้าแมวน้อยจะรับรู้ว่ามีคนได้ยินเสียงจึงยิ่งร้องขอความช่วยเหลือมากขึ้น ผมเองต่อให้ไม่ใช่คนที่รักสัตว์มากมายนักเพราะที่บ้านไม่ได้เลี้ยงอะไร แต่จะให้ทำใจแข็งแล้วทิ้งมันไว้อย่างนั้นก็ทำไม่ลง

"ไม่เอา แขนวิวยังช้ำอยู่เลย เป้ลงไปเอง"

เป้ยังพูดไม่ทันจบก็ปล่อยกระเป๋าสะพายลงกับพื้นแล้วเหวี่ยงตัวข้ามราวไป ผมใจหายวูบเมื่อเห็นเท้าอีกฝ่ายวางบนช่องระหว่างเสาที่เชื่อมราวจับกับพื้นทางเดินอย่างหมิ่นเหม่ เป้หันมาสบตาผมแล้วก็ยิ้มก่อนจะค่อยย่อตัวลงโดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวไว้เพื่อจะได้ยืดแขนอีกข้างลงไปให้ถึงเจ้าตัวน้อยได้ ผมชะโงกตัวข้ามราวไปดูเมื่อได้ยินเป้สบถเบาๆ ก่อนจะใช้มือเดียวคว้าลูกแมวตัวเล็กจ้อยขึ้นมาได้ในที่สุด

"ดิ้นชะมัด อยู่เฉยๆ สิไอ้ตัวเล็ก"

"สงสัยมันจะหนาวนะเป้ ไม่รู้แช่น้ำมานานแค่ไหนแล้ว"

ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเริ่มสงบลงบ้างหลังรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในน้ำอีกต่อไป แต่พอยกมือขึ้นลูบหัวของมันที่กำลังสั่นเทา ผมก็เห็นว่าบนมือใหญ่ข้างหนึ่งมีรอยขีดสีแดงเป็นเส้นเล็กๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป้คงได้รอยนี้มาตอนกำลังพยายามจะช่วยเจ้าหนูนี่ขึ้นจากน้ำนี่เอง

"เอ๊ะ โดนข่วนนี่เป้ เจ็บรึเปล่า?"

คราวนี้เป็นผมที่หน้าเสียบ้างเมื่อเห็นว่าเป้เลือดออก เป้มองรอยบนมือข้างนั้นก่อนจะยักไหล่ จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างจับลูกแมวแทนแล้วทำท่าจะยกมือข้างที่โดนข่วนขึ้นเลียแผล

"นี่! หยุดเลยนะ! ขืนเลียแล้วเชื้อโรคเข้าแผลจะทำไง รีบไปหาที่ล้างมือเดี๋ยวนี้เลย!"

ผมเผลอตีมือเป้ไปก่อนเจ้าตัวจะทันยื่นลิ้นออกมาโดนแผล รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดุหว้าอยู่ก็ไม่ปาน ผมก้มลงหยิบกระเป๋าบนพื้นแล้วจูงมือข้างที่มีรอยข่วนของเจ้าเด็กโข่งออกเดินเพื่อกันไม่ให้เป้ได้เลียแผลอีก โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนที่เดินตามหลังเหลือบตาลงมองมือของผมที่กุมมือตัวเองไว้ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองแผ่นหลังของผมแล้วก็ยิ้มชอบใจตลอดทาง

พวกเราแวะมาหยุดที่ร้านอาหารซึ่งตั้งใจจะมาทานข้าวเย็นกันตั้งแต่แรก หลังจากเป้ผละไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือแล้วผมก็ขอผ้าเก่าแต่สะอาดจากพนักงานเพื่อเอามาห่อเจ้าตัวน้อยที่ยังสั่นเพราะความหนาว ขณะมองตากลมโตสีฟ้าของลูกแมวในมือพลางตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมันดี เด็กหญิงอายุราวๆ หกเจ็ดขวบถักผมเปียคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาผม

"อ๊า ไวท์ช็อก ไวท์ช็อกจริงๆ ด้วย"

"อื๋อ?"

