- The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]  (อ่าน 115717 ครั้ง)

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม

  • บุคคลทั่วไป
จิตใจมนุษย์มันยากแท้หยั่งถึงแท้ :z3:

บางทียิ่งจนมุมก็ยิ่งจะกระโจนออกมาซะให้ได้ :m15:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
กระแทกใจเราจังจังง่ะตอนนี้

เราเข้าถึงอารมณ์เลียมมากง่ะ

อ่านเรื่องนี้เรานึกถึงหนังเรื่องsevenที่แบรดพิทเล่น

ที่ฆาตกรฆ่าคนตามบาปทั้งเจ็ด

เนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน

แต่ก็เล่นกับอารมณ์รักหลงเกลียด

แบบนี้เหมือนกัน

สุดท้ายเซเวนจบลงที่พระเอกที่เป็นตำรวจ

พ่ายแพ้ต่อด้านมืดคนเขียนต้องไปหามาดูนะ

ออฟไลน์ Lilyrum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เป็นเรื่องที่หน่วงจิตหน่วงใจมากกกกกกก

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
จะจบยังไงนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
จะจบดีไหมเนี่ยยยย อยากให้จบดีอ่ะ อยากให้ทุกคนมีความสุข
ตอนนี้มันจะเศร้าไปแล้ว( i _ i )

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โอยยยย  จะเป็นลม   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ๊ากกกกกก *ทึ่งหัวตัวเอง*
รู้สึกสงสารทั้งสามคน
เข้าใจความรู้สึกเลียม เจย์เดย์ คาร์เรย์นะ
แต่สามคนนี้ไม่เข้าใจกันหรออออออ :z3: :z3:

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
เพิ่งเห็นว่าว่าอัพแล้ว TwT
โอ๊ยย เลียมม พ่อพระเอกกก  :sad4: :sad4: :sad4:
#ทีมเลียม 55555555555
เชียร์เลียมมาตั้งแต่แรกๆค่ะ จนตอนนี้ก็ยังเชียร์อยู่...
อย่างน้อยเลียมก็รักเจย์เดนมากจริงๆ TwT
อยากเห็นเลียมสมหวัง 555555555555
 :-[ :-[

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ดีค่ะดี..พังกันให้หมดเลยค่ะ  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ยากจริงๆ .....ยากที่จะเป็นไปได้ สู้ๆนะ o13 o13

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
เหมือนจะเป็นโศกนาฏกรรมความรักสินะ เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
   Chapter 17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย”

ทุกอย่างกำลังพังจริงๆ

หลังได้ยินคำนั้น ผมทำอะไรไม่ถูก พยายามห้ามปรามเลียม แต่อีกฝ่ายก็ปีนกลับออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง สายโซ่รั้งผมเอาไว้ ฉุดรั้งราวย้ำเตือนว่าผมไม่มีวันออกไปจากโคลมตมนี้

ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคาร์เรย์กลับมา

“ที่รัก เป็นอะไรไป”

เลียมพูดถูก คาร์เรย์ไม่รู้เรื่องที่เขาแอบเข้ามาสักนิด

“ร้องไห้ทำไมครับ หือ” เสียงหวานอย่างปลอบประโลมนั้นทำให้ผมยิ่งร้องไห้หนัก ผมกอดเขา ซุกกับอกของเขา หวังให้ไออุ่นของความรักอันบิดเบี้ยวนี้ช่วยบรรเทาความร้าวรานในใจ คาร์เรย์ตกใจเล็กน้อย แต่ก็กอดผมตอบ พลางลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนเหลือเกิน

ผมควรจะทำยังไง

ผมอยากเตือนคาร์เรย์ อยากบอกว่าเขาพลาดแล้ว เลียมมีหลักฐานบางอย่างในมือ แต่ไม่รู้ว่าคาร์เรย์จะเชื่อผมมั้ย ขนาดคำที่เขาต้องการฟังจากผมที่สุด เขายังไม่แม้แต่จะให้ผมเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ!

ทุกอย่างมันพังทั้งหมด...

และหากพูดออกไป เขาต้องรู้ว่าเลียมมาหา ถึงตอนนั้นเขายังจะละเว้นเลียมอีกหรือ ถ้าเขาไปฆ่าแม่ของเลียมอีกล่ะ...ไอ้เด็กเวรนั่นต้องแทบเป็นบ้า คลุ้มคลั่งกว่าเดิม กัดไม่ปล่อยแน่แท้

มันพังไปหมด...

แต่ถ้าไม่พูด คาร์เรย์ก็จะถูกไล่ต้อน ผมรู้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยผมหรอก แต่ถ้าตอนนั้นเมื่อกฎหมายตามเจอ เขาจะขัดขืนได้ยังไง เลียมที่เตรียมการณ์ดีขนาดนี้จะยอมให้ผิดพลาดอีกครั้งงั้นเหรอ

พัง...

“ที่รัก?”

อ่า...ผมควรจะทำยังไงดี

ผมสะอื้นไห้ ในอกอัดอั้นเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเอง

ทำไมทุกอย่างเป็นแบบนี้กันนะ ทุกครั้งที่คิดว่าพอแล้ว ทำใจได้แล้ว ยอมรับได้แล้ว เป็นต้องมีบางสิ่งทำให้พลิกกลับ! ตัวผมไม่เคยสมหวังสักครั้งเลยหรือไง ทำไมต้องเป็นแบบนี้ตลอด!!

“เรา...หนีไปกันดีมั้ย”

ผมไม่โทษคาร์เรย์ ฉะนั้นผมจึงไม่โทษเลียม

“หนีไปที่ที่ไม่มีใครตามเจอ หนีไปกันแค่สองคน...”

“ที่รัก” คาร์เรย์ดึงตัวผมออก มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ “คุณจะให้ผมทิ้งบริษัทงั้นเหรอ คุณรู้ดีที่สุดนี่ว่าผมพยายามแค่ไหนเพื่อมาจุดนี้ ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับคุณ เพื่อสร้างฐานะให้คุณยอมรับ!”

เพราะผมเป็นคนบอกกับเขาเอง

บอกกับเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน และนั่นทำให้อีกฝ่ายมุ่งมั่นขนาดนี้

เพราะ...ผม

“พอแล้ว...” ผมมองท่าทางเกือบจะคลุ้มคลั่งของคาร์เรย์ด้วยความรู้สึกปวดหนึบไปทั้งใจ “ฉันพอแล้ว...ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงคนรักเข้มขึ้น บางทีคงคิดว่าผมเองก็ไม่ต้องการเขา

“ฉันมีนายก็พอแล้ว...” ผมพูดออกมาจากใจ “หนีไปกันเถอะ ไปให้ห่างจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา...”

“ที่รัก คุณเป็นอะไร” คาร์เรย์บีบไหล่ผมแน่นจนเจ็บ “ทำไมจู่ๆ ถึงพูดแบบนี้ คุณพยายามจะหนีผมไปอีกใช่มั้ย จะให้ผมปล่อยคุณ แล้วคุณจะฉวยโอกาสนั้นหนีไปใช่มั้ย!”

น้ำตาที่เกือบจะเหือดแห้งกลับไหลออกมาอีกครั้ง

ผมยกมือปิดตา ส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนจะผละจากคาร์เรย์ไปทิ้งตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเตียง...กลับไปสู่ที่ของผมราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

หูแว่วเสียงปาข้าวของอย่างเกรี้ยวกราด คาร์เรย์ไม่รู้จะเอาอารมณ์ไปลงที่ไหนจึงได้ทำแบบนี้ เขาสบถอีกสองสามคำ ก่อนจะปิดประตูดังปังและเดินกระทืบเท้าออกไปเพื่อสงบสติ

อ่า ทำไมมันถึงได้กลับตาลปัตรขนาดนี้นะ

ผมซุกหน้ากับหมอน ร้องไห้จนเจ็บคอไปหมด ชั่วขณะหนึ่ง คำพูดของเลียมปรากฏขึ้นมา

‘ให้มันพังไปทั้งแบบนี้นั่นแหละ!!’

นั่นสินะ...ในเมื่อไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ทุกอย่างก็ผิดเพี้ยนไปหมด ถ้าอย่างนั้น...

ก็ปล่อยให้มันพังไปเถอะ!!



เลียมไม่มาหาผมอีกเลย

คงเพราะเขาตั้งใจแน่วแน่แล้ว แต่มันกลับทำให้ผมกลัว...กลัวจนนอนไม่หลับ กังวลว่าเขากำลังตามหาหลักฐานได้ถึงไหน เขาจะจับคาร์เรย์จริงๆ หรือ เพียงแค่นึก...ผมก็กลัวไปทั้งใจ โทษของคาร์เรย์หนักหนานัก หากเชื่อมโยงไปยังคดีก่อนๆ คนรักของผมคงไม่พ้นโทษประหาร

คาร์เรย...จะตายงั้นเหรอ

ผมหนาววาบไปทั้งตัว ซุกเข้าไปกอดคนรักซึ่งนอนตะแคงเคียงข้างกัน แม้จะทะเลาะกันหนักขนาดไหน แต่คาร์เรย์ไม่เคยทิ้งผมให้นอนคนเดียว เขายังคงโอบประคอง ตะกองกอดด้วยความรัก แม้ว่าบางทีผมจะถูกความบ้าคลั่งนั้นทำร้ายจนเจ็บไปทั้งกายก็ตาม

“ที่รัก?” คาร์เรย์ซึ่งหลับสนิทรู้สึกตัว ตลอดทั้งเย็นเขาไม่ยอมพูดกับผม อาจเพราะยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมรู้...รู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาเผลอให้ความคลุ้มคลั่งครอบงำ หลังจากนั้นคนที่เสียใจที่สุดก็คือคาร์เรย์

เพราะเขารักผมมากเหลือเกิน...

“คาร์เรย์”

“ครับ?” อาจเพราะความง่วงงุน คนรักจึงขานตอบอย่างใสซื่อน่าเอ็นดูราวลืมเลือนเรื่องเมื่อเย็นเสียสนิท มันทำให้ผมชั่งใจ...ว่าควรจะถามออกไปดีหรือไม่นะ

แต่ช่างเถอะ

มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมยังต้องกลัวมันพังไปกว่าเดิมอีกหรือไง

“เมื่อเจ็ดปีก่อน...นายพูดกับฉันว่าถ้าหากเจอกันแล้วฉันปฏิเสธ นายจะทำอะไรเหรอ”

มันค้างคาในใจผมมานานเหลือเกิน แต่ที่ไม่กล้าถามมาตลอด เพราะกลัวว่าเขาเข้าใจผิดคิดว่าผมจะปฏิเสธ

ผมไม่เคยพูดคำนั้นออกมา...แม้จะเจ็บปวดใจแค่ไหน ถูกเขาทำร้ายเพียงใด ผมก็ไม่เคยพูดคำนั้นออกมา

แต่ในเมื่อวันนี้มันก็แย่พอแล้ว ผมก็ขอบ้าให้ถึงที่สุดเถอะ

เพราะคำตอบที่พยายามนึกมาตลอดนั้น มีแต่คำว่า...

“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก” คาร์เรย์เอ่ยเสียงเบา ความง่วงงุนเลือนหาย แต่น่าแปลก เพราะเขาไม่ยักโมโหอย่างที่คิด “ผมบอกแล้วว่าจะไม่ให้คุณตาย...ที่รัก”

ดวงตายามทอดมองเคียงกันนั้นช่างวาบหวามจนน่าใจหาย

อยากเก็บช่วงเวลาแบบนี้ไว้เหลือเกิน

“ทำไมล่ะ...”

ผมเคยคิด คิดมาตลอดว่าหากถึงวันที่ผมไปจากคาร์เรย์จริงๆ เขาต้องฆ่าผม...ฆ่าด้วยความรักอย่างที่เขาเคยทำกับครอบครัวแน่ๆ แต่ว่า...มานึกดูดีๆ คาร์เรย์ไม่มีท่าทีจะฆ่าผมเลย ตอนที่ให้เลือกระหว่างเขากับเลียม ก็เป็นตัวผมเองที่เสือกตัวเองเข้าไปในกองไฟ ทั้งที่เปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์นั้นแท้ๆ แต่คาร์เรย์ก็พาผมกลับมาที่บ้านหลังนี้...กักขังผมไว้ไม่มีทีท่าจะฆ่าทิ้งเสียให้ตาย

“เพราะคุณไม่ให้ผมตาย” คาร์เรย์ขยับยิ้ม ดวงตาทอดหวาน ราวกำลังนึกถึงอดีต “ผมจำคุณได้ทุกอย่าง จำตอนที่คุณอุ้มผมขึ้น ช่วยใช้แขนบังไฟจากทางขวา...”

อีกฝ่ายแตะปลายนิ้วบนต้นแขนผมแผ่วเบา

“จำได้ดี...คุณบอกผม ร้องบอกด้วยเสียงหวาดหวั่น บอกอย่างแน่วแน่ราวคำสัญญา...ร้องบอกว่า...”

“...ฉันจะไม่ให้นายตาย” ผมครางในลำคอ ความทรงจำเมื่อเจ็ดปีก่อนหวนคืน ที่แท้คาร์เรย์ก็จดจำผมไว้ตั้งแต่แรกพบ นึกดูแล้วผมให้คำมั่นกับเขามากมายแค่ไหนกันนะ “แล้วทำไมตอนฟื้นนายถึงไม่ยอมคุยกับฉันล่ะ”

“เพราะผมนึกว่าคุณแค่ทำตามหน้าที่” คาร์เรย์ขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้ผมนอนตะแคงหนุนแขนเขาอย่างสะดวกสบายขึ้น “ผมคิดว่าคุณคงแค่มาดูแล้วก็กลับไป ไม่มีพันธะอะไร แต่พอนานวันเข้า...ผมก็รู้ว่าคุณมาเพราะเป็นห่วงผมจริงๆ”

   คาร์เรย์ไล้ปลายนิ้วบนริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน

“ผมจึงเชื่อ...เชื่อทุกคำพูดของคุณ”

แต่ผมกลับไม่เคยจดจำคำเหล่านั้น

“มันเป็นความทรงจำที่มีค่า ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีผมก็ได้แต่คิดถึงคุณ รู้ตัวอีกครั้งก็รักมากเหลือเกิน”

แต่ผมกลับไม่เคยบอกรักเขาสักครั้ง

แถมยังเหยียบย่ำจิตใจ จนเขาไม่อาจยอมรับความรักผมได้อีก!

“ที่รัก...” คาร์เรย์เรียกผมเสียงอ่อนหวาน “ผมยังเชื่อ...คำพูดของคุณได้อยู่มั้ย”

เสี้ยวนาทีนั้น น้ำตาที่แห้งเหือดไปนานพลันปลื้มปริ่มอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าไม่มีทางเสียแล้ว แต่สุดท้ายคาร์เรย์กลับมอบโอกาสให้ผม

“ได้...ได้สิ” ผมพูดแทบไม่เป็นคำ เสียงปลอบโยนของคาร์เรย์กระซิบใกล้ เขาจูบซับน้ำตาให้ผม ไล้จากโหนกแก้มมาที่หางตา ก่อนจะกดจูบหนักๆ บนหน้าผากด้วยความรักไม่แปรเปลี่ยน

“งั้นพรุ่งนี้ผมจะสะสางงาน แล้วจะเอาสถานที่สวยๆ มาให้คุณเลือก จากนั้นสักสองสามวัน เราจะหนีไปด้วยกัน”

“อืม...”

ผมดีใจจนแทบขานตอบไม่ไหว เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคาร์เรย์ที่ไม่ได้ยินมานานเหลือเกิน

“เรามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งนะครับ”

“อืม...”

ผมพยักหน้าถี่รัว นึกในใจว่าอย่างน้อยทุกอย่างก็ยังไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป

อาจเพราะการพูดถึงอดีต ทำให้คาร์เรย์นึกไปถึงความรู้สึกที่เขามีต่อผมในครั้งแรก ความรักยามนั้นช่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น หลงใหล ไร้ซึ่งความคลาดแคลง ช่วยชำระล้างจิตใจที่เกือบจะถึงขีดสุดของผมและเขาให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง

คืนนั้น...ผมกับคาร์เรย์คุยกันตลอดทั้งคืน

เราพูดถึงอดีต พูดถึงเรื่องราวยามที่เราสองห่างเหินกัน คาร์เรย์รู้เรื่องของผมหมดแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นตัวเขาที่เล่าเจือแจ้ว บอกว่าตอนเพิ่งย้ายแรกๆ นั้นคิดถึงผมมากแค่ไหน ต้องปรับตัวกับแม่บุญธรรมและเพื่อนบ้านแค่ไหน ต้องขยันขนาดไหน ต้องพยายามถึงเพียงไรเพื่อมาถึงจุดนี้

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย...”

คาร์เรย์ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดูนัก

“ไม่ได้หรอก ถ้าผมไม่มาเจอคุณในช่วงที่มั่นใจว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมที่สุด เกิดคุณปฏิเสธขึ้นมาก็แย่น่ะสิ”

คำถามนี้ทำให้ผมนึกหวนได้ว่ายังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธ นายจะทำยังไง...”

คาร์เรย์เพียงยิ้มจางให้ผมเท่านั้น

“ลืมมันเถอะครับ เพราะอีกเดี๋ยว เราจะมีกันสองคนตลอดไป”



“พ่อกับแม่ของผมเป็นคนเข้มงวดมาก”

วันต่อมา หลังกลับมาจากทำงานคาร์เรย์ก็ยอมเปิดปากถึงอดีตก่อนจะเจอผมเป็นครั้งแรก

“เขามักเปรียบเทียบผมกับพี่สาวเสมอ เพราะว่าผมตรงกันข้ามกับเธอทุกอย่าง เธอเรียนเก่ง แต่ผมกลับสอบตก เธอเก่งกีฬา แต่ผมกลับอ่อนแอ เธอเล่นดนตรี แต่ผมกลับอ่านโน้ตไม่เป็นซะด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เธอเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ผมก็ถูกบังคับให้ทำตามจนไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขณะที่เธอประสบความสำเร็จทุกอย่าง”

คาร์เรย์นอนบนตักผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง

“ผมไม่มีความสุขเลย น้อยใจถึงขนาดเคยถามว่าพวกเขารักผม หรือรักตัวผมที่ต้องเป็นแบบพี่สาวกันแน่ แน่นอนว่าพวกเขาบอกรักผม พี่สาวเองก็เข้ามาโอบประคอง ร้องบอกว่าผมคงเครียดเกินไป แต่ผมรู้ดีว่าในใจพวกเขานึกดูถูกผม พ่อกับแม่เองก็ผิดหวัง ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายที่ห่างกับลูกสาวแค่หนึ่งปีถึงได้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”

ผมนั่งฟังเงียบๆ พลางลูบศีรษะเขาอย่างปลอบโยน

“ผมเองก็ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจนโกรธตัวเองว่าทำไมถึงได้เกิดมาแบบนี้ แต่พอคิดได้...คำตอบที่ออกมาก็เพราะพ่อกับแม่ของผมไม่ใช่หรือ พ่อกับแม่ทำให้ผมเกิดมา บางที ถ้าผมเกิดก่อนพี่สาว ทุกอย่างอาจกลับตาลปัตรก็ได้ ถ้าอย่างนั้น...คนที่ผิดก็คือพวกเขา ไม่ใช่ผม”

คาร์เรย์ยังคงเล่าด้วยเสียงราบเรียบ ราวกับว่าแม้ในตอนนี้เขาก็ยังคงคิดเช่นนั้น

“ผมจึงหาซื้อยานอนหลับจากอินเตอร์เน็ต ใช้บัตรเครดิตของแม่ อ้างว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่สาว ใช่...วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ วันที่ควรจะเป็นวันเกิดของผมต่างหาก ผมวางยานอนหลับลงในเค้ก จากนั้นไม่นานพวกเขาก็หลับคาโต๊ะ ผมลอบยิ้ม เดินไปที่ห้องครัว เลือกสรรว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อให้เขาไปสบายที่สุด เพราะในเมื่อพวกเขาไม่รักผม ทั้งที่เป็นคนให้กำเนิดโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์เลือก...งั้นผมจะเป็นฝ่ายเลือกความตายให้พวกเขาเอง”

คาร์เรย์ลอบยิ้มเมื่อนึกถึง หากแต่ในสายตาผมกลับเห็นความโศกเศร้าแฝงในนั้น

“ผมเลือกมีดที่แม่เคยใช้แล่บ่อยๆ ในงานเทศกาล จากนั้นก็เริ่มจากการปาดคอพี่สาว แม่ และพ่อ...เลือดสีแดงเลอะตัวผมเต็มไปหมด ตอนนั้นผมหัวเราะ...หัวเราะเพราะนับจากนี้จะไม่มีคนเปรียบเทียบผมอีกต่อไป จะไม่มีคนที่ผมรักคนไหนมองผมด้วยสายตาไม่ต้องการอีก”

คาร์เรย์เงียบไปอึดในหนึ่ง ดวงตาวูบไหว หากแต่ผมคล้ายกับได้ยินเสียงในใจของเขา

รักผมสิ! ทำไมถึงโหดร้ายขนาดนี้ ไม่เห็นหรือ...ผมพยายามขนาดนี้ ผมทำเพื่อคุณขนาดนี้...ทำไมถึงไม่รักผม!!

ราวเสียงกรีดร้องในใจของคาร์เรย์ชำแรกผ่านดวงตาที่จ้องผมอย่างนิ่งงัน ผมจึงหลั่งน้ำตาเงียบๆ...ร้องไห้แทนคนรักที่ไม่อาจหลั่งออกมา เพราะตัวผมเองก็ถูกคนที่รักมากทอดทิ้งอย่างไร้ค่าเช่นเดียวกัน

“หลังจากนั้นผมก็คิดได้...” คาร์เรย์เล่าต่อด้วยเสียงสั่นเครือ “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมคงถูกจับแน่ ฉะนั้น...ผมจึงเดินไปเปิดแก๊สในครัว รอจนกระทั่งกลิ่นเหม็นโชยมาถึงใกล้ทางออก จึงจุดไฟแชคของพ่อ จากนั้น...”

จากนั้นก็ระเบิด ตัวของเขากระเด็นไปกลับเข้าไปด้านในและถูกไฟลุกลาม ตอนนั้นผมกำลังเข้าเวรกะดึกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จึงเข้าไปช่วยได้ทันท่วงที แต่ถึงอย่างนั้น แขนขวาและแผ่นหลังของเขาก็ถูกไฟลามจนเป็นรอยแผลฉกรรจ์ ส่วนตัวผมที่อุ้มเขาพาดไหล่ซ้าย ก็ใช้ร่างกายซีกขวาบุกตะลุยออกมา กว่าจะพ้นมาได้ก็เล่นเอาสำลักควันและได้แผลเกียรติยศ

“จากนั้นผมก็ได้พบคุณ”

คาร์เรย์เอื้อมมือช่วยเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา

“คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย...คุณยังต้องการผมใช่มั้ย เจย์เดน”

“ใช่ ฉันจะอยู่กับนาย ฉันต้องการนาย” ผมแนบหน้ากับฝ่ามือกร้านของเขาอย่างเต็มใจ ความถูกต้องคืออะไร ความผิดคืออะไร ทั้งผมและเขาต่างรู้ดี พวกเราต่างเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มนุษย์กลับมีสัญชาตญานในการปกป้องตัวเองสูงเหลือเกิน

พ่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด จึงฆ่าตัวตาย

เพื่อนรักพ่อปกป้องตัวเองจากความผิด จึงขู่ผมทั้งที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม

ตำรวจผู้ใหญ่นั้นปกป้องตัวเองจากความผิดบาป จึงโยนโทษให้ผมรับเสียแทน

เพื่อนรุ่นพี่ปกป้องตัวเองจากการโดนลูกหลง จึงได้แต่เอาอกเอาใจเจ้านาย

เบรดปกป้องตัวเองจากความรักที่หมดสิ้น จึงเลือกที่จะให้ผมเป็นของเขาตลอดกาล

แม้กระทั่งเลียมเอง...ก็ปกป้องตัวเองจากความรู้สึกผิดกับรักแรก จึงเลือกที่จะทำทุกทางเพื่อให้ผมเป็นอิสระ

แล้วตัวผมล่ะ

ผมเองก็ปกป้องตัวเองจนปิดใจกับทุกสิ่ง แต่มันไม่จำเป็นอีกต่อไป

“ลืมอดีตทั้งหมดเถอะ จากนี้ไป ทั้งฉันและนาย...จะไม่ต้องเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว”


------------------------

“...ฉันจะไม่ให้นายตาย”

เป็นคีย์เวิร์ดของเรื่องนี้ ที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างบังเกิดขึ้น และเป็นชื่อตอนในบทแรกของเรื่องนี้ค่ะ  o18
ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ตอนหน้า...เป็นตอนสุดท้าย คิดว่าหลายๆ คนคงเดาตอนจบได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มาร่วมติดตามไปถึงตอนสุดท้ายกันเถอะนะคะ ^ ^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2014 20:37:57 โดย ชมพูพาล »

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
งืออออ จะจบแล้วว ตอนจบหวังแต่ว่าเราจะเดาผิดละกัน  :z3: :katai1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ไม่เดาหรอก   :laugh:   

(เพี้ยนไปละ)

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
;_________;
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วสงสารคาร์เรย์แปลกๆ
แต่ก็ยังแอบเชียร์เลียมอยู่(?)
แม้ความหวังจะริบหรี่มาก  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยจ้า

ไกล้จบแล้วสุดท้ายไม่อยากให้จบแบบหดหู่เลย

LadyGreaz

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปนะคะ

อยากใหเจย์เดนลงเอยกันคาร์เรย์นะเออ(ถึงแม้ว่าเลียมจะดีก็เถอะ)

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะจบแล้วหรอออ :o12:
ในที่สุดคาร์เรย์ก็เย็นชากับเจย์เดย์น้อยลงสะที :กอด1:

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม

  • บุคคลทั่วไป
เดาได้หลายแง่มาก เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปดีกว่าาา :hao7:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ขอให้เหตุการณ์ร้ายๆอย่าเกิดขึ้นเลย

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
เลียมยังไม่เลิกอีกเหรอ พอได้แล้วนะเลียมเอ๊ยยย กลับไปหาขวัญซะ #ผัวะะ #ไม่ใช่ขวัญเรียม

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อ่านแล้วนอนไม่หลับอยู่2คืน กลัวถูกคาเรย์ฆ่าอะ 55555 (นี่พูดจริงนะ-*-)

อยากให้จบแฮปปี้ค่ะ

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ตอนจบหนี ถ้าหนีเลียมรอด ก็แฮปปี้ แต่ถ้าไม่ก็โศกากันเลยล่ะทีนี้

จะรออีก 2-3 ให้เลี้ยมมาจับพวกแกหรืออย่างไรกันเล่า โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย

แต่ว่านะ คาร์เรย์เข้าใจเจย์เดนสักที ดีๆ

ออฟไลน์ zizits

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

ออฟไลน์ beautyless

  • PP Kintai Love
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ไม่มีสูตรสำเร็จ นอกจากยอมรับสิ่งที่ชีวิตนำมาให้

ขอให้ทุกคนรัก โดยไม่แอบเจือปนสิ่งอื่นลงไปในนั้น

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 18 : “ตลอดไป”

ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง

“ไปกันเถอะ ที่รัก”

โซ่ที่ล่ามขาถูกปลดออก พร้อมตะกอนในใจที่ถูกลบเลือนเสียสิ้น

ราวชีวิตถูกพลิกอีกครั้ง

หากแต่เป็นการเริ่มต้น...ที่ดีเหลือเกิน

“นายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแน่นะ” ผมถามคาร์เรย์ที่เป็นฝ่ายถือกระเป๋าเดินทางสองใบด้วยสีหน้ามีความสุข ราวกับว่าเขาได้ระบายความในใจทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น

เปรียบเสมือนลูกนกที่เพิ่งออกจากเปลือกไข่ครั้งแรก

ทิ้งเศษซากเหล่านั้นเอาไว้ แล้วเริ่มออกบินไปด้วยกัน

“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเป็นเรื่องของคุณแม่ผมเข้าใจดี แถมยังยกหุ้นให้ผมส่วนหนึ่ง ฉะนั้นต่อให้เราไม่มีกิน ก็ยังมีเงินจากการปันผลไม่อดตายแน่นอน”

“นายบอกเรื่องฉันยังไงกันน่ะ” ผมข้องใจมานานแล้วครับ ว่าทำไมแม่บุญธรรมของคาร์เรย์ถึงยอมตกลงทุกอย่างง่ายดายขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าหมอนี่ไปขู่อะไรไว้หรอกนะ

“ผมบอกว่าคุณคือชีวิตของผม ถ้าไม่มีคุณ ก็ไม่มีผมเหมือนกัน” คาร์เรย์ว่าพลางเดินเข้ามาจูงมือผมพาเดินลงบันไดไป “ผมพูดเรื่องจริงนี่นา จริงมั้ยครับ”

ผมยิ้มรับ นั่นสินะ หากผมไม่ช่วยเขาออกมา คาร์เรย์ก็คงตายไปแล้วจริงๆ

เป็นอีกครั้งที่ผมดีใจเหลือเกินกับรอยแผลเป็นเกียรติยศนี้

“แล้วท่านยอมรับง่ายๆ เลยเหรอ”

“แน่นอนว่าไม่” พลันคาร์เรย์ฉีกยิ้มบางด้วยดวงตาประกายวาว “ผมเลยพูดเป็นเชิงว่าครอบครัวผมไม่ได้ถูกโจรฆ่าตาย แค่นั้นเธอก็ยอมแล้วล่ะครับ”

“...”

ผมพูดไม่ออก สุดท้ายก็ขู่จริงๆ ด้วยสินะ

“เอ๊ะ ได้กลิ่นอะไรรึเปล่า”

พอเดินลงมาข้างล่าง ผมก็ชักรู้สึกไม่ค่อยดีเอาซะเลย

“เหมือนกลิ่นแก๊ส...” คาร์เรย์พึมพำ เขาเดินเข้าไปดูในครัว ก่อนจะออกมาทำสัญญาณมือทุกอย่างปกติดี ความจริงผมก็คิดว่าน่าจะมาจากข้างนอกนะ เพราะกลิ่นมันจางๆ ไม่ฉุนมากเหมือนรั่วจากด้านใน

“คงเป็นบ้านอื่นล่ะมั้ง”

ไหนๆ ผมกับเขาก็จะย้ายออกไปแล้ว จึงตัดสินใจช่างมันแล้วกัน

“ไปกันเถอะครับ”

คาร์เรย์เดินนำไปด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ทันทีที่เปิดประตู เสียงปืนสองนัดพลันดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังลั่น

ตูม!!

แก๊สระเบิด!

แรงปะทะจากด้านหน้าทำให้ผมและเขากระเด็นเข้ามาด้านในพร้อมกับความร้อนคุ้นเคยจากเปลวไฟที่ลามไล้จากด้านนอกและหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ผมสำลักไอ รู้สึกจุกเสียดเพราะกระแทกเข้ากับกระเป๋าเดินทางเต็มๆ แต่ไม่ทันจะยันตัวลุก กลับมีมือหนึ่งใช้ชุดป้องกันไฟคลุมตัวผม ก่อนจะฉุดกระชากให้ตามไปอย่างรวดเร็ว

“เลียม!!”

ผมเรียกคนคนนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายเหลือเกิน

ในมือของเขาถือปืน...

“คาร์เรย์!!” ผมพยายามกลับเข้าไปด้านใน แต่ไม่ว่าจะสะบัดมือหนีแค่ไหนเลียมกลับไม่ยอมปล่อยผม เป็นความดึงดันอย่างที่เขาเคยฟาดศีรษะให้ผมสลบแล้วแบกออกมานั่นแหละ

แต่ว่า...คาร์เรย์...ถูกยิง!!

ผมหันไปมอง หากแต่ควันไฟโชยอย่างรวดเร็วจนแสบตา เห็นไม่ชัดนักว่าคาร์เรย์กระเด็นไปอีกฝั่งใกล้กับห้องครัว นอนหงายเลือดไหลอาบพื้น...

เขาถูกยิงสองนัด...ที่ขาหนึ่งนัด และที่หน้าอกอีกหนึ่งนัด!

นี่มันตั้งใจจะฆ่าให้ตายเลยไม่ใช่หรือ...

“นายยิงทำไม!!”

ผมกระชากแขนเสื้อเลียม ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เขาพาผมออกไปง่ายๆ แต่เรี่ยวแรงของคนที่นอนกับเตียงมาตลอดทั้งเดือนจะไปสู้อีกฝ่ายได้ยังไง ในเวลาไม่นานเลียมก็ลากผมออกมาสำเร็จ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองและของผมออก ทำให้เห็นว่ารอบกายของผมตอนนี้ถูกโอบรอบไปด้วยเจ้าหน้าที่คุ้นตา

“โทษของคาร์เรย์หนักขนาดที่วิสามัญได้ทันทีหากขัดขืน ทุกคนล้วนเป็นพยานได้”

“แต่เขาไม่ได้ขัดขืน!”

“ถ้าคุณจะหนีมา เขาก็ต้องไม่ยอมอยู่ดี!!” เลียมตอบพลางกำข้อมือขวาผมแน่น ไม่ยอมปล่อยให้วิ่งกลับเข้าไปง่ายๆ ทั้งที่อยู่ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่มากมาย แต่เขาในตอนนี้กลับตะโกนบอกความจริงออกมาโดยไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย

ความจริง...ที่ว่าผมมีคนรักเป็นฆาตกร และเลียมก็รักผมที่เป็นเช่นนั้น!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ

ทำไมทุกอย่างถึงต้องกลับตาลปัตรด้วย ทั้งที่...ทั้งที่ผมกับคาร์เรย์จะเริ่มต้นใหม่แท้ๆ!

“นายทำเกินหน้าที่ไปแล้ว เลียม”

“ทุกคนเข้าใจว่าผมอาจใส่อารมณ์ไปบ้างเพราะพ่อผมถูกเขาฆ่าตาย!!” ไอ้เด็กเวรว่าพลางยิ้มร่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่บางคนเริ่มถอยห่าง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น บางที...คงเพราะมนุษยสัมพันธ์ของเลียมที่ทำให้ทุกคนรัก...เหมือนกับเบรด จึงทำให้ทุกคนล้วนอยู่เคียงข้างและปกปิดความผิดให้อย่างเต็มใจ

“แล้วทำไมต้องฆ่ากันด้วย!”

“เพราะถ้าเขาไม่ตาย เขาก็จะไม่ยอมปล่อยคุณ!!” เลียมตะคอกผมกลับ ใบหน้าซึ่งสะท้อนแสงไฟของเปลวเพลิงนั้นจ้องผมเขม็ง ด้วยไหวพริบของเลียมคงรู้ได้ไม่ยากว่ากระเป๋าเดินทางที่กระแทกตัวผมจนจุกนั้นหมายความว่ายังไง “คุณปฏิเสธผม แต่กลับไปกับเขา...”

มือที่กอบกุมผมแน่นสั่นสะท้าน

“เจย์เดน คุณโหดร้ายไปแล้ว คุณกำลังจะทิ้งผม ไปอยู่กับฆาตกรอย่างนั้น ทำไมถึงไม่เข็ดสักที!!”

“เพราะเขารักฉัน!!” ผมตะโกนใส่พร้อมหมัดซ้ายต่อยหน้าเลียมเต็มแรง อีกฝ่ายป้องกันไม่ทันจึงสะบัดหงายไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยผมไป “เพราะเขารักฉัน รักมาก ได้ยินมั้ย!”

“แต่ผมก็รักคุณ!!” เลียมหันกลับมาตอบทั้งที่ใบหน้าช้ำไปครึ่งซีก “ผมรักคุณ...รักมาก!!”

“มันไม่ใช่...เลียม” ผมกุมขมับ ปวดหัว...คลื่นไส้ อยากอาเจียนเหลือเกินที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้

มันพัง...พังไปหมดแล้วจริงๆ!

“อะไรคือไม่ใช่!!” ไอ้เด็กเวรคุมตัวเองไม่อยู่ “เพราะผมไม่ใช่ฆาตกรใช่มั้ย เพราะผมไม่ได้ทำให้คุณเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าใช่มั้ย เพราะผมไม่ได้ขังคุณไว้ใช่มั้ย!!”

“เพราะฉันไม่ได้รักนาย!!” ผมตะโกนจนแสบคอไปหมด “จะให้พูดอีกกี่ครั้ง...เลียม เพราะฉันไม่ได้รักนาย!!!”

“แต่คุณก็ไม่ได้รักคาร์เรย์เหมือนกัน!!” เลียมตะโกนเสียงดันไม่แพ้กัน “เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงตัดใจไม่ได้สักที เพราะคุณ...เพราะคุณ!!”

ใช่ ทั้งหมดมันเพราะผมนั่นแหละ

จุดเริ่มต้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพราะผมทั้งนั้น

เจย์เดน เวอแกนคงไม่มีวันได้มีความสุขจริงๆ!

ผมยิ้มขื่น อยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่เสียงที่ออกมากลับสั่นพร่าแทบควบคุมไม่ได้

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉันคงบอกได้เต็มปากว่าไม่ได้รักคาร์เรย์” ผมเอ่ยเสียงเบา แต่รู้ดีว่าเลียมย่อมได้ยินชัดเจน  “แต่ในตอนนี้...”
มือที่ไอ้เด็กเวรกอบกุมผมแน่นสั่นสะท้าน บางทีสิ่งผมควรพูดให้อีกฝ่ายตัดใจ คงเป็นคำตอบเดียวกับที่คาร์เรย์ต้องการฟังมาตลอด

“ขอโทษนะ เลียม”

ผมถือโอกาสเหวี่ยงแขนบิดมือเลียมขึ้นจนหลุดออก ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับเข้าไปทันที เลียมร้องเรียกผม ตะโกนด้วยเสียงร้าวรานไม่ต่างกับที่คาร์เรย์เคยเรียกหา ทุกอย่างช่างผิดเพี้ยนเหลือเกิน ทั้งที่พยายามเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่ว่าจะทำอีกกี่ครั้งก็ไม่อาจหลีกหนีได้เสียที ต่างก็แต่ครั้งนี้ผมทิ้งเลียมไว้ข้างนอก และเลือกที่จะไปหาคาร์เรย์ด้วยความตั้งใจจริง

ผมวิ่งเข้ามาด้านใน พบว่าเลียมไม่ได้ตามมา แต่กระนั้นควันไฟก็โขมงเต็มไปหมดจนผมแสบตา

   โชคดีที่คาร์เรย์ติดตั้งระบบป้องกันไฟไหม้ไว้ด้วย ไฟด้านในจึงไม่ลามเร็วนัก ผมโล่งใจเหลือเกิน แม้เสียงกริ่งดับเพลิงจะดังสนั่นจนปวดหูไปหมด พร้อมกับน้ำเย็นช่ำช่วยบรรเทาเปลวเพลิงโหมกระพือ แต่สิ่งที่ผมดีใจนักคือเห็นคาร์เรย์ยังมีชีวิตอยู่

ใช่ เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า...

“ที่รัก...”

เสียงร้องแหบแห้งพร้อมสำลักควันดังแผ่ว

“ที่รัก...ที่รัก”

ก่อนออกไป ผมเห็นเขานอนหงาย หลังกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง อีกทั้งยังโดนยิงจนเลือดอาบ แต่ในตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น...

เขากำลังคลานมาหาผม ไม่สิ เขาพยายามคลานไปทางที่ผมถูกเลียมลากออกไปต่างหาก!

“ที่รัก...ที่รัก”

แม้จะแผ่วเบาแค่ไหน แต่เสียงนั้นไม่ต่างจากการกรีดร้อง มันเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด เศร้าโศก หมดสิ้นความหวัง แต่กระนั้นก็ยังร้องเรียกออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากหัวใจ

ภาพของคาร์เรย์ที่พยายามฝืนคลานไปกับพื้นนั้นทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งกาย ตอกย้ำความจริงว่าผมควรทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อตอนนี้...ข้างนอกมีเลียมและเจ้าหน้าที่หลายนายห้อมล้อม ทุกคนล้วนพร้อมใจจะลั่นไกสังหารคาร์เรย์!

สังหารคนรักของผม

คนรักที่เป็นฆาตกรซึ่งรักผมมากคนนี้

“คาร์เรย์...”

“ที่รัก!”

เมื่อเห็นผม เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดพลันเปลี่ยนเป็นเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแว่วหวาน

คาร์เรย์มองผมอย่างไม่เชื่อสายตา ผมเดินเข้าไปใกล้ และนั่นทำให้เห็นชัดว่าเขาไม่เพียงสำลักควันหรอก แต่เขากำลังสำลักเสียงสะอื้นของตัวเองด้วย เพราะตอนนี้ดวงตาสีสวยที่ผมชอบมองนั้นทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยน้ำใสล้นทะลักจนแทบดูไม่ได้ เขาร้องไห้อย่างหมดสภาพ ไม่เหลือคราบฆาตกรอีกต่อไป

หยาดน้ำตาที่ไม่เคยหลั่งให้ใครนั้น...

“ที่รัก...”

คาร์เรย์ยิ้ม...ยิ้มอ่อนโยนพลางยื่นมือมาให้ผม ยื่นมือมาให้ในท่าหมอบคลานที่พยายามไล่ตามผมแม้ว่าจะเคยยืนยันว่าคงทนไม่ได้หากผมหันหลังให้เขาอีกครั้ง

ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่เขาก็ยังให้โอกาส

อ่า...คนคนนี้ช่างรักผมมากเหลือเกิน

ผมทิ้งตัวนั่งคุกเข่าด้านหน้าคาร์เรย์ ก่อนจะวางมือทาบลงพลางกำชับแน่นด้วยน้ำตาที่ค่อยๆ ออกมาอย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
บางที...บทสรุปของเราทั้งคู่มันคงถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้น

คนที่ถูกทิ้งด้วยคนที่รักที่สุดอย่างเราสองคน ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันมีอนาคตที่ดี

“คาร์เรย์...”

“ผมรักคุณ”

เสียงของผมถูกขัดด้วยคำบอกรักที่ไม่ว่าจะพูดซ้ำกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน คาร์เรย์มองผมอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผมกลืนคำที่ตั้งใจจะเอ่ยไว้ในลำคอ อาจเพราะเขาก็รู้ตัวเองดี...รู้ดีว่าในสภาพเช่นนี้ต่อให้ออกไปได้ก็ไม่มีทางรอด

ไม่สิ เขาไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขามองตอนนี้

...มีแต่ผมเท่านั้น

ผมไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ภาพของคาร์เรย์ที่อ่อนแอเหลือเกิน แต่ก็ยังร้องขอความรักจากผมนั้นช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่กระนั้นก็ช่างวาบหวามจนแทบสำลัก ผมมีความสุข...ตอนนี้ผมมีความสุขมากเหลือเกิน

“คาร์เรย์”

ผมดึงเขามากอดแน่น ให้ร่างครึ่งบนทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวเอง รู้สึกเลือดสีแดงสดหลั่งริน พร้อมประกายตาของคนรักที่เริ่มหม่นแสง แต่ถึงกระนั้นคาร์เรย์ก็ยังยิ้ม เขาพิงศีรษะกับซอกคอของผม พยายามกอดตอบด้วยความรักเหลือเกิน

“ผมนึกว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว...ผมนึกว่าคุณ...กับเลียม...”

คาร์เรย์สารภาพความในใจทั้งน้ำตาแห่งความสุข สุขใจที่ผมยังอยู่กับเขาตรงนี้ เลือกที่จะกลับมาหาเขา...เพราะบางที...เสี้ยววินาทีที่เขาถูกยิง คาร์เรย์ไม่เคยกลัวว่าตัวเองจะตาย แต่เป็นความกลัวว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของผม เพื่อหลอกล่อให้เขาปล่อยตัวแล้วหนีไปกลับเลียม

“ฉันขอโทษ...” ผมเอ่ยเสียงเครือ น้ำตายังคงไหลอย่างเงียบงันด้วยความเสียใจ

“ไม่เป็นไรที่รัก” คาร์เรย์เอ่ยเสียงพร่า อาจเพราะเสียเลือดมากเกินไป มือที่พยายามกอดผมไว้จึงเริ่มสั่นระริกราวกำลังฝืนตัวเอง “ผมเคยบอกคุณแล้ว...เมื่อเจ็ดปีก่อน...”

“ว่านายจะทำยังไงถ้าฉันปฏิเสธน่ะเหรอ...”

“ครับ” คาร์เรย์ยิ้มตอบ “ตอนนั้นผมบอกว่า ถ้าคุณยังปฏิเสธอีก ผมจะ...”

ผมรอฟังคำตอบที่อยากรู้มาเนิ่นนาน

“ผมจะปล่อยคุณไป”

จะยอมปล่อย...ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าไม่มีทางทำได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยอมพูดคำนั้นออกมา

เพราะรักผมมากเหลือเกิน

ผมจูบคาร์เรย์

จูบด้วยความรู้สึกทั้งหมด จูบด้วยคำขอบคุณ คำขอโทษ และ...

“ฉันรักนาย”

คำบอกรัก

นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เอ่ย แต่ผมพูดมาจากหัวใจจริงๆ ความรักของเราสองคนมันช่างบิดเบี้ยว มันผิดตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่กระนั้นก็ยังสานต่อมาถึงตอนนี้ อย่างน้อยผมก็ไม่เสียใจที่อย่างน้อยได้พบกับเขา...ได้รักเขา

คาร์เรย์ร้องไห้

แต่ไม่ใช่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเขากำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ ร้องไห้แม้เปลวเพลิงจะเริ่มลามไล่อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนน้ำเพียงเล็กน้อยจะไม่สามารถยับยั้งความร้อนแผดเผาได้อีกแล้ว

ทั้งที่ทรมานจนแทบหายใจไม่ออก แต่ความร้อนนั้นกลับยิ่งย้ำเตือนให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

“ที่รัก...”

ผมดึงคาร์เรย์เข้ามากอดอีกครั้ง รู้ดีว่านี่คงเป็นการกอดครั้งสุดท้าย

...ของเราทั้งสองคน

แต่น่าแปลก ที่ผมไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

“ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหน เราจะอยู่ด้วยกัน สองคน...แบบนี้”

คาร์เรย์ซบหน้ากับไหล่ของผม เอ่ยเสียงแหบพร่าเจือสะอื้นแผ่วเบา

“ตลอดไปนะ”

“ตลอดไป”


ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Epilogue

เลียมยืนอยู่หน้าหลุมศพ

“สุดท้ายผมก็ถูกทิ้งจริงๆ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจย์เดนปฏิเสธเยื้อใยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เป็นตัวเขาเองที่ตามตื้อไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มคิดมาตลอด...คิดมาตลอดว่าขอแค่ยังได้เห็นหน้า ยังได้พูดคุย ยังได้บอกรัก ได้ทำอะไรเพื่ออีกฝ่าย ต่อให้ถูกทิ้งอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร

แต่ว่า...

นี่เป็นการ ‘ทิ้ง’ ตลอดกาล

“หึ...ถ้ามีปัญหากับคาร์เรย์อีก คุณจะมาซบอกผมไม่ได้แล้วนะ เจย์เดน”

เหมือนคนบ้าที่พูดกับตัวเองแบบนี้ แถมยังตัดพ้อกับคนตายแล้วอีกต่างหาก แต่ที่เหมือนคนบ้ายิ่งกว่า คือแม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย เขากลับได้แต่ยืนมองและปล่อยให้คนที่รักที่สุดตายในกองเพลิง

เลียมไม่อาจพูดได้เต็มปาก ว่าเขารู้ใจเจย์เดนดีเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้เขาถึงตัดใจไม่ได้สักที ชายหนุ่มเห็นมาแต่แรก ตั้งแต่วันที่คาร์เรย์จับมือกับเจย์เดนข้ามถนน วันที่สองคนนั้นได้พบกันหลังจากเจ็ดปีก่อน ได้เห็น...เจย์เดนที่มีความสุขเหลือเกินเมื่อยอมรับกับเขาตามตรง และได้เห็น...ความทุกข์ใจเงียบๆ ที่อีกฝ่ายพยายามปกปิด

‘ทั้งหมดเพราะคุณนั่นแหละ!’

ทว่าในเวลาสุดท้ายที่ควรเป็นคำลา เขากลับกล่าวโทษคนที่รักที่สุด

‘ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...

เพราะคุณ!!’

เลียมเตือนใจตัวเองเช่นนี้มาตลอด ทั้งที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหากเจย์เดนมีคนรักที่ดีกว่านี้ มีความสุขกว่านี้ เขาจะสามารปล่อยวางได้จริงๆ

ปัญหาแท้จริงน่ะ...คือเขาต่างหาก

เขาแพ้...พ่ายแพ้จริงๆ

ทั้งที่พยายามทำทุกอย่าง วิ่งเต้นจนได้รับความร่วมมือจากแม่บุญธรรมของคาร์เรย์ ทำให้สามารถสืบสาวได้ถึงคดีเก่าๆ ที่เจ้าตัวใช้นักสืบเพื่อหาข้อมูลก่อนลงมือด้วยตัวเอง ได้กระทั่งหลักฐานการเดินทางที่อีกฝ่ายเที่ยวตระเวนหาไปตามเกาะส่วนตัวต่างๆ ของเขาด้วยซ้ำ บางทีแม่บุญธรรมของคาร์เรย์คงเก็บเอาไว้...เผื่อในวันที่อาจต้องเป็นอย่างครอบครัวเก่าก่อนของลูกชาย เพื่อที่จะใช้ในการต่อรอง

ตอนเลียมรู้ว่าคาร์เรย์กำลังทิ้งทุกอย่าง และจองตั๋วเครื่องบินไปยังที่ที่หนึ่งราวปลีกวิเวกนั้น เขารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เขาอิจฉา...เลียมยอมรับว่าตนอิจฉา อิจฉาจนแทบตายที่เจย์เดนตอบรับข้อเสนอของอีกฝ่ายทั้งที่เขาเคยพูดออกมาเช่นนั้น เขาอิจฉา...จนสติเลือนหายเมื่อเห็นเจย์เดนพยายามดิ้นรนจากเขาเพื่อกลับไปหาคนรัก

เขาหลั่งน้ำตาออกมา มันช่างน่าอาย เพราะหลังจากคดีนี้เขาเองก็โดนพิจารณาโทษไม่น้อย ถูกลดขั้นจนเป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดา เพราะกระทำการอุกอาจเกินไปจนทำให้พลเมืองพลอยตายไปด้วย

อ่า...ไม่ใช่ ‘พลอย’ ตาย แต่ ‘เต็มใจ’ ตาย!

เขาอิจฉา...อิจฉาจนแทบบ้าเหลือเกิน!!

มันผิดเพี้ยนไปหมดแล้วจริงๆ!

“ผมขอโทษ...เจย์เดน”

คนที่เขารักมากมักพูดคำนี้เสมอ แต่ในยามนี้คงมีเพียงเขาที่ได้เอื้อนเอ่ย แม้มันจะสายไปมากแค่ไหนก็ตาม...

เลียมไม่เช็ดน้ำตา เพราะนี่คือสิ่งที่แสดงถึงความรักของเขา

เจย์เดนเคยพูดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคาร์เรย์รัก ‘มาก’ เกินไป

ถ้าอย่างนั้น...

“การที่นายไม่รับรักฉัน เป็นเพราะฉันรักนาย ‘ไม่พอ’ สินะ...เจย์เดน”

----------------------------

จบไปอย่างสมบูรณ์ค่ะ ความจริงไม่ถือว่าจบ Bad End สำหรับเรา ถือว่าเรื่องนี้จบแบบ Bitter Sweet มากกว่า นั่นคือแม้ว่าจะต้องตาย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจได้ตรงกัน เพราะสำหรับเรา ฆาตกรอย่างคาร์เรย์ หากสามารถลอยนวลออกไปได้ก็คงทำให้เรื่องไม่เรียลพอ การจบในจุดนี้ถือว่ายุติทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับเลียมเอง เพราะทำเกินหน้าที่ ก็ทำให้กลายเป็นแผลในใจไปโดยปริยายด้วย

ว่าแล้วก็มาคุยกันส่งท้ายเกี่ยวกับตัวละครสักนิดดีกว่า ^ ^

คาร์เรย์
- ตัวละครตัวนี้คือที่มาของชื่อเรื่อง นั่นคือ Murderer คนเราจะสามารถฆ่าคนโดยไม่มีความผิดชอบชั่วดีนั้นจะเป็นอย่างไรกัน? แน่นอนว่าคนคนนั้นต้องมีเหตุผลที่บิดเบี้ยวมากพอจะรองรับให้ตัวเองไม่รู้สึกรับผิดชอบกับการกระทำนั้น จุดเริ่มต้นของคาร์เรย์และเจย์เดนคือ"ความฝังใจ" เมื่อมารวมกับ "ความรัก" จึงกลายเป็นความรักที่มากเกินปกติ

ความจริงเราชอบคาร์เรย์มากนะคะ เพราะถือว่าเป็นตัวละครที่แม้เหมือนจะทำได้ทุกอย่างตามต้องการ แต่กลับยอมอ่อนกับเจย์เดนเอามากๆ ในตอนสุดท้ายที่บอกว่าจะยอมปล่อย ก็คือความรู้สึกจริงๆ เพราะยึดติดกับเจย์เดนเกินกว่าจะให้อีกฝ่ายจมปลักกับตัวเอง( แน่นอนว่าเจย์เดนต้องปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก่อน) แต่ถึงอย่างนั้น...อย่างที่เจย์เดนคิด ว่าคาร์เรย์ทำไม่ได้ ถึงเขายอมปล่อยเจย์เดนไปจริง แต่ทั้งชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็จะตามวนเวียนรอบตัวเจย์เดนอยู่ดี เพราะคาร์เรย์คนเก่าได้ตายไปตั้งแต่เจ็ดปีก่อน และคาร์เรย์คนนี้คือคนที่มีอยู่เพื่อเจย์เดนเท่านั้นเอง


เจย์เดน - เป็นตัวละครที่ดราม่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ เท่าที่เคยเเต่งมา เเต่งไปสงสารไป น้ำตาซึมไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่ชอบมากๆ เช่นกัน ความจริงเจย์เดนไม่ใช่คนเสียสติหรือวิปลาสอะไรเลย แต่เพราะปมในอดีต ทำให้เจย์เดนเสียความเชื่อมั่นในทุกสิ่ง และต้องการความรักที่มากเกินปกติ เป็นความรักที่มากพอจะทำให้ "เชื่อ" ได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คาร์เรย์มี

ในตอนแรกเจย์เดนยังไม่รู้สึกรัก แต่เป็นการโอนอ่อนเพื่อที่จะมีใครสักคนอยู่เคียงข้างได้โดยไม่กลัวถูกหักหลัง ความรู้สึกของเจย์เดนค่อยๆ พัฒนาทีละนิด จนกลายเป็นความรัก แต่รักนั้นก็ยังไม่ถึงครึ่งที่คาร์เรย์มอบให้เขาด้วยซ้ำ ซึ่งในตอนจบ เจย์เดนที่มีปมถูกทิ้งมาตลอด ก็ตัดสินใจที่จะไม่ละทิ้งคาร์เรย์...เขาจะทำแบบนั้นกับคนที่รักเขายิ่งกว่าชีวิตตัวเองได้ยังไงกัน


เลียม - นับเป็นตัวละครที่ปกติธรรมดาที่สุด เลียมเป็นลูกตำรวจใหญ่ ทำให้ถูกกดดันเพื่อมารับสายอาชีพนี้ต่อจากพ่อ เมื่อมาเจอเจย์เดนที่ดูแหกคอกแต่วันแรก จึงกลายเป็นความประทับใจ และเมื่อพยายามศึกษาอีกฝ่าย ก็พบว่ากลายเป็นความชอบอย่างหนึ่งที่ไม่อาจละสายตาไปเสียแล้ว สำหรับเลียม เจย์เดนคือคนที่คล้ายต้องการใครสักคนตลอดเวลา และเขาก็อยากเป็นคนคนนั้น น่าเสียดาย ที่ความรักของเลียมนั้นเเม้จะทุ่มให้หมดหัวใจ แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับคาร์เรย์ และไม่ใช่ความรักที่เจย์เดนต้องการซะด้วย

หากให้เปรียบเทียบ คงเป็นคำตอบของเลียม ที่สามารถตายแทนเจย์เดนได้ แต่สำหรับคาร์เรย์ เขาจะไม่มีวันให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ใครที่จะทำอันตรายกับเจย์เดน เขาจะกำจัดทิ้งเสียก่อน! เป็นคำตอบที่ต่างกันสุดขั้ว แต่สำหรับเจย์เดนแล้ว เขาไม่ต้องการเหตุผลหรือความผิดชอบชั่วดี เพราะชีวิตเขาไม่เคยมีสิ่งนั้น เขาต้องการเพียงคนที่เดินเคียงข้างกัน มากกว่าความรักที่เสียสละของเลียม เพราะถ้าสูญเสียมากกว่านี้ ตัวเจย์เดนเองก็ยากรับไหวแล้วเช่นกัน...


สรุปแล้วเรารักหมดทุกตัวค่ะ <3  ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้จนจบ เป็นอะไรที่เราทุ่มไปหมดหน้าตักจริงๆ และหวังว่าทุกท่านจะยอมรับกับบทสรุปในรูปแบบนี้นะคะ //แอบเสียวๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2014 18:35:10 โดย ชมพูพาล »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด