บทที่ 57 Buoyance
“เฮ้ออ” เสียงถอนหายใจยาวดังมาจากเภสัชกรหนุ่ม พร้อมกันกับที่เขาทิ้งตัวลงบนพื้นพาหนะนั่นอย่างเหนื่อยอ่อน เกือบแล้ว ใกล้แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไปให้ถึงจุดหมายไม่ได้เสียที
“เฟี๊ยตใจเย็น อย่าเพิ่งท้อ เดี๋ยวก็มีทางออกน่า อย่าเพิ่งเครียด” ปันย่อตัวลงตบบ่าเขาอย่างให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าปากของปันจะปลอบใจเขาอยู่อย่างนั้น แต่นัยน์ตาของชายหนุ่มก็ฉายแววท้ออยู่เช่นเดียวกัน ความจริง ปันน่าจะเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่รู้ว่าปัญหานี้จะต้องเกิดขึ้น และอาจจะเป็นคนแรกด้วยเช่นกันที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกแย่เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
“เฮ้ยย เครียดกันทำไมเนี่ย ฮ่าฮ่า นี่มันเกมนะ อย่าจริงจังดิ ไม่เอาน่า ยิ้มหน่อยย” แทนที่ดูจะมีความตึงเครียดแฝงอยู่ในอารมณ์น้อยที่สุดในเวลานี้ พยายามเรียกกำลังใจกลับมาให้เพื่อนทั้งสอง แทนตระหนักดีว่า ปัญหาตรงหน้านี่ถึงแม้ว่าจะดูไม่ได้อันตรายอะไร แต่มันก็ร้ายแรงอยู่ไม่น้อย เพราะมันไม่ต่างกับการเดินทางมาเจอทางตันเลย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเองก็ดูจะไม่ใช่คนที่จะแก้ไขปัญหาตรงหน้านี้ลงได้ เรื่องนี้ดูจะต้องพึ่งอัจฉริยะอย่างเฟี๊ยต หรือนักเวทย์น้ำอย่างปัน แต่ถ้าสองคนรีบมาทอดอาลัยลงเสียอย่างนี้ พวกเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร
“เฮ้ออ ขอพักก่อนนะปัน แทน เพิ่งจะรอดจากเรื่องเก่ามาได้ มาเจอกับเรื่องใหม่อีกแล้ว สมองมันรับไม่ทัน” เฟี๊ยตพูดออกมาทั้งๆ ที่ยังนั่งหมดแรงอยู่อย่างนั้น
“อืม พักกันสักครู่เถอะ เดี๋ยวค่อยหาทางสู้กันต่อไป” ปันพูดพลางทรุดตัวนั่งลงข้างเฟี๊ยตในพาหนะรัศมีประมาณสามเมตรนั่น ท่าทางชายผิวขาวก็เหนื่อยอ่อนอยู่ไม่เบา ด้วยต้องใช้พลังจิตควบคุมการเดินทางให้เพื่อนๆ ทุกคน
“โอเค พักก็พัก” แทนนั่งลงเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะหยิบปืนคู่ใจตัวเองมาดูเล่นตามความเคยชิน และเลือกที่จะหยุดพูดถึงปัญหาเฉพาะหน้านี่ไว้ก่อน ตามความต้องการของเพื่อนทั้งสองคน
เฟี๊ยตแหงนหน้ามองดูผิวน้ำเบื้องบนอย่างครุ่นคิด หากคิดตามหลักความเป็นจริงแล้ว เฟี๊ยตคิดว่าปัญหาที่แท้จริงของการเดินทางอยู่ที่พลังเวทย์ของปันเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรแรงที่ดึงพวกเขาลงตามแรงโน้มถ่วงน่าจะเป็นน้ำหนักของพวกเขาเองซึ่งน่าจะคงที่ตามน้ำหนักของพวกเขา อาจจะมีแรงต้านการเคลื่อนที่จากความหนืดอยู่บ้างก็น่าจะคงที่ด้วยเช่นกัน เพราะว่าพวกเขาก็ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่มาโดยตลอด ดังนั้นสิ่งที่ลดลงตลอดเวลาที่แรงที่ส่งพวกเขาขึ้นไปต่างหาก ปันเองอาจจะไม่รู้สึกตัวเพราะว่าปันก็คงใช้พลังอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา แต่เป็นพลังจิตของปันเองที่ถดถอยไปตามธรรมชาติ ความจริงถ้าพวกเขาให้ปันพักให้มากๆ พวกเขาก็อาจจะเดินทางต่อได้จนถึงเป้าหมาย แต่ประเด็นคือ เฟี๊ยตไม่รู้ว่าปันจะต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการจะฟื้นคืนพลังจนเพียงพออีกครั้ง เท่านี้ปันก็ฝืนใช้พลังงานอย่างหนักมาเกือบทั้งบ่ายแล้ว อีกอย่างหนึ่งการจะรอให้ปันคืนพลังเสียก่อนเดินทางต่อ อาจจะเป็นการพิสูจน์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะปันอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเฟี๊ยตหันไปมองเพื่อนผิวขาวของตนที่ขณะนี้เผลอหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาก็อดเห็นใจไม่ได้ เขาไม่อยากให้ปันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย
“แทนหรือปันมีใครมีการ์ดพวกมอนสเตอร์น้ำที่ใช้เดินทางได้บ้างไหม เราอาจจะใช้การ์ดลากพวกเราขึ้นไปก็ได้นะ” คำถามของเขาไม่เจาะจงก็จริง แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเจาะจงไปที่แทนเสียแล้ว เพราะเพื่อนอีกคนล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์ไปแล้วอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“มอนสเตอร์ที่ใช้เดินทางก็เหมือนจะมีแค่อัลบาทรอสของปันแหละเฟี๊ยต พวกเราไม่ค่อยได้เข้าร้านการ์ดเท่าไหร่ อ่อ พวกเรามีการ์ดยูนิคอร์นน้ำนั่นไง พวกเราจะใช้มันลากขึ้นไปดีไหมเฟี๊ยต มันเป็นธาตุน้ำ น่าจะไม่มีปัญหานะเฟี๊ยต” แทนยิ้มกว้างออกมาอย่างร่าเริงเมื่อเห็นหนทางจะแก้ปัญหาได้ ชายหนุ่มรื้อหาการ์ดดังกล่าวจากสมุดอย่างรวดเร็ว
“ใจเย็นแทน ยูนิคอร์นสามสหายเป็นไพ่สูงสุด ถ้าเราใช้มัน แปลว่าเราจะเสียมันไปเลยนะ มันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้สิ ขอเวลาเฟี๊ยตหน่อยนะ” เฟี๊ยตยื่นมือไปแตะข้อศอกของแทนที่ทำท่าจะหยิบการ์ดมาใช้ตามคำพูดของตนเสียเดี๋ยวนี้
“แต่ถ้ามันจำเป็น เราก็ต้องยอมเสียนะเฟี๊ยต ยังไงปันกับเฟี๊ยตก็มีไพ่ใบนี้อยู่แล้ว ยังไงถ้าเราจะเคลียร์เกม เราก็เคลียร์ด้วยกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ มีไพ่ซ้ำไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” ชายผิวเข้มแย้งออกมาด้วยท่าทีจริงจังผิดกับบุคลิก
“โอเค เฟี๊ยตไม่เถียง แต่ขอคิดก่อนได้เปล่า ไม่ว่ายังไง มันก็น่าเสียดายอยู่ดี” เฟี๊ยตยังคงแย้งต่ออย่างไม่ยอมแพ้ แทนจึงยอมปิดสมุดลงตามที่เฟี๊ยตต้องการ
เฟี๊ยตนั่งพิงผนังนั่นพลางคิดถึงวิชาฟิสิกส์ที่เคยเรียนเมื่อครั้งอยู่มัธยมปลายนั้น เขาค่อยๆ เรียบเรียงความรู้ที่แสนเลือนลางนั่นเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในของเหลวนี่ ใจเขาล่องลอยไปยังเนื้อหาวิชาการเหล่านั้น เขาเผลอทิ้งตัวลงบนผนังอย่างเต็มที่ด้วยต้องการจะเอนกายให้ผ่อนคลายเสียหน่อย แต่แล้วเขาก็ต้องหงายหลังจนแทบคะมำ เมื่ออยู่ดีๆ ผนังที่เคยรองรับเขาอยู่เบื้องหลังก็ถอยออกไป ราวกับว่าจะหนีหายจากเขาไปฉะนั้น
เมื่อเขาหันไปก็พบว่าผนังตอนนั้นขยายขนาดออก เหมือนจะเป็นผลจากการตอบสนองจากการกดทับของเขานั่นเอง เฟี๊ยตขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
‘ใช่สิ ยังมีวิธีแบบนี้อยู่นี่นา’
“เฟี๊ยตเป็นอะไรหรือเปล่า” แทนหันมาถามเขาเมื่อเห็นว่าเขาเกือบจะล้มลงไปวัดพื้น
“แทน ช่วยกันเดินไปรอบๆ ถุงนี่ ใช้มือดันมันแรงๆ เลยนะ คือออกแรงมากๆ มันจะขยายขนาดออก ช่วยกันทำให้มันใหญ่ขึ้นเร็ว แต่อย่าดันเร็วเกินไปนะ เดี๋ยวมันจะขาดเอา” เฟี๊ยตบอกแทนพร้อมกับที่ตนเองลุกขึ้นเริ่มดันผนังฝั่งด้านตนให้เห็นเป็นตัวอย่าง แทนที่ไม่เข้าใจอะไรมากนักก็ลุกทำตามอย่างงงๆ ในขณะที่ปันยังคงฟุบหลับอยู่กับพื้นอยู่อย่างนั้น ผนังรอบๆ ด้านของพาหนะนี่ค่อยๆ ขยายตัวออก โดยแผ่ตัวจากที่เคยหนาตัวกลายเป็นบางลงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ
“เฟี๊ยต เราจะขยายขนาดไอ้ถุงนี่ไปทำไม มันใหญ่ขึ้นมันน่าจะลอยยากไม่ใช่หรอ” แทนหันมาถามเขาทั้งๆ ที่มือก็ยังคงดันผนังเหล่านั้นตามคำสั่งต่อไป
“ไม่หรอกแทน ถึงแม้ว่ามันจะขนาดใหญ่ขึ้น แต่อย่าลืมว่ามันเป็นมวลก้อนเดิม ดังนั้น มันจะต้องมีมวลเท่าเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือปริมาตรของมันที่มากขึ้นต่างหาก” เฟี๊ยตตอบเพื่อนชายโดยที่ยังไม่หันหลังกลับมาจากผนังพาหนะนั่น
“แล้วปริมาตรที่เพิ่มขึ้นมันช่วยอะไรหรอ เฟี๊ยต” แทนหันมาถามเขาด้วยความสงสัยอีกครั้ง
“การเคลื่อนที่ในของเหลวจะมีแรงหนึ่งที่ช่วยดันให้วัตถุลอยขึ้นเหนือผิวน้ำที่รู้จักกันในชื่อ buoyant force หรือแรงลอยตัวนั่นเอง แรงลอยตัวเท่ากับความหนาแน่นคูณแรงโน้มถ่วงคูณปริมาตรที่ถูกแทนที่ ดังนั้น ยิ่งปริมาตรวัตถุยิ่งใหญ่ มันจะทำให้แรงลอยตัวเพิ่มมากขึ้นไปอีกนั่นเอง”
“แรงลอยตัวเพิ่มแล้วยังไงหรอเฟี๊ยต” เพื่อนผิวคล้ำของเขาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย เมื่อรู้สึกว่าเขายังไม่เฉลยเรื่องราวทั้งหมดเสียที
“แรงลอยตัวที่เพิ่มมากขึ้น มันก็จะดันให้พวกเรา… ลอย!”
เมื่อสิ้นสุดประโยคคำพูดของเฟี๊ยตนั้น วัตถุทรงกลมที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เกิดอาการสั่นน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ลอยตัวอย่างช้าๆ ราวกับนัดแนะกันไว้ฉะนั้น พาหนะดังกล่าวลอยสู่เบื้องบนอย่างไม่เร็วนัก จนมาถึงผิวน้ำในที่สุด เฟี๊ยตยิ้มอย่างดีใจที่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อทีมอีกครั้ง
“เย่เย่เย่ สำเร็จแล้ว พวกเรารอดแล้ว ไม่ต้องใช้ไพ่สูงสุดแล้วเฟี๊ยต” แทนวิ่งมาหาเขาก่อนจะจับตัวเขาเขย่าๆ อย่างยินดีในความสำเร็จๆ มือหนาจับไหล่เขาโยกไปมาก่อนจะสวมกอดเขาเข้าเต็มรักราวกับเด็กๆ ที่ดีใจตอนแข่งกีฬาชนะอย่างใดอย่างนั้น เฟี๊ยตปล่อยตัวเองให้อยู่ในอ้อมกอดของชายผิวเข้มที่เอาแต่พร่ำบอกถึงความฉลาดเฉลียวของเฟี๊ยตที่ทำให้พวกเขาผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้อีกครั้ง เขาได้แต่หัวเราะเบาๆ อย่างเขินๆ ที่ถูกเยินยอจนเขาแทบลอย นานๆ ที มีคนมาชื่นชมเขาอย่างออกนอกหน้านอกตาอย่างนี้ มันก็อดภูมิใจไม่หยอกนะ และในช่วงเวลานั้นเอง
“เฟี๊ยต! แทน!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคน ดูเหมือนว่าเพื่อนผิวขาวที่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนล้า บัดนี้ ได้ตื่นขึ้นจากนิทรารมณ์เสียแล้ว
จากผู้แต่ง : อย่าเพิ่งเบื่อนิยายเรื่องนี้เลยเนอะ อยากแต่งนิยายแบบยาวๆ เนื้อเรื่องอาจจะช้าไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะครับ เรื่องราวต่างๆถูกวางไว้แล้ว ผมอยากแต่งไปตามเรื่องที่วางไว้หนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยเนอะ อ่านคำว่าเบื่อแล้วมันเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้ ห้าห้า เอาเป็นว่า เบื่อได้ แต่ต้องแอบคิดเงียบๆ นะ อิอิ
ปล ตอนนี้ดูสั้นฝุดฝุด แต่เอาเป็นว่า ดีกว่าไม่ได้มาลงนะครับ