ผมเหลือบมองลูกแมวสีขาวปลอดในอุ้งมือที่มีผ้าขนหนูเก่าห่อตัวแล้วมองกลับไปที่แม่หนูน้อยคนนั้น เด็กหญิงยื่นแขนขึ้นมายื้อมือผมแล้วก็ทำตาแดง

"ไวท์ช็อกค่ะ เมื่อกี้ไวท์ช็อกหายไป แม่มันร้องหาใหญ่เลย หนูนึกว่ามีใครขโมยมันไปแล้วซะอีก"

 พอเป้เดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำหน้าแปลกใจที่เห็นเด็กหญิงกำลังพยายามยื้อลูกแมวออกจากมือผม ขณะที่พวกเรายังงงๆ กันอยู่ เจ้าของร้านอาหารก็เดินออกมาจากห้องด้านในแล้วช่วยอธิบายว่าลูกเหมียวในมือผมเป็นลูกของแมวที่ทางร้านเลี้ยงไว้ พอดีเมื่อตอนเย็นนั้นแม่หนูน้อยอุ้มเจ้าไวท์ช็อกออกไปเดินเล่นตรงริมน้ำ แต่แล้วก็ปวดฉี่เลยวิ่งกลับมาเข้าห้องน้ำโดยลืมเอาลูกแมวกลับมาด้วย พอออกไปอีกครั้งก็ไม่เจอเจ้าไวท์ช็อกแล้ว สงสัยว่าระหว่างที่ไม่มีใครเห็น เจ้าตัวเล็กคงจะซุกซนจนพลัดตกน้ำ แล้วก็ลอยไปจนติดกอผักตบชวาตรงที่ผมกับเป้ช่วยขึ้นมานั่นเอง

"ขอโทษด้วยนะคะ ลูกพี่ก็ไม่ไหวเลย ดูแลแมวไม่ดีจนปล่อยให้ตกน้ำได้"

หลังรู้ว่าผมกับเป้ช่วยลูกแมวตัวโปรดของลูกสาวไว้ คุณพี่เจ้าของร้านก็หันมาเอ่ยขอบคุณอย่างเกรงใจที่ทำให้พวกเราต้องลำบาก แต่ผมกลับส่ายหน้าแล้วยิ้มให้อย่างโล่งอก

"ไม่หรอกครับ มันปลอดภัยก็ดีแล้ว นี่ถ้าไม่เจอเจ้าของผมก็คงหนักใจเหมือนกันว่าจะเอาไปฝากใครเลี้ยงดี เพราะที่หอก็ห้ามเลี้ยงสัตว์ซะด้วย"

"ถ้างั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ มื้อนี้พี่ลดค่าข้าวให้พวกคุณ 50% ก็แล้วกันนะคะ ตามสบายเลยค่ะ"

ตลอดมื้อนั้น แม่หนูลูกสาวเจ้าของร้านมานั่งคุยกับพวกเราที่โต๊ะพร้อมกับอุ้มเจ้าไวท์ช็อกมาป้อนนมไปด้วย ดูท่าทางเธอคงจะชอบเจ้าลูกแมวน้อยเอามากๆ ดูเหมือนแม่หนูจะคุ้นหน้าพวกเราสองคนเพราะเคยเห็นมาทานข้าวที่ร้านบ่อยๆ เพียงแต่ไม่เคยได้เข้ามาคุยด้วยเพราะปกติจะอยู่ชั้นบนของร้านมากกว่า

หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ออกจากร้านมาโดยให้สัญญากับแม่หนูน้อยว่าถ้าว่างจะมาดูเจ้าไวท์ช็อกอีก ระหว่างทางกลับครั้งนี้พวกเราเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่หอ พอถึงแล้วและต่างคนต่างอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ผมก็หยิบยาเบตาดีนออกจากกล่องใส่ยาแล้วเอามาหยดใส่แผลให้เป้อีกทีเพื่อความมั่นใจ

"ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ยเป้?"

ผมเผลอตัวเป่าแผลให้เป้เหมือนกำลังทำแผลให้เด็กตัวเล็กๆ เจ้าเด็กโข่งที่กำลังนั่งยิ้มแป้นเลยส่ายหน้า "ไม่เจ็บหรอก เล็บลูกแมวมันเล็กนิดเดียวเอง แขนวิวต่างหากเป็นไงบ้าง"

เป้ถามพลางดึงแขนผมข้างที่โดนบอลกระแทกเมื่อตอนเย็นขึ้นมาดู และคราวนี้ใบหน้าที่เมื่อครู่ยังระบายด้วยรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

"เริ่มเขียวแล้วนี่นา เรามียาหม่องอยู่ใช่มั้ย เดี๋ยวเป้นวดให้"

เป้พูดแล้วก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หันไปคุ้ยหายาหม่องในกล่องยาแล้วเอาขึ้นมาปาดบนรอยช้ำเขียวบนแขนผมแล้วนวดให้อย่างเบามือ

"ขอโทษทีนะ ตอนนั้นเป้มัวแต่แย่งบอลกับไอ้พวกนั้นจนลืมว่าเตะบอลไปทางที่วิวนั่งอยู่เฉยเลย"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า เวลาเล่นกันมันก็ติดพันแบบนั้นแหละ เป้ไม่ได้ตั้งใจนี่นา"

ผมเอ่ยพลางยิ้มให้คนที่กำลังทำหน้ามุ่ย ความอุ่นจากขี้ผึ้งที่ถูกนวดลงบนผิวค่อยๆ ระเหยออกไปและทิ้งสัมผัสเย็นซ่านอ่อนๆ เอาไว้แทน หลังนวดจนยาหม่องซึมเข้าผิวหมดแล้ว เป้ก็ปิดฝากระปุกยาหม่องแล้วถามขึ้นมา

"แล้วตกลงเมื่อเย็นวิวงอนเป้เรื่องอะไร?"

พอโดนถามผมเลยได้แต่ก้มหน้าอมยิ้ม ให้ตายสิ นี่ผมลืมเรื่องนี้ไปสนิทตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงลูกแมวตกน้ำ แต่หมอนี่กลับยังจำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้อีกเหรอเนี่ย

"ไม่ได้งอน"

"งอนสิ ก็เอาแต่เดินนำหน้าลิ่วๆ แล้วไม่ยอมหันมามองเวลาคุยกัน จะไม่งอนได้ยังไง"

"งั้นตอนนี้หายงอนแล้ว เลยลืมแล้วว่างอนเรื่องอะไร พอใจหรือยัง?"

ผมถามพลางหยิบกล่องยาไปวางบนชั้นเพื่อจะได้นอนอ่านหนังสือบนเตียงได้ แต่พอหันกลับมาเห็นเป้ทำปากยื่นเพราะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ผมเลยแกล้งเอามือบีบจมูกโด่งๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยวไปทีหนึ่ง

"ไหนบอกจะรีบกลับมาทำการบ้านไง ทำไมไม่เอาออกมาทำล่ะ ไม่เสร็จห้ามมานอนนะบอกก่อน"

"โห....ใจร้าย เป้กะให้วิวช่วยสอนให้นะ"

ผมฟังแล้วได้แต่ย่นจมูกใส่คนโอดครวญ เพราะฟังก็รู้ว่ากำลังพยายามอ้อน "จะสอนได้ไง เทอมนี้ไม่ได้เรียนด้วยกันสักตัว ไปทำการบ้านที่โต๊ะโน่น วิวจะนอนแล้ว"

เป้เดาะลิ้นเมื่อเห็นผมเอนหลังบนเตียงพลางหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน แต่ก็ยอมลุกไปนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบการบ้านออกมาทำแต่โดยดี ดูจากท่าทางเมื่อครู่แล้ว อดจะชวนให้สงสัยไม่ได้ว่าเวลาอยู่ที่บ้านนี่พ่อเจ้าประคุณต้องให้คนอื่นมาเคี่ยวเข็ญให้ทำการบ้านเหมือนเวลาอยู่กับผมหรือเปล่า

แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมช่วยลูกแมวเมื่อตอนเย็นแล้วก็ เอาเถอะ...วันนี้ถือว่าพ่อคุณชายเขาเป็นฮีโร่ล่ะนะ...

"เอ้า"

"...หือ?"

เป้เงยหน้ามามองเมื่อเห็นผมวางถ้วยโอวัลตินที่เพิ่งชงให้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอามือเกาท้ายทอยให้เบาๆ

"รางวัลที่ช่วยเจ้าไวท์ช็อกเมื่อเย็นนี้ แต่ถ้าอยากได้มากกว่านี้ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน"

เป้เหลือบลงมองชีทการบ้านตรงหน้าสลับกับถ้วยโอวัลตินที่มีควันลอยกรุ่น จากนั้นก็เงยหน้ามองผมแล้วฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์จนน่าทุบ "พวกนี้น่ะเป้ทำพรุ่งนี้เช้าก่อนเข้าห้องก็ยังทันนะ"

"ไม่ต้องมาขี้โกงเลย ทำให้เสร็จแล้วเอามาให้ดูก่อนด้วย"

ผมเอ่ยสำทับทิ้งท้ายพลางเดินกลับมาที่เตียง เป้เลยเท้าแขนข้างหนึ่งบนพนักแล้วเอี้ยวตัวมาเบ้ปาก "แล้วถ้าวิวเกิดหลับไปก่อนจะให้รางวัลจะทำไงล่ะ การบ้านเป้มีตั้งหลายแผ่น"

"ให้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้ายังทำไม่เสร็จก็คุยกันอีกทีพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน"

ผมตอบโดยไม่หันหน้าไปหา แต่ก็เห็นได้จากหางตาแว้บๆ ว่าเป้เลิกคิ้วแล้วรีบหันกลับไปจัดการการบ้านบนโต๊ะทันที ทำเอาต้องพยายามกลั้นหัวเราะแทบตาย เพราะตาฮีโร่คนนี้บทจะโดนหลอกล่อด้วยของรางวัลก็ว่าง่ายเสียเหลือเกิน

เสียงปากกาขีดเขียนบนกระดาษผสานไปกับเสียงจากเข็มนาฬิกาที่กำลังเดิน เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งผมก็ลดหนังสือในมือลงแล้วนอนตะแคงชันศอกมองคนที่กำลังตั้งใจทำการบ้าน บางครั้งที่ดูเหมือนเป้ติดขัดตรงไหนก็จะหยิบหนังสือข้างตัวมาเปิดหาคำตอบ แผ่นหลังหนาใต้เสื้อยืดสำหรับใส่นอนอวดเส้นสายของกล้ามเนื้อแข็งแรงให้เห็นลางๆ ยามเจ้าตัวขยับร่างกาย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเจ้าของแผ่นหลังนี้ทำอะไรได้อีกบ้างนอกจากอ้อนแฟนและช่วยลูกแมวที่กำลังตกน้ำ แต่เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นความลับของผมคนเดียวก็พอแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ผมงอนเป้เมื่อตอนเย็นนั้นมาจากอะไร....อย่าบอกให้เจ้าตัวรู้แล้วได้ใจเลยคงจะดีกว่า...



++---End---++



A/N: ตอนนี้มีแรงบันดาลใจมาจากแมว ใช่ค่ะ แมวเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มา (มั่ง ไม่มามั่ง) นี่แหละ คือช่วงไม่นานมานี้มีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยวคาเฟ่แมวมาหลายครั้ง แล้วก็มีโอกาสเม้าท์กับเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งตั้งคำถามว่าถ้าหากเป้ วิว อ๊อฟ นะ มาเที่ยวคาเฟ่แมวด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง ซึ่งเราก็ขอให้พี่เขาเขียนให้อ่านนี่แหละเนื่องจากตัวเองนึกภาพไม่ออก (ฮา) แต่พอคุยกันไปหลายครั้งหลายหนเข้า มันก็นึกอยากเขียนตอนพิเศษให้เป้กับวิวที่มีสัตว์ตัวน้อยๆ มาเอี่ยวเหมือนกัน เลยได้เป็นเนื้อหาชีวิตประจำวันที่ย้อนกลับไปสมัยเรียนอีกแล้ว เขียนตอนนี้ไปก็นึกขำภาพตอนเป้โดนแมวข่วนไป ก็น่าจะเป็นตอนสั้นๆ ที่ถูกใจแฟนๆ คู่นี้นะ แล้วพบกันใหม่เมื่อมีตอนใหม่มาให้อ่านค่า

แถมภาพประกอบ: เหมียวๆ กำลังนัวเนียกันที่คาเฟ่แมวซึ่งหลายคนบอกว่าเหมือนเวลาเป้ชอบไปกระแซะวิวค่ะ หุหุหุ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2013 01:07:34 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ sugarrock

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ๊ายยยย  :-[
เข้ามาเจอ นู๋วิว นู๋เป้ พอดีเลย

ขอบคุณมากคะ
:man1:

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
ของรางวัลล่อใจขนาดนี้
เป้ทำการบ้านบนโต๊ะแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว

Syntyche

  • บุคคลทั่วไป
ภาพน่ารัก เห็นแล้วจิ้นตามเลย ฮ่าๆ
ตอนพิเศษก็น่ารัก หวานละมุนเชียว
ขอบคุณนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด