พิมพ์หน้านี้ - - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ชมพูพาล ที่ 18-07-2014 17:40:23

หัวข้อ: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 18-07-2014 17:40:23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Prologue+Ch.1
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 18-07-2014 17:45:21
-The Murderer - แฟนผมเป็นฆาตกร

Prologue : “ฉันไม่ให้นายตายหรอก!”

เปลวไฟกำลังลามไล้ไปทั่ว

ร้อน...

เจ็บ...

ผมกำลังจะตาย...

“ไม่ต้องกลัวนะ!”

เสียงหนึ่งตะโกนอย่างเร่งร้อน พร้อมสัมผัสอ่อนโยนที่โอบประคองผมขึ้นพาดบ่า ความร้อนจากเปลวไฟยังคงแผดเผาทุกสิ่ง ต่อให้สติดีแค่ไหนก็รู้ว่าการเดินเข้ามาโทงๆ โดยไม่หาวิธีป้องกันอย่างเขาคนนี้มันฆ่าตัวตายชัดๆ

“ฉันไม่ให้นายตายหรอก!”

เสียงนั้นเอ่ยอย่างแข็งกร้าว ฟังดึงดัน ดื้อรั้น แต่กระนั้นก็สั่นพร่า ราวภาวนาให้เป็นจริง

...แต่ผมกำลังจะตาย

“ฉัน...ไม่ให้นายตาย!”


--------------------------

Chapter 1  : “ในที่สุดก็เจอ...”

เป็นอีกวันที่น่าเบื่อหน่าย

คิดพลางฉีกยิ้มให้สาวสวยวัยรุ่นซึ่งเดินผ่านมาเป็นรอบที่สาม เจ้าหล่อนอายุราวสิบห้าสิบหกปี แต่กลับแต่งหน้าเข้มเหมือนอายุสามสิบ ยิ่งมองผ่านแสงสลัวแบบนี้ช่างชวนสะดุ้งเหลือเกิน

ผมตัดสินใจโบกมือทักด้วยรอยยิ้มไปหนึ่งที

ไม่ใช่พิศวาท แต่เพราะไม่อยากเห็นเจ้าหล่อนแสร้งเดินผ่านเป็นครั้งที่สี่ และนั่นก็ทำให้เด็กสาวเผยยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้าหาผมราวพร้อมตะครุบเหยื่อ

“สวัสดีค่ะ...ขอดื่มด้วยสักแก้วนะคะ”

ไม่ว่าเปล่ายังมานั่งเบียดบนเก้าอี้ตัวเดียวกับผม น้ำเสียงคล้ายเหม่อลอย คงกำลังมึนได้ที่เชียวล่ะ

“ฉันชื่อลิเดีย แล้วคุณ...”

“เจย์เดน...” ผมตอบด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะยื่นมือจับตอบเพื่อการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “เจย์เดน เวอแกน ตำรวจแผนกสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมผิดกฎหมาย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

เด็กสาวผงะ พยายามดึงมือออก แต่ผมฉวยจับไม่ปล่อย พร้อมกันนั้นก็กรอกเสียงบนบลูทูดขนาดจิ๋วซึ่งซ่อนไว้ใต้เส้นผมสีบลอนด์

“จับกุมได้...”

สิ้นคำ ห้องพักขนาดเล็กสำหรับการซ่องสุมเพื่อเล่นยาเสพติดก็ถูกถีบประตูออกพรวด ตำรวจในเครื่องแบบนับสิบนายถืออาวุธเข้าจับกุม เนื่องจากผู้ต้องหาล้วนอยู่ในสภาพมึนเมาได้ที่ ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ผมส่งตัวลิเดียกับนายตำรวจคนหนึ่ง ก่อนจะถอยฉากออกมาสูบบุหรี่ข้างนอกราวไม่ใช่งานของตัวเอง

เฮ้อ...น่าเบื่อ น่าเบื่อเป็นบ้า

“ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ คุณเวอแกน”

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดีนี้ออกมากล่าวกับผม แต่ดวงตากลับแฝงความตำหนิ

“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย”

ผมเหม่อมองควันสีขาวจากริมฝีปากสีซีดของตนเองที่ค่อยๆ จางหายไปในอากาศ

“ครับ...”

น้ำเสียงนั้นราวอดกลั้นเต็มแก่ แต่ช่วยไม่ได้ เขาเป็นคนมาง้อผมเอง เพราะหน้าที่ปกติของผมคือการนั่งจัดเรียงเอกสารที่มีคนโยนๆ มาก็เท่านั้น ผิดกับไอ้เด็กนี่ที่ขยันผลงาน เพียงพริบตาก็ได้เป็นสารวัตร ยศสูงกว่าผมที่อายุมากกว่าสามปีซะอีก
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อ เลียม อะไรสักอย่างนี่ล่ะ เป็นคนอัธยาศัยดี ตอนผมย้ายไปเข้าไปแรกๆ ก็เที่ยวเอาของฝากมาให้เป็นประจำ แต่ตอนนี้เหมือนจะลดๆ ไปบ้างแล้ว

“หึ”

ผมหลุดขำเมื่อเห็นไอ้เด็กเลียมทำหน้าปั้นยาก เพราะแบบนี้ถึงต้องมาง้อผม เนื่องจากปาร์ตี้ผิดกฎหมายครั้งนี้คัดเฉพาะเหล่า ‘วัยรุ่น’ ทำให้เขาไม่สามารถเข้ามาสอดแหนมเพื่อให้สัญญาณได้ กลับกัน แม้ตอนนี้ผมจะอายุยี่สิบแปด แต่หน้ายังเด็กละอ่อนกว่าหมอนี่เยอะ เรียกว่าหน้าเด็กที่สุดในกรมก็คงไม่ผิด อีกทั้งเมื่อก่อนก็มีผลงานในการเป็นนกต่อมากมาย เขาจึงต้องขอร้องให้ผมช่วยเหลือ และกว่าผมจะรับปาก ก็ทำให้เขาแทบหมดความอดทนควักปืนมายิงหลายต่อหลายครั้ง

“ขอเตือนในฐานะรุ่นพี่ไว้อย่างนะ...”

เพราะเขาทำให้ผมหัวเราะได้ในรอบหลายปี จึงต้องตอบแทนสักหน่อย

“รุ่นพี่ที่ป่านนี้ก็ยังไม่ได้เลื่อนยศน่ะเหรอครับ”

หึ...ไอ้เด็กนี่มันจี้เส้นจริงๆ ว่ะ

ผมดูดบุหรี่แรงๆ ก่อนจะพ่นควันใส่หน้าไอ้เด็กอวดดี เรียกเสียงไอเบาๆ ชวนให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“ยิ่งสูงยิ่งหนาว...ถ้าไม่อยากถูกเด็ดปีกก็อย่าทำตัวเด่นมากนัก จำไว้ไอ้หนู”

ว่าพลางเอื้อมมือตบข้างศีรษะเลียมสามทีอย่างเวทนา ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทกันลมเดินผละออกไปโดยไม่หันหลังกลับ เชื่อว่าตอนนี้เจ้าเด็กเลียมคงหัวเสีย และอาจจะเลิกเอาของมาให้ผมสักที  ไอ้เด็กนี่มันโรคจิต โดนตอกกลับก็ยังวิ่งเข้าหาเหมือนกระหายชัยชนะ ทำให้ชีวิตว่างสุดกู่ของผมถูกทำลาย

แต่หลังจากนี้คงสงบสุขเหมือนเดิม

...เป็นหมาหัวเน่า

ผมหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อคิดถึงตรงนี้ ก่อนจะเหลือบตามองภาพสะท้อนจากเงากระจกของร้านข้างทาง ภาพที่ฉายชัดคือชายหนุ่มรูปร่างผอมบางไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่น ผมสีบลอนด์ซีดไม่เป็นทรงราวไม่ได้ไปร้านตัดดีๆ หลายปี ใบหน้าซูบตอบ ตาสีขี้เถ้าลึกโหล ดูเหมาะกับการเป็นนกต่อในสายอาชญากรรมสุดๆ

หลายครั้งที่เห็นภาพนั้นผมมักอดถามตัวเองไม่ได้

นั่นใคร...

ก่อนคำตอบจะปรากฏออกมาในเสี้ยวนาที

นั่นคือ...

“คุณเจย์เดน?”

ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีมือปริศนาวางบนไหล่ พร้อมเสียงกระซิบข้างหูคล้ายเป็นเชิงถามแต่น้ำเสียงกลับมั่นใจสุดๆ จากภาพสะท้อนเผยให้เห็นเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ ยืนซ้อนหลังผม ทำท่าราวจะโอบกอดในอากาศหนาวจัดของช่วงเกือบสิ้นปี

โอเค ผมยอมรับว่าชอบความอบอุ่นนั้น เพราะคนที่วันๆ เอาแต่สูบบุหรี่และดื่มเหล้ามีสุขภาพย่ำแย่สุดๆ เวลาเดินท่ามกลางถนนขาวโพลนหลังหิมะตกเป็นอันต้องตัวสั่นทุกที

เสียอย่างเดียว...

“นายเป็นใคร”

ผมไม่รู้จักหมอนี่!

เด็กหนุ่มเบิกตาเล็กน้อยเมื่อผมหันไปเผชิญหน้า แต่กระนั้นก็ยังหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ หล่อกว่าไอ้เด็กเลียมที่ได้ชื่อว่าเนื้อหอมที่สุดซะอีก

“จำผมไม่ได้เหรอครับ...จริงสิ มันผ่านไปตั้งเจ็ดปี”

อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มขื่น ดวงตาประกายผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะถอดผ้าพันคอตัวเองมาคล้องให้ผมเมื่อการยืนขาแข็งนานๆ ทำให้หน้าเริ่มซีด

เจ็ดปี?

ผมสะท้านในอก เพิ่งรู้สึกว่าผมสีจินเจอร์แฮร์นั้นคุ้นตาไม่เบา เจ็ดปีที่แล้ว ตัวผมในตอนนั้นช่างแตกต่างจากตอนนี้ เป็นเหมือนเลียม มีความหวัง มีความฝัน และมีความมุ่งมั่นที่พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง

นึกแล้วช่างน่าอาย...

“ผม...คาร์เรย์ แอคเวล เด็กที่คุณช่วยจากคดีไฟไหม้เมื่อเจ็ดปีก่อนไงครับ”

วูบหนึ่ง ราวมีประกายแสงชำแรกความเฉยชา เรียกคืนความรู้สึกเมื่อหวนถึงอดีต

“นาย...นายเองเหรอ!?”

หากเลียมมาเห็นผมตอนนี้คงตกใจ เพราะผมไม่เคยยิ้มกว้างด้วยความดีใจขนาดนี้ และไม่เคยแสดงท่าทีลุกลนอย่างตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน

คดีไฟไหม้นั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืม เพราะมันคือคดีแรกนับตั้งแต่ผมสมัครเป็นตำรวจตามรอยผู้เป็นพ่อ เป็นคดีที่ผมได้รับคำชื่นชมอย่างที่สุด เป็นใบเบิกทางในอาชีพสายนี้ที่ทุกคนต่างจดจำ

ผมสามารถช่วยชีวิตเหยื่อจากเหตุฆาตกรรมอย่างไม่กลัวตาย ชนิดที่ว่าถ้าเป็นตัวผมในตอนนี้คงไม่มีวันบ้าบิ่นได้ขนาดนั้น ต้นแขนขวาผมยังมีรอยแผลไฟไหม้อยู่เลย และเมื่อสังเกตดูชัดๆ อีกฝ่ายยามไร้ผ้าพันคอเองก็มีรอยแผลไฟไหม้ช่วงลำคอที่ลากไล้ไปด้านหลังภายใต้สาบเสื้อ เป็นสิ่งยืนยันอย่างดี

หลังเหตุการณ์นั้นเด็กที่รอดตายมาได้ต้องเข้าห้องไอซียูหลายวัน ซึ่งผมก็ตามเฝ้าทุกวันหลังเลิกงาน ไม่อยากให้คนที่ตัวเองแลกชีวิตช่วยตกตายไปทั้งอย่างนั้น จึงเฝ้าสวดภาวนาไม่ให้ชีวิตน้อยๆ ถูกปลิดไปตามพ่อ แม่ และพี่สาวที่โดนฆาตกรใจหยาบฆ่าทิ้งแถมยังจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม

ความพยายามของผมเป็นผล ในวันที่สาม เด็กชายเริ่มมีสติ ผมจึงสามารถตามไปเฝ้าในห้องผู้ป่วยสักที ผมชวนคุย ชวนเล่น ชวนทำทุกอย่างให้เด็กน้อยหายโศกเศร้า แถมยังช่วยติดต่อหาญาติคนอื่นๆ เพื่อมารับไปเลี้ยงดูอีกด้วย

จนกระทั่งผ่านไปสองสัปดาห์ ญาติซึ่งไม่อาจมีลูกได้ก็ยินดีมารับเด็กชายเป็นลูกบุญธรรม ก่อนจะพาไปอยู่ด้วยอีกเมืองหนึ่ง ผมและเขาจึงไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ยังจดจำได้ดี เขาคือความทรงจำที่สำคัญของผม เป็นความภาคภูมิใจเดียวที่ผมสามารถยืดอกบอกคนอื่นได้ว่ารอยแผลไฟไหม้นี่คือแผลแห่งเกียติยศ

เพราะชีวิตหลังจากนั้น...

ไม่ต่างจากนรกทั้งเป็น!

“ในที่สุดก็ได้เจอ...” คาร์เรย์กอบกุมมือทั้งสองของผมไว้อย่างไม่กลัวจะถูกบุหรี่จี้ “คุณเจย์เดน ผมตามหาคุณมานานเหลือเกิน”
เขาเป็นคนเดียวที่ผมยอมให้เรียกชื่อจริงอย่างไม่อิดออด เพราะผมเป็นคนคะยั้นคะยอเองเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว

“นั่นสินะ...ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอนายในที่แบบนี้”

ผมเผยยิ้มขื่น ความดีใจแทนที่ด้วยความอับอาย เขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นผู้มีพระคุณกลายเป็นชายไร้ความสามารถ วันๆ เอาแต่ถอนหายใจทิ้ง สภาพโทรมแทบไม่เป็นคน ขนาดผมยังทุเรศตัวเองซะด้วยซ้ำ

คาร์เรย์เห็นผมเมื่อสมัยก่อนจากส่วนไหนของชายผอมโซคนนี้กันนะ

“ผมไม่มีวันลืมคุณหรอกครับ” ราวรู้ความคิด เด็กหนุ่มจึงคลี่ยิ้มบาง ทาบริมฝีปากบนหลังมือของผมอย่างอ่อนโยน “ผมไม่มีวันลืม คุณเจย์เดนคือผู้ช่วยชีวิต คือทุกสิ่งทุกอย่าง คือ...”

“คือ?”

จู่ๆ คาร์เรย์ที่สูงกว่าเกือบช่วงศีรษะโอบไหล่ผมพาเดินข้ามถนนไปอีกฝากฝั่ง

“ไปคุยกันต่อที่บ้านพักของผมกันเถอะครับ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง คุณดูหนาวจะแย่แล้ว”

เพราะเป็นความจริง ผมจึงเดินตามอย่างว่าง่าย พอดีกับรถคุ้นตาของเลียมขับผ่านหน้าไป ผมเห็นดวงตาของไอ้เด็กเวรจ้องถลึงผ่านกระจกซะด้วยซ้ำ หมอนั่นคงคาดไม่ถึงว่าผมจะยอมให้ใครที่ไหนเดินจูงมือข้ามถนนแบบนี้
นึกแล้วมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ

ผมมองมือของคาร์เรย์ที่กุมแน่น ก่อนบีบกระชับจนอีกฝ่ายหันมามองผมอย่างแปลกใจ

“หนาวน่ะ...” ผมตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสารภาพว่ารู้สึกดีเหลือเกินที่ได้กอบกุมมือกับใครสักคนที่เชื่อใจ ตัวผมตลอดเจ็ดปีมานี้ช่างเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน

คาร์เรย์ยิ้มกว้าง ดวงตาประกายระยับ ผมเพิ่งสังเกตว่าเขามีตาสีเขียวอมเทา แลดูอ่อนโยนไม่ต่างจากท่าทางแสนสุภาพและเป็นกันเอง

“คุณเจย์เดน”

“หือ?”

“วันนี้...ค้างที่บ้านผมนะครับ”

น่าแปลก เป็นครั้งแรกที่ผมไม่อยากกลับไปห้องพักเก่าโทรมราคาไม่กี่หลักของตัวเอง...ห้องที่มีผมเพียงคนเดียว ไร้ซึ่งความทรงจำสำคัญใดๆ มีเพียงการแค่กิน อยู่ นอนหลับ ไม่มีจุดมุ่งหมายโดยสิ้นเชิง

เทียบกันแล้วผมอยากฟังเรี่ยวราวของคาร์เรย์มากกว่า อยากรู้ว่าหลายปีมานี้เขาเป็นอย่างไร เขายังคงเป็นเด็กน้อยน่ารักที่เรียกชื่อผมเจือแจ้วอยู่หรือไม่

ยังคง...ชื่นชมผม ยังเชื่อมั่นในตัวผมอยู่ใช่มั้ย

ตัวผมที่ไม่มีอะไรเลยคนนี้

“เอาสิ”



...แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นผมที่เล่าจ้อซะได้

“ไอ้หมอนั่น...เพื่อนรักของพ่อ...มันป้ายสี มันกล่าวโทษพ่อ จนพ่อต้องฆ่าตัวตาย!”

ทำไมถึงกลายเป็นผมที่ฟูมฟาย?

“พ่อไม่ต่อต้าน ไม่แม้แต่จะโต้แย้ง ทำไม...ทำไมถึงไม่ทำอะไร แต่กลับเลือกที่ผูกคอตาย ทิ้งเพียงจดหมายแค่คำว่า ‘ลาก่อน’ ฮึก...เราเหลือกันแค่สองคน ยากจนแค่ไหนก็มีความสุข ฉันเลือกเป็นตำรวจก็เพราะพ่อ ตั้งใจทำงานขนาดนี้ก็เพราะพ่อ แต่สุดท้าย...เพื่อนรักที่สุดก็หักหลัง พรากเอาทุกอย่างไปจากฉัน!”

อ่า...ภาพตรงหน้าช่างพร่ามัวเหลือเกิน คาร์เรย์นั่งตรงข้ามผม ในมือถือขวดเหล้าคุ้นตา

นั่นต้องเป็นสาเหตุที่ผมร้องไห้เป็นบ้าอยู่แน่ๆ

แม้รู้ดีผมก็ยังจมดิ่งในห้วงอดีต หลังจากคาร์เรย์ถูกพาตัวไป ผมก็มีชีวิตอย่างภูมิใจแค่หนึ่งปีเท่านั้น...ก่อนจะต้องหนีหัวซุกหัวซุน เพราะจู่ๆ คดีค้ายาในระบบราชการกลับถูกป้ายสีมาที่พ่อ...ทั้งที่ผู้ทำคือเพื่อนรักของท่าน คนที่เคยรักผมไม่ต่างจากลูกแท้ๆ ของตัวเอง แน่นอนว่าตอนนั้นผมยังเป็นเด็กหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน เชื่อว่าความยุติธรรมจะจัดการทุกอย่าง

เชื่อว่าท้ายที่สุดพ่อผมจะได้รับการปลดปล่อย

แต่แล้ว ในวันที่ตำรวจเข้าจับกุม สิ่งที่พบกลับมีเพียงร่างไร้วิญญาณของพ่อที่ตาเหลือกน้ำลายฟูปาก คอหักพับเล็บจิกงอ เป็นสภาพการตายอย่างทรมานของการขาดอากาศหายใจ

จนตอนนี้ภาพนั้นยังปรากฏชัด สิ่งแรกที่รู้สึกคือความเสียใจ...แน่นอน ผมเสียใจแทบบ้า และยิ่งเสียใจเมื่อจดหมายลาตายไม่มีอะไรกล่าวถึงผมเลย ผมเป็นลูกพ่อไม่ใช่เหรอ? ผมทำตามพ่อทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุดผมกลับถูกทิ้ง ไม่มีแม้คำลา ราวกับตัวตนของผมสำหรับพ่อไม่ได้สำคัญแม้แต่น้อย

คำว่าลาก่อนนั้นมอบให้ใครกันแน่!

ในงานศพ เพื่อนรักของพ่อมาร่วมงาน คดีถูกปิดลงตั้งแต่พ่อผมฆ่าตัวตาย ทางการยืนยันว่านั่นคือการหนีความผิด แต่ผมรู้ดีว่าไม่ใช่ ทว่ากลับไม่อาจหาหลักฐานเอาผิดได้ พ่อตายลง...ลบชีวิต ลบทุกสิ่งทุกอย่าง ผมได้แต่วิ่งไล่ในความมืดและความสิ้นหวัง ไม่ว่าจะไล่ตามเท่าไหร่ก็พบแต่ทางตัน

ก่อนเส้นทางนั้นจะถูกพังด้วยคำขู่ฆ่า ทำให้ผมต้องวิ่งย้อนกลับออกมาแบบหัวซุกหัวซุน

...ผมทำอะไรไม่ได้เลย

“ฉันหนี...หนีไปให้ไกล ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ตัวฉันที่เฝ้าฝันเป็นตำรวจมาตลอดจะทำอาชีพอะไรกับเขาได้ สุดท้ายก็ต้องตายรังกับเรื่องเดิม...พบเจอการทรยศหักหลังในที่ๆ ทุกคนเชื่อว่ายุติธรรมที่สุด...”

ผมกรอกของเหลวในมือเข้าปาก ยิ่งสร้างความมัวเมาให้ทบทวี ในใจหวนนึกถึงอดีต

หลังจากที่ผมหนีมาจากเพื่อนรักของพ่อ ผมก็ไปสมัครเป็นตำรวจอีกเมืองหนึ่ง ที่นั่นให้การต้อนรับดี อีกทั้งผมยังมีผลงานดีเด่นติดตัว จึงได้รับความเอ็นดู แต่แล้ว...ผู้บัญชาการกลับถูกใจผม แน่นอนว่าผมขัดขืน และนั่นก็ทำให้เข้าใจความรู้สึกของพ่อครั้งแรกว่าการถูกป้ายสีเป็นยังไง...

ผมถูกจับเข้าคุกหนึ่งปีเต็ม ข้อหาทำร้ายร่างกาย ทั้งที่สามารถประกันตัวได้ แต่กลับไม่มีใครช่วยเหลือ คนที่เอ็นดูผมนักหนา ต่างหนีหาย รุ่นพี่ที่เชื่อใจ กลับบอกว่าถ้ายอมไปแต่แรกเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ มันทำให้ทดท้อ หลังถูกปล่อยตัวออกมา ผมก็ถูกโยกย้ายทันทีเป็นการปิดปาก

แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน...ก็ล้วนพบเจอแต่การหักหลัง

ท้ายที่สุดเมื่อมาตายรังที่เมืองนี้ ผมจึงปล่อยสภาพตัวเอง ไม่คบค้ากับใคร ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่สนใจ ได้เรียนรู้ว่าการทำให้คนเกลียด บางครั้งกลับปลอดภัยยิ่งกว่าการทำให้คนชอบพอเสียอีก

ทุกสิ่งทุกอย่างช่าง...

“มันเน่าเฟะ...เน่าเฟะ!”

ผมกระแทกแก้วกับโต๊ะอย่างแรง คล้ายได้ยินเสียงเพล้ง คาร์เรย์ผุดลุกอย่างตกใจ

“ชู่...อย่ากำเศษแก้วแบบนั้นสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน ราวกำลังปลอบเด็กน้อยขี้แย ขณะเดียวกันก็พยายามยื้อแย่งบางสิ่งที่ทิ่มแทงเรียกให้สติของผมแจ่มชัดขึ้น “คุณเจย์เดน...คุณเลือดออกแล้วนะ”

“ช่างมันสิ” ผมตอบอย่างเฉยชา แต่ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง

“ช่างได้ยังไง คุณเป็นคนสำคัญของผมนะ ผมไม่ยอมให้คุณทำร้ายตัวเองแบบนี้หรอก” คาร์เรย์ว่าเสียงดุ แต่กลับเป็นคำต่อว่าที่น่ารัก...ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ อย่างน้อยตอนที่อีกฝ่ายก้มหน้าจริงจังเพื่อแงะเศษแก้วจากมือผม มันช่างช่วยปลอบประโลมใจที่กราดเกรี้ยวให้สงบลงอย่างบอกไม่ถูก

ไม่มีใครแสดงท่าทีเป็นห่วงผมจากใจจริงเช่นนี้มานานเหลือเกิน

ไม่สิ

ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ คนที่ทำให้ผมยอมเชื่อว่า ‘หวังดี’ กับผมจริงๆ ช่างน้อยเหลือเกิน

“อ่ะ” คาร์เรย์เงยหน้าขึ้น สบตากับผมที่ยื่นหน้าไปพอดี แต่ผมไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่มองเขานิ่งๆ อย่างหาคำตอบเท่านั้น

“ผมไม่ทรยศคุณหรอกครับ” คาร์เรย์ยิ้มจาง ช่วยพันแผลที่มือของผมให้อย่างอ่อนโยน “ผมไม่มีวันทรยศคุณ”

คำนั้นช่วยย้ำเตือนถึงคำถามในใจ มันทำให้ผมสะท้อนในอกไม่ต่างจากความตื้นตัน

ทำไม...ถึงได้รู้ความในใจของผมกันนะ

ทำไม...ถึงได้กลับมาอีกครั้ง

ทำไม...ถึงยังบอกว่าผมเป็นคนสำคัญ

ผมหลับตาลงเมื่อคาร์เรย์เป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าใกล้ ก่อนสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากจะปัดเอาความคิดเหล่านั้นเลือนจางไม่ต่างจากถูกล้างสมอง

“เพราะผมรักคุณ...รักมานานแล้ว”


-------------------------

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวดาร์ก ดราม่า sm พอประมาณค่ะ
เป็นการลงนิยายครั้งแรกของเราเลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!//ไม่รู้จะพูดอะไร ตื่นเต้นนน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 18-07-2014 21:00:56
ขอมาเข้าร่วมสนับสนุนความSMค่ะ

รอติดตามๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 18-07-2014 22:23:40
น่าสนใจ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: Minkexohh ที่ 18-07-2014 23:03:43
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: BlueJay ที่ 18-07-2014 23:34:23
พอเห็นคำว่าSMความอยากติดตามพุ่งพรวดเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: Cockroach ที่ 19-07-2014 00:51:39
ดราม่าคงไม่มากชิมิ SMไม่มีปัญหาจัดมาโลด แต่มาม่าเยอะๆมันจะทำให้ผมท้องอืด ฮือๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 19-07-2014 07:30:04
ดราม่าได้อีกสุดๆๆๆเลยรอต่อนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-07-2014 12:30:13
อุ๊ เริ่มเรื่องก็หดหู่ซะแล้ว

สงสารนายเอก  :mew6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 19-07-2014 17:05:33
Chapter 2 : “รัก...จนแทบคลั่ง”

“รัก...”

“รักมาก...”

“รักมากเหลือเกิน...”

“ผมรักคุณ...เจย์เดน”




เมื่อลืมตาอีกครั้ง คำบอกรักมากมายราวความฝันนั้นก็ยังติดตรึง

ถูกรักจนแทบหลอมละลาย…

ให้ตายสิ ผมไม่เคยรู้สึกราวถูกเติมเต็มเท่านี้มาก่อน ราวกับตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้งยังไงยังงั้น

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

เมื่อพลิกตัวไปด้านข้าง ก็พบกับเด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าทรงเสน่ห์ที่ยื่นหน้ามาจุ๊บเบาๆ บนริมฝีปาก ท่าทางแสดงความรักแบบเด็กๆ และรอยยิ้มเผล่เมื่อผมไม่ขัดขืนนั้นทำให้รู้สึกอุ่นวาบในอกอย่างพูดไม่ถูก...ผมไม่นึกรังเกียจ แม้ความเจ็บปลาบที่ด้านหลังและเศษซากกระดาษทิชชู่รวมทั้งถุงยางซึ่งกระจายเต็มพื้นนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี ว่าเมื่อคืน...ผมมีอะไรกับเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าผมถึงเจ็ดปี แถมเขายังเป็นคนที่ผมช่วยชีวิตจากกองเพลิง!

ผมเผลอลูบรอยแผลไฟไหม้ที่ลากไล่จากข้างลำคอขวาของเขาจนถึงช่วงไหล่เลยไปด้านหลังกว่าครึ่ง สำหรับคนอื่นอาจรู้สึกว่ามันช่างน่ากลัว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ คงไม่ต่างกับเขาที่เมื่อคืนพร่ำจูบแผลเป็นบนต้นแขนของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มันผิดรึเปล่านะ...เสี้ยวหนึ่งในใจทักท้วง หากแต่เมื่อถูกคาร์เรย์รั้งเอวเข้าไปกอดแนบอก กระซิบเสียงเบาว่าให้นอนต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง ผมก็หลับตาอย่างว่าง่ายพลางปัดความคิดนั้นทิ้งโดยไม่ไยดี

ช่างมันเถอะ

ช่างมัน...ในเมื่อคาร์เรย์รักผม จะเป็นยังไงก็ช่าง ผมแค่ต้องการความรักนั้น ไม่งั้นเจย์เดน เวอแกนคงไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณเช่นเดิม ผมทนมามากพอแล้ว

อย่าให้ผมตื่นจากฝันนี้เร็วเกินไปก็พอ



“มือเป็นอะไร”

ภาพน่ารักน่าเอ็นดูของคาร์เรย์ที่ทำหน้าบึ้งเมื่อผมปฏิเสธไม่ให้มาส่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานแล้วกระซิบว่าวันนี้จะทำข้าวเย็นให้ทานถูกแทนที่ด้วยหน้าดุๆ ของไอ้เด็กเวรเลียม

ทำเอาอารมณ์ดีๆ แบบนานทีปีหนของผมหายลับไปกับตา

“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ผมว่าพลางโคลงศีรษะไปอีกทาง เอาขาสองข้างวางพาดกับโต๊ะ เอนหลังนั่งด้วยสีหน้าผ่อนคลายแสนสบาย แน่นอนว่าหากมีคนมาเห็นย่อมถูกตำหนิ แต่โต๊ะของผมอยู่ในสุด แถมยังมีฉากกั้นอีกต่อ นั่นหมายความว่าผมจะนั่งทำทุเรศแค่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีใครเดินเข้ามาเห็น...อย่างไอ้เด็กเลียม

ความจริงหมอนี่ห่างจากผมแค่สามปี แก่กว่าคาร์เรย์ซะอีก แต่ที่ผมชอบเรียกมันว่าได้เด็กเวร ก็เพราะนิสัยของมันทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยก่อน และอดนึกไม่ได้ว่าหากถึงจุดที่ถูกผลักตกลงมา ไอ้เด็กนี่จะตั้งตัวยังไง

แต่ทุกครั้งที่นึกได้แบบนี้ ผมเป็นต้องหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะเลียมเป็นลูกชายของผู้บัญชาการในเมืองนี้ ย่อมไม่มีทางโดนป้ายสียามมีความผิด เป็นแพะรับบาปอย่างที่ผมและพ่อโดนอย่างสมัยก่อนหรอก

หึ มันช่าง ‘เวร’ ดีจริงๆ!

“...จะพูดดีๆ ด้วยกันสักครั้งไม่ได้รึไงนะ”

วันนี้มาแปลกแฮะ

ผมเลิกคิ้วอย่างยียวนเมื่อไอ้เด็กเวรถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งข้างผม แล้วยังถือแฟ้มคดีของปาร์ตี้มั่วสุมเมื่อวานส่งให้อีกด้วย

“คุณได้รับการชื่นชมมากนะ เบื้องบนเองก็พอใจมาก”

ผมไม่แม้แต่จะเปิดดูรายละเอียด เสริมต่อในใจว่าคนที่เป็นแพะรับบาปชั่วชีวิตอย่างผม กับอีแค่เป็นนกต่อเล็กๆ น้อยๆ นะง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก ที่สำคัญ...ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีเสน่ห์ชวนดึงดูดให้คนอื่นเข้าหา โดยเฉพาะกับคนเพศเดียวกัน ขนาดสภาพโทรมอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้แค่ยิ้มสักหน่อยก็มีคนยิ้มตอบกลับมาแล้ว เหมาะแก่การล้วงข้อมูลสุดๆ

และเมื่อวานก่อนที่ลิเดียจะเข้ามาให้ท่า ผมก็ไปติดต่อขอซื้อตัวอย่างยาจากเจ้าของห้อง รวมทั้งได้ข้อมูลผู้ค้ายารายอื่นๆ มาเพียบ แต่ไม่รู้ว่าไอ้การชื่นชมที่ว่า จะช่วยลดภาพลักษณ์ของผมที่ย่ำแย่สุดขีดของผมในตอนนี้ได้แค่ไหน

เพราะตอนย้ายมาประจำที่นี่ช่วงแรกๆ เสน่ห์ที่ว่าก็ทำให้ผมได้รับการดูแลอย่างดีจากพวกรุ่นพี่ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะถูกผมปฏิบัติอย่างหยาบคายจนกลายเป็นเกลียดขี้หน้าไปเลย

ใช่...เกลียดน่ะดีแล้ว

แม้เมื่อวานจะโดนมอมเหล้าจนเมา เล่าอดีตของตัวเองให้คาร์เรย์ฟังซะเยอะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมปิดปากเงียบ ราวจิตสำนึกสั่งให้เก็บกักในส่วนลึกที่สุด

เพราะเมื่อคืนไม่ใช่การมีอะไรกับผู้ชาย ‘ครั้งแรก’ ของผม

“...เขาเป็นใครเหรอ”

ผมเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ ไอ้เด็กเวรก็ถามลอยๆ เหมือนพูดกับอากาศ

“ผู้ชายคนเมื่อวาน...ที่จับมือคุณข้ามถนน เขาเป็นใคร”

หึ ไอ้เด็กนี่มันขยันทำให้ผมขำซะจริง!

“จะรู้ไปทำไม” ผมเอียงคอถามอย่างยียวน อันที่จริงท่านี้เมื่อบวกกับขอบตาคล้ำๆ แล้วจะน่าถีบมาก แต่เพราะเมื่อคืนผมนอนหลับเต็มตื่นในรอบหลายปี หน้าตาจึงดูสดชื่นกว่าเดิมเยอะ ทำให้ไอ้เด็กเลียมไม่ค่อยรู้สึกรู้สาเท่าไหร่

“คุณ...ดูสนิทสนมกับเขามาก”

“แน่ล่ะ” ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ก็เขาเป็น ‘คนรัก’ ฉันนี่”

“!!!”

ไอ้เด็กเวรลุกพรวด ก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่หยิบแฟ้มคดีไปด้วย เห็นแล้วผมก็กลั้นขำแทบตาย หึ! เด็กเอ๋ยเด็กน้อย คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่าการที่พยายามชวนคุยและชักชวนให้ผมทำคดีใหญ่เพื่อช่วยสร้างผลงานนั้นเพราะอะไร คงไม่มีคนโง่คนไหนซื่อบื้อขนาดไม่รู้ว่าการที่มีคนเข้าหาเกินจำเป็นทั้งที่มีคนเกลียดเป็นร้อยนั้น...คิดกับเขามากกว่าเพื่อนร่วมงาน!!

แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจเลียมหรอกนะ อย่างน้อยก็เพราะมีเขาอยู่นี่ล่ะ ผมถึงยังนั่งถอนหายใจทิ้งไปวันๆ แบบนี้ได้โดยไม่ถูกไล่ออกไปสักที

ทว่าเมื่อเทียบกับคาร์เรย์แล้ว...ฝ่ายหลังมีค่าทางจิตใจผมมากกว่า ถึงผมจะไม่รักเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีที่เขารักผม ฉะนั้นจึงไม่ลังเลเมื่อต้องยืนยันความสัมพันธ์

แล้วอีแบบนี้จะโดนเตะโด่งมั้ยนะ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้เลียมช่วยพูดกับเบื้องบนให้ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากไอ้เด็กเวรโดนหักอกโดยสิ้นเชิง จะแค้นแล้วหาเรื่องเด้งผมออกรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำยังไงดีนะ อืม...ผมทำอะไรไม่เป็นซะด้วยสิ หากเปลี่ยนไปนั่งถอนหายใจทิ้งที่บ้านของคาร์เรย์ คนรักของผมจะว่ามั้ยนะ

คาร์เรย์คงพูดเป็นเชิง ‘ดีเลยครับ ผมจะได้มีเวลากับคุณเต็มที่’ แหงๆ!

ขนาดจะมาทำงานเมื่อเช้า หมอนั่นยังเซ้าซี้แทบตายเหมือนห่างกันไม่กี่ชั่วโมงจะขาดใจอย่างนั้นล่ะ ตอนนั่งกินข้าวด้วยกันคาร์เรย์เล่าคร่าวๆ ว่าญาติที่รับเขาไปอยู่ด้วยนั้นมีฐานะดี ทำให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ นั้นกำลังฝึกงานเพื่อรับช่วงตำแหน่งประธานคนต่อไป...ไม่สิ ครอบครัวของหมอนี่ฐานะดีอยู่แล้วต่างหาก ที่โดนฆ่าทิ้งก็เพราะผลประโยชน์เรื่องทรัพย์สิน จนป่านนี้ก็ยังจับฆาตกรไม่ได้ เป็นคดีที่ค้างคาในใจผมมาตลอด

แต่มันก็ผ่านไปตั้งเจ็ดปีแล้ว

ผมโคลงศีรษะอย่างขอไปที ก่อนจะหยิบแฟ้มของเลียมว่าจะเดินไปให้สักหน่อย เพราะในเร็ววันนี้ไอ้เด็กเวรคงไม่กล้าโผล่หน้ามาหาเรื่องผมอีกแน่

แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก...เพิ่งสังเกตว่าไอ้เด็กเวรถือหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้ติดมือมาด้วย

หน้าแรกนั้นพาดหัวข่าวตัวโตจนแทบแยงตา

แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับภาพผู้ตายตอนมีชีวิตในกรอบเล็กๆ ข้างกับศพไหม้เกรียม

‘พิสูจน์แล้ว! ศพซึ่งถูกมัดและเผาทั้งเป็นเมื่อวันก่อนคือสารวัตรใหญ่xxx คาดว่าโดนฆ่าปิดปากเพื่อปกปิดรูปคดี อ่านต่อได้ที่...’
...เขาคือเพื่อนรักของพ่อที่ผมเพิ่งเล่าให้คาร์เรย์ฟังเมื่อคืน!!



“ถือซะว่าเขาชดใช้กับสิ่งที่ทำกับของพ่อของคุณไงครับ เจย์เดน”

คนรักแสนดีที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่หนึ่งวันก็ตกลงปลงใจถือสปาเกตตี้คาโบนาร่าสองจานออกจากห้องครัว กลิ่นหอมโชยทำให้ผมพลอยหิวไปด้วย แต่นั่นไม่ทำให้ผมเผลอยิ้มเท่ากับภาพคาร์เรย์สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมง ไม่เหมือนชายหนุ่มสวมสูทผูกเนคไทค์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“อย่าสิ” ผมว่าอย่างไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายถือโอกาสหอมแก้มระหว่างเสิรฟ์จานบนโต๊ะ คาร์เรย์หัวเราะรวน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

“เหมือนฝันเลย” คนรักเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “คุณไม่รู้หรอกว่าผมตามหาคุณมานานแค่ไหน ผมรีบปรับตัวให้เข้ากับแม่บุญธรรมก็เพื่อจะได้มีเวลาหาคุณ รีบตั้งใจเรียนให้จบก็เพื่อจะได้มาใช้ชีวิตกับคุณ แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนก็ไม่พบ...ถ้าไม่จ้างนักสืบก็ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เจออีกมั้ย”

คาร์เรย์พูดเป็นครั้งที่สิบ นับตั้งแต่ตอนเช้าที่เขาพร่ำบอกว่ารักผมมากมาย แม้จะผ่านไปเจ็ดปี แต่เขายังคงจดจำทุกอย่างของผม ไม่ว่าจะเป็นมือที่ช่วยอุ้มเขาจากกองเพลิง น้ำเสียงที่ช่วยปลอบประโลม หน้าตา ท่าทาง รอยยิ้ม หรือกระทั่งดวงตาที่จับจ้องเขาด้วยความห่วงใย ทุกอย่างล้วนหล่อหลอมให้คาร์เรย์ไม่อาจสลัดผมหลุดจากใจ และยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อแยกจาก

รู้ตัวอีกทีเขาก็ไม่อาจมองใครได้ลึกซึ้งเท่ามองผมอีกแล้ว

“แม่บุญธรรมของนายไม่ว่ารึไง”

ผมถามพลางใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตี้แก้เขิน ความรู้สึกของคาร์เรย์ท้วมท้นเกินกว่าจะรับไว้ แต่ผมก็ยินดีจะรับมาทั้งหมด ไม่มีใครทุ่มเทให้ผมเท่าเขาอีกแล้ว...กระทั่งพ่อแท้ๆ ยังไม่รักผมเท่าเขาด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นจะทิ้งผมไปได้ยังไง

“คุณแม่ไม่ว่าอะไรหรอกครับ” วูบหนึ่ง ราวดวงตาของคาร์เรย์แอบเก็บซ่อนความลับบางอย่าง ไม่ใช่ว่าแอบทะเลาะกันไปยกหนึ่งหรอกนะ “คุณไม่ต้องห่วงหรอก...ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีหน้ามาพบคุณ”

“หึ” ผมแค่นยิ้มขื่น ใครกันแน่ที่ไม่มีหน้ามาพบ จนตอนนี้ผมก็ยังอดสมเพชสภาพตัวเองไม่ได้ “นายคงผิดหวังเมื่อเจอฉัน”

“ผมดีใจต่างหาก” คาร์เรย์ยิ้มพลางใช้ส้อมจิ้มเบค่อนมาจ่อที่ปากของผม “คุณยังน่าหลงใหลเหมือนเดิม...เป็นเจย์เดน เวอแกนของผมคนเดียว”

...ช่างเป็นประโยคที่แสดงความเป็นเจ้าของจนผมรู้สึกอึดอัด

ไม่เพราะคนพูดคือคาร์เรย์ แต่เพราะประโยคนั้นทำให้ผมนึกถึงอดีตบางอย่าง

 “คุณคงไม่รู้หรอก” เมื่อผมไม่ยอมกิน คาร์เรย์ก็ยิ้มอย่างไม่ถือสาก่อนจะวกส้อมเข้าปากตัวเอง “ไม่เคยรู้...ว่าผมน่ะรักคุณมากแค่ไหน”

ดวงตาสีเขียวอมเทานั้นประกายวาวระยับ แม้จะกำลังเคี้ยวด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ แต่รอยยิ้มมุมปากบนดวงหน้าหล่อเหลากลับชวนให้รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว

“ผมรักคุณ รัก...จนแทบคลั่ง!



มีบางอย่างผิดปกติ

ผมลืมตามองเพดาน อากาศหนาวจากภายนอกไม่อาจทำอะไรผมที่อยู่ในอ้อมกอดอุ่นของคาร์เรย์ได้ ทั้งๆ ที่เมื่อวานหลับสนิทไปในอ้อมกอดนี้แท้ๆ แต่คืนนี้ผมกลับนอนไม่หลับ...ไม่ว่าจะข่มตาหลับแค่ไหนก็ไม่หลับ จนได้แต่เหม่อมองรอบข้าง คาร์เรย์หายใจเป็นสม่ำเสมอ มุมปากประดับรอยยิ้มจางแสนสุข

‘คุณไม่ต้องห่วงหรอก...ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีหน้ามาพบคุณ’

เขาทำตามที่พูดจริงๆ เช้าวันนี้ผมนึกว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ที่เขาจะมีเสื้อผ้าขนาดของผมเก็บเอาไว้ แต่ในวันนี้ตอนคาร์เรย์อาบน้ำ ผมก็รู้ว่าไม่ใช่...ตู้เสื้อผ้ากว่าครึ่งมีสำหรับของเขา...และของผม ของทุกอย่างล้วนมีเป็นคู่ แก้วน้ำ จานชาม แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ขนาดชั้นในก็ยังมีแยกไว้ราวกับเตรียมพร้อมเพื่อให้อยู่ด้วยกัน

เขายังไม่พูดออกมา แต่จากการกระทำในตอนนี้ก็เชื่อว่าผมคงไม่สามารถกลับไปห้องพักเก่าๆ ในเร็ววันนี้แน่

ผมควรรู้สึกยังไงดีนะ ควรจะดีใจรึเปล่าที่เขาทำให้ผมถึงขนาดนี้ แสดงความมุ่งมั่นว่าเขาจะไม่มีวันทรยศผม และพร้อมที่จะใช้ชีวิตด้วยกันไปตราบนานเท่านาน

ผมควรจะดีใจ

แต่ว่า...ท่าทางของเขาในช่วงมื้อเย็น กลับทำให้สัญชาตญานบางอย่างร้องเตือน!

ยิ่งได้อ่านข่าวซึ่งบอกถึงการตายของของเพื่อนรักพ่อ...การถูกเผาทั้งเป็น...ผมก็ยิ่งรู้สึกเย็นยะเยือกจนไม่อาจพูดคำใด...ก่อนจะขอใช้คอมพิวเตอร์ของเขาโดยอ้างว่าเล่นอินเตอร์เน็ตแก้เซ็ง แต่ความจริงสืบหาถึงคนรู้จักที่สังหรณ์ใจไม่ดีเอาซะเลย และก็จริงเสียด้วย ดูเหมือนว่าช่วงหนึ่งเดือนก่อนที่คาร์เรย์จะมาพบผม...นายตำรวจที่เคยร่วมงานด้วยในสมัยก่อนต่างตายราวใบไม้ร่วง ไม่ว่าจะเป็นที่ที่ผมย้ายไปประจำแค่ไม่กี่เดือน หรือกระทั่งคนที่เคยลวนลามผมแค่ไม่กี่ครั้ง ต่างก็ถูกฆ่าตายด้วยสาเหตุหลากหลาย บ้างเป็นอุบัติเหตุ บ้างเป็นการการปล้นชิง บ้างก็โดนลูกหลง ทุกเหตุการณ์ล้วนแตกต่างทั้งที่ทางและความเกี่ยวเนื่อง หากไม่ใช่ผม...ก็คงไม่มีใครรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!

‘ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว’

มันน่าเหลือเชื่อเกินไปว่าจะเป็นฝีมือของคาร์เรย์เพียงคนเดียว!

การที่เมื่อคืนวานเขามอมเหล้าผมก็เหมือนกัน...ตอนแรกผมนึกว่าเขาเพียงต้องการรู้เรื่องในอดีตของผมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น แต่มานึกดูดีๆ...เมื่อคืนเขาถามราวรู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่แล้ว เสียแต่ต้องการคำยืนยันจากผม คล้ายกำลังประมวลว่า ‘จัดการ’ ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่

ผมนึกดีใจเป็นครั้งแรกที่ไม่เผลอพูด ‘เรื่องนั้น’ ออกมา

เพราะท่ามกลางความตายนับสิบราย ผมไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย เหลือเพียงความเวทนาที่ต้องมาตายด้วยวิธีการโหดร้าย แต่หากเป็นคนคนนั้น...ผมคงไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้

ควรจะทำยังไงดีนะ

ผมควรจะถามเขาตรงๆ หรือจะยอมเก็บเงียบไว้แบบนี้ เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็ล้วนเป็นผลดีกับผมทั้งนั้น

ความเคียดแค้นในใจถูกบรรเทาลง...บ่งบอกว่าผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย

และผมเองก็ไม่อยากปล่อยมือจากความรักที่กองแทบเท้าเสียด้วย

ไม่เป็นไรหรอก...

ผมพยายามปลอบตัวเอง อย่างไรเสียทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าถ้าย้อนกลับไป ผมจะห้ามไม่ให้คาร์เรย์ลงมือรึเปล่า

ไม่เป็นไร...

ผมพยายามข่มตา ซุกหน้ากับอ้อมกอดอุ่นที่ไม่มีวันทำร้ายตัวเอง

ใช่...ตราบใดที่เขารักผม ก็ไม่เป็นไรหรอก...


-----------------------

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ อ่านคอมเม้นแล้วดีใจ เพิ่งลงนิยายในเล้าครั้งแรกเลย  :o8:
เรื่องนี้มีชายหนุ่มหล่อๆ ให้เลือกสองคนค่ะ
หล่อใสกวนตีนยุติธรรมอย่าง "เลียม"
กับหล่อยันฯรักมั่นแต่โหดแท้ อย่าง "คาร์เรย์"
แต่ไม่ว่าจะเลือกใครเจย์เดนก็ได้กินหญ้าอ่อนอยู่ดี น่าอิจฉาแต้ๆ  :hao5:
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ มาร่วมกันฝ่าฟันไปพร้อมกับหนุ่มๆ ทั้งสามกันเถอะ! ย่ะ!!   :fire:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: มณีอัปสร เทมาวี ที่ 19-07-2014 17:26:17
ชอบคาร์เรย์ แบบ ชอบคนโหดรักมั่นอ่าาาาาาา
อีกอย่างคาร์เรย์ดูจิตดี :z1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 19-07-2014 17:42:57
รักจนคลั่ง รักคนเดียว คนอื่นฆ่าทิ้ง! แต่คุณต้องอยู่กับผม เป็นของผม
ชอบจัง อารมณ์แบบนี้  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-07-2014 18:02:33
ละ เลือกไม่ถูก  :jul1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 19-07-2014 18:27:29
หล่อยันฯรักมั่นแต่โหดแท้ อย่าง "คาร์เรย์" เลือกคนนี้

มันชวนลุ้น ชวนเสียว ชวนระทึกดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 19-07-2014 18:54:03
คาร์เรร์ นายนี่จิตอะ :sad4:
สงสัยค่ะ คนที่นายเอกชอบนี่ใคร
ที่เขาไม่ยอมให้แตะต้องอะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 19-07-2014 19:10:04
หล่อโหดด :mew1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Aly-Q ที่ 19-07-2014 19:48:03
ต้องชอบหล่อยันฯรักมั่นสุดโหด คาร์เรย์ อยู่แล้ว
มาต่อไวๆนะ

ตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Zliezen ที่ 19-07-2014 20:08:16
รักจนแทบคลั่ง.....ดูโรคจิตมากอ่ะ แต่ชอบ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 19-07-2014 21:19:04
ดูท่าแล้วนายเอกเรื่องนี้คงไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ

เพราะเขาว่ากันว่า 'กินเด็กแล้วเป็นอมตะ'  :m20:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 19-07-2014 22:20:24
 :mew4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 19-07-2014 22:22:55
ว้าวววววว! ผมหาแนวฆาตกรรมแบบตะวันตกแบบนี้มานานแล้ว ชอบมากครับ สัญญาว่าจะติดตามไปจนจบ
เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูโคนันเลย ซับซ้อนดี
ภาษาคนแต่งดีมากครับ พรรณนาออกมาได้เห็นภาพ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่นักเขียนส่วนใหญ่อยากทำให้ได้ แต่ไม่ค่อยสำเร็จนัก ซึ่งคนเขียนทำมันได้อย่างงดงามมากครับ
อยากให้คนเขียนบอกหน่อยได้ไหมครับว่าเหตุการณ์เกิดประเทศไหน ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ประเทศไทยละ
มีจุดเล็กๆ ที่ขอเสนอความคิดเห็นหน่อยนะครับ
คนเขียนใช้คำซ้ำค่อนข้างเยอะ เช่นคำว่า แต่ ทั้งที่ และ โดย กับ ซึ่ง ตราบเท่า...
ทำให้เวลาอ่านรู้สึกขัดใจหน่อยหนึ่ง แต่โดยรวมยังถือว่าสนุกมาก กับแนวเรื่องแบบนี้ ^ ^
อ้อ เพิ่มเติมอีกนิด
คาเรย์ กับเจย์เดน กลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วรักกันเลย หมายความว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นแฟนกันเหรอครับ ผมงงนิดหน่อย
ไม่เข้าใจว่าเจย์เดนไวไฟไปไหม แบบแค่นี้ก็ตามเขาไปเสียแล้ว
มาต่อไวๆ นะครับ ผมรออ่านอยู่ วู้ฮู


มีคำผิดนะครับ

Chapter 1

1.ไม่ใช่พิสวาท แต่เพราะไม่อยากเห็นเจ้าหล่อนแสร้งเดินผ่านเป็นครั้งที่สี่ และนั่นก็ทำให้เด็กสาวเผยยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้าหาผมราวพร้อมตระครุบเหยื่อ
- พิศวาท กับ ตะครุบ

2.ก่อนจะกำชับเสื้อโค้ทกันลมเดินผละออกไปโดยไม่หันหลังกลับ
- กระชับ

3.ผมสะท้อนในอก เพิ่งรู้สึกว่าผมสีจิงเจอร์แฮร์นั้นคุ้นตาไม่เบา
- สะท้าน กับ จินเจอร์


Chapter 2

1.ถ้าไม่จ้างนับสืบก็ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เจออีกมั้ย
- นักสืบ

2.ต่รอยยิ้มมุมปากบนดวงหน้าหล่อเหลากลับชวนให้รู้สึกเย็บเยียบไปทั้งตัว
- เย็นเยียบ


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Firebird ที่ 19-07-2014 23:53:55
เลือกคาเรย์ ดีกว่า โหดแต่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า
แต่อาจเพราะบทเลียมยังน้อย ตอนนี้ยังไงก็ขอเลือกคาเรย์ก่อน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-07-2014 00:28:59
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 20-07-2014 09:37:48
ตอนแรกชอบเลียม
แต่ไปๆมาๆชอบคาร์เรย์ละ ชอบเด็กโหด  :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: pattyyaoi ที่ 20-07-2014 10:05:47
ชอบคาร์เรย์ ชอบพระเอกจิตๆ  :z1: แต่ก็สงสารเลียม เอาเป็น 3P ได้ไหมนิ 555555555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 20-07-2014 16:25:56
ชอบพระเอกจิตๆเหมือนกัน เร้าใจดี ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 20-07-2014 16:54:04
เหมือนชื่อเรื่อง
กำลังจะบอกว่า เป็น คาร์เรย์ นะ  :katai5:
ปล.เดาถูกป่าวหว่า? ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-07-2014 17:17:54
ส่วนคิดว่าเรื่องที่เจย์เดนปิดไว้คาร์เรย์น่าจะรู้อยู่แล้วแน่ๆ
ว่าแต่ใครคือตัวละครปริศนาตัวนั้นนะ?
ปล.ตอนเธอกอดฉัน หัวใจเธอกอดใครที่รัก~♫
                   
                           ขับร้องโดย "คาร์เรย์"
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 20-07-2014 19:43:15
รักจนแทบคลั่งซึ่งสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 20-07-2014 20:22:24
ชอบคาเรย์
แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า หรือเพราะอ่านแนวพวกนี้อยู่แล้ว
ตอนจบบถ้าไม่ใช่คาเรย์ตาย หรือนายเอกตาย ก็เลียม ผู้แสนดีเป็นพระเอกแทน =_=;;

แบบกลางๆเรื่องนายเอกจะหวั่นไหว สับสน ตีตัวห่างจากพระเอกไปอยุ่กับพระรอง

อืมมมม.......เอาเป็นว่าเอาใจช่วยคาเรย์ละกันค่ะ
ขออย่าให้เป็นแบบที่เคยอ่านๆมาเลย ไม่งั้นคงทำใจไม่ได้

แต่ชื่อเรื่องก้บอกอยุ่แล้วนี่เนอะ ว่าใครเป้นพระเอก
แฟนผมเป็นฆาตกร.....><
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 20-07-2014 21:26:08
เจย์เดนกำลังปกป้องใครอยู่นะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-07-2014 18:03:39
เดาไม่ถูกเลยอ่ะว่าใครพระเอก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.2 “รัก...จนแทบคลั่ง” ๊ Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: logic.pt ที่ 21-07-2014 18:18:29
ชอบเรื่องนี้มากกกก


ติดตามเลย55555555 พระเอกดูน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 21-07-2014 18:24:48
Chapter 3 : “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ”


เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ

“คุณเวอแกน”

ผมซึ่งนั่งหลับตาเอนกับเก้าอี้ด้วยท่าพาดขาบนโต๊ะทำงานลืมตาข้างหนึ่ง พบว่าข้างกายถูกจับจองด้วยไอ้เด็กเวรที่คิดว่าคงจะหนีหายไปสักสามสี่วันเป็นอย่างต่ำ หรือว่าไอ้เด็กนี่จะความอดทนน้อย วิ่งโร่ไปฟ้องพ่อให้ไล่ผมออกแล้วกันนะ

“มีอะไร” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งวันนี้คิดแต่เรื่องคาร์เรย์ เขารักผม เขาทำเพื่อผม แต่ผมกลับไม่สามารถอยู่กับเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้เหมือนเคย ทั้งที่สุขเหลือเกิน แต่อึดอัด ทั้งที่อบอุ่นนัก แต่กลับอดสงสัยไม่ได้

คงเป็นเพราะผม ‘ไม่ได้’ รักเขา

ความรักมันยังไงกันแน่นะ สามารถทำให้คนคนหนึ่งทุ่มเทขนาดนี้เลยหรือ สามารถทำให้ช่วงเวลาเจ็ดปีนั้นเป็นเพียงสะพานเพื่อพบหน้า สามารถทำให้ชีวิตของคนอื่นเป็นเพียงเครื่องบรรณาการหรืออย่างไร

ให้ตายเถอะ พอนึกเรื่องนี้ใจผมก็เจ็บปลาบ

เพราะผมเองก็เคยมีความรักที่หน้ามืดตามัวเช่นนั้นเหมือนกัน!

“เย็นนี้คุณว่างมั้ย”

คำถามสุภาพไม่ยักจะใส่อารมณ์ทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกข้างเพื่อมองเลียมชัดๆ พบว่าวันนี้มันมาแปลก หน้าตาจริงจังขึงขัง ไม่ยักหาเรื่องหรือพยายามเข้าหาผมแบบยัดเยียดเหมือนเคย

“ว่าง”

ผมตอบตามจริง เย็นนี้คาร์เรย์ต้องสะสางงานที่บริษัท เพราะเขาใกล้จะได้ขึ้นตำแหน่งประธานในเร็วๆ นี้ อีกทั้งด้วยความเอาแต่ใจของชายหนุ่ม ที่เลือกจะมาบริหารงานจากบริษัทสาขาย่อยในเมืองเล็กๆ จึงต้องยิ่งขยันกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพื่อให้แม่บุญธรรมเห็นชอบว่าสามารถยกภาระหน้าที่ให้ทั้งหมดได้อย่างวางใจ

คาร์เรย์หงอยแทบตายที่ไม่ได้กินข้าวกับผม ถึงขนาดบอกว่าจะส่งคนมารับไปกินด้วยกันที่บริษัท แน่นอนว่าผมไม่หน้าหนาขนาดนั้น จึงปฏิเสธไปโดยอ้างว่าจะมาเก็บของที่ห้องพักของตัวเอง เพื่อจะได้ย้ายไปอยู่กับเด็กหนุ่มแบบเต็มตัวสักที

คนอะไรใจง่ายชิบเป๋ง!

ผมแอบด่าตัวเอง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะยังไงซะคาร์เรย์ก็เตรียมทุกอย่างให้ผมย้ายไปอยู่แล้ว และผมเองก็พอใจกับการนอนในอ้อมกอดอุ่นๆ นั่นด้วย การได้รับความรักจากคนที่รักที่สุดย่อมเป็นการเยียวยาใจที่ดี แม้สาเหตุแท้จริงคือการเห็นคาร์เรย์ในสายตา จะทำให้ผมวางใจว่าเขาจะไม่ลงมือทำอะไรอีกต่างหาก!

คาร์เรย์คิดว่าจัดการทุกอย่างหมดแล้ว...แต่ยังหรอก ผมจึงต้องอยู่เคียงข้างเขา เพื่อให้เขามอบความรักจนไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น!

แล้วสักวัน...ผมอาจจะรักเขาตอบบ้าง

แค่นั้นก็คงมีความสุขมากแล้ว

“ถ้าจะชวนกินข้าวก็พอไหว แต่ต้องเลี้ยงฉันนะ”

เลียมเบิกตากว้าง อ้าปากค้างมองหน้าผมเหมือนถูกตัดหน้าอย่างแรงจนเสียเซลฟ์ ก่อนอีกฝ่ายจะอึกๆ อักๆ รีบพยักหน้าตอบผมรัวๆ ด้วยหน้าแดงก่ำ

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับเขาเป็นเชิงให้ท่าขนาดนี้

เฮ้อ...ไอ้เด็กเวรเลียม นายคิดบ้าอะไร ก็บอกอยู่ว่ามีคนรักแล้ว คงจะบ้าชวนนายคบซ้อนหรอก ไอ้เด็กบื้อเอ๊ย!

“ผมจะรอคุณหลังเลิกงาน”

ไอ้เด็กนี่ดูซีรี่ย์มากรึไง

“เลิกพร้อมกัน งั้นก็ออกไปพร้อมกันสิ”

เลียมอ้าปากค้างอีกครั้ง ร้อยวันพันปีเขาเคยแต่เดินด่าไล่หลังผมที่รีบออกจากงานตรงเวลาเพราะไม่มีงานทำ แต่ไม่เคยเดินออกจากกรมพร้อมกันเลยสักครั้ง

“คุณ...ต้องการอะไรจากผมรึเปล่า”

ในที่สุดก็ฉลาดสักที ต่อให้เลียมมันชอบผม ก็คงไม่โง่ถึงขนาดดูไม่ออกว่านี่ไม่ใช่การชวนไปดินเนอร์อย่างเดียว

“แหงอยู่แล้ว” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ พ่อของเลียมเป็นตำรวจผู้ใหญ่ของเมืองนี้ จากที่ผมหาข้อมูลเมื่อคืน พบว่าเขาเองก็ไปร่วมงานศพของเพื่อนรักพ่อ คาดว่าคงรู้จักกัน เกริ่นมาแค่นี้ก็คงรู้แล้วว่าผมกำลังใช้ประโยชน์จากเส้นสายของเลียมนั่นแหละ

ไอ้เด็กเวรทำหน้าปลงตก ถอนหายใจดังเฮ้อออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ”

ไอ้เด็กเวรนี่!

“แต่การตัดใจไม่ได้มันแย่ยิ่งกว่า...เลิกงานแล้วผมจะเดินมาหา รอที่นี่แล้วเดินออกไปด้วยกันนะครับ...เจย์เดน”

ใครอนุญาตให้เรียกชื่อจริงกันวะ!

ไม่ทันพูดไอ้เด็กเวรก็เดินหายไปแล้ว นับวันยิ่งอวดดี ถึงขนาดสารภาพรักออกมาเป็นครั้งแรก แต่ไม่ยักรู้สึกว่าโรแมนติกตรงไหนเลยสิน่า สงสัยทำงานเยอะจนเพี้ยน ถึงได้หน้าแก่ขึ้นทุกวันๆ แบบนั้น!




‘คุณอยู่กับใคร’

ข้อความในโทรศัพท์จากคาร์เรย์ทำให้ผมกำลังนั่งทานข้าวเย็นกับไอ้เด็กเวรอย่างไร้ซึ่งความโรแมนติกขมวดคิ้วน้อยๆ

ไม่ใช่ ‘กำลังทำอะไรอยู่’ หรือ ‘กินอะไรหรือยัง’ แต่เป็น...’คุณอยู่กับใคร’ งั้นเหรอ

ถ้ารู้ขนาดนี้คงไม่ต้องแนะนำตัวมั้งว่าเป็นใคร

‘กลับมาเร็วๆ ล่ะ’

ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง หวังว่าคาร์เรย์จะไม่หึงจนฆ่าไอ้เด็กเวรนี่หรอกนะ จริงอยู่ว่าเขาทำเพื่อผม...จนอดีตอันเลวร้ายแทบกลายเป็นเรื่องไร้ค่าไปเลย แต่เขาคงไม่บ้าขนาดแยกแยะไม่ออกว่า ‘ศัตรู’ กับ ‘มิตร’ น่ะต่างกันแค่ไหน

‘ผมรักคุณ รัก...จนแทบคลั่ง!’

พลันประโยคบอกรักจากเมื่อวานทำให้ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปอีกครั้งเพื่อไม่ความประมาทจนเกินไป ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าเลียมเท่าไหร่ แต่ถ้าเด็กนี่โดนเก็บผมคงรู้สึกผิดแย่ มาชอบผมก็น่าสงสารพอแล้ว อย่ามาซวยเพราะผมเลย

‘พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำอาหารให้กิน ไม่อร่อยอย่าว่ากันล่ะ’

ผ่านไปไม่กี่นาทีคาร์เรย์ก็ส่งข้อความตอบกลับ

‘ถ้าเป็นฝีมือคุณ ต่อให้เป็นดินเป็นทรายผมก็กิน’

หากเป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง...แต่พอเป็นคาร์เรย์ผมกลับรู้สึกเขาพูดจริงทำจริง

ก่อนข้อความจะถูกส่งกลับมาอีกครั้ง

‘หวังว่าคุณจะไม่สนิทกับเลียม คอร์แนลมากไปนะครับ’

...ผมมองข้อความนั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขารักผม แต่หวงผม แสดงความเป็นเจ้าของผม ถ้าหวังแค่ว่ามอบความรักให้กันคงเป็นเรื่องเพ้อฝันที่มีอยู่แต่ในนิยายสินะ

‘ฉันกินข้าวกับเลียม แต่ทำอาหารให้นาย เข้าใจรึเปล่า’

ผ่านไปนานทีเดียวก่อนคาร์เรย์จะส่งข้อความกลับมา

‘ผมรักคุณ’

แล้วสรุปเข้าใจรึเปล่าล่ะเนี่ย!

ผมนวดขมับ การเจอคาร์เรย์ทำให้ชีวิตอันน่าเบื่อของผมมีสีสันขึ้นเยอะ แม้จะเป็นไปในทางทั้งสุขทั้งทุกข์ก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ย้อนกลับไปตอนที่ไม่เจอเขา ผมก็ไม่เอาเด็ดขาด เด็กชายตัวน้อยที่ผมอุ้มจากกองเพลิงเมื่อเจ็ดปีก่อนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่สำคัญกับผมมาก เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่ายังมีคนที่จริงใจกับผม และไม่มีวันทรยศหักหลังเด็ดขาด

“เอ้า ข้อมูลที่นายต้องการ”

ผมเงยหน้าเมื่อเลียมเดินกลับเข้ามาในร้านหลังขอตัวไปเอาเอกสารจากคนสนิทของพ่อ ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะง่ายดายแบบนี้หรอก เพราะด้วยนิสัยแล้วหมอนี่ดื้อดึงจะตายไป แต่พอออกปากขอ เลียมก็รีบโทรศัพท์สายตรงถึงใครสักคน จากนั้นข้อมูลที่ผมต้องการก็ถูกจัดส่งภายในสิบนาที

เขาไม่ถามเหตุผลซะด้วยซ้ำ

“ขอบใจ”

ผมรับเอกสารมาเปิดดู ในนั้นคือรายละเอียดการตายของเพื่อนรักพ่อ เป็นไปตามข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าถูกจับมัดและเผาทั้งเป็น แต่ที่นอกเหนือจากนั้นคือข้อมูลการสืบถึงผู้ต้องสงสัย ในหนังสือพิมพ์ระบุแค่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่...

และสิ่งที่อยู่ในมือผมก็คือข้อมูลการสืบสวนเพื่อตามจับฆาตกร!

อย่างที่บอก ผมไม่ใช่คนดีอะไร นึกขอบคุณคาร์เรย์ซะด้วยซ้ำที่ช่วยกำจัดคนเลวๆ อย่างนี้ไปได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องมีอีกสักกี่คนที่โดนแบบพ่อของผม แต่เพราะตำแหน่งคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทางตำรวจต้องพยายามสืบสาวให้ถึงที่สุดแน่ ผมจึงอยากรู้ว่าคาร์เรย์ทำงานหมดจดแค่ไหน อย่างน้อยก็ไม่ต้องผวาว่าสักวันคนรักตัวเองจะถูกจับเข้าคุก

และหากข้อมูลนี้เป็นความจริง...นับว่าคาร์เรย์เก่งเหลือเชื่อ

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ หลักฐานทุกอย่างถูกเผา ยากแก่การสืบสาวให้ถึงที่สุด

“คุณ...”

ผมเหลือบตามองไอ้เด็กเวรที่พูดออกมาแล้วเงียบซะเฉยๆ เหมือนลังเลใจ

“คุณจะตามจับฆาตกรรายนี้เหรอ เจย์เดน”

“เวอแกน” ผมเอ่ยแก้ แสดงความเหินห่าง ก่อนจะส่งเอกสารคืนให้เลียม เพราะยังไงซะนี่ก็ถือเป็นเอกสารราชการ ถึงจะก็อปปี้ออกมาก็ตาม “และฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตามจับฆาตกรรายนี้ด้วย เข้าใจผิดแล้วเลียม”

“แต่คนๆ นี้เป็นเพื่อนรักของพ่อคุณ”

ผมคิ้วกระตุก เป็นครั้งแรกที่ต้องมองหน้าเด็กเวรชัดๆ

“เอ่อ...” เลียมขยับตัวอย่างอึดอัด ยกมือปรามไม่ให้ผมจ้องเขม็งจนเกินไป “คุณก็รู้ว่าพ่อผมเป็นเพื่อนกับเขา ฉะนั้นตอนคุณย้ายมาประจำที่นี่เขาจึงกำชับให้พ่อผมช่วยดูแลคุณด้วย และพ่อก็วานผมมาอีกที...เข้าใจรึยังว่าทำไมตอนแรกผมถึงได้เกาะติดคุณขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าตกหลุมรักคุณแรกพบหรอกนะ”

เป็นความจริงที่ผมไม่อยากเชื่อ คนพรรคนั้นที่ทำให้ชีวิตผมเละเทะไม่มีที่อยู่...ไม่มีกระทั่งครอบครัวน่ะหรือจะวานให้คนอื่นช่วยดูแล เหอะ ช่วยจับตาน่ะสิไม่ว่า! เขากลัวผมจะเปิดเผยความลับแทบตาย ถึงขนาดเคยขู่ฆ่าซะด้วยซ้ำ ยังดีที่มีจิตสำนึก เพราะแค่ขู่...แต่ยังไม่ถึงขั้นฆ่า!

แต่แค่นั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งหวาดกลัวจนแทบตาย เปรียบดั่งคนฝันสลายที่ถูกเปิดตาว่าแท้จริงเขาสามารถหายไปได้ทุกเวลาโดยไม่มีใครรู้เห็นสักคนเดียว

อ้างว้าง โดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่งพิง

เปรียบดังภาพฝันแสนสุขพังทลายในพริบตา

“สรุปว่านี่นัดออกมาสารภาพรักสินะ” ผมเอามือเท้าคาง พอดีกับสเต็กจานร้อนถูกนำมาเสิร์ฟ “ฉันมีคนรักแล้ว ขอโทษด้วย”

ผมวาดมีดและส้อมในมือเตรียมกิน เพราะเลียมรับปากว่าจะเลี้ยง ผมจึงสั่งสเต็กเนื้ออย่างดีแบบไม่เกรงใจ

“...อย่างน้อยก็ให้ผมได้สารภาพออกมาดีๆ ไม่ได้รึไง” ไอ้เด็กเวรทำหน้าทดท้อ เริ่มลงมือกินบ้าง อันที่จริงพูดจาแบบนี้ก็น่ารักอยู่หรอกนะ เพราะปกติชอบหาเรื่องผมอยู่เรื่อยจนโดนตอกกลับไปหลายรอบ ทำให้ผมชอบคิดว่าหมอนี่น่ารำคาญชะมัด

แต่เอาจริงๆ คงเป็นเพราะไม่รู้จะเข้าหายังไงมากกว่า

อืม...ก็น่ารักดี

“จะสารภาพดีๆ หรือไม่ดี คำตอบก็เหมือนเดิมล่ะน่า” ผมว่าอย่างใจดำ ต่อให้น่ารักยังไงก็ไม่รัก ผมเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกวนประสาท วันใดวันหนึ่งอาจจะทิ้งผมเพื่อผลประโยชน์ก็ได้ ทำงานที่ต้องแบกรับหน้าตาและชื่อเสียงก็แย่แบบนี้ ยิ่งกับพ่อเขาย่อมไม่ยอมรับแน่ เห็นสัญญาณวินาศสันตะโรมาแต่ไกล แต่กับคาร์เรย์...ผมไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นเลย

เขาจัดการทุกอย่าง...ทุกอย่างจริงๆ

“คุณไม่มีวันสนใจผมสินะ”

“ใช่”

ตั้งแต่พ่อผมตาย หัวใจผมก็ตายด้านไปด้วย จนกระทั่งเจอ ‘เขาคนนั้น’ คนที่เข้ามาในช่วงที่ผมตกต่ำที่สุด ก่อนจะผลักผมให้ตกเหวลึกกว่าเดิมด้วยสองมือที่เคยโอบกอดอย่างอ่อนโยน นับแต่นั้นผมก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่เชื่อใจใครอีก แม้จะบอกว่า ‘รัก’ กันมากแค่ไหนก็ตาม

“แต่คุณเพิ่งพบคนรักของคุณเมื่อไม่กี่วันเองนี่”

ไอ้เด็กเวรเริ่มแสดงนิสัยน่ารำคาญออกมา ผมเกลียดการเซ้าซี้จากคนไม่สนิทที่สุด

“ฉันรู้จักเขามาเจ็ดปีต่างหาก”

ผมไม่เชื่อใจใครอีก แต่กับคนที่ช่วยชีวิตด้วยสองมือนี้ กับคนที่ช่วยดูแลจนกระทั่งแย้มยิ้มได้อีกครั้งในช่วงชีวิตที่เคยมีความสุขที่สุด แถมยังเป็นคนที่ตามหาผมมาตลอดเจ็ดปี คำสาบานนั้นก็ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป

คาร์เรย์คือข้อยกเว้นทุกสิ่งอย่าง

ยกเว้นแม้กระทั่งการกระทำที่สังคมประณาม แต่ผมกลับยอมรับง่ายดาย

ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทำ ‘เพื่อ’ ผม

เป็นการแสดงความรักที่ชัดเจนอย่างไม่ต้องหาข้อพิสูจน์ เพราะมันช่างบ้าคลั่ง ครั้งแรกที่ได้ยินผมยอมรับว่ารู้สึกกลัว ก่อนจะแทนที่ด้วยความวาบหวาม ราวความเจ็บปวดในใจถูกบั่นทอนออกไป...ผมคงเพี้ยนไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปขนาดนี้ ก็เพราะความรักในอดีตของผมนั้นถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้ค่าเหลือเกิน

ถูกขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี!

เทียบกันแล้ว...ความกลัวที่จะต้องถูกทิ้งอีกครั้ง จะต้องกลับไปโดดเดี่ยวและสิ้นหวังขนาดนั้น...มันเทียบไม่ได้สักนิด!

แต่กระนั้น...

“ขอบคุณสำหรับอาหาร ฉันไปล่ะ”

ลึกๆ ในใจก็ยังคงมีบางสิ่งขัดแย้งปรากฏอย่างเงียบงัน

“เดี๋ยวสิ”

ผมรีบหยิบน้ำมาดื่มปิดท้ายก่อนจะเดินออกจากร้านทันที ไม่แม้แต่จะหันไปมองเลียมซึ่งยึกยักทำอะไรไม่ถูก ที่หมายคือห้องพักเก่าของผม เพื่อจะได้เก็บข้าวของส่วนตัวไปห้องคาร์เรย์ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น...ผมยังต้องเก็บอะไรไปอีกนะ แปรงสีฟันก็มีแล้ว เสื้อผ้าก็มีแล้ว แถมยังมีเยอะกว่าเดิมอีก พวกเครื่องใช้อะไรก็แทบไม่จำเป็น ในเมื่อคาร์เรย์มีคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ทั้งแบบตั้งโต๊ะและโน้ตบุ้คอย่างละเครื่อง อนุญาตให้ผมใช้ตามใจชอบ ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปทำไมล่ะเนี่ย...

อ้อ ต้องไปบอกสัญญาเลิกเช่า

ผมโคลงศีรษะอย่างย้ำเตือนตัวเอง ก่อนจะเดินข้ามถนนเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่ที่ตรงนั้นกลับมีคนคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว
และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ไอ้เด็กเวรไม่ไล่ตามหลังผมเหมือนที่เคยทำ

“ผมมารับคุณ ที่รัก”

คาร์เรย์ยื่นมือมาด้านหน้า ข้างตัวคือรถหรูสีดำคันหนึ่ง ไม่รู้ว่ามารอนานแค่ไหนแล้ว หรืออาจจะเป็นตั้งแต่แรกที่ส่งข้อความมาเลยก็ได้ เพราะไอเย็นเกาะหน้าตารถจนฝ้าขึ้นไปหมด แสดงว่าเขาสะสางงานได้เร็วกว่าที่คิด หรือไม่ก็ทิ้งงานมาเมื่อรู้ว่าผมแอบนัดพบกับชายอื่น

ผมมองเขานิ่งๆ เฝ้ารอคำถามอย่าง ‘คุณคุยอะไรกับเขา’ หรือ ‘คุณนอกใจผมใช่มั้ย’ แต่ก็ไม่มีคำใดออกมานอกจากมือที่ยังยกค้างด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนไม่แปรเปลี่ยน

‘ที่รัก’ งั้นเหรอ...

ผมยื่นมือไปจับตอบ ทันใดนั้นเขาก็ดึงตัวผมจนถลาไปข้างหน้า รู้ตัวอีกทีก็ยืนกอดกันอยู่ตรงข้ามร้านอาหารสุดหรูซะแล้ว
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเลียมคงเห็นทุกอย่าง

แต่ว่า...

ผมยืนให้คาร์เรย์กอดแทบไม่ขยับ สองมือยังคงกอบกุมแน่น แม้จะรู้ว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของอีกครั้ง แต่ในใจอดรู้สึกไม่ได้ว่า...

ถูกเรียกแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน


---------------------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆ นะคะ ดีใจมากเลยที่ชอบหนุ่มๆ เรื่องนี้ สำหรับคนที่เจย์เดนคิดเอาไว้ อีกพักใหญ่เลยค่ะกว่าจะออก ตอนนี้คาดเดาก่อนนะคะว่าถ้าคาร์เรย์รู้จะเป็นยังไง...หึหึหึ  :z10:

ตอบคุณ Homepage - เรื่องนี้คิดไว้เกิดขึ้นในรัฐหนึ่งในประเทศอเมริกาค่ะ ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ และขอบคุณสำหรับคำผิดมากๆ ด้วยค่ะ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเจย์เดนยอมคาร์เรย์ง่ายจัง คิดว่าคงหาคำตอบได้จากในตอนนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านและทุกคอมเม้นท์นะคะ   :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: may5658 ที่ 21-07-2014 18:53:49
 :z1: ชอบๆ แนวจิตๆแบบนี้แหละหามานาน แต่อยากให้โหดมากไปน๊าาา
สงสารนายเอก T^T จะรอน๊า มาต่อเร็วๆเด้อ ชอบๆ ><
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 21-07-2014 18:57:44
ถ้าคาเรย์รู้ คิดว่าหมอนั่น ต้องตายแบบสยดสยอง และสุดแสนทรมานแน่ๆเลย

เพราะเคยเป็นอดีตซะด้วย หึ หึ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Homepage ที่ 21-07-2014 19:27:06
คือ แบบ ณ จุดนี้สงสารเลียมอ่ะ T^T
ผมเป็นคนชอบผู้ชายช่างตื้อ น่ารัก ไม่ก้าวก่ายกันเยอะเกินไปแบบเลียม
เท่าที่อ่าน ผมคิดว่าเลียมยังไม่แสดงความรู้สึกที่มีต่อเจย์เดนมากขนาดนั้น ทำให้ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอีกไหม?
ส่วนคาเรย์ =_=^ ผมกลัวอ่ะ ดูโรคจิตยังไงไม่รู้อ่ะ
เรื่องนี้จะมีหักมุมแบบ เลียมเป็นฆาตกร ส่วนคาเรย์เป็นบุคคลที่ถูกจ้างวานงี้ป่ะ 555555
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ เก็บรายละเอียดสถาณการณ์ในแต่ละตอนได้ดี
แต่ตอนนี้...สั้นไปหน่อยนะครับ ยังไม่จุใจอย่างที่คิด


คำผิดนะครับ

ผมเงยหน้าเมื่อเลียมเดินกลับเข้ามาในร้านหลังข้อตัวไปเอาเอกสารจากคนสนิทของพ่อ


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ  :3123:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 21-07-2014 19:50:25
คาร์เรย์ฆ่าแล้วก็เผาครอบครัวตัวเองรึเปล่า ดูเป็นไปได้มากน้องดูจิตๆ 5555 แต่โหดดี ขี้หึงอีกต่างหาก  :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 21-07-2014 19:52:42
ชอบคาเรย์ รู้สึกถึงความรักมหาศาลเลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-07-2014 20:10:45
รักแบบจิตๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 21-07-2014 20:42:43
สีเรื่องนี้คือสีเทาปนน้ำตาลแก่ๆ

เหมาะกับรักที่บิดเบี้ยว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-07-2014 21:31:55
ดูสมกันดีนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Zliezen ที่ 21-07-2014 22:17:05
กลัวแทนเลียมจริงๆ ว่าสักวันจะโดนลอบฆ่าเพราะลมเพชรหึง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 21-07-2014 22:36:58
ทำไมคาร์เรย์ดูน่ารัก 55
หรือว่าเราโรคจิต   :katai5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-07-2014 23:14:29
เดาใจยาก !


 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 21-07-2014 23:55:35
อืม~ ฉันรักคุณจนแทบคลั่ง บ่งบอกทุกความรู้สึกเลยแหะ~

คารมฆาตกรชั่งคมคาย อารมณ์ฆาตกรชั่งคล้ายนักกวี
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-07-2014 09:42:42
อุตะ คาเรย์ปากหวานอ่ะ

ออกแนวสตอร์กเกอร์นะเนี่ย

สงสัยว่าแอบตามนายเอกเรามากี่ปีแล้ว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.3 “ชอบคุณนี่มันช่างแย่จริงๆ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 22-07-2014 09:48:10
น่ากลัวแท้~
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 24-07-2014 18:57:38
Chapter 4 : “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก”

“แล้วงานนายล่ะ”

ผมถามหลังขึ้นมานั่งบนรถ คาร์เรย์รู้ใจผมดีพอที่จะขับไปห้องพักเก่า ไม่ใช่ที่บ้านพักสุดหรูในโครงการพันล้านของตัวเอง

“คุณแม่ช่วยทำแทนแล้วล่ะครับ เพราะผมบอกว่าติดธุระด่วนกะทันหัน” ชายหนุ่มตอบสุภาพ ถ้าจำไม่ผิด คาร์เรย์เล่าว่าแม่ของเขาอยู่ที่สาขาใหญ่ในเมืองหลวง ซึ่งเด็กหนุ่มก็อยู่ที่นั่นมาตลอดจนกระทั่งเรียนจบ ตามข้อตกลงที่ให้กับแม่บุญธรรมว่าจะคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอง แล้วสืบสานกิจการต่อ โดยแลกกับที่เขาสามารถทำตามใจชอบอย่างตอนนี้

 “เมื่อกี้เลียมสารภาพรักกับฉัน”

คาร์เรย์กำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูน

“แต่ฉันปฏิเสธอย่างเป็นทางการแล้ว”

คาร์เรย์เผลอถอนหายใจ ท่าทางนั้นน่ารักจนอีกฝ่ายได้แต่ยิ้มเขินๆ เมื่อถูกผมจ้องอย่างหยอกล้อ

“อันที่จริงไอ้เด็กเวรนี่ก็เทียวมาเทียวไปมานาน พยายามสนิทสนมกับฉันมาหนึ่งปีเต็ม แต่ฉันก็ไม่เคยเล่นด้วย ทำให้ความสัมพันธ์คลุมเครือมาตลอด แต่ในเมื่อฉันตัดสินใจคบกับนายแล้ว จะปล่อยไว้แบบนี้ก็คงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”

คาร์เรย์พยักหน้ารับด้วยท่าทางเหมือนเด็กได้ของขวัญ

“ก็นั่นแหละ ฉันเลยนัดออกมากินข้าว เพื่อจะได้ปฏิเสธให้มันจบไปสักทีไง ไม่ดีเหรอคาร์เรย์”

“ดีสิครับ” คนรักยืนยันตั้งแต่ผมยังพูดไม่จบประโยคดีซะด้วยซ้ำ “ผมดีใจมากเลย”

ผมเอานิ้วจิ้มแก้มที่กำลังบานเป็นจานเชิงเพราะคาร์เรย์ยิ้มไม่หุบ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูชะมัด ยิ่งเขากุมนิ้วผมแล้วจรดริมฝีปากจนดังจุ๊บก็ยิ่งทำให้ใจเต้นโครมคราม ไม่อยากเชื่อว่าคนสุภาพแบบนี้จะทำเพื่อผมจนลงมือโหดเหี้ยมขนาดนั้นได้

“ให้ผมลงไปด้วยมั้ย”

คาร์เรย์ถามเมื่อรถหรูเลี้ยวเข้าสู่ที่คุ้นตา หอพักขนาดสามชั้นแสนโทรมไร้มาตรฐานจนราคาถูกเรี่ย หากหมอนี่เดินลงไปมีหวังเป็นที่ฮือฮาแย่ เพราะแค่จอดรถข้างหน้า ก็มีหลายคนชะเง้อออกมาดูว่าห้องไหนถูกรางวัลรึเปล่า

“ไม่ต้องหรอก ฉันคุยกับเจ้าของแป็ปเดียวแล้วว่าจะแวะไปดูห้องสักหน่อย ไม่เกินสิบห้านาทีแน่ๆ”

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมรอได้” คาร์เรย์ยิ้มหวาน อาจเพราะเขากำลังอารมณ์ดีจึงยอมฟังอย่างว่าง่าย ผมเลยให้รางวัลเป็นการหอมแก้มหนึ่งที ก่อนจะรีบเดินลงจากรถเพราะกลัวคนที่ชะเง้อหน้าคอแทบหลุดนั้นจะเห็น แม้ว่ารถของคาร์เรย์จะติดฟิลม์ดำอย่างดีก็ตาม

“อ่ะ คุณเวอแกน”

โชคดีที่เจ้าของหอพักเป็นหนึ่งในบรรดาคนมุงด้วย ผมจึงไม่ต้องเดินไปหาที่ห้อง

“สายันต์สวัสดิ์ครับ ผมจะมาขอยกเลิกสัญญา แต่ไม่ต้องห่วง ค่าเช่าของเดือนนี้จะจ่ายเต็มเดือนแน่นอน”

เจ้าของหอพักเป็นหญิงแม่ม่ายที่อายุเกือบห้าสิบปี เธอให้ความเอ็นดูผมมากทีเดียว แต่ก็แค่นั้น เพราะวันหนึ่งผมไข้ขึ้นจะเป็นจะตาย ขอร้องให้เธอพาส่งโรงพยาบาล กลับถูกปฏิเสธเพราะกลัวว่าผมจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ทำให้เธอที่เป็นคนพาไปพลอยซวยไปด้วย

และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมโคตรดีใจที่มีเบอร์เลียม

แต่ไอ้เด็กเวรก็เป็นไอ้เด็กเวร หลังจากวันนั้นมันก็จู้จี้ผมจนน่ารำคาญกว่าเก่า และทำให้ผมที่ชอบออกไปเดินเล่นกลางดึกกลายเป็นพวกเก็บตัวกับห้องของจริง เล่นเอากำลังวังชาเหือดหายไปเกือบหมดเพราะเอาแต่นอนทั้งวัน

จบการย้อนความก่อน เพราะเจ้าของหอพักที่มักมีปัญหาเรื่องการผ่อนจ่ายค่าเช่ากำลังส่ายหน้าบอกผมด้วยรอยยิ้มเป็นเชิงไร้ปัญหา แถมยังมองกึ่งๆ อิจฉาอีกต่างหาก เธอคงเห็นตอนผมเปิดประตูลงจากรถว่ายังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งรูปร่างหล่อเหลาส่งยิ้มให้ เป็นอันหาข้อสรุปได้ว่าผมไม่ได้ไปถูกรางวัลที่ไหน แต่โดนเด็กจับกินจนตกถังข้าวสารต่างหาก

“แหมๆ คุณเวอแกน เสน่ห์แรงไม่เบานะคะเนี่ย แล้วเด็กอีกคนเอาไปไว้ไหนซะแล้วล่ะ”

อย่างที่บอกว่าผมเคยโทรเรียกเลียมมาที่นี่ เจ้าของหอจึงรู้จักเขาด้วย

“เขาอยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นนั่นแหละครับ” ผมตอบกึ่งยียวน ยั่วให้เธอลอบมองอย่างอิจฉา ในใจคงคิดว่ารูปร่างเหมือนคนติดยาอย่างผมเอาอะไรไปจับผู้ชายได้ เอาเถอะ...เสน่ห์ของผมมันจำกัดอายุผู้ถูกดึงดูดด้วยน่ะครับ ย่อมใช้กับเธอไม่ได้ผลอยู่แล้ว ยิ่งสภาพแบบอดนอนอย่างนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

“ผมจะขึ้นไปดูของสักหน่อย แล้วจะลงมาคืนกุญแจนะครับ ของที่เหลือคุณสามารถจัดการได้ตามใจชอบ ผมไม่เอาแล้ว”
เจ้าของพอตาวาวทันที ถึงจะเป็นข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็นับว่าสามารถทำกำไรได้ในสภาพหอพักที่ทรุดโทรมลงทุกวันๆ

“อ้อ จริงสิคุณเวอแกน”

“ครับ?”

เจ้าของหอเอ่ยทักก่อนที่ผมจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม

“มีคนมาขอพบคุณเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แถมยังเป็นตำรวจยศสูงอีกต่างหาก ฉันก็เลยถือวิสาสะเปิดห้องด้วยกุญแจสำรองให้เขาเข้าไปรออยู่ก่อนแล้ว”

นายตำรวจยศสูง?

ผมคิ้วขมวด นึกในใจว่าคงไม่ใช่เลียม เพราะเธอรู้จักดี และคงไม่ใช่เพื่อมร่วมงานคนไหนด้วย เพราะหากมีคดีอะไรเลียมมักจะฉวยโอกาสในการเข้าหาผมก่อนอยู่เสมอ ถ้าอย่างนั้น...ก็ต้องเป็นตำรวจต่างถิ่น!

วูบหนึ่งผมเผลอนึกถึง ‘เขาคนนั้น’ ก่อนจะปฏิเสธในใจว่าคงเป็นไปไม่ได้

“ขอบคุณที่บอกครับ”

เพราะนึกไม่ออก สุดท้ายผมเลยได้แต่บอกขอบคุณก่อนไปเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ไม่ต้องกลัวหรอกน่าเจย์เดน นายเจออะไรมาเยอะแล้ว คาร์เรย์เองก็รออยู่ข้างล่าง ยังไงนายก็มีคนหนุนหลัง ต่อให้เป็นเขาคนนั้นมาเองก็ไม่เห็นต้องกลัว!

แต่ไม่รู้ทำไมมือของผมถึงสั่นอย่างนี้...

ห้องพักของผมอยู่ชั้นสาม ห้องที่สองจากบันได เมื่อลองเปิดประตูก็พบว่าห้องไม่ได้ล็อค

เป็นไงเป็นกันล่ะวะ

ผมกลั้นใจเปิดประตูพรวด เพราะเป็นห้องพักราคาถูก ขนาดเล็กกะทัดรัด จึงไม่แปลกหากผมเปิดประตูแล้วจะเผชิญหน้ากับแขกผู้มาเยือนพอดิบพอดี

คนคนนั้นนั่งกับพื้น ถอดเสื้อโค้ทกันลมพับเรียบร้อย ใบหน้าเคร่งขรึมสูงวัย เผยให้เห็นเครื่องแบบและยศซึ่งผมรู้จักดี

เขาคือพ่อของเลียม!

“สะ....สายันต์สวัสดิ์ครับ”

กว่าจะกลั่นกรองเสียงออกมาเป็นประโยคทักทายได้ผมแทบยืนขาแข็งหน้าห้อง ก่อนจะได้สติรีบปิดประตูด้วยความสงสัยสุดๆ ชายเบื้องหน้าต้องการอะไรจากผมกันแน่ หรือว่าสิ่งที่ผมให้เลียมทำไปเมื่อตอนเย็นจะความแตก...

ไอ้เด็กเวร ไร้ฝีมือชะมัดเลย!

ผมเคยเจอหน้าพ่อเลียมแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งมักจะเป็นการนั่งจ้องหน้าจากการเรียกตัวเพื่อตักเตือนความประพฤติ ซึ่งผมก็ได้แต่เออออขอไปที ขนาดเลียมไปช่วยพูดก็ยังถูกเตือนอย่างน้อยสองเดือนครั้งอยู่ดี และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ไอ้เด็กเวรเริ่มจะให้ผมสร้างผลงานเพื่อไม่ให้พ่อของมันหงุดหงิดไปกว่าเดิม เนื่องจากการกระทำของผมส่งผลกระทบต่อเชื่อเสียงและหน้าที่ของเขาด้วยเมื่อมีคนร้องเรียน

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าเขาใจดีกว่าที่เห็น ไม่งั้นจะมีใครยอมขนาดนี้เพื่อลูกชายบ้าง แต่พอได้ฟังความจริงจากเลียม...ผมก็รู้ว่าเขาทำเพราะไปรับปากกับอีกคนหนึ่งไว้ต่างหาก

การแต่งกายสวมชุดสูทสีดำสนิท แสดงว่าเพิ่งกลับจากงานศพ

หรือว่าพอคนตาย เขาก็จะไล่ผมออกกันนะ

   “เจย์แดน เวอแกน” พ่อของเลียมเรียกชื่อผมเสียงเรียบ พอเห็นผมเดินเข้ามาในห้อง เขาก็หยิบเสื้อโค้ทสวม และเดินสวนออกมาทันที อ้าวเฮ้ย? นี่แค่มานั่งพักรึไง

พลันชายแก่หยิบซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารให้ผม

“ครับ?”

ผมรับมางงๆ ไม่เข้าใจอะไรสักนิดเดียว

“เพื่อนของฉันพูดเสมอว่าถ้าเป็นอะไรไปให้นำของสิ่งนี้มาให้เธอ โชคดีที่เขาเก็บของสิ่งนี้ในตู้เซฟอย่างดี จึงไม่ถูกเผาไปด้วย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าข้างในเป็นอะไร แต่แค่ทำความตั้งใจของเพื่อนที่เสียให้สำเร็จก็เท่านั้น”

ไม่บอกก็รู้ว่าเพื่อนคนนั้นคือคนไหน

“ขะ...ขอบคุณครับ”

ผมรับซองเอกสารมาถือด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เพื่อนรักของพ่อยังต้องการอะไรจากผมอีก เขาเคยขู่ฆ่าผมด้วยการบีบคอจนแทบขาดอากาศหายใจ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อสติแทบจางหาย แม้ผ่านไปหลายปีผมก็ยังจำสีหน้าและท่าทางของเขาได้ คล้ายจะเจ็บปวด และจำยอม แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร ความรู้สึกของแรงที่กดหลอดลมจนได้แต่ดิ้นทุรนทุรายนั้นไม่ต่างจากมือของมัจจุราช ถ้าแค่ครั้งเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่เขาทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าผมจะรับปากและยอมเก็บข้าวของหนีออกไปจากเมือง
แน่นอนว่าหลังถูกบีบคอเป็นครั้งที่ห้า ผมที่เคยอวดดีก็ขวัญกระเจิง ถึงขนาดร้องไห้อ้อนวอนให้เขายอมปล่อยซะด้วยซ้ำ

และนั่นก็เป็นการพบกันครั้งสุดท้าย...

“เธอคบกับเลียมรึ”

ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ การระลึกถึงอดีตถูกแทรกด้วยสีหน้าจริงจังยิ่งกว่าตอนส่งเอกสารให้ซะอีก

“เปล่าครับ” ผมตอบสุภาพ ก่อนจะรีบตีหน้าไม่สนใจเมื่อนึกได้ว่าต้องทำตัวให้คนอื่นเกลียดเข้าไว้ การเจอคาร์เรย์ทำให้ผมหวนเป็นตัวเองในอดีต มันช่างดีและไม่ดีในคราวเดียวกัน เพราะหากพ่อของเลียมให้ความเอ็นดูผมในฐานะที่ลูกชายเขาพึงใจขึ้นมา ผมจะถูกประจบจนน่ารำคาญทันที ขณะเดียวกัน ลับหลังก็จะถูกนินทายิ่งกว่าที่โดนเป็นประจำ

เป็นวัฐจักรที่น่าเบื่อ...

“ไม่ต้องตีหน้าแบบนั้นหรอก ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี เขาเล่าไว้มาก บอกว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนขยัน เก่งกล้า ไม่กลัวใคร ทำให้สร้างผลงานใหญ่ๆ ได้เยอะ ถ้าไม่เพราะเขาอวดสรรพคุณอย่างดี ฉันก็คงไม่ทนเธอมาได้ถึงขนาดนี้”

‘เขา’ ที่ว่าคงไม่พ้นเจ้าของเอกสารที่ตายไปแล้ว...

เช่นเดียวกับตัวผมผู้เก่งกล้าสามารถที่ตายไปแล้ว วัยคะนองก็คือวัยคะนอง ตอนนี้ผมเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด หวาดกลัวซะทุกสิ่งแม้กระทั่งชายเบื้องหน้า สงสัยนักว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

“เลียมถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด แต่ก็มีน้ำใจดี ฉันไม่เคยยุ่งเรื่องความรักของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าฉันประมาทความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ การที่เด็กนั่นยอมลงให้กับใครสักคน ถึงขนาดยอมทำผิดทั้งที่รู้ว่าผิด มันทำให้ฉันกังวลว่าเลียมอาจหลงจนหน้ามืดตามัว”

“...เหรอครับ” ผมตอบอย่างขอไปที บอกตรงๆ ว่าไม่ได้อยากรู้เรื่องไอ้เด็กเวรเลยสักนิด แม้จะแอบสะดุ้งที่ว่าหมอนั่นทำงานไม่ได้เรื่อง ถูกพ่อตัวเองจับได้ทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็เถอะ

“ฉันเลยคิดจะย้ายเธอไปทำงานอีกที่หนึ่ง และเลื่อนยศให้ เธอคิดว่าไงล่ะเจย์เดน เวอแกน”

หึ พวกตำแหน่งใหญ่ก็แบบนี้ นึกอยากทำอะไรก็ทำ ราวกับควบคุมทุกอย่างที่ด้อยค่ากว่าตัวเองได้เพียงพลิกฝ่ามือ

“ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอกครับ เพราะผมมีคนรักแล้ว และผมเองก็เพิ่งบอกปฏิเสธเลียมอย่างจริงจังในวันนี้” ผมตอบตามจริง “ฉะนั้นปัญหาไม่ใช่ตัวผม แต่เป็นตัวลูกชายของท่านต่างหาก ถ้าเป็นห่วงลูกชายตัวเอง ก็ไปเตือนเขา ไม่ใช่มาพูดกับผมด้วยท่าทางเป็นคนดีแบบนั้นหรอกครับ”

เพราะมันน่าสะอิดสะเอียน!

ผมเดินสวนออกจากห้อง หมดอารมณ์จะเช็คของโดนสิ้นเชิง เฮ้อ...ยกให้เจ้าของหอพักไปให้หมดก็แล้วกัน!

นึกแล้วก็น่าโมโห ตอนแรกนึกว่าจะมีอะไร ที่แท้ก็อ้างคำสั่งเสียของเพื่อนเพื่อกีดกันลูกชายตัวเองต่างหาก ผมรีบเดินลงบันไดไปคืนกุญแจ ก่อนจะเดินขึ้นรถที่คาร์เรย์รออยู่แล้วด้วยรอยยิ้มเปี่ยมรักไม่เสื่อมคลาย

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

รอยยิ้มน่ารักเปลี่ยนความเป็นห่วงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าผมไม่สู้ดีนัก คาร์เรย์ยื่นมือทาบหน้าผาก ก่อนจะไล่มาข้างแก้ม และลำคอด้วยความกังวลนักหนา

“มีปัญหานิดหน่อยน่ะ” ผมพยายามฉีกยิ้ม พอดีกับพ่อของเลียมเดินลงมา คาร์เรย์เหลือบมองร่างนั้นอย่างนิ่งงัน วูบหนึ่ง ผมเห็นดวงตาแสนสวยนั้นประกายวาบ ราวกับสัตว์ป่าที่เล็งเหยื่อพร้อมขย้ำ

“ผมจัดการให้มั้ยครับ...”

น้ำเสียงอบอุ่นของคาร์เรย์คล้ายจะกดต่ำหลายจุด ผมเพิ่งเคยเห็นเขาแบบนี้เป็นครั้งแรก และนั่นก็เป็นการยืนยันอย่างดีว่าเขาคือคนที่จัดการทุกอย่างจริงๆ

“ไม่ต้องหรอก” ผมแตะมือของเขา พลางประสานนิ้วแน่นและบีบเบาๆ “เขาไม่เกี่ยว แค่เป็นผู้ส่งสารเท่านั้น คนที่เป็นปัญหานายช่วยจัดการให้ฉันแล้วไม่ใช่รึไง”

ผมถามลองเชิง บอกใบ้กลายๆ

“คุณรู้แล้วเหรอครับ” ผิดคาด คาร์เรย์ไม่แม้แต่จะปิดบัง แต่กลับดูดีใจซะด้วยซ้ำ แถมยังกุมมือผมกลับแนบแน่น ราวตื่นเต้นดีใจที่จะได้รับคำชมก็ไม่ปาน “คุณชอบมั้ย...”

ชอบอะไร?

ชอบนาย ชอบการกระทำของนาย หรือว่า...

ชอบที่นายฆ่าคน

ผมไม่ตอบคำ แต่ก็บีบมือตอบอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นชอบอย่างไหน คาร์เรย์ฉีกยิ้มกว้าง พลิกมือจูบเบาๆ บนหลังมือของผม ก่อนจะยื่นหน้ามาประทับริมฝีปากอย่างนุ่มนวล

“ผมรักคุณ”

คาร์เรย์บอกรักอย่างไม่รู้เบื่อ

“ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก”




คาร์เรย์ไม่เคยโกหกผม

ทุกคำพูดของเขาล้วนจริงใจ มาจากหัวใจ และพร้อมทำเช่นนั้นจริงๆ

ผมเชื่อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขา เพราะคงไม่มีคนบ้าที่ไหนตามหาคนเป็นเจ็ดปีเพื่อความรักแค่ผิวเผิน ผมจึงเชื่อ...และเชื่อมาตลอด เช่นเดียวกับที่เชื่อว่าเพื่อนรักของพ่อทรยศอย่างเลือดเย็น พ่อผมไม่อาจทนรับไหวจึงฆ่าตัวตายโดยไม่แม้แต่จะคิดถึงลูกชายที่เหลืออยู่

ผมเชื่ออย่างนั้น

แต่ว่า...ของในซองเอกสารสีน้ำตาลกลับทำให้ความเชื่อของผมพลิกกลับ!

เพราะมันคือบันทึกคำสนทนามากมายของพ่อ ที่เขียนโต้ตอบกับเพื่อนรักสมัยเมื่อมีชีวิต แม้จะเป็นเพียงตัวพิมพ์ที่ถูกปริ้นออกมาหลายต่อหลายแผ่น แต่ผมก็เชื่อว่านั่นคือพ่อของผม...พ่อที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็ก คนที่เคยบอกรักผมหมดใจ

แต่เขาคนนั้นกลับบอกรักอีกคนที่รักยิ่งกว่า!

‘ฉันรักนาย’

‘ถึงนายจะแต่งงาน ฉันก็ยังรักนาย’

นั่นเป็นข้อความของสิบห้าปีก่อน ผมอายุแค่สิบสามปี จำได้ว่าวันนั้นพ่อยังจับผมแต่งตัวใส่ชุดสูทเกินวัย พาไปงานแต่งงานของเพื่อนด้วยสีหน้าแสดงความยินดีซะด้วยซ้ำ แต่ว่า...ทั้งหมดเป็นแค่การแสดง

จากที่อ่าน พบว่าสองคนนี้แอบรักกันอย่างลับๆ มานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะอีกฝ่ายมีตำแหน่งสูงกว่า อีกทั้งครอบครัวยังไม่ยอมรับ พ่อจึงยอมเก็บงำมาตลอด แม้กระทั่งผมก็จับสังเกตไม่ได้ ไม่สิ...ตอนนั้นผมมัวแต่โหมงานหนัก ถูกคำชื่นชมหลอกตา ทำให้ลืมมองไปว่าพ่อกำลังมีปัญหา เพราะในช่วงหลายเดือนก่อนที่พ่อจะฆ่าตัวตาย ทั้งสองคนเริ่มระหองระแหง ทะเลาะกันหลายครั้ง ก่อนจะมีปากเสียงหนักมากเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะมีลูก

-ไหนนายบอกว่ารักฉัน-

-ไหนกันคำบอกรัก แล้ว ‘เจย์เดน’ ล่ะ เจย์เดนเป็นอะไรสำหรับนาย!-

ผมชะงัก...ทำไมถึงมีชื่อผมในบทสนทนานี้กันล่ะ

แต่เมื่ออ่านของบันทึกในวันถัดไป ชื่อของผมก็เหมือนถูกลืม เพราะเพื่อนรักพ่อกำลังถูกจับได้ว่าแอบค้ายา ดูเหมือนพ่อเองก็รู้มาตลอด หรือไม่...เงินที่ส่งเสียผมเรียนจนจบอาจมาจากการร่วมมือกันของสองคนนี้ในเรื่องผิดกฎหมาย

ผมเคยสงสัยมานานแล้วว่าพ่อที่ใช้เงินอย่างประหยัดทำไมถึงมีค่าเล่าเรียนโรงเรียนชื่อดังเพื่อเตรียมเป็นตำรวจให้ผมได้ แต่เพราะถูกบอกว่าเป็นเงินเก็บสมัยยังหนุ่ม จึงปัดความคิดนั้นตกไป

บันทึกสนทนาช่วงท้ายๆ เริ่มเป็นการตกลงว่าจะทำยังไงหากถูกจับได้ เพื่อนรักพ่อบอกว่าจะหาคนอื่นเป็นแพะรับบาป โดยเสนอชื่อคนที่ผมรู้จักขึ้นมา แต่พ่อไม่ยอม

-ไหนเมื่อนายไม่รักฉันแล้ว ก็บอกมาตรงๆ เถอะ ฉันจะแบกรับความผิดทั้งหมดเอง จะได้ไปให้พ้นๆ จากชีวิตนายสักที!-

อีกฝ่ายพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ไม่ว่าพูดยังไงพ่อก็มีเพียงคำตัดพ้อ แถมยังหนักถึงขั้นบอกว่าจะฆ่าตัวตาย

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชื่อของผมถูกกล่าวถึง

-เจย์เดนล่ะ นายจะทิ้งเจย์เดนได้ลงคอรึไง-

เพื่อนรักพ่อทักท้วง ราวกับว่าชื่อของผมจะช่วยเปลี่ยนความคิดที่คล้ายสิ้นหวังนั้น

แต่นั่นเปรียบเสมือนคำยืนยัน...ว่าเขาไม่เหลือรักให้พ่ออีกแล้ว

-ถ้านายหมดรักฉัน เจย์เดนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป-

และนั่นเป็นประโยคสุดท้าย เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยอะไร พ่อก็ไม่ตอบอีก

วันต่อมาพ่อฆ่าตัวตาย...

ผมยืนนิ่ง พิงกับขอบระเบียงชั้นสองที่ปลีกตัวออกมาระหว่างคาร์เรย์อาบน้ำ อากาศตอนกลางคืนหนาวจัด แต่ที่หนาวเหน็บกว่านั้นคือหัวใจของผมที่แทบแบกรักความจริงไม่ได้

ในซองนั้นไม่มีเพียงบันทึกการสนทนา เพราะยังมีบัญชีธนาคารในชื่อของผม...ที่คาดว่าเพื่อนรักของพ่อคงตั้งใจเก็บเอาไว้เป็นการชดเชย

และ...สำเนาเอกสารใบหนึ่ง

มันคือใบยินยอมเลี้ยงเด็กบุญธรรม!

ชื่อของเด็กคือเจย์เดน ชื่อผู้รับอุปการะคือชื่อของพ่อ

แต่ไม่มีเพียงแค่นั้น

เพราะถัดมายังมีชื่ออุปการะร่วมอีกด้วย และนั่นคือชื่อของเพื่อนรักพ่อ

‘ถ้านายหมดรักฉัน เจย์เดนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป’

ผมเคยได้ยินว่าคู่รักร่วมเพศนั้นมักแก้ปัญหาการมีลูกโดยรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม...ลงชื่อเพื่อให้เป็นผู้ปกครองร่วม ไม่ต่างจากพยานรักทดแทนที่ไม่อาจอุ้มท้องได้เหมือนคู่รักอื่น

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงได้ทอดทิ้งไม่แม้แต่คำลา จดหมายที่ทิ้งไว้นั้นก็เหมือนไม่ได้บอกกับผม

เพราะผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา!

อ่า...มิน่าล่ะพ่อถึงไม่เคยเล่าเรื่องแม่ ตอนเด็กๆ เองเพื่อนรักพ่อก็ชอบมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ แถมยังบังคับให้เรียกพ่อทูนหัวอีกต่างหาก ถ้าอย่างนั้นการที่ฝากฝังให้พ่อของเลียมดูแลผมคือการชดเชยในฐานะพ่อบุญธรรมอีกคนงั้นหรือ!? ที่ขู่ผมไม่ให้เปิดเผยความจริง แต่ไม่กล้าฆ่าทิ้งทั้งที่เด็ดขาดขนาดนั้น ก็เพราะยังเห็นใจว่าผม ‘เคย’ เป็นพยานรักของพวกเขางั้นเหรอ!?

ผมมองสมุดบัญชีที่เหมือนแสดงสิทธิ์ในการรับผิดชอบด้วยสายตาเกลียดชัง

มันช่าง...

“ที่รัก”

คาร์เรย์ที่อาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้โอบกอดผมจากข้างหลัง จูบบนขมับแผ่วเบา แถมยังโยกตัวผมน้อยๆ ราวปลอบโยน เพราะตอนนี้ผมกำลังร้องไห้...ร้องไห้อย่างเงียบงันและปัดมืออย่างลนลานพยายามจุดไฟเผาทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง

“ผมจัดการเอง”

คาร์เรย์แย่งไฟแชคในมือผมก่อนจะจุดไฟใส่ตัวเอง เขาไม่แม้แต่จะอ่าน เพราะแค่เห็นสำเนารับรองการเลี้ยงบุตรบุญธรรมก็พอเข้าใจแล้วว่าผมกำลังเสียใจแทบตายเพราะอะไร

เพียงพริบตาเอกสารทั้งหมดก็ถูกเพลิงสีส้มแสดลุกไหม้ คาร์เรย์เดินเข้าไปหยิบถังขยะมารองกันไม่ให้ไฟลาม ก่อนจะกอดผมแนบแน่นพร้อมบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผมรักคุณ”

เขากดจูบบนแผลไฟไหม้ที่ต้นแขนผม

“ผมรักคุณ...รักทุกอย่างของคุณ”

ผมไม่เคยเสียใจกับรอยแผลเกียรติยศเลยสักครั้ง แม้มันจะน่าเกลียด หยาบกร้าน แต่กลับเป็นความภาคภูมิใจที่สุด และในตอนนี้ ผมก็รู้สึกเช่นนั้นจากใจ

ดีเหลือเกินที่คาร์เรย์อยู่กับผมตอนนี้

อย่างน้อย...ผมก็ได้รู้ว่ายังมีคนคนหนึ่งรักผมหมดหัวใจจริงๆ!


---------------

ยังแค่เริ่มต้นความดราม่าของเจย์เดนค่ะ และในตอนหน้าเลียมจะมีบทบาทมากขึ้น เราจะพยายามมาอัพให้สม่ำเสมอ หวังว่าทุกคนจะติดตามและร่วมลุ้นไปกับหนุ่มๆ นะคะ  :monkeysad:

ปล.ปุจฉา...พ่อของเลียมจะรอดหรือไม่

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 24-07-2014 20:50:40
 :a5: :a5: :a5:  หักมุม
ชอบคาร์เรย์ ความรักที่ทำได้ทุกอย่าง ดูอบอุ่น  :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-07-2014 22:29:07
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใต้น้ำ ที่ 24-07-2014 22:53:07
พิศวาส  เน้อจ้ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-07-2014 23:05:13
ชอบอ่า ดูจิตๆดี คือคนอ่านน่ะจิต :laugh:
มันขัดแย้งกันดีนะคะ การบรรยายเป็นไปอย่างนุ่มนวล แต่พระเอกเรานี่(คาดว่าเป็น)ฆาตกรตัวเอ้เลยนะ :katai1:
ทำเอาลุ้นตลอดเลยว่าจะมีใครตายอีกไหม :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 25-07-2014 00:19:22
เพราะนี่เป็นนิยาย เลยอยากบอกว่า
ฆาตกรก็ช่างสิ! คาเรย์ >///////<

แต่ถ้าเป็นชีวิตจริง....
เรากังคงสติลเลือกคาเรย์ต่อไป
กับคนที่มอบทุกสิ่งทุกอยากให้เรา
รักในทุกอย่างที่เป็นเรา
คอยเฝ้ามอง เฝ้าตามหา เฝ้าดูแล
จะหาใครอย่างนี้ได้บ้างไหมนะ

หวังว่าเจย์เดนจะทำให้คาเรย์ฆ่าน้อยลงนะคะ
ไม่ได้หวังให้คาเรย์เลิกฆ่าคน
เพราะไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่เกิด555

แต่เอาเป็นว่า เราหลงในความจิต ความรัก ความลึกลับ และความโหดขอฮี
เราจึงยังคงปักป้ายโบกธง คาเรย์เอฟซี ต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: hikikomori ที่ 25-07-2014 04:21:57
อร้างงงงง ชอบพระเอกโรคจิตแบบนี้ละค่า
มันช่างได้ฟีลจริงๆเลย

อยากให้แสดงความรู้สึกด้านคาเรย์บ้าง
ขอแบบหนุ่มสองบุคลิคโรคจิตเบาๆเลยยิ่งดี อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 25-07-2014 10:16:01
ห้ะ ช็อคแปป  :a5:

โอ๋ๆเจย์เดนอย่าเสียใจไปเลยลูกไปซบอกคาร์เรย์ซะนะ  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 25-07-2014 11:36:42
คนเขียนอย่าเขียนให้นายเอก ทรยศหรือระแวงคาเรย์

เลยนะถ้าเขียนจิงๆเราคงสงสารคาเรย์

หรือเรื่องนี้มีหักมุม
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 25-07-2014 18:37:14
รักมากจนขนลุกเลยคับคาร์เรย์อ่ะ  o22 น่ากลัวนะแต่ชอบแนวนี้ 555   :hao7: รอติดตามตอนต่อไปนะคับเปนกำลังใจให้  o13  :mew1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 25-07-2014 19:10:12
โอ้ คดีพลิก เจย์เดนโครตน่าสงสาร

ดีนะ ที่มีคาเรย์อยู่ด้วยตอนนี้
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-07-2014 20:16:12
พ่อก็น่าสงสารมากนะ กดดันจากทุกๆอย่าง ทุกทาง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-07-2014 21:26:44
 :mew2: รักแบบขนลุก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 25-07-2014 22:21:03
พ่อหนุ่มเมอเดอร์ของเฮาบทน้อยไปนี๊ดดดด

แต่สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.4 “ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ ที่รัก” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 26-07-2014 07:53:07
สนุกสนานมากมายรอติดตามต่อนะเรฟๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 26-07-2014 19:11:05
Chapter 5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ”

วันนี้เลียมไม่มาทำงาน

ตอนแรกผมคิดว่าเพราะเขาถูกพ่อตำหนิ เรื่องที่ยอมเอาใจผมขนาดสำเนาเอกสารราชการ อาจพ่วงเรื่องชอบผมจนไม่แยกแยะสิ่งที่ควรทำ แต่เมื่อเขากลับมาทำงานในตอนเที่ยง แถมยังชวนผมไปทานข้าวด้วยกัน ผมก็รู้ว่าคิดผิด

“เมื่อคืนพ่อผมประสบอุบัติเหตุ”

เลียมเล่าระหว่างสั่งอาหารที่ร้านข้างกรมตำรวจ มีหลายคนทักเขาอย่างสนิทสนม และถามถึงอาการของท่านผู้บัญชาการ ซึ่งเลียมก็แต่ได้ตอบว่าหายห่วง และส่งสัญญาณมือเป็นเชิงอย่ารบกวน เพราะผมเริ่มทำหน้ามุ่ยทุกทีตามประสาคนไร้ปฏิสัมพันธ์

“เห็นว่าถูกขว้างหินใส่จนกระจกแตกเซตกข้างทาง ยังดีที่ไม่คว่ำ แค่มึนๆ หัวแตกเย็บเกือบยี่สิบเข็ม แต่แก่ปูนนี้แล้วจะใจร้ายให้มาทำงานก็ยังไงอยู่ แม่เลยบังคับให้พ่อนอนพยาบาลดูอาการอีกสองวัน ทำเอาเมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย”

ว่าจบไอ้เด็กเวรก็มองหน้าผมเหมือนอยากจะอ้อน นี่คิดว่าทำหน้าเหนื่อย หางตาตก สภาพโทรมแค่คืนเดียวจะเรียกคะแนนสงสารได้รึไง ท่าทางอุบัติเหตุเมื่อคืนจะทำให้ท่านผู้บัญชาการลืมเตือนลูกชายตัวดีสินะว่าควรเลิกป้อล้อผมสักที

“แล้วจับคนที่ขว้างหินได้รึเปล่า”

เลียมเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อผมดูเป็นห่วงพ่อเขามากกว่าที่คิด

“ไม่ได้หรอก ก็เล่นปาแล้วชิ่ง พ่อเองก็เซแท่ดๆ ซะขนาดนั้น อย่าว่าแต่ดูทะเบียนรถเลย แค่จะลืมตาก็ยังลืมไม่ขึ้น กล้องวงจรปิดเองก็จับไม่ได้ คาดว่ามีการเตรียมการอย่างดี คงเป็นพวกมืออาชีพที่รับจ้างทำร้ายคนไม่ชอบขี้หน้า เป็นหนึ่งในคู่กรณีของพ่อแหงๆ”

น่าแปลก ที่ผมนึกถึงคาร์เรย์เป็นคนแรก

เมื่อคืนหลังจากร้องไห้จนน้ำแทบหมดตัว ผมก็ถูกคาร์เรย์รีดน้ำอีกต่อจนสลบเหมือด จิตใจและร่างกายอ่อนล้าสุดขีด แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกตัวตอนโทรศัพท์ของเขาดัง คาร์เรย์จูบหน้าผากผมก่อนจะเดินออกไปคุยข้างนอก แม้จะไม่ได้ยิน แต่ผมรู้ดีว่าโทรศัพท์กลางดึกย่อมไม่ใช่เรื่องงาน

แต่เป็นเรื่องส่วนตัว...

“เจย์เดน ไม่ยักรู้นะว่าคุณห่วงพ่อผมขนาดนี้” ไอ้เด็กเวรเริ่มนิสัยเสียเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน แถมยังมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกๆ ผ่านไปไม่ถึงวัน ดูท่าไอ้เด็กนี่จะลืมซะแล้วว่าเพิ่งอกหัก

“เวอแกน” ผมแก้อย่างเหนื่อยหน่าย “เลียม ถามจริงเถอะ นายชอบเป็นมือที่สามรึไง ถ้าพ่อนายรู้ฉันจะซวยเอานะ”

“ใครว่าผมเป็นมือที่สาม” ไอ้เด็กเวรเลิกคิ้วทำหน้าใสซื่อ นับวันยิ่งน่าถีบ “ผมเป็นเพื่อนกับคุณต่างหาก แล้วพ่อผมเกี่ยวอะไรด้วย จริงสิ รถพ่อผมจอดแถวที่พักของคุณเลยนี่...อย่าบอกนะว่าพ่อรู้เรื่องเมื่อวานแล้ว!?”

ผมตบหัวไอ้เด็กเวรแทบไม่ทันเมื่อร้องอุทานซะลั่น อยากให้คนทั้งร้านรู้ไปด้วยรึไงวะ

“เออ ไอ้ห่วย” ผมต่อว่าอย่างไร้ความปราณี ก่อนจะเสริมต่อไปยก “แถมยังขู่ว่าจะย้ายฉันไปที่ทุรกันดานเพื่อดัดนิสัยนายด้วย ไม่ทราบว่า ‘เพื่อน’ เลียมจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงล่ะครับ”

บอกแล้วว่าเสริม ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคำเพิ่มขึ้นมาจากความจริง เล่นเอาไอ้เด็กเวรหน้าเสียไปครู่ใหญ่

“แย่ล่ะ พ่อพูดจริงทำจริงซะด้วย”

ไอ้เด็กหงอพ่อเอ๊ย!

“โอ๋ๆ อย่าโกรธผมสิ เรื่องแค่นี้ผมจัดการสบายมาก แค่สร้างผลงานสักหน่อยพ่อก็ยอมอ่อนให้แล้ว อืม...งั้นเริ่มจากการจับมือปาหินก่อนเป็นไง ถ้าจับได้พ่อต้องปลื้มมากแน่ๆ”

ผมแอบสะดุ้งในใจ

“เหอะ ไอ้ห่วยอย่างนายน่ะเหรอ”

“โอเค ผมยอมรับว่าเมื่อวานรีบไปหน่อย แถมคุณยังเร่งให้เอามาภายในสิบนาที ถูกจับได้ก็สมควรแล้ว แต่ทำงานร่วมกันมาตั้งปี คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าผมตามสืบเรื่องพวกนี้เก่งแค่ไหน”

ความเงียบของผมไม่ต่างจากการยอมรับกลายๆ เลียมได้เลื่อนยศเร็วมาก เพราะเขามีความสามารถในการจัดการ การตามสืบ การจับจุด และการสังเกตที่เยี่ยมยอด หากตั้งใจจริงๆ ก็สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์หลายอย่างได้ทันที ถ้าเป็นมิตรนับว่าเพื่อนแท้ แต่ถ้าเป็นศัตรูนับว่าอันตราย

“ทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ผมตามสืบเรื่องนี้เลยนะ คุณรู้รึไงว่าใครเป็นคนลงมือ”

นั่นไงล่ะ ไม่ทันไรไอ้เด็กเวรก็เริ่มจับสังเกตผมได้แล้ว

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” ผมถามทีเล่นทีจริง พิสูจน์ใจไปเลยว่าเลียมจะเอายังไงกันแน่

“งั้นผมก็ไม่สืบ” ผิดคาด ไอ้เด็กเวรยอมวางมือ แถมยังเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลายอีกต่างหาก “ถ้าผมทำผิดเพื่อปกป้องคุณอีกต้องโดนพ่อฆ่าทิ้งแน่ ในเมื่อเป็นแบบนั้นสู้ไม่รู้อะไรเลยยังดีกว่า เฮ้อ...อากาศดีนะว่ามั้ย”

...ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!

ผมมองเลียมที่เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วแล้วคาดเดาอารมณ์มันแทบไม่ทัน แต่หมอนี่ก็นับเป็นคนจริงคนหนึ่ง ไม่กลัวอะไรเหมือนผมแต่ก่อน หรือเรียกอีกอย่างว่าใจกล้าหน้าด้าน ฉะนั้นยังพอเชื่อถือคำพูดได้บ้าง

“นี่...เรื่องที่บอกว่าเป็นเพื่อนกันผมเอาจริงนะ”

ระหว่างนั่งเงียบๆ ชมบรรยากาศไปพลาง กินอาหารไปพลาง ไอ้เด็กเลียมก็พูดออกมาลอยๆ

“นายจะทำได้จริงๆ รึไง” ผมย้อนอย่างยียวน แต่ในใจนึกนับถือว่าหมอนี่เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าคุยยาก แต่พอปรับความเข้าใจก็ยอมรับได้ง่ายดี

“เอาไว้ทำให้คุณเลิกกับแฟนสำเร็จ ผมค่อยพัฒนาความสัมพันธ์ไง”

...ไอ้เด็กเวร!!




“ใช่ครับ ผมจ้างให้คนไปทำร้ายเขาเอง”

คาร์เรย์พูดเสียงนุ่มขณะหั่นเนื้อปลาย่างให้ผม ตอนนี้พวกเราอยู่ที่บ้าน กำลังเตรียมกินอาหารที่ถูกวางจนเต็มโต๊ะ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะอีกฝ่ายชวนผมทำอาหารด้วยกัน แต่เนื่องจากไม่รู้จะทำอะไร เขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปซื้อมามั่วไปหมด พอมาลองทำก็เลยออกมามั่วไปหมดด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกทำง่ายๆ อย่างของทอด ไม่ก็พวกยัดทุกอย่างลงไปต้มในหม้อเดียว

“...ฉันบอกว่าไม่ต้องไม่ใช่เหรอ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดจนเกินไป การที่คาร์เรย์ชวนผมเข้าครัวก็เพื่อให้ลืมเรื่องเศร้าจากเมื่อวาน แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะอาหารที่ผมทำให้เมื่อเช้ารสชาติแทบกินไม่ได้ ถึงจะเป็นแค่อเมริกันเบรกฟาสง่ายๆ ก็ยังทำไส้กรอกไหม้และขนมปังแข็งโป๊ก ผมซึ่งรู้สภาพตัวเองดีจึงตอบตกลงแทบไม่ทันเพื่อฝึกฝนฝีมือ เพราะภาพของคาร์เรย์ที่กินทุกอย่างจนหมดทั้งที่ไม่น่าจะกินได้นั้นทำให้ผมรู้สึกสะพรึงมากทีเดียว

“ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ”

คาร์เรย์ยังคงยิ้มหวาน แถมยังหยิบซอสมะเขือเทศให้ผมอย่างรู้ใจ

ผมกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะตักมีทบอลให้เขาบ้าง เรียกรอยยิ้มร่าจนหัวใจเต้นแรง คงเพราะวันนี้เขาควบคุมการทำอาหารทุกอย่าง จึงรับรองคุณภาพได้ว่ากินแล้วไม่ตายแน่นอน

คาร์เรย์เคยเล่าให้ฟังว่าเพราะแม่บุญธรรมของเขานั้นทำอาหารเก่ง เขาที่ต้องปรับตัวจึงพลอยได้ความสามารถนี้มาด้วย นับว่าเป็นข้อดีที่ผมชอบมากเลยล่ะ

“นายออกคำสั่งตั้งแต่ตอนไหน”

“ตั้งแต่ตอนที่คุณขอเข้าห้องน้ำ สีหน้าไม่ค่อยดีนั่นแหละครับ”

คาร์เรย์หมายถึงระหว่างทางกลับที่ผมให้เขาแวะร้านข้างทางสักที่ เพราะเด็กหนุ่มยกเลิกงานมาดักรอผม จึงหิวท้องร้องอยู่คนเดียว แน่นอนว่าผมเองก็สั่งของกินเล่นมาแก้เหงา แต่กินไปกินมาก็รู้สึกคลื่นไส้แปลกๆ จึงขอเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง
เป็นนิสัยแย่ๆ ของผมที่เครียดนิดหน่อยจะเริ่มปั่นป่วนกระเพาะ แต่ถ้าอาการหนักก็น้ำตาไหลท่าเดียว

“เพราะคุณบอกว่าไม่เกี่ยว ผมจึงไม่ทำอะไรมาก แค่ทำให้เจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่เขาทำให้คุณเจ็บ”

เล็กๆ น้อยๆ ที่เย็บไปเกือบยี่สิบเข็มน่ะเหรอ!?

ผมไม่สามารถโต้แย้งตรรกะนั้นได้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ทำเพื่อผม และที่สำคัญ...เมื่อวานผมก็เจ็บมากจริงๆ
แม้จะไม่เกี่ยวกับพ่อของเลียม แต่ผมก็ไม่สามารถเอาอารมณ์ไปลงกับคนที่ตายไปแล้วได้ จะเรียกว่าพาลก็ช่าง ยังไงซะผมก็ไม่ใช่คนดี และพ่อของเลียมก็ใช่ว่าจะชอบหน้าผมซะเมื่อไหร่

อย่างน้อยก็ยังไม่ตาย...

“วันนี้คุณก็ดูสนิทสนมกับเลียมนะครับ”

จู่ๆ หัวข้อสนทนาก็ถูกเปลี่ยนกะทันหัน ทำเอาผมเกือบสักลักน้ำแกง

“ไม่มีอะไรหรอก หมอนั่นพูดเรื่องพ่อตัวเอง ฉันนึกในใจว่าคงเป็นฝีมือนาย ก็เลยเข้าไปตีสนิทเพื่อถามรายละเอียดน่ะ”

“มาถามผมก็ได้นี่ครับ” คาร์เรย์ตัดพ้ออย่างน้อยใจ สบตาจริงจังแต่กลับทำหน้าหงอย ดูอ้อนได้น่ารักกว่าที่ไอ้เด็กเวรทำเมื่อเช้าหลายเท่า

“ถามนายกับถามเลียม มันคนละคำถามกันนี่นา” ผมเลยปลอบโดยการหยิกแก้มใสๆ นั้นไปหนึ่งที ให้ตายสิ แก้มของเด็กอายุยี่สิบเอ็ดมันต่างกับคนแก่อายุยี่สิบแปดจริงๆ แฮะ

“จะต่างกันสักแค่ไหนเชียว” คาร์เรย์ยังคงบ่นอุบอิบ น่าแกล้งอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นคนอื่นผมคงทำทีเล่นทีจริง แต่พอนึกได้ว่าแค่ผมหน้าเปลี่ยน พ่อของเลียมก็หัวแตกไปคน ถ้าลามปามถึงคนลูกด้วยก็น่าสงสารไปแล้ว

“ฉันถามเลียมเรื่องการสืบหาตัวคนร้ายไง” ท้ายที่สุดผมก็ตอบตรงๆ “ถ้านายโดนจับไปฉันก็แย่น่ะสิ”

“แย่ยังไงเหรอครับ”

คาร์เรย์เริ่มอารมณ์ดี ถามผมด้วยความอยากรู้เหมือนเด็กๆ

“แย่ตรงที่ไม่มีคนบอกรักทุกวันไง”

โอย อายตัวเองชะมัด อายุปาจะสามสิบอยู่แล้วยังต้องมานั่งพูดพล่ามเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เหมือนเด็กวัยรุ่น แต่ดูเหมือนคำนั้นจะได้ผลดี เพราะคาร์เรย์ยิ้มกว้าง ดวงตาเผยความสุขเปี่ยมล้นจนผมเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย

...ในใจอุ่นวาบอย่างประหลาด

“ผมรักคุณ”

“รู้แล้วน่า”

“ผมรักคุณ”

“รู้แล้วไง”

“ผมรักคุณ”

คำบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าในมื้ออาหาร ทำให้ทุกอย่างแทบกลายเป็นหวานเลี่ยน ตัวผมเองที่แม้จะพูดเป็นเชิงรับรู้อย่างขอไปที ก็ได้แต่หลบหน้าตั้งหน้าตั้งตากินอย่างระงับความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวในใจอย่างเชื่องช้า…

คาร์เรย์เป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้นับจาก ‘คนคนนั้น’ บางทีบาดแผลเมื่อหลายปีก่อนคงได้รับการเยียวยาแล้วจริงๆ

ผมคงเริ่มรักเขาเข้าแล้วจริงๆ...



-----------------------

ตอนนี้สั้นไปหน่อย...จะพยายามชดเชยคราวหน้านะคะ  :sad11:
ปล.คาร์เรย์จิตแต่รักจริง รักจริงจังมากๆ ซะด้วย...//แต่อย่างน้อยก็เชื่อฟังเจย์เดนนะ  :mew2:


หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-07-2014 19:29:44
แหม่ จะว่าไปก็น่าอิจฉาเจย์เดนอยู่นะ คาร์เรย์รักมากขนาดนี้ แต่เอาแบบพอดีๆนะ คาร์เรย์จิตเกิน :laugh:
แต่ทั้งคู่ดูเหมาะกันดีนะ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ลีลาวดี ที่ 26-07-2014 19:30:51
คุณพี่เจย์เดน จะชิว ไปไหนค่ะเนี่ย
ขนาดสุดที่รัก ไปไฝว้กับเขามา คุณพี่ยังกินข้าว เฉย :ruready
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-07-2014 19:38:45
คาเรย์เป็นพระเอกชิมิตามชื่อเรื่อง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-07-2014 19:39:18
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 26-07-2014 20:08:06
คาร์เรย์น่ารัก :-[ แบบจิตๆ ชอบแหะ

เจย์เดน เป็นโชคนะ ที่ได้แฟนอย่างคาร์เรย์ 5555
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 26-07-2014 21:16:20
แล้วเมื่อไหร่จะบอกรักกลับนะ ท่าทางถ้าพ่อหนุ่มรักโหดได้ยินคงคลั่งรักมากกว่าเก่าเป็นร้อยๆเท่า
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 26-07-2014 21:22:58
รักแบบจิตๆ แอบหลอน

แต่ก็ชอบ  :katai3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 26-07-2014 21:35:46
คาร์เรย์น่ารักแบบจิตๆดีนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 26-07-2014 21:36:46
 :ling1: :ling1: :ling1:ง่าาา :z3: :z3:มาต่อเร็วๆน๊าาาาาาา :katai4:ชอบมากๆเลยติดงอมแงม :katai2-1: :impress3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: knightprince ที่ 26-07-2014 22:15:56
ชอบคาร์เรย์อะ ชอบมากกกก จิตๆ แต่น่ารักนะ รักจริงจังมากกกกก
เลียมก็น่ารักดี แต่ไม่ใช่แนว ต้องเจย์เดนกะคาร์เรย์เนี่ยแหละ สุดยอดดดด
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 26-07-2014 22:25:56
คาเรย์น่ารักอ่ะ>\\\\\<
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 26-07-2014 22:38:35
แฟนข้า ใครอย่าแตะ :ruready
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 27-07-2014 01:50:32
ไม่ใช่แค่คาร์เรย์จิตนะ เจย์เดนก็จิต จิตทั้งคู่ คู่รักโรคจิต ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 27-07-2014 10:33:59
น่าสงสารเลียมไปรักคนจอแดน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.5 : “ผมเลยไม่ฆ่า...ไงครับ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-07-2014 16:44:47
 :hao5:   นึกตอนจบไม่ออกเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 01-08-2014 17:53:16
Chapter 6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ”

หัวบุหรี่สีแดงวาบตัดกับพื้นขาวโรยหิมะอย่างสิ้นเชิง

ผมมองกลุ่มควันอ่อยอิงกึ่งเหม่อลอย อากาศหนาวทำให้ต้องซุกมือหนึ่งในเสื้อโค้ทอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทางผ่อนคลายไม่ต่างจากการชมวิวแก้เซ็ง

แต่ถ้ามองไปด้านหลังผม จะพบว่าเจ้าหน้าที่หลายนายกำลังทำงานหน้าเครียด สาเหตุเพราะเช้าวันนี้มีคดีน่าปวดหัว ผู้เคราะห์ร้ายเป็นชายวัยกลางคน จากการตรวจเลือดพบว่ามีแอลกอฮอล์สูงในระดับผิดปกติ หรือก็คือเมาหัวทิ่ม ผู้แจ้งความเป็นแฟนสาว บอกว่าเมื่อคืนคนรักมีนัดกับใครสักคน คาดว่าคงกลับดึก แต่เมื่อเช้าตรู่ กลับมีศพลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำด้านหลัง ห่างจากบ้านพักไปเกือบกิโลฯ เชื่อว่าไม่เมาหัวทิ่มจริงๆ ก็คงถูกฆาตกรรม

“สรุปๆ ไปว่าตายเพราะความประมาทก็จบ”

ตำรวจนายหนึ่งพูดกับเพื่อนร่วมงาน เพราะเขาพยายามเก็บร่องรอยหลักฐานเกือบสามชั่วโมง แต่ก็ไม่เจอเบาะแสของคนที่ผู้ตายนัดออกมาแม้แต่น้อย เลียมสันนิษฐานว่าทั้งสองคงจะนัดกันที่อื่น  แล้วค่อยนำศพมาทิ้งไว้ตรงนี้

“ไม่เท่ากับว่าต้องคลำหาให้ทั่วรึไง” นายตำรวจอีกนายบ่น วันนี้เลียมดูขยันขันแข็งเป็นพิเศษ คงคิดจะสร้างผลงานเพื่อเอาใจพ่อ เป็นเด็กหนุ่มไฟแรงก็ดีอยู่ แต่ถ้าจะให้ดีต้องดูไฟเพื่อนร่วมงานด้วย เพราะในอากาศหนาวจัดหลังหิมะตกตลอดคืนแบบนี้ จะไปหาหลักฐานที่ไหนได้ งมเข็มในมหาสมุทรชัดๆ!

“หนาวมั้ย”

ตายยากชิบเป๋ง

ผมมองเลียมที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ผิดกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่ต่างจากผีตายซาก แน่นอนว่าผมถูกทุกคนมองด้วยความโมโห เพราะมาทั้งทีแต่ไม่ช่วยอะไรสักอย่าง เอาน่า...ผมก็ไม่ได้อยากมานักหรอก ถ้าไม่ติดว่าเมื่อเช้าโดนไอ้เด็กเวรพูดลอยๆ ใส่จนตาสว่าง

‘คนที่ตายคือคนที่ปาหินใส่รถพ่อ’

เท่านั้นแหละ ผมรีบกระโดดขึ้นรถแทบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ถูกพามาทิ้งไว้ตรงนี้ ผมเลยหามุมเหมาะๆ จุดบุหรี่สูบ ดูความสวยงามของพื้นหิมะอันขาวโพลนที่ตอนนี้ถูกเจ้าหน้าที่เหยียบย่ำไม่เหลือสภาพ

“ผมนึกว่าคุณเลิกบุหรี่แล้วซะอีก”

ไอ้เด็กเวรยังชวนคุย ผมเลยเลิกคิ้วยียวนหนึ่งที ก่อนจะหันไปมองอย่างอื่นเช่นเดิม อืม...นายตำรวจคนอื่นๆ เริ่มอู้กันแล้ว

“หรือเพราะหนาว?”

ถูกเผง

นับตั้งแต่เจอคาร์เรย์ ไอ้นิสัยเสเพลติดเหล้าสูบบุหรี่ก็ลดน้อยลงไปโข อาจเพราะเขาชอบจูบปากผมซ้ำๆ ชอบกอด ชอบซุกไซ้ผมไม่ต่ำกว่าสามครั้งต่อวัน ผมเลยไม่อยากให้มีกลิ่นบุหรี่ติดตัว ส่วนไอ้เรื่องดื่มนี่ก็มีบ้าง แต่เป็นการดวลกันเล่นๆ กับอีกฝ่าย ดื่มแก้หนาว ดื่มเพื่อความเฮฮา ไม่ใช่ดื่มเป็นบ้าแก้เหงาเหมือนเมื่อก่อน

“รู้ได้ยังไงว่าคนตายใช่คนคนนั้น”

พอสูบบุหรี่หมดม้วน ผมที่หนาวจนปากแข็งก็เริ่มเข้าเรื่องเข้าราวได้สักที

“เดาน่ะ”

...ไอ้เด็กเวร!

นี่ผมเสียเวลานั่งเล่นนอนเล่นในที่ทำงานเพราะการเดาเนี่ยนะ บ้าชะมัด!

“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียน่า” เลียมว่าพลางส่งกระป๋องกาแฟที่เพิ่งกดจากตู้เครื่องดื่มไม่ใกล้ไม่ไกลให้ แน่นอนว่าไม่ได้เอามาดื่ม แต่เอามาอังมือต่างหาก “เมื่อวานตอนผมไปดูกล้องวงจรปิดรอบสถานที่เกิดเหตุ ผมนั่งจับเวลาคร่าวๆ ตอนที่พ่อโดนปาหิน และจำลองว่าตัวเองเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ดู จากนั้นก็นำมาเทียบกับถนนทางเข้าออกในระแวกนั้น โชคดีแล้วล่ะเพราะแถวที่พักของคุณค่อนข้างเปลี่ยว แล้วยังเป็นถนนเส้นเล็ก พอกล้องจับภาพชายคนนี้ได้ในเวลาใกล้เคียงที่สุดผมเลยขึ้นป้ายต้องสงสัยไว้ก่อน”

ไอ้เด็กเวรว่าพลางคลี่ยิ้มกว้าง

“อันที่จริงก็ยังมีอีกเกือบสิบรายน่ะนะ แต่ผมตัดผู้หญิงและคนแก่ออก พวกที่แต่งตัวทำงานอย่างดีก็ตัดทิ้ง เพราะถ้าไม่ร้อนเงินจริงๆ คงไม่รับจ้างทำร้ายตำรวจแน่ๆ ตัดไปตัดมาก็เหลือแค่ไม่กี่คน แต่พอเกิดเหตุในวันนี้ ก็เลยยิ่งมั่นใจ”

ให้ตายเหอะ!

ผมอยากจะสบถจริงๆ นะ รู้อยู่ว่าไอ้เด็กเวรมันฉลาด แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดมีเวลาว่างนั่งจับเวลาและนั่งดูกล้องวงจรปิดรอบเมืองขนาดนี้!

“แต่วิธีนี้ไม่นับว่าเป็นหลักฐานอะไร ผมถึงเรียกว่า ‘เดา’ ไงล่ะ”

เลียมยิ้มให้ผม แต่ผมทำหน้าบูดตอบ จริงอยู่ว่าการซุ่มเวลาไม่ต่างจากการคาดเดา และไม่สามารถใช้ในการจับตัวผู้ต้องหาได้ เพราะมีโอกาสผิดตัวสูง แถมถ้าถูกฟ้องร้องกลับ ไอ้เด็กเวรจะโดนพ่อด่าระยำย่ำแย่กว่าเดิม

“ไหนบอกจะวางมือไง” ผมนึกอยากจะสูบบุหรี่ขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว ไม่ใช่เพื่อแก้หนาวด้วย

“ผมแค่ทำเพื่อความปลอดภัยต่างหาก เกิดภาพในกล้องเป็นคุณขึ้นมา ผมจะได้ช่วยลบทิ้งให้ไง” เลียมว่าอย่างเอาใจ แต่ผมไม่ยักดีใจสักนิด ไม่รู้ว่าหมอนั่นทำจริงอย่างที่พูด หรือแค่อ้างเพื่อให้ผมเกลียดขี้หน้าน้อยลงกว่าเดิม

“เอาเป็นว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ผมได้ข้อมูลของชายคนนี้โดยบังเอิญ ว่าจะเอาทิ้งอยู่แล้วหากไม่ติดว่ามีคดีเข้ามาซะก่อน แล้วคุณคิดว่า...คนที่เพิ่งรับจ้างไปทำร้ายผู้บัญชาการ จู่ๆ จะกินเหล้าตกบ่อตายรึเปล่าล่ะ เจย์เดน”

“เวอแกน” ผมแก้พลางนวดขมับ สังหรณ์ลึกๆ ว่าคงเกี่ยวกับคาร์เรย์แหงแซะ สงสัยเย็นต้องกลับไปถามเขาอีกแล้ว บ้าชะมัด ไม่มีวันไหนที่เราจะมีบทสนทนาสมเป็นคู่รักธรรมดาๆ บ้างรึไงนะ จริงอยู่ว่าผมช่วยปิดความผิดให้เขา เพราะเขาทำเพื่อผม แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเสียทีเดียว

มันกำลังตกตะกอน ค่อยๆ สะสมในใจทีละน้อย

ก็ไม่แปลกนักหรอก ในเมื่อผมยังเป็นคน ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างนี่นา

แต่ก็เพราะแบบนี้ เมื่อคาร์เรย์ทุ่มเทความรักให้จนหมดหัวใจ คนธรรมดาอย่างผมจึงพร้อมจะหลับหูหลับตาได้เหมือนกัน

“อยากให้สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุรึเปล่าล่ะ”

“แลกกับอะไร” ผมเงยหน้ามองไอ้เด็กเวรที่นับวันก็ยิ่งเวรขึ้นทุกทีด้วยใบหน้าคิ้วขมวด ยื่นข้อต่อรองแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“เย็นนี้ไปเยี่ยมคุณพ่อกับผม”

“ไม่”

ผมปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด หากเป็นแต่ก่อนยังพอไหว แต่ตอนนี้แค่เห็นหน้าพ่อของเลียม ผมก็จะนึกไปถึงซองเอกสาร และเมื่อนึกถึงสิ่งนั้น ข้อความทุกอย่างก็จะปรากฏ ไม่เว้นกระทั่งสำเนารับรองที่ยืนยันว่าผมเป็นแค่ลูกบุญธรรม...

แค่นึกผมก็รู้สึกสะท้านน้อยๆ ในใจ แม้ทุกอย่างจะถูกเผาไฟจนหมดสิ้น แต่กลับยังฉายชัดในความทรงจำ

“เฮ้ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นหรอกน่า” เลียมเลิกลั่ก เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อผมยกมือปิดตาครู่หนึ่ง อันที่จริงแค่ทำสมาธิ ผมไม่บ้าร้องไห้ต่อหน้าเด็กเวรหรอกนะ

“โอเค ครั้งนี้ผมจะยอมก่อน คุณติดหนี้ผมหนึ่งครั้งแล้วกัน”

“ตามสบาย” ผมละมือออก เผยใบหน้ายียวนไร้ซึ่งความโศกเศร้า ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ไอ้เด็กเวรอ้าปากค้าง แต่ไม่ทันพูดต่อผมก็เดินไปรอในรถเตรียมกลับที่ทำงานแล้ว

ได้ยินเสียงถอนหายใจดังไล่หลัง ก่อนเลียมจะหันไปเรียกรวมตัวทุกคน จากนั้นจึงสั่งแยกย้าย สรุปคดีว่าเป็นการดื่มเหล้าแก้หนาวจนพลัดตกลงไปตายนั่นเอง

อันที่จริง ต่อให้เลียมไม่ยื่นข้อเสนอ เขาก็หาหลักฐานจับตัวคาร์เรย์ไม่ได้หรอก

แต่ที่ผมกังวล ไม่ใช่ว่าเลียมจะจับคนรักเข้าคุก แต่กลัวว่าไหวพริบของเขาจะทำให้ฉุกใจและเริ่มเชื่อมโยงเข้ากับคาร์เรย์ และเมื่อนั่น...คนที่ตายคนต่อไปคงไม่ใช่ใครอื่นไกล

ถึงผมจะเกลียดขี้หน้าเลียม แต่ก็ไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตายหรอกนะ

อย่างน้อยในหนึ่งปีมานี้ก่อนจะมาเจอคาร์เรย์...เลียมก็เป็นคนเดียวที่คุยกับผมมากที่สุด เอาใจใส่มากที่สุด...และจริงใจมากที่สุด
แม้จะน่ารำคาญไปหน่อยก็เถอะ!



“สนุกมั้ยครับ”

ผมที่กำลังนั่งกินป็อปคอร์นระหว่างดูหนังแก้เบื่อชะงักเมื่อคาร์เรย์เดินเข้ามาหอมแก้ม ตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มแล้ว...คาร์เรย์มีประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังกินข้าวเย็นเสร็จเขาจึงเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบเกือบสองชั่วโมง และเพิ่งออกมาแหย่ผมเล่นแถมยังนั่งเบียดบนโซฟาตัวเดียวกันอีกต่างหาก

เด็กหนุ่มรั้วเอวผมขึ้นมาวางบนตักเหมือนเบาหนักหนา จากนั้นก็กอดหมับไม่ยอมปล่อย แถมยังซุกหน้ากับศีรษะผมดังฟอด

“หอมจัง”

“ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จนี่นา” ผมตอบพลางขยับตัวนั่งดีๆ เพราะกลัวอีกฝ่ายเหน็บกิน ก่อนจะเอียงถุงป็อปคอร์นในมือเป็นเชิงถาม
แต่คาร์เรย์ดันอ้าปากด้วยท่าทางน่ารักเป็นคำตอบซะงั้น

อืม...มีแฟนเด็กต้องหมั่นเอาใจสินะ ผมป้อนป็อปคอร์นใส่ปากคนรัก แต่พอจะป้อนตัวเองมือที่กอดผมหนึบหนับไม่ยอมปล่อยก็ถือป็อปคอร์นมาจ่อปากแล้ว

“พลัดกันไงครับ” คาร์เรย์ยิ้มหวาน เห็นแบบนั้นผมก็ยอมกินแบบทุลักทุเล ป้อนเด็กน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถูกเด็กป้อนนี่สิมันน่าอายแปลกๆ

หลังจากกินป็อปคอร์นไปจนหมดถุง ผมก็นั่งผึ่งพุงเอนตัวพิงคาร์เรย์ซะเต็มคราบ พอดีกับหนังที่เริ่มเข้าสู่ฉากไคลแมกซ์ ยิงกันสนั่นหวั่นไหวแบบโอเวอร์เกินจริงจนผมปิดปาดหาว

“ง่วงแล้วเหรอครับ”

“เปล่า มันน่าเบื่อน่ะ” ผมว่าพลางตัดสินใจเปลี่ยนช่องไปดูข่าว ประจวบเหมาะกับการออกจากโรงพยาบาลของผู้บัญชาการหน้าคุ้นตา จริงสิ ครบสองวันที่เลียมบอกแล้วนี่นะ

“คาร์เรย์”

“มีอะไรเหรอครับที่รัก”

อ่า...ความตั้งใจแทบอ่อนยวบเมื่อถูกเรียกเสียงหวานหยด ผมซึมซับความรู้สึกนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามเสียงจริงจัง เพราะแม้จะถูกกอดอยู่แบบนี้ แต่ความค้างคาในใจก็ทำให้ผมไม่ผ่อนคลายเต็มที่

“ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ”

คาร์เรย์เกร็งตัวชั่ววูบ หากไม่นั่งทับอยู่แบบนี้คงไม่รู้สึก

“...ตกลงผลประโยชน์ไม่ลงตัวนิดหน่อยน่ะครับ” นิ่งอยู่นานก่อนจะตอบเสียงเรียบ ท่าทางเหมือนไม่อยากให้ผมถามซอกแซกมากนัก เขาคงคิดไม่ถึงว่าผมจะรู้ล่ะมั้ง ความจริง...หากเลียมไม่บอก ผมก็คงไม่สนใจซะด้วยซ้ำ

“จริงเหรอ”

คาร์เรย์ซุกหน้ากับไหล่ของผมเป็นคำตอบ สองมือโอบกอดแน่นขึ้น ท่าทางเหมือนเด็กน้อยทำอะไรผิดที่ไม่กล้าสู้หน้าผู้ใหญ่

“คาร์เรย์ นายปิดบังอะไรฉันรึเปล่า”

“...ผมฆ่าปิดปาก” เด็กหนุ่มพูดอู้อี้เพราะยังซุกหน้านิ่ง “นัดเขาออกมารับเงิน ทำให้สลบ จากนั้นก็ฉีดแอลกอฮอล์ใส่ร่างกาย ก่อนจะนำไปโยนทิ้งในบ่อน้ำ”

กลายเป็นผมซะอีกที่นั่งตัวเกร็ง แทบจะลุกหนีออกมา แต่คาร์เรย์กลับกอดแน่นไม่ปล่อย

“คนคนนั้นเป็นพวกติดยาอยู่แล้ว รอยเข็มจึงพอกลมกลืนไปได้ แถมเมื่อคืนยังหิมะตกหนัก ไม่มีใครเห็นหรอกครับ ไม่มีหลักฐานมาถึงผมแน่นอน แต่ถ้ายังปล่อยเอาไว้ คนติดยาพรรคนั้นอาจนำเรื่องนี้มาต่อรองกับผมได้ ผมไม่อยากเสี่ยง”

หลังสารภาพมาจนหมด คาร์เรย์ก็เงยหน้าขึ้น มือซึ่งกอดผมแน่นสั่นระริก ไม่ต่างจากดวงตาที่มองผมด้วยความหวาดกลัวบางอย่างหมดใจ

“เกลียดผมมั้ย...”

เสี้ยวนาทีนั้น ความรู้สึกแย่ๆ ในใจของผมคล้ายถูกบรรเทาลง แทนที่ด้วยความอุ่นวาบในอก มันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่ถอนหายใจปลงตกออกมา

บ้าชะมัด ผมควรจะว่าเขาสักยกสองยกสิ แม้เหตุผลจะฟังขึ้น แต่ในความรู้สึกกลับเหมือนมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เป็นความรู้สึกที่ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ทว่า...

“ไม่เกลียดหรอกน่า” ผมเงยหน้าประทับริมฝีปากกับเขาแผ่วเบาอย่างปลอบโยน “แต่อย่าลุกไปตอนกลางคืนแบบนั้นอีกล่ะ ฉันหนาวนะรู้มั้ย”

“ครับ ผมจะไม่ให้คุณนอนหนาวคนเดียวอีกเด็ดขาด” คาร์เรย์กอดผมแน่นอย่างมีความสุข คงคาดไม่ถึงว่าผมจะเป็นพวกความรู้สึกไวขนาดนั้น

หึ ถ้าไม่ติดว่าต้องนอนกอดตัวเองทุกวัน หวาดหวั่นว่าจะมีคนถามมาขู่ฆ่า หรือกลัวที่จะถูก ‘คนคนนั้น’ ตามเจอ ผมก็คงไม่ประสาทไวตอนกลางคืนขนาดนี้

“ว่าแต่...คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนลงมือ”

เลียม

ผมตอบในใจ แต่ไม่โง่พอจะเอ่ยชื่อออกมา

“ก็นายเล่นหายไปตอนกลางดึก ตื่นเช้ามาก็มีคดีคนตาย ฉันเลยเดาซุ่มน่ะสิ”

“ผมน่าระแวงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คาร์เรย์พูดอย่างน้อยใจ ปกติทำแล้วน่ารัก แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกหมั่นไส้แปลกๆ เลยดีดนิ้วใส่หน้าผากหมอนั่นไปหนึ่งที

“ทีนายยังให้คนตามดูฉันเลยไม่ใช่รึไง”

“ก็ผมเป็นห่วงคุณนี่นา” คาร์เรย์รีบง้อเมื่อเห็นผมหน้าบูด หอมแก้มซ้ำๆ จนผมต้องยกมือกันก่อนจะช้ำไปกว่านี้

“ห่วงหรือหวงกันแน่” ผมว่าพลางกอดอกอย่างจริงจัง ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าไม่คิดอะไรแท้ๆ นึกแล้วก็อดโมโหไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่กลับมาทีไร เป็นต้องนั่งถกประเด็นเรื่องเลียมทุกที

“ทั้งห่วง...”

เพื่อปลอบประโลมขุ่นมัว คาร์เรย์จึงจูบไหปลาร้าผมอย่างอ่อนโยน

“ทั้งหวง...”

ก่อนจะไล่มาถึงหลังหูจนรู้สึกจั๊กจี๋

“และทั้งหึงเลยล่ะ”

จากนั้นค่อยมาจบที่ริมฝีปาก เสียแต่ไม่แค่แตะเบาๆ เพราะคราวนี้พวกเราจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนคาร์เรย์จะดันตัวผมนอนลงบนโซฟาอย่างเชื่องช้า สร้างอารมณ์วูบไหวจนสมาธิกระเจิง

...เอาอารมณ์โมโหผมกลับมานะ บ้าที่สุด!


--------------------------

มองซ้ายมองขวา มีคนรอคอยหนุ่มฆาตกรคนนี้มั้ยคะ  :mew2:
อาทิตย์ที่ผ่านมาติดธุระหลายอย่างเลยต้องมาลงวันศุกร์แทน อ่า...วันศุกร์แสนสุขเพราะมีวันหยุดรอคอยอีกสองวันติด ฮืออ สวรรค์!!!

ถึงจะไม่ตอบเม้น แต่เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะคะ มีคนชอบพ่อหนุ่มฆาตกรเยอะกว่าที่คิด ดีใจจังเลย  :-[
มาร่วมติดตามไปด้วยกันนะคะ!
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 01-08-2014 18:16:49
ควรให้คาเรย์รู้ถึงคนคนนั้นๆนะ

จะได้ไม่ต้องกลัวมันตามมาอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 01-08-2014 18:32:52
กลัวโดนจับจังเลย เลียมมีไหวพริบจนน่ากลัว  :mew2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 01-08-2014 18:42:13
Love you cute murderer :)
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: doll@love ที่ 01-08-2014 19:21:53
ทำไมพระเอกคนนี้จะมุ้งมิ้งแบบssจังเนี่ย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 01-08-2014 20:12:56
เลียมฉลาดอ่ะไม่อยากให้เลียมหรือคาเรย์ตาย

3pเต๊อะ เราจะได้ไม่ใจสั่น
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-08-2014 21:09:36
ชอบนักล่ะ ไอ้หนุ่มคลั่งรัก :o8:
เลียมนี่น่าหวาดเสียวจริงๆ ว่าจะโดนเก็บเข้าซักวัน  :katai1:
แต่เจย์เดนแพ้ทางเด็กนะ อิอิ :haun4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Toycar ที่ 02-08-2014 00:57:05
หลงเข้ามาอ่านน  พออ่านแล้วว งื๊ออ คาร์เรย์น่ารักก ><        สัมผัสได้ถึงความจิตของทุกตัวละคร
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Barabelle ที่ 02-08-2014 01:19:04
 :katai2-1:

น่ารักแบบจิตๆกันดีจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องจะไปทางไหนต่อละเนี่ย พ่อคุณเล่นฆ่าซะจะหมดเรื่องเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 02-08-2014 08:37:28
เลียมเก่งนะนี่  :katai2-1: เดาได้มีเหตุผล

คาร์เรย์ก็โหดตลอด เจย์เดนก็ยอมอยู่เรื่อย.

อยากรู้  คนนั้น ของเจย์เดนเร็วๆอ่ะ  :hao4: ใครหนอ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-08-2014 09:58:34
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 02-08-2014 11:53:22
อ่านแล้วลุ้นจริงๆว่าเลียมจะโดนเก็บรึเปล่า

ชอบเลียมนะ   คาร์เรย์ก็ชอบ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-08-2014 12:43:04
 :-[  น่าเอ็นดูอ่า
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 02-08-2014 13:36:11
เลียมเก่งไป ซักวันจะตายมั้ย .....คาเรย์ไม่ควรก่อคดี ใกล้ตัวนะ เลียมแม่งเก่ง เดี๋ยว คราวนี้โป๊ะแตก แล้ว เจย์เดนจะอยู่กับใครล่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: wi_OoO_wi ที่ 02-08-2014 17:32:02
 :a5:
เฮ้ยย มันอึนนนนนนนนนนนนน อ่ะ  :katai5:

ขอฉากสวีทๆหน่อยเต้อะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-08-2014 18:08:22
ชอบบบบบบบ ชอบพ่อหนุ่มฆาตกรมากกกก :impress2:
จิตๆแบบนี้หายากนะ รอตอนต่อไปน้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.6 : “ทำไมถึงฆ่าอีกแล้วล่ะ” Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Linea-Lucifer ที่ 02-08-2014 19:53:26
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก
ความรักแบบนี้ช่าง ///-///
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 03-08-2014 19:25:05
Chapter 7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว”

วันนี้ช่างเป็นเช้าที่สดใส

...ผมประชดนะครับ

“เจย์เดน เวอแกน”

เบื้องหน้าของผมคือพ่อของเลียม ท่านผู้บัญชาการผู้มีผ้ากระดับศีรษะจนดูไม่เคร่งขรึมเท่าแต่ก่อน จะบอกว่าผมไม่แปลกใจที่โดนเรียกตัวหลังท่านออกจากโรงพยาบาลก็คงโกหก เพราะผมพอเดาได้อยู่แล้วในเมื่อเลียมไม่ยอมเคลื่อนไหวอะไรเลยเพื่อตามจับคนร้ายให้พ่อของเขา

หากเป็นคนอื่น คงคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา

แต่สำหรับผู้เป็นพ่อ...ที่รู้ความสามารถลูกชายตัวเองดี กลับรู้ทันว่าคนที่ถ่วงแข้งถ่วงขานั้นคือใคร

“นี่คืออะไรครับ”

“เอกสารย้าย”

รวดเร็วจริงๆ

ผมไม่แม้แต่จะมองเอกสารเบื้องหน้าซะด้วยซ้ำ มันก็แค่แผ่นกระดาษ...เพราะอันที่จริง ตั้งแต่เข้าห้องมานั่งจ๋องอยู่ตรงนี้ ในใจของผมก็นึกถึงเอกสารอีกชุดหนึ่งที่เขาเป็นคนมอบให้เอง แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเลียมจะมีหน้าที่แค่ส่งมอบจริงๆ และไม่ได้แอบดูเนื้อหาข้างในนั้นด้วย

“เมื่อวานไม่ได้คุยกับลูกชายเหรอครับ”

ผมถามอย่างยี่หระ ไม่เหมือนคนถูกสั่งย้ายแม้แต่น้อย

“...”

ความเงียบนั้นแปลได้สองอย่าง คือคุย แต่เลียมแพ้ กับไม่ได้คุย เพราะกลัวแพ้เลียม

อืม...เป็นอย่างไหนกันนะ

ผมโคลงศีรษะเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด หากถูกย้ายจริงๆ ผมคงลาออก เพราะมาทำงานก็เหมือนไม่ได้ทำอยู่แล้ว ถ้าเป็นแต่ก่อนที่ต้องพึ่งเงินเดือนคงรับเอกสารแล้วเดินไปเก็บของแต่โดยดี ทว่า...บ้านของผมกับคาร์เรย์อยู่ที่นี่ และผมก็ชอบเอามากๆ ด้วย

“ฉันเลื่อนยศให้เธอขั้นหนึ่ง เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นด้วย ถ้ายังไม่พอใจก็พูดมาตรงๆ อย่าไปยุ่งกับเลียม”

“งั้นผมขอลา...”

“พ่อ!”

ไอ้เด็กเวรส่งเสียงดังแต่เช้า ท่าทางกระหืดกระหอบอย่างหาได้ยาก แถมเสื้อยังยับเยินเหมือนถูกดึงแรงๆ คาดว่ากว่าจะฝ่ามาถึงห้องนี้ได้คงถูกห้ามปรามหลายต่อหลายครั้ง

“ไม่เห็นเหมือนกับที่ตกลงไว้เลยนี่!”

เลียมมาถึงก็แย่งเอกสารสั่งย้ายไปฉีกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวหงุบๆ แล้วกลืนลงกระเพาะจนหน้าแดง...บ้าดีเดือดจริงๆ ผมเกือบปรบมือให้อยู่แล้วนะเนี่ย

“เลียม!”

สารวัตรใหญ่ที่โดนลูกชายหยามหน้าด้วยการประท้วงแบบโคตรหน้าด้านถึงกับตบโต๊ะอย่างโมโห

“เอาสิ ถ้าออกเอกสารอีก ผมก็จะกินให้หมดทุกแผ่น ดูซิว่าเจย์เดนจะถูกย้ายก่อน หรือผมจะท้องแตกตายก่อน!”

คำขู่ทุเรศฉิบเป๋ง!

ผมถึงกับหมดอารมณ์จะเอ่ยแก้คำเรียกอย่างเคย และนึกหมดอารมณ์ที่เคยชมไอ้เด็กเวรนี่ในใจว่าฉลาดนักหนาด้วย แต่เอาเข้าจริงๆ...วิธีสิ้นคิดแบบนี้กลับได้ผล เพราะพ่อเขากำลังทำหน้าดำหน้าแดง ชั่งใจว่าควรจะยิงลูกชายตัวเองทิ้งให้หมดปัญหาไปดีรึเปล่า

“งั้นพ่อจะย้ายแก!”

“งั้นผมก็จะกินเหมือนกัน!”

เลียมขู่กลับ ท่าทางจริงจังจนผมเองยังเชื่อว่าใจกล้าหน้าด้านแบบนี้พูดจริงทำจริงแน่นอน

“หัดเชื่อใจลูกชายตัวเองหน่อยสิพ่อ ผมแยกแยะได้น่า ไอ้ก่อนหน้านี้มันแค่เผลอไปหน่อย อีกอย่างเจย์เดนก็มีคนรักอยู่แล้ว ผมไม่บ้าไปตามตื้อเขาหรอก”

ตอแหลเห็นๆ

ผู้บัญชาการเองก็ดูจะไม่ค่อยเชื่อคำลูกชายตัวเองนัก มันก็สมควรในเมื่อหมอนี่มันวีรกรรมเยอะ

“ผมแค่อยากเป็นเพื่อนร่วมงานกับเขาเท่านั้น พ่อ...พ่อเองก็มีความรัก แถมยังเป็นความรักที่น่านับถือ ดูสิ แม่เหี่ยวขนาดนั้นพ่อก็ยังรักแม่ งั้นพ่อก็ต้องเข้าใจผมด้วยสิว่าการรักใครสักคนน่ะย่อมอยากอยู่ใกล้ๆ กัน อยากเห็นหน้ากันทุกวัน ถึงจะไม่สมหวัง แต่แค่เห็นเขามีความสุขก็พอแล้ว”

น้ำเน่าได้ใจ

ผมล่ะแทบจะทนฟังไม่ได้ ถึงจะแอบหลุดยิ้มกับการยกตัวอย่างของได้เด็กเวรก็เถอะ แต่มันก็ดูจริงใจจนผู้บัญชาการเริ่มคล้อยตาม

“เอาเถอะ ถือซะว่าฉันยอมแพ้ลูกบ้าของแก” พ่อของเลียมยอมในที่สุด แถมยังกุมขมับเหมือนไมเกรนจะขึ้น “พา ‘เพื่อน’ ของแกออกไป แล้วอย่าทำอะไรลับหลังฉันอีกล่ะ ไอ้ลูกเวร”

คราวนี้ผมหลุดยิ้มออกมาจริงๆ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายคิดกับลูกชายตัวเองเหมือนผม

มันเป็นเด็กเวรจริงๆ นั่นแหละ!

“ครับผม!”

เลียมขานรับเสียงดัง ก่อนจะรีบคว้าแขนผมออกจากห้องเหมือนกลัวท่านผู้บัญชาการจะเปลี่ยนใจ ให้ตายเถอะ พอเดินออกมาผมก็ยกมืออีกข้างปิดปากแล้วหัวเราะจนตัวสั่น เสียงที่พยายามกลั้นเอาไว้ฟังดูยียวนกว่าปกติหลายเท่า

“ทรมานมั้ยนั่น จะหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะ”

ไอ้เด็กเวรช่วยลูบหลังผมแบบไม่มั่วซั่วสุดๆ ผมเลยยกมือบอกปัด อันที่จริงก็ไม่ใช่พวกเส้นตื้นขำกร๊ากออกมาเสียงดังอยู่แล้ว

“เป็นไง บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง แค่นี้ผมจัดการได้อยู่แล้วล่ะน่า”

มันยังมีหน้ามายืดอกภูมิใจอีก ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าให้แบบเพลียๆ

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ”

“อ้าว ไม่ขอบคุณสักคำหน่อยเหรอ”

“เอาตีนแทนมั้ยล่ะ”

“แค่ตีนก็เอา ถึงจะอยากได้อย่างอื่นมากกว่าก็ตาม”

ไอ้เด็กเวรพูดซะผมหมดอารมณ์จะถีบ...เลยเดินหนีไปที่โต๊ะประจำแล้วนั่งทำเอกสารสรุปคดีเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีการฆ่าข่มขืนเกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเยอะทีเดียวเนื่องจากเพิ่งมีเหยื่อรายที่สามสดๆ ร้อนๆ และทางตำรวจก็ไม่มีวี่แววว่าจะตามจับได้

“นั่นจะเป็นผลงานชิ้นต่อไปของผม”

เลียมที่เดินตามหลังมาพูดเมื่อเห็นผมมองรายละเอียดอย่างสนใจ

“สนใจร่วมมือกันมั้ยล่ะครับ”

“ฝันไปเถอะ” ผมทิ้งตัวลงนั่ง ขณะเดียวกันเลียมก็ถูกเพื่อนร่วมงานเรียกไปคุย ทำให้ผมสบายหูสักที

ที่สนใจไม่ใช่เพราะเหยื่อมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหรอกนะ

แต่ว่า...สถานที่เกิดเหตุดันใกล้กับบ้านของคาร์เรย์

บ้านของเรา




(( วันนี้ผมกลับดึกนะครับ มีธุระด่วนเข้ามาจนต้องรีบจัดการ ))

เสียงคาร์เรย์หงอยซึมราวกับผมเป็นฝ่ายทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวอย่างไรอย่างนั้น นึกแล้วภาพของชายหนุ่มก็ผุดวาบ เชื่อว่าตอนนี้คงนั่งอยู่ในห้องว่าที่ท่านประธาน ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างน่าสงสารอยู่แน่ๆ

“เอาน่า ตั้งใจทำงานให้ดีแล้วกัน”

ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ กับเรื่องแค่นี้ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอกครับ แม้จะเซ็งๆ อยู่บ้างเพราะดันกลับบ้านมาแล้ว และผมก็ไม่ได้ซื้ออะไรมากินด้วยนี่สิ...ของสดมีอยู่ในตู้เย็นเหลือแล่ แต่ถ้าผมต้องกินฝีมือตัวเองโดยไร้ผู้ช่วยอย่างคาร์เรย์ อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมอาหารเป็นพิษตายเอาได้

(( ถ้าหิวก็โทรสั่งอาหารได้นะครับ ผมเก็บใบปลิวร้านอาหารใกล้ๆ หมู่บ้านไว้ข้างโทรศัพท์บ้าน  บอกเขาลงชื่อคาร์เรย์ แอลเวลได้เลย ขากลับผมจะแวะไปจัดการเอง ))

คาร์เรย์ช่างรู้ใจผมจริงๆ มือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ อีกมือก็หยิบใบปลิวมาดู ตอนแรกเห็นเผินๆ นึกว่ากระดาษจดซะอีก

“นายเองก็อย่าลืมกินข้าวเย็นล่ะ”

(( เป็นห่วงเหรอครับ ))

ผมเห็นภาพคนรักยิ้มกรุ่มกริ่มผ่านเสียงดีใจนั้นทันที นึกแล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

“ห่วงสิ ห่วงใครไม่รู้ที่โทรมากำชับให้ฉันหาของกินยัดท้องตัวเองนี่ไง” ผมว่าพลางเดินไปนั่งตรงโซฟา เลือกหยิบใบปลิวร้านอาหารที่น่าสนใจ

(( ดีใจจัง ))

คาร์เรย์รำพันเหมือนเด็กๆ

(( แต่เชื่อเถอะว่าผมห่วงคุณมากกว่าแน่ๆ ))

“มันใช่เรื่องที่ต้องมาแข่งกันมั้ยเนี่ย” ผมหัวเราะอย่างไม่จริงจังนัก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะตอบแว่วๆ “แล้วนายไม่ไปทำงานรึไง คุยกับฉันไม่ยอมวางเป็นสิบนาทีแล้วนะ”

(( ก็ผมคิดถึงคุณนี่ ))

คาร์เรย์ว่าอย่างออดอ้อน พอดีกับเสียงเลขาที่เข้ามาบอกว่าได้เวลาประชุม

(( งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ที่รัก ))

“ตั้งใจทำงานเถอะ”



(ต่อข้างล่าง)
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 "นี่คือการป้องกันตัว"
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 03-08-2014 19:26:01

ผมทิ้งท้ายก่อนเสียงสัญญาณจะขาดหาย เฮ้อ...แค่คุยโทรศัพท์ก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย นึกแล้วก็โคลงศีรษะอย่างแปลกใจกับท่าทางสาวน้อยของตัวเอง แค่ถูกเรียกว่าที่รักทำเอาหน้าแดงก่ำไปไม่เป็น น่าอายแท้ๆ

พอคาร์เรย์ไม่อยู่บ้านหลังนี้เหมือนจะกว้างกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งที่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร คาร์เรย์รู้รสนิยมผมที่ไม่ชอบความหรูหรา จึงเลือกซื้อบ้านหลังเล็กสองชั้น ด้านบนมีแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ พ่วงด้วยระเบียงสำหรับออกไปตากอากาศ ส่วนชั้นล่างก็มีห้องนั่งเล่นพ่วงที่รับประทานอาหาร ห้องครัวขนาดเล็ก และห้องน้ำที่ไม่มีอ่างเท่านั้น

คาร์เรย์จ้างแม่บ้านทำความสะอาดทุกวันเสาร์ เสื้อผ้าก็ส่งซักรีดอย่างดี ทำให้ไม่มีคนนอกเข้ามาป้วนเปี้ยน ผมเคยถามว่าแล้วเขาไม่มีเพื่อนสนิทหรือ เด็กหนุ่มเพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบคำ เป็นอันรู้กันว่าคนเพิ่งย้ายมาสดๆ ร้อนๆ อย่างเขาคงไม่มีมิตรสหายสนิทอะไร หรือไม่...ก็ไม่สนใจในเมื่อนอกจากเวลางานแล้วเขาล้วนเอาเวลาทั้งหมดมาอยู่กับผม

เหมือนว่าผมเป็นทั้งโลกของเขา

นึกแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างสุขใจแปลกๆ ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญกับผมเท่านี้มาก่อน ไม่เคยมีใครให้ความรักกับผมมากเท่านี้มาก่อน หากรู้ว่ายังมีคาร์เรย์ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ผมคงรีบตามหาเขาก่อนที่เขาจะมาเจอผมไปนานแล้ว

ชักจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่

ผมส่ายศีรษะก่อนจะกดโทรสั่งอาหาร ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังขึ้น

ผมหยิบกระเป๋าเงินไปด้วย ถึงอาหารมื้อนี้จะแพงกว่าที่เคยกินปกติสองเท่า แต่ผมไม่อยากให้คาร์เรย์ต้องเสียเวลาตอนขากลับกับเรื่องไร้สาระแบบนี้

“อ่ะ...”

แต่คนที่กดกริ่งไม่ใช่คนส่งอาหาร

“ช่วยด้วย”

เขาเป็นชายคนหนึ่ง...ที่ผมไม่รู้จัก รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าผมซะอีก ดูจากท่าทางคงเป็นเด็กมหาลัย ดูขี้โรคอ่อนแอและบอบบางอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะอีกฝ่ายกำลังยืนพิงที่หน้าประตูบ้านของผมอย่างอ่อนแรง มือหนึ่งกุมสีข้างไว้แน่น พยายามหยุดเลือดสีแดงสดซึ่งล้นทะลัก

แผลถูกแทง...

“ช่วยด้วย ผมถูกคนโรคจิตทำร้าย เขาพยายามจะข่มขืนผม โชคดีที่หนีออกมาทัน แต่ว่า...”

เด็กหนุ่มทรุดลงไปนั่งกับพื้น เลือดยิ่งล้นทะลักกว่าเดิมจนคนใจดำอย่างผมทนมองไม่ได้

“เดี๋ยวค่อยเล่าแล้วกัน รีบๆ เข้าบ้านเถอะ”

ผมโน้มตัวเอาแขนอีกฝ่ายพาดไหล่ ก่อนจะประคองเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล อันที่จริงผมไม่ใช่คนเชื่ออะไรง่ายๆ หรอกนะครับ แต่ก็ไม่บ้าขนาดปล่อยให้คนตายต่อหน้าทั้งที่วิ่งมาขอความช่วยเหลือเหมือนกัน อีกอย่าง...ไอ้หมอนี่ดูน่าจู่โจมจริงๆ นั่นแหละ ผิวขาวซีด ใบหน้าเรียว ปากนิด จมูกหน่อย นับเป็นคนหน้าสวย หากฆาตกรโรคจิตจะเลือกเหยื่อข่มขืน ก็คงหมายตาผู้ชายที่ท่าทางบอบบางแบบนี้ล่ะมั้ง

“อย่า...โทรแจ้งตำรวจนะครับ”

พอเอาคนเจ็บมากองไว้บนโซฟา เด็กหนุ่มก็พูดเสียงโรยแรงด้วยหน้าซีดเผือดเพราะเลือดไหลแทบหมดตัว

อืม...คาร์เรย์คงไม่โมโหที่ผมทำโซหาเลอะหรอกมั้ง

ผมคิดก่อนจะเดินหากล่องพยาบาลที่คุ้นๆ ว่าคนรักเคยหยิบมาหายาแก้ปวดหัวให้เมื่อวันก่อน อ่ะ...เจอแล้ว อยู่ในห้องครัวจริงๆ ด้วย คาร์เรย์คงคิดว่าที่นี่น่าจะสร้างบาดแผลให้ผมมากที่สุด ถึงตั้งใจเก็บไว้ใกล้มือแบบนี้

“นายต้องให้การกับตำรวจนะ”

พอได้ของที่ต้องการ ผมก็ทิ้งตัวข้างเด็กหนุ่มพลางเปิดเสื้ออีกฝ่ายขึ้น เผยให้เห็นแผลถูกแทงที่ไม่ยักลึกกว่าที่คิด น่าจะแค่ไม่กี่เซนต์ซะด้วยซ้ำ แต่ที่เลือดออกเยอะคงเป็นเพราะหมอนี่ฝืนร่างกายตัวเองวิ่งหนีมาหาผมแน่ๆ

“ผมไม่อยากให้คนรู้...ว่าถูกผู้ชายด้วยกัน...จับข่มขืน”

“แต่คำให้การของนายจะเป็นประโยชน์กับผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ มาก” ผมพยายามเกลี้ยกล่อม ราวตัวตนในส่วนลึกที่เคยภาคภูมิใจในอาชีพนี้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วง ฉันมีคนรู้จักกำลังรับผิดชอบคดีนี้อยู่ จะช่วยพูดให้เขาปกปิดเรื่องนายเป็นเหยื่อไว้แล้วกัน”

แน่นอนว่าคนคนนั้นก็คือเลียม

“...ขอบคุณครับ”

ผู้เคราะห์ร้ายผู้น่าสงสารเอ่ยเสียงโรยแรง ว่าง่ายกว่าที่คิด ซึ่งก็ดีแล้วเพราะผมเองก็ขี้เกียจเกลี้ยกล่อมเหมือนกัน ในเมื่อกำลังตั้งสมาธิกับการกอบกู้วิชาปฐมพยาบาลขั้นต้นที่เคยเรียนตอนเตรียมตำรวจว่าควรทำยังไง เฮ้อ...ศิษย์ลืมวิชาก็แบบนี้ หลังจากคิดอยู่นานผมก็ตัดสินใจห้ามเลือดแบบงูๆ ปลาๆ ไว้เลียมมาถึงค่อยให้จัดการที่เหลือเองแล้วกัน

“คุณใจดีจัง”

นับว่าความมั่วซั่วของผมยังมีดีอยู่บ้าง เพราะในไม่ช้าเลือดของอีกฝ่ายก็หยุดไหล...แน่ล่ะ แผลไม่ลึกอะไรมาก แค่พันหลายๆ ทบเข้าหน่อยก็โอเคแล้ว

“ฉันแค่ทำตามหน้าที่พลเมืองดีน่ะ” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “แล้วนายวิ่งหนีท่าไหนมาหน้าบ้านฉันได้ล่ะเนี่ย”

นั่นเป็นสิ่งที่ผมสงสัยมากครับ คาร์เรย์เรียกซื้อบ้านหลังในสุด เพื่อไม่ให้ต้องมีคนเดินผ่านไปมาจนน่ารำคาญ ฉะนั้นการที่หมอนี่เข้ามาขอความช่วยเหลือผมได้ ถ้าไม่ใช่บ้านใกล้เรือนเคียง ก็แสดงว่าต้องวิ่งผ่านมาหลายหลังสุดๆ

แล้วทำไมถึงต้องเจาะจงเป็นที่นี่ด้วยล่ะ!?

“ผมถูกคนโรคจิตจับตัวแล้วลากมาแถวนี้น่ะครับ...คงเพราะตรงช่วงนี้ของหมู่บ้านค่อนข้างเงียบกว่าที่อื่น”

พอฟังขึ้น เพราะบ้านใกล้เรือนเคียงที่ว่าห่างจากที่พักของผมเกือบครึ่งกิโลฯ ระหว่างนั้นมีสวนธรรมชาติแทรกทำให้อากาศแถวบ้านผมดีเป็นพิเศษ และเงียบเชียบเป็นพิเศษด้วย

“ตอนแรกถูกปิดปากจนร้องโวยวายไม่ได้ แต่พอโดนโยนมาไว้ที่สวน หมอนั่นที่มัวแต่ถอดกางเกงตัวเองก็มีช่องว่างให้ผมสู้กลับแล้ววิ่งหนีออกมา แต่ถึงอย่างนั้น...ก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บอยู่ดี” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ เอื้อมมือจับต้นแขนผมอย่างต้องการที่พึ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ “บ้านของคุณใกล้ที่สุดผมเลยรีบวิ่งมา โชคดีที่กดกริ่งครั้งแรกคุณก็เข้ามาช่วยเหลือ คนโรคจิตนั่นเห็นถึงได้ยอมถอนตัวไป”

“แต่นายดูบาดเจ็บแบบขอไปทีมากกว่าคนที่เพิ่งสู้กับฆาตกรจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเลยนะ” ผมว่าพลางจับหน้าเด็กหนุ่มเอียงซ้ายเอียงขวา หมอนี่หน้าสวยอย่างร้ายกาจ แถมยังซูบซีดมากด้วย แต่กลับไม่ยักมีรอยถูกทำร้ายหรือรอยช้ำใดๆ ที่บ่งบอกว่าถูกลากหรือฉุดกระชากแม้แต่น้อย

“เข้ามาดูใกล้ๆ สิครับ ผมถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออก คงยังเหลือรอยช้ำอยู่บ้าง” อีกฝ่ายว่าพลางรั้งคอเสื้อทรงสูงลงมา เรียกให้ผมชะโงกหน้ามองจนแทบกลายเป็นคร่อมเหนือร่างบอบบางนั่น แน่นอนว่าผมแค่ตั้งท่าไปงั้นล่ะ เพราะพอโน้มหน้าเข้าใกล้ มือที่ยังยึดต้นแขนผมไว้แน่นก็เปลี่ยนเป็นผลักกดลงกับโซหาอย่างรุนแรง!

ท่าทางอ่อนแอกลายเป็นแข็งกร้าว ดวงหน้าซูบซีดกลับประดับด้วยรอยยิ้มได้ชัย มือหนึ่งของอดีตเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายถือมีดพับเล่มบางเฉียบ ยังคงปรากฏรอยเลือดบนนั้น ซึ่งไม่ใช่เลือดใครที่ไหนนอกจากของตัวเอง

และอาจจะเพิ่มของผมไปด้วยเพราะตอนนี้ปลายคมนั้นกำลังจ่อที่ลำคอผมอย่างเยือกเย็น

“รู้มั้ย...คุณเป็นสเปคของผมเลย ผมแอบมองมาสองวันแล้ว...รอโอกาสที่คุณอยู่คนเดียวมาตลอด”

น้ำเสียงสั่นพร่าหวาดกลัวกลายเป็นความวิปริตเมื่อร่างนั้นโน้มหน้าเลียซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย เล่นเอาขนลุกซู่ ผมล่ะแทบมือกระตุก หากไม่ติดว่าแขนทั้งสองถูกเข่าของอีกฝ่ายกดแน่นจนแทบชา

เป็นการจับล็อคสมบูรณ์แบบที่ผมเชื่อว่าหมอนี่คงใช้วิธีนี้หลอกล่อเหยื่อหลายต่อหลายครั้งจนเชี่ยวชาญ ให้ตายสิ...ถึงว่าตำรวจตามจับไม่ได้สักที ที่แท้ก็เพราะฆาตกรรูปร่างหน้าตาเหมือนเหยื่อซะเองแบบนี้ ใครจะไปนึกถึงกันล่ะ

ปลายมีดเริ่มลากไล้ลงมาเรื่อยๆ กรีดเสื้อของผมอย่างใจเย็นจนเริ่มหนาว

“ขอเตือนอย่างนะ” ผมพูดก่อนที่จะกลายเป็นชายเปลือยอกสมบูรณ์แบบ “ข้างในกระเป๋ากางเกงของฉันมีโทรศัพท์ที่กำลังโทรออกเครื่องหนึ่ง ถ้าไม่รบกวนอะไรช่วยพูดสายหน่อยได้มั้ย”

ฆาตกรหยุดชะงักทันที ก่อนจะเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวเมื่อสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง

ผมคงลืมบอกไปว่าตอนไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล ผมแอบกดโทรออกและอธิบายข้อสันนิษฐานคร่าวๆ ให้กับเพื่อนคนหนึ่งฟัง

(( สวัสดี ฉันชื่อเลียม เป็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะเข้าจับกุมนาย และถ้าไม่รบกวนอะไร ช่วยเลิกคร่อมคนที่ฉันรักสักทีได้มั้ย เห็นแล้วมันบาดตาบาดใจน่ะ ))

...ไอ้เด็กเวร!

ผมกลอกตาเมื่อเสียงผ่านโทรศัพท์นั้นดังพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมปืนหนึ่งกระบอก ผมคงไม่ต้องอธิบายสินะว่าตอนพาไอ้หมอนี่เข้ามารักษา ผมไม่ได้ล็อคประตู และนั่นทำให้เลียมเดินโทงๆ เข้ามาง่ายๆ

เพราะหากไม่ใช่คาร์เรย์...ผมไม่เชื่อใครทั้งนั้น แม้ว่าเขากำลังจะตายก็ตาม!

ฉะนั้น เมื่อยอมพาเข้ามา ผมก็คิดถึงสิ่งเลวร้ายที่สุดและการป้องกันไว้แล้ว!!

“วางมีดลง”

ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเรียบ ไร้ซึ่งคำยียวนเมื่อเดินเข้ามาจ่อปืนด้านหลังฆาตกร 

“ฉันบอกให้วางมีด แล้วยกมือขึ้นเหนือหัวซะถ้าไม่อยากโดนยิง”

ฆาตกรหนุ่มทำตามอย่างเชื่องช้า เหลือบมองผมอย่างเจ็บใจแฝงความคาดโทษ ก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากตัวผมเมื่อเลียมเอาปืนไถหัว ค่อยรู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อย

“คุณไปใส่เสื้อดีๆ เถอะ”

ไอ้เด็กเวรหันมาพูดกับผมที่เสื้อขาดครึ่งหนึ่ง สงสัยต้องแอบเอาไปทิ้งไม่ให้คาร์เรย์เห็นซะแล้ว...

“ถือซะว่ายกหนี้ให้ฉันแล้วกัน” ผมพูดเมื่อเลียมใส่กุญแจมือฆาตกร เรียกให้อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ก่อนจะหลุดยิ้มอ่อนใจเมื่อนึกได้ว่าเขาเคยยกผมเป็นลูกหนี้จากการช่วยปิดตาข้างหนึ่งจนคดีฆาตกรรมกลายเป็นการฆ่าตัวตายธรรมดา

 “ไม่นึกว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้”

“หึ” ผมแค่นหัวเราะเป็นคำตอบ ใครกันแน่ที่จริงจัง ถึงตอนนั้นจะไม่ใส่ใจนัก แต่ผมรู้ดีว่าเลียมเป็นพวกตรงไปตรงมา ถ้าในอนาคตมีเรื่องสุดวิสัยขึ้นมาจริงๆ เขาต้องยกคดีนั้นมาอ้างกับผมแน่ เพื่อตัดปัญหาผมจึงยกคดีนี้เป็นผลงานให้เลียมเพื่อชดเชย

“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นายเองก็เอาหมอนี่ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”

“ครับๆ” เลียมโคลงศีรษะ ลากฆาตกรหนุ่มติดมือขณะก้มลงหยิบมีดเพื่อนำไปเป็นหลักฐานเพิ่มเติม ทว่าในเสี้ยวพริบตานั้นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมแห้งกลับตวัดขาเตะมือที่ถือปืนของไอ้เด็กเวร เล่นเอาอาวุธทรงอานุภาพกระเด็นไปอยู่หน้าประตูบ้าน เลียมเห็นท่าไม่ดีรีบหยิบมีดขึ้นมาเป็นการป้องกันตัว แต่ก็ถูกเตะบ้องหูเข้าให้จนมึนไปวูบหนึ่ง

ท่าทางนั้นน่าสมเพชจนผมอดคิดไม่ได้ว่าผลการเรียนดีเด่นคงเอามาวัดกับสภาพจริงไม่ได้ เลียมจบหลักสูตรการอบรมด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง มีทักษะการป้องกันตัวเป็นเลิศ...ซึ่งคงใช้ได้ดีในกรณีเผชิญหน้าสู้กันตัวต่อตัวไม่ใช่การลอบกัด

ผมรีบวิ่งไปหยิบปืนตั้งแต่เด็กเวรล้มครั้งแรกแล้ว เพราะไม่คิดสู้กับฆาตกรที่พิสูจน์แรงกับตัวแบบไร้อาวุธแน่ๆ น่าเสียดายเพราะการจะวิ่งไปหน้าประตูทั้งที่เพิ่งหันหลังขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเสื้อนั้นต้องผ่านดงสมรภูมิที่ไอ้เด็กเวรเพิ่งโดนถีบซ้ำจนหัวฟาดพื้น

ทุเรศจริงๆ พับผ่า

ผมวิ่งผ่านเลียม ก่อนจะล้มโครมตามไปอีกคนเมื่อฆาตกรเปลี่ยนเป้าหมายกะทันหัน เฮ้ย! จะเล่นงานเลียมก็จัดการไปซิวะ!!

“ทำผมไว้แสบมากนะ คนเก่ง”

เด็กหนุ่มร่างผอมบางกระชากเสื้อผมแล้วใช้น้ำหนักตัวกดแน่น ก้มหน้ากระซิบข้างหูพลางใช้ลิ้นเลียชวนน่าขยะแขยง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มคิดจริงจังว่าควรจะออกกำลังกายบ้างแล้ว หรือไม่ก็เพราะร่างกายทรุดโทรมทำพิษ กับอีแค่วิ่งหนียังโดนเด็กวัยมหาลัยตามทันง่ายๆ

ภายใต้ร่างกายบอบบางนั้นดูมีกล้ามเนื้อกว่าผมที่สูงกว่าซะอีก

ผมพยายามพลิกตัว แต่อีกฝ่ายรู้ทันจึงใช้สายโซ่จากกุญแจมือรัดรอบคอผมแน่น ก่อนจะดึงกระชากจนผมรีบผุดลุกตามแทบไม่ทันเพื่อไม่ให้คอหักไปซะก่อน

“อย่าขยับ” เด็กหนุ่มพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นจากอาการหอบหายใจเพราะเคลื่อนไหวร่างกายติดต่อกัน “ถ้าขยับผมจะหักคอคนนี้ทิ้ง เร็วยิ่งกว่าคุณจะเดินไปหยิบปืนซะอีก เจ้าหน้าที่เลียม”

ไอ้เด็กเวรกุมขมับที่โดนจับกระแทกพื้นจนแตกเลือดอาบพลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาโมโหชนิดที่หากทึ้งร่างอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ ได้ก็คงทำอย่างไม่ลังเล เพราะท่าทางของผมตอนนี้คือถูกสายโซ่รัดคอจนมือจิกเกร็งไปหมด ต่อให้ไม่ถูกหักคอตาย แต่ผมอาจจะขาดหายใจตายก่อนก็เป็นได้

รัดคอ...

วูบหนึ่งความทรงจำหวนคืนจนท่าทางเยือกเย็นโดยตลอดของผมแทบพังทลาย ภาพของเพื่อนรักพ่อที่บีบคอผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเว้นจังหวะจวนเจียนจะขาดใจนั้นชำแรกในสำนึก แม้ความรู้สึกของมือกดรอบลำคอจะแตกต่างกับสายโซ่ที่แข็งขืนกว่านัก ก็ทำให้ผมรู้สึกตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว

สู้กลับสิเจย์เดน มือนายยังเป็นอิสระ ของแค่นี้สู้กลับสักหน่อยก็หลุดออกมาได้แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนนายทำได้สบายมากไม่ใช่รึไง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน...

“แค่ก”

ผมสำลักเมื่อสายโซ่กดลึก เรียกความอึดอัดคุ้นเคยในความทรงจำฉายชัด

กลัว...ตอนนั้นผมกลัว...กลัวเหลือเกินจนร้องไห้ออกมา

ความรู้สึกนั้นปะปนในยามนี้ ผมยังไม่ร้องไห้ แต่ก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูก แค่ขยับนิดหน่อยความเจ็บจากการเสียดสีของสายโซ่ก็ทำให้ผมตัวสั่น ไร้เรี่ยวแรงไม่ต่างจากตุ๊กตาที่ถูกลากไปไหนมาไหนโดยไม่ขัดขืน

“เดี๋ยวเขาก็ขาดอากาศหายใจตายหรอก!”

เลียมตะโกนลั่นเมื่อผมถูกลากอย่างทุลักทุเลไปที่หน้าประตู ฆาตกรคนนี้คงคิดจะให้ผมเป็นตัวประกันจนกว่าจะหลบหนีสำเร็จ

“ตายก็ดีน่ะสิ”

ฆาตกรเอ่ยเสียงแหบพร่า ลากเลียซอกคอผมผ่านสายโซ่อย่างรุนแรง

“ตายแล้วน่าหลงใหลกว่าเยอะ ฮ่าๆๆ!”

จริงสิ...คนคนนี้ถูกจับในข้อหา ‘ฆ่าแล้วข่มขืน’ ไม่ใช่ ‘ข่มขืนแล้วฆ่า’!

ผมเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ ก็ตอนนี้ กลัวอย่างที่ในอดีตเคยกลัวแทบตายจนร้องไห้ออกมาเพื่ออ้อนวอนขอชีวิต แต่ตอนนี้ผมไม่มีโอกาสแม้จะส่งเสียงออกมาซะด้วยซ้ำ นอกจากเสียงสำลักเมื่อใบหน้าเชิดสูงเพราะสายโซ่รัดแน่นขึ้นจนได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงให้เจ็บปวดน้อยที่สุด

“เจย์เดน!”

เสียงหัวเราะต่ำๆ อย่างชอบใจดังข้างหู แต่กลับไม่อาจแทรกโสตประสาทผมได้ในเมื่อภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือน

‘ตายก็ดีน่ะสิ’

เสียงของฆาตกรซ้อนทับกับเสียงในความทรงจำที่พยายามฝังลึกที่สุด พร้อมความรู้สึกบางอย่างแทรกผ่านชวนหมดเรี่ยวแรง

ตาย...ก็ดี

ปัง!

เสียงปืนลั่นเรียกสติจนผมสะดุ้งเฮือก ก่อนความอึดอัดที่แย่งลมหายใจผมกลับถูกคลายออกพร้อมร่างที่ล้มโครมไม่เป็นท่า จริงอยู่ที่ผมหมดเรี่ยวแรง ได้แต่หอบหายใจโกยอากาศอย่างเดียว แต่สาเหตุหลักที่ผมล้มกลิ้งกับพื้นเป็นเพราะถูกน้ำหนักบางอย่างลากไปต่างหาก

บางอย่างที่ตอนนี้ตกตายจริงๆ...

“ที่รัก!”

เสียงเรียกคุ้นเคยเข้ามาประชิดตัวพลางช่วยดึงสายโซ่ออกจากลำคอของผม ก่อนจะรั้งร่างผมไว้แนบอกอย่างห่วงแหน ผมรู้สึกถึงใจของคาร์เรย์ที่เต้นรัว เต้นจนแทบวายตายคล้ายกลัวว่าจะสูญเสียผมไป

“ที่รัก...ที่รัก” คาร์เรย์จูบซ้ำๆ ที่ขมับของผมซึ่งยังหมดแรงขานตอบ ผมจึงได้แต่ครางในลำคอน้อยๆ เป็นเชิงไม่เป็นไร ก่อนจะเหลือบตามองคนที่เกือบคร่าลมหายใจซึ่งตอนนี้กลับนอนนิ่งเสียเอง...

ฆาตกรผู้นั้นถูกยิงทะลุกะโหลก ดวงตาเบิกกว้าง ตายทั้งที่ไม่รู้ตัว

ผู้กระทำคือคนที่กอดผมแน่นอยู่นี้...ในมือถือปืนคุ้นตาของเลียม

“เจย์เดน…”

ไอ้เด็กเวรที่ยังเลือดอาบหน้าครึ่งหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะชะงักเมื่อคาร์เรย์กวาดปืนเล็งใส่อย่างไม่ต่างจากสัตว์ป่าคุ้มคลั่ง

“อย่า...” ผมรีบเอ่ยรั้ง เมื่อเห็นว่าดวงตาของคนรักปรับเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบอย่างไร้ขีดสุด เหมือนกับตอนที่เขาถามว่าจะให้จัดการพ่อของเลียมหรือไม่ ดวงตาของคนที่พร้อมลงมือฆ่า...โดยไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย!

“เขาทำคุณเจ็บตัว” คาร์เรย์แย้ง ไม่ยักฟังผมอย่างเคย ปืนยังคงเล็งไปที่เลียม ซึ่งไอ้เด็กเวรก็ดันยืนนิ่งให้เขาเตรียมยิงซะอย่างนั้น

“อย่า...” ผมพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนี้ พยายามเอื้อมมือแย่งปืนจากคนรัก แต่ขยับตัวได้เล็กน้อยก็ปวดหนึบที่คอจนสำลักไอออกมาตัวโยน เมื่อลองจับจึงพบเลือดไหลซิบๆ คงเป็นเพราะสายโซ่เสียดสีอย่างรุนแรง

คาร์เรย์สบถเสียงเบา ก่อนจะอุ้มผมทั้งตัวเตรียมพาส่งโรงพยาบาล

“คุณฆ่าคนตาย”

พอเดินผ่านเลียม ไอ้เด็กเวรกลับพูดจาน่าถีบซะได้

“นี่เป็นการป้องกันตัว”

คาร์เรย์ตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะสบตา เขาวางปืนคืนไว้แต่แรกที่ข้างศพ อีกทั้งยังทิ้งกุญแจบ้านไว้เหมือนฝากล็อคอีกต่างหาก เพราะเสียงปืนที่ดังสนั่นนั้นทำให้เพื่อนบ้านเริ่มรวมตัวอย่างช้าๆ และหนึ่งในนั้นก็แจ้งตำรวจไว้ด้วย หรือไม่...คนที่ควรจะมาส่งข้าวผมตามเวลาอาจจะเป็นคนเรียกตำรวจมาแทบทั้งกรม

“คุณเวอแกน...”

ตำรวจหน้าคุ้นๆ อุทานเมื่อคาร์เรย์อุ้มผมออกมาขึ้นรถโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม แต่ไม่ทันจะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อสำรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น เลียมก็เดินออกมาอธิบายเพื่อไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่น

“เป็นการป้องกันตัว...”

คำอธิบายของไอ้เด็กเวรนั้นดังพร้อมกับเสียงปิดประตูรถ คาร์เรย์เดินอ้อมมาฝั่งคนขับก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ผมเหม่อมองเสี้ยวหน้ายากคาดเดาอารมณ์นั้นด้วยความรู้สึกปลอดภัยที่แฝงความกังวลลึกๆ

การฆ่าคนเมื่อครู่เป็นการป้องกันตัว

แต่ว่า...แววตาตอนเล็งปืนไปที่เลียมนั้น...


------------------

ตอนนี้ยาวกว่าเดิมแล้วนะคะ ไถ่โทษที่ตอนก่อนๆ ค่อนข้างสั้น  :mew2:
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้น คราวนี้คาร์เรย์ก็ได้เจอะกับเลียมแบบต่อหน้าต่อตาอย่างเป็นทางการครั้งแรกสักที
ถึงจะไม่ค่อยเข้าอารมณ์ในตอนนี้เท่าไหร่...แต่ความจริงแล้ว...
คนแต่งชอบเลียมตอนนี้มากเลยล่ะค่ะ! อร๊าย~! คนอะไรกินกระดาษขู่ เท้เท่~~~!! :impress2: //โดนตบ

แล้วเจอกันในตอนหน้ากับหนุ่มฆาตกรนะคะ  o18
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 03-08-2014 19:38:37
คาเรย์ตัดสินใจเด็ดขาดดีนะ
ถ้าเลียมเอาข้อหามาให้คาเรย์ไม่ยอมจริงๆด้วย
เพราะที่คาเรย์ทำแบบนั้นเป็นการป้องกันตัวจริงๆ
หากไม่ทำ เจย์เดนอาจม่องไปจริงๆก็ได้

ถึงความจริงคาเรย์จะสามารถเลือกยิงส่วนอื่นเช่นแขน ลำตัว
แต่คงไม่สะดวกเท่ายิงหัวสินะ
ผิดกับเลียม ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ประมาททำให้คนร้ายเล่นงานได้ง่ายๆ
ทั้งที่ถือปืนอยู่ในมือ

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 03-08-2014 20:16:39
เกือบตายแล้วไง ฆ่าแล้วข่มขืนน่ากลัวจริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-08-2014 20:51:58
เลียมนี่ติ๊งต๊องมากอ่ะ กินกระดาษขู่พ่อตัวเอง :m20:
แต่ระวังตัวให้ดีนะฮะ ทำคาร์เรย์โมโหขีดสุดแบบนี้  :katai1:
เจย์เดนจะเก็บคนในอดีตไว้ได้นานขนาดไหนกันนะ ซักวันคาร์เรย์ต้องรู้และไม่ปล่อยไปเฉยๆแน่ :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: wi_OoO_wi ที่ 03-08-2014 20:59:58
 :sad3: :sad3: :sad3: :sad3:

อ้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

พวกข่าวที่ว่าเกบ์ฆ่ากันเพราะหึงโหด มันเป็นแบบนี้ย่ะเองงง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Linea-Lucifer ที่ 03-08-2014 21:11:58
ห่วง หึวง หวง <3
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-08-2014 21:44:28
โอ้ย ตอนนี้ลุนระทึกมากอ่ะ

นางเอกเราสเน่ห์แรงสุดๆ

คาเรย์เด็ดขาดมาก

ส่วนเลียมก็ดูดีสุดๆ

เราอิจฉานางเอกจิงจิงวุ้ย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 03-08-2014 21:46:17
อ๊าา เลียมจะตายไม่ตาย ชีวิตเลียมนี่เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ฮา
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-08-2014 21:59:12
ชอบเลียมอ่ะ.  :katai2-1:

คนอะไรกินกระดาษได้
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-08-2014 23:13:47
เลียมบ้ามาก
 คาร์เรย์เท่มาก  ถ้าไม่นับว่าเป็นฆาตกรนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 04-08-2014 00:06:11
พ่อหนุ่มฆาตรกรของเราต้องเป็นพระเอกนะ!!
 :m15:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-08-2014 00:35:30
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-08-2014 09:38:46
เลียม ไม่มีอะไรจะขู่พ่อแล้วเรอะ 555

คาเรย์เท่ห์มั่กมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: ช็อคโกแลตสีม่วง ที่ 04-08-2014 12:53:33
มาติดตามครับบ :katai5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 04-08-2014 14:41:57
 o18 o18พ่อหนุ่มโหดของฉัน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.7 : “นี่เป็นการป้องกันตัว” Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: knightprince ที่ 05-08-2014 15:18:37
นี่ขนาดเจย์เดนยังอยุ่ในสภาพโทรมๆไม่สมบูรณ์แบบเมื่อก่อนยังเสน่ห์แรงขนาดนี้
ถ้าเราเป็นคาร์เรย์ก็คงหึง หวง ห่วง อย่างนี้เหมือนกันแหล
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!! [P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 09-08-2014 13:26:18
Chapter 8 : “เขารักคุณมากใช่มั้ย”

“ทำไมถึงไม่โทรบอกผม!”

คาร์เรย์ถามเสียงเครียดหลังผมถูกแพทย์ตรวจทั้งตัวราวกลัวว่าจะมีรอยช้ำที่มองไม่เห็น และยืนยันให้นอนพักดูอาการที่โรงพยาบาล หากไม่ติดว่าผมที่เริ่มพูดเป็นประโยคได้ร้องห้ามแบบหัวเด็ดตีนขาด คาร์เรย์คงเป็นเอามากถึงขนาดให้ผมแสกนสมองด้วย

“คุณเรียกเลียมมาใช่มั้ย...ทำไมถึงเป็นเขา ไม่ใช่ผม”

คนรักพูดอย่างจริงจัง ไม่ใช่ความน้อยใจ แต่เป็นความโมโหที่พยายามกักเก็บอยู่ลึกๆ ผมซึ่งนอนบนเตียงคนไข้เอื้อมมือแตะริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา หวังบรรเทาอารมณ์ขุ่นมัวไม่ให้ระเบิดตูมออกมา

“นายติดประชุมอยู่...”

คาร์เรย์กัดนิ้วผมเบาๆ แต่เล่นเอาเลือดซึม บ่งบอกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจ

“เลียมตามคดีนี้ เขารู้ดีว่าควรจะจัดการยังไง”

คาร์เรย์กุมมือแน่น ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง

“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง ที่รัก” คาร์เรย์ประกบจูบก่อนจะขบกัดเบาๆ ที่หลังมือของผม “ผมรู้ดีว่า ‘ต้อง’ จัดการยังไง”

ใช่...ผมรู้ดี ถึงได้ไม่เรียกเขา

เพราะฆาตกรคนนั้นจะกลายเป็นของเหยื่อของจริง!

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะคาร์เรย์ ฉันไม่อยากให้นายต้องลงมือ...แบบนั้น”

ถึงจะพยายามหลับหูหลับตามาตลอด แต่ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องเปื้อนเลือดคนอื่นไปมากกว่านี้

ไม่อยากเห็นกับตาซะด้วยซ้ำ...

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ หึ!” คนรักแค่นหัวเราะเย้ยหยัน มองผมวูบหนึ่งราวกับย้ำเตือนว่าผมไม่ควรพูดคำนั้นออกมา “สุดท้ายคุณต้องเจ็บตัวเกือบตายแบบนี้น่ะเหรอ ถ้าผมกลับมาไม่ทันจะเป็นยังไง...ถ้าผมไม่ให้คนเฝ้าคุณเอาไว้...จะเป็นยังไง เจย์เดน!”

ครั้งนี้คาร์เรย์โมโหมากจริงๆ

แต่พอคิดในแง่ของเขา ผมก็เข้าใจ...เขาตามหาผมมาเจ็ดปี ทำเพื่อผมทุกอย่าง เฝ้าประคบประหงมผมในทุกเรื่อง ห่วงใยแม้กระทั่งอดีตของผม แต่กลับ...เกือบจะสูญเสียผมไปทั้งที่เพิ่งรักกันได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ซะด้วยซ้ำ

“ผมอยากฆ่าเลียม”

วูบหนึ่ง ดวงตาของคาร์เรย์กลับเป็นความเย็นชาไร้ก้นบึ้งอีกครั้ง ราวผืนน้ำเงียบสงบที่แฝงความคลุ้มคลั่งไว้ภายใน

“อย่าทำแบบนั้น”

“คุณห่วงเขา!” ความนิ่งสงบแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราด คาร์เรย์กุมมือผมแน่นจนเจ็บ อีกฝ่ายเองก็รู้แต่ไม่ยอมผ่อนแรง ราวกับว่าถ้าผมยอมรับ เขาจะเป็นฝ่ายฆ่าผมก่อนที่จะจัดการกับเลียม

“ฉันห่วงนาย...”

ผมพยายามใช้ไม้อ่อนเพื่อปลอบประโลม

“เลียมเป็นลูกชายของผู้บัญชาการเมืองนี้ ถ้านายฆ่าเขาตอนนี้ต้องโดนตามล่าแน่ มันไม่เหมือนกับที่ผ่านมานะคาร์เรย์...คดีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้จักนาย คนที่ตายก็ไม่รู้จักนาย จึงไม่มีใครโยงมาได้ แต่ว่า...ครั้งนี้เลียมรู้จักนาย และจากวันนี้ทุกคนในกรมก็คงรู้จักนาย มันเสี่ยงเกินไป...”

ผมพูดช้าๆ เพราะยังเจ็บคอ และต้องการให้คาร์เรย์ฟังเหตุผลอย่างใจเย็น

“ฉันห่วงนาย ได้ยินมั้ย”

คนรักพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะแนบแก้มลงกับฝ่ามือผมอย่างอ่อนโยน

“ขอโทษที่ขึ้นเสียงนะครับ”

“ไม่เป็นไร” ผมโล่งอกเมื่อคาร์เรย์กลายเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนอีกครั้ง เด็กหนุ่มประทับจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนมือผม ก่อนจะเลียเลือดที่ปลายนิ้วซึ่งเจ้าตัวกัดจนเลือดออก

“ขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บ”

“ไม่เป็นไร...” ผมหรี่ตาน้อยๆ เมื่อคาร์เรย์ใช้ลิ้นดุนดันอย่างวาบหวาม ลากไล้จากนิ้วชี้ตัวปัญหาไปยังนิ้วอื่นๆ อย่างเป็นธรรมชาติอย่างไม่เน่าเชื่อว่าเขากำลังปลุกปั้นอารมณ์กับคนเจ็บอย่างผม

“ที่นี่โรงพยาบาลนะคาร์เรย์”

ผมหอบหายใจน้อยๆ เมื่อปลายลิ้นอุ่นเริ่มไล่ลงมาถึงข้อมือ

“จริงสิ คุณไม่ชอบเซ็กส์แบบเอ้าท์ดอร์สินะ”

ผมหน้าแดงวาบเมื่อคนเด็กกว่าพูดเรื่องน่าอายอย่างจริงจัง คงเพราะเมื่อวันก่อนผมกับเขามีอะไรกันบนโซฟา และร่างกายผมก็ตอบสนองเขาไม่ได้อย่างที่ควร เด็กหนุ่มจึงสันนิษฐานว่าผมคงไม่ชินกับการร่วมรักนอกเตียง

“นอนหลับฝันดีนะครับ” คาร์เรย์ยอมปล่อยมือผมในที่สุด ก่อนจะโน้มตัวมาจูบหน้าผาก

“นายจะไปไหน” ผมถามเมื่อคนรักผุดลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง ทำเอาใจโหวงเหวงชอบกล

“ผมต้องไปให้ปากคำแทนคุณนะ อย่าลืมสิ” คาร์เรย์ยิ้มอย่างไม่ถือสา ก่อนจะก้มมาจูบปากผมเบาๆ อย่างอดใจไม่ไหว “เดี๋ยวจะรีบกลับมาครับ ที่รัก”

“อืม...” ผมครางรับในลำคอ พลางหลับตาลงเมื่อฝ่ามืออุ่นที่ช่วยปิดเปลือกตาเชื่องช้าอย่างเอาใจใส่

เพิ่งนึกได้ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรรองท้องซะด้วยซ้ำ หิวแทบขาดใจ แต่ความเหนื่อยล้าและอาการปวดหนึบๆ ที่ลำคอนั้นมีมากกว่า

ขอพัก...สักงีบเถอะ




“รับปากสิ...”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืด ผมรู้ดีว่านี่เป็นความฝัน เพราะในความจริงเจ้าของเสียงนั้นตายไปแล้ว

“รับปาก...ว่าจะไสหัวไปจากที่นี่ จะไม่ยุ่งเรื่องนี้ และจะไม่ให้ฉันเห็นหน้าเธออีก รับปากสิ!”

แม้จะเป็นความฝัน แต่ความรู้สึกอึดอัดของสองมือที่บีบคอผมแน่นจนได้แต่ดิ้นทุรนทุรายนั้นยังคงสร้างความเจ็บปวดไม่เสื่อมคลาย...ผมปัดป่ายมือไปทั่ว พยายามดิ้นรั้น ทั้งข่วนใบหน้านั้น จิกนิ้วใส่ข้อมืออีกฝ่าย ฝังเล็บลึกจนกลิ่นเลือดโชย แต่กลับยิ่งทำให้แรงบีบนั้นทวีมากขึ้นไปอีก

“รับปาก!!”

ตัวผมเกร็ง ใบหน้าแหงนขึ้น ปากอ้ากว้างพยายามหาลมหายใจ ดวงตาเหลือกถลน เสี้ยวนาทีนั้นคิดว่าตัวเองคงต้องตายจริงๆ...ไม่เหมือนกับที่ถูกขู่สามครั้งก่อนหน้านี้

แต่แล้วในเสี้ยวนาทีที่ภาพเบื้องหน้าแทบจะกลายเป็นสีดำ แรงที่กดทับลำคอพลันคลายออก ผมสำลัก เกร็งตัวไออย่างทรมาน ไม่แม้แต่จะงอตัวเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เพราะกอบโกยลมหายใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาที คอของผมก็ถูกกอบกุมอีกครั้ง

แรงขึ้น...แรงขึ้นทุกที กดทับตำแหน่งเดิมที่แดงจนขึ้นเป็นรอยนิ้ว กดทับหลอดลมที่ผมจดจำได้ว่ามันรู้สึกแย่ขนาดไหน มันแย่จนผมคิดว่าคอผมคงจะถูกบีบจนขาด ทั้งที่ไม่มีวันเป็นจริง

แต่ความรู้สึกในตอนนั้นมันยิ่งกว่า!

หนีไม่พ้น! ทำอะไรไม่ได้! เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกด้อยกว่าโดยสิ้นเชิง มันทำให้น้ำตาไหลทะลักไม่หยุด คนที่เคยรักผมเหมือนลูกกำลังจะฆ่าผม เหมือนที่บีบให้พ่อฆ่าตัวตาย แค่นึกความกลัวพลันแล่นริ้วจนสติกระเจิดกระเจิง ผมกรีดร้อง ร้องออกมาสุดเสียงแม้จะฟังไม่เป็นคำ เสี้ยวนาทีนั้นลมหายใจที่เกือบถูกพรากไปอีกทำให้ผมเลือกจะวางทุกอย่างทิ้งแลกกับชีวิตของตัวเอง

ได้โปรด...พอสักทีเถอะ!

“ผมรับปาก...รับปากแล้ว ฮึก”

เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ผมก็ได้แต่คู้ตัวร้องไห้จะเป็นจะตาย ทั้งไอทั้งสำลัก หมดเรี่ยวแรงจนแทบไม่อาจบังคับร่างกายซึ่งสั่นระริกราวกลับไม่ใช่อวัยวะของตัวเอง

แต่เขาไม่ให้ผมมีสติมากนัก เพื่อนรักพ่อลากผมออกมา ออกจากห้องที่พ่อเคยฆ่าตัวตาย โยนกระเป๋าที่มีแค่เสื้อผ้าสองสามชิ้นและเงินอีกปึกหนึ่งเพื่อการหลบหนี

“ไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก”

ผมแทบจะคลานไปหยิบ กว่าจะพาร่างตัวเองวิ่งออกมาได้ก็ล้มลุกหลายต่อหลายครั้ง เจ็บไปทั้งตัวแต่ยังไม่เท่ารอยแดงตรงลำคอซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ดี

อ่า...พอเถอะ พอสักที ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้

ทำไม...ทำไม!

“ตายก็ดีน่ะสิ”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ภาพถูกเปลี่ยนเป็นห้องสีดำทึบ ผมถูกจับนอนหงาย ดวงตาเหม่อลอยมองเพดานสีขาวสว่างด้วยเสียงหอบหายใจโรยริน

เสียงโซ่ดังทุกครั้งที่ขยับตัว

“นี่เพิ่งผ่านไปแค่สี่สิบแปดชั่วโมงเท่านั้นนะ ทำท่าจะไม่ไหวซะแล้วเหรอ”

ทำไม...ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้

ทำไมต้องเป็นผม

ทั้งที่...ทั้งที่...

“ให้ฉันสนุกกว่านี้อีกหน่อยสิ เจย์เดน”

ผมรักอย่างหมดหัวใจ

“คาร์เรย์...”

ผมกรีดร้อง พยายามหลุดจากความฝันอันทรมาน ความทรงจำที่พยายามปิดกั้นนั้นกำลังฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดกรีดหัวใจทั้งเป็น

พอสักทีเถอะ! พอได้แล้ว! ปล่อยผมออกไปจากตรงนี้สักที!!

“คาร์เรย์...”

ผมร้องเรียกคนที่รักผมทั้งใจ รักผมยิ่งกว่าที่ผมเคยรักใคร รักและหลงใหลในตัวผมอย่างที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน

ปล่อยให้ผมไปหาคนที่ต้องการผมจริงๆ...

“คาร์เรย์!!”

ไปหาคนคนนั้น!!

“เจย์เดน!”

เสียงตะโกนเรียกชื่อของผมทำให้เปลือกตาลืมตื่นในที่สุด ผมเบิกตากว้าง รู้สึกถึงความชื้นแฉะเพราะร้องไห้จนใบหน้านองน้ำตา เบื้องหน้าของผมคือชายหนุ่มสองคน...คนทางขวากุมมือผมแน่น ช่วยปัดเกลี่ยเส้นผมชื้นเหงื่อของผมอย่างอ่อนโยน และเอ่ยเรียกซ้ำๆ ด้วยความห่วงใย

“ที่รัก...”

คาร์เรย์...คาร์เรย์ที่รักผม คนที่รักผม ‘มาก’ คนนั้น

ผมหลับตานิ่ง พยายามปรับลมหายใจ หัวยังปวดตุบๆ ที่คอเองก็ยังเจ็บหนึบๆ แต่ดูเหมือนจะมีไอร้อนเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย สงสัยผมจะไข้ขึ้น ทำให้เพ้ออกมาได้ขนาดนี้

อ่า...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงทำให้ผมนึกถึงอดีตจน ‘กลัวขึ้นสมอง’ สินะ

“ที่รัก” คาร์เรย์เอ่ยเรียกอีกครั้งอย่างกังวล ผมจึงลืมตาอีกครั้งแล้วส่งยิ้มอ่อน คนทางซ้ายซึ่งยังหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยยอมผ่อนอารมณ์ได้บ้าง

คนคนนั้นคือเลียม...เขามองผม เป็นห่วงผม แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมอง

“คาร์เรย์...” ผมซุกหน้ากับมืออุ่นของคนรัก รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที ด้วยความเชื่อมั่นว่ามือนี้จะไม่มีทางทำร้ายผมอย่างเด็ดขาด

“ชู่...มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น” คาร์เรย์จูบเปลือกตาผมอย่างรักใคร่ “ผมอยู่กับคุณตรงนี้ จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้อีก”

เขาทำให้ผมเชื่ออย่างที่ไม่เคยเชื่อใครคนไหนทำได้หลัง ‘เหตุการณ์นั้น’ แม้กระทั่งเลียมที่ยอมทำผิดเพื่อผม ยอมปกปิดคดีเพื่อผม...ก็ไม่เคยทำให้ผมเชื่อได้เท่านี้

และนั่นคือสาเหตุที่ผมปฏิเสธเลียมมาตลอด

“กลับบ้านเรา...”

ผมเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงสั่นเครือเพราะก้อนสะอื้นยังจุกที่ลำคอ แม้คาร์เรย์จะช่วยจูบซับน้ำตา แต่ความรู้สึกนั้นยังคงหน่วงในอกจนผมแทบอาเจียนออกมา

“ครับ กลับบ้านเรา ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” คาร์เรย์รับปากอย่างว่าง่าย ทั้งที่เมื่อคืนวานยืนยันให้ผมนอนดูอาการจนกว่าเขาจะวางใจ “ถ้ามีอะไรเรียกผมดังๆ นะครับ ที่รัก”

คาร์เรย์จูบปากผมเบาๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออก ทำเหมือนกับว่าเลียมนั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ และก็จริงซะด้วยเพราะเขาเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองไอ้เด็กเวร

พอคนรักออกไป ผมที่เริ่มปรับสติสตางค์ให้เข้าที่ก็ยันตัวนั่งช้าๆ เลียมรีบเข้ามาช่วย แต่ไม่วายมองผมอย่างตัดพ้อน่าสงสาร

“เจ็บชะมัดเลย”

ข้างขมับของไอ้เด็กเวรมีผ้าพันแผลแปะเอาไว้จนเหมือนคนหัวปูด

“เจ็บที่ใจ...เจย์เดน คุณเล่นพลอดรักต่อหน้าผมแบบนี้จะใจดำเกินไปแล้ว”

“ก็นายอยู่เองนี่” ผมว่าอย่างใจดำยิ่งกว่า ถ้าเมื่อครู่ไม่ใช่คาร์เรย์...ไม่ได้หรอกนะ ผมคงไม่สงบเร็วขนาดนี้ เหมือนตอนที่รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นลูกบุญธรรมของพ่อ หากไม่ได้คาร์เรย์เคียงข้าง ผมก็คงไม่สามารถมาทำงานเหมือนไม่รู้สาได้ถึงขนาดนั้น

ราวรู้ดีว่าความสำคัญต่างกันแค่ไหน  ไอ้เด็กเวรจึงยิ้มเจื่อนอย่างรวดร้าว แต่เพียงพริบตาก็กลับมายิ้มกวนอย่างใจกล้าหน้าด้านเหมือนเดิม

“ผมรายงานเบื้องบนไปว่าผมเป็นคนยิงฆาตกรโรคจิตนั่นเอง” เลียมเอ่ย และนั่นคงเป็นสาเหตุที่คาร์เรย์ยอมให้ไอ้เด็กเวรนั่งเป็นอากาศในห้องนี้อยู่นานสองนาน “ไม่ใช่เพราะปกป้องเขา แต่เพราะชดเชยให้คุณ...ผมมันไร้ความสามารถเลยทำให้ทุกอย่างลงเอยแบบนี้ ทำให้คุณต้องเจ็บตัว...เจย์เดน ผมขอโทษ”

“แล้วรอยนิ้วมือล่ะ”

ผมไม่ยอมรับคำนั้น ถึงไอ้เด็กเวรจะไม่ตั้งใจ แต่การที่ความทรงจำในอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งทำให้ผมรู้สึกแย่มากจริงๆ หากไม่ติดว่าต้องนอนซมเพราะไข้ขึ้น ผมคงกระทืบไอ้เด็กเวรสักทีให้หายแค้น

“ผมเช็ดออกแล้วค่อยจับปืนอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมายอมรับเองโดยมีพยานทั้งหมู่บ้านของคุณเลยล่ะมั้ง” เลียมว่าพลางยิ้มขื่นๆ “เมื่อคืนวานก่อนสอบปากคำผมก็โทรไปตกลงกับเขาเพื่อคำให้การที่ตรงกัน เรื่องจะสรุปที่ว่าผมวิ่งไปหยิบปืนมายิงคนร้ายเพื่อช่วยคุณ ขณะที่เขากลับมาพอดี”

ทั้งที่รู้ชื่อแล้วแต่ไอ้เด็กเวรกลับไม่ยอมเรียก ‘คาร์เรย์’ สักคำ

“เจย์เดน...”

มาถึงตอนนี้ผมก็เริ่มเบื่อที่จะแก้คำเรียกแล้ว ปล่อยให้เลียมทำตามใจชอบเถอะ

“เขารักคุณมากใช่มั้ย”

“ใช่” ผมตอบทันที ก่อนจะมองหน้าเลียมนิ่งๆ เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีลังเลเหมือนมีบางอย่างในใจ

“ผมพยายามคิดหลายครั้ง ทำไมเขาถึงยิงปืนแม่นขนาดนั้น คุณอาจไม่เห็นเพราะหันหลัง แต่ผมเห็นทุกอย่าง ‘เขา’ กลับมาแล้วก้มลงเก็บปืน เล็งยิงอย่างไม่ลังเล กระสุนทะลุข้างขมับ ตายคาที่” เลียมพูดเสียงเครียด “ไม่มีกระทั่งอาการตื่นกลัว เจย์เดน...คุณรู้ใช่มั้ยว่าต่อให้เป็นตำรวจที่ฝึกยิงปืนมานาน แต่เมื่อลงภาคสนามจริงๆ คนที่จะทำได้แม่นยำเท่าที่ฝึกมานั้นยากแค่ไหน”

แน่สิ เพราะไอ้คนที่ได้คะแนนการต่อสู้เต็ม ยังถูกคนร้ายเตะหน้าทิ่มได้เลยนี่

แน่นอนว่าผมไม่พูดออกไป ข้อสงสัยของเลียมผมรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

เพราะคาร์เรย์ฆ่าคนเยอะจนชินชา

“เขารักฉัน เลียม รักมาก...รักยิ่งกว่าที่นายรักฉันซะอีก” ผมพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ถ้าคนที่รักมากขนาดนั้นกำลังจะตาย นายจะยังลังเลได้อีกรึไง อีกอย่าง...คาร์เรย์เคยฝึกยิงปืนมาก่อน เขาเรียนเพื่อหวังมาปกป้องฉันอยู่แล้ว กับอีแค่เรื่องนี้ไม่เห็นจะน่าสงสัยเลย”

“แต่...” ไอ้เด็กเวรยังไม่เลิกเป็นเจ้าหนูจำไม “เรื่องที่ปกป้องคุณผมเข้าใจ แต่หลังจากนั้นที่เขาเล็งปืนมาทางผม คุณจะอธิบายว่ายังไง เจย์เดน คุณน่าจะรู้จักคนของตัวเองดีว่าตอนนั้นเขาคิดจะฆ่าผมจริงๆ...ไม่มีความลังเลเหมือนกับที่เพิ่งยิงคนตายไปนั่นแหละ”

“คาร์เรย์เข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ” แล้วทำไมผมต้องมานั่งอธิบายเรื่องพวกนี้ด้วยนะ “แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยิงนายนี่”

“หึ...” เลียมแค่นยิ้ม ยังคงมองตาผมราวพยายามเค้นเอาความจริง “เอาเถอะ ผมยอมแพ้ ผมคงรักคุณไม่เท่าเขาถึงได้ไม่เข้าใจ อีกอย่าง...ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายผิด จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกครั้งก็แล้วกัน”

ไอ้เด็กเวรว่าพลางผุดลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะส่งกระเช้าเยี่ยมคนป่วยขนาดใหญ่ซึ่งแนบการ์ดเขียนสั้นๆ ว่าหายเร็วๆ ให้จนผมได้แต่รับมากอดไว้ทั้งตัว

“ผมจะทำเป็นไม่เห็น...ดวงตา ‘ฆาตกร’ ก็แล้วกัน เจย์เดน”

ไอ้เด็กเวรเดินออกไป สวนกับคาร์เรย์ที่เดินเข้ามาพร้อมหมอเจ้าของไข้

“เขาพูดอะไรกับคุณรึเปล่า”

คาร์เรย์เหลือบตามองไปทางประตูอย่างสื่อความหมาย หลังรับกระเช้าไปถือไว้เองเพื่อให้หมอตรวจร่างกายผมสะดวกๆ นี่เป็นการเช็คครั้งสุดท้ายก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้าน

“เรื่องคดีนิดหน่อยน่ะ” ผมบอกใบ้เป็นเชิงรู้เรื่องว่าทั้งคู่แอบตกลงลับหลังอย่างไร “กลับบ้านกันเถอะ คาร์เรย์”

“ครับ ที่รัก”



หลังจากวันนั้นผมก็ลาหยุดอย่างไม่มีกำหนด เลียมช่วยอ้างว่าเพราะจิตใจผมได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ว่าอะไรได้หรอก ในเมื่อผมจะไปทำงานหรือไม่ก็แทบมีค่าไม่ต่างกัน

“ต่างสิ”

มีเพียงคนเดียวที่หมั่นมาเยี่ยมผมอย่าสม่ำเสมอ

“ผมคิดถึงจะแย่ วันนี้ก็เผลอเดินไปโต๊ะคุณตั้งสามรอบ เหมือนคนบ้าเลยรู้มั้ย” ไอ้เด็กเวรพูดเว่อร์เกินจริง วันนี้เอาช่อดอกไม้มาฝาก แถมยังจัดใส่แจกันเองโดยไม่ต้องพึ่งใคร ต้องบอกว่าโชคดีเพราะคาร์เรย์กำลังติดประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนท์อีกห้องหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเลียมคงไม่พูดจาถือดีแบบนี้ได้

เพราะเวลาสองคนนั้นอยู่ด้วยกันทีไร...เลียมจะนิ่งเงียบ เฝ้ามองคาร์เรย์ที่ช่วยดูแลผมเหมือนอากาศธาตุ ไม่ยักจะปากดีแบบนี้สิน่า
ตอนแรกคาร์เรย์พยายามจะไล่ไอ้เด็กเวรกลับบ้าน ไม่อนุญาตให้มาเยี่ยมผม แต่เลียมมันฉลาด มันอ้างเรื่องคดีทำเป็นปรึกษา หาว่ามีคนสงสัยบ้างล่ะ ไม่ก็ทำเป็นหาเหตุผลเพื่ออุดช่องว่างบ้างล่ะ ซึ่งของแบบนี้คงไปคุยที่อื่นไม่ได้ พอย้ายตัวเองเข้าบ้านสำเร็จ การมาเยี่ยมผมเลยกลายเป็นผลพลอยได้

ทั้งที่เป็นจุดประสงค์หลัก

มีหรือคาร์เรย์จะไม่รู้ ตอนไอ้เด็กเวรกลับไป เขาต้องทำหน้าบูดไม่พอใจทุกที แต่พอผมกล่อมว่าการที่เขาแสดงความรักผมต่อหน้าเลียมทุกวันอาจทำให้ไอ้เด็กเวรตัดใจได้ หลังๆ จึงกลายเป็นการเชื้อเชิญซะแทน เพราะเขาแทบทนรำคาญเลียมไม่ไหว กำจัดไปได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

เสียแต่...ไอ้เด็กเวรก็ยังเวรไม่เปลี่ยน ทั้งที่เจ็บปวดแทบตาย แต่ก็ยังไม่ตัดใจ

“นายชอบฉันตรงไหน”

ผมเลยถือโอกาสถามในวันนี้ซะเลย คนอย่างเลียมใช่ว่าจะเลวร้าย ถึงจะเวรไปนิดแต่ก็นับเป็นคนดีคนหนึ่ง มีน้ำใจ กล้าได้กล้าเสีย เป็นลูกผู้ชายที่ผู้หญิงชื่นชม แล้วทำไมถึงได้ตามตื้อผมขนาดนี้กันนะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

“นั่นสินะ” ไอ้เด็กเวรโคลงศีรษะขณะจัดดอกไม้ ฮัมเพลงอารมณ์อย่างกับคนละคนตอนเจอหน้าคาร์เรย์ “รู้ตัวอีกทีก็ชอบซะแล้ว เลยไม่รู้จะอธิบายยังไง เวลาจะตัดใจก็เลยไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ผมถึงได้แต่ต้องเทียวไปเทียวมาแบบนี้ไงล่ะ”

เลียมว่าพลางวางแจกันบนโต๊ะโซฟา

“หอมมั้ย ดอกกุหลาบสีขาวที่ผมเลือกเองกับมือ แถมยังจัดเองกับมือ”

“ห่วยแตกสุดๆ” ผมตอบตามจริง ไอ้เด็กเวรมันคงตกศิลปะ เพราะแจกันสวยที่เจ้าตัวไปหามาได้ในบ้านนั้นถูกกุหลาบขาวยัดๆ อย่างตั้งใจแต่ไร้ความสวยสิ้นดี

“โธ่ ผมอุตส่าห์ตั้งใจเอามาเยี่ยมคนป่วยเลยนะ”

“ฉันไม่ได้ป่วยสักหน่อย” นี่ก็ความจริงอีกเหมือนกัน แม้ผมจะไข้ขึ้นแต่ก็หายไปตั้งแต่วันแรกๆ เพราะได้คาร์เรย์ดูแลดี อันที่จริงอาการผมไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ที่ป่วยก็เพราะกลัวขึ้นสมองไปเอง พอได้คนปลอบประโลมก็หายแค่ข้ามคืน แต่เพราะยังอยากอู้ คาร์เรย์จึงให้เลขาเอางานมาทำที่บ้าน เวลามีประชุมก็ต่อเข้าคอมพิวเตอร์ตลอด

ส่วนสาเหตุที่ผมไม่ยอมไปทำงาน เป็นเพราะรอยแผลจากสายโซ่ไม่หายสักที ถ้าพันผ้าเอาไว้จะเป็นจุดเด่น ต่อให้ใส่ผ้าพันคอคนที่รู้ข่าวก็จะชะเง้อมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ผมไม่ชอบ...เลยตั้งใจว่าจะรอให้หายแล้วค่อยเชิดหน้าชูคอไปทำงานแบบน่ารังเกียจเหมือนเดิม ไม่ใช่ให้มาเห็นใจ

“รอยแผลใกล้จะหายแล้วสินะ”

เลียมว่าพลางชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ อันที่จริงมันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนักหรอก เพราะแค่ถูกเสียดสีจนเป็นรอยถลอกก็เท่านั้น นี่ก็ผ่านไปห้าวันแล้ว รอยเริ่มเลือนเต็มที

“ขอผมดูชัดๆ หน่อย...”

“ที่รัก”

ไอ้เด็กเวรที่เข้าใกล้จนแทบจะจูบคอผมรีบกลับไปนั่งนิ่งทันที ทำเอาต้องกลั้นขำแทบแย่ ดูเหมือนการถูกมองด้วยดวงตา ‘ฆาตกร’ ในวันนั้นจะทำให้เลียมสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ต่อหน้าคาร์เรย์ จะเพราะอะไรไม่ทราบแต่ผมคิดว่ามันตลกดี

ไอ้เด็กเวรเคยพึมพำตอนอยู่กันสองคนว่า

‘ผมเหมือนตายไปแล้วครั้งหนึ่งแน่ะ’

“เร็วจัง” ผมมองตามคนรักที่เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ ผิดกับเลียมที่ได้สิทธิ์แค่เก้าอี้เดี่ยววางถัดออกไปเกือบช่วงตัว

“ผมอยากรีบมาอยู่กับคุณนี่นา” คาร์เรย์ว่าพลางเหลือบมองไอ้เด็กเวรที่ยังเสนอหน้า แสร้งทำเป็นเปลี่ยนช่องโทรทัศน์อย่างไม่คิดกลับไปง่ายๆ แบบสื่อความนัย

“หิวรึยังครับ”

ก่อนจะทำให้อีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุโดยการจูบขมับผมเบาๆ อย่างรักใคร่

“อยากกินสปาเก็ตตี้ฝีมือนายจัง”

นี่เรียกว่าอ้อนรึเปล่านะ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะผมอยากกินจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังจำมื้อแรกที่คาร์เรย์ทำอาหารให้ผมได้ แม้มันจะไม่อร่อยเท่าร้านอาหารหรู แต่ความใส่ใจนั้นเกินร้อย

“ไปทำด้วยกันมั้ย”

“เอาสิ” ผมผุดลุก เดินตามคาร์เรย์ที่จูงมือเข้าห้องครัว เมื่อชะโงกหน้าออกมาอีกทีเลียมก็กลับไปแล้ว

“เขาจะทำแบบนี้ถึงเมื่อไหร่ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครเข้าบ้านของ ‘เรา’”

คาร์เรย์พึมพำเมื่อผมเดินเข้ามาบอก ไอ้เด็กเวรมักจะหายไปเงียบๆ ทุกครั้ง ทั้งที่ไม่ว่าจะมองไล่ หรือพูดอ้อมค้อมยังไงก็ไม่ไป

“เอาน่า” ผมหอมแก้มคนรักอย่างเอาใจ ไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียเพราะเรื่องแค่นี้ จริงอยู่ ว่าผมแอบรำคาญเลียมบ้าง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ สำหรับผมคงถือว่าเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญไปแล้ว

หลายครั้งไอ้เด็กเวรเผยสีหน้าเจ็บปวด บางครั้งถึงกับทดท้อ แต่การที่ยังปรากฏตัวให้เห็นทุกวัน กลับเป็นข้อพิสูจน์ที่ทำให้ผมยอมรับนับถือ และเปิดใจยิ่งกว่าเดิมว่าเขาคิดกับผมแบบไม่หวังผลตอบแทนจริงๆ

แต่ก็ยังไม่เชื่อใจ

“ถ้าคุณว่าอย่างนั้น...” คาร์เรย์เอ่ยเสียงอ่อน “อย่างน้อยเขาก็พอวางใจได้”

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” กลายเป็นผมซะอีกที่ระแวงเมื่อคนรักพูดแปลกๆ ทั้งที่ปกติเกลียดเลียมเข้ากระดูกดำ

“ผมจะไม่อยู่สักสองสามวันนะที่รัก” คาร์เรย์รั้งเอวผมไปจูบปากหลังทำสปาเก็ตตี้เสร็จ แน่นอนว่าผมเป็นแค่ลูกมือคอยหยิบโน่นหยิบนี่เท่านั้น “ผมต้องขึ้นไปดูสาขาใหญ่ เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ”

“วันพรุ่งนี้เลยเหรอ”

“ครับ” คาร์เรย์จูบข้างแก้ม แอบงับเบาๆ “เมื่อกี้ที่ประชุมลงมติแล้วว่าจะให้ผมขึ้นเป็นประธานคนต่อไป ผมต้องขึ้นไปรับตำแหน่งที่สาขาใหญ่ แนะนำตัวกับหุ้นส่วนคนอื่นๆ ถึงจะกลับมาบริหารต่อที่นี่ได้”

“ยินดีด้วยนะคาร์เรย์!” ผมกอดเขาทั้งตัว ดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากแม่บุญธรรมและคนอื่นๆ สักที “ให้ฉันไปส่งมั้ย”

“ผมไปไฟลท์เช้า ไม่ต้องหรอกครับ” คาร์เรย์กอดตอบพลางหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข “แต่ผมเป็นห่วงคุณ...ที่รัก ถ้าเหงาจะให้เลียมมาค้างก็ได้นะ”

“นายยอมด้วยเหรอ”

ผมถามอย่างแปลกใจ คนขี้หึงแทบบ้าขนาดจะฆ่าไอ้เด็กเวรให้ตายเนี่ยนะ

“ผมเชื่อใจคุณ” คาร์เรย์จูบปากผมอีกครั้ง “อีกอย่าง ถ้าผมไม่อยู่ไอ้หมอนั่นต้องฉวยโอกาสอยู่แล้ว สู้บอกว่าผมอนุญาตจะสบายใจกว่า และผมเองก็ยังไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว...ในช่วงนี้ด้วย”

ผมหลุบตาพลางซุกหน้ากับอ้อมกอดอุ่นๆ เพราะหลายคืนมานี้ผมยังฝันร้ายติดต่อกัน แม้จะไม่เพ้อออกมาเท่าตอนอยู่โรงพยาบาล แต่คาร์เรย์ที่นอนกอดผมมาตลอดย่อมรู้สึกว่าผมนอนหลับไม่สนิท บางคืนถึงกับตัวสั่น ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ทำให้เขาพลอยไม่ได้นอนไปด้วย

“ขอบคุณนะ”

...ขอบคุณที่เชื่อใจ ขอบคุณที่เข้าใจ ขอบคุณ ขอบคุณเหลือเกิน

คาร์เรย์คลายอ้อมกอด ก้มหน้ากระซิบข้างหูพลางกดริมฝีปากจุ๊บเบาๆ

“ก็ผมรักคุณนี่ครับ”

และขอบคุณ...ที่รักผมมากขนาดนี้


---------------------

จะปล่อยปลาย่างไว้กับแมวรึเปล่านะคาร์เรย์ อ่ะแฮ่ม กลับมากับหนุ่มฆาตกรกันอีกครั้งค่ะ
อดีตของเจย์เดนเริ่มเผย "คนคนนั้น" ใกล้จะมีบทออกในไม่ช้าแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 09-08-2014 14:09:41
คนคนนั้น อยากให้คาเรย์รู้จริงๆ

สงสัยจะตายแบบทรมานกว่าทุกๆคนแน่ๆ

และการที่เจย์เดน เพ้อทุกคืน คิดว่าต้องมีหลุด รอลุ้น
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2014 14:31:37
คาร์เรย์น่ารักอ่ะ  :o8:
เลียมน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีในเร็วๆนี้ได้นะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 09-08-2014 15:17:30
ตอนที่เลียมกินกระดาษนั่น ดูเท๊เทจริงๆนะ  :impress2:
ถึงจะทำตัวเป้นพระเอกแค่ไหน ก็มักจะมีชะตาชีวิตเป้นพระรองตลอด ช่างน่ารันทดจริงๆ :sad4:

คาร์เรย์ ตอนนี้เหมือนจะสงบลงคล้ายคนทั่วไปได้หน่อยนึงล่ะ
แต่ถ้าใครมาทำร้ายเจย์เดนอาการคงกำเริบขึ้น

รอดู 'คนคนนั้น' คือใคร และสร้างอดีตอันแสนทรมานใจให้เจย์เดนอย่างไร
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 09-08-2014 16:19:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.8: “เขารักคุณมากใช่มั้ย”Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-08-2014 17:05:05
ชอบฉากกินกระดาษ  :laugh: เป็นอะไรที่พ่อของเลียมขัดขืนไม่ได้จริงๆ

รอตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1: 

ปล. แอบหวังให้เลียมทำสำเร็จจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 11-08-2014 16:23:36
Chapter 9 : “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ”

ผมไม่ได้เรียกเลียมมาหรอก แต่ก็อย่างที่คาร์เรย์บอกไม่มีผิด พอไอ้เด็กเวรรู้ว่าผมอยู่คนเดียวสามวัน มันก็กลับไปขนของมานอนด้วยโดยไม่แม้แต่จะถามเจ้าของบ้าน

“รบกวนด้วยนะครับ”

ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!

ผมส่ายศีรษะอย่างปวดหัวเมื่อมันวางกระเป๋าเป้ไว้บนเตียงผม ทำท่าจะลงไปกลิ้งสักสองรอบ ติดก็แต่ถูกผมถีบตกลงมาซะก่อน

“ที่นอนนายอยู่นี่”

ผมชี้ไปที่ฟูกนอนข้างเตียง ก่อนไปคาร์เรย์เป็นคนปูเองกับมือ ไม่รู้ไปขุดหาจากไหน แถมยังมีหมอนและผ้าห่มครบเซ็ท กะไม่ให้เลียมฉวยโอกาสผมได้

“โธ่ เตียงตั้งใหญ่ ทำงกไปได้” ไอ้เด็กเวรทำหน้าหงอ แต่ก็ยอมเอาเป้วางกับฟูกแต่โดยดี

“ก็นี่มันเตียงฉันกับคาร์เรย์ อนุญาตให้นอนห้องเดียวกันได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าเรื่องมากน่า” บอกตรงๆ ว่าผมเกรงใจคนรักอยู่ไม่น้อยครับ ตอนแรกว่าจะให้เลียมไปนอนบนโซฟา แต่คาร์เรย์กลับแย้งว่าถ้าผมนอนฝันร้ายใครจะช่วยปลุก ทำเอาเถียงไม่ออก ได้แต่นึกขอบคุณน้ำใจคนรักไม่รู้ตั้งกี่ครั้งที่ยอมทำขนาดนี้

 “ไม่ต้องห่วงน่า ผมเป็นสุภาพบุรุษพอ” เลียมรีบอธิบายเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด “ตอนนี้คุณกับผมยังเป็นเพื่อนกัน ฉะนั้นวางใจเถอะ ผมรู้หน้าที่ตัวเองดี”

ไอ้เด็กเวรว่าพลางทิ้งตัวนอนกับฟูกอย่างเคลิบเคลิ้มราวเป็นเตียงของโรงแรมห้าดาว

“ผมไม่อยากให้คุณเกลียดหรอกนะ เจย์เดน”

เอาเป็นว่าผมจะพยายามเชื่อใจเลียมก็แล้วกัน



คืนนั้นผมฝัน...

“เพิ่งเข้างานวันแรกเหรอ ชื่ออะไรน่ะเรา”

“เจย์เดน...เจย์เดน เวอแกนครับ”

“หึ ดูหน้าเบื่อโลกดีนี่ ทั้งที่หน้าตาดีแท้ๆ น่าเสียดายนะ”

“…”

“เอาเถอะ น่าสนใจดี ยังไงก็ขยันทำงานด้วยล่ะ”

“...ครับ”

นั่นเป็นการเจอกันครั้งแรกของผมและ ‘คนคนนั้น’ เป็นการพบหน้าที่เหมือนปกติ ไม่มีอะไรแตกต่าง ด้วยหน้าตาของผมและท่าทางหาเรื่อง ก็ไม่แปลกที่จะมีคนเข้ามาทักทายด้วยความสนใจว่ากินอาหารบูดหรือท้องเสียรึเปล่า แต่ตอนนั้นผมยังไม่เละเทะเท่านี้ และไม่ผอมโซเท่านี้ด้วย ผมยังคงทำงาน แม้จะไม่กระตือรือร้น แต่ก็นับว่าทำงาน...และทำได้ดี

“เก่งนี่เรา”

“ขอบคุณครับ”

ผมตอบเมื่อได้รับคำชม เพราะเพิ่งไปเป็นนกต่อหลอกล่อเด็กวัยรุ่มกลุ่มหนึ่ง ทำให้รวบจับได้ยกแก๊งส์ มานึกดูดีๆ ผมก็เป็นคนขี้หนาวแต่ไหนแต่ไร ฉะนั้นเมื่อได้รับคำชวนให้ไปดื่มฉลอง จึงตอบรับอย่างไม่ลังเล

“ชื่ออะไรนะ”

“...เจย์เดน เวอแกนครับ”

“อืม...ฉันชื่อเบรด ถึงจะตำแหน่งสูงกว่า แต่เรียกฉันว่าพี่เบรดแล้วกัน”

เขาเป็นคนอัธยาศัยดี รักลูกน้อง ใจกว้าง ชอบความอิสระ มักเถลไถลตอนกลางคืนเป็นประจำจนเป็นหัวโจกในการพาลูกน้องเที่ยวกลางคืน

“อยู่คนเดียวสินะ”

“ครับ”

“งั้นมาค้างที่บ้านสิ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว”

“ไม่ดีกว่าครับ”

“เอาน่า อย่าเกรงใจ บ้านพี่อยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน ตื่นสายได้สบายมากน่า”

ผมยอมรับน้ำใจของเขา แต่ก็ไม่อยากอาศัยกับคนแปลกหน้า เรื่องราวในอดีตยังสอนให้ผมระมัดระวังตัวเสมอ แต่เพราะมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นบอกว่าจะไปค้างด้วย ทำรวมกับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมจึงยอมรับปาก

และเรื่องราวก็เวียนผ่านเช่นนั้นไปหลายต่อหลายครั้ง เบรดเข้าหาผมอย่างเป็นธรรมชาติ เริ่มจากตำแหน่งเจ้านาย มาเป็นพี่ชายคนสนิท จากนั้นจึงเป็นเพื่อนผู้รู้ใจ ก่อนจะพัฒนาเป็นคนรัก

เขาใช้เวลาถึงสองปีเต็ม

ทุกอย่างเป็นอย่างเชื่องช้า แต่กลับค่อยๆ แทรกเข้าไปในใจของผมอย่างลึกล้ำ รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่ปิดกั้นเขาอีกต่อไป

ถ้าเป็นเขา...คงไม่เป็นไร

ผมคิดแบบนั้นเมื่อยอมตกลงมีอะไรกันครั้งแรก

ถ้าเป็นเขา...คงไม่เหมือนคนอื่น

ผมยังคงคิดแบบนั้น เมื่อเขายังคงเฮฮาเป็นกันเอง เทคแคร์ผมดีเยี่ยม ไม่มีเรื่องหึงหวง ไม่มีเรื่องการเป็นเจ้าของอย่างโจ่งแจ้ง ความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับในที่ทำงาน แต่ก็ไม่เคยจืดจางลงสักวันเดียว

ถ้าเป็นเขา...

“เจย์เดน”

คืนหนึ่ง ผมตื่นมาในห้องคุ้นตา ถ้าจำไม่ผิดเป็นห้องใต้ดินที่เคยลงไปครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมลงไปหาของ แต่ก็ถูกเบรดจูงมือเดินออกมาบอกว่าซนนัก แม้จะถามว่าทำไมห้องใต้ดินถึงมีเตียงหลังเล็ก เขาก็บอกปัดเป็นเชิงสำรอง เพราะมีคนมาข้างที่ห้องเขาหลายครั้ง ผมจึงไม่ใส่ใจ

แต่ตอนนี้ผมกำลังนอนหงายบนเตียงนั้น

แกร่ก...

เสียงสายโซ่เรียกสติผมเอาไว้ เมื่อลองดูชัดๆ จึงพบว่าที่คอของผมมีปลอกคอสำหรับสัตว์ เกี่ยวสายโซ่คล้องกับหัวเตียง ล็อคแม่กุญแจแน่นหนา ความยาวนั้นทำให้ผมได้แต่อยู่บนเตียง ขณะที่ร่างเปลือยเปล่าไม่มีกระทั่งผ้าห่มปกปิด

“นี่มันอะไรครับพี่”

ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เบื้องหน้ามีกล้องวีดีโอวางบนขาตั้ง ถ่ายมาที่ตัวผมซึ่งได้แต่เงยหน้าถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“อย่าตกใจน่า พี่ก็แค่ทำอะไรสนุกๆ”

เบรดเข้ามาจับหน้าผมให้หันไปทางกล้องชัดๆ

“ยิ้มหน่อยสิครับ เจย์เดน”

และนั่นทำให้ผมรู้...ถึงนิสัยแท้จริงของเขาเป็นครั้งแรก!




(( เมื่อคืนเป็นไงบ้างครับที่รัก ไม่มีผมอยู่คิดถึงรึเปล่า ))

“คิดถึงสุดๆ เลย”

ผมตอบขณะมองดูไอ้เด็กเวรกำลังเก็บฟูกไม่ให้เกะกะทางเดิน เมื่อคืนผมฝันร้าย...แต่ไม่ว่าจะปัดป่ายอย่างไรก็ไม่เจออ้อมกอดอุ่นเหมือนเดิม มันทำให้ผมแทบบ้า ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อถูกเลียมเขย่าแรงๆ

ทั้งผมและเขาไม่พูดอะไรตลอดคืน ไอ้เด็กเวรไม่ถามสักคำ ส่วนผมก็ไม่อธิบายสักแอะ ท้ายที่สุดจึงได้แต่นอนกอดเข่าบนเตียง โดยมีเลียมนั่งบนฟูกเป็นเพื่อนอยู่ข้างล่าง แต่พอเช้ามาผมกลับอยู่ในท่านอนถูกห่มผ้าอย่างดี คงจะเผลอหลับไป...พอจะหันไปขอบคุณ ก็เจอไอ้เด็กเวรนอนซบหน้าอยู่ข้างเตียง สะกิดไปไม่กี่ทีก็ตื่น แต่หน้าซีกขวาเป็นรอยยับ เล่นเอาผมหลุดขำแต่เช้า

(( โทรหาผมตอนกลางคืนได้นะครับ ทุกครั้งที่คุณตื่นเพราะฝันร้าย ผมพร้อมจะกล่อมคุณให้หลับฝันดี ))

“ถ้านายอดนอนจนกลับมาหาฉันช้ากว่าเดิมก็แย่น่ะสิ” ผมพูดเป็นเชิงปฏิเสธ แม้จะอยากได้ยินเสียงคาร์เรย์จับใจ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง อีกอย่าง การที่ไอ้เด็กเวรอยู่เป็นเพื่อนผม ก็ทำให้ใจสงบได้ระดับหนึ่ง

“คุณจะกินอะไร”

พูดถึงก็มา เลียมเปิดประตูระเบียงเข้ามาถามผม อยู่ในชุดลำลองสบายๆ ไม่เหมือนคนจะไปทำงานสักนิด

“ผมเพิ่งสร้างผลงานน่ะ จะขอลาหยุดสักวันสองวันก็สบายอยู่แล้ว” ไอ้เด็กเวรตอบเมื่อโดนผมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า “สรุปคุณจะกินอะไร ถ้าทำได้จะลองดู ถ้าไม่ได้ก็จะสั่งให้ ผมหิวแล้ว”

“เอาเหมือนนายแล้วกัน”

ผมนึกอะไรไม่ออกเลยได้แต่ตอบส่งๆ ไป

“โอเค” เลียมยิ้มกว้าง บรรยากาศไม่ยักอึดอัดอย่างที่คิด พอเลียมปิดประตูระเบียง ผมก็ยกโทรศัพท์คุยกับคาร์เรย์ต่อ

(( หมอนั่นไม่ทำอะไรคุณใช่มั้ย ))

เสียงคาร์เรย์เย็นกว่าเดิมสองระดับ หากตอบว่าใช่ เชื่อว่าคงจะจับไฟลท์บ่ายบินกลับมาทันที

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันกับเลียมเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ” ผมยืนยัน พลางสูดอากาศยามเช้าเข้าลึกๆ ให้ตาย...ผมชอบบ้านหลังนี้จริงๆ แต่จะดีกว่านี้มากถ้ามีคนรักอยู่เคียงข้าง “แล้วรีบกลับมาล่ะ คาร์เรย์”

(( ครับ ที่รัก ))

บ้าชะมัด แค่วันเดียวผมก็คิดถึงจูบหวานๆ ของเขาซะแล้ว ผมมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปก่อนจะยิ้มขันกับตัวเอง คาร์เรย์โอ๋ผมเกินไป ทำให้นิสัยเสียแล้วสิ

แต่พอเดินลงมาข้างล่าง กลิ่นเหม็นไหม้ก็ทำให้อารมณ์สดใสเพราะได้รับการปลอบโยนจากคนรักชะงักกึก

“ทำอะไรของนายน่ะ”

ผมชะโงกหน้าไปยังห้องครัว เห็นไอ้เด็กเวรกำลังทำการสังหารอะไรบางอย่าง เพราะมันดำปี๋จนดูไม่ออก

“อ่ะ ผมเห็นว่ามีไส้กรอก ก็เลยว่าจะทอดให้คุณกินซะหน่อย แต่ว่า...”

เลียมยกกระทะที่ก้อนดำๆ ติดแน่นด้วยสีหน้าจนใจ

“มันเป็นแบบนี้ซะแล้วน่ะ”

ไอ้-เด็ก-เวร!

ห้องครัวที่เคยเต็มไปด้วยไอความรักถูกกลบด้วยควันไหม้จนผมต้องรีบเปิดหน้าต่าง ก่อนจะเอากระทะไปล้างน้ำ เสียแต่ไม่ว่าจะขูดออกยังไงก้อนดำๆ ที่ว่าก็ยังติดแน่น บ้าจริง! ถึงผมจะห่วยด้านนี้ แต่ก็ไม่โง่ขนาดทอดของกินโดยไม่ใส่น้ำมันนะ!!

“ทำไม่เป็นแล้วจะเข้ามาทำลายของทำไมเนี่ย!”

หลังมั่นใจว่าได้ฤกษ์ซื้อกระทะใหม่แน่นอน ผมก็หันไปว่าเลียมอย่างโมโห

“ก็ผมไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนี้นี่นา...เห็นเขาทำอาหารมัดใจคุณออกบ่อย ก็เลยอยากลองทำดูบ้าง...”

โหย ไม่เจียมฝีมือเลยนะไอ้เด็กเวร!

ผมกุมขมับ ไม่รู้จะอธิบายกับคาร์เรย์ยังไงตอนเขากลับมา

“อย่าโกรธน่า คุณไปแต่งตัวดีๆ แล้วออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน จากนั้นค่อยแวะซื้อกระทะก็แล้วกัน โอเคมั้ย”

“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว!”

ผมกระแทกเสียงก่อนจะเดินโครมๆ ขึ้นบันได อดคิดไม่ได้ว่าคาร์เรย์ไม่ต้องห่วงผมกับเลียมสปาร์คกันหรอก แต่ควรห่วงว่าผมจะเผลอทำร้ายการไอ้เด็กเวรมากกว่าต่างหาก!




ท้ายที่สุดพวกเราก็ออกไปกินข้าวที่หน้าหมู่บ้าน

ผมไม่กล้าไปไหนไกล แม้วันนี้ไอ้เด็กเวรจะหยุดงานคนเดียว แต่อาจจะมีคนรู้จักมาเห็นตอนเดินกับผมก็ได้ เป็นเรื่องขึ้นมาจะยุ่ง พ่อเลียมยิ่งไม่ชอบหน้าผมอยู่ ฉะนั้น หลังท้องอิ่ม พวกเราก็ไปซื้อกระทะที่ร้านอุปกรณ์ใกล้ๆ เพราะเลียมถ่ายรูปของเก่าเอาไว้ พอยื่นให้เจ้าของร้านดู จึงได้กระทะหน้าเดิมๆ กลับมาประจำที่ห้องครัวอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคาร์เรย์จะดูออกรึเปล่า

พอห้องครัวกลับสู่สภาพเดิม ไม่รู้ทำไมจากที่โกรธๆ พอมองหน้าเลียมอีกครั้งผมกลับหัวเราะออกมา ตั้งฉายาให้ไอ้เด็กเวรได้ซะงั้นว่า ‘ตัวทำลายกระทะ’

เลียมหัวเราะตอบ ดูภาคภูมิใจซะด้วยสิ ก่อนจะถามผมว่าแล้วจะทำอะไรกันต่อดี...นั่นสิ ปกติแล้วคาร์เรย์จะคอยนั่งทำงานข้างๆ ส่วนผมหากไม่นั่งอ่านหนังสือก็ดูหนังไปเรื่อยๆ มีหยอกล้อกันบ้างตามประสาคนรัก แต่จะให้นั่งทำแบบนั้นกับเลียมมีหวังตีกันตาย ท้ายที่สุดไอ้เด็กเวรจึงเสนอให้ผมไปเล่นกีฬาสักหน่อย นอนอืดอยู่บ้านมาหลายวัน กล้ามเนื้อคงเหี่ยวหมดแล้ว

ผมเห็นด้วย เพราะยังเจ็บใจที่วิ่งแพ้เด็ก อีกทั้งหลายปีมานี้ก็ไม่เคยออกกำลังกายจริงๆ จังๆ เลย ช่วงนี้หน้าตาผมเริ่มอุดมสมบูรณ์ขึ้นแล้ว จะขาดก็แต่กล้ามเนื้อนี่ล่ะ

“งั้นจะเล่นอะไรดีล่ะครับ”

ไอ้เด็กเวรชอบเตะบอล แต่จะให้เล่นบอลกันสองคนนี่โคตรเหงา ผมลองไปรื้อๆ ห้องเก็บของในบ้าน พบว่ามีลูกบาสเลยตกลงกีฬาได้แบบไม่ต้องมีตัวเลือก

พวกเราอพยพกันไปที่สวนซึ่งใช้เวลาเดินจากบ้านไม่ถึงห้านาที ที่นั่นมีแป้นบาสเตี้ยๆ สำหรับเด็ก ผมกับเลียมมองหน้ากัน ก่อนจะตกลงปลงใจกันเล่นบาสแบบทุเรศสายตาฉิบเป๋ง ยังดีที่วันนี้เป็นวันทำงาน เด็กก็ไปโรงเรียน อีกทั้งสวนนี้อยู่ท้ายหมู่บ้าน จึงไม่มีใครเห็นผู้ใหญ่สองคนเล่นแย่งบอลข้ามไปข้ามมาระหว่างแป้นบาสอันเท่าไหล่

“ดังค์!”

ยังจะเรียกว่าดังค์!

ผมมองเลียมขำๆ ไอ้เด็กเวรโชว์ความเทพหลายท่า ทั้งกระโดดชู้ต เอาบาสยัดห่วงทั้งสองมือ หรือโยนลูกข้ามหัว มันคงจะดูดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่กับแป้นสำหรับเด็ก

“ผมชนะ”

“นายขี้โกง” ผมว่าหลังพยายามแย่งลูกจากอีกฝ่าย แต่โดนไอ้เด็กเวรลวนลามกลับแบบทีเล่นทีจริง ทำให้จากที่ควรเอาบาสยัดลงห่วง กลายเป็นปาลูกบาสกระแทกหน้าเลียมแทน

คะแนนที่ปรากฏคือ 30-0

แต่ถ้านับคะแนนจากการทำร้ายร่างกาย

คะแนนจะกลายเป็น 0-30

เลียมหน้าแดง มาจากความเหนื่อยและแรงกระแทกจนเห็นรอยช้ำ พอไอ้เด็กเวรทำท่ามึนๆ เบลอๆ ผมที่กำลังจะปาลูกบาสใส่เป็นครั้งที่ 31 ก็เริ่มสำนึกว่ามันเองก็เป็นคนเจ็บ แม้จะเอาผ้าพันแผลออกแล้วแต่ยังปิดพลาสเตอร์เอาไว้ หากได้รับการกระทบกระเทือนมากๆ อาจจะสมองเสื่อมเอาได้

“กลับกันเถอะ”

ผมลดลูกบาสในมือลง หอบหายใจเหนื่อยอ่อนเพราะต้องวิ่งไล่ไอ้เด็กบ้านี่เป็นเวลานาน

“ครับ” เลียมตอบรับง่ายๆ หรือไม่ก็เพราะไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังยิ้มออก แถมยังหัวเราะร่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้วส่องกระจกเห็นหน้าบวมๆ ปูดๆ ของตัวเอง

“คุณต้องรับผิดชอบผมนะ”

“เออน่า” ผมตอบรับอย่างขอไปทีพลางผลักหัวไอ้เด็กเวรให้ไปอาบน้ำก่อน  เลียมทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ยอมรับผ้าเช็ดตัวจากผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำชั้นบนไป

เห็นแบบนั้นผมก็โทรหาคาร์เรย์ เพราะไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยเลยเพิ่งเห็นว่าเขาโทรมาถึงสามครั้ง และข้อความอีกสองฉบับ ตอนแรกผมแอบคิดว่าเทียบกับความห่วงของอีกฝ่ายแล้วออกจะน้อยไปสักหน่อย แต่พออ่านข้อความก็เข้าใจ

‘ครั้งหน้าจะออกไปไหนอย่าลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยสิครับ’

   เขารู้ว่าผมทำอะไรอยู่ คนที่ให้ตามผมไว้ช่างทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ

มันรู้สึกอุ่นแบบแปลกๆ เหมือนกับว่าตนอยู่ในสายตาของคนรักตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความเป็นส่วนตัวนัก ผมอยากได้บรรยากาศแบบเป็นห่วงมากๆ เหมือนกันนี่นา

โอเค ผมยอมรับว่าผมโรคจิตพอตัว เป็นพวกโหยหาความรักอย่างที่สุด แต่ว่า...

‘กลับมาแล้วโทรหาผมด้วยนะ คิดถึงจัง’

ผมอมยิ้ม เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ที่โต๊ะข้างโซฟาก่อนจะกดโทรออกทันที

(( เหนื่อยมั้ยครับ ที่รัก ))

เสียงที่ชวนให้สบายใจทุกครั้ง แม้จะนึกตงิดกับการกระทำหลายๆ อย่างของคาร์เรย์ แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กัน หรือได้พูดคุยกันด้วยความรักใคร่อย่างแท้จริง ก็ทำให้ผมยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อกอบโกยช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ให้นานที่สุด

“ถ้านายมาเล่นด้วยกันก็ดีน่ะสิ”

(( ผมนึกว่าคุณเกลียดการออกกำลังกายซะอีก ))

คาร์เรย์หัวเราะรวน นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเก็บอุปกรณ์กีฬาไว้ในห้องเก็บของโดยไม่คิดเอาออกมาเลยสักครั้ง

“นานๆ ทีก็ไม่เป็นไรหรอก ยืดเส้นยืดสายบ้าง ฉันจะสามสิบแล้วนะคาร์เรย์”

(( จะสี่สิบผมก็รัก ))

เหมือนจะคุยกันคนละเรื่อง แต่ก็ทำเอาผมใจสั่น

“คิดถึงนายจัง...”

ผมเผลอรำพันออกมา การได้ยินแค่เสียงหวานๆ ของคาร์เรย์แต่กลับไม่เห็นหน้าทำให้ผมได้แต่เฝ้าจินตนาการเพียงฝ่ายเดียว แทนที่จะคิดถึงน้อยลงกับทวีมากขึ้นกว่าเดิม

คำบอกรักนั้นควรได้ยินจากปาก ไม่ใช่ผ่านเสียงปลายสายแบบนี้

(( ผมดีใจนะที่คุณพูดออกมา ))

คาร์เรย์พูดเสียงอ่อน เชื่อว่าคงกำลังระบายยิ้มเต็มหน้า

(( จริงสิ ใกล้จะวันคริสมาสแล้ว คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ผมจะได้ซื้อกลับไปฝาก ))

“อีกตั้งอาทิตย์กว่าๆ เนี่ยนะ”

(( วางแผนก่อนไงครับ นี่เป็นปีแรกเลยนี่นาที่ผมจะได้ฉลองคริสมาสกับคุณ ))

ใช่ เป็นปีแรกที่ผมจะได้ฉลองคริสมาสกับคนที่รักตอบอย่างมากล้นขนาดนี้

ในใจอุ่นวาบ ผมนึกไม่ออกหรอก ว่าต้องการของอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า เพราะแค่มีคาร์เรย์ ผมก็พอใจแล้ว

“งั้นคริสมาสนี้กินเค้กด้วยกันนะ”

(( เอ๋ แต่คุณไม่ชอบของหวานนี่ครับ ))

“ก็ไม่ถึงกับเกลียดหรอก แต่เพราะของแบบนั้นกินคนเดียวแล้วมันเหงา เลยกลายเป็นไม่ชอบน่ะสิ” ผมตอบตามจริง หลุดยิ้มน้อยๆ กับนิสัยเด็กของตนที่อยากแย่งกินเค้กปอนด์กับคนรักเคล้าเสียงหัวเราะ

คงเป็นคริสมาสที่มีความสุขมากทีเดียว

(( ผมรักคุณจัง ))

“อืม ฉันรู้”

น้ำเสียงของคาร์เรย์แฝงความรู้สึกมากมาย หนึ่งในนั้นคือความตื้นตันใจ

(( ผมจะรีบกลับไปหาคุณ รอผมนะครับ ))

“หึ ถ้าไม่รอนายแล้วฉันจะรอใครได้ล่ะ โชคดีล่ะ คาร์เรย์”

ผมวางสาย พอดีกับเลียมซึ่งเดินลงมาพอดีด้วยสภาพหัวเปียกโชก ไอ้เด็กเวรขนเสื้อผ้ามาเองจึงอยู่ในชุดนอนอุลตร้าแมนที่ผมไม่เคยเห็นคนอายุยี่สิบกว่าที่ไหนใส่แล้วเข้ากันได้ดีเท่านี้มาก่อน

“อุบ...” ผมหลุดขำ ปิดปากแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางแทบไม่ทัน

“จะหัวเราะก็หัวเราะออกมาสิครับ ผมเพิ่งซื้อชุดนี้มาเพื่อสร้างความประทับใจให้คุณเลยนะ” ไม่ว่าเปล่า ไอ้เด็กเวรยังเดินมาหมุนตัวข้างหน้าผม แล้วจบท้ายด้วยการทำท่าปล่อยท่าไม้ตายของอุลตร้าแมน

“ฟิ้วๆ ฟ้าวๆ ผมนี่ล่ะคือตัวแทนแห่งความยุติธรรม!”

คราวนี้ผมกลั้นขำไม่อยู่จริงๆ หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไอ้เด็กเวรเหมือนจะได้ใจเลยยิ่งทำท่าเตะต่อยใส่อากาศซึ่งจินตนาการเป็นปีศาจร้าย สมจริงจนผมเชื่อหมดใจว่าตอนเด็กเลียมต้องเคยทำแบบนี้หลายครั้งแน่ๆ

“เอ้าๆ พอได้แล้ว เพิ่งอาบน้ำมาเดี๋ยวก็เหงื่อออกอีกรอบหรอก”

ผมกวักมือเรียกไอ้เด็กเวรก่อนที่มันจะกระโดดหมุนตัวเตะกลางอากาศ ยิ่งปล่อยไปท่าก็ยิ่งพิสดารขึ้นทุกที

“คุณเรียกได้เวลาพอดี ผมกำลังสมองตันเลยล่ะ” ไอ้เด็กเวรสารภาพพลางทิ้งตัวนั่งข้างผม ยื่นหน้าช้ำๆ เข้ามาออดอ้อน “แต่เห็นคุณหัวเราะขนาดนั้นก็คุ้มแล้ว”

ผมจิ้มหน้าผากซึ่งเป็นรอยแดงแถมยังปูดออกมาน้อยๆ อย่างหมั่นไส้ เรียกให้เลียมร้องโอดโอย

“โอยๆ อุลตร้าแมนแพ้แล้วครับ สู้จอมมารเจย์เดนไม่ได้จริงๆ!”

“จอมมารเหรอไอ้เด็กเวร!” ผมชักเข้าใจความรู้สึกตามน้ำเหมือนที่ไอ้เด็กเวรเพิ่งจะโชว์กายกรรมเมื่อครู่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมกำลังรับบทจอมมาร ซ้ำเติมแผลให้เลียมมากกว่าช่วยรักษา

“นี่คุณกะให้ผมลาหยุดยาวเลยใช่มั้ยเนี่ย”

ไอ้เด็กเวรทักท้วงเมื่อผมพันผ้าทั้งหน้าให้จนเหมือนมัมมี่ ชอบเล่นดีนักก็ต้องโดนแบบนี้ล่ะน่า

“ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว นายก็เก็บของด้วยล่ะ”

“โธ่...ว่าจะแอบดูสักหน่อย โอ๊ย! ผมล้อเล่นครับคุณท่านเจย์เดน!!” เลียมซึ่งก้มหน้าพึมพำเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลร้องจ๊ากเมื่อผมตบหัวมันจนหน้าเกือบทิ่ม

“เพื่อนเล่นเหรอฮะ”

“ก็เพื่อนน่ะสิครับ” ไอ้เด็กเวรยังยิ้มออก เห็นแล้วผมก็เหนื่อยใจ หมดแรง แถมยังรู้สึกตัวเหม็นเหงื่อเอามากๆ เลยเดินไปอาบน้ำที่ชั้นบนโดยไม่สนใจเสียงเจือแจ้วไล่หลังอย่างสดใสของเลียม

พอกลับลงมาอีกครั้ง ไอ้เด็กเวรก็โทรสั่งอาหารเรียบร้อย จัดโต๊ะอย่างดี แถมยังรู้ใจสั่งของชอบผมมาด้วย แต่พอกินเสร็จปัญหาก็มาเยือนเมื่อมันอาสาล้างจาน ไอ้ผมก็ดันคิดว่าเรื่องแค่นี้คงทำได้ กว่าจะรู้ตัวว่าคิดผิดจานกระเบื้องของคาร์เรย์ก็แตกไปสองใบ กับแก้วน้ำอีกหนึ่งแก้ว...

“ถ้าทำไม่เป็นก็บอกแต่แรกสิ!”

ไอ้เด็กเวรหัวปูดอีกรอบ ก่อนจะช่วยเก็บกวาดเศษแก้วลงถังขยะ ผมแอบจดลิสต์ของที่ต้องซื้อพรุ่งนี้ในใจพลางกุมขมับ เห็นทีต้องห้ามเลียมเข้าห้องครัวอย่าถาวรซะแล้ว

พอเดินออกมา ไอ้เด็กเวรจอมสร้างเรื่องก็ยังไม่เจียม หยิบครอสเวิร์ดที่ลงทุนขนมาเองจากบ้านมาชวนผมเล่นบนห้องนอน แน่นอนว่าผมนั่งเตียง ส่วนมันนั่งพื้น เล่นไปเล่นมาปะทะฝีปากกันจนเหนื่อยอ่อน ผมก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

น่าแปลก...คืนนั้นผมไม่ฝันเลย


--------------------

วันหยุดยาวก็รีบอัพรัวๆ นี่เป็นช่วงทำคะแนนของเลียมโดยแท้ โฮกกก ใครคิดถึงหนุ่มฆาตกร รับรองว่าคาร์เรย์ไม่กล้าทิ้งให้เจย์เดนอยู่กับเลียมนานๆ หรอกค่ะ เดี๋ยวจิได้กลับมาทวงตำแหน่งคืน!!  o18

ปล.เจย์เดนไม่เอานาย มาเป็นของเราก็ได้นะเลียม...แค่ก!  :heaven


หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-08-2014 17:26:12
เลียมน่ารักนะ ให้ความรู้สึกเป็นพระรองเกาหลีมากๆ ดีกับเจย์เดนทุกอย่าง แต่ก็เป็นได้แค่เพื่อน  :เฮ้อ:
แต่อย่าให้สนิทกันมากกว่านี้เลยนะ กลัวเจย์เดนเผลอใจอ่า คนเรามันอ่อนไหวกว่าที่คิดนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-08-2014 18:11:00
เลียมเหมาะจะเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายได้เลยนะเนี่ย

คนคนนั้นนี่ อยากให้คาเรย์ฆ่าทิ้งแบบแยกร่างจริงๆ
เจย์เดนคิดถึงคาเรย์แล้ว กลับมาได้แล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: hikikomori ที่ 11-08-2014 19:23:19
เอร้ยยยยยยย  ทำไมตอนนี้มีแต่บทเลียมอ่ะ
นางก็น่ารักนะ แต่ไปเป็นมือที่สามคนอื่นขุ่นแม่ไม่สนับสนุนนะเลียม 5555 :katai3:
หวังว่าเจเดนจะไม่ใจอ่อนเผลอชอบไปมากกว่านี้ กลัวเกิดการนองเลือดกัน=w=
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 11-08-2014 19:30:48
เราชอบคาเรย์มากเลยอ่าาาาา>/////<
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 11-08-2014 21:25:16
คิดถึงคาร์เรย์  :กอด1:

รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: wickedwoman ที่ 11-08-2014 22:40:19
ชอบมากค่าาาา ชอบทั้งเนือเรื่องและภาษาที่ใช้เขียน
อยากให้คาเรย์กลับมาไวๆจัง ชอบโมเม้นต์ที่2คนนี้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 11-08-2014 23:00:33
 :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-08-2014 23:22:17
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 11-08-2014 23:23:56
เลียมขยันทำคะแนนน่ะเนี่ย แต่เดี๋ยวที่รักเขาก็กลับมาแล้วระวังหลังไว้ล่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 12-08-2014 06:47:21
โฮ่ เลียมผู้น่าสงสารรรรร :hao7:
สงสารเจย์เดนจัง ทำไมชีวิตอาภัพงี้ อย่ามาม่าอีกเลยนะคะ  :hao5: รอตอนต่อไปเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-08-2014 07:51:12
ตอนนี้เลียมทำคะแนนสูงมากอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2014 14:09:59
3P เหอะเขารักพี่เสียดายน้อง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-08-2014 17:59:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: kitwiphat ที่ 12-08-2014 20:38:45
ตอนจบจะเป็นอย่างไรนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-08-2014 08:58:45
เลียมจ๋า มามะ มาๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-08-2014 17:20:18
เอาเลียมไปเก็บค่ะ
เข้ามาเฝ้าคาร์เรย์  :ling1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 14-08-2014 04:05:47
ขอบอกคุณคนเขียนว่า "คุณคือฆาตรกร" คุณทำให้เรานอนไม่หลับ คุณทำให้เราที่อยากจะหลับตอนตีสองนิดๆ กลายเป็นนอนตีสี่ เพราะนิยายคุณ มันกระตุ้นความกระหายจะรู้ว่าเรื่องจะดำเนินต่อไป คุณทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ

ที่พล่ามมา ลืมมันไปเถอะ ฮ๋าๆ คือเห็นชื่อเรื่องแล้วน่าสนใจ เลยเปิดอ่าน  ตอนแรกกะอ่านแค่บทนำ ไม่ก็บทที่หนึ่งก่อน พออ่านบทแรกจบเท่านั้นแหละ ความอยากรู้มาเต็ม อ่านต่อแบบนอนสต๊อปจ้าาาาาาาาาา ฮ่าๆ สนุกมาก ปวดหัวทุกตอน ยิ่งมีตอนนึงเราคิดว่าเลียมเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยนะเนี่ย

เรื่องสนุกมาก วางอิมเมจฆาตรกรมาแบบไม่เหมือนใคร ผู้ชายแบบนี้น่ากลัวนะ คนที่ยอมเป็นฆาตรกรเพื่อคนที่ตัวเองรัก แต่คนที่น่ากลัวกว่าคือ เลียม ยอมปกปิดความลับว่าใครคือฆาตรกร สองคนรักคนๆเดียวกัน แต่การกระทำต่างทิศทางแต่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อคนที่ตัวเองรัก

ในเรื่องนี้เราประทับใจในตัวเลียม แต่ตัวละครที่รักที่สุดคือ คาร์เรย์(เขียนถูกป่ะ?) ชอบหลายๆอย่าง ถึงจะดูน่ากลัว แต่คนแบบนี้แหละที่หามานาน

รอมาต่อนะครับ ชอบมาก อ่านแล้วฟิน จนอยากกระทืบเบรดให้ตาย แน่นอนว่ามันต้องตายด้วยมือคาร์เรย์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.9 “คุณต้องรับผิดชอบผมนะ” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 14-08-2014 20:59:13
คาเรย์อย่าปล่อยให้เลียมทำแต้มไปมากกว่านี้
รีบกลับมาซักที ก่อนที่เจย์เดนจะปันใจให้เลียม
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 15-08-2014 21:55:04
Chapter 10 : “คุณถามผม...”

 (( อรุณสวัสดิ์ครับ ))

“อรุณสวัสดิ์”

ผมตอบด้วยเสียงปลอดโปร่งหลังออกมาคุยโทรศัพท์ที่นอกระเบียง วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติเป็นพิเศษ พอได้รับอากาศสดชื่นจึงชวนให้จิตใจเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก

(( เสียงคุณดูสดใสจังเลย มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเหรอครับ ))

   “เมื่อคืนฉันไม่ฝันล่ะคาร์เรย์” ผมพูดกึ่งอวด “แถมยังหลับสนิทถึงเช้าเลยด้วย”

(( ดีแล้ว )) คาร์เรย์ตอบกลับอย่างโล่งใจ (( คุณคงไม่รู้ว่าทุกคืนที่อยู่ที่นี่ผมเป็นห่วงคุณจนนอนไม่หลับ กลัวว่าคุณจะตื่นมาตอนกลางคืน กลัวว่าคุณโทรมาแล้วผมจะไม่ได้ยินเสียง...แต่ฟังแบบนี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ ))

“คาร์เรย์...” ผมครางในลำคอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ความรักของเขาก็ทำให้ผมอบอุ่นหัวใจเสมอ

(( ถึงจะน่าโมโห แต่กลับไปคงต้องขอบคุณหมอนั่นสักหน่อย ))

“หมอนั่น? เลียมน่ะเหรอ?” ผมถามสงสัย เมื่อหันไปมองผ่านประตูกระจกที่กั้นระหว่างระเบียงและห้องนอน ก็พบว่าไอ้เด็กเวรที่กำลังจัดเตียง แถมยังก้มหน้าก้มตากวาดห้องเป็นการชดเชยที่ทำลายข้าวของในห้องครัว ทำตามคำสั่งผมแบบไม่อิดออดสักนิด

จริงสิ...เมื่อวานไอ้เด็กเวรนี่กระตือรือร้นเกินเหตุ ตอนไปเล่นบาสก็ท่ามากจนผมทนไม่ไหวต้องวิ่งไล่ตาม ไม่งั้นคงไม่เหนื่อยขนาดนั้น และเลียมก็คงไม่เจ็บตัวขนาดนั้นด้วย แถมยังเอาแต่ใจ บังคับจะเล่นครอสเวิร์ดกับผมจนกว่าจะเต็มกระดานให้ได้ บอกว่าเป็นความฝันตั้งแต่ตอนเด็กๆ บ้างล่ะ อยากทดสอบความรู้กับผมบ้างล่ะ ในฐานะคนที่แก่กว่า ผมก็ย่อมไม่ยอมแพ้กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็อยู่ในท่านอนถูกห่มผ้าอย่างดีเหมือนเมื่อวันก่อนไม่มีผิด

ทั้งหมดนั่น...เลียมจงใจงั้นเหรอ!?

ผมเพิ่งฉุกใจคิดเอาตอนนี้นี่เอง ความจริงทั้งหมดมันช่างง่ายดาย ในเมื่อไอ้เด็กเวรแสดงให้เห็นมาตลอด แต่เพราะผมยังคงปิดกั้นใจตัวเอง มองอีกฝ่ายแค่เพื่อน จึงไม่คิดประติดประต่อให้เป็นเรื่องเป็นราว

แต่พอคาร์เรย์ทักขึ้นมา ก็รับรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้น...

หวังดีกับผมมากแค่ไหน

ราวรู้ว่าถูกจ้อง เลียมจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม เอาไม้กวาดทำท่าขี่เหมือนพ่อมดในนิยายพลางทำหน้าตลกๆ จนผมเผลอยิ้มออกมา

(( ที่รัก? ))

“ไม่มีอะไร แค่ขำเลียมนิดหน่อยน่ะ” ผมตอบคาร์เรย์ ก่อนจะหันออกไปนอกระเบียงเหมือนเดิม “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่นอกใจนายหรอกน่า ถึงเลียมจะทำเพื่อฉันมากมาย แต่คนที่ทำให้ฉันเชื่อว่ารักมีแค่นายคนเดียว...คาร์เรย์”

เพราะอีกฝ่ายก็ทำเพื่อผมมากมายเช่นกัน

มากกว่าเลียมหลายร้อยเท่าซะด้วยซ้ำ!

“กลับมาเร็วๆ ล่ะ”

(( ครับ ที่รัก ))

ปลายสายถูกตัดไป ผมมองโทรศัพท์ในมือ รู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าเสียงของคาร์เรย์ดูเย็นชากว่าปกติเล็กน้อย

อยากจะลองโทรไปพิสูจน์อีกครั้ง แต่ไอ้เด็กเวรที่พอเห็นผมวางสายก็เปิดประตูกระจกเสนอหน้าเข้ามาก็ทำให้ต้องปัดความคิดนั้นทิ้ง เพราะมันว่าจะลองทำอาหารเช้าอีกสักรอบเป็นการแก้มือ...แล้วคิดว่าผมจะยอมให้มันพังครัวอีกรึไง ฝันไปเถอะ!




‘น่าเบื่อ...น่าเบื่อจังเลย’

‘ทำอะไรให้พี่สนุกหน่อยสิ โอกาสสุดท้ายแล้วนะเจย์เดน’

ผมสะดุ้งเฮือก ทำเอาไอ้เด็กเวรที่นั่งกินป็อปคอร์นอยู่ข้างๆ พลอยสะดุ้งไปด้วย แม้จะนั่งโซฟาตัวเดียวกันแต่ผมกับเลียมแบ่งกันนั่งคนละมุม ไม่ให้มาเบียด มาซบ มากอดเด็ดขาด เพราะเมื่อวานออกกำลังกายซะเหนื่อยจนแอบปวดกล้ามเนื้อน้อยๆ วันนี้มันเลยเสนอให้ดูหนัง เพราะมันมีเรื่องเด็ดๆ จากใต้ดินมาอวด

ซึ่งผมคงจะสุนทรีย์กว่านี้...หากไม่ติดว่าเรื่องนั้นเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตซึ่งเที่ยวจับคนที่ถูกใจมาขังแล้วทรมานด้วยวิธีต่างๆ สมกับเป็นหนังใต้ดินล่ะครับ เลือดสาด ไร้เหตุผล ไม่มีการย้อนความถึงอดีตที่ควรรองรับถึงการกระทำ มีแค่การทรมาน ความสะใจ และความบ้าคลั่งเท่านั้น

“ไม่นึกว่าคุณจะกลัวอะไรแบบนี้นะเนี่ย”

ไอ้เด็กเวรชะโงกหน้ามองผมอย่างแปลกใจ คงเพราะไม่ว่าจะดูหนังกี่เรื่องผมก็มักจะทำหน้าเบื่อ มันถึงยอมลงทุนไปซื้อแผ่นใต้ดินมากะให้ผมมีอารมณ์ร่วมซะบ้าง

ผมไม่ตอบ แต่กดปิดอย่างทนดูต่อไม่ไหว จากอารมณ์ดีๆ เมื่อเช้าหายวับ เพราะคำพูดในหนังนั้นช่างคล้ายกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่มีผิด

“ผมขอโทษ...”

“ช่างเถอะ” ผมไม่ยอมรับคำนั้น ทั้งที่คนพูดเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน ไอ้เด็กเวรเลิกลั่ก หน้าเสียไปวูบหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าจริงจังพลางเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าออกมา

มันส่งให้ผม ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ดูลังเลผิดกับนิสัยกล้าได้กล้าเสียโดยสิ้นเชิง มันทำให้ผมนึกได้ว่าเมื่อวานมันก็ทำแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยไป ซึ่งครั้งนี้...มันไม่ยักปล่อยผ่านไปเหมือนเดิม

ผมมองแฟ้มในมือ สังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

“เจย์เดน...”

ไอ้เด็กเวรบีบมือผมแน่น

“ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่อยากให้คุณลองอ่านดู...”

ผมว่าพลางปล่อยมือผม แล้วนั่งนิ่งแบบนั้นเหมือนคนตาย

ผมเปิดแฟ้มเชื่องช้า รู้สึกมือสั่นน้อยๆ ก่อนใจจะตกไปถึงตาตุ่มเมื่อพบว่าเอกสารในนั้นคือภาพการตายของเพื่อนรักพ่อ ศพนั้นดำเป็นตอตะโก อยู่ในท่าถูกจับมัดไขว้หลัง และเมื่อพลิกไปหน้าถัดไปเรื่อยๆ...ก็พบกับศพของคนคุ้นตาในสาเหตุที่แตกต่างกันไป คนนี้...คนที่เคยตั้งข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายกับผม เขาถูกโจรแทงยับยี่สิบแผล ตายก่อนที่รถพยาบาลจะไปถึงซะอีก ส่วนตัวโจรนั้นจับไม่ได้เพราะก่อเหตุตอนกลางคืน ทำทีเป็นขับรถชนแล้วโทรเรียกประกัน แต่เมื่อผู้ตายเดินลงมาก็ฆ่าทิ้งแล้วชิงทรัพย์ ก่อนจะขับรถหนีไปทันที

อ่า...อีกคนก็เหมือนกัน คนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของผม เป็นอีกหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพยานตอนที่ผมพยายามฆ่า ทั้งที่เป็นคนจัดฉากให้ผมเจอกับผู้บัญชาการและเกือบถูกปล้ำ หมอนี่ตายสบายหน่อย เพราะสายเบรกถูกตัด ขับรถเซตกข้างทาง อัดกับบ้านหลังหนึ่งเสียชีวิตคาที่

แล้วยังคนอื่นๆ อีกเกือบสิบราย จริงอยู่ว่าผมพอรู้ว่าพวกเขาตายยังไง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพถ่ายชัดๆ

ผมปิดแฟ้ม วางบนตัก ก่อนจะตั้งสติพลางเงยหน้าสบตากับเลียม

“คาร์เรย์เป็นฆาตกร...คุณเข้าใจผมมั้ย เขาเป็นฆาตกร...ฆาตกร ‘ตัวจริง’”

เป็นครั้งแรกที่เลียมยอมเรียกชื่อคนรักของผม

...มิน่าล่ะถึงให้ผมดูหนังเรื่องนั้น เพราะในตอนจบ ฆาตกรได้จับตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่หลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ และเขาเองก็รักผู้หญิงคนนั้นมาก จึงจับเธอขังและทรมานอย่างยาวนานเป็นพิเศษ และนั่นทำให้ผมทนดูไม่ได้จนกดปิดไป

เลียมคงไม่คิดว่าคาร์เรย์จะทำกับผมแบบนั้นหรอกนะ

“นายไปสืบมาได้ยังไง” ผมถามเสียงเรียบ จ้องตากับเลียม ขณะที่ไอ้เด็กเวรทำหน้าประหลาดใจที่ไม่เห็นผมตกใจสักนิดเดียว

“นี่คุณ...อย่าบอกนะว่า...”

“ตอบคำถามฉัน” ผมเอ่ยแทรก “นายไปสืบมาได้ยังไง บอกมาตามตรง เลียม”

ไอ้เด็กเวรอ้าปากพะงาบหลายครั้ง มองผมด้วยดวงตาวูบไหว เสี้ยวหนึ่งผมเห็นมันคล้ายจะสติหลุดไปซะด้วยซ้ำ ก่อนเลียมจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ตบหน้าตัวเองแรงๆ แล้วหันมาสบตากับผมอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

“เพราะคุณละเมอออกมา...” เลียมตอบ “วันที่คุณหมดสติและเข้าโรงพยาบาล...คืนแรกที่คุณฝันร้าย คุณละเมอออกมาดังลั่น ละเมอถึงชื่อของคนหลายคน อีกทั้งยังร้องไห้หนัก”

กลายเป็นผมซะเองที่หลุบตาต่ำ คาดไม่ถึงว่าวันนั้นจะเผอเรอได้ถึงขนาดนี้

ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่เคยพูดชื่อใครคนไหนออกมา หรือต่อให้ป่วยหนักแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะพูดชื่อได้ครบขนาดนั้น!

บางที...ตอนที่ผมกลัวขึ้นสมองเพราะอดีต ความรู้สึกส่วนลึกในใจกับการตายของพวกเขาคงปรากฏออกมาในยามที่ผมอ่อนแอ...
ความรู้สึกที่ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็นมาตลอด

“ตอนนั้นผมก็จดจำชื่อพวกนั้นไว้ในใจแล้ว...พอกลับไปตรวจสอบ ก็พบว่าคนพวกนี้ตายทั้งหมด ตายในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างมากซะด้วย แถมยังเชื่อมโยงไปยังคนอื่นๆ อีกเล็กน้อย รวมแล้วนับสิบราย” เลียมว่าพลางหยิบมือถือออกมาเพื่อเปิดแผนที่ให้ผมดู “เจย์เดน...ระยะเวลาการตายของพวกเขาทั้งหมดไล่จากเมืองใหญ่มาถึงที่เมืองนี้...”

ไอ้เด็กเวรลากนิ้ว ชี้ไปยังแต่ละจุดประกอบการอธิบาย ใช่...คนที่ตายคนแรกอยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด ขณะเดียวกัน คนที่ตายคนสุดท้ายก็อยู่ใกล้ตัวผมมากที่สุด

เพื่อนรักของพ่อ...เขาอยู่เมืองถัดจากผมไปนี่เอง มันคงน่าขำ เพราะท้ายที่สุดผมก็ถูกย้ายมาจนใกล้เพียงแค่นี้

“ผมไม่อยากจะคิด...แต่ก็ต้องคิด ดวงตาของคาร์เรย์นั้นคือดวงตาของฆาตกร ฉะนั้นเมื่อลองสืบลึกถึงตารางการเดินทาง ผมก็พบว่ามันตรงกันพอดี”

เลียมเดินไปหยิบเอกสารส่งให้ผมอีกฉบับ นั่นคือภาพกล้องวงจรปิดที่เห็นรถของคาร์เรย์ขับผ่านตัวเมืองตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไอ้เด็กเวรรู้เลขทะเบียนอยู่แล้ว เมื่อรู้เวลาการตายของเหยื่อแต่ละคน จึงสามารถระบุข้อมูลเพื่อจำกัดขอบเขตในการหากล้องวงจรปิดได้ง่ายๆ

“ไม่มีใครคาดคิด เพราะเขาไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง ไม่แม้แต่จะรู้จัก อีกทั้งยังมีหน้าที่การงานใหญ่โต แม้จะอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ก็ไม่มีใครกล้าจับเขาเป็นผู้ต้องสงสัย...”

ยิ่งอธิบายเสียงเลียมก็ยิ่งนิ่งขึ้น ต่างกับตัวผมที่แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ แต่จากที่คุณละเมอออกมาวันนั้น เชื่อว่าเป็นเพราะคนพวกนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคุณแน่ๆ”

แต่ต่อให้เลียมพยายามสืบแทบตายแค่ไหน ก็ไม่มีวันรู้ถึงสิ่งที่พวกนั้นทำกับผมได้หรอก

เพราะทุกคนอย่างล้วนเป็นความลับ มีเพียงตัวผมเท่านั้นที่รู้เห็นทั้งหมด ส่วนคาร์เรย์นั้นเพียงใช้ข้อสันนิษฐาน เขาไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพวกนั้นทำกับผมอย่างไรบ้าง เขาแค่...

เขาแค่ ‘กำจัด’ อดีตของผมทั้งหมด!

ผมเคยถามคาร์เรย์ครั้งหนึ่ง ว่าในเมื่อเขาเพิ่งได้ยินความจริงจากปากผมในวันที่พบกัน แล้วทำไมจึงตัดสินโทษตายให้คนเหล่านั้นอย่างแม่นยำได้ ตอนนั้น...คนรักเพียงยิ้มอ่อนโยน จูบขมับผมแผ่วเบา ก่อนสารภาพว่าทุกครั้งที่ผมถูกโยกย้าย เขาตามสืบทั้งหมดว่ามีใครเกี่ยวข้อง จากนั้นจึงตัดสินโทษโดยไม่ลังเล

ถึงได้มีผู้เคราะห์ร้ายมากมายขนาดนี้

สามในสิบจากในนั้น เป็นแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาที่มีส่วนรู้เห็นเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ถูกฆ่าทิ้งด้วยเหตุผลที่หากรู้เข้าคงกระอักเลือดออกมา แน่นอนว่าผมรู้สึกผิด แต่ก็ยังจำได้ดีว่าแม้คนเหล่านั้นจะไม่เคยคิดร้ายกับผม แต่ก็ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือผมเช่นกัน พวกเขาทำราวกับสิ่งที่ผมโดนนั้นสมควรอยู่แล้ว ฉะนั้นผมจึงถือว่าการที่เขาโดนลูกหลงไปเช่นนี้ ก็นับเป็นสิ่งสมควรที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน

อ่า...ทั้งหมดเพราะคนทำคือคาร์เรย์

“คุณรู้...ใช่มั้ย คุณรู้แต่แรกว่าเขาคือฆาตกร แต่ก็ยังคบกับเขาเนี่ยนะ!”

หลังความเงียบครอบงำเป็นเวลานาน เลียมที่เปิดเผยหลักฐานทุกอย่างก็ตะโกนออกมาอย่างอดไม่ไหว

ผมเคยคิดว่าที่ไอ้เด็กเวรทำตัวนิ่งเมื่อเจอหน้าคาร์เรย์เป็นเพราะเกรงใจและหวาดกลัว แต่ไม่ใช่เลย...เลียมเพียงสังเกตนิ่งๆ เพื่อตลบหลังต่างหาก ตอนนั้นเขาคงรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่รอจังหวะที่จะบอกผม ให้ผมได้รู้ความจริง และให้ผมปฏิเสธตัวตนของคาร์เรย์

คนรักของผมคือฆาตกร!

แต่ว่า...

“คาร์เรย์ฆ่าเพื่อฉัน” ในที่สุดผมก็หาเสียงตัวเองเจอ แม้ว่าจะมันแหบแห้ง เพราะถูกความจริงมากมายทับถมจนแทบสู้หน้าเลียมไม่ไหว เขาเป็นตำรวจ...เขาย่อมรู้ว่าข้อหาฆ่าคนโดยวางแผนนั้นร้ายแรงแค่ไหน และหากอีกฝ่ายยืนยันที่จะจับคาร์เรย์...

ผมคงไม่อยู่เฉยๆ แน่นอน!

“ถ้านายจะใช้หลักฐานเหล่านี้เพื่อจับตัวเขา ก็จับฉันซะเถอะ เพราะต้นเหตุที่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อฉันทั้งนั้น” ผมเงยหน้าสบตาไอ้เด็กเวรอย่างแน่วแน่ “เพราะเขารักฉัน รักมากเกินไป รักจนทำได้ทุกอย่าง ถึงได้ลงมือแบบนี้...เขายอมเป็นฆาตกรเพื่อลบอดีตของฉัน เขายอมถูกกล่าวหาเพื่อให้ฉันมีความสุข เลียม...นายเคยถามไม่ใช่หรือว่าทำไมฉันถึงยอมคบกับคาร์เรย์ ทั้งหมดเพราะเหตุผลนี้ไง!”

ผมหอบหายใจครู่หนึ่ง ก่อนถามต่อด้วยความร้าวรานจากหัวใจ

 “มีใครทำเพื่อฉันได้ขนาดนี้อีกมั้ย! จะมีใครรักฉันได้มากเท่านี้อีกมั้ย! ต่อให้เป็นนาย...นายจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองเป็นฆาตกรเพื่อฉันมั้ยเลียม!!”

ใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่เพราะความจริงที่คาร์เรย์ทำเพื่อผม ทำให้ไม่อาจปฏิเสธตัวตนของเขา!

พลันดวงตาถือดีของไอ้เด็กเวรวูบไหว แค่เห็นผมก็รู้แล้วว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้

“เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงปฏิเสธนาย” ผมยิ้มขื่น รู้ดีอยู่แล้วว่าคำรักและการกระทำทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความใคร่แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อวัดกันจริงๆ จะมีใครบ้างที่รักถึงขั้นทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง

ความรักเพียงแค่นั้น...ผมไม่ต้องการ

อดีตสอนให้ผมเลิกตั้งความหวัง เลิกฝันถึงชีวิตแสนหวาน ไม่ว่าจะเคยมีความทรงจำร่วมกันมากแค่ไหน ท้ายที่สุดก็สามารถเหี้ยมโหดได้อย่างที่สุด ไม่ว่าจะเคยพร่ำบอกว่ารักแสนรัก แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นคนที่ใจร้ายกับผมยิ่งกว่าใคร

นี่หรือความรัก?

พอกันที!

แต่ถ้า...เป็นคาร์เรย์ล่ะก็...

คนรักที่สมบูรณ์แบบ ผมเลิกวาดฝันนานแสนนานเหลือเกิน ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น และไม่ต้องการใครอื่นอีก แต่เมื่อเจอคาร์เรย์ ผมก็เปลี่ยนไป เพราะเขาได้มอบความรักให้ได้ยิ่งกว่าที่เคยคิด มอบความจริงใจให้ผมยิ่งกว่าที่เคยได้รับ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทะลักล้นจนผมแทบสำลัก แต่กระนั้นก็มีความสุขเหลือเกิน

บางทีความรักแท้จริงที่ผมโหยหามาตลอด คงเป็นเช่นนี้

รัก...จนแทบคลั่ง!

“เจย์เดน” พลันเสียงสั่นเครือเรียกสติผมให้กลับคืนสู่ความจริง ไม่รู้ว่าเลียมเห็นสีหน้าผมแบบไหนกันแน่ เขาถึงจับมือทั้งสองผมแน่น พร้อมกับน้ำใสหยดหนึ่งพาดผ่านใบหน้านั้นอย่างเงียบเชียบ

เขา...ร้องไห้

“เจย์เดน...คุณเจออะไรมากันแน่ถึงได้ต้องการความรักที่บิดเบี้ยวขนาดนั้น” เลียมเอียงหน้าซบกับฝ่ามือข้างหนึ่งของผม จับอีกข้างแน่นไม่ปล่อย “คุณไม่เชื่อในความรักที่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วใช่มั้ย คุณไม่เชื่อในตัวผมเลยใช่มั้ย”

“...ใช่”

ผมตอบ แม้จะเห็นเลียมร้องไห้เงียบๆ ตรงหน้า ผมก็ไม่รู้สึกสงสารแม้แต่นิดเดียว

“ผมรักคุณ”

เลียมสารภาพรักอย่างเป็นทางการครั้งแรก

“ผมรักคุณ...แม้จะพูดคำนี้อีกกี่ครั้ง คุณก็ไม่เชื่อในความรักของผมใช่มั้ย”

“...ใช่” ผมตอบอีกครั้ง วูบหนึ่งในใจรู้สึกผิดอย่างประหลาด แต่นั่นก็แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น เลียมไม่เคยทำให้ผมเชื่อ เพราะเขามอบความรักให้ผมเช่นกับที่ผมเคยได้รับมาก่อน ความรักที่หักหลังได้อย่างง่ายดาย...ความรักที่แสนเปราะบาง

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เลียมรู้ว่าทุกสิ่งที่เขาทำมาเพื่อผมทั้งหมดมีแต่ความว่างเปล่า

ไม่ต่างกับน้ำซึมบ่อทราย

“ที่รัก...”

“อย่าเรียกแบบนั้น” ผมดึงมือออก แต่เลียมก็ยังเอื้อมจับไม่ปล่อย เขาไม่ได้เอาหน้าซบอีกแล้ว น้ำตาเองก็หยุดไหล ราวกับว่าเมื่อครู่เป็นการอกหักครั้งแรกทั้งที่ผมปฏิเสธเขามาเนิ่นนาน

เลียมกุมมือผมนิ่งๆ ไม่แม้แต่จะเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าตัวเอง

“เจย์เดน” ไอ้เด็กเวรแก้คำเรียกใหม่ แต่น้ำเสียงยามเอ่ยนั้นไม่ต่างกับตอนที่เขาเรียกผมว่าที่รัก “ผมรู้ว่าคุณคงไม่เชื่อ แต่ผมก็อยากพูด เพราะผมยังตัดใจจากคุณไม่ได้”

ผมนั่งนิ่งให้เขาทำตามใจชอบ นึกอยากรู้ว่าทั้งที่ไร้ซึ่งความหวังถึงขนาดนี้ เขายังจะพูดอะไรออกมาได้อีก

“คุณถามผม...ว่าจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองเป็นฆาตกรเพื่อคุณมั้ย”

เลียมจ้องหน้าผมแทบไม่กะพริบ

“ผมตอบคุณเลยว่า ‘ไม่’”

ผมเผลอยิ้มออกมา ว่าแล้วไม่มีผิด คนอย่างเลียม หากทำแบบนั้นได้ก็คงไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไป

น่าแปลกที่ในใจรู้สึกเจ็บจี๊ดจนต้องเก็บสีหน้าไว้

คงเพราะผมยังแอบหวัง...หวังว่าอาจจะมีเลียมอีกสักคนที่รักผมได้มากขนาดนั้น

แม้รู้ดีว่าไม่มีทาง

“ฉันรู้อยู่แล้ว” ผมหลุบตาเล็กน้อย พยายามเก็บซ่อนความในใจ

“คุณยังฟังไม่จบ” เลียมกำมือผมแน่น บังคับให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “แม้ผมจะเป็นฆาตกรเพื่อคุณไม่ได้ แต่เจย์เดน โปรดจำคำของผมให้ดี...

ผมตายเพื่อคุณได้...ที่รัก”


--------------------

ใจอ่อนกับเลียมบ้างมั้ยคะ QAQ!!
ที่แน่ๆ คือตอนแต่งนี่จอ่อนยวบไปทางเลียมมาก สงสารเลียม แต่ก็สงสารเจย์เดน ในตอนนี้อธิบายเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมเจย์เดนถึงเลือกคาร์เรย์ และไม่หวั่นไหวกับเลียมเลย ฮือออ ขอย้ำอีกครั้งงง เจย์เดนไม่เอามาซบอกป้า แค่กๆ..มาซบอกทางนี้ก็ได้นะลูกก ฮืออ เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนเต็มใจรับ  :hao5:

ปล.ตอนหน้าพ่อหนุ่มฆาตกรกลับมาของจริงล่ะค่ะ มาพร้อมกับ...อุ๊บ!!
ปลล.ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆ ค่ะ อ่านแล้วมีกำลังใจมาก ดีใจที่ร่วมเชียร์หนุ่มฆาตกร คาร์เรย์แฟนคลับเยอะกว่าที่คิดมาก  :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Linea-Lucifer ที่ 15-08-2014 22:09:20
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 15-08-2014 22:29:01
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 15-08-2014 22:34:12
 :pig4: ไม่!!!!!ชั้นเชียร์คาร์เรย์ย่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 15-08-2014 22:53:16
สงสารนะยอมตายเพื่อคนที่รัก แต่ก็นะอิฉันเทใจให้คาร์เรย์หมดแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-08-2014 23:43:36
 :serius2:




โอ้ยยยยยย ...!!
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 15-08-2014 23:50:31
เลียม การตายเพื่อนคนที่รัก แกจะได้ตายเพื่อเจย์เดนแน่ๆ เพราะคาร์เรย์เอาแกตายแน่ๆ

มันก็จริงนะ แต่ถ้าว่ากัยตามจริงมนุษย์ต้องกาารคนที่ตายแทน แต่การตายแทนไม่ได้หมายความว่าเขาทำเพื่อเราทั้งหมด เพราะตัวต้นเหตุมันยังอยู่ จบนะ

คาร์เรย์แกจะฆ่าใครอีก บอกล่วงหน้าด้วยนะ ลุ้นเฟ้ย

แต่ว่านะ เลียมถึงขนาดหาหนังน่ากลัวนั่นมา แต่เลียมจ๋า ที่แกจะให้เจย์เดนกลัวนะ นางโดนมาก่อนเจอคาร์เรย์ซะอีกนะ

แต่ไอ้เบรดนี่จะตายหรือยัง? หรือคารเรย์พาเบรดมา?
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-08-2014 08:06:33
สงสารเลียม แต่เลียมเองทำอะไรให้เจย์เดนมั่นใจป่ะล่ะ ไอ้เด็กบ๊องที่น่ารัก ชอบคาเรย์ที่หล่อแบบโหดๆอ่า
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-08-2014 08:32:34
นายเอกเราโชคดีจริงๆที่มีคนรักจริงถึงสองคน

บอกตรงเราไม่อยากให้คาร์เรย์ฆ่าเลียมเลย

แอบกลัวว่าคนเขียนจะเล่นดร่าม่าปวดตับหว่างคาเรย์เจยเดนเลียมโอ้ยปวดใจไปกัลเลียมจิงๆ

คนนึงก็ทำให้ได้ทุกอย่าง

อีกคนก็ตายแทนได้

เฮ้ยโรแมนติกโครตอ่ะสองหนุ่มกินกันไม่ลงจิงๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-08-2014 10:42:14
เป็นเรื่องแรกครั้งแรกเลย ที่เอาใจช่วยฆาตกร

เพราะพวกที่ถูกฆ่า ก็ล้วนสมควรตายทั้งนั้น

ยังไงก็เชียร์ คาร์เรย์ ส่วนเลียม ไม่รู้ดิ การตายแทน ไม่ได้ทำให้เราซาบซึ้งสักเท่าไหร่

เพราะสุดท้าย มันก็มีแต่ความน่าสงสารน่าสมเพชและเราถูกกระทำฝ่ายเดียว

แต่ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเลวที่มันเคยทำเราได้เลย

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-08-2014 10:58:38
ชอบให้เจย์เดนคู่กับคาร์เรย์นั่นแหละค่ะ แต่รักและเอ็นดูเลียมมาก กรี๊ด อย่าตายนะลูกแม่ :ling1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: wi_OoO_wi ที่ 16-08-2014 13:56:40
สงสารอ่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-08-2014 22:16:05
รัก.......
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-08-2014 01:14:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-08-2014 02:45:38
ไม่อยากจะคิด
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 17-08-2014 10:02:09
เจย์เดน นายทำให้ฆาตกรและตำรวจ
ทั้งร่วมมือกันและขัดแย้งกันในเวลาเดียวกัน เหอะๆ

เราชอบเลียมมากกว่าอย่างบอกไม่ถูก
คาร์เร่ย์ดูลึกลับ อันตรายและดึงดูดกว่าก็จริง
แต่เลียมเรารู้สึกว่ามันอบอุ่นกว่า
ถึงจะไม่ใช่พระเอกก็ขอเชียร์ละกัน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 17-08-2014 10:47:02
เลียมช่างน่าสงสาร  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 17-08-2014 12:50:55
 :katai5:  :katai5:  :katai5: ใครจะเป็นพระเอกกันน่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 17-08-2014 17:37:52
คือ...แบบ...ควรจะดีใจใช่ไหม มีแต่คนรัก

คนนึงรักและพยายามปกป้อง แม้ว่ามือนั้นจะต้องเปื้อนเลือด

อีกคนรักจนยอมมอบให้แม้กระทั่งชีวิต
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.10 : “คุณถามผม...” Up! P.5
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 17-08-2014 22:00:43
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” Up! P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 22-08-2014 18:35:27
Chapter 11 : “พอใจมั้ย...ที่รัก” [ครึ่งแรก]

เลียมกลับไปแล้ว

เขามาทั้งที่ผมไม่ได้เชิญ และเขาก็กลับไปทั้งที่ผมไม่ได้ไล่ แต่ทั้งสองอย่างล้วนตรงใจผมดีโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา

ผมยืนตรงริมระเบียง เวลาไม่สบายใจ เมื่อได้สัมผัสลมเย็นๆ ตอนกลางคืนจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง ผมถึงเคยเป็นหวัดเกือบตายเพราะดันออกไปเดินเล่นตอนกลางคืน มานึกๆ ดูแล้วความทรงจำตลอดหนึ่งปีมานี้ก็มีแต่เลียม

ทำไมถึงไม่เชื่อเขากันนะ

ก่อนเจอคาร์เรย์ ผมพยายามจะเชื่อเลียม เพราะในใจแสนว่างเปล่านี้ช่างโหยหาความรักมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย ผมก็เป็นฝ่ายถอยหลังออกมา เพราะแม้อยากจะเชื่อแค่ไหน อดีตที่ยังย้ำเตือนในใจผมมาตลอดก็ทำให้ผมเชื่อไม่ลง

ขนาดรักมาแทบตายถึงสองปียังหักหลังผมได้

แล้วกับแค่คำพูดพรรคนั้น...ผมจะเชื่อได้ยังไง

‘ผมตายเพื่อคุณได้’

แต่ผมเชื่อคำพูดนี้ได้มั้ยนะ

ผมหรี่ตา กอดตัวเองท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ความร้อนข้างกายจากการเผากระดาษกลับไม่ทำให้ผมอุ่นขึ้นสักนิด เลียมกลับไป...โดยทิ้งหลักฐานในการจับกุมคาร์เรย์ให้ผม และทั้งหมดนั่นล้วนอยู่ในถังขยะขนาดเล็ก ถูกเปลวไฟทำลายทีละน้อย

ดูเหมือนเจ้าถังขยะอันนี้จะเกิดมาเพื่อให้ผมเผากระดาษเล่นซะแล้ว

ผมเผลอคลี่ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่คาร์เรย์หยิบเจ้าสิ่งนี้มาให้และช่วยผมจุดไฟ เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่กลับทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เจ็บปวดแทบตาย แต่เมื่อถูกโอบกอด ก็ได้แต่กลายเป็นเด็กตัวน้อยที่ซึมซับความรักนั้นอย่างเต็มใจ

‘ความรักที่บิดเบี้ยว’

ผมหลุดหัวเราะออกมา หากแต่เสียงนั้นกลับฟังขื่นขมเหลือเกิน อ่า...นี่ผมเป็นคนบ้าไปแล้วสินะ หากไม่ได้เลียมพูดเตือนสติ ผมก็คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นพวกวิปลาสแบบนี้ไปแล้ว

แต่จะทำอย่างไรได้...ในเมื่อผมเลือกจะเป็นแบบนี้เอง!

“คาร์เรย์...” ผมซบหน้าลงกับระเบียง นึกถึงคนรักที่คิดถึงจับใจ อยากให้อีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้างกัน...โอบกอดเอาไว้ และเอ่ยคำรัก

“คาร์เรย์...”

ผมไม่โทรหาเขา

ทั้งที่อยากได้ยินเสียง แต่ก็ไม่โทรไป ตอนนี้อารมณ์ของผมไม่ปกติ หากได้ยินคาร์เรย์ต้องรู้แน่ และผมเองก็คงไม่อาจห้ามใจ กลัวเหลือเกินว่าเมื่อได้ยินเสียงกระซิบหวาน ความรู้สึกในใจที่ยากอธิบายในตอนนี้จะล้นทะลักออกมา กลายเป็นคำคร่ำครวญ กรีดร้องขอให้เขากลับอยู่ข้างกายสักที

เอาแต่ใจ!

ไม่สิ...ช่างอ่อนแอ

ทำไมถึงเป็นคนอ่อนแอขนาดนี้นะเจย์เดน เวอแกน

ผมหลับตา เฝ้ารอจนเปลวเพลิงข้างกายมอดดับ ค่อยพาตัวเองไปนอนบนเตียงที่เหลือเพียงคนเดียว ไม่มีคาร์เรย์ ไม่มีเลียม มีเพียงแต่ผม...แค่ตัวผมที่นอนอย่างเดี่ยวดายตรงนี้

เหงาแทบขาดใจ

“คาร์เรย์...”

ผมกระซิบชื่อคนรัก พร่ำเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวคำนั้นช่วยให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นจากบนโต๊ะข้างเตียง แต่ผมเอาผ้าห่มคลุมโปงไม่สนใจ

ถ้าได้ยินเสียงต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ

ไม่...ผมไม่อยากอ่อนแอถึงขนาดนั้น

“เข้มแข็งหน่อยสิ เจย์เดน”

สุดท้ายแล้ว ชื่อที่ผลชะงักที่สุด...ก็คือชื่อของผมเอง




“อ้าว ยังไม่ตายอีกเหรอ”

ผมฝันอีกครั้ง

ภาพในความทรงจำพร่าเลือนเหลือเกิน คงเป็นเพราะร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานาน ความรู้สึกกระหายในลำคอจึงทำให้ผมได้แต่ครางต่ำๆ พยายามขยับตัว แต่ก็โรยแรงนัก พยายามจะเงยหน้ามองผู้ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ก็เห็นเพียงกลุ่มก้อนของภาพสีที่ถูกจับมารวมกัน ที่พอจะแจ่มชัด เห็นจะมีเพียงน้ำเสียงนั้นที่ผมยังได้ยินชัดเจน

วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วนะ...คนเราขาดน้ำได้มากที่สุดสามวัน ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็คงเป็นวันที่สาม

เพราะผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตายจริงๆ

ทั้งที่ตาปรือปรอย แต่ชีพจรในร่างกายกลับเต้นเร็วจนปวดหัว ผมได้ยินเสียงหอบหายใจของตัวเองด้วยซ้ำ อุณหภูมิของร่างกายพุ่งสูง ริมฝีปากแห้งผาก อีกทั้งยังคลื่นไส้จนอยากอาเจียน แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ผมอาเจียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ตอนนี้มีเพียงรสขมปร่าในลำคอ ต่อให้อาเจียนออกมาก็มีเพียงน้ำย่อยในกระเพาะเท่านั้น

ทรมาน...

ทั้งจิตใจและร่างกาย มันแย่...แย่ทุกอย่าง ทำไมถึงเป็นผมที่เจอกับเรื่องแบบนี้กันนะ

ผมหลับตาลง รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างช้าลงกว่าปกติ ขนาดความคิดเองยังแทบรวบรวมไม่ได้ สิ่งเดียวที่เฝ้าคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงความเสียใจ...

เวลาสองปีที่ยอมเปิดใจ มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเลวร้าย

ผมอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมา

คนที่เฝ้าบอกรัก คนที่เพียรทะนุถนอมมาตลอด ในวันนี้ กลับถามผมว่าเมื่อไหร่จะตายเสียที

นั่นสินะ...เมื่อไหร่จะตายๆ ไปสักที

ชีวิตที่มีแต่ความสิ้นหวังนี้ ไม่รู้ว่าจะลืมตาเพื่ออะไรอีก

แต่ใครจะคิดว่าเมื่อผมหลับตาลงในครั้งนี้...

พอตื่นมาอีกครั้ง กลับได้รับการช่วยเหลือเสียแล้ว!




ผมตื่นขึ้นมากลางดึก

ไม่ได้สะดุ้ง แต่เป็นการลืมตาตื่นขึ้นมาเฉยๆ ผมนอนนิ่ง เฝ้ามองเพดานพลางคิดทบทวนถึงเรื่องราวในอดีต นึกแล้วก็อดสังเวชตัวเองไม่ได้

ทำไมทุกอย่างถึงได้ตรงกันข้ามไปหมดนะ

ผมรักพ่อ แต่พ่อทิ้งผม

เพื่อนรักพ่อที่เคยเชื่อใจ ท้ายที่สุดกลับขู่ฆ่าผมแทบตาย

หัวหน้าที่เคารพ กลับส่งตัวผมไปขังคุก

เพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ส่งตัวผมไปเจอความเลวร้าย

ขนาดคนที่ไม่สนิท กลับทำได้เพียงบอกผมว่าให้ยอมรับเสียเถอะ

คนที่รักกันมากมาย สุดท้ายก็ฆ่าผมทั้งเป็น

แต่ที่ร้ายกาจที่สุด...คือเมื่อผมอยากตาย

กลับไม่มีใครยอมให้ผมตาย!

ผมลุกขึ้นจากเตียง ตัดสินใจว่าจะเดินลงไปหาน้ำเย็นดื่มสักหน่อย บางทีที่สุดของฝันร้ายในอดีต คงเป็นการที่ผมลืมตาตื่นอีกครั้งแล้วพบว่า ‘ยังไม่ตาย’ ล่ะมั้ง

ทั้งที่เตรียมใจขนาดนั้นแท้ๆ

ทั้งที่ ‘ต้องการ’ ขนาดนั้นแท้ๆ!

คนที่ช่วยเหลือผมคือหัวหน้าของเบรด เขาเปรียบดั่งพ่อบุญธรรมของอีกฝ่าย เพราะเป็นคนชักชวนเบรดให้เข้าทำงาน อีกทั้งยังช่วยส่งเสียด้านการเรียนแต่เด็กอีกด้วย ใช่...เบรดเป็นเด็กกำพร้า และนี่เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ผมยอมเปิดใจให้เขา เพราะเราต่างเป็นคนที่ถูกผู้ปกครองทิ้งเหมือนกัน

ดูเหมือนพ่อของเบรดจะรู้ถึงนิสัยของลูกชาย พอเห็นผมหายตัวไปหลายวัน จึงพยายามตามหาจนพบ ก่อนจะเรียกหมอมาช่วยตรวจดูอาการ รอจนผมมีสติ แล้วจึงสารภาพทุกอย่าง

‘เบรดเป็นคนขี้เบื่อ’

ทุกการกระทำถูกอธิบายง่ายๆ ด้วยประโยคนี้

‘เขาชอบความท้าทาย ตลอดเวลาที่ผ่านมา นิสัยข้อนี้ทำให้เขาสะสางคดีได้มากมาย จนกลายเป็นที่ชื่นชอบ เป็นที่นับถือ และพวกผู้ใหญ่ล้วนให้ความเอ็นดู แต่คาดไม่ถึง ว่าเขาจะนึกถูกใจเธอ ตอนแรกฉันคิดว่าเธอคงช่วยให้เบรดผู้ใจร้อนกลายเป็นคนนิ่งสงบขึ้นมาได้ เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา...เขาเทียวจีบเธอจนแทบกลายเป็นคนละคน’

และความพิเศษตรงนั้นก็ทำให้ผมใจอ่อน

‘แต่ไม่น่าเชื่อ...เมื่อพอได้คบกับเธอเข้าจริงๆ เขากลับบ่นกับฉัน...กับคนอื่นๆ ว่ามันช่างน่าเบื่อ เขากลับเป็นคนเดิมอีกครั้ง เจย์เดน’

เพราะเขาไม่เคยรักผม

หรือไม่...ความรักที่ผมมีให้เขามันน่าเบื่อเกินกว่าจะยอมรับเมื่อได้มา!

‘ฉันผิดเองที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันเตือนเบรด...ตอนที่เขาบอกจะเลิกกับเธอ เตือนว่าในเมื่อเธอทำให้เขาเคยเป็นไปได้ขนาดนั้น ย่อมแสดงว่าเขารักเธอมากจริงๆ หลังจากนั้น...เธอก็หายตัวไป’

เบรดจับตัวผมเอาไว้...

เขารักผม ไม่สิ เขาพร่ำบอกว่า ‘เคย’ รักผม คำเตือนนั้นทำให้เขาฉุกคิดว่าหากปล่อยผมในตอนนี้ไป การกระทำที่เขาทุ่มเททุกอย่างตลอดสองปีจะสูญเปล่า เขายึดติดกับผม ไม่อยากให้ผมเป็นของคนอื่น จึงเลือกที่จะขังผมเอาไว้ ให้ผมตาย...ตายในฐานะที่ยังเป็นของของเขา

‘แต่ก่อนตายช่วยให้ฉันสนุกสักหน่อยเถอะ เจย์เดน’

ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขารู้สึกอย่างไร

แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น...ทำให้ผมปิดใจตัวเองโดยสิ้นเชิง

เป็นครั้งแรกที่ผมขอร้องว่าได้โปรดย้ายผมไปที่อื่น แลกกับจะไม่ปริปากบอกใครว่าเบรดเคยทำร้ายผมมากมายแค่ไหน เพราะนิสัยข้อนั้นของเขายังมีประโยชน์กับทางกรมตำรวจ คนมีความสามารถขนาดนี้จะให้โดนจับเพราะแค่ขังแฟนตัวเองไว้ไม่ได้
‘แค่’

...หึ ผมมันก็แค่นั้นสินะ

หลังจากนั้นผมก็ย้ายไปอีกสองสามที่ ก่อนจะมาเจอกับเลียม ตอนเจอไอ้เด็กเวร ผมก็สามารถปรับตัวเองให้กลายเป็นคนน่ารังเกียจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งที่ทำสำเร็จมาโดยตลอด แต่กลับไม่ได้ผลกับมัน...

นึกแล้วผมก็หลุดยิ้มขื่นออกมา ผมเลือกจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ในส่วนลึกที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะโดนขอร้อง แต่เพราะผมรู้สึกอับยศกับตัวเอง มันน่าสมเพช! ที่เคยหลงรักคนแบบนั้น มันช่างน่าขยะแขยง! ที่เคยมีอะไรกับคนแบบนั้น และมันน่าโมโหเหลือเกิน! ที่คนคนนั้นทำให้ผมนึกอยากตาย...

เจย์เดน เวอแกนคนนี้ไม่เคยจนตรอกถึงขนาดนั้น!

ไม่ว่าจะโดนหักหลัง โดนเหยียดหยาม โดนต่อว่ามากมายแค่ไหน ผมก็เพียงแค่หนีไปให้ไกลที่สุด แต่ไม่เคยคิดจะจบชีวิตตัวเอง แค่นึก ผมก็รู้สึกแย่จนอยากอาเจียนออกมา กับคนแบบนั้น...กับคนที่เคยรักแบบนั้น!!

“...ที่รัก?”

พลันเสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืด ทำเอาผมชะงักตรงบันไดอย่างตกใจ ก่อนความรู้สึกนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความยินดี เมื่อร่างนั้นเปิดสวิตซ์ไฟ เผยให้เห็นใบหน้าที่คิดถึงมานาน

“คาร์...เรย์”

คนรักพยักหน้ารับยิ้มๆ พลางยื่นมือมาด้านหน้า แค่เห็น...ผมก็เดินเข้าไปใกล้ จับมือนั้นเอาไว้ บีบเบาๆ เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่ความฝัน ก่อนจะร้องอุทานเมื่อถูกดึงเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว

“คิดถึงจัง” คาร์เรย์กระซิบข้างหูผมอย่างอ่อนหวาน

“ไหนบอกกลับพรุ่งนี้ไง” ผมพูดอู้อี้ เพราะยังถูกกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็สำลักความสุขจนแทบทะลักล้นออกมา

“ผมรีบสะสางธุระน่ะครับ” คาร์เรย์ผละออก เลื่อนมือมาประคองกอดเอวผมไว้ ก่อนจะโน้มหน้าประทับจูบยาวนาน มันช่างอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความรู้สึก ทำให้ผมหลับตาพลางเผยอปากน้อยๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม

ลิ้นร้อนกวาดทั่วโพรงปากอย่างน่ารัก ไร้ซึ่งความดุดัน เร้าร้อน แต่กลับเนิบช้า กว่าจะยอมผละออกมา ผมก็หอบหายกระชั้นเพราะต้องปรับลมหายใจแทบตาย

“คิดถึงคุณจะขาดใจอยู่แล้ว”

คาร์เรย์ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง ขบริมฝีปากผมซ้ำๆ อย่างรักใคร่ ที่เขากล้าทำอะไรขนาดนี้คงรู้ว่าเลียมกลับไปแล้ว

“นายทำอะไรอยู่น่ะ” หลังโดนทั้งกอด ทั้งจูบ ผมที่ใจเต้นแรงระรัวก็หันไปถามคนรักที่ถอดเสื้อโค้ตกันลมอยู่นานแล้ว กระเป๋าเดินทางเองก็ถูกวางไว้อย่างดิบดี แม้จะมีท่าทางเหนื่อยอ่อน แต่คาร์เรย์ดูเหมือนเพิ่งใช้แรงและเข้าไปในที่ๆ มีอุณหภูมิสูงกว่าภายนอก เพราะศีรษะของเขาชื้นเหงื่อน้อยๆ

“ผมทำเซอร์ไพรส์คุณ”

คาร์เรย์เปลี่ยนเป็นกอดผมจากด้านหลัง ก่อนจะกดจูบหนักๆ ที่หลังคอ

“ลองเดินไปข้างหน้าสิครับ”

ผมเดินตามคาร์เรย์ซึ่งคอยกระซิบบอกทาง อันที่จริงบ้านนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็สุดห้องแล้ว แต่ที่ทำให้ผมประหลาดใจ...คือข้างเตาผิงนั้นมีประตูกลที่สามารถลงไปห้องใต้ดิน!

บันไดทอดต่ำนั้นมืดสลัว แต่เมื่อคาร์เรย์เอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟ ทุกอย่างก็แจ่มชัดชวนให้สังหรณ์ใจบางอย่าง

“เดินลงไปสิครับ”

หากยังกอดกันคงได้กลิ้งลงไปทั้งคู่ คาร์เรย์จึงปล่อยให้ผมเดินลงไปก่อน โดยยังจูงมือจากทางด้านหลัง เพราะขั้นบันไดค่อนข้างถี่ ผมจึงต้องมองระยะเท้าตัวเองให้ดี เมื่อเดินลงมาจนสุด ก็พบว่าห้องใต้ดินนั้นว่างโล่ง มีเพียงเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งครอบถุงดำเอาไว้หันหน้ามาทางผมพอดิบพอดี

ใคร?

ผมสงสัยเมื่อเห็นสองเท้าโผล่พ้นขอบถุงซึ่งครอบได้ถึงแค่ช่วงหัวเข่า รู้ตัวอีกทีคาร์เรย์ก็กอดผมจากข้างหลังอีกครั้ง แถมยังดันน้อยๆ เป็นเชิงให้เดินเข้าไปใกล้

“ลองเปิดสิครับ คุณต้องดีใจแน่ๆ”

วูบหนึ่งผมสังหรณ์ว่าเป็นเลียม...

มันทำให้ผมลังเล ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหากเป็นไอ้เด็กเวรที่ถูกจับมาแบบนี้

“ที่รัก...” คาร์เรย์กดจูบข้างใบหู กระซิบหวานเหลือเกิน ผมจึงเอื้อมมือไปเปิด คิดในใจว่าเป็นไงเป็นกันสิน่า

แต่ว่า...

ผมเบิกตากว้าง เผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่เพราะถูกคาร์เรย์กอดโดยตลอด จึงได้แต่ชนกับแผ่นอกอีกฝ่าย

“นาย...”

“อื้อ!”

ร่างซึ่งถูกเชือกรัดติดกับเก้าอี้ตลอดทั้งตัวร้องออกมา แต่เพราะถูกผ้ายัดปากไว้ จึงได้แต่ส่งเสียงไม่ได้ศัพท์ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคนคนนี้อีกครั้ง อย่างน้อย...ก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอในสถานการณ์แบบนี้!

“ผมมันแย่จริงๆ ที่พลาดไป” คาร์เรย์กระซิบกับผมอย่างรู้สึกผิด “ทั้งที่บอกว่าจะช่วยจัดการทุกอย่าง แต่กลับปล่อยคนสุดท้ายที่ทำร้ายคุณมากที่สุดเอาไว้ ไม่ต้องห่วงนะที่รัก...วันนี้ผมจะชดเชยให้เอง”

คาร์เรย์ปล่อยผ่านเพราะนี่เป็นที่แรกซึ่งผมขอย้ายเอง ทุกคนต่างลือว่าเป็นเพราะผมขอเลิกกับกับเบรด คาร์เรย์คงไม่คิดว่าคนเคยเป็นแฟนกันจะทำให้ผมเก็บไปฝันร้ายได้ขนาดนั้น

“นายรู้ได้ยังไง” ผมถามคาร์เรย์เสียงแหบพร่า ในใจอื้ออึงจนแทบไม่รู้สึกอะไร

 “เพราะคุณละเมอออกมา” คนรักจูบขมับผมอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้ฝันร้ายของคุณจบสิ้นในวันนี้...ที่รัก”
พลันอีกฝ่ายหยิบบางสิ่งออกจากข้างเอว มือหนึ่งยังกอดผมเอาไว้ ขณะที่อีกมืนถือสิ่งนั้นจ่อเล็งไปยังร่างที่พยายามดิ้นรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

มันคือปืน

“ลาก่อน...เบรด”

เพราะเป็นห้องใต้ดิน จึงช่วยเก็บเสียงได้ดี คาร์เรย์คงคำนวณเรื่องนี้แต่แรกจึงกล้าหยิบปืนออกมา

แต่ที่เขาคาดไม่ถึง

คงเป็นผมที่ปัดมือเขา จนกระสุนเฉียดผ่านข้างศีรษะของเบรดจนอีกฝ่ายร้องลั่น

วูบหนึ่ง ผมรู้สึก...สะใจ

คนที่กล้าทำกับผมเพราะแค่คำว่า ‘น่าเบื่อ’ จนถึงตอนนี้ยังจะรู้สึกแบบนั้นมั้ยนะ

“ฉันทำเอง”

ผมแย่งปืนจากคาร์เรย์มาถือไว้เองเมื่อคนรักคลายอ้อมกอดด้วยความตกใจ ใบหน้าของคาร์เรย์เผยความร้าวราน วูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินผมยืนยัน

“กับคนแบบนี้...ฉันฆ่าเอง”

ทั้งที่พยายามเก็บไว้ให้ลึกที่สุด

ทั้งที่พยายามไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ...


------------------------

ขอครึ่งหนึ่งก่อนค่ะ อาทิตย์นี้เหนื่อยมาก จะรีบมาต่อครึ่งหลังไวๆ นะคะ ขอบิ้วอารมณ์ก่อน  :hao7:
ปล.หลายคนเดาถูกเลยว่าคาร์เรย์ไปจับตัวเบรดมา ทำเพื่อเจย์เดนจริงๆ เลยนะพ่อหนุ่มฆาตกรนี่!!
ปลล.ครึ่งหลัง NC ค่ะ //เพราะแบบนี้ล่ะถึงต้องไปบิ้ว กระซิกๆ  :hao5:

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากค่ะ แม้เราจะไม่มีเวลาตอบ แต่ก็อ่านทุกคอมเม้นท์นะคะ!!
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2014 18:54:28
ระทึกใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 22-08-2014 19:42:14
ชอบบบ >< มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 22-08-2014 21:30:03
โอยยยยยยย
ชอบคาเรย์!!!!><
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-08-2014 22:07:09
 :laugh:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 22-08-2014 22:16:39
มาต่อไวๆๆน้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-08-2014 23:09:21
สะใจยังไงชอบกลแฮะ :z1:
ตกลงคนอ่านหรือคู่รักสองคนนี้ ใครจิตกว่ากันก็ไม่รู้ :katai2-1:
ลุ้นว่านายเบรดจะตายไหม ทำกับเจย์เดนไว้เยอะ สมควรโดนอ่ะ (ความคิดด้านมืดสุดๆ :z3:)
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 23-08-2014 00:46:02
 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-08-2014 01:10:36
 :jul1:   ทำไมฟินไปก่อน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-08-2014 01:21:15
กรี๊ด มันจะเป็นยังไงต่อ..
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-08-2014 07:13:05
เราไม่อยากให้เจย์เดนฆ่าคนเลย

อยากให้บริสุทธิ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าเจย์เดนจะค่อนข้างเป็นสีเทาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-08-2014 23:09:28
รอครึ่งหลังค่ะ มาเร็วๆนะ  :z13:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: hikikomori ที่ 23-08-2014 23:45:32
อยากรู้แล้วว่าตอนหน้าเจเดนจะกล้ายิงได้จริงๆมั้ย

แต่ว่า อย่าทำพ่อหนุ่มนักฆ่าเราน้อยใจนะฮะ..... ลำเอียงมาก 5555
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 24-08-2014 04:13:47
อย่ายิงเบรดนะ....
เพราะมันง่ายและตายทรมานน้อยเกินไป
ยังมีวิธีเยอะกว่านั้น
นึกไม่ออกถามคาร์เร่ย์ก็ได้
ต้องเป็นคู่รักคู่คิดกันนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 24-08-2014 10:29:24
เราว่าคู่นี้เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากๆอ่ะ สีเทาแกลมดำเพราะคนรัก
รักที่ผิดรูปผิดร่างแต่เข้าล๊อคกันอย่างพอดิบพอดี ชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 24-08-2014 19:12:45
Ch.11 : “พอใจมั้ย...ที่รัก” [ครึ่งหลัง]

“กับคนแบบนี้...ฉันฆ่าเอง”

ทั้งที่พยายามเก็บไว้ให้ลึกที่สุด

ทั้งที่พยายามไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ...

ความรู้สึกของผมยามนี้ช่างปนเปมากมาย แต่ที่เด่นชัดคือความเกลียดชัง...ผมเกลียดคนคนนี้ เกลียดมาก! เกลียดจนอยากฆ่าให้ตาย! การที่ยอมเก็บงำมานาน อาจเพราะผมรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถตอบสนองความต้องการนั้น ถึงได้เลือกที่จะไม่รับรู้

อยากฆ่าเบรดด้วยสองมือนี้

แต่ในตอนนี้...คาร์เรย์ช่วยทำให้ความฝันผมเป็นจริง!

“เบรด...พี่เบรด”

ผมยกมือจ่อหน้าผากอดีตคนรัก คนที่เคยรักแสนรักคนนั้น...

“ในที่สุดผมก็ทำให้พี่หายเบื่อได้แล้วใช่มั้ย”

หึ ทำไมตัวผมถึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้กันนะ ตอนนี้ใบหน้าของผมคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เปรียบดั่งส่วนลึกในใจถูกผลักออกมาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้

มือผมสั่น...

“งั้นพี่ตายเพื่อให้ผมสนุกบ้างเถอะนะ”

ผมมองใบหน้านั้น มองดวงตานั้น มองทุกอย่างเพื่อจดจำถึงเรื่องราวในอดีต เพียงนึกก็อยากลั่นไกให้ทุกอย่างหายไปซะ แต่ว่า...

มือผมสั่น

“ที่รัก”

คาร์เรย์เข้ามากอดผมจากด้านหลัง ค่อยๆ แกะปืนออกจากมือสั่นสะท้านของผมอย่างแผ่วเบา

“ผมทำเอง ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ”

คาร์เรย์กระซิบ แย่งปืนไปได้สำเร็จ ก่อนจะใช้อีกมือจับหน้าผมให้เอี้ยวไปด้านหลัง เพื่อที่เขาจะสามารถจูบซับน้ำตาได้ง่ายดาย

น้ำตา?

เสี้ยวนาทีที่ความอ่อนแอเผยออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมสำนึกได้เดี๋ยวนั้นว่าบางทีที่ผมไม่อยากนึกถึง ไม่ใช่เพราะอัปยศ ไม่ใช่เพราะอยากฆ่าเบรด

แต่คงเป็นเพราะ...

ผมยังรู้สึกรักเขา!

“ขอโทษ...” ผมพยายามกลั้นสะอื้น เอียงหน้าซบกับซอกคอของคาร์เรย์ ไม่กล้าสู้หน้า...ไม่กล้ารับรู้ว่าคนรักจะเจ็บปวดขนาดไหนกับใจจริงของผม

ทั้งที่โดนหักหลังแทบตาย แต่ก็ยังรัก เพราะแบบนั้นจึงเคยเลือกที่จะยอมตายเพื่อไม่รับรู้ความจริงข้อนี้

เวลาสองปีที่เบรดแทรกมาในใจผมนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน

คาร์เรย์ยังไม่อาจลบเลือนความรู้สึกนั้นได้จนหมด!

หลังจากถูกย้าย พ่อของเบรดติดต่อมาว่าเขาพยายามตามผม พยายามทวงความเป็นเจ้าของผมอีกครั้ง แต่เพราะถูกส่งไปบำบัดเงียบๆ สองเดือนหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวคร่าวของเขาอีก

แต่จากสายตาที่เขามองมาตอนนี้...บ่งบอกว่าเขายังจำผมได้ดี ดวงตานั้นประกายวาว อยากเป็นเจ้าของผม อยากยึดผมไว้เอง ไม่อยากให้ผมตกเป็นของใคร

การรักใครสักคนนั้นยากแสนยาก แต่เมื่อหมดรักมันช่างง่ายดายจนน่าขัน

เบรดไม่เปลี่ยนไปเลย....

“ไม่เป็นไร” คาร์เรย์ยังคงจูบซับน้ำตาอย่างไม่รังเกียจ โอยกอดผมด้วยมือเดียวราวบอกว่าเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ “ผมรักคุณ”

หากแต่เมื่อคนรักจูบประทับบนริมฝีปาก ความอ่อนโยนกลับเปลี่ยนเป็นความรุนแรง!

“ผมรักคุณ รัก...มาก”

ผมรู้สึกถึงรสขมปร่าเมื่อถูกกัดจนเลือดออก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เงยหน้าจูบตอบ หวังบรรเทาความหึงหวงในใจของคาร์เรย์ที่รักผมมากเหลือเกิน

พวกเราจูบกัน จูบอย่างดูดดื่ม จนแทบกลายเป็นบ้าคลั่ง ดุนดันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เสียงหอบหายใจเร่งเร้าราวกับมีเพียงเราสองคน แม้ว่าเบื้องหน้าจะมีอีกคนมองดูด้วยดวงตาประกายวาวและเสียงประท้วงในลำคออย่างโมโหมากก็ตาม

“อ๊ะ...”

พลันมืออุ่นล้วงไปสัมผัสจุดอ่อนไหวกลางลำตัวของผม พลางรูดไล้เชื่องช้า

“คาร์เรย์...”

“ผมรักคุณ” คนรักเอ่ยเสียงพร่า จูบขมับของผมก่อนจะเปลี่ยนมาที่หลังคอ มือขวายังคงถือปืนจ่อกลางหน้าผากเบรด แต่มือซ้ายของเขาก็ช่างเร่งจังหวะจนผมแทบไม่อาจกลั้นเสียง

เพราะถูกซ้อนด้านหลังทำให้ผมไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ถึงอย่างนั้น ก็รับรู้ว่าคาร์เรย์พยายามจะแสดงให้เบรดเห็นว่าเขารักผมมากแค่ไหน

หรือไม่...ก็พยายามย้ำเตือนให้ผมรักเขา รักต่อหน้าอดีตคนรักที่ยากตัดใจ

“อือ...”

ผมแหงนคอเมื่ออีกฝ่ายเริ่มใช้นิ้วชำแรกผ่านยังช่องทางด้านหลัง รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้จะไม่เคยชอบ...กับการร่วมรักนอกเตียงหรือต่อหน้าคนอื่น แต่ความรู้สึกของคาร์เรย์ผ่านการล่วงล้ำหนักหน่วงกว่าปกตินั้นทำให้ผมได้แต่จำยอมเพื่อให้เขาแสดงความรักแก่ผมอย่างเต็มที่

ชดเชยกับใจไม่รักดีดวงนี้

อ่า...ผมรักคนคนนี้มากเหลือเกิน

แต่เขากลับทำร้ายผมได้เลือดเย็นมากยิ่งกว่า

ทำไมถึงไม่ตัดใจไปสักทีนะ ความรักที่สั่งสมมากว่าสองปี มันฝังลึกแค่ไหนกัน!

“มาสิที่รัก แสดงให้เขาดูว่าความรักแท้จริงเป็นยังไง”

คาร์เรย์ดึงกางเกงผมลง กดสะโพก จากนั้นจึงดันส่วนแข็งขืนเข้ามาอย่างเชื่องช้าหากแต่กระทุ้งแน่น ผมบิดตัวเล็กน้อย ขาสั่นระริก รู้สึกไม่ชินกับการถูกรักจากด้านหลัง หากแต่คนรักกลับจับมือทั้งสองของผมให้ยึดที่วางแขนของเก้าอี้เพื่อรองรับน้ำหนัก ทำให้ผมโน้มตัวลงเล็กน้อย รู้ตัวอีกทีก็เกือบจะชิดกับหน้าของเบรดจนเห็นดวงตานั้นอย่างชัดเจน

ห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น!

ร่างกายผมเกร็งกะทันหัน ลมหายใจหยุดชะงักเมื่อจ้องตากราดเกรี้ยว คล้ายประท้วงถึงสิทธิ์ในการครอบครองผม มันทำให้ภาพยามถูกขังปรากฏวาบ เสียงของสายโซ่ชัดเจนในโสตประสาท ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อได้ยินเสียงคนรักครางอย่างไม่พอใจ

“ที่รัก...”

 คาร์เรย์จับหน้าผมให้เงยขึ้นจูบ แทรกลิ้นร้อนที่ชวนให้ใจวาบหวิว บังคับให้ผมถอนสายตาไปจากเบรด ก่อนจะเคลื่อนกายกระชั้นเข้ามาจนสุดในครั้งเดียว

“อ๊ะ!”

คาร์เรย์ยกขาสั่นระริกของผมข้างหนึ่งให้พาดกับหัวเข่าของเบรด ก่อนจะโอบรั้งเอวของผมไว้จนส่วนอุ่นร้อนเสือกเข้ามาลึกกว่าเดิม ผมครางแทบไม่เป็นคำ ใบหน้ายังคงถูกจับให้เงยหงาย ได้แต่ร้องครางเสียงแผ่วเมื่อจังหวะเริ่มเร่งเร้ายิ่งขึ้นจนอารมณ์พุ่งสูงเร็วกว่าปกติ

“ผมรักคุณ...”

คาร์เรย์ยังคงกระซิบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผมรักคุณ...”

บางอย่างในใจราวถูกเติมจนเต็ม เช่นเดียวกับร่างกายที่ถูกรักจนรุ่มร้อน ย้ำเตือนว่าผู้เป็นเจ้าของผมในตอนนี้คือคาร์เรย์ ไม่ใช่เบรดอย่างที่เคยครอบครองผมทั้งตัวและหัวใจ

วูบหนึ่ง ความรู้สึกของคาร์เรย์ที่ชำแรกผ่านตัวผมในจุดที่ลึกที่สุดคล้ายจะทำให้มึนเมาจนเสียสติ

เบรดเคยหวงผม ถึงขนาดทำให้ผมตายเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ แต่เมื่อเห็นผมกำลังถูกรักโดยคนอื่น เขาจะรู้สึกยังไงกันนะ

อ่า แค่นึกก็...

“...เบรด”

ผมครางเสียงต่ำ น้ำเสียงแฝงความสุขและเย้ยหยัน ผมแกะมือของคาร์เรย์จับใบหน้าตัวเองออก ก่อนจะสบตากับเบรดที่ยามนี้แฝงมองผมด้วยความรู้สึกมากมาย

มองผมสิ...ใช่แล้ว...มองด้วยดวงตาริษยาแบบนั้น!

ความรู้สึกที่เคยมีราวถูกความรักของคาร์เรย์กลบทับ ตราบใดที่ผมยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ผมจะไม่มีวันเผยอ่อนแอ!!

แต่คาร์เรย์คงตีความผิดไปเสียหน่อย เพราะเมื่อได้ยินผมเรียกชื่อคนเบื้องหน้า เขากลับกระแทกเข้าไปในตัวผมอย่างรุนแรงจนโยกคลอน ย้ำในจุดเสียวซ่านจนผมกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะร้องครางเช่นนั้นอย่างไม่คิดหลบซ่อนอีกต่อไป
ราวความรู้สึกบางอย่างในใจถูกเติมเต็มจนแทบล้น

“ผมรักคุณ” คาร์เรย์เอ่ยอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหอบกระสัน เร่งเร้าให้ผมเกือบถึงจุด แต่ในเพียงพริบตาก่อนที่จะปลดปล่อยความอัดแน่นออกมา มือขวาของคาร์เรย์พลันกระตุกน้อยๆ...

ปัง!

เช่นเดียวกับใบหน้าของเบรดที่หงายไปด้านหลัง

ผมเห็นเพียงเลือนรางเท่านั้น เพราะเมื่อลั่นไก คาร์เรย์ก็เติมเต็มผมจนสุด ผมกลั้นเสียงครางในลำคอ ความเจ็บปนความเสียวซ่านทำให้ผมเกร็งไปทั้งตัว รู้สึกถึงน้ำอุ่นจากช่องทางด้านหลัง ขณะเดียวกัน...น้ำขาวข้นจากด้านหน้าก็ถูกปลดปล่อยอย่างรุนแรงจนแทบขาดใจ

ผมหอบหายใจหนัก รู้สึกตาพร่าชั่วครู่ ส่วนคาร์เรย์ยังคงพรมจูบ บอกรักผมไม่รู้เบื่อ

เมื่อมีสติอีกครั้ง ผมก็เพิ่งเห็นว่าใบหน้าของตนมีน้ำคาวเหนียวสาดกระเซ็น

ผมลองยกมือแตะ เมื่อก้มมองก็พบว่ามันคือน้ำสีแดง เมื่อเงยหน้าขึ้น จับจ้องไปยังเก้าอี้ที่ยังคงค้ำร่างตัวเองเอาไว้ ผมก็เห็นใบหน้าเบรดสะบัดไปด้านหลัง ตาเบิกกว้าง กลางหน้าผากถูกยิงจนเลือดสาดกระจาย แถมยังมีมันสมองส่วนหนึ่งไหลย้อนออกมา
ผมไล่สายตามองต่ำ กลางลำตัวอีกฝ่ายมีน้ำสีขาวข้นของตัวผมเองเปรอะเปื้อน ตัดกับสีแดงเลือดโดยสิ้นเชิง

“ที่รัก...”

คาร์เรย์จูบซอกคอชื้นเหงื่อของผม เขาเองก็หอบกระชั้น ค่อยๆ ถอนร่างกายออกมาทั้งที่ยังกอดผมไม่ปล่อย

“พอใจมั้ย...ที่รัก”

เสี้ยวนาทีนั้น...

ผมไม่รู้สึกอะไรเลย


-----------
หมดแรง...//ปาดเหงื่อ

เป็นบทที่แต่งแล้วหมดแรงมากค่ะ แต่อย่าเพิ่งว่าลูกชายนะคะ ต้องทำความเข้าใจกันก่อน ว่าเจย์เดนเป็นคนธรรมดาที่จู่ๆ ก็ถูกผลักตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบลืมเลือนความเป็นตัวเองไปแล้ว ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวเป็นคนรักความยุติธรรม ภูมิใจในความเป็นตำรวจมากพอๆ กับเลียม พอเจอคาร์เรย์จึงเกาะเกี่ยวเอาไว้เหมือนฟางเส้นสุดท้าย จนเกิดเป็นความผูกพันที่พยายามปิดหูปิดตาตัวเองเพื่อเยียวยาหัวใจ แต่ในท้ายตอนนี้...เป็นความรู้สึกที่เหมือนถูกกระชากกลับสู่ความจริงกะทันหัน เจย์เดนไม่เคยว่าคาร์เรย์เพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายฆ่ากับตา แต่ครั้งนี้ต่อหน้าต่อตา ต่อให้เจย์เดนสีเทาขนาดไหนก็มีอึ้งค่ะ

ปล.เจย์เดนเป็นเหมือนสีขาวที่ถูกชุบสีดำค่ะ กระเทาะออกจะเห็นเนื้อแท้
ปลล.ส่วนคาร์เรย์ไม่ต้องพูดถึง ดำสนิทสุดๆ  :hao3:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 24-08-2014 19:25:16
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 24-08-2014 20:09:16
ดูจะไม่ปกติกันทั้งนั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-08-2014 20:21:03
คนอ่านก็สติหลุด
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 24-08-2014 20:29:23
เจย์เดน อย่าทำให้คาเรย์เสียใจนะ T^T
อ่านแล้วรู้สึกว่าต้องมีดราม่าแน่ๆเลยอ่า
ห้ามๆๆๆ ห้ามหันไปหาเลียม ห้ามตีตัวห่างจากคาเรย์นะเจย์เดน
ถ้าทำจริง เชื่อเถอะเขาได้คลั่งแน่
อ่า....อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ หม่นๆ หน่วงๆ

ถือธงปักป้ายคาเรย์ไว้ละกัน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-08-2014 20:35:52
ตายได้สาสม กับความเลวมาก แบรด

ถึงเจย์เดนจะเห็นคาเรย์ ฆ่า ต่อหน้า แต่มันก็เป็นการทำเพราะรักนะ

ยังคงเอนเอียงเอาใจช่วยคาเรย์เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 24-08-2014 20:55:24
ถึงคาร์เรย์จะเลวขนาดฆ่าคนตาย

แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะรักเจย์เดนน่ะ

เจย์เดนอย่าทำให้คาร์เรย์เสียใจเลยนะ

ขอร้องงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-08-2014 21:06:32
เริ่มสงสัยตัวเองว่าคงจิตตามสองคนนี้ไปแล้ว :z3:
เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่คาร์เรย์ฆ่าคนต่อหน้าเจย์เดน แต่ดันเป็นเบรดด้วยแบบนี้ กลัวว่ามันจะเป็นจุดเปลี่ยนของเจย์เดนน่ะสิ :mew5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 24-08-2014 21:18:07
ขอจบแบบแฮปปี้นะเรื่องนี้ ชอบคาร์เรย์  เจย์เดนต้องรักให้มากนะ หาไม่ได้อีกแล้วแบบคาร์เรย์เนี่ย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 24-08-2014 21:22:22
ดราม่าสุดๆ มองไม่เห็นตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจากเรื่องนี้ได้เลย
ถ้าจะแฮปปี้ได้ คงมีแค่ให้เจย์เดนกับคาร์เรย์ตายด้วยกัน
ถ้าให้เจย์เดนคบเลียมแล้วคาร์เรย์ตายคนเดียว จะสงสารคาร์เรย์มากเลยอ่ะ
หรืออาจจะแบบ คาร์เรย์ฆ่าเลียม เจย์เดนฆ่าคาร์เรย์ แล้วฆ่าตัวตายตาม สุดท้ายยังไงก็ตายอยู่ดี
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 24-08-2014 21:47:54
เรื่องนี้มันแฮปปี้เอนดิ้งใช่มั้ย

เจย์เดนกับคาร์เรใช่มั้ย

แยกกันเค้าไม่ไหวนะ :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-08-2014 21:58:28
เราเข้าใจเจย์เดนนะถ้าเกิดจะกลัวคาเรย์ขึ้นมา

เพราะเท่าที่อ่านเรารู้สึกว่าเจย์เดนต้องเคยเป็นคนคุณธรรมสูงไม่งั้นไม่มาเป็นตำรวจหรอก

จบแบบด็อกเตอร์ฮันนิบาลกับคลาริสสตาร์ลิ่งในนิยายก็ดีนะอิอิ

แต่เราก็ยังชอบเจย์เดนแบบที่ยังมีความยุติธรรมเหลืออยู่บ้างอยู่ดี

แอบตื่นเต้นที่เจย์เดนฉุกคิดขึ้นมาได้ ต้องอย่างงี้สิอีหนู

น้องเคะที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนไหวในขณะเดียวกันเราชอบแบบนี้อ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2014 22:08:57
เหนื่อย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: hokgaido ที่ 24-08-2014 22:25:24
เรื่องนี่สุดยอดมากคะ หน่วงได้ดีมากๆๆ มีปมน่าติดตามอย่างไม่น่าเบื่อเลย
เจเดนนิสัยน่ารักเงียบๆคะ  เรื่องนี้ทำให้เราอึ้งเอามากๆ
อึ้งตรงคาเรย์เอามากๆๆๆเลยคะ ชอบบบบบบบบ
คนเขียน เขียนดีมากคะ ภาษาสวยมากคะ
จะเป็นกำลังใจและจะคอยติดตามต่อไปนะคะ
ป.ล. ชอบเลียมมากดูเป็นรักที่บริสุทธิ์ และไม่เห็นแก่ตัวดีคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 24-08-2014 22:34:36
 :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 29-08-2014 00:00:04
คือ อยากรู้ว่าเจย์เดน จะรู้สึกอย่างไร คือแบบเห็นฆ่าต่อหน้าต่อตาเลย จะรักคาร์เรย์อยู่ไหม? คือไม่โอเคนะ ถ้าหมดรัก แง๊

แต่คาร์เรย์จะน่ากลัวมากกว่าเบรดหลายเท่าเพราะรักเจย์เดนมาก รักมาก รักแบบทำได้ทุกอย่าง ถ้าเจย์เดนเหมือนหักหลัง รับรองได้เลย เจย์เดนได้อยู่ในนรกมืดแน่ๆ

กลลัวมันจะดราม่าหักมุมตอนท้ายง่ะ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-08-2014 01:05:34
 o13


สาแก่ใจ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: leeyaoi ที่ 29-08-2014 02:41:06

 เรากลัวคาร์เรย์ฆ่าเลียมจริงๆนะ ถึงจะเชียร์คาร์เรย์ก็เถอะ

คือถ้าเกิดคุมสติไม่อยู่แล้วไปลอบทำร้ายเลียมตายไม่ตายถ้าเจนเดย์รู้ ทะเลาะกันขึ้นมา รัศมีพระเอกจะแทบหายไปเลย

ไม่นะะะะ คารเจย์อย่าสติหลุดนะะะ

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-08-2014 03:24:57
อูย..ฆ่าให้เห็นเลยเหรอคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.11 “พอใจมั้ย...ที่รัก” P.6 [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-08-2014 15:34:12
โหยยยยยยยยยยยยยอ่านแล้วชอบมากกก ยิ่งอ่านตอนกลางคืนนี่น่ากลัวนะ 5555เป็นสืบสวนแบบต่างประเทศที่ชอบค่ะ ดูซีรี่ย์แนวนี้ด้วยพวก เด๊กเตอร์ไรงี้

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 30-08-2014 18:58:39
Chapter 12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ”

ผมมาทำงานในวันถัดไป

รอยแผลที่คอเลือนหายไปมากจนเป็นขีดสีแดงจางๆ ฉะนั้นเมื่อผมเดินเข้าไปในกรม ตรงไปยังโต๊ะตัวเดิมด้วยใบหน้าเชิดขึ้นอย่างไร้ซึ่งความหวาดหวั่น จึงไม่มีใครกล้าทักทายสักคนเดียว

ยกเว้นคนคนหนึ่งที่พอเห็นผมก็เดินตามมาทันที

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเบาแทบเป็นเสียงกระซิบ

“ก็พูดมาสิ”

“ตรงนี้ไม่ได้ เย็นนี้คุณว่างมั้ย ผมต้องการเวลาคุยกับคุณนานๆ”

ไอ้เด็กเวรย้ำชัดพลางมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ผมเพิ่งสังเกตเอาตอนนั้นเองว่าท่าทางเลียมดูแปลกไป หากไม่นับความรวดร้าวในดวงตาที่บ่งบอกว่าเพิ่งอกหัก เขาดูลนลานผิดปกติราวมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ

เพราะแบบนั้น...

“เอาสิ”

ผมจึงตอบรับคำชวนด้วยสายตาว่างเปล่า




มันเหมือนมีความรู้สึกบางส่วนหล่นหาย

หรือไม่ก็ด้านชาจนกลายเป็นไม่รู้สึก

ความอึดอัดเมื่ออยู่กับคาร์เรย์ย้อนมาอีกครั้ง เหมือนตอนที่ผมรู้ว่าเขาฆ่าคนในช่วงแรกๆ แม้ความรู้สึกนั้นจะถูกลบเลือนอย่างรวดเร็วด้วยความรักของเขา แต่ในครั้งนี้...มันทวีมากกว่าเดิมจนแทบอาเจียนออกมา

บางทีตะกอนที่เก็บซ่อนไว้คงถึงจุดที่กักไว้ไม่ไหว!

“มีศพส่งมาให้ที่อพาร์ทเมนต์ของผม”

เลียมเอ่ยเมื่อพาผมมาที่ร้านอาหารห่างจากที่ทำงานพอสมควร เป็นร้านอาหารขนาดเล็ก มีที่นั่งน้อย แถมยังคนน้อยอีกต่างหาก ทั้งที่เป็นอย่างนั้นไอ้เด็กเวรก็พาผมไปนั่งข้างในสุดไม่ต่างกับการปลีกวิเวกโดยสิ้นเชิง

“ผมตรวจสอบดูแล้ว...ศพนั้นชื่อ ‘เบรด’ คนที่คุณเคยละเมอออกมา”

ผมหลุบตานิ่ง รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร เมื่อคืนหลังการร่วมรักเกือบจะบ้าคลั่ง คาร์เรย์ก็พาผมไปส่งที่ห้องนอน กล่อมผมจนหลับ ก่อนจะไปจัดการกับศพ แน่นอนว่าผมไม่ถามเขาว่าทำอย่างไร เพราะในตอนนี้...ผมแทบไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว

แต่ที่คาดไม่ถึงคือคาร์เรย์ส่งศพไปให้เลียม ไอ้เด็กเวรเช่าอพาร์ทเมนต์ใกล้ๆ กับที่ทำงาน ไม่พักกับครอบครัวตัวเองตามประสาวัยรุ่นที่ชอบชีวิตอิสระ เลียมอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าตอนที่เปิดกล่องของขวัญซึ่งทั้งหนักและใหญ่นั้นออกมา เขาไม่แปลกใจสักนิดเดียว

แต่เมื่อตรวจสอบสภาพศพดีๆ...

“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดคงเป็นแผนการของคาร์เรย์ เขาต้องการให้ผมเป็นผู้เกี่ยวข้อง เป็นวิธีปิดปากที่ดีที่สุด”

เลียมยิ้มขื่น แม้จะไม่พูดอะไรออกมา เขาก็รู้ดีว่าเมื่อเห็นน้ำรักของผมบนศพ จะต้องจัดการยังไงไม่ให้มีใครเจอแล้วตรวจสอบมาถึงผม

“ผมถอนตัวจากวังวนนี้ไม่ได้แล้ว เจย์เดน” ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเครียด ยอมรับแต่โดยดีจนน่าประหลาด แม้จะเคยทำผิดเพื่อผม แต่เขาก็แค่หลับหูหลับตาข้างหนึ่ง ไม่เคยต้องแปดเปื้อนทั้งสองมือขนาดนี้

“งั้นฉันจะไปเอง”

“หมายความว่ายังไง!?” ไอ้เด็กเวรเงยหน้าพรวด

“ฉันจะลาออก ไปให้ห่างจากนาย ไม่ต้องข้องแวะกันอีก”

“ไม่...ไม่ ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้น” เลียมคว้ามือผมเอาไว้ กุมแน่นราวกับกลัวว่าจะหนีหาย “ขอโทษ ผมคง...ตกใจมากไปหน่อย ผมไม่กล้านึกด้วยซ้ำว่าเขาฆ่าเบรดยังไง และคุณในตอนนั้น...อยู่ในสภาพไหน”

ไอ้เด็กเวรกัดปากเมื่อพูดประโยคหลัง บางทีสิ่งที่ทิ่มแทงเขาอยู่คงเป็นความจริงที่ว่าผมปล่อยให้เบรดตาย ไม่ใช่ยืนดูธรรมดา แต่ผมยังรักกับคาร์เรย์มากเสียด้วย

“อย่าเพิ่งทิ้งผมไปกว่านี้ เจย์เดน อย่าใจร้ายกับผมถึงขนาดนั้น”

“ฉันปฏิเสธนายเป็นรอบที่ล้านแล้ว เลียม” ผมถอนหายใจออกมาน้อยๆ “เมื่อไหร่นายจะพอสักที”

“ผมไม่รู้” ไอ้เด็กเวรเผยยิ้มขมขื่นไม่ต่างกัน “แต่ผมรู้ว่าหากไม่เจอคุณอีก...คงทนไม่ได้”

หนึ่งคืนที่ผมเจออะไรมากมายจนแทบกลายเป็นคนเย็นชา ตัวเลียมเองก็ดูจะผ่านหนึ่งคืนมาด้วยความคิดมากมายไม่ต่างกัน

เขาคล้ายจะปลงตก ขบคิดถี่ถ้วนดีแล้ว

“ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อผมหรอก” เลียมดักคออย่างรู้ทัน “แต่ผมเองก็อยากให้คุณรู้ว่าผมยังรักคุณ”

“ทั้งที่ฉันเป็นแบบนี้น่ะเหรอ” ผมเชิดหน้าท้าทาย ทว่าดวงตากลับวูบไหวเมื่อไอ้เด็กเวรจูบบนฝ่ามือผมแผ่วเบา

“ผมรู้ว่าเมื่อคืนคุณไม่มีความสุข” เลียมเอ่ยเสียงกระซิบ “ตอนผมพูดเรื่องนี้ คุณเย็นชาจนแทบไร้ความรู้สึก มันคือการป้องกันตัวอย่างหนึ่งทางจิตใจ คุณอยากต่อต้านคาร์เรย์ แต่เพราะเขารักคุณมากจึงเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น ท้ายที่สุดเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง คุณจึงเลือกที่จะหนีโดยการทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น”

ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเรียบ กลายเป็นผมเองที่อยู่ไม่นิ่งราวแทงใจดำ

“หนี...อย่างที่คุณทำมาตลอด”

เพราะผมอ่อนแอแบบนี้

ผมสะท้อนในอก รู้ดีว่าเลียมพูดถูกทุกอย่าง ไอ้เด็กเวรมันช่างสังเกต มันเก่งในการเชื่อมต่อเรื่องราว ยิ่งเกี่ยวข้องกับผม มันยิ่งวิเคราะห์ได้เฉียบขาดกว่าที่ควรจะเป็น

“ฉัน...” ผมเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ!

   คาร์เรย์รักผม ทำเพื่อผม และผมเองก็โหยหาแต่เขา ทว่าส่วนลึกในใจกลับขัดแย้ง มันทำให้ผมสับสน ไม่เข้าใจเอาซะเลย มันอัดแน่นในอก ทั้งที่ย้ำเตือนหลายต่อหลายครั้งว่าไม่เป็นไรหรอก...ไม่ต้องกังวลหรอก...ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรคาร์เรย์ก็จะอยู่ข้างผมตลอดไป แต่เมื่อนึกถึงภาพการตายของเบรด...ความตายที่ผมเองก็ปรารถนาให้มันเกิดขึ้น ผมก็ได้แต่แน่นิ่งอยู่เช่นนั้น

ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทบทวนตัวเอง ไม่กล้าตอบคำถามของคนรัก ไม่กล้ากระทั่งสู้หน้าอีกฝ่าย

ความรู้สึกผิดสั่งสมจนแทบกระอักเลือดออกมา

ทำยังไงดี...ผมควรจะทำยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้นะ ผมควรจะมีความสุขสิ ควรจะพอใจได้แล้ว!

“รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง”

ผมเงยหน้ามองเป็นคำถาม

“...โล่งใจ” เลียมยิ้มออกมาน้อยๆ “ตอนแรกผมนึกว่าคุณคงถลำลึกจนกู่ไม่กลับ หากเป็นแบบนั้นต่อให้ผมพยายามแค่ไหนก็ไร้ค่า แต่นี่...คุณกำลังบอกผมว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้ต้องการแบบนั้น เจย์เดน ถึงคุณจะบอกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี แต่นั่นเป็นเพราะอดีตที่ทำร้ายจนคุณไม่อาจเป็นคนดีได้อีก”

...ทำร้ายจนไม่อาจเป็นคนดี

“แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ” ผมเอ่ยเสียงเบา สมองยังคงว่างเปล่า

“ดีสิ” เลียมบีบมือผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ “ดีแล้ว...เพราะหมายถึงคุณยังเป็นคุณ”

ผมไม่เข้าใจสักนิดเดียว

“เจย์เดน คุณไม่ใช่คนบ้า คุณไม่ได้วิปริตด้วย แต่ที่ต้องการความรักอันบิดเบี้ยว ก็เป็นเพราะคุณปิดหัวใจแน่นหนาเกินไป คุณขังตัวเองจนไม่มีทางเลือก เพราะคุณกลัวเหลือเกินที่จะผิดหวังอีกครั้ง”

“ฉันกลัวจริงๆ...” ผมยอมรับ “จนถึงตอนนี้...ฉันก็ยังกลัวความรักของนาย”

ทั้งกลัว...ทั้งหวาดระแวง ชีวิตของผมมันย่ำแย่เต็มทีแล้ว ผมกลัวเมื่อคนเข้าหา ผมกลัวเมื่อมีคนมอบความรัก กลัว...ทุกสิ่งทุกอย่าง

กลัวว่าสักวันมันจะเป็นแค่การหลอกลวง!

“ไม่เป็นไร” เลียมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ผมจะพิสูจน์เอง ขอแค่คุณยอมรับผมขึ้นสักหน่อย ยอมเปิดใจให้ผมมากกว่านี้อีกสักนิด...”

“ไม่!” ผมดึงมือออก ในใจขัดแย้งอย่างรุนแรง “ฉันจะไม่เลิกกับคาร์เรย์”

“ทั้งที่คุณรู้สึกแย่แบบนี้น่ะเหรอ!”

“แต่ฉันจำเป็นต้องมีความรักของเขา” ผมเอ่ยออกมา แทบกลายเป็นคำอ้อนวอน ผมจำเป็นต้องมีเขาจริงๆ...หากไม่ใช่คาร์เรย์...ก็ไม่ได้หรอก ตัวผมในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะรอให้เลียมพิสูจน์ และอ่อนแอเกินกว่าจะปฏิเสธความรักอันบ้าคลั่งนั้น

ไม่ว่าคาร์เรย์จะเป็นยังไง แต่ความรักของเขาคือสิ่งที่ผมเชื่อมั่นมาตลอด

“โอเค ผมคงเรียบเรียงผิดไปหน่อย” เลียมสูดหายใจเข้าลึกๆ เริ่มตั้งตัวเสียใหม่ “คุณบอกว่าเพราะคาร์เรย์ยอมเป็นฆาตกรเพื่อคุณ ถึงได้ยอมรักความรักของเขาสินะ”

ผมพยักหน้ารับเชื่องช้า

“ถ้าอย่างนั้นลองฟังการวิเคราะห์ของผม แล้วค่อยให้คำตอบอีกที” เลียมหยิบไอแพคเครื่องจิ๋วขึ้นมาราวพร้อมบรรยาย “จากนั้นจะทำยังไงกับมันก็แล้วแต่คุณ”

เป็นครั้งแรกผมรู้สึกว่าไม่อยากรับฟังเอาซะเลย ไอ้เด็กเวรทำหน้ามั่นใจนัก ราวกับว่านี่เป็นไม้ตายสุดท้าย หากหลังจากนี้ผมยังเลือกคาร์เรย์อีก เขาก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายจากไป

“ก่อนจะมาเจอคุณ เขาก็เป็นฆาตกรแล้ว เจย์เดน”




“ที่รัก?”

คาร์เรย์เพิ่งกลับมาถึง วันนี้เขาเลิกช้ากว่าปกติ แต่ก็ส่งข้อความบอกผมแต่แรกว่าขอให้รอกินข้าวเย็นด้วยกัน

“ทำอะไรอยู่น่ะ”

คาร์เรย์เปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะเดินเข้าหาผมที่นั่งนิ่งบนโซฟาเหมือนคนตาย คนรักเกลี่ยเส้นผมให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะทาบมือตามหน้าผาก ข้างแก้ม และลำคอเพื่อดูว่าผมยังสบายดีอยู่มั้ย

เพราะสีหน้าผมในตอนนี้มันคงแย่มากจริงๆ

“เป็นอะไรไปครับ” คาร์เรย์กอดผมไว้ทั้งตัว พลางโยกน้อยๆ ราวกล่อมเด็ก “อย่าเงียบแบบนี้สิ ผมใจไม่ดีเลย”

“ฉัน...”

ในที่สุดผมก็เปล่งเสียงออกมาสำเร็จ เป็นเสียงที่สั่นพร่า เพราะผมไม่อยากจะพูด แต่ก็จำเป็นต้องพูด

“สักวันนายจะฆ่าฉันรึเปล่า คาร์เรย์”

ผมถามออกมาด้วยจิตใจที่แหลกลาญ

สิ่งที่เลียมเอ่ยกับผม คือการวิเคราะห์อันไร้หลักฐานของเขาเอง ถึงอย่างนั้นข้อสันนิษฐานของไอ้เด็กเวรก็ไม่เคยพลาด แม้ครั้งนี้ผมอยากจะให้มันผิดมากมายแค่ไหนก็ตาม

เจ็ดปีก่อน...ตระกูลของคาร์เรย์ถูกฆ่าตาย คาดว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ มีเพียงลูกชายคนเล็กรอดออกมาได้ ทำให้ผมมีความดีความชอบเนื่องจากหาญกล้าฝ่าดงเพลิงเข้าไปช่วย

ไม่สิ ผมควรจะคิดได้แต่แรกแล้วว่าทำไมคาร์เรย์ถึงรอดให้ผมไปเจอได้ ในเมื่อทั้งพ่อของเขา แม่ของเขา และพี่สาวของเขา...ล้วนถูกฆ่าก่อนที่เพลิงจะถูกจุด!

เพราะอะไรล่ะ?

คำตอบนั้นง่ายมาก...

‘ก่อนจะมาเจอคุณ เขาก็เป็นฆาตกรแล้ว เจย์เดน’

คนฆ่าคือคาร์เรย์!!

เลียมรวบรวมข้อมูลของศพ พบว่าพวกเขาล้วนถูกฆ่าบนโต๊ะรับประทานอาหาร ไม่มีวี่แววขัดขืน บ่งบอกว่าฆาตกรย่อมรู้ดีเวลาดี อีกทั้งเพลิงซึ่งถูกจุดนั้นก็มาจากแก๊สรั่วไม่ใช่น้ำมัน คงมีใครสักคนไปเปิดแก๊สในห้องครัว แล้วจะเป็นใครที่รู้ดีที่สุดกันล่ะ ยามนั้นเด็กน้อยคาร์เรย์คงชะล่าใจเกินไป เพราะเขายืนอยู่ใกล้กับทางออก เมื่อลงมือจุดไฟ แทนที่จะเป็นการลามไล่ธรรมดา กลับกลายเป็นระเบิด ทำให้เจ้าตัวพลอยบาดเจ็บถูกไฟลวก หลบหนีออกมาไม่ได้

และผมก็คือคนที่เข้าไปช่วย...

ช่วยฆาตกรออกจากกองเพลิงที่เขาจุดเอง!

“ที่รัก...” คาร์เรย์ดันผมออกจากอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่มองมานั้นยังเต็มไปด้วยความรัก...ความรักอันบ้าคลั่งที่ผมเชื่อหมดใจว่าเขาไม่มีวันทรยศ

แต่ว่า...

ตอนนี้ผมไม่เหลือความรู้สึกนั้นอีกแล้ว!

ผมย้ำกับเลียม และย้ำกับตัวเองเสมอ คาร์เรย์ทำเพื่อผม เขาบ้าคลั่งเพราะผม แต่เมื่อความเป็นจริงถูกเปิดเผย ผมก็รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการ...คิดไปเอง

คาร์เรย์ไม่ได้ทำเพื่อผม

เขาไม่ได้บ้าคลั่งเพราะผม

แต่เขาเป็นเช่นนั้น ‘แต่แรก’

อ่า...เจย์เดน เวอแกน ท้ายที่สุด คนที่คิดว่ารักผมแทบตายคนนั้น ก็เป็นการลวงหลอกไม่ต่างจากคนอื่น ชีวิตที่ไม่เคยได้สมหวังนี้ คงไม่มีวันที่จะได้รับความรักอย่างที่ต้องการอีกแล้ว

มันช่างน่าขำ...น่าขำจนหัวเราะออกมาเป็นน้ำตา!

“ที่รัก...” คาร์เรย์โน้มหน้าคล้ายจะช่วยจูบซับอย่างเคย แต่ผมเบียนหน้าหลบ กัดปากกลั้นเสียงสะอื้น ไม่กล้าสู้หน้าเขา
ทว่าคนรักกลับเชยคางผมให้หันไปเผชิญหน้า แนบริมฝีปากบนเปลือกอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ผมไม่พูดอธิบายอะไร แต่เขากลับคลี่ยิ้มเย็นออกมาราวเข้าใจดี

“ที่รัก คุณคิดมากไปแล้ว”

“นายฆ่าพวกเขา”

“ที่รัก...”

“นายฆ่าพวกเขา!” ผมดันอีกฝ่ายออกสุดแรง ก่อนจะถอยห่างออกมากึ่งตะเกียกตะกาย เว้นระยะห่าง...อย่าเข้าใกล้ อย่าแตะต้องตัวผมในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นผมคงขาดใจตาย

“ครับ ผมฆ่าพวกเขา” คาร์เรย์ยอมรับง่ายดาย “ผมฆ่าพวกเขา แล้วจุดไฟด้วยสองมือนี้”

ผมยกมือปิดหู ทั้งที่อยากฟังคำสารภาพ แต่อีกใจก็ไม่อยากรับรู้ ขอให้ผมจมอยู่ในห้วงความรักแสนหวานนานกว่านี้อีกนิดไม่ได้หรือไงนะ ทำไมทุกคนต้องปลุกผมจากความฝัน ทำไมต้องผลักไสให้ผมเผชิญหน้ากับความจริงแบบนี้ด้วย!

อ่า...โกหกออกมาสิ ทำไมถึงไม่โกหกกันล่ะ เพราะเป็นนาย...เพราะเป็นนายมาแต่แรก ผมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ ผมถึงได้กลับเป็นคนเก่าที่เลิกปั้นหน้าเสแสร้ง เพราะเป็นคาร์เรย์...

ทั้งที่เชื่ออย่างนั้นแท้ๆ

“อยากรู้มั้ยครับว่าผมทำยังไง”

คาร์เรย์เดินเข้ามาใกล้ แต่เมื่อเห็นผมถอยหลังชิดผนัง ใบหน้าอาบน้ำตา เขาก็ยืนนิ่งตรงนั้น ก่อนจะยกสองมือขึ้นมากึ่งเหม่อลอย เล่าเรื่องด้วยเสียงและรอยยิ้มมุมปากที่ชวนให้ตัวผมเย็นเยียบไปทั้งใจ

“ผมวางยานอนหลับให้พวกเขา คนที่ทนไม่ไหวก่อนคือพี่สาว เธอฟุบหลับทั้งที่ยังถือช้อน ตามด้วยแม่...และพ่อที่เริ่มเอะใจแต่ก็ไม่อาจฝืนฤทธิ์ยา ผมมองพวกเขานอนหลับแบบนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบมีดสำหรับแล่เนื้อที่ห้องครัว”

ผมทรุดตัวลง แม้จะยกมือปิดหู ร้องไห้ออกมาเสียงดังยังไงก็ไม่อาจกลบเสียงเล่าของคาร์เรย์

ทำไมต้องเป็นผมที่รับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นผมที่เจอเรื่องแบบนี้!

“ผมรักพวกเขา...จึงไม่อยากให้เขาทรมาน พวกเขาขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังหลับฝันหวานซะด้วยซ้ำ ผมใจดีมั้ยล่ะครับ” คาร์เรย์ยังคงยิ้มเย็น ขยับท่าทางราวกำลังถือมีดอยู่จริงๆ “ผมเริ่มจากพี่สาวก่อน...พี่ที่ห่างกับผมแค่หนึ่งปี เป็นคนน่ารัก ทุกคนต่างชอบเธอทั้งนั้น ความจริงผมอยากลองใช้มีดแทงทะลุ เอาให้ปลายด้านคมโผล่พ้นออกมาอยู่หรอก แต่เพราะตอนนั้นผมยังแรงน้อย จึงได้แต่จับเธอปาดคอ ปล่อยให้เลือดสีสวยหลั่งรินบนโต๊ะอาหารมื้อสุดท้าย...”

อ่า...พอทีเถอะ หยุดเล่าออกมาได้แล้ว!

“ไม่อยากฟังเหรอครับที่รัก” คาร์เรย์หัวเราะออกมาเบาๆ “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ”

อย่า...พูดเหมือนทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้น อย่าพูดเหมือนว่าที่ทำทุกอย่างนั้นมันช่างง่ายดายขนาดนั้น!

อย่าทำเหมือนความรักที่ให้ผมนั้นไม่มีค่า...

อย่าทำแบบนี้อีกเลย...

   ราวความรู้สึกที่มีถูกบดขยี้จนแหลกลาญ ผมได้แต่กลั้นใจเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเบาหวิว

“ทำไม...”

“ทำไมถึงต้องฆ่าน่ะเหรอครับ?” คาร์เรย์เดินมาหยุดด้านหน้าผม นั่งชันเข่าข้างหนึ่ง มองผมด้วยความรักใคร่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “เพราะเขายอมรับตัวผมไม่ได้ไงล่ะ”

มืออุ่นที่โอบกอดทุกค่ำคืนช่วยปาดน้ำตาผมอย่างเชื่องช้า

“แต่คุณยอมรับผมได้ ใช่มั้ย...ที่รัก”

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเอ่ยเรื่องเขาเป็นฆาตกร แถมยังช่วยปกปิด เขาถึงมีท่าทีดีใจขนาดนั้น

เพราะเขารักผมมาก

ใช่...รักมาก แต่ถ้าลองเปลี่ยนสถานการณ์ล่ะ

ถ้าตอนนั้นผมทักท้วง พยายามจะเปิดเผยเรื่องของเขา คาร์เรย์จะรักผมแบบนี้อีกมั้ย หรือเขาจะฆ่าผมด้วยความรัก อย่างที่เขามอบให้กับครอบครัวของตนเอง!

อ่า...มันเป็นแบบนี้แต่แรก ความรักที่ผมวาดหวัง มันไม่เคยมีอยู่จริงแต่แรกสินะ

แค่นึกถึง ผมก็ปวดไปทั้งใจเหมือนว่ามันกำลังแหลกเป็นเสี่ยงๆ!

ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน

ผมเริ่มหอบกระชั้น ราวกับลมหายใจขาดห้วงกะทันหัน รู้สึกเหมือนจะตายยิ่งกว่าตอนถูกเพื่อนรักพ่อขู่ฆ่าซะอีก ขณะเดียวกัน...เรี่ยวแรงก็เหือดหาย ไม่ต่างกับตอนถูกเบรดจับไปขังแม้แต่น้อย หมดสิ้นทุกอย่าง...ราวกับร่างกายถูกสายป่านตัดขาดโดยสิ้นเชิง ผมปล่อยให้คาร์เรย์แกะมือซึ่งปิดหูไว้อย่างอ่อนโยน ไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อยเมื่อเขาช่วยจูบซับน้ำตาด้วยความรักแสนหวาน

...ที่ขมขื่นนัก

ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้นะ

ผมหลับตาเมื่อเขาเริ่มประทับริมฝีปากพลางขบกัดน้อยๆ อย่างที่ชอบทำ

“ผมรักคุณ”

ลิ้นร้อนลากไล่มาที่ซอกคอ พร้อมกับมืออุ่นซึ่งเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อของผม

สัมผัสคุ้นเคยและคำกล่าวที่ชอบฟังนักกลับไม่ต่างจากมีดกรีดกลางใจ

“ผมรักคุณ...”

ผมสะอื้น ไม่มีแรงจะขัดขืน ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเปล่งออกมา ได้แต่นั่งนิ่งเช่นนั้นให้เขาทำตามใจชอบ หากแต่ไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย

ผมยังมีชีวิตอยู่...

“ที่รัก...” คาร์เรย์ก้มหน้าจูบผมอีกครั้ง “ผมรักคุณ”

มีชีวิตอยู่...แต่ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น!

----------------

ถึงจุดหักเหของเรื่องล่ะค่ะ QAQ

แต่งไปสงสารเจย์เดนจับใจมาก คิดว่าคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเจ้าตัวก็บอกความรู้สึกทั้งหมดผ่านตอนนี้ออกมาแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เจย์เดนภูมิใจมากที่สุดตอนเป็นตำรวจ คือการช่วยคาร์เรย์ออกมาจากกองไฟ ฉะนั้นการเฉลยข้อนี้นอกจากจะทำลายความเชื่อใจในความรักของอีกฝ่ายแล้ว ยังทำลายความภาคภูมิใจเพียงหนึ่งเดียวของเจย์เดนไปด้วย...

พังทลายโดยสมบูรณ์ค่ะ :m15:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 30-08-2014 19:48:21
หมดกัน สูญสิ้นทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-08-2014 20:02:13
โอยยย บ้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 30-08-2014 20:20:16
อย่าทำซื่อเลย เจย์เดน

การฆ่าเพื่อเจย์เดน หรือ ฆ่ามาก่อนยังไงมันก็คือฆาตกร อยู่ดี

อย่าแอ๊บใส หาข้ออ้างให้ตัวเอง เพราะคนที่รู้เห็นกับการฆาตกรรม ก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว

โดยเฉพาะคนนั้น มีหน้าที่ต้องรักษาความยุุติธรรม รวมทั้งเลียมด้วย พอเป็นคนที่เรารัก ก็ลำเอียงปกปิด

ไม่สงสาร เลยสักคน รู้สึกว่าสมควรแล้ว เหมาะสมกันแล้ว กับคนทั้งสามคน ไม่ควรมีใครมีความสุขเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 30-08-2014 20:45:39
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 30-08-2014 21:19:46
โอ๊ยยย หักมุมมมม
เจย์เดน เสียทุกอย่างเลย ทั้งความภูมิใจ ทั้งสิ่งยึดเหนี่ยว
คาร์เรย์ทำฉันผิดหวังมาก
เรื่องจะเป็นไงต่อไป เพราะเจย์เดยกับเลียมก็ปกปิดความผิดไว้เยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 30-08-2014 21:25:28
 o13
ยกนิ้วให้เลยอ๊ะ
เป็นนิยายที่มีพล็อตสุดยอดเลยอ๊ะ
เกิดอาการ  o22  แบบนี้ตะล๊อด
ทั้งดราม่า สุดขั้ว ชีวิตหม่นหมอง
ฆาตกรก็เลือดเย็น ได้ใจมั่กๆๆๆ (ไม่ได้ซาดิสต์นะ)
ทุกอย่างเกิความคาดคิดจริงๆๆๆๆ
สรุปว่าสนุกสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 30-08-2014 21:27:28
ขอบคุณค่า.  สงสารเจย์  :sad4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 30-08-2014 22:25:41
 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1: โอ้ยอย่างไงต่อล่ะเนี้ยยยยย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-08-2014 22:32:53
 :z3:
รู้สึกเหมือนเลียมกลายเป็นพระเอก แล้วคาร์เรย์เป็นผู้ร้ายขึ้นมาจริงๆเลยนะเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 30-08-2014 22:43:11
เลียมดูเป็นผู้ชายอบอุ่นดีนะ
แต่เรื่องนี้เท่านั้น
ที่เราขอรักคนบิดเบี้ยวอย่าคาเรย์มากกว่า

ส่วนเจย์เดน จะฆ่าตอนไหนก็เป็นฆาตกรทั้งนั้นนั่นแหล่ะ
พอเป็นแบบนี้ดันรับความจริงไม่ได้อีก
ต้อง ฆ่า เพื่อตัวเอง"เท่านั้น"ใช่ไหมถึงจะยอมรับได้
ฆ่าบุคคลอื่นกลายเป็นผิด วิปริต รับไม่ได้กับการที่ต้องฆ่าคนอื่น

ถ้ามันจะจิตกันแบบนี้
ให้คาเรย์หาคนรักที่ยอมรับตัวเองที่จิตพอๆกันดีกว่ามั้ง555
แต่หายากนะ คนที่จะรักฆาตกรตั้งแต่เกิดแบบนี้ได้
แต่เราเชื่อแหล่ะว่าต้องมี อิอิ

ยังสติลปักป้ายไฟคาเรย์เหมือนเดิม
ผิดหวังกับเจย์เดนนิดหน่อย
ตรงที่โลกสวยแบบแปลก เฮ้อ
เรื่องจะเป็นยังไงต่อกันนะ

ทางที่ดีให้ต่างคนต่างไปดีกว่าทั้งสามคนเลย

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 30-08-2014 22:51:06
คุณคนเขียนเรามีคำถาม "คุณแต่งเรื่องซับซ้อนขนาดนี้ได้อย่างไร วางโครงเรื่องนานไหม คิดพล็อตนานหรือเปล่า ใช้เวลาใส่ปมเรื่อง และคลายปมเรื่องกี่วัน"

คุณทำให้เราซาบซึ้ง และดิ่งจนแบบ เห้ย ฝีมือการเขียนแบบนี้ชอบ นี่ตอนนี้แค่จุดหักเหนะ เราแบบเห้ย เขียนได้ไงวะ เจ๋ง คือเราชอบงานเขียนแนวนี้อยู่พอสมควรนะ ไม่ใช่การหักมุมจนแบบ อะไรเนี่ย แต่มันแบบ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะถึงขันสุดท้ายของบันไดไปสวรรค์ แล้วแผ่นดินก็ไหวทำเราตกลงมาอ่ะ ตอนนี้ได้ใจเรามาก มันแบบโอ่ย จะอึ้งก็ว่าใช่ จะหน่วงก็ไม่เชิง น้ำตาก็ไหลไม่ออก

คือเราคาดเดาเรื่องว่า คาร์เรย์ฆ่าทุกคนเพื่อเจย์เดนมาตลอด และก็คงเป็นแบบนี้ พอครบหมดแล้วก็คงไม่มีอะไรให้น่าปวดหัว นอกจากตำรวจสืบสาวมาถึงตัวได้ แต่พอตอนนี้ คือมันแบบตื่นเต้นก็พูดไม่ได้ หรือจะเฉยๆก็พูดไม่ถูก มันแบบหลายอารมณ์อ่ะ

สิ่งที่เราทึ่งของตอนล่าสุดนี้คือ
1 วิธีที่ใช้ปิดปากของคาร์เรย์ การให้ศพไปหาคนที่ชอบแฟนตัวเองเป็นสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุด เพราะต่อให้เลียมทำความสะอาดศพจนไร้ร่องรอย แต่อย่างไรซะถ้าหน่วยพิสูจน์หลักฐานและการชันสูตรอย่างไรซะก็ต้องหาตัวฆาตรกรได้ เพราะมันมีสิ่งที่บอกว่าเจย์เดนเป็นผู้ต้องสงสัและผู้สมรู้ร่วมคิดได้เลย
2 เลียมตามสืบเรื่องของคาร์เรย์ และแม้แต่การสืบไปถึงฆาตรกรในคดีเจ็ดปีก่อน ทั้งๆที่ตอนนั้นเลียมยังไม่น่าจะเป็นตำรวจด้วยซ้ำ!! แต่เขากลับสามารถสืบ และวิเคราะห์ออกมาได้ว่าใครคือคนร้าย เลียมทุ่มเทเพื่อเจย์เดนในแบบตำรวจธรรมดา ที่อยากให้คนที่ตัวเองรักตาสว่าง
3 ความรู้สึกของเจย์เดน เราคาดคะและอยากรู้มากๆว่า เจย์เดนจะรู้สึกอย่างไรหลังจากนั้น และตอนนี้เราก็ได้รู้ และที่ทำเอาตกใจมากกว่านั้นก็คือ เจย์เดนได้รู้อะไรมากกว่านั้น ซึ่งเหนือความคาดหมายและการคาดการณ์ของเราไปมากโข
4 เบื้องหลังของฆาตรกร เราไม่คิด เรียกได้ว่าไม่ได้มีอยู่ในสมองว่า คาร์เรย์จะฆ่าครอบครัวตัวเอง แต่ตอนนี้กลับโยงไปได้ เราตกใจมาก จนรพูดไม่ออก

ตอนนี้คือสิ่งที่เรียกได้ว่า สนุกหรือ ก็ไม่ หน่วงก็ไม่เชิง แต่มันแบบพูดไม่ออกไปเลย แล้วมันทำให้เรากลัว กลัวว่าคาร์เรย์จะฆ่าเจยืเดน ไม่ก็ขังเจย์เดน

ตอนแรกคิดว่านิยายเรื่องนี้คงเป็นแนว ฆาตรกรรมโรคจิตธรรมดาๆ ไม่ก็สืบสวนหน่อยๆ เจอตอนนี้ไป มันไม่หน่อยแล้วโว๊ย!! นี่แบบนึกตอนจบ และตอนต่อไปไม่ออก มันทำให้เราอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ และเราถึงฝีมือการเขียนของคุณคนเขียนเอามากๆ นี่ขอยกเป็นนักเขียนในดวงใจได้ไหม แค่ตอนนี้เราก็ทึ่ง ตกใจ จุกจนพูดอะไรไม่ออก แล้วตอนต่อไปจนถึงตอนจบจะมีอะไรมาทำให้เราตกใจได้มากกว่านี้อีกไหมเนี่ย นี่ถ้ารวมเล่ม เงินไม่พอก็ต้องหาเงินมาซื้อจนได้อ่ะ

ฝีมืองานเขียนของคุณคนเขียน ภาษา การสื่ออารมณ์ โครงเรื่อง และทุกอย่างในเรื่องนี้ เรานับถือเลย ยิ่งการสื่ออารมณ์ของตัวละคร เราชอบมาก ตอนนี้เราแบบลุ้นไปเลยอ่ะว่าเจย์เดนจะทำอย่างไร คาร์เรย์จะฆ่าเจย์เดนตอนนี้ไหม แล้วยิ่งตอนเจย์เดนถอยตัวห่างนี่ เรากลัวคาร์เรย์ฆ่าเจย์เดนมากอ่ะ เรารู้สึกรักคุณคนเขียนจังเลยครับ เรากำลลังหัดเขียนนิยาย และพยายามสื่ออารมณ์ตัวละคร หรือวางปมและหักมุม ประมาณนี้ ก็ทำไม่ได้สักที

สารภาพเลยว่า นิยายแนวนี้เราเคยอ่าน แต่เรื่องที่เราอ่านเราเดาตัวเรื่องว่าเป็นอย่างไรได้ตลอด หรือแม้แต่ตัวคนร้ายเบื้องหลังคนร้าย เราก็เคยเดามา แต่เรื่องนี้ ยกนิ้วเลย เราไม่กล้าเดาทางต่อแล้ว ได้แต่รอให้มาต่อ

ตอนนี้เราให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังฆาตรกรรม หรือหนังผีอ่ะ ที่แบบต้องกดพอสเอาไว้ แล้วทำใจว่าจะเกิดอะไรกับนางเอกต่อ

เจอตอนนี้ อารมณ์ทำงานวิชาการตลาดของเรา ไม่มีละ ลุ้นซะอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ

เราไม่คิดเลยว่า ความภูมิใจของเจย์เคนจะเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมด ถ้าเจย์เดนไม่ช่วยคาร์เรย์ออกมา คาร์เรย์ก็จะไม่ได้ฆ่าคนอื่นต่อไปนอกจากพ่อแม่ตัวเอง

เราไม่อยากเดาเลยว่า ถ้าคาร์เรย์รู้ว่าเรื่องที่เจย์เดนรู้มาจากเลียม เลียมจะเป็นอย่างไร

โอ๊ยยยย รักนิยายเรื่องนี้จัง ทำให้เรารักคาร์เรย์ จนวาดฝันว่าถ้ามีคนรักมาทำเพื่อเราขนาดนี้คงมีความสุขน่าดู แต่ตบท้ายที่ก่อนเขาจะทำเพื่อเราเขาก็ทำเพื่อตัวเองมาแล้ว ถ้าเราเป็นเจย์เดนนะ ไม่กล้านอนหลับอ่ะพูดเลย กลัวคาร์เรย์ฆ่าตัวเอง

คุณยอดมาก ชอบ
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ปล. นี่คือจุดไคล์แม็กว์ของเรื่องเลยป่ะครับ เราเคยอ่านวิธีการเขียนนิยาย หรือการวาง มันมีการสร้างไคล์แม็กซ์ด้วย เลยอยากรู้ (ประเด็นคือ ไปอ่านวิธีการเขียนนิยายมา จำได้แค่คำว่าClimax นี่แหละ ฮ่าๆ)

#ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการวิเคราะห์ของเราทั้งสิ้นเลย

เป็นกำลังใจให้เขียนตอนต่อไปมาให้เราลุ้นอีกนะครับ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-08-2014 23:02:28
 :serius2:





โอ้ยยย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 30-08-2014 23:26:43
สงสารเจย์เดนอ่ะ คงรู้สึกแย่มากๆ


เข้มแข็งไว้นะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 31-08-2014 01:36:12
ไม่มีอะไรจะบอก เท่าคำว่า สงสารเจย์แดน
 :katai1:
เจอซ้ำเจอซาก หนีแล้วยังจะเจอ คิดว่าจะดีขึ้นแล้วยังจะเจออีก หนีไม่พ้นซะด้วย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-08-2014 04:06:18
เราว่าเราเข้าใจเจย์เดนนะ

 คือมันจริงค่ะว่าฆ่าคนตอนไหนก็เป็นฆาตกรไม่ต่างกัน "ในมุมมองของคนนอก"น่ะนะ

แต่ในมุมของคนที่รู้จัก รักคาเรย์ และคิดว่าเขาไม่ต่างจากเทวดาน้อยๆที่ถือสิ่งที่เรียกว่า"ความภาคภูมิใจในการเป็นตำรวจ"ของเขาไว้แบบเจย์เดน การเป็น"ฆาตกร"ตอนไหนและ"เพราะอะไร"มันสำคัญมากนะคะ..


ถ้าคาเรย์เพิ่งมาฆ่าเพราะเจย์เดน จะฆ่าเพื่อเขาจริงไหมหรืออะไรก็ตามแต่ อย่างน้อยเจย์เดนก็ยัง"หลอกตัวเอง"ได้ต่อไป ว่าคาเรย์ทำเพาะรักเขานะ คาเรย์ยังคงเป็นเทวดาน้อยๆที่แสนบริสุทธิ์ของเขาต่อไปนะ


ใช่ค่ะ เจย์เดนรู้แต่แรกนั่นล่ะว่าฆ่าตอนไหนมันก็ฆาตกร แต่เขาเป็นมนุษย์นะคะ มนุษย์ที่กำลังคิดว่าตัวเองแทบไม่เหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยวในการที่จะมีความสุขกับชีวิตอีกแล้ว แล้วเขาก็มาเจอคาเรย์ที่เขาคิดว่าทำให้เขามีความสุข..
 


เจย์เดนชอบหนี ใช่ค่ะ เขาชอบหนี นี่เป็นวิธีอีกแบบที่เขาใช้หนี.. วิธีแบบหนึ่งที่เขาจะมีชีวิตต่อไปได้แบบมีความสุข คือการทำตัวเป็นปลาสวยงามในตู้ ให้คาเรย์คอยเลี้ยงไว้ด้วยอาหารที่ชื่อว่าความรักของคาเรย์ หลอกตัวเองว่าตู้ปลาที่สวยงามพวกนั้น สิ่งต่างๆที่คาเรย์จจัดวางไว้ให้เป็นของจริง เป็นความรักอันบริสุทธิิ์จริงๆ ถึงมันจะบิดเบี้ยวแค่ไหนก็ตาม


เข้าใจมุมมองไหมคะ ไม่ใช่หลอกว่าตัวเองยังมีความภาคภูมิใจของตำรวจ

แต่หลอกตัวเองว่าเด็กน้อยที่ถือความภาคภูมิใจของเขาไว้ในวันนั้น ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมที่ปลอบประโลมจิตใจเขามาตลอดเมื่อนึกถึง..

แต่อยู่ดีๆความเป็นจริงก็ประดังเข้ามา ปั้ง ว่าเด็กนั่นมันไม่ได้เป็นเทวดาน้อยๆอะไรมาแต่แรก มันเป็นฆาตกรนะ แล้วแกก็ไม่ได้มีความภาคภูมิใจของตำรวจอะไร แกช่วยฆาตกรออกมาเจย์เดน เด็กนั่นไม่ได้ฆ่าเพราะรักแก มันฆ่าเพราะมันอยากฆ่า แกแค่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เป็นข้ออ้างอ้างให้มันได้ฆ่า..


เพล้ง พังค่ะ พัง.. :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 31-08-2014 07:37:43
ตอนนี้ทำเอาเราหดหู่มาก

คาร์เรย์สรุปแกรักเจย์เดนเพราะเห็นดีเห็นงามกับที่แกฆ่าคนเหรอ

หรือว่าแค่แยกเขี้ยวขู่เพราะเจย์เดนทำให้แกผิดหวังกันแน่

อ่า

แล้วเราจะได้ฉากจบแบบด๊อกเตอร์ฮันนิบาลกับคลาริสสตาร์ลิ่งไหม

เราจะรอลุ้น



หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 31-08-2014 09:30:26
จากที่อ่านมาตอนแรกเราก็เริ่มคิดแล้วละนะว่าอะไรที่ทำให้คาร์เรย์เป็นคนที่อำมหิตได้ขนาดนี้ ไม่ได้คิดว่าเพราะรักเจย์เดนหรอก
แต่คิดว่าต้องมีเหตุการณ์อะไรที่บีบบังคับหรือการเลี้ยงดูตอนเป็นเด็ก อยากรู้จุดหักเกที่ทำให้คาร์เรย์เป็นแบบนี้จัง

สงสารเจย์เดนนะ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะทำยังไง มันเหมือน หมดแล้วที่พึ่ง หมดแล้วทุกสิ่งอย่าง แต่คิดว่าเจย์เดนจะเข้มแข็ง และเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพให้การไตร่ตรองได้แน่ๆ

ส่วนเลียม เป็นอัจฉริยะจริงๆนะ เป็นคนช่างสังเกต ประติดประต่อเรื่องได้ มีสัญชาตญาณของการเป็นนักสืบเป็นตำรวจ เสียดายถ้าหากคนดีๆแบบเลียมจะตาย แต่คิดว่าคงไม่แน่ๆ

รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 31-08-2014 10:08:01
โอ้ว~ อ่านไปแล้วน้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 31-08-2014 11:22:31
โอยยยยยย อะไรจะเศร้าบาดจิตบาดใจขนาดนั้น   :hao5:

สงสารเจย์เดน เหมือนกำลังล่องลอยในฝันอันหวานละมุนอย่างสมหวัง แต่อยู่ดีๆกลับถูกถีบตกลงมา

ทั้งที่รู้ว่ามันจะเกิด แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ พยายามจะตื่นขึ้นมาก่อนก็ไม่ได้

เลยได้แต่เจ็บโดยที่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

แต่ก็ยังต้องบอกว่าชอบคาเรย์มากนะ แม้ความรักแบบนั้นจะบิดเบี้ยว แต่ก็ยังเป็นรัก

ในเมื่อรักไม่มีกฎตายตัวอะไรแน่นอน สุดท้ายคนที่นิยามก็คือตัวเอง ก็ได้แต่เวทนาในกรรม

มันก็เป็นรักธรรมดาทั่วไป แต่คงเป็นเพราะความคิดที่ผิดเพี้ยน และความเข้าใจผิดๆ

ที่คงไม่เคยมีใครแก้ไขหรือช่วยเหลือเค้า พอมาเจอเจย์เดนที่ไปช่วยให้รอดพ้นจากความตายอย่างไม่คิดชีวิต

เลยเอาความคิดและทุกสิ่งทุกอย่างไปผูกมัดไว้

ปลายทางความรัก หากไม่เป็นดังหวัง ก็ไม่รู้จะทำอะไรขึ้นมารึเปล่า เพราะคนแบบคาเรย์เดาใจไม่ยากก็จริง

แต่ความคิดเค้ายิ่งไม่ปกติอยู่ อารมณ์ก็แปรปรวนได้ง่ายพอๆกัน ยิ่งเป็นเรื่องของเจย์เดน

ให้ตาย ไม่อยากเดาเลยว่าจะเกิดอะไรกับคู่นี้ต่อไป สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่เจย์เดน

ว่าจะปล่อยให้คาเรย์มีความคิดผิดๆแบบนี้ต่อไป หรือช่วยฉุดรั้งเค้าออกมาจากความมืดมิด

ถ้าเปรียบเจย์เดนสำหรับคาเรย์ ก็คงเป็นชีวิตและเป็นแสงสว่างที่ริบหรี่เพียงสิ่งเดียวได้ล่ะมั้ง

ปล. ยังไงก็แล้วแต่คนแต่ง แต่ชอบเรื่องนี้มากกกกกกก บรรยายได้เห็นภาพดีค่ะ(โดยเฉพาะฉาก.... มีน้อยแต่ถึงใจสุดๆ)

เพิ่มเติมนิดๆ เราเป็นคนชอบอารมณ์ที่ดูรุนแรงแบบนี้นะ และยิ่งบรรยายมาในฉากที่มีเซ็กซ์กัน ก็เป็นอะไรที่ปลื้มปริ่มมาก

sm ก็คงได้ แต่อย่างเราเค้าคงเรียก โรคจิต(ไม่)อ่อนล่ะนะ โฮะๆ   :hao6:   :hao7:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 31-08-2014 11:42:15
เนื้อเรื่องแปลกใหม่ น่าสนใจ และน่าติดตามมากๆค่ะ รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 31-08-2014 14:42:39
โหยหักมุมซะ O_o สงสารเจย์เดน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: AMEOOS ที่ 01-09-2014 15:18:35
พังหมดเลย ความเชื่อ ความหวัง ความไว้ใจ ทุกอย่างพังหมดเลย
สงสารเจย์เดนมาก เหมือนชีวิตเกิดมาแย่มากๆอ่ะ

หักมุมสุดๆ ไม่มีคำไหนจะบรรยายตอนนี้ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 02-09-2014 08:29:17
อ่านแล้วกดดันบีบคั้นมากเลยค่ะ
สงสารเจเดย์เจอแต่เรื่องเศร้าหักมุมตลอดเลย
ลึกๆแอบเชียร์เลียมเพราะดูจะเป็นคนปกติที่สุดของเรื่องแล้วค่ะ
กลัวสุดท้ายจิตใจเจเดย์จะบิดเบี้ยวไปตามคาร์เรย์จัง


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.12 : “คุณบังคับให้ผมพูดออกมาเองนะ” P.7
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 02-09-2014 13:18:06
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
เอาไงดี เริ่มเชียร์ไม่ลงแล้ว สงสารเจย์เดน นี่จะกลายเป็นเหยื่อคนต่อไปหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร ตอบเม้น+Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 05-09-2014 18:31:02
ปกติไม่ค่อยมีเวลาตอบเม้น แต่ครั้งนี้อดใจไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ดีใจกับผลตอบรับในตอนล่าสุดมาก คอมเม้นยาววิเคราะห์กันเยอะมาก ดีใจสุดๆ เลย งวดนี้ยังไงก็ขอทิ้งงานมานั่งตอบเม้นล่ะค่ะ!! //สำหรับใครอยากอ่านเจาะลึกเกี่ยวกับตัวละคร ก็สามารถอ่านเม้นก่อนอ่านเนื้อเรื่องตอนนี้ได้นะคะ  :hao7:

korinasai – ใช่ค่ะ หมดสิ้นเลยคราวนี้ ความจริงเจย์เดนเหมือนจะพยุงตัวขึ้นมาได้แล้ว แต่จากเหตุการณ์นี้เหมือนทิ้งตัวลงไปกว่าเดิมอีกค่ะ QAQ
mukmaoY – นี่เป็นแค่จุดหักเหแรกของเรื่องค่ะ ^ ^

 Sar2288 – เจย์เดนไม่ได้ใสซื่อนะคะ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า เจย์เดนเมื่อเจ็ดปีก่อน กับเจย์เดนในตอนนี้ไม่เหมือนกัน ใช่ช่วงนั้นเขายังเป็นตำรวจไฟแรง ที่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ในตอนนี้ เขาคือคนที่ผิดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อที่รักก็ทิ้ง แถมยังเป็นลูกบุญธรรม คนที่เคยหวังดี กลับหวังเอาชีวิตเขา กับคนรักกัน ก็ยังทรมานกันได้ แล้วยังสังคมที่พบเจอมาตลอดอีก ทำให้เจย์เดนกลายเป็นคนปิดตัวเองและมองโลกในแง่ร้าย จนเลือกที่จะไม่ปฏิสัมพันธ์กับใครเลย จนกระทั่งมาเจอคาร์เรย์ ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนที่ช่วยมาด้วยสองมือ เจย์เดนจึงเชื่อใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทรยศหักหลัง เหมือนกับที่โดนมาตลอด จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งที่ว่าอีกฝ่ายเป็นฆาตกร โดยใช้ข้ออ้างว่าอีกฝ่ายทำเพื่อตัวเอง และหากจบเรื่องราวทั้งหมด คาร์เรย์ก็คงไม่ฆ่าใครอีก แต่ในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างตาลปัตร คนที่เขาช่วยไว้ คือฆาตกรแต่แรก นั่นหมายถึงว่าหลังจากจบเรื่องนี้ คาร์เรย์ก็ยังอาจฆ่าคนอื่นต่อไปอีก หรือกระทั่งฆ่าตัวเขาเองด้วย ความรักที่อีกฝ่ายยึดมั่นกับเขาเพราะเป็นบุญคุณช่วยชีวิต ก็กลายเป็นว่าเขาไปช่วยฆาตกรออกมา มันเกินรับไหวสำหรับเจย์เดนในตอนนี้ค่ะ

saruttaya – ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

sin – แอบกระซิบว่า เมื่อเจย์เดนทวงถามเอาความจริง คาร์เรย์ก็รู้ตัวการทันทีค่ะ เพราะไม่มีทางที่เจย์เดนจะสืบสาวเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อน เพื่อกลบฝังตัวเองให้ตายทั้งเป็นแบบนี้เด็ดขาด สำหรับเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร ไม่ขอสปอยนะคะ

zhai – ขอบคุณมากค่ะ นี่เป็นเรื่องแรกที่แต่งดาร์ก ดราม่าได้ด่ำดึงขนาดนี้ แต่งไปสงสารเจย์เดนสุดๆ เลยค่ะ และดีใจที่คนอ่านชื่นชอบและอินตามตัวละครไปด้วย
hibarihao – ขอบคุณเช่นกันค่ะ มาร่วมลุ้นไปกับเจย์เดนกันน้า
BeeRY –ไม่ขอสปอยอะไร แต่แนะนำว่ายังคงคอนเซปตามชื่อเรื่องค่ะ อิอิ

 Fellina – ดีใจที่มีอารมณ์ร่วมกับนิยายเรื่องนี้นะคะ ตั้งใจให้มีผู้ชายสองแบบ ที่รักเจย์เดนมากเหมือนกัน แต่ความทุ่มเทและนิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว เหมือนขาวกับดำ ส่วนเจย์เดนนั้นเป็นสีเทา สำหรับเขา ไม่ใช่ต้องฆ่าเพื่อตัวเองเท่านั้นถึงจะยอมรับได้ แต่เพราะ “ฆ่าเพื่อตัวเอง” ต่างหาก ถึงได้จำใจยอมรับ สำหรับเจย์เดน คาร์เรย์คือคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิดใจได้ เพราะเป็นคนที่เขาแลกชีวิตช่วยออกมาจากกองเพลิง เขาจึงได้แต่หลอกตัวเองว่าตราบใดที่คาร์เรย์ยังรักและทุ่มเทให้เขาแบบนี้ ต่อไปคงไม่เป็นอะไร เมื่อเรื่องทุกอย่างจบ คงไม่เป็นอะไร แต่ในความจริงแล้ว คาร์เรย์ไม่ได้ฆ่าด้วยความทุ่มเทยอมทุกสิ่ง แต่มันคือความเรียบง่ายจากความต้องการของเจ้าตัวอยู่แล้ว ฉะนั้น ต่อให้จบเรื่องนี้ คาร์เรย์ก็อาจเป็นฆาตกร ฆ่าทุกคนที่เจ้าตัวเห็นสมควร โดยไม่เกี่ยวข้องกับเจย์เดนเลย

MCMAXXIM – ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ยาวขนาดนี้นะคะ อ่านแล้วปลื้มปริ่มมาก สำหรับการเขียนนิยายของเรา ขั้นแรกคือการวางตัวละคร และการกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดจบ โดยไม่ได้วางโครงตรงกลางละเอียดมากมายขนาดนั้น แต่เมื่อเรากำหนดตัวละครได้เด่นชัดมากพอ ทั้งนิสัย อดีตที่ทำให้เป็นในปัจจุบัน และความรู้สึกนึกคิด เมื่อเริ่มเขียน ตัวละครเหล่านั้นจะนำพาเราไปสู่จุดจบของเรื่องได้โดยไม่ต้องชี้นำอะไรเลยค่ะ พวกเขามีชีวิตเป็นของตัวเอง ส่วนเรามีหน้าที่ถ่ายทอดออกมาเท่านั้นเอง ในส่วนนี้ แนะนำว่าควรกำหนดตัวละครให้มีมิติให้มากที่สุด แล้วเรื่องของเราก็จะมีมิติมากเช่นเดียวกันค่ะ เอาใจช่วยในการเขียนนิยายนะคะ ขอบคุณที่ชื่นชอบผลงานเราค่ะ
ปล.นี่เป็นแค่จุดหักเหแรกค่ะ

cavalli – อย่าเพิ่งกุมขมับค่ะ อันนี้เป็นจุดหักเหแรก หลังจากนี้เรื่องที่ดำเนินเรียบๆ รักหวานๆ มากตลอดจะเริ่มแบบหน่วงแล้วล่ะค่ะ QAQ
yuyie – ขอบคุณค่ะ สำหรับเจย์เดน นี่เป็นจุดหักเหที่ร้ายแรงที่สุด เพราะมันคือการตาลปัตรทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่จุดเริ่มต้น ยิ่งกว่าการทรยศหักหลังของเบรดเสียอีก แต่เจย์เดนเป็นคนที่ล้มแล้วลุกค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถหาวิธีเอาตัวรอดมาได้ถึงเจ็ดปีขนาดนี้

JustWait – ขอบคุณมากค่ะ คอมเม้นท์ของคุณคือใช่เลย คือตรงทุกอย่าง นั่นคือสิ่งที่เจย์เดนรู้สึก สำหรับเจย์เดน ไม่ได้ยอมรับง่ายๆ เรื่องคาร์เรย์เป็นฆาตกร แต่เขาหลอกตัวเองเพื่อที่จะสามารถมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขต่างหาก เพราะถ้าไม่ใช่คนคนนี้ เจย์เดนคงไม่สามารถเปิดใจได้อีก (เจ้าตัวย้ำมาตั้งแต่เริ่มเลยว่าต้องเป็นคาร์เรย์เท่านั้น ) เพราะเขาปิดกั้นใจมานานเหลือเกิน เหตุการณ์เมื่อเจ็ดปีก่อนคือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวให้เขายอมรับ ให้เขาเชื่อมั่นและยอมปิดตาข้างหนึ่งเพื่อคาร์เรย์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างพลิกคว่ำทั้งหมด เหมือนการล้มทั้งกระดาน เป็นยิ่งกว่าการล้มเหลวครั้งใดๆ ในชีวิต พังทลายอย่างสมบูรณ์ค่ะ

แมวดำ – คาร์เรย์ประทับใจเจย์เดน เพราะเจ้าตัวช่วยชีวิตออกจากกองเพลิงเมื่อเจ็ดปีก่อน และเริ่มรู้สึกรักตั้งแต่เจย์เดนคอยดูแลไม่ยอมห่างช่วงอยู่โรงพยาบาลค่ะ เพราะสำหรับคาร์เรย์ เขาเป็นเด็กที่มีปมด้อย ต้องการความรักที่มากกว่าคนอื่น เมื่อเห็นคนช่วยชีวิตให้ความสำคัญ จึงอดที่จะเกิดความรู้สึกดีๆ ไม่ได้ ซึ่งในเรื่องราวช่วงนั้น จะมีกล่าวถึงในบทหลังๆ ค่ะ ส่วนเรื่องคาร์เรย์เป็นฆาตกร...เขาเป็นฆาตกรอยู่แล้ว การฆ่าคนคือเรื่องธรรมดามาก ตรรกะของคาร์เรย์ไม่ซับซ้อนเลย เพราะอีกฝ่ายทำเจย์เดนเจ็บ เลยต้องฆ่า เหมือนที่มีคนทำเขาเจ็บ และเขาก็ฆ่าทิ้ง แม้ว่านั่นจะเป็นครอบครัวก็ตาม

dekzappp – คาร์เรย์เป็นคนที่โรคจิตอ่อนๆ อยู่แล้วค่ะ คิดมาก และต้องการความรักกว่าคนอื่น เมื่อเก็บกดนานๆ พอระเบิดออกจึงกลายเป็นฆาตกร และเมื่อมีคนทำดีด้วย ก็จะกลายเป็นความฝังใจ (ในกรณีนี้คือเจย์เดน ฝังใจจนกลายเป็นความรัก ) ทุกคนมีวิธีป้องกันตัวเองแตกต่างกัน เจย์เดนเลือกที่จะหนี เลียมเลือกที่จะค้นหาความจริง ส่วนคาร์เรย์เลือกที่จะฆ่าทิ้ง เมื่อทั้งสามคนมาอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน จึงไม่แปลกที่จะกลายเป็นจุดหักเหค่ะ

Chompooiriza – ขอบคุณที่อินไปกับตัวละครนะคะ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันเนอะ
jamlovenami – คาร์เรย์รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดนะคะ แต่มันคือกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่ง เหมือนที่เจย์เดนเลือกที่จะหนี ส่วนคาร์เรย์เลือกที่จะฆ่า เมื่อมันได้ผล คาร์เรย์จึงเลือกที่จะฆ่าเรื่อยๆ โดยไม่สำนึกว่าคือสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เขาสนแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ฆาตกรก็คือฆาตกรล่ะค่ะ และนั่นคือสาเหตุที่เจย์เดนถึงกับล้มไปไม่เป็นเมื่อรู้ความจริง ดีใจที่ชอบเรื่องนี้ค่ะ ความจริงเราแต่งฉาก xxx ไม่เก่งเลย พยายามใช้คำเลี่ยง และมีน้อยมากๆ แต่คนอ่านชอบ เราก็ดีใจที่ลองแต่งฉากนั้นดูค่ะ >///<

mana_ai – ขอบคุณที่สนใจและติดตามนะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านพ่อหนุ่มฆาตกรค่ะ

AMEOOS – เรื่องนี้ลองแต่งด้วยความอยากให้ชีวิตพระเอกดิ่งแบบสุดๆ ดูค่ะ และชีวิตเจย์เดนก็สุดๆ จริงๆ...

ohho99 – ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากเลยค่า ฮึดมาก เพราะเรื่องนี้แต่งยากมาก ดีใจที่มีคนเชียร์เลียมด้วย ฮี่ๆ ตอนนี้เลียมเลยออกมาเยอะล่ะค่ะ เอ็นดูหนุ่มๆ ด้วยน้า

paojijank – ขอบคุณนักอ่านเช่นกันค่ะ ดีใจมากที่มีผลตอบรับดี เพราะเรื่องนี้แต่งแล้วลุ้นไปกับเจย์เดนด้วยมากๆ มาตามเชียร์ด้วยกันจนจบนะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 05-09-2014 18:37:24
Chapter 13 : “ผมมารับคุณแล้ว”

“ผมไปทำงานแล้วนะครับ”

ผมลืมตาอย่างเชื่องช้า รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว

“แล้วจะรีบกลับมา ที่รัก”

คาร์เรย์จูบหน้าผากผม ก่อนจะเดินไปพร้อมเสียงปิดประตูแผ่วเบา

ผมนอนนิ่งเช่นนั้น รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองยังมีรู้สึกหนาว...ผมนึกว่าตัวเองจะตายด้านไปแล้วซะอีก หากเหตุการณ์ในอดีตทำให้ผมปิดตายตัวใจตัวเอง เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้หัวใจผมตายไปจริงๆ

ผมลองขยับตัว ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเจ็บร้าวไปทั้งกาย เมื่อคืน...คาร์เรย์อ่อนโยนกับผมเหลือเกิน เหมือนคืนแรกที่เคยร่วมรักกัน มันช่างอ่อนหวาน...จนแทบละลาย แต่เมื่อผมไม่ตอบสนอง เขาก็เริ่มรุนแรง เริ่มกราดเกรี้ยว จนกลายเป็นความบ้าคลั่งยิ่งกว่าที่เคยทำต่อหน้าเบรดซะอีก

ผมจำไม่ได้แล้วว่าสลบไปตอนไหน แต่ความรู้สึกก่อนหมดสติไม่ต่างกับร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เลือดออกจนแสบไปหมด แม้ว่าคาร์เรย์จะช่วยอุ้มผมขึ้นมานอนบนเตียง แล้วยังทำความสะอาดให้อย่างดี แต่รอยช้ำตามตัวและรอยกัดที่ช่วยไหล่ เอว และต้นขายังไม่เลือนหาย

ผมลูบต้นคอตัวเอง แม้จะไม่ได้ส่องกระจก แต่ความเจ็บเมื่อสัมผัสและรอยฟันซึ่งนูนขึ้นมานั้นทำให้พอนึกสภาพตัวเองออก

มันคงไม่แย่ไปกว่านี้หรอก

น่าแปลก ที่ผมยังหลุดยิ้มออกมาได้อีก แม้ว่ามันจะเป็นยิ้มเย้ยหยันก็ตาม

ผมพยายามพาตัวเองลงจากเตียง เพราะไม่ได้สวมอะไรเลย จึงรู้สึกหนาว ต้องใช้ผ้าห่มพันตัวชั่วคร่าว แต่ที่ทรมานมาก คือกว่าจะกระเสือกกระสนไปถึงห้องอาบน้ำได้ก็เล่นเอาผมขาสั่นจนเกือบล้มหลายรอบ

หมดแรง...

ผมทิ้งตัวนั่งในอ่างอาบน้ำ ปล่อยให้น้ำอุ่นร้อนหลั่งรินจนเต็ม ส่วนตัวเองกึ่งนอนหลับตาพิงขอบอ่าง รู้สึกแย่จนอยากจะปล่อยให้ตัวเองไถลลงไปทั้งอย่างนี้ หากคาร์เรย์มาเห็นจะทำยังไงนะ นึกแล้วก็น่าคิดจริงๆ เขาต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ไม่ว่าโมโหแทบตายยังไง ผมก็คงไม่ลืมตามองเขาได้อีก

โง่งม...

ผมสะบัดความคิดนั้นทิ้ง ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ฆ่าตัวตายแบบโง่ๆ เด็ดขาด

แต่มันช่างทรมานเหลือเกิน...

ผมสะท้อนในอก รู้สึกร้อนที่หัวตา แต่กลับไม่มีน้ำใสไหลออกมา เพราะเมื่อคืนผมร้องจนปวดหัว ปวดคอไปหมด บางทีคงจะมีไข้ขึ้นด้วยล่ะมั้งเนี่ย

ผมนอนแช่อ่างจนพอใจ พอใส่เสื้อผ้าก็เริ่มรู้สึกว่าความเจ็บปวดจากการร่วมรักเริ่มบรรเทาลงไปบ้าง จึงเดินแปรงฟันที่อ้างล้างหน้าได้อย่างไม่ทุลักทุเลเกินไป

อืม...ทำยังไงต่อดีล่ะ

ตัวผมในตอนนี้ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ มันไร้ความรู้สึก และไร้หัวใจ แต่เมื่อเดินลงมาเห็นชามข้าวต้มปิดฝาอย่างดีและยาแก้อักเสบบนโต๊ะก็ทำให้รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

คาร์เรย์ยังคงรักผมเหมือนเคย

อ่า...ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ

ผมนั่งกินข้าวต้มเงียบๆ ก่อนจะกินยาตามลงไป แต่พอเอาชามไปเก็บในห้องครัว ผมก็สะดุดเข้ากับโทรศัพท์คุ้นตาที่ถูกทิ้งในถังขยะ

โทรศัพท์ของผมเอง...

ผมหยิบมันขึ้นมา แม้จะเลอะเศษอาหารบ้างแต่รุ่นนี้ถึกทนทาน เอาไปเช็ดๆ สักหน่อยแล้วกดเปิดอีกครั้งก็ใช้ได้แล้ว

แต่ที่คาดไม่ถึง คือเมื่อกดเปิด ก็มีคนโทรเข้ามาทันที

...เลียม

(( คุณเป็นยังไงบ้าง! ))

ไอ้เด็กเวรตะโกนลั่นจนผมที่ลังเลใจก่อนกดรับรู้สึกอยากวางสายซะเดี๋ยวนี้ คนยิ่งปวดหัวอยู่อยู่แท้ๆ

(( วันนี้ไอ้บ้านั่นส่งข้อความมาบอกว่าคุณจะไม่มีวันมาเจอผมอีก หมายความว่ายังไงเจย์เดน คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย! ))

ผมชั่งใจอยู่นานว่าสภาพแบบนี้ยังนับว่าไม่เป็นอะไรรึเปล่านะ

“ไม่...เป็นอะไร”

(( ไม่เป็นอะไรกับผีน่ะสิ! ))

ผมยกโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน

(( เสียงคุณแหบเหมือนร้องตะโกนมาทั้งคืน แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรได้ยังไง! เจย์เดน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณบอกหมอนั่นแล้วใช่มั้ย เพราะแบบนี้ใช่มั้ยมันถึงมาส่งจดหมายลาออกแทนคุณ ผมไม่ยอมรับหรอกนะ ถ้าจะลาออกก็เดินมาบอกกันดีๆ สิ! อย่ามาทำเหมือนหายไปแบบนี้!! ))

เลียม...เลียม...ผมประมาทไปจริงๆ ที่ไม่ยักรู้ว่าเขาพลังเสียงดีแบบนี้

“ช่างเถอะ” ผมตัดบท ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เขาเข้าใจ  “ช่างมันเถอะ...”

เพราะผมทำอะไรไม่ได้แล้ว...ทุกการกระทำของคาร์เรย์ บ่งบอกกลายๆ แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ผมหนีไปไหน แต่ถึงเขาไม่บังคับ ผมก็ไม่หนีไปไหนหรอก

ผมหมดแรงที่จะหนีแล้ว...

(( ช่างได้ยังไงล่ะ!! ))

ไอ้เด็กเวรยังไม่เลิกโวยวาย

(( ผมอยู่หน้าบ้านคุณแล้ว เจย์เดน ถ้าวันนี้ไม่เห็นหน้าคุณ ผมไม่กลับไปแน่! ))

ไม่นึกว่ามันจะดื้อด้านขนาดนี้

ผมได้ยินเสียงเคาะประตูดังลั่น เห็นแล้วก็ถอดถอนใจอย่างบอกไม่ถูก ผมกดตัดสาย เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง คิดว่าถ้าเลียมกล้าอยู่จนคาร์เรย์กลับมาได้จริงก็ลองดู

แต่ก็แอบกังวลไม่น้อย...

หวังว่าไอ้เด็กเวรคงไม่เอาจริงหรอกนะ เพราะทั้งผมและคาร์เรย์ตอนนี้อยู่ในอารมณ์ผิดปกติทั้งคู่ ต่างกันที่ตัวผมนั้นหากสะกิดก็อาจแตกสลายทันที ผิดกับคาร์เรย์ที่ถ้าแตะต้องตัวเขา หรือของรักของเขา...ก็พร้อมลงมือทันที!

พลันผมได้ยินเสียงหน้าต่างแตก ทำเอาตกใจจนต้องเดินลงมาอีกครั้ง ก่อนอ้าปากค้างเมื่อไอ้เด็กเวรมันปีนเข้ามาเหมือนโจร ในมือถือก้อนหินอันเป้งที่ไล่ทุบขอบจนไม่เหลืออะไรมาข่วนหน้าหนาๆ ของมันได้อีก

“ผมมารับคุณแล้ว”

ผมเดินถอยหลัง ชะโงกคอผ่านหน้าต่างแตกร้าวหาใครสักคนที่ควรจะห้ามปรามเลียม

“ถ้าหาคนของไอ้บ้านั่นที่ตามดูคุณอยู่ ผมจัดการจนสลบเหมือดไปแล้ว” เลียมฉีกยิ้มแฉ่ง “ไปจากที่นี่กันเถอะ เจย์เดน คุณจะเล่าให้ผมฟังหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่ผมรู้ว่าปล่อยให้คุณอยู่กับหมอนั่นนานกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด!”

“ไม่...” ผมยังคงปฏิเสธ ไม่อาจเชื่อใจใครได้อีกต่อไป “นายกลับไปเถอะ”

“งั้นผมจะลักพาตัวคุณ!” เลียมพูดทีเล่นทีจริง หยิบเชือกออกจากกระเป๋าเป้ซึ่งสะพายมาด้วยราวคาดการณ์ไว้แล้ว

ไอ้-เด็ก-เวร!!

“อย่าขัดขืน ไม่งั้นถ้าคุณเจ็บล่ะก็ผมจะเจ็บไปด้วยนะ”

ยังมีหน้าพูดจาทุเรศๆ อีก ผมพยายามเดินหนีขึ้นชั้นสอง แต่ก็โดนเลียมคว้าชายเสื้อได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แน่ล่ะ...ก็ตอนนี้สภาพร่างกายผมโคตรไม่พร้อมสุดๆ เลยนี่หว่า!

“เป็นอะไรรึเปล่า” เลียมพูดเมื่อเห็นผมนิ่วหน้าหลังหงายหลังก้มจ้ำเบ้าไปทับมัน ซ้ำแผลเก่าเล่นเอาสะท้านไปถึงสันหลัง “อ่ะ งั้นผมถือโอกาสลักพาตัวคุณล่ะนะ”

ไม่ว่าเปล่า มันก็เริ่มปฏิบัติการทันที ไอ้เด็กเวรช่วยประคองผมให้อยู่ในท่าสบายที่สุด จับมัดมือ มัดขา ก่อนจะพาดในท่ายกกระสอบทราย แล้วเปิดประตูเดินออกมาแบบเปิดเผยหน้าตาสุดๆ

“คาร์เรย์...”

“ต่อให้ผมปิดหน้า เขาก็รู้อยู่ดีว่าคนที่ลักพาตัวคุณได้มีแต่ผมคนเดียว” เลียมเอ่ยเมื่อรู้ถึงข้อกังวลของผม “ไม่ต้องห่วง เจย์เดน ผมจะพาคุณหนีไปสุดขอบโลก ให้เขาตามไม่เจออย่างแน่นอน!”

ผมยิ้มฝืน รู้ดีว่าไม่มีทาง ต่อให้เป็นสุดขอบโลก คาร์เรย์ก็จะตามผมไป

แต่ว่า...

ผมซบหน้ากับแผ่นหลังของเลียม แม้จะเจ็บปวดจนไม่อาจเชื่อใจใครได้อีก แต่ผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกสบายใจเมื่อเห็นหน้าไอ้เด็กเวร

“เจย์เดน?”

ผมไม่ตอบคำ พลางหลับตาลงช้าๆ มันน่าขำ ทั้งที่เกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งที่ผมไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ทั้งที่เลียมหาเรื่องให้ตัวเองขนาดนี้ แต่ผมก็ยังคงคิด...

คิดอยากให้เมื่อลืมตาอีกครั้ง เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เมื่อคืนวาน...

เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น




เลียมพาผมหนีมาไกลจริงๆ

เพราะเมื่อผมลืมตาอีกครั้ง ผมถึงกับนิ่งงันเพราะนึกว่าฝันไป เลียมพาผมมาที่เกาะส่วนตัวแห่งหนึ่ง คาดว่าคงเป็นแถบเอเชียเพราะลมร้อน สมแล้วที่เป็นลูกชายคนโปรดของท่านผู้บัญชาการ ร่ำรวยเกินหน้าเกินตาจนชักหมั่นไส้ตงิดๆ

“ปวดหัวมั้ย”

ผมส่ายหน้าเมื่อไอ้เด็กเวรเดินเข้ามาใกล้ ตอนนี้ผมนอนอยู่ในบังกะโล หันหน้าออกไปทางทะเล ที่แห่งนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงลมจากธรรมชาติซึ่งชวนอุ่นใจเหลือเกิน

ผมหลับตา ซึมซับสายลมโปร่งเบา ก่อนคิ้วขมวดเมื่อไอ้เด็กเวรเดินไปปิดหน้าต่าง

“เดี๋ยวคุณไข้ขึ้นอีก” มันอธิบาย “ตอนพามาถึงที่นี่แรกๆ คุณไข้ขึ้นหนักจนละเมอออกมาอีกแล้ว ผมล่ะเรียกหมอมาแทบไม่ทันแหน่ะ”

ละเมอ...

ผมหลุบตา ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่เชื่อว่าต้องมีเรื่องคาร์เรย์ไม่มากก็น้อย เพราะความคิดของผมทั้งหมดในตอนนี้ล้วนมีแต่เรื่องของเขา

คาร์เรย์จะทำยังไงนะ เขาจะตามหาผมเจอรึเปล่า ถ้าเจอแล้วจะทำยังไงต่อ ไป จะฆ่าผมเพราะหนีเขาออกมามั้ย

...ฆ่าผมด้วยความรักของเขา

พอนึกได้ผมก็หันไปมองหน้าเลียมด้วยความตื้นตันในอก ไอ้เด็กเวรมันต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าเล่นกับไฟ แต่ถึงอย่างนั้นก็ลักพาตัวผมมา ทิ้งทุกอย่าง ทั้งการงาน ทั้งอนาคต ทั้งหมดก็เพื่อผม...

‘เพื่อผม’ งั้นเหรอ?

หากเมื่อก่อนผมดีใจแค่ไหนเมื่อได้ยินคำนี้ มันยิ่งทำให้ผมขยะแขยงจนแทบอาเจียนออกมา

เลิกคิดไปเองได้แล้วเจย์เดน เวอแกน

แค่นี้ยังทรมานไม่พออีกรึไง!

“แล้วนายจะทำยังไงต่อ” ผมพูดกับเลียมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “คงไม่คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอกนะ”

“อยากอยู่กับผมสองต่อสองแล้วล่ะสิ” ไอ้เด็กเวรทำหน้ายียวนจนน่าถีบ “ไม่ต้องห่วงหรอกเจย์เดน ผมพอวางแผนคร่าวๆ ไว้แล้ว และผมเองก็บอกพ่อไว้แล้วด้วยว่าจะขอหายตัวไปสักสองสามเดือน เอาให้คุณปรับสภาพจิตใจได้ดีกว่านี้ เราค่อยย้ายไปที่อื่น ไปต่างประเทศดีมั้ย คุณชอบที่ไหนล่ะ? อิตาลี? ฝรั่งเศส? หรือจะเป็นแถบเอเชียดี?”

ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำ แต่เลียมไม่ถือสา

“ผมมีเงินทุนมากพอจะตั้งต้นใหม่ จริงสิ คุณรู้มั้ย ผมมีความฝันอยากเปิดร้านอาหารมานานแล้ว แต่เพราะฝีมือแย่สิ้นดี ก็เลยโดนพ่อด่ามาตั้งแต่เด็ก แล้วจับยัดมาเป็นตำรวจเนี่ยล่ะ”

ผมหลุดยิ้มออกมาจางๆ เมื่อนึกว่าฝีมือเลียมมันแย่จริงๆ นั่นแหละ!

“แหน่ะ คุณเองก็ชอบความฝันผมล่ะสิ ถ้างั้นเราไปสักประเทศที่คุณชอบ จากนั้นก็ลองเปิดร้านอาหารเล็กๆ กัน ทั้งคุณทั้งผมห่วยด้านนี้ทั้งคู่ งั้นเราลองจ้างเชฟมาสักคนดีมั้ย ผมจะคอยดูลูกค้า ส่วนคุณก็ทำหน้าไม่รับแขกคอยคิดเงิน รับรองว่าไม่มีใครกล้าโกงแน่นอน”

ผมหลุดหัวเราะออกมาจริงๆ ยิ่งทำให้ไอ้เด็กเวรได้ใจเข้าไปใหญ่

“จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น จะมีลูกค้าผู้หญิงมาติดผม แต่ผมก็ไม่ปันใจให้ใครทั้งนั้น จะคอยดูแลคุณ ไล่คนที่มาเกาะแกะคุณไปให้หมด จนได้ชื่อว่าสามีจอมเฮี้ยบ จริงสิ เอาเป็นชื่อร้านนี้ดีมั้ย รับรองว่าต้องเป็นที่พูดถึงแน่ๆ คุณชอบมั้ย เจย์เดน”

ไอ้เด็กเวรนั่งข้างผม จับมือผม ยิ้มให้ผม ทุกอย่างที่มันพูดล้วนเหมือนภาพฝัน แสนสุขจนผมไม่กล้าวาดตัวเองลงไปอยู่ในอนาคตที่สวยงามแบบนั้นได้

“ขอโทษ...”

ผมได้ตอบรับเบาๆ

“ขอโทษ...เลียม”

ไอ้เด็กเวรยังคงฝืนยิ้ม มันบีบมือผมแน่น หลุบตาต่ำเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงเครือ

“ไม่เป็นไร” มันยกมือผมไปทาบหน้าของมันพลางหลับตา ภาพฝันทั้งหมดพังทลาย “ไม่เป็นไร เจย์เดน”

เลียมกล้ำกลืนที่จะไม่ร้องไห้ คงเพราะมันรู้ว่าผมในตอนนี้อยากจะร้องไห้ยิ่งกว่า มันปลอบโยนผม ลูบศีรษะผม พูดว่าไม่เป็นไรซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวย้ำเตือนกับตัวเอง

ทำไมถึงไม่รักคนคนนี้นะ...

ผมมองเลียมด้วยความรู้สึกท่วมท้นในอก ก่อนจะกลายเป็นความด้านชาเมื่อนึกถึงความเจ็บช้ำในอดีต

ดีแล้ว...ที่ไม่รักคนคนนี้

คนอย่างเจย์เดน เวอแกนคงไม่ควรมีความสุขกับใคร ผมมันเป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่เจ็บปวดซ้ำๆ จนปางตายแต่ไม่ยอมตายก็เท่านั้น

จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนนะ

ผมมองบ้านพัก มองทะเล ก่อนจะมองเลียมด้วยความขอบคุณ

คาร์เรย์จะให้ผมอยู่แบบนี้...ได้อีกนานแค่ไหนกัน




คืนที่ห้า หลังจากที่ผมได้สติในเกาะส่วนตัวแห่งนี้

ผมลืมตาในความมืด เห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนที่ปลายเตียง

ไม่ใช่เลียม...ผมรู้ดี แม้เขาจะชอบมาดูผมตอนกลางคืนบ่อยๆ แต่ก็ยังให้เกียรติผม แยกห้องนอนเพื่อให้ผมปรับสภาพจิตใจ ฉะนั้นต้องไม่ใช่เขาที่ยืนเงียบๆ แบบนี้แน่

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

ผมสะท้อนในอก เริ่มหอบหายใจแรง ปั่นป่วนในช่องท้อง เอ่ยเรียกร่างนั้นทั้งที่หัวใจยังไม่พร้อมเอาเสียเลย

“...คาร์เรย์”

เสียงนั้นช่างเบาหวิว แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ผู้มาเยือนฉีกยิ้ม ผมรู้...แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ในความมืด แต่ผมรู้ว่าเขากำลังยิ้มอย่างดีใจแค่ไหน

“ผมมารับคุณแล้ว...ที่รัก”


-----------------

มาสั้นๆ แต่ดีกว่าไม่มานะคะ เพราะตอนหน้าจะจัดยาวๆ เลยต้องตัดฉับ ฉับ ฉับ กันไป
ความจริงดำเนินมาเลยครึ่งเรื่องแล้วค่ะ คงเดากันได้ว่าครึ่งหลังนี้จะฟาดฟันกันขนาดไหน และขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆ ทำให้มีกำลังใจมากเลยค่ะ ฮืออ ดีใจที่มีคนชอบและร่วมอินไปกับตัวละคร เอาใจช่วยเจย์เดนกันด้วยนะคะ! :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 05-09-2014 18:51:44
กลิ่นดราม่า กลิ่นเลือด โชยลมมา

อา ข้าสัมผัสได้

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 05-09-2014 19:07:54
ทั้งเจย์เดนและเลียมเป็นตำรวจทั้งคู่ แต่ไม่เคยคิดจะทำเพื่อความถูกต้องบ้างเลย

เอาแต่คิดถึงตัวเอง หนีทำไม คุณเจอฆาตกร คุณมีหลักฐานทำไมไม่ทำตามกฎหมาย

อย่ากลัวที่จะติดร่างแห ถ้าคุณผิดคุณก็ต้องรับโทษด้วย

เมื่อตัดสินใจ หนีแล้ว ก็จงฟาดฟันกันต่อไป ดราม่าเอย จงเข้มข้นยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-09-2014 19:39:55
มทำไมคาร์เรย์ถึงรักเจย์ขนาดนั้้นล่ะ ตั้งแต่ข่วยออกมาจากกองไฟหรอ? เห็นว่าเป็นฮีโร่หรอ ไม่เจ้าใจจริงๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนฆ่าครอบครัวเนี่ยนะ โอ๊ยยยยยยยยยยย งงงกับระบบความคิดจริงๆ
ส่วนเลียมนี่แบบพระรองมากกกกอ่ะ กลัวจังหากเป็นอะไรขึ้นมา ขนาดพาหนีมาเกาะแล้วยังตามมาเจอ คิดดู
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 05-09-2014 19:48:16
แหง่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับเลียมรึเปล่าาาาาา ไม่เอาน๊าาา T^T

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 05-09-2014 20:09:28
 :mew1:
ความรู้สึกของ
"ผมมารับคุณแล้ว" เลียม  ดูดีหรอกน่ะ

 :mew5:
ความรู้สึก
"ผมมารับคุณแล้ว ที่รัก" คาร์เรย์ 
อึ๋ยยยย์ "สยอง" + "ขนหัวลุก"

อยู่ดีๆ มายืนปลายเตียง (ในความมืด ปกติก็หลอนอยู่แล้วน่ะ)
นี้เป็น คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ....  มันช่างสยองอีกหลายเท่า

ตอนหน้าเท่าจะโดนจัดหนักจะทั้งเจย์เดนและเลียม
น่าสงสารอ๊ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 05-09-2014 21:26:56
 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1: อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว พระเอกจิตๆก็โอน่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 05-09-2014 21:30:45
คาเรย์มาอย่างหลอน
แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบ><

หวังให้เรื่องนี้จบดีจริงๆนะ จบแบบแฮปปี้อ่า อง
อยากให้มีความสุขกันทุกคนเลย
โดยเฉพาะหนุ่มฆาตกร
แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่า คนเป็นฆาตกรจะจบลงแบบไหนได้นอกจากคุก ตาย หรือต้องเป็นฝ่ายจากไป เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-09-2014 22:16:06
แอร้ก  นี่เพิ่งครึ่งเรื่องเรอะนี่
จบเรื่องแล้วนายเอกเราจะเลือดหมดตัว กลายเป็นโรคจิตไปอีกคนแน่ๆ555
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 05-09-2014 22:16:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 05-09-2014 22:46:22
ใจนึงก็เชียร์คาเรย์ อีกใจก็สงสารเลียม
แต่ที่น่าสงสารสุดก็ไม่พ้นเจย์เดน  :katai1:
รอตอนต่อไปนะคะะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-09-2014 23:11:27
  :katai1: สงสารเจย์เดน

สงสารเลียมด้วย

หวังว่าเรื่องนี้คงแฮปปี้แอนด์นะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 05-09-2014 23:12:21
จะโดนทำโทษมั้ยนะ..
หรือจะโบ้ยเลียม..แล้วเลียมจะเป็นอะไรมั้ย
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-09-2014 01:15:17
 :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 06-09-2014 01:31:06
ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงงง อ้ายยยยยยยย คนแต่งแต่งดีเวอร์อะ
ตอนแรกดูจากชื่อนึกว่าจะโรคจิตฆ่าหั่นศพอะไรแบบนั้นอีกเลยกลัวไม่กล้าอ่าน
แต่อ่านตอนแรกก็พอเดาได้ว่าคาร์เรย์ฆ่าครอบครัวตัวเอง เเละคนแต่งก็ดูปูๆเรื่องไว้ทุกอย่างตั้งแต่แรก
ตั้งก่อนจะหักมุมว่าพระเอกฆ่าครอบครัว่อนหน้า เจย์เดนก็จะย้ำทุกตอนว่าคาร์เรย์ฆ่าทุคนเพราะรักตัวเอง
ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พอย้ำบ่อยๆทุกตอนเลยคิดว่ามีอะไรแน่ๆ แล้วมันก็หัมุมจรง
ชอบการมีเหตุผลของตัวละครมาๆ แบบส่งศพไปให้เลียมเพราะมีน้ำรักของเจย์เดนเงี้ย คิดไม่ถึงมากๆ

เป็นเรื่องที่เดาตอนจบไม่ออก แต่น่าจะเป็นไปได้สองทางคือ คาร์เรย์กับเจย์เดนรักกัน เข้ากันได้ แฮปปี้เอนดิ้ง อาจมีเข้าบำบัด
กับ เจย์เดนตาย ไม่ก็ เจย์เดนอยู่คนเดียวต่อไป
เดาจากทางแล้วเลียมไม่น่าจะลงเอยได้ เพราะวางโครงให้เป็นพระรองมาแต่แรก
น่าจะเป็นเพื่อนกันจนวันสุดท้าย เผลอๆเลียมตายเพื่อเจย์เดนด้วยซ้ำ

อันนี้เดาเล่นๆนะคะ ถุกไม่ถูกก็รอดูต่อไป ห้ามเปลี่ยนพล็อตหนีนะ อิอิ :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-09-2014 09:16:34
นึกจุดจบที่ไม่มีใครสักคนระหว่างสามคนนี้ตายไม่ออกเลยค่ะ..


 :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 07-09-2014 13:45:42
ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ
ชอบคาเรย์ด้วย อบอุ่นแบบยึดติดดีค่ะ เวลาเจย์เดนอยู่กับเลียม เจย์เดนจะเป็นธรรมชาติมาก ปล่อยวาง
แต่เวลาอยู่ด้วยกับคาเรย์จะให้ความรู้สึกแบบว่า อบอุ่น หวง คอบครอง ยึดติด แบบนี้อ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 07-09-2014 14:41:36
ส่วนตัวแอบรู้สึกว่ามีแต่คนทำตามใจตัวเอง จริงๆ คนที่น่าสงสารสุด น่าจะเป้นคาเรย์กะเจย์แดนอ่ะ
ต่างคนต่างยึดติดการมีอีกคนเพื่อเป็นเหตุให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ ส่วนเลียมแม้จะรักแต่เป็นการใช้ความรักเป็นการอ้าง
ในการทำตามใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงอีกฝ่ายเลย
รอตามอ่านและอยากให้รวมเล่มค้า ^^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 07-09-2014 16:12:14
เดาตอนจบไม่ออก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 07-09-2014 18:15:48
เราว่าคาเรย์หลงรักเจย์เดนจริงๆนะ..เหมือนเป็นรักแรก.ที่มาช่วยชีวิตเลย
แต่ถ้าอยู่ด้วยความกลัวแบบนี้ก็คงไม่ไหว
นี่ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์.หาเจอแล้วอะ..
คงไม่ใช่ว่าเลียมโดนตีหัวแตกตายอยู่ข้างนอกนะ.. T_T
ชีวิตเจย์เดนน่าสงสารจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 07-09-2014 23:53:07
โอ๊ย คือแบบ ทำร้ายคนอ่านมากกกกก ค้างสุดๆ

คาเรย์มาตามจนเจอแล้ว ตื่นเต้นมาก แม้ว่าจะเชียร์คาเรย์ แต่ก้อสงสารเลียมนะ อย่าให้เลียมเป็นอะไรไปเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-09-2014 06:04:10
คาร์เรย์ยิ่งกว่าผีอีกนะตอนนี้ o22
ถ้าตอนจบจะมีใครซักคนตายนี่เดาไม่ออกเลย มีแรงจูงใจกันทุกคน
แต่ไม่ตายได้ไหมอ่า แฮปปี้เอ็นดิ้งเหอะ :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 08-09-2014 07:18:52
รีเควสท์คาเรย์ จะเอาคาเรย์ ไม่เอาเลียม ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1: คาเรย์เหอะน๊าาาาา  :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 08-09-2014 19:49:27
เป็นเรื่องที่สนุกมาก เราเดาตอนต่อไปไม่ออกเลย55555
แต่ออกมาไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย

คาร์เรย์น่ากลัว หวังว่าคงไม่ทำร้ายเจย์เดยฺ์หรอกนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 08-09-2014 20:07:06
เลียมโดนฆ่าไปยังเนี่ย  :mew5:
เสียวแต๊  :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: logic.pt ที่ 18-09-2014 21:17:12
เมื่อไรคนเขียนจะมาต่อน่าาา

เข้ามาเช็คทุกวันเลย รออยู่น่ะค่ะ

สู้ๆค่า :t3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 19-09-2014 00:32:29
แหม ตอนแรกชื่อตอนคิดว่าจะเป็นของเลียม ที่ไหนได้ มีตัดจบเป็นของพ่อพระเอกของเรา แหม ร้ายนักคนเขียน

แต่แบบโอ๊ยยยย ยิ่งอ่านเริ่มสับสน เริ่มแบบนี่ถ้ามีรวมเล่มจะซื้อ โอ๊ยย ลุ้นทุกตอน นี่อ่านไปก็เกร็งจนเยี่ยวเหนียวละเนี่ย เลียมนี่บ้าล่ะห่ำจริงๆ แล้วคาร์เรย์จะทำอย่างไรต่อไปล่ะ

เลียมเหมือนเด็กตัวน้อยๆที่หลงรักผู้หยิงคนหนึ่งสุดหัวใจนะ ส่วนเจย์เดนนี่และปลงกับชีวิตตัวเองดี เฮ้อออ

ขอออกตัวว่า ถ้าเลียมเกิดเป็นพระเอก หรือพลิกล็อคยังไง นี่มีช็อคนะบอกเลย ฮืออออออ ลุ้นตอนหน้า ขอแบบจัดยาวๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 19-09-2014 01:20:54
สภาพแบบว่า ตื่นมาเห็นเงาใครบางคนมองอยู่ เอิ่ม..... o22 :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -แจ้งข่าวการอัพ-
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 19-09-2014 19:19:01
ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยนะคะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามอัพทุกอาทิตย์แท้ๆ  :mew2://กำลังมันส์กับหนุ่มๆ เลยด้วย

เรื่องของเรื่องคือมีงานเข้ากระทันหัน และต้องทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ค่ะ (คนแต่งเรียนจบแล้วค่ะ QAQ )
ฉะนั้น...กว่าจะมาอัพตอนต่อไปได้ คิดว่าคงประมาณสิ้นเดือนนี้ ( ถ้าเคลียร์งานเสร็จก่อน ) หรือไม่ก็ราวๆ ต้นเดือนหน้าค่ะ

ขอโทษทุกท่านด้วยน่ะค่ะ ฮือออ อย่าเพิ่งลืมคาร์เรย์ เจย์เดน และเลียมก่อนนะคะ!

ปล.สำหรับเรื่องหนังสือ อยากให้ทุกท่านอ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วจะลองสอบถามอีกครั้งนะคะ เพราะยังมีอะไรให้พลิกอีกพอประมาณ กลัวอ่านแล้วจะรับไม่ได้กันซะก่อน...  :z6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 19-09-2014 20:24:29
งืออ ยังไงก็รออ่านเสมอนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Ch.13 : “ผมมารับคุณแล้ว” + ตอบเม้น P.8
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 19-09-2014 20:43:10
บ่องตงเจย์เดน เหมาะกะคาร์เรย์สุดดด เราชอบ 55555+
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 19-09-2014 22:27:35
ไม่เป็นไรคะ เรารอได้เสมอขอแค่อย่าหายไปเลยน๊า :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-09-2014 22:57:45
รอค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 19-09-2014 23:30:34
เราจิรอออ งืออออ :mew2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 20-09-2014 20:50:19
สิบวันปลายๆ เรารอได้ จิ๊บๆ

แต่ยังมีให้พลิกอีกหรือ? โอ้แม่เจ้า แต่ละตอนต้องทำใจ เตรียมตัวเตรียมใจก่อนอ่านหรือเปล่า ฮ่าๆ

สู้ๆกลับงานนะครับ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-09-2014 21:44:58
เราพอจะนึกออกว่าจะพลิกประมาณไหน..  :ling1:

เอาเป็นว่าสู้ๆค่ะ จะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร -เเจ้งข่าวการอัพ P.9 ค่ะ-
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 20-09-2014 22:19:05
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! Ch.14 “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 03-10-2014 19:26:42
Chapter 14  : “ผมให้คุณเลือก”

คาร์เรย์บอกให้ผมแต่งตัวเงียบๆ เก็บข้าวของเพื่อจะได้ออกไปจากที่นี่

แต่ผมถูกลักพาตัวมา โทรศัพท์เองก็ไม่ได้พกซะด้วยซ้ำ จะมีของอะไรเอาไปได้อีก หลังเปลี่ยนเสื้อจากชุดนอนเป็นชุดลำลอง ผมจึงเดินตามคาร์เรย์ออกจากบังกะโลอย่างว่าง่ายจนแปลกใจตัวเอง

“คิดถึงคุณจัง”

คาร์เรย์ยิ้มหวาน ถอดเสื้อโค้ตตัวนอกสวมให้ผมอย่างรักใคร่ ก่อนจะโอบเอวพาผมเดินออกไปทางประตูบ้าน เผยให้เห็นเรือยนต์ลำเล็กติดเครื่องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“นายหาเจอได้ยังไง” ผมถามเสียงเรียบ รู้ดีว่าเขาไม่มีทางปล่อยผมไปหรอก...เพราะความรู้สึกของคาร์เรย์นั้นยึดติดยิ่งกว่าที่เบรดขังผมให้ตายซะอีก

“ทำในสิ่งที่ผมถนัดไงครับ” คาร์เรย์ตอบพลางหรี่ตามองผมด้วยประกายเย็นเยียบ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำเสียงไม่ให้สั่น

“นายฆ่าใคร”

จริงสิ แล้วเลียมล่ะอยู่ที่ไหน เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่รู้ว่าคาร์เรย์ตามผมเจอแล้ว

“ถ้าคุณกำลังคิดถึงเลียม ผมขอบอกเลยว่าคุณต้องผิดหวัง เพราะเขาถูกผมจับมัดไว้ในบ้านหลังนี้นี่ล่ะครับ”

ผมยอมรับว่าแปลกใจน่าดูที่คาร์เรย์เมตตากับเลียมถึงขนาดนั้น

“แต่ผมฆ่าพ่อของเขา” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง “ตามหาคุณมันง่าย แค่รู้ที่อยู่เลียม ผมก็รู้ที่อยู่คุณแล้ว จริงอยู่ว่าเขาทำการป้องกันโดยการไม่บอกใคร แต่แค่หาทรัพย์สินส่วนตัวของครอบครัวนี้สักหน่อย ก็ง่ายนิดเดียว”

คาร์เรย์พาผมเดินห่างจากตัวบ้านเกือบห้าก้าว ก่อนจะหยุดเดินและลูบไล้ใบหน้าผมอย่างห่วงหา

“ผมตระเวนหาคุณตามที่ดินส่วนตัวต่างๆ ไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืน ก่อนจะหลับเต็มอิ่มเมื่อหาเจอ...ที่รัก ผมเตรียมพร้อมเพื่อวันนี้ เพื่อมารับคุณกลับไป”

แค่รับกลับไปจริงหรือ?

ผมสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ก็ไม่อาจขัดขืนเมื่อเขาจูบปากผมอย่างอ่อนโยนเหลือเกิน

“ผมรักคุณ” คาร์เรย์กระซิบเสียงพร่า “ผมรู้ว่าคุณอึดอัด คงเพราะยังปรับตัวไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรที่รัก ผมจะให้เวลาคุณตราบเท่าที่ต้องการ กลับบ้านของเรา ให้ผมได้ดูแลคุณเหมือนเดิม ให้ผมได้บอกรัก...”

คาร์เรย์ขบริมฝีปากล่างผมแผ่วเบา

“ให้ผมได้รักคุณตลอดไป”

ผมหลับตา เงยหน้ารับจูบของคาร์เรย์ เจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินคำบอกรักจากอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังโหยหาความรักอันบิดเบี้ยวของเขาอยู่ดี

มันเพี้ยนไปหมดแล้ว...ชีวิตนี้...มันกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว!

“ผมดีใจที่คุณไม่ปฏิเสธนะ” คาร์เรย์จูบหน้าผากผมก่อนจะผละออก “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คงไม่หนักหนาสาหัสอะไร”

อีกฝ่ายหยิบไฟแชคจากอกเสื้อ จุดเปลวไฟดวงเล็กท่ามกลางความมืด

“ก่อนที่จะเข้าไปรับคุณ ผมจับตัวเลียมเอาไว้ ก่อนจะราดน้ำมันไปทั่วบังกะโล”

ลมทะเลหอบพัดกลิ่นแปลกปลอมยืนยันคำพูดของคาร์เรย์

“ที่พักนี้สร้างจากไม้ คงติดไฟง่ายน่าดู จริงมั้ยครับ”

“อย่า...ทำแบบนี้ คาร์เรย์” ผมเอ่ยเสียงต่ำ กลัวว่าหากจู่โจมเข้าไปแย่งไฟแชค คนรักจะโยนสิ่งนั้นไปทางบ้านพักทันที “นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้...”

ผมยอมไปกับเขา ยอมไปอยู่กับเขา ยอมให้เขาทำทุกอย่าง

ไม่จำเป็นต้องบีบกันถึงขนาดนี้!

“ผิดแล้ว ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ต่างหาก ที่รัก” คาร์เรย์คลี่ยิ้มจาง หากแต่ดวงตาไม่ยิ้มสักนิด “คุณยอมไปกับผม นั่นเป็นเรื่องดี แต่คุณแน่ใจหรือว่าเลียมจะไม่พาคุณพรากไปจากผมอีก”

แน่นอนว่าผมไม่อาจยืนยันคำถามนั้นได้

“เห็นมั้ย ที่รัก...คุณรู้คำตอบดีอยู่แล้ว” คาร์เรย์ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู มองผมด้วยความรักอันเปี่ยมล้น

“แต่...”

“ไม่มี ‘แต่’ ทั้งนั้น!”

ผมสะดุ้งเมื่อคาร์เรย์ตะโกนกร้าว ความบ้าคลั่งที่พยายามเก็บกดไว้ทะลักล้นออกมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะกลบเกลื่อน เขายกมือหนึ่งปิดใบหน้า แต่ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มบิดเบี้ยวตรงมุมปากได้

“ที่รัก...” คาร์เรย์รำพันเสียงอ่อนหวาน “ที่รัก...ที่รัก...”

ผมไม่แม้แต่จะขานตอบ หากแต่รู้สึกสะท้อนในใจ

“คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมากขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยบอกรักผมสักครั้ง!” ครู่หนึ่ง เสียงหัวเราะกลับเจือด้วยเสียงสะอื้น แต่นั่นเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตา เพราะเมื่อคาร์เรย์ยกมือออก ใบหน้าของเขาก็กลับเป็นชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม

“เอาล่ะ ได้เวลาที่คุณต้องเลือกแล้ว” คาร์เรย์เอื้อมมือที่จุดไฟแชคไปด้านหลังเล็กน้อย ตั้งท่าพร้อมจะโยนเพื่อสร้างกองเพลิง “ถ้าคุณเลือกผม เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ถ้าคุณเลือกเลียม คุณจะตายไปพร้อมกับมัน”

ทางเลือกระหว่างเป็นหรือตาย...

“คุณจะเลือกอะไร”

สิ้นคำ คาร์เรย์พลันโยนไฟแชคกระแทกตัวบ้าน เพียงพริบตาเปลวเพลิงสีสดก็ลุกโชน ลากไล่ตามแนวน้ำมันที่เจ้าตัวสาดล้อมรอบ อีกไม่นานคงเข้าไปถึงด้านใน

“เลือก!”

คาร์เรย์ตะโกนกร้าว สายตามีความเชื่อมั่น ด้านหลังของเขาคือเพลิงลุกโหม ทั้งที่ผมอยู่ห่างออกมา แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนจนตัวสั่น

เลียม...

ไอ้เด็กเวรถูกจับมัด อีกไม่นานคงถูกไฟคลอกทั้งเป็น เหมือนที่คาร์เรย์ทำกับเพื่อนรักพ่อ ตอนนั้นผมรู้สึกผิด แต่อีกใจคิดว่าสมควรแล้ว ทว่ากับเลียม...

มันสมควรแล้วหรือที่ต้องมาตายแบบนี้!

“เจย์เดน!”

คาร์เรย์จับต้นแขนผมแน่น ใต้แขนเสื้อคือรอยแผลเป็นที่ผมกับเขาเคยเผชิญกองเพลิงด้วยกัน ย้ำเตือนว่าพวกเราสองคนผูกพันลึกล้ำมากแค่ไหน

เขารักผม รักผมมาก...

มันเป็นความรักที่ผิดปกติ เกิดจากความไม่ปกติ ทุกอย่างมันไร้เหตุผล บ้าคลั่ง คลุ้มคลั่ง บีบเค้นจนผมใจสลาย แต่ถึงอย่างนั้น...
หากผมไม่เคยตัดใจจากเบรดทั้งที่เขาเคยโหดร้ายมากแค่ไหน

ตอนนี้...ผมก็ไม่อาจปล่อยคาร์เรย์อยู่คนเดียวได้เช่นกัน!

ถ้าไม่ใช่เขา...ไม่ได้หรอกนะ

ต้องเป็นคาร์เรย์เท่านั้น แม้ว่าใจของผมมันตายด้านไปแล้ว แต่ผมก็ยังต้องการเขา แม้คาร์เรย์จะทำให้ผมเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังโหยหาความรักของเขา

คนที่ถูกทิ้งมาตลอดอย่างผม ไม่มีความกล้าพอจะทิ้งความรักที่ถูกวางบนฝ่ามือ

มันเพี้ยนไปจริงๆ นั่นแหละ

ทั้งตัวผม ทั้งตัวเขา และความรักของเรา!

“ฉันจะกลับมา...” ผมแกะมือเขาออกเร่งร้อน ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจฝ่าเข้าไปได้อีก “ฉันจะกลับมาหานายแน่นอน ฉันสัญญา”

“เจย์เดน!”

ผมไม่ได้หันไปมองว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน เพราะเมื่อพูดจบ ผมก็กระโจนเข้าไปในตัวบ้านเหมือนที่ทำเมื่อเจ็ดปีก่อน ยกมือบังศีรษะ อีกมือปิดจมูกและปากเอาไว้ กันไม่ให้ควันไฟเข้าปอดจนสำลักหมดแรง

เสียงกรีดร้องของคาร์เรย์ยังคงแจ่มชัดในโสตประสาท เขาคงไม่เข้าใจเหมือนที่ผมเคยเรียกชื่อเบรดจนทำให้เขาคลุ้มคลั่งมาแล้ว
แต่ไม่เป็นไรหรอก...

ผมจะกลับออกไป จะกลับไปหาเขา จะอธิบายให้ฟัง เพราะไม่ว่ายังไง...

ผมก็ปล่อยให้เลียมตายไปต่อหน้าไม่ได้จริงๆ!

“เจย์เดน...”

ผมช่วยแกะผ้าปิดปากออกให้เลียม หลังเจอเขาในห้องนอนอย่างที่คาดเอาไว้ สภาพถูกมัดมือมัดเท้าไขว้ไปทั้งตัวด้วยเงื่อนบ้าบออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าผมไม่เสียเวลาแกะหรอก เพราะผมจำได้ว่าในไอ้เด็กเวรมักพกมีดพับที่ข้างเอวเสมอ แต่เพราะถูกมัดแขนไขว้กับหัวเตียง จึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

“เดี๋ยวค่อยคุย” ผมส่งสัญญาณให้เลียมหาอะไรปิดปาก เพราะควันเริ่มหนาแน่นขึ้นจนผมแสบตาไปหมด “รีบออกไปกันก่อน”

ไอ้เด็กเวรพยักหน้ารับ ใบหน้าดีใจเพราะเห็นผมตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เขาคงรู้ดีว่าต่อให้พยายามแค่ไหน หรือต่อให้ตอนนี้ผมเลือกจะมาช่วยเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะตอบรับความรู้สึกเหมือนที่เป็นมาตลอด

ขอโทษ...

ผมเอ่ยในใจ เลียมเป็นคนแรกที่ทำให้ผมต้องพูดคำนี้ออกมามากมายเหลือเกิน

ขอโทษจริงๆ...

เลียมบีบไหล่ผมเบาๆ เป็นการตอบรับ ก่อนจะเดินนำไปด้านนอกเพราะหน้าต่างในห้องเล็กเกินกว่าจะปีนออกไป

ทว่าเมื่อเปิดประตู ควันจำนวนมากก็เข้ามาจนผมแทบลืมตาไม่ขึ้น ความร้อนจากเปลวเพลิงเริ่มล่ามไล่จนแสบผิว ไม่อยากจะคิดว่าตรงหน้าประตูยังจะเหลือสภาพอะไรให้ออกไปได้อีก

ผมเห็นดวงตาสิ้นหวังของเลียม แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

ผมจะไม่ยอมตายตรงนี้หรอก!

ทั้งที่ทรมาน เจ็บปวดแทบขาดใจ ผมก็ยังไม่ตาย แล้วนี่ผมรับปากคาร์เรย์ไว้แล้ว จะผิดสัญญาได้ยังไง!

ทว่า...

“ขอโทษ”

เสียงกระแทกแรงๆ จากด้านหลังทำให้ผมสำลักควันอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่สติจะเริ่มจางหาย

มือหนึ่งรับร่างของผมไว้ก่อนจะกระแทกพื้น พลางรั้งมาโอบกอดแนบแน่นทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ขอโทษ...เจย์เดน”

คนคนนั้นกอดผมพลางประทับจูบบนริมฝีปากซีดเนิ่นนานไม่ต่างกับเป็นโอกาสสุดท้าย

โอกาสแรก...และครั้งสุดท้าย

“ผมรักคุณ”

คนคนนั้นคือ...

“...เลียม”




ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโซ่

ภาพในอดีตชำแรกห้วงคิด แต่ก็ถูกปัดทิ้งเมื่อภาพของเบรดตอนตายแจ่มชัดยิ่งกว่า

คาร์เรย์ลบเลือนอดีคของผมหมดสิ้น แทนที่ด้วยความรักของเขาเอง

เสียงของโซ่...

“ตื่นแล้วเหรอ ที่รัก”

ผมกะพริบตาเพื่อมองหาต้นเสียง เพราะห้องนี้ช่างมืดเหลือเกิน แต่ก็หาได้ไม่ยากเพราะ ‘เขา’ นอนอยู่ข้างผมนี่เอง โอบกอดผมเอาไว้ ให้ผมได้พักพิง ให้ผมได้หนุนแขนนั้นอย่างอบอุ่นเหมือนแต่ก่อน

แต่เสียงของโซ่...

“คุณเจ็บมั้ย” คาร์เรย์ลูบที่ศีรษะของผม เพิ่งรู้สึกตอนนี้เองว่ามีผ้าพันแผลพันรอบ ทำเอาตึงๆ จนปวดหัวนิดๆ

แผลนี้มาได้ยังไงนะ

ผมปรือตา พยายามครุ่นคิด ก่อนภาพของเปลวเพลิงจะปรากฏจนผุดลุกแทนไม่ทัน

“...!!!”

ไม่มีเสียงออกมา ผมตกใจ มองคาร์เรย์ที่ชันตัวนั่งอยู่เคียงข้างกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเพิ่งเห็นชัดเจนว่าขาสองข้างของผมถูกโซ่ล่ามกับปลอกเหล็กแน่นหนา ปลายสายของมันนั้นผลุบหายไปใต้เตียง

เสียงของโซ่ดังก้องกว่าเดิม

“ไม่ต้องตกใจ ที่รัก” คาร์เรย์คลี่ยิ้มให้ผมอย่างปลอบโยน “คุณสำลักควันไฟมากไปหน่อย ก็เลยพูดไม่ได้ชั่วคราว”

เลียม...แล้วเลียมล่ะ!?

ผมสังเกตห้องโดยรอบ พบว่ามันคือห้องนอนของผมเอง...คาร์เรย์พาผมกลับมาที่บ้านของเรา แต่กลับมีแค่เราสองคนเท่านั้น

ไม่สิ...คำพูดสุดท้ายของเลียม

วูบหนึ่ง ผมผิดหวังจนจุกในลำคอ ไอ้เด็กเวรฟาดศีรษะของผม กอดผมเอาไว้ ไม่ยอมหนีออกไป ราวบังคับให้ตกตายด้วยกัน

นั่นหรือความรักของเลียม

“จุ๊ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว เลียมทำให้คุณหมดสติ เพื่อที่จะอุ้มออกมาโดยไม่ให้คุณเป็นอะไรต่างหาก”

คาร์เรย์ตอบคำถามผมราวรู้ใจ

“หมอนั่นเอาตัวบังแทน ต่อให้ไม่ตายทันทีแต่ตอนนี้ก็คงใกล้ตายเต็มทนแล้ว”

“อ่ะ...”

ผมอ้าปากพูด อยากขอไปดูเลียม อยากไปเห็นกับตาว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ

ขอโทษ...

ขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่รู้ตลอดชีวิตนี้ผมต้องพูดคำนี้กับเลียมอีกนานแค่ไหน

แต่นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย

“คุณอยู่กับผมแล้ว ที่รัก”

คาร์เรย์เกลี่ยเส้นผมทัดหูให้อย่างแผ่วเบา

“ผมจะไม่ยอมให้คุณหนีผมไปอีก!”

พลันใบหน้าผมสะบัดเชิดขึ้นกะทันหันจนปวดร้าวไปทั้งศีรษะ คาร์เรย์กระชากผมอย่างรุนแรงจนเชิดสูง ก่อนจะโน้มตัวลงเลียตามแนวลำคอผมอย่างรักใคร่

“คุณรู้มั้ยว่าผมเจ็บแค่ไหนตอนที่คุณเลือกมัน”

“อ่ะ...”

ผมพยายามปฏิเสธ ผมไม่ได้เลือกเลียม แต่ผมยอมให้คาร์เรย์ฆ่าเลียมไม่ได้!

ทว่าคาร์เรย์ไม่เข้าใจ หรือไม่...หลังเขากรีดร้องชื่อของผมออกมาด้วยความรวดร้าว เขาก็ไม่คิดจะเข้าใจผมอีก

“คุณทำให้ผมกลายเป็นปีศาจ เจย์เดน”

ผมสะดุ้งเมื่อคาร์เรย์กัดซ้ำรอยเดิมที่คอของผมจนเลือดซิบ

“แต่ไม่ต้องกลัวนะ...”

คาร์เรย์จูบบนกลีบปากล่างอย่างอ่อยอิ่ง ทำให้ผมรับรู้ถึงรสเลือดซึ่งยังติดบนปลายลิ้นของอีกฝ่าย

เลือดของตัวผมเอง...

วินาทีนั้น คาร์เรย์เงยหน้าสบตากับผมเป็นครั้งแรก ดวงตาที่แสนอ่อนโยนของเขาไม่ปรากฏอีกแล้ว มันมีแต่ความรัก...รักจนคลุ้มคลั่ง ไม่ต่างกับสลักในตัวที่ถูกเปิดอออกจนไม่อาจกักเก็บความรู้สึกส่วนลึกได้อีกต่อไป

คล้ายบางอย่างในตัวคาร์เรย์พังทลาย...

“ผมไม่ให้คุณตายหรอก...ที่รัก”

-----------------------

มาต่อล่ะค่ะ!!! สั้นกว่าที่คิดไว้ซะอีก แต่หวังว่าจะชอบกันนะคะ นี่เป็นจุดหักเหที่สอง...คาร์เรย์ผู้เเสนเชื่องกับเจย์เดนถึงคราพยศบ้างแล้ว  :fire: เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป...เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้วล่ะค่ะ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ!!

ปล.บอกใบ้นิดๆ เกี่ยวกับประโยคสุดท้ายของตอนนี้...ให้ลองวกไปดูชื่อตอนแรกของเรื่องนี้สิคะ แล้วจะค้นพบ...อุบอิบๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 03-10-2014 19:45:06
คาเรย์ใจร่มๆนะค้าา :sad4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 03-10-2014 19:56:10
คาร์เรย์เริ่มจิต แต่ทำไมหนูชอบ55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 03-10-2014 20:07:24
เจย์เดน นายมันคนแอบหลายใจนะ
ทั้งๆที่ คาร์เรย์ อุส่าห์ให้ความรักสุดท้าย ก็ยังคิดถึงเลียม
ถ้าไม่ชี้แจง ทำแบบ คาร์เรย์ คงไม่ผิดหรอก( 55555)เพราะคุณไปสนใจคนอื่นมากกว่าผม
รู้สึกไม่ยุติธรรมกับ คาร์เรย์ เลย // เลียมน่าจะตายไปนะ จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ฮุฮิ 555 



// สภาพความคิดหลังจากดูจบ (´Д` )
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-10-2014 20:25:23
พอบอกให้กลับไปดูชื่อตอนๆแรก ก็ไปดูจริงๆ ประโยคนี้เจย์เดนเป็นคนบอกคาร์เรย์ก่อนชิมิฮะ แต่ด้วยสมองอันเต่าตุ่น ยังหาความเชื่อมโยงกันไม่ได้เลยฮะ  :z3:
รออ่านตอนต่อไปดีกว่า คนเขียนบอกว่ามันยังมีอีก เผื่อใจไว้แล้วล่ะ เอาเข้าจริงเรากลัวคนจิตๆมากเลยนะเนี่ย :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 03-10-2014 20:30:17
 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1: เรื่องนี้พาฉันเครียด
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: wi_OoO_wi ที่ 03-10-2014 21:09:46
อ๋อยยยยย  ผู้ชายเร่าร้อนนนน :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nunijerry ที่ 03-10-2014 21:46:10
ให้วกกลับไปดูชื่อเรื่องก็ไม่รู้เรื่องอะคะ >< สมองเราช่าง :hao5: :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 03-10-2014 21:51:31
มาม่ามาแล้ว~~
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 03-10-2014 21:51:52
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 03-10-2014 21:52:27
โรคจิตชัดๆ  :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-10-2014 22:23:48
อ่านจบตอนนี้แล้วแอบขนลุกเลยอ่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 03-10-2014 22:29:36
ฮว้ากกกกก เจย์เดน ทำไมชีวิตนายน่าสงสารงี้หาา  :katai1: สังหรณ์ใจไว้แล้วเชียวตอนเลียมบอกผมยอมตายเพื่อคุณได้ ภาวนารัวๆหลายตอนติดว่าอย่าเล้ยย สุดท้ายก็ไม่พ้นจนิงๆ  :katai1: :katai1:
รออ่านตอนต่อไปนะคะ มาด่วนๆเลย ค้างไม่ไว้แบ้ววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 03-10-2014 22:39:01
รักจนคลั่งจริงๆ แต่ก็พอจะเข้าใจคาร์เรย์
คาร์เรย์รักมาก ตามหามาตั้งนาน รักมานาน
แต่กลับถูกเวลาแค่ไม่กี่ปีที่เจย์เดนรู้จักกับเลียมมาพรากไป
ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆและยืนยันว่าจะกลับมาแต่คนเราน่ะ
ถ้าคนที่รักเลือกอีกคน ถึงเราจะเลวร้ายก็เถอะก็ไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี
คาร์เรย์เลยเลือกที่จะไม่ไว้ใจ แต่ทำอย่างนี้จะเป็นการยิ่งผลักไสให้เจย์เดนยิ่งกลัวตัวเอง
และไปห่วงใยเลียมขึ้นหรือเปล่าคิดให้ดีๆนะ

ย้อนไปอ่านหน้าแรกมาแล้วล่ะ เจอประโยคสุดท้ายจองตอนนี้จริงๆ แต่สงสัยใครพูดคาร์เรย์หรือเลียม
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 03-10-2014 23:03:14
อย่าบอกนะว่าจะซ้ำรอยเดิม..
เก็บไว้ไม่ให้ตาย ทรมาณเรื่อยๆ จนกระทั่งมีอีกคนมาเจอ..
 :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 03-10-2014 23:38:02
บอกคาร์เรย์ไปสิว่าไม่ได้เลือกเลียมมมมมมม :serius2:

คำใบ้อยู่ในชื่อตอนแรกงั้นหรอ :ruready :ruready
คิดไม่ออกจริงๆ 5555555
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-10-2014 00:06:27
คาเรย์ค้าาาาาาาาาาาาาาาาา

สติค่ะลูกสติ ตั้งสติยยย อ้าวลืมไป คาเรย์มีของแบบนั้นที่ไหน :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 04-10-2014 08:10:35
เฮ้ยขังเจย์เดนเลยเหรอวะคาร์เรย์

ตอนนี้ทำเราลุ้นมากอ่ะ

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 21-10-2014 19:32:37
ลุ้นๆ อ๊าก~~~, จะเป็นยังไงต่อเนียติดตามอ่าน รออยู่นะ~~~~ คิดถึง  :กอด1: มาลงให้นักอ่านให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :o12:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 21-10-2014 21:11:20
งื้ออออ อย่าทำอะไรบ้าๆนะคาร์เรย์ แกจะทำเหมือนที่อิเบรดทำรึไงห๊ะ!?

เวรกรรมจริงๆ สงสารเจย์เดนฉิบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 22-10-2014 02:40:55
โห เราว่าเรื่องนี้พล็อตล้ำลึกมากอะ o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 23-10-2014 10:14:45
อยากจะบอกว่าสนุกมากกกกกก ทุกทีๆม่นานแนวนี้นะแต่มาเจอเรื่องนี้แล้วหยุดอ่านไม่ได้เลย

อย่าบอกนะว่าจะจบเศร้าอ่ะ อยากให้เจย์เดนมีความสุขจริงๆซักที
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! “ผมให้คุณเลือก” P.9
เริ่มหัวข้อโดย: wi_OoO_wi ที่ 23-10-2014 13:05:25
คิดถึงงงงงง คนเเต่งจ๋าาา  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up! ตอนใหม่ P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 10-11-2014 18:22:51
Chapter 15 : “ผมไม่เชื่อความรักของคุณอีกแล้ว”


จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง

คงเป็นตัวผมเอง

“คาร์เรย์”

ตอนเจอกันครั้งแรก เด็กชายอายุสิบสามขวบถูกพันแผลเกือบทั้งร่างเพราะถูกไฟไหม้ตั้งแต่ลำคอขาวไล่ไปถึงด้านหลังซีกขวา แม้จะได้รับยาบรรเทาอาการปวด แต่ทุกครั้งที่ขยับตัวเด็กชายเป็นต้องนิ่วหน้าทุกที คาร์เรย์ในตอนนั้นไม่พูด ไม่คุย เอาแต่เหม่อมองรอบด้านเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง คุณหมอบอกกับผมว่าอาจเพราะอาการช็อคจากการสูญเสียญาติใกล้ชิดทีเดียวถึงสามคน

ผมสงสารเขา

ใช่ ตอนนั้นผมสงสาร แต่ความรู้สึกที่มากกว่าคือความรับผิดชอบ ผมเป็นคนช่วยเขาออกมา ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ผมไม่อาจทิ้งให้เด็กชายกลายเป็นคนซึมเศร้า จึงหมั่นมาหาทุกวันจนคาร์เรย์จดจำผมได้

“คุณชื่ออะไร”

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ถามออกมาอย่างอดไม่ไหว

ผมดีใจมาก ดีใจจนกลั้นยิ้มไม่อยู่

“เจย์เดน พี่ชื่อเจย์เดน”

“เจย์เดน...”

คาร์เรย์มองผม ดวงตาหม่นแสงประกายวาววูบหนึ่ง และนั่นทำให้ผมตื่นเต้นจนลืมทักท้วงว่าการเรียกชื่อคนอายุมากกว่าห้วนๆ แบบนั้นออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย ไปๆ มาๆ ก็ได้แต่เลยตามเลยให้เขาเรียกแบบนั้น

ยกเว้นให้เขาคนเดียว

หลังจากนั้น คาร์เรย์ก็เริ่มคุยกับผมมากขึ้น เกาะติดผมจนพยาบาลยังแซวว่าเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดต้อยๆ เพราะเขายังไม่มีญาติมารับ จึงสามารถออกไปเดินเล่นได้ อีกทั้งยังต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาล ภาพของผมที่เดินจูงมือเขาไปทั่วจึงเป็นที่ชินตานัก

จนกระทั่งผมตามหาญาติห่างๆ ของเขาเจอ เธอเป็นหญิงหม้าย ไม่มีทายาทสืบทอดตำแหน่ง จึงตกปากรับคำทันที

“เจย์เดน”

คาร์เรย์บีบมือผมแน่นเมื่อเธอมาแนะนำตัวครั้งแรก อีกทั้งยังบอกว่าจะพาเขาไปอยู่ด้วยอีกเมืองหนึ่ง

“คุณอยากให้ผมไปหรือ คุณไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย”

เด็กชายไม่แม้จะมองหน้าว่าที่แม่บุญธรรมสักนิดเดียว รอยยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นความเครียดขึง ดวงตานั้นประกายประหลาด ราวกับแฝงความคิดลึกล้ำอยู่ภายใน

ผมคิดเพียงว่าเขาคงกลัวที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้า

“ฉันอยากให้นายมีครอบครัวที่อบอุ่นนะคาร์เรย์”

“ผมอยากอยู่กับคุณ!”

“ฉันรับเลี้ยงดูนายไม่ไหวหรอก...ฉันอยู่กับพ่อ ห้องพักเล็กนิดเดียว ขืนเอานายมาอีกคนก็ต้องนอนพื้นกันน่ะสิ” ผมพยายามตอบติดตลก แต่คาร์เรย์ไม่ขำแม้แต่น้อย

“ผมมีมรดก ผมเลี้ยงคุณได้”

การถูกเด็กอายุสิบสามพูดแบบนี้ใครจะไปซึ้งลง ผมยิ้มเจื่อน รู้ดีว่าคาร์เรย์พูดความจริง หลังครอบครัวเขาตายไป พินัยกรรมทั้งหมดย่อมตกกับลูกชายคนเดียวที่เหลือรอด อย่าว่าแต่เลี้ยงผมเลย เขายังเลี้ยงพ่อผมได้ด้วยซ้ำ

“แบบนี้ก็ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยน่ะสิ” ผมโคลงศีรษะอย่างลำบากใจ “ฉันแก่กว่านายนะคาร์เรย์ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีของฉัน จะให้คนอื่นมาเลี้ยงง่ายๆ ได้ยังไง ยิ่งนายอายุแค่สิบสาม...”

“งั้นถ้าผมโตกว่านี้ คุณจะอยู่กับผมมั้ย”

“ถ้านายโตถึงขนาดหาเงินใช้เองได้ นายก็คงไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ” ผมยิ้มเจื่อน เด็กชายผู้ไม่เหลือใคร เขาติดผมก็เพราะผมช่วยเขา ใจดีกับเขา แต่ถ้าเจอคนที่ทำดียิ่งกว่า เจอสังคมที่กว้างขวางกว่านี้ เขาคงลืมเลือนตัวตนของเจย์เดน เวอแกนอย่างง่ายดาย

“แล้วถ้าผมยังต้องการคุณล่ะ”

“งั้น...ฉันก็ปฏิเสธนายไม่ได้น่ะสิ” ผมยิ้มขำ ทักท้วงในใจว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้ กว่าเด็กชายจะเรียนจบต้องใช้เวลากี่ปีกัน แล้วยังที่อยู่ซึ่งแยกกันคนละเมือง เขาจะมีความมุ่งมั่นขนาดคิดถึงคนอย่างผมอีกหรือ

“ผมจะจำคำนั้นไว้”

คาร์เรย์ตอบอย่างหนักแน่น

“ถ้าถึงตอนนั้นคุณยังปฏิเสธ ผมจะ...”






ผมสะดุ้งตื่นก่อนได้ยินประโยคสุดท้าย

มันคือความฝัน...ฝันถึงอดีตที่ผมลืมจนหมดสิ้น นึกแล้วก็น่าขำ คาร์เรย์จดจำได้ทุกอย่าง เขามารับผมตามสัญญา แต่กลับเป็นตัวผมเองที่ลืมเลือนว่าเคยพูดอย่างไรไปบ้าง

“ถ้าถึงตอนนั้นคุณยังปฏิเสธ ผมจะ...”

จะทำอะไร!?

ผมขมวดคิ้วมุ่น พยายามนึกให้ออก แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ตอนนั้นผมพยายามให้คาร์เรย์ไปอยู่กับญาติ พอเขาทำทีว่าจะยอมไปจึงดีใจจนไม่ใส่ใจที่จะฟัง

ทั้งที่สำคัญมากแท้ๆ

ผมยันตัวนั่ง เสียงโซ่ยังคงดังทุกครั้งที่ขยับตัว แต่ผมเริ่มชินเสียแล้ว เวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ผมยังไม่ได้ยินข่าวคร่าวใดๆ ของเลียม คาร์เรย์ขังผมไว้ในห้องนอน ไม่ให้ติดตามข่าวสาร ไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากการอ่านหนังสือหรือนั่งเฉยๆ

ทุกวันของเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนเช้าคาร์เรย์จะทำอาหารเช้าและยกมากินด้วยกันกับผม ก่อนจะออกไปทำงาน ช่วงเที่ยงเขาจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ซื้อกับข้าวทานง่าย และออกไปทำงานอีกรอบ จนกระทั่งถึงตอนเย็น เขาก็จะลงมือทำอาหารบ้างในบางครั้ง และยกขึ้นมากินกับผมเหมือนเดิม

เขาจะอาบน้ำให้ผมทุกวันตอนกลางคืน ยอมถอดโซ่ออก แต่กลับสวมกุญแจมือระหว่างตัวเขาเองและผม ราวกลัวว่าหากคลาดสายตาเพียงนิดเดียว ผมจะตีจากเขาทันที

ส่วนการทำธุระส่วนตัว คาร์เรย์ซื้อกระบอกสำหรับคนไข้ไว้ให้ผมทำธุระเบา แต่ถ้าปวดหนักก็ต้องรอเขากลับมาอย่างเดียว ซึ่งคาร์เรย์จะให้ผมเขาห้องน้ำโดยปลดโซ่จากขาเตียงมาถือไว้เอง เปิดประตูห้องน้ำแง้มๆ พอให้สายโซ่ลอดผ่าน โดยที่เขายืนเฝ้าด้านหน้าไม่ห่างไปไหน

แรกๆ ผมอึดอัดแทบตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ พยายามอธิบายกับคาร์เรย์ว่าผมเลือกจะอยู่กับเขาแต่แรก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความจริงที่ผมเข้าไปช่วยเลียมก็เด่นชัดในใจอีกฝ่ายมากที่สุด

‘คุณปัดมือผมออก’

คาร์เรย์มักเอ่ยเช่นนี้เมื่อผมหยิบยกหัวข้อเก่าๆ ขึ้นมาสนทนา

‘คุณหันหลังให้ผม คุณเดินหนีผมไป’

‘ฉันทำแบบนั้นก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่อยู่กับนาย’

‘คำพูดของคุณผมเชื่อได้แค่ไหน’

‘ฉันไม่เคยโกหกนาย’

‘ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณ!’

เมื่อก่อนคาร์เรย์ใจเย็นเหลือเกิน เขาอบอุ่น ช่างเอาใจใส่ แต่หลังจากกลับมาจากเกาะของเลียม นิสัยของคาร์เรย์กลับแปรปรวนเดาใจยาก คล้ายมีความคลุ้มคลั่งภายในที่พร้อมจะประทุออกมาทุกเมื่อ

‘ผมไม่เชื่อความรักของคุณอีกแล้ว เจย์เดน’

เป็นความผิดของผมเอง

คาร์เรย์ไม่ค่อยปกตินับตั้งแต่มีปากเสียงกันครั้งล่าสุด ครั้งที่ผมรู้ความจริงว่าเขาเป็นฆาตกรมาก่อนเจอผม ไม่ใช่เป็นฆาตกรเพื่อผม ความผิดหวังอย่างรุนแรงนั้นทำให้ผมปฏิบัติกับเขาอย่างเย็นชา และนั่นทำให้คาร์เรย์เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

เขาคลาดแคลงตัวผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...

ฉะนั้นเมื่อผมหันหลังให้เขา เลือกเลียมแทนที่จะกลับไปกับเขา คาร์เรย์จึงไม่เหลือเยื่อใยที่ต้องให้เกียรติผมอีก เขาคิดว่าผมหมดรักเขาแล้ว...หรือไม่ ก็ไม่เคยรักเขาแต่แรก

ผมโหยหาความรัก แต่ไม่เคยมอบความรักตอบอย่างเท่าเทียม

ผมต้องการความซื่อสัตย์ แต่ผมเองก็ไม่เคยซื่อสัตย์กับใคร

ผมอยากเป็นคนสำคัญ แต่กลับไม่เคยยกตำแหน่งนั้นแก่ผู้อื่น

ตัวผมช่างว่างเปล่า...จนเกินไป

ด้วยเหตุนี้ เมื่อถูกเติมเต็มด้วยความรักแสนวิปลาส ผมจึงได้แต่ยอมรับแต่โดยดี

เพราะตัวผมแสนว่างเปล่านี้ช่างไร้คุณค่าเหลือเกิน

หากคาร์เรย์ยังคงรักผมที่เป็นแบบนี้ ทั้งที่เกลียดแต่ก็ยังรักมากขนาดนี้ ยังต้องการผม ยังเห็นผมเป็นคนสำคัญ

ผมก็ยอมให้เขาขังแต่โดยดี

เพราะเราอยู่ในจุดที่หวนกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

ความรู้สึกมันพังไปหมด แตกร้าวไม่ต่างจากเศษแก้ว ไม่ว่าพยายามประกอบอย่างไรก็ไม่เป็นรูปร่าง คาร์เรย์จึงได้แต่กอบโกยเศษทั้งหมดนั้นไว้รวมกัน เก็บไว้ในกล่องๆ หนึ่ง บรรจุทั้งที่ยังแหลกสลายเช่นนั้น เพื่อให้โลกของผมมีแต่เขาคนเดียว...

มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น!

“ที่รัก”

คาร์เรย์กลับมาแล้ว เขาเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ เป็นสปาเกตตีคุ้นตาที่ผมเคยบอกให้เขาทำเสมอ

“ผมคิดถึงคุณจัง”

คาร์เรย์ทิ้งตัวนั่งข้างเตียง วางถาดอาหารบนตัก ก่อนจะเอี้ยวตัวเข้ามาหอมแก้มผมที่นั่งพิงกับหัวเตียงด้วยท่าทางไร้การต่อต้าน

ผมเรียนรู้ตลอดหลายวันมานี้...ว่าหากไม่พูดอะไรขัดใจ เขาก็จะทำดีกับผมเหมือนเดิม

เป็นคาร์เรย์ผู้แสนดีของผมคนเดิม

“ผมซื้อเค้กมาด้วย คุณอยากกินมั้ย” คนรักว่าอย่างเอาใจ แย้มยิ้มน่ารักที่เมื่อก่อนผมชอบมองเหลือเกิน หากเป็นแต่ก่อน เขาจะรอให้ผมตอบรับ แต่ในตอนนี้...เขาไม่แม้แต่จะฟังคำของผม

“ผมจะไปเอามาให้นะ”

คาร์เรย์จูบหน้าผาก ส่งจานให้ผม ก่อนจะเดินลงไปหยิบเค้กขึ้นมา

ทุกอย่างมันพังไปหมด

แม้กระทั่งคำพูดของคนที่รัก ยังไม่อาจทำใจให้เชื่อ หากผมปิดใจตัวเอง คาร์เรย์ก็ไม่ต่างจากคนปิดความรู้สึก เขาพยายามปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนเดิม เหมือนแก้วที่มีรอยร้าว ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจปกปิดรอยนั้นได้

ทว่าทั้งผมและเขานั้นเป็นดั่งแก้วแตกละเอียด

เป็นยิ่งกว่ารอยร้าว เพราะไม่มีทางประกอบติดได้เลย

คาร์เรย์ปฏิเสธคำพูดของผม ปฏิเสธความรักของผม ปฏิเสธที่จะเชื่อใจผม

สิ่งเดียวที่ยังเหนี่ยวรั้งให้เราสองคนยังพูดคุยกันได้ มีเพียงความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่จิตใจ คาร์เรย์ยึดติดกับผมถึงเจ็ดปี ส่วนตัวผมเองก็ไม่เคยยอมรับใครเท่าเขาหลังจากเจ็ดปีที่ผ่านมา หากจะบอกเป็นคู่ที่เหมาะสม...ก็ต้องตอบว่าใช่ แต่ถ้าบอกว่าคู่เราไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ก็ตอบว่าใช่ได้อีกเหมือนกัน

ยามรักช่างแสนหวาน ทว่ายามร้ายกลับเจ็บลึกนัก

ผมไม่รู้ว่าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าคาร์เรย์จะทนได้ถึงเมื่อไหร่

และถ้าถึงจุดแตกหักขึ้นมา...

บางที เขาคงฆ่าผมด้วยสองมือนั้น!

นึกแล้วพลันสงบอย่างประหลาด คงเพราะชีวิตนี้ไม่หลงเหลือเป้าหมายใดอีกแล้ว ก่อนเจอเขาผมก็ไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ แม้สุดท้ายจะลงเอยแบบนี้ แต่ผมก็ยอมรับว่าช่วงเวลาที่ได้เจอคาร์เรย์อีกครั้งนั้นมีความสุขมากจริงๆ

ขอบคุณ...ที่กลับมา

แม้จะกลับมาเพื่อ ‘ทำลาย’ กันและกันก็ตาม

“เจย์เดน”

คาร์เรย์แตะเปลือกตาของผม เรียกให้ลืมตื่นอย่างเชื่องช้า หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมติดนิสัยชอบหลับตา มันทำให้จิตใจฟุ้งซ่านหนักจนบางครั้งถึงกับหลุดหัวเราะ แต่คนรักกลับเข้าใจผิด นึกว่าผมไม่อยากเห็นหน้าเขา ทุกครั้งที่เจอจึงมักเรียกชื่อเสียงอ่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จะพบกับใบหน้าเป็นกังวลของคาร์เรย์...ใบหน้าน่ารักของคนรักคนเดิม ฉะนั้นต่อให้เขาจะแสดงท่าทีเสียใจขนาดไหน ผมจึงไม่เคยอธิบายการกระทำนี้ให้เข้าใจสักที

เพราะผมชอบความรู้สึกนั้นเหลือเกิน

“คุณไม่กินเหรอ” คาร์เรย์ทิ้งตัวนั่งข้างเตียงเหมือนเก่า วางกล่องเค้กไว้ข้างจานสปาเกตตีที่ยังอุ่นๆ พลางมองผมอย่างระแวดระวัง คงเพราะความเชื่อใจของเขามันสูญไปหมด ทำไม่ว่าผมจะทำอะไร เขาล้วนคิดไปในทางลบเสมอ

“ฉันรอกินพร้อมนาย” ผมตอบ พยักเพยิกให้เขาเริ่มทานพร้อมกัน คาร์เรย์คลี่ยิ้มบาง ดูน่ารักแต่กลับแฝงความหมองเศร้า ราวกำลังชั่งใจว่าที่ผมทำดีในตอนนี้เพราะความรู้สึกจริงๆ หรือเพราะต้องการให้เขาปล่อยไปกันแน่

วันวานแสนหวานนั้นไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก

“เอ๊ะ เค้กนี่มัน...”

หลังกินเสร็จ คาร์เรย์พลันส่งกล่องเค้กให้ผมเปิดเอง อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบกินของหวาน จึงแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เขาซื้อกลับมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อเห็นหน้าเค้ก ผมก็รู้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าผมชอบหรือไม่ แต่เป็นเพราะวันนี้คือวันคริสมาสต่างหาก

‘งั้นคริสมาสนี้กินเค้กด้วยกันนะ’

ตอนนั้นผมพูดเพราะอยากเอาใจ แต่คาร์เรย์กลับจำได้

เขาจดจำได้ทุกอย่าง...

“ผมสั่งทำพิเศษเพื่อคุณเลยนะ” คาร์เรย์ชี้ไปที่หน้าเค้กซึ่งตกแต่งด้วยก้อนน้ำตาลซึ่งทำเป็นต้นคริสมาสและผู้ชายสองคนยืนคนละฝากฝั่งท่ามกลางน้ำตาลไอซ์ซิ่งสีขาวโพลน ผู้ชายทางฝั่งขวาทำท่าป้องปากตะโกน มีซอสสตอรี่วาดขึ้นไปเป็นกรอบคำพูด เขียนอย่างบรรจงว่า...

‘I Love U’

ผู้ชายฝั่งซ้ายนั้นยืนกอดตัวเอง ก้มหน้าต่ำ แต่ถึงกระนั้นก็มีกรอบคำพูดตอบโต้เช่นกัน

‘I Love U too’

ผมมองหน้าเค้กด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันเสียดลึกในใจ ทำให้จุกแน่นในอกจนแทบบรรยายออกมาไม่ได้ คาร์เรย์ใช้เค้กก้อนนี้แทนความในใจของตัวเอง อาจเพราะยิ่งนับวันสภาพของเราสองคนก็ยิ่งย่ำแย่จนแทบประคองต่อไปไม่ไหว

“ผมรักคุณ” คาร์เรย์เอ่ยเสียงหวาน หวนคืนสู่วันวานที่ทุกวันนี้ผมยังฝันถึง “ผมรักคุณ...”

เสียงนั้นสั่นเครือ ทั้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่กลับสั่นเครือเหลือเกิน

บางทีผมคงต้องพูดออกมา

“ฉัน...”

คาร์เรย์จูบผม จูบอย่างลึกซึ้งจนผมไม่อาจเปล่งเสียง มันทำให้ความรู้สึกทั้งหมดของผมยิ่งสั่นสะท้าน...เขาไม่ยอมฟัง ทั้งที่เป็นคำที่เขาต้องการมากที่สุด เรียกร้องจากผมมากขนาดนี้ แต่กลับไม่ยอมฟัง

“กินเค้กกันเถอะครับ” คาร์เรย์ถอนตัวอย่างอ่อยอิ่ง จูบหน้าผากผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างเตียงเช่นเดิม 

ผมมองการกระทำเขาตั้งแต่ต้นจนจบ มองเขาที่ตอนนี้หยิบมีดแบ่งเค้กอย่างบรรจง ดวงตาหลุบต่ำ ไม่ยอมสบตา ราวกลัวว่าผมจะเห็นความในใจที่อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นฆาตกรคนนี้

หากคาร์เรย์เลือกที่จะไม่เชื่อคำพูดของผมอีกต่อไป

คำว่า ‘รัก’ นั้น...คงเป็นคำต้องห้ามสำหรับเราเสียแล้ว


คริสมาสแสนหวานที่เคยวาดฝันว่าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข

แท้จริงคงเป็นความเงียบเหงาอันขมขื่น

ทั้งที่อยู่ใกล้กันมากเหลือเกิน...



---------------------------
กระดึ้บๆ ทีละนิดค่ะ...ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะที่หายไปมีหลายสาเหตุรวมกัน  แต่ขอรับประกันว่าเรื่องนี้จบแน่นอน! เพราะนี่ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่บทแล้วค่ะ :heaven

ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นเรื่องดาร์กดราม่าโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อย...อยากให้ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ทำความเข้าใจค่ะ เอาเข้าจริงตัวเอกเรื่องนี้ไม่มีคนไหนดีสักคน แต่นั่นก็เพราะพวกเขาเป็น "มนุษย์" ถ้ามองหาตัวเอกแสนดี คงไม่ใช่ในนิยายเรื่องนี้ค่ะ เพราะเราเเต่งสนองนี๊ดโดยเฉพาะ คั้นมาจากความโรคจิต(?)จากใจล้วนๆ แต่ละคนมีเหตุผล มีความเห็นแก่ตัวที่ต่างกันไป อยากให้อ่านอย่างสนุกสนานนะคะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ด้วยค่ะ กลับมาตั้งหลักต่อได้ก็ได้กำลังใจนี่เเล เรื่องในช่วงนี้แต่งยากแท้  :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 10-11-2014 18:35:49
-w- อุ๊
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 10-11-2014 18:49:50
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:   เรียมล่ะ เรียมล๊าาาาาาา  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 10-11-2014 19:07:52
อู้ยยย ตอนนี้อึดอัดกดดันมากค่ะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

เจย์เดนจะเป็นยังไงต่อไป...แล้วชะตากรรมของเลียมล่ะะะ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

อันที่จริงอวยเลียมมาก(?) เชียร์เลียมสุดๆ หวังว่าจะยังอยู่รอดปลอดภัยน้าา
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 10-11-2014 19:58:25
คู่นี้อึมครึมสุดๆ  :katai1:

แล้วเลียมล่ะ คงยังอยู่ดีนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 10-11-2014 21:57:38
โอยยยยยย เจ็บปวดดดดด  หน่วงที่สุด!
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 10-11-2014 22:16:38
อ่านแล้วรู้สึกถึงบรรยากาศของสองคนนี้

นี่ถ้าไปนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วยคงกระอักตาย555555

เชียร์ให้สองคนกลับมารักกันแบบเดิม
#ทีมคาร์เรย์
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 10-11-2014 23:45:51
กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ  :hao5: แอนตี้เลียม  ฮี่ๆ  o18
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 11-11-2014 00:01:11
อยากให้ทั้ง 2 กลับมารักกันเหมือนเดิมค่ะ
บรรยากาศและความรู้สึกแบบนี้มันหนักอึ้งจริงๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: heroza ที่ 11-11-2014 00:11:38
รอวันที่เจย์เดนอารมณ์ระเบิดลง จุกเหลือเกินแค่คำตอบรับความรักยังเอ่ยออกมาไม่ได้

ตัดลิ้นมั้ยถ้าทำท่าไม่อยากฟังเจย์พูดขนาดนั้น  :katai1::katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-11-2014 07:00:11
เรานึกถึงประโยคหนึ่งที่เคยฟังมา "แก้วใบโปรดของฉันที่เธอทำแตก ถึงเธอจะกอบชิ้นส่วนทั้งหมดนั้นเพื่อนำไปหลอมคืนขึ้นใหม่ให้ฉัน พยายามทาทาบมันด้วยสีเฉดเดียวกัน ถึงแบบนั้น มันก็ไม่ใช่แก้วใบเดิมที่ฉันรัก"

ให้ความรู้สึกแบบนี้เลยค่ะ :ling2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 11-11-2014 07:46:51
เศร้าาาาาาาาา

สงสารทั้งสองเลย อยากให้จบแฮปปี้ ใครเป็นพระเอกก็ได้
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-11-2014 08:19:58
อ่านแล้วเศร้าเลย

เลียมตอนนี้เป็นไงไม่รู้

รู้แต่ว่าตอนนี้เจย์เดนถูกขัง

สงสัยคงได้แบบนี้ทั้งชีวิตเห้อ

จบได้มืดมนแท้

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-11-2014 10:51:40
เจ็บปวดแทน  :o12:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 11-11-2014 16:29:09
มาคุมากก :serius2:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 11-11-2014 20:09:49
ขอเปะโป้งไว้ก่อนนะคะ

พึ่งอ่านมาได้ถึงตอนที่4เอง สนุกมากๆเลยคะ

ลุ้นแบบลุ้นมากๆ

ชอบคนบุคลิกเหมือน คาเรย์ จัง ทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่รัก

กลัวจังเลยคะว่าถ้าคนที่รักทำให้ตัวเองเสียใจ จะเป็นเผลอฆ่าคนที่รักเนี่ยสิคะ  :sad4:

แต่ชอบความโหดของเรื่องนี้คะ ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 11-11-2014 22:00:53
 :mew4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Upตอนใหม่! P.10 [10/11/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 14-11-2014 19:14:01
กลับมาอ่านแล้ว บอกความรู้สึกไม่ถูกเลยจ้า เฮ้อ ตอนแรกก็ดูลุ้นดี แต่ตอนปัจจจุบัน อะไรกันนี่?

จะสงสารใครดีเลือกไม่ถูกจริงๆ เฮ้อออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 17-11-2014 19:36:43
Chapter 16 : “ผมทำไม่ได้!”

คาร์เรย์อยู่กับผมทั้งอาทิตย์ จนกระทั่งถึงวันขึ้นปีใหม่

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิด เคยยอมทิ้งนิสัยเกลียดความวุ่นวายของตัวเองเพื่อพาคาร์เรย์ไปเคาท์ดาวน์กันในชุมชน แต่เมื่อเวลานี้มาถึง สายโซ่เส้นหนึ่งกลับเป็นคำตอบของทุกอย่าง ผมนั่งเคาท์ดาวน์บนเตียง นอนพิงอกคาร์เรย์ที่ซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง โอบกอดเอวพลางทิ้งศีรษะซบบ่าผมอย่างเงียบงัน

“สิบ...”

พวกเราหันหน้าออกไปทางกระจกใสเชื่อมต่อไปยังระเบียง อากาศข้างนอกหนาวจนพร่ามัว แต่กระนั้นก็เห็นแสงสีครื้นเครงจากในหมู่บ้านซึ่งฉลองงานรื่นเริง

“เก้า”

ผมยังคงนับด้วยเสียงแผ่วเบา

“แปด”

ปกติในคืนที่ควรน่าดีใจนี้ ผมมักนอนเปิดทีวีอยู่ในห้องพักซ่อมซ่อ อย่างน้อยเสียงเพลงที่ขับกล่อมอย่างครึกครื้นของสำนักข่าวต่างๆ ก็ช่วยให้ผมไม่เงียบเหงาจนเกินไป

“เจ็ด”

บางปีแม้จะนอนกอดตัวเองอย่างเหน็บหนาว เพราะฮีทเตอร์ที่ห้องทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่ทุกครั้งที่ได้นับเลขถอยหลังไปพร้อมๆ กับทุกคนผ่านหน้าจอ แม้จะต่างที่ ต่างประเทศ ต่างหน้าตา ถึงกระนั้นผมก็จะอมยิ้มออกมานิดๆ เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยเราก็มีกิจกรรมร่วมกัน

ผมยังเป็นส่วนหนึ่งในนั้น

“หก”

คาร์เรย์กอดผมแน่น เขายังไม่เงยหน้า ราวกับว่าแค่หลับไป

“ห้า”

เสียงหอบสะท้านดังเฮือกหนึ่งในความมืด ก่อนจะมานั่งกอดกันเช่นตอนนี้ผมให้เขาปิดไฟจนหมด เพื่อที่จะได้รอชมดอกไม้ไฟจากนอกหน้าต่างชัดๆ

“สี่”

ผมพิงน้ำหนักบนตัวคนรัก ทั้งที่หน้าตาอิ่มเอิบขึ้น ไม่ผอมโซซูบซีด แต่การนอนนิ่งเพียงอย่างเดียวติดต่อกันเกือบสองสัปดาห์ทำให้ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่นั่นคงเป็นจุดประสงค์ของคาร์เรย์ที่ทำให้ผมหมดสิ้นหนทางที่จะหนีมากกว่า

ทั้งที่ผมไม่เคยคิดหนีไปจากเขา

“สาม”

นึกแล้วก็อดคิดถึงเลียมไม่ได้ หากตอนนั้นผมไม่ยอมให้พาตัวไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนะ คาร์เรย์คงไม่โกรธถึงขั้นฆ่าพ่อของอีกฝ่าย คงไม่ตามมาแล้วจุดไฟเพื่อวัดใจผมแบบนั้น จะว่าไป...จนป่านนี้เลียมออกจากพยาบาลรึยังนะ

หลังฟื้นขึ้นมาคาร์เรย์บอกแค่ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส เพราะเอาตัวปกป้องผมไว้ เป็นตายไม่ต่างกัน

อย่างน้อยการที่เขาไม่ฆ่าเลียมในทันทีก็ทำให้ผมซึ้งใจมากแล้ว

“สอง”

ผมสะดุ้งเมื่อแรงกอดแน่นขึ้น จากประคองตรงเอวกลับกลายเป็นรัดแน่นที่ช่องท้องและหน้าอก ทว่าคาร์เรย์ยังซุกหน้านิ่ง ส่งเสียงครางเบาๆ ที่ผมต้องเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ

“หนึ่ง...”

ผมหลุดยิ้ม บางทีที่เขานั่งนิ่งอาจเพราะระงับความตื่นเต้นอยู่ก็เป็นได้

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะก้าวผ่านปีนี้ไปด้วยกัน

พลันเสียงดอกไม้ไฟดังสนั่น แทรกผ่านหน้าต่างพร้อมแสงหลากสีชำแรกผ่านความมืดก่อนแตกกระจายทั่วผืนฟ้า

“สุขสันต์วันปีใหม่นะคาร์เรย์”

“สุขสันต์วันปีใหม่ครับ เจย์เดน” คาร์เรย์เงยหน้าขึ้นในที่สุด ใบหน้าเปื้อนยิ้มน่ารัก ไร้ซึ่งความคลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิงราวแก้วใสกระจ่าง “ผมดีใจจังที่คุณยังอยู่ตรงนี้”

คาร์เรย์ประทับริมฝีปากแผ่วเบา เต็มเปี่ยมด้วยความจริงใจอันแสนบริสุทธิ์ แต่นั่นกลับทำให้ผมเพิ่งเข้าใจ

เขาไม่ได้ตื่นเต้น แต่ที่กอดผมและนั่งนิ่งมาตลอดนั้น

เพราะกลัวว่าเมื่อข้ามพ้นปีนี้ไป...ผมจะไม่อยู่ข้างกายเขาต่างหาก




ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ก็เหมือนเอื้อมมือไขว้คว้าในความมืด

มีเพียงความว่างเปล่าทิ้งตัวระหว่างเรา

ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ราวสวนทางกับครั้งแรกที่เขาพยายามควานหาความรักของผม ตอนนั้น แม้ผมจะตอบรับ แต่ก็ไม่ได้รักเขาเต็มหัวใจ แต่ในตอนนี้ ทั้งที่ผมยอมทุกอย่างขนาดนี้ ยอมกระทั่งให้เขาทำตามใจชอบ ยอมให้จับขัง ยอมที่จะไม่มีอนาคต ยอมที่จะมีเพียงเขาคนเดียว...

แต่กลับไม่อาจส่งความรู้สึกนี้ไปถึงได้เลย!

เคยมีคนกล่าวว่า...คนบางคนนั้นมัวแต่ปิดกั้น กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งไหนสำคัญ ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ผมกำลังเป็นเช่นนั้น

แต่ที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่า คือคาร์เรย์ไม่ได้ไปจากผม ทั้งที่อยู่ห่างเพียงแค่นี้ ทั้งที่ยังได้รับความเอาใจใส่จากอีกฝ่ายทุกวันแท้ๆ แต่กลับได้แต่อึดอัดอยู่แบบนี้ ไม่ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับ

ไม่มีทางเลย...

“คุณอยากได้ของขวัญอะไรมั้ย” คาร์เรย์เดินออกจากห้องน้ำ สวมชุดสูทเป็นทางการและหวีผมเรียบร้อยดูสมตำแหน่งประธาน เพราะแม้จะเป็นวันปีใหม่ แต่เขากลับต้องเดินทางไปทักทายผู้บริหารคนอื่นๆ เพื่อสานสัมพันธ์อันดี

“อยากกินไก่งวง” ผมพึมพำ ขณะช่วยผูกเนคไทค์เมื่อคาร์เรย์เดินถือเข้ามาเหมือนทุกวัน แต่ที่แตกต่าง คือวันนี้เขาดูมีความสุขกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

มันทำให้ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย บางที...เขาอาจยอมรับผมบ้างแล้ว

“ได้สิครับ” คาร์เรย์ว่าพลางหอมศีรษะผมแรงๆ เมื่อคืนหลังนอนดูดอกไม้ไฟด้วยกัน ผมกับเขาก็เผลอหลับทั้งคู่ หากไม่ได้นาฬิกาปลุกร้องเตือน คาดว่ากว่าจะตื่นจริงๆ คงสายโด่

“ตอนเที่ยงกินขนมปังไปก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นผมจะซื้อไก่งวงกลับมา”

“จะมีร้านเปิดเหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจ ปีใหม่นี้ร้านรวงส่วนใหญ่ต่างก็หยุดฉลองกันทั้งนั้น

“ต้องมีสิ” คาร์เรย์คลี่ยิ้มจาง หากแต่ดวงตาประกายวาววูบหนึ่ง “ผมหาให้คุณได้ทุกอย่าง ที่รัก”

ผมเงยหน้ารับจูบจากอีกฝ่าย ก่อนจะโบกมือลาด้วยรอยยิ้มขื่นเมื่อคาร์เรย์เดินออกไป เสียงปิดประตูดังแผ่ว ทิ้งตัวผมให้อยู่ในความเงียบเช่นทุกวัน ต่างก็แต่วันนี้คาร์เรย์มีตารางเดินสายยันเย็น ผมจึงต้องกินข้าวเที่ยงคนเดียวด้วยขนมปังหนึ่งก้อนและนมกล่องหนึ่ง

ผมทิ้งตัวพิงกับหัวเตียง ไม่อยากขยับตัวเพราะเสียงของสายโซ่นั้นทำให้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย จริงอยู่ว่าผมลืมเบรดได้แล้ว...ลืมสิ้นกระทั่งความรู้สึกเพราะภาพของอีกฝ่ายยามตายช่างติดตาเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครชมชอบเวลาถูกคนรักกักขังแบบนี้หรอก

ผมเหม่อมองระเบียง อยากออกไปสูดอากาศยามเช้า อยากยืนและหลับตานิ่งรับลมหนาวเช่นนั้น อย่างน้อยคงช่วยบรรเทาความอ่อนล้าในใจของผมได้

แต่ไม่มีทางหรอก

ผมหลับตาเชื่องช้า ปล่อยให้ความนึกคิดล่องลอยไปไกล

ผมไม่มีวันได้ออกจากกล่องสี่เหลียมห้องนี้ได้อีกแล้ว

ตุบ!

เพราะรอบกายมีเพียงความเงียบ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมผมจึงรู้สึกตัวทันที

ฟึ่บ ฟึ่บ

เสียงนั้นมาจากระเบียง ผมผุดลุก เดินลงจากเตียง หากแต่ความยาวของสายโซ่ทำให้ผมขยับออกมาได้แค่สองก้าวเท่านั้น แม้จะชะเง้อมองยังไงก็ไม่เห็นต้นเสียงสักที ทว่ารั้วระเบียงนั้นกลับลั่นเอี๊ยดอาดราวกำลังรองรับน้ำหนักบางอย่าง แถมตรงมุมขวายังมีเชือกผูกหินติดอยู่ระหว่างช่องว่าง บ่งบอกว่านี่คงเป็นเสียงแรกที่ดังจนผมสะดุ้ง

มีคนกำลังปีนขึ้นมา...

ทันใดนั้น กลุ่มผมสีทองซึ่งครอบด้วยหมวกไหมพรมพลันโผล่พรวดตรงขอบระเบียง ผมสะดุ้งเฮือก เพราะร่างนั้นสวมแว่นตาดำอันโตและผ้าปิดปากจนไม่เห็นหน้า แถมยังสวมเสื้อโค้ททับหลายชั้นราวกับว่าหนาวนักหนา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเขากำลังปีนข้ามระเบียงเข้ามา!!

ผมพยายามมองหาอาวุธ แต่คาร์เรย์เก็บพวกของมีคมห่างจากตัวผมไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อร่างนั้นเดินมาเคาะประตูกระจกเสียงเบา ถอดแว่นตาและรั้งผ้าปิดปากลงจนเห็นชัดว่าเป็นใคร

“เลียม!?”

เป็นไอ้เด็กเวรจริงๆ แม้ว่าจะซูบซีด เหมือนกับผมเมื่อก่อนแถมยังตัดผมสั้นติดหนังหัว แต่คนที่ยืนยิ้มตรงหน้าคือเลียม!!
ผมเดินถอยหลัง แม้จะอยากบอกขอโทษ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่อาจสู้หน้า เขาเจ็บเพราะผมมามากพอแล้ว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนความหวังก็ไม่มีทางเป็นจริง รั้งแต่จะให้ทุกอย่างพังลงไปกว่าเดิมมากกว่า

ผมสะท้อนในอก รีบเดินกลับไปที่เตียง ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมตัว บ่งบอกชัดว่าไม่ต้องการเจอเขา

เสียงเคาะหายไปแล้ว บางทีเขาคงจะยอมกลับไป

แต่ว่า...ผมคงลืมว่าเลียมเคยพังหน้าต่างเข้ามา!

แกร่ก!

ผมเงยหน้าพรวด รู้สึกถึงลมหนาวจากภายนอกพัดโชย บ่งบอกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาสำเร็จ โชคยังดีที่ครั้งนี้ไอ้เด็กเวรไม่เอาก้อนหินทุบกระจกแตก เพียงแค่แงะกุญแจอย่างเชี่ยวชาญจนเกินไป

“กลับไป!”

ผมตะโกนลั่นเมื่ออีกฝ่ายปิดประตูให้อย่างสุภาพจนน่าหมั่นไส้

“กลับไปเลยนะ!!”

เลียมยังลอยหน้าลอยตา เขาถอดเสื้อโค้ทหลายชั้นพาดกับเก้าอี้ เผยให้เห็นรูปร่างผอมโซและใบหน้าซูบตอบเหมือนคนอมโรค และนั่นทำให้ผมใจแข็งไล่เขาไม่ลง

เพราะเมื่อมองดีๆ ช่วงลำคอเป็นต้นมาเขามีผ้าพันแผลพันทั้งตัว!

“ดีจังที่คุณยังสบายดี”

ไอ้เด็กเวรมันทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของมันเอง

“ผมนึกว่าเขาจะทำร้ายคุณซะแล้ว...”

มันเดินเข้ามาปัดปอยผมทัดหูอย่างอ่อนโยน แย้มยิ้มกว้างให้ผมอย่างไม่ติดใจอะไร ทั้งที่ตัวมันเกือบตาย อีกทั้งพ่อมันเองก็ตายเพราะผมไปแล้ว!

“เลิกยุ่งกับฉันเถอะเลียม แค่นี้ยังสูญเสียไม่พออีกรึไง”

ผมแทบจะวอนขอ ไอ้เด็กเวรเพียงยิ้มนิ่งๆ ทว่าดวงตาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย

“เพราะสูญเสียมากเกินไป ผมเลยไม่อยากเสียคุณไปอีกคน”

เลียมทิ้งตัวนั่งบนเตียง มองโซ่ซึ่งล่ามข้อเท้าผมด้วยความเกลียดชังวูบหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมเป็นเชิงไม่เป็นไร

“เจย์เดน ผมตื่นขึ้นมาแล้วเจ็บไปทั้งตัว ไฟไหม้แผ่นหลังของผมที่คู้ตัวปกป้องคุณเอาไว้ ไหม้จนหมอบอกว่าหนังละลายออกมา กลายเป็นรอยแผลเป็นชั่วชีวิต แต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ารู้ว่าพ่อตาย...ตายเพราะความดื้อรั้นของผมเอง เจย์เดน ผมกับพ่อไม่สนิทกันนัก แต่ผมรักพ่อ และพ่อก็รักผม คุณเข้าใจความสูญเสียนี้ใช่มั้ย”

ไม่...ผมไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

เพราะพ่อไม่ได้ตายเพื่อผม อย่าว่าแต่รักผมเลย เขายังทิ้งผมไปด้วยซ้ำ!

ทว่าเลียมเพียงคลี่ยิ้มจาง เขาไม่ได้ร้องไห้ น้ำเสียงเองก็ไม่สั่นเครือ ดูเข้มแข็งจนน่าประหลาดใจ

“ผมเสียใจมาก แต่ที่เสียใจที่สุดเพราะไม่รู้จะอธิบายกับแม่ยังไง ความจริงมันจุกที่อก อยากบอกว่าพ่อตายเพราะผม เป็นเพราะผมสะเพร่า คิดอะไรตื้นๆ เอง แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะถูกเกลียด จนถึงตอนนี้ผมยังไม่กล้าสู้หน้าแม่ด้วยซ้ำ แต่เพราะแบบนี้ ผมถึงมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม...”

เลียมจับมือผม บีบเบาๆ อย่างห่วงหา

“ผมเลือกวิธีการผิดแต่แรก ทุกอย่างถึงพังไม่เป็นท่า แต่ไม่ต้องห่วงนะเจย์เดน ผมเป็นลูกตำรวจ ฉะนั้นผมจะสู้ด้วยกฎหมาย  ถึงคาร์เรย์จะจัดการหมดจดอย่างไร ก็ไม่อาจหนีความจริงที่เขาทำได้หรอก”

“เลียม...” ผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลง แม้เลียมจะไม่พูดออกมา แต่ผมรู้ว่าเขากำลังจะบอกอะไร

ไอ้เด็กเวรกำลังหาหลักฐานตามจับคาร์เรย์!

“หากการแย่งคุณมาจากเขาคือเรื่องเป็นไปไม่ได้  ถ้าอย่างนั้น...”

เลียมมองผมอย่างลึกล้ำ หากแต่ดวงตาที่เคยมอบความรักให้อย่างบริสุทธิ์ใจนั้นกลับดำมืดเหลือเกิน

ผมไม่เห็นไอ้เด็กเวรแสนดีคนนั้นแล้ว

“ผมก็จะทำให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยมือเอง!”

“เลียม!” ผมตะโกนลั่น เรียกสติไอ้เด็กเวรที่คิดไปไกลสุดกู่ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน เลียมหอบหายใจโยน มันคงไม่หายดีนัก ใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงยังมีพิษไข้จากอาการบาดเจ็บ ยิ่งมาออกกำลังกายท่ามกลางอากาศหนาว จึงอาจทำให้ระบบความคิดผิดเพี้ยนไป

ใช่ เพราะแบบนั้นแน่ๆ มันถึงพูดอะไรบ้าๆ แบบนี้

“นายต่างหากที่ควรปล่อยมือจากฉันสักที!” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งใจว่าวันนี้ต้องสะสางเรื่องราวให้จบ แค่เรื่องของผมกับคาร์เรย์ก็ทรมานทั้งเป็นพออยู่แล้ว ผมไม่อยากให้มันวุ่นวายกว่าเดิมเพราะการกระทำของไอ้เด็กเวรนี่หรอกนะ

ปล่อยผมไปเถอะ

กลับไปสู่ที่ของนาย อย่ามาจมปลักแบบนี้ อย่ากระโจนลงมาด้วยกันแบบนี้!

“ฉันเลือกคาร์เรย์ ไม่ว่าเขาจะทำยังไงฉันก็เลือกเขาอยู่ดี ฉะนั้นคนที่ควรไปคือนายต่างหาก!”

เลียมปล่อยมือผม ผละถอยห่าง กัดปากพลางส่ายศีรษะน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ

“ไม่จริงหรอก...” ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเครือ “หากคุณเลือกเขา แล้วทำไมถึงถูกขังแบบนี้ล่ะ! ทำไมถึงถูกล่ามโซ่! ไม่ใช่ว่าเพราะคุณพยายามจะหนีออกมาหรือไง!!”

ผมชักอยากจะร้องไห้บ้างเสียแล้ว

“ไม่ใช่...”

“คุณห่วงผมใช่มั้ย คุณกลัวว่าผมจะเป็นอะไรไปอีก ไม่เป็นไรนะเจย์เดน ผมจะระวังตัวกว่าเดิม ที่ปีนขึ้นมาวันนี้ก็เพราะที่ระเบียงไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนคนที่คาร์เรย์ให้ตามคุณก็เป็นคนของผมเอง เพราะคนเก่าทำงานผิดพลาด เขาจึงหาคนจ้างวานใหม่ ผมจึงซื้อตัวไว้แต่แรกแล้วให้มาติดต่อกับเขา ฉะนั้นเรื่องวันนี้จะไม่มีใครรู้ ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ จะไม่มีการผิดพลาดอีกแล้ว”

“ไม่ใช่...”

“หรือคุณยังกังวลอยู่อีก ไม่เป็นไรนะเจย์เดน ตอนนี้ผมเริ่มรวบรวมหลักฐานได้บ้างแล้ว คงเพราะครั้งนี้เขารีบร้อนหาคุณ จึงประมาททิ้งหลักฐานไว้บางส่วน แม้ตอนนี้ยังต่อไม่ติด แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อจับกุมเขาให้ได้ คดีใหญ่ขนาดนี้ทางตำรวจให้กำลังคนกับผมมากมาย อีกไม่นานคุณจะได้ออกมาแน่นอน ไม่ต้องถูกขังอยู่อย่างนี้...”

“พอสักทีเถอะเลียม!!”

ผมแทบทนฟังไม่ได้ เลียมกำลังวาดฝัน วาดความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงอย่างที่เขาเคยชวนให้ผมหนีไปด้วยกัน

มันยิ่งตอกย้ำ...ตอกย้ำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิม!

“เจย์เดน...” เลียมครางเสียงแผ่ว มองผมที่ร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น

ผมไม่เคยร้องไห้ นับจากวันที่รู้ความจริงของคาร์เรย์...ก่อนจะถูกเลียมลักพาตัวไป ผมก็ไม่เคยร้องไห้อีก แม้ว่าเวลาที่ผ่านมานี้จะรู้สึกขมขื่นมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยร้องไห้ เพราะลึกๆ ในใจรู้ดีว่าทุกอย่างมันพังด้วยตัวผมเอง เป็นผมเองที่ทำให้ชีวิตทุกคนไม่เหมือนเดิม!

ทั้งที่เก็บไว้แน่นหนาแล้วแท้ๆ แต่เลียมกลับแง้มมันออก

ตอกหน้าผมว่าต่อให้พยายามแค่ไหนผมก็คงได้แต่อยู่แบบนี้จนตาย!

อ่า...คาร์เรย์รักผม ผมเองก็ยอมรับ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออยู่ด้วยกันกลับช่างเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ผมจะไม่ทำผิดซ้ำอีก แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่ผมก็ยังต้องการเขา จะทำร้ายกันมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังต้องการผม

“ฉันตอบรับความรู้สึกนายไม่ได้” ผมเอ่ยออกมาอย่างขมขื่น มองดูเลียมซึ่งเป็นอีกคนที่พยายามเหลือเกิน แต่ก็ไม่เคยได้สิ่งที่ต้องการกลับคืน “กลับไปเถอะเลียม กลับไปสู่ที่ของนาย กลับไปยังอนาคตที่ไม่มีฉัน ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วหาความรักที่ดีกว่านี้เถอะ”

“ผมทำไม่ได้!”

คราวนี้เลียมร้องไห้ออกมาจริงๆ ใบหน้าถือดีกลายเป็นความเวทนา เขาคุกเข่าแทบเท้าผม อ้อนวอนผม ขอความรักจากผม

“ผมรู้ว่าผมควรถอนตัว ควรทำไปตั้งนานแล้ว...แต่ผมยังเห็นคุณอยู่แบบนี้ ยังรู้ว่าคุณถูกขังอยู่อย่างนี้...ผมทำไม่ได้จริงๆ เจย์เดน”

เลียมซุกหน้าลงบนฝ่ามือ

“ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...”

ไอ้เด็กเวรร้องไห้สะอื้นอย่างไม่อาย และนั่นทำให้ผมหลับตาอย่างปวดร้าวเหลือเกิน

   เพราะเลียมพูดถูกทุกอย่าง

แต่จะโทษคาร์เรย์ก็ไม่ได้ เขาเป็นแบบนี้แต่แรก เป็นฆาตกรมาก่อน ผมต่างหากที่ไปช่วยเขาออกมา สัญญากับเขา ให้ความหวังกับเขา ในเมื่อเขากลับมาตามคำที่ให้ไว้ ตัวผมจะปฏิเสธได้ยังไง

ผมจะทิ้งเขาไปได้ยังไง...

“ฉันเลือกไปแล้ว เลียม” ผมลืมตาพลางกล่าวกับอีกฝ่ายที่ยังคุกเข่าแน่นิ่งทั้งเสียงสะอื้น “ปล่อยให้ฉันไปตามทางที่เลือกเถอะ”

“ผม-ทำ-ไม่-ได้!” เลียมตะโกนกร้าว ขอบตาขาวแดงก่ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก เชื่อว่าเขาเองก็ทุกข์ใจไม่ต่างกันก่อนจะตัดสินใจมาพบกับผมในวันนี้

เขาเพียงพยายามหาทางออกให้กับผม

เขาเพียงพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสำหรับผมเท่านั้น!

“แต่ฉันไม่ต้องการ...” ผมรู้ดีว่าใจร้ายเหลือเกิน แต่ถ้ายังปล่อยไปแบบนี้มันจะแย่กว่าเก่า แค่นี้ผมก็เจ็บจะแย่แล้ว อย่าให้ต้องรู้สึกผิดเพราะดึงคนดีๆ อย่างเลียมเข้ามาในวังวนบิดเบี้ยวนี่เลย

ผมเคยสงสัย...ว่าทำไมคาร์เรย์ถึงยังปล่อยเลียมมานานขนาดนี้

ส่วนหนึ่ง คงเพราะเขานับถือน้ำใจในความรักของเลียม

เหมือนที่ผมนึกขอบคุณเหลือเกิน

แต่ว่า...

“ฉันไม่ต้องการความหวังดีนั้น ฉันไม่ต้องการจะออกไปจากที่นี่ ฉันไม่ต้องการความรักของนาย ฉัน...” ผมกัดริมฝีปาก พยายามเค้นความรู้สึกทั้งที่เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน “ฉันไม่ต้องการนาย เลียม!”

ราวสายฟ้าฟาดกระหน่ำ เลียมกระตุกตัว สูดหายใจเฮือก แม้ผมจะเคยปฏิเสธเขามากมายแค่ไหน แต่ไม่เคยพูดเด็ดขาดเท่าวันนี้
ไอ้เด็กเวรเงยหน้า มองผมด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ใบหน้ายังคลอน้ำตา แต่กระนั้นมันก็พยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยท่าทางโซเซ

“ผมรู้...” มันพึมพำ “ผมรู้มานานแล้ว ผมมันก็แค่ส่วนเกิน”

เลียมเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวม ทำท่าจะยอมถอนตัวออกไป

เห็นแล้วผมก็ก้มหน้าพลางคลี่ยิ้มออกมา หากแต่เป็นรอยยิ้มอำลาที่สะท้อนในอกเหลือเกิน ผมยอมรับว่ารู้สึกใจหาย อดเศร้าไม่ได้หากไม่เห็นเลียมอีก แต่ถึงอย่างนั้น...

“แต่ผมทนเห็นคุณเป็นแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

ผมเงยหน้ามอง พบว่ามันยืนอยู่ตรงประตูกระจก มองหน้าผมด้วยดวงตากร้าว แม้จะยังมีน้ำใสคลอหน่วย แต่กลับแฝงความดึงดันอย่างที่ผมรู้จักดี

“คุณพังไปแล้ว...คาร์เรย์เองก็พังไปแล้ว...ถ้าอย่างนั้น...ก็ให้ผมพังไปด้วยเถอะ!!”

เลียมหัวเราะออกมา เผยยิ้มกว้างอย่างโล่งใจราวหาคำตอบให้ตัวเองได้สำเร็จ

“ให้มันพังไปทั้งแบบนี้นั่นแหละ!!”



-----------------

เคยมีคนบอกว่า ถ้าเกิดเรารักใครจริง ต่อให้ไม่สมหวัง แต่หากเห็นคนรักมีความสุข เราก็จะสามารถปล่อยเขาไปได้
แต่สำหรับเลียม สิ่งที่เขาเห็นจากเจย์เดน กลับไม่มีสิ่งนั้นอยู่เลย

“ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...”

นี่คือความรู้สึกของเลียมค่ะ
ไม่ใช่ว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากปล่อยไป แต่ในตอนนี้ สิ่งที่เห็นตอนนี้ ทำให้เขา "ทำไม่ได้"

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ มาร่วมลุ้นไปยังตอนจบนะคะ เหลืออีกประมาณ 2-3 ตอนแล้ว  :katai1:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 17-11-2014 20:10:56
โอยยย ปวดใจกับความรักของพวกเขาจริงๆ   :hao5:

อะไรจะเศร้าปานนี้ล่ะลูกกกก

เอออ ให้มันพังกันให้หมดทุกคนเลยนั่นแหละ จะได้เท่าเทียมกันสักที ฟาดฟันกันจนกว่าจะตายไปข้าง

ในเมื่ออยู่ก็เหมือนรักไม่ได้ และในเมื่อรัก แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน 

ก็ให้มันไปในทางของมัน ไม่ว่ารักนี้จะจบลงยังไง หรือจะไม่มีใครได้อยู่ด้วยกันเลย

เราก็ขอฝังความรู้สึกทุกอย่างที่ได้จากเรื่องนี้ เอาไว้ในใจค่ะ   :กอด1:  รักเลย

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 17-11-2014 20:11:40
เรามีความรู้สึกว่ามันจะจบแบบโศกนาฎกรรมยังไงไม่รู้อ่ะ :katai1:
นับถือใจเลียมเลย เหมือนนายจะมีออร่าพระเอกจริงๆ ช่วงหลังๆมานี่รู้สึกว่าคาเรย์เป็นตัวร้ายตลอด :z3:
ส่วนเจย์เดน อ่อนปวกเปียกเชียวนะ :ling2:
เดาไม่ถูกจริงๆว่าจะเป็นยังไงต่อ :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 17-11-2014 20:32:18
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 17-11-2014 20:51:38
จิตใจมนุษย์มันยากแท้หยั่งถึงแท้ :z3:

บางทียิ่งจนมุมก็ยิ่งจะกระโจนออกมาซะให้ได้ :m15:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-11-2014 08:32:38
กระแทกใจเราจังจังง่ะตอนนี้

เราเข้าถึงอารมณ์เลียมมากง่ะ

อ่านเรื่องนี้เรานึกถึงหนังเรื่องsevenที่แบรดพิทเล่น

ที่ฆาตกรฆ่าคนตามบาปทั้งเจ็ด

เนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน

แต่ก็เล่นกับอารมณ์รักหลงเกลียด

แบบนี้เหมือนกัน

สุดท้ายเซเวนจบลงที่พระเอกที่เป็นตำรวจ

พ่ายแพ้ต่อด้านมืดคนเขียนต้องไปหามาดูนะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Lilyrum ที่ 18-11-2014 09:28:40
เป็นเรื่องที่หน่วงจิตหน่วงใจมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 18-11-2014 09:44:51
จะจบยังไงนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 18-11-2014 11:27:40
จะจบดีไหมเนี่ยยยย อยากให้จบดีอ่ะ อยากให้ทุกคนมีความสุข
ตอนนี้มันจะเศร้าไปแล้ว( i _ i )
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-11-2014 20:29:02
โอยยยย  จะเป็นลม   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 18-11-2014 20:58:00
อ๊ากกกกกก *ทึ่งหัวตัวเอง*
รู้สึกสงสารทั้งสามคน
เข้าใจความรู้สึกเลียม เจย์เดย์ คาร์เรย์นะ
แต่สามคนนี้ไม่เข้าใจกันหรออออออ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 20-11-2014 23:25:15
เพิ่งเห็นว่าว่าอัพแล้ว TwT
โอ๊ยย เลียมม พ่อพระเอกกก  :sad4: :sad4: :sad4:
#ทีมเลียม 55555555555
เชียร์เลียมมาตั้งแต่แรกๆค่ะ จนตอนนี้ก็ยังเชียร์อยู่...
อย่างน้อยเลียมก็รักเจย์เดนมากจริงๆ TwT
อยากเห็นเลียมสมหวัง 555555555555
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-11-2014 05:46:15
ดีค่ะดี..พังกันให้หมดเลยค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 21-11-2014 13:07:37
ยากจริงๆ .....ยากที่จะเป็นไปได้ สู้ๆนะ o13 o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.16 : “ผมทำไม่ได้!” p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 21-11-2014 21:14:23
เหมือนจะเป็นโศกนาฏกรรมความรักสินะ เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 24-11-2014 18:34:58
   Chapter 17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย”

ทุกอย่างกำลังพังจริงๆ

หลังได้ยินคำนั้น ผมทำอะไรไม่ถูก พยายามห้ามปรามเลียม แต่อีกฝ่ายก็ปีนกลับออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง สายโซ่รั้งผมเอาไว้ ฉุดรั้งราวย้ำเตือนว่าผมไม่มีวันออกไปจากโคลมตมนี้

ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคาร์เรย์กลับมา

“ที่รัก เป็นอะไรไป”

เลียมพูดถูก คาร์เรย์ไม่รู้เรื่องที่เขาแอบเข้ามาสักนิด

“ร้องไห้ทำไมครับ หือ” เสียงหวานอย่างปลอบประโลมนั้นทำให้ผมยิ่งร้องไห้หนัก ผมกอดเขา ซุกกับอกของเขา หวังให้ไออุ่นของความรักอันบิดเบี้ยวนี้ช่วยบรรเทาความร้าวรานในใจ คาร์เรย์ตกใจเล็กน้อย แต่ก็กอดผมตอบ พลางลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนเหลือเกิน

ผมควรจะทำยังไง

ผมอยากเตือนคาร์เรย์ อยากบอกว่าเขาพลาดแล้ว เลียมมีหลักฐานบางอย่างในมือ แต่ไม่รู้ว่าคาร์เรย์จะเชื่อผมมั้ย ขนาดคำที่เขาต้องการฟังจากผมที่สุด เขายังไม่แม้แต่จะให้ผมเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ!

ทุกอย่างมันพังทั้งหมด...

และหากพูดออกไป เขาต้องรู้ว่าเลียมมาหา ถึงตอนนั้นเขายังจะละเว้นเลียมอีกหรือ ถ้าเขาไปฆ่าแม่ของเลียมอีกล่ะ...ไอ้เด็กเวรนั่นต้องแทบเป็นบ้า คลุ้มคลั่งกว่าเดิม กัดไม่ปล่อยแน่แท้

มันพังไปหมด...

แต่ถ้าไม่พูด คาร์เรย์ก็จะถูกไล่ต้อน ผมรู้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยผมหรอก แต่ถ้าตอนนั้นเมื่อกฎหมายตามเจอ เขาจะขัดขืนได้ยังไง เลียมที่เตรียมการณ์ดีขนาดนี้จะยอมให้ผิดพลาดอีกครั้งงั้นเหรอ

พัง...

“ที่รัก?”

อ่า...ผมควรจะทำยังไงดี

ผมสะอื้นไห้ ในอกอัดอั้นเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเอง

ทำไมทุกอย่างเป็นแบบนี้กันนะ ทุกครั้งที่คิดว่าพอแล้ว ทำใจได้แล้ว ยอมรับได้แล้ว เป็นต้องมีบางสิ่งทำให้พลิกกลับ! ตัวผมไม่เคยสมหวังสักครั้งเลยหรือไง ทำไมต้องเป็นแบบนี้ตลอด!!

“เรา...หนีไปกันดีมั้ย”

ผมไม่โทษคาร์เรย์ ฉะนั้นผมจึงไม่โทษเลียม

“หนีไปที่ที่ไม่มีใครตามเจอ หนีไปกันแค่สองคน...”

“ที่รัก” คาร์เรย์ดึงตัวผมออก มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ “คุณจะให้ผมทิ้งบริษัทงั้นเหรอ คุณรู้ดีที่สุดนี่ว่าผมพยายามแค่ไหนเพื่อมาจุดนี้ ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่ออยู่กับคุณ เพื่อสร้างฐานะให้คุณยอมรับ!”

เพราะผมเป็นคนบอกกับเขาเอง

บอกกับเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน และนั่นทำให้อีกฝ่ายมุ่งมั่นขนาดนี้

เพราะ...ผม

“พอแล้ว...” ผมมองท่าทางเกือบจะคลุ้มคลั่งของคาร์เรย์ด้วยความรู้สึกปวดหนึบไปทั้งใจ “ฉันพอแล้ว...ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงคนรักเข้มขึ้น บางทีคงคิดว่าผมเองก็ไม่ต้องการเขา

“ฉันมีนายก็พอแล้ว...” ผมพูดออกมาจากใจ “หนีไปกันเถอะ ไปให้ห่างจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา...”

“ที่รัก คุณเป็นอะไร” คาร์เรย์บีบไหล่ผมแน่นจนเจ็บ “ทำไมจู่ๆ ถึงพูดแบบนี้ คุณพยายามจะหนีผมไปอีกใช่มั้ย จะให้ผมปล่อยคุณ แล้วคุณจะฉวยโอกาสนั้นหนีไปใช่มั้ย!”

น้ำตาที่เกือบจะเหือดแห้งกลับไหลออกมาอีกครั้ง

ผมยกมือปิดตา ส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนจะผละจากคาร์เรย์ไปทิ้งตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเตียง...กลับไปสู่ที่ของผมราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

หูแว่วเสียงปาข้าวของอย่างเกรี้ยวกราด คาร์เรย์ไม่รู้จะเอาอารมณ์ไปลงที่ไหนจึงได้ทำแบบนี้ เขาสบถอีกสองสามคำ ก่อนจะปิดประตูดังปังและเดินกระทืบเท้าออกไปเพื่อสงบสติ

อ่า ทำไมมันถึงได้กลับตาลปัตรขนาดนี้นะ

ผมซุกหน้ากับหมอน ร้องไห้จนเจ็บคอไปหมด ชั่วขณะหนึ่ง คำพูดของเลียมปรากฏขึ้นมา

‘ให้มันพังไปทั้งแบบนี้นั่นแหละ!!’

นั่นสินะ...ในเมื่อไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ทุกอย่างก็ผิดเพี้ยนไปหมด ถ้าอย่างนั้น...

ก็ปล่อยให้มันพังไปเถอะ!!



เลียมไม่มาหาผมอีกเลย

คงเพราะเขาตั้งใจแน่วแน่แล้ว แต่มันกลับทำให้ผมกลัว...กลัวจนนอนไม่หลับ กังวลว่าเขากำลังตามหาหลักฐานได้ถึงไหน เขาจะจับคาร์เรย์จริงๆ หรือ เพียงแค่นึก...ผมก็กลัวไปทั้งใจ โทษของคาร์เรย์หนักหนานัก หากเชื่อมโยงไปยังคดีก่อนๆ คนรักของผมคงไม่พ้นโทษประหาร

คาร์เรย...จะตายงั้นเหรอ

ผมหนาววาบไปทั้งตัว ซุกเข้าไปกอดคนรักซึ่งนอนตะแคงเคียงข้างกัน แม้จะทะเลาะกันหนักขนาดไหน แต่คาร์เรย์ไม่เคยทิ้งผมให้นอนคนเดียว เขายังคงโอบประคอง ตะกองกอดด้วยความรัก แม้ว่าบางทีผมจะถูกความบ้าคลั่งนั้นทำร้ายจนเจ็บไปทั้งกายก็ตาม

“ที่รัก?” คาร์เรย์ซึ่งหลับสนิทรู้สึกตัว ตลอดทั้งเย็นเขาไม่ยอมพูดกับผม อาจเพราะยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมรู้...รู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาเผลอให้ความคลุ้มคลั่งครอบงำ หลังจากนั้นคนที่เสียใจที่สุดก็คือคาร์เรย์

เพราะเขารักผมมากเหลือเกิน...

“คาร์เรย์”

“ครับ?” อาจเพราะความง่วงงุน คนรักจึงขานตอบอย่างใสซื่อน่าเอ็นดูราวลืมเลือนเรื่องเมื่อเย็นเสียสนิท มันทำให้ผมชั่งใจ...ว่าควรจะถามออกไปดีหรือไม่นะ

แต่ช่างเถอะ

มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมยังต้องกลัวมันพังไปกว่าเดิมอีกหรือไง

“เมื่อเจ็ดปีก่อน...นายพูดกับฉันว่าถ้าหากเจอกันแล้วฉันปฏิเสธ นายจะทำอะไรเหรอ”

มันค้างคาในใจผมมานานเหลือเกิน แต่ที่ไม่กล้าถามมาตลอด เพราะกลัวว่าเขาเข้าใจผิดคิดว่าผมจะปฏิเสธ

ผมไม่เคยพูดคำนั้นออกมา...แม้จะเจ็บปวดใจแค่ไหน ถูกเขาทำร้ายเพียงใด ผมก็ไม่เคยพูดคำนั้นออกมา

แต่ในเมื่อวันนี้มันก็แย่พอแล้ว ผมก็ขอบ้าให้ถึงที่สุดเถอะ

เพราะคำตอบที่พยายามนึกมาตลอดนั้น มีแต่คำว่า...

“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก” คาร์เรย์เอ่ยเสียงเบา ความง่วงงุนเลือนหาย แต่น่าแปลก เพราะเขาไม่ยักโมโหอย่างที่คิด “ผมบอกแล้วว่าจะไม่ให้คุณตาย...ที่รัก”

ดวงตายามทอดมองเคียงกันนั้นช่างวาบหวามจนน่าใจหาย

อยากเก็บช่วงเวลาแบบนี้ไว้เหลือเกิน

“ทำไมล่ะ...”

ผมเคยคิด คิดมาตลอดว่าหากถึงวันที่ผมไปจากคาร์เรย์จริงๆ เขาต้องฆ่าผม...ฆ่าด้วยความรักอย่างที่เขาเคยทำกับครอบครัวแน่ๆ แต่ว่า...มานึกดูดีๆ คาร์เรย์ไม่มีท่าทีจะฆ่าผมเลย ตอนที่ให้เลือกระหว่างเขากับเลียม ก็เป็นตัวผมเองที่เสือกตัวเองเข้าไปในกองไฟ ทั้งที่เปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์นั้นแท้ๆ แต่คาร์เรย์ก็พาผมกลับมาที่บ้านหลังนี้...กักขังผมไว้ไม่มีทีท่าจะฆ่าทิ้งเสียให้ตาย

“เพราะคุณไม่ให้ผมตาย” คาร์เรย์ขยับยิ้ม ดวงตาทอดหวาน ราวกำลังนึกถึงอดีต “ผมจำคุณได้ทุกอย่าง จำตอนที่คุณอุ้มผมขึ้น ช่วยใช้แขนบังไฟจากทางขวา...”

อีกฝ่ายแตะปลายนิ้วบนต้นแขนผมแผ่วเบา

“จำได้ดี...คุณบอกผม ร้องบอกด้วยเสียงหวาดหวั่น บอกอย่างแน่วแน่ราวคำสัญญา...ร้องบอกว่า...”

“...ฉันจะไม่ให้นายตาย” ผมครางในลำคอ ความทรงจำเมื่อเจ็ดปีก่อนหวนคืน ที่แท้คาร์เรย์ก็จดจำผมไว้ตั้งแต่แรกพบ นึกดูแล้วผมให้คำมั่นกับเขามากมายแค่ไหนกันนะ “แล้วทำไมตอนฟื้นนายถึงไม่ยอมคุยกับฉันล่ะ”

“เพราะผมนึกว่าคุณแค่ทำตามหน้าที่” คาร์เรย์ขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้ผมนอนตะแคงหนุนแขนเขาอย่างสะดวกสบายขึ้น “ผมคิดว่าคุณคงแค่มาดูแล้วก็กลับไป ไม่มีพันธะอะไร แต่พอนานวันเข้า...ผมก็รู้ว่าคุณมาเพราะเป็นห่วงผมจริงๆ”

   คาร์เรย์ไล้ปลายนิ้วบนริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน

“ผมจึงเชื่อ...เชื่อทุกคำพูดของคุณ”

แต่ผมกลับไม่เคยจดจำคำเหล่านั้น

“มันเป็นความทรงจำที่มีค่า ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีผมก็ได้แต่คิดถึงคุณ รู้ตัวอีกครั้งก็รักมากเหลือเกิน”

แต่ผมกลับไม่เคยบอกรักเขาสักครั้ง

แถมยังเหยียบย่ำจิตใจ จนเขาไม่อาจยอมรับความรักผมได้อีก!

“ที่รัก...” คาร์เรย์เรียกผมเสียงอ่อนหวาน “ผมยังเชื่อ...คำพูดของคุณได้อยู่มั้ย”

เสี้ยวนาทีนั้น น้ำตาที่แห้งเหือดไปนานพลันปลื้มปริ่มอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าไม่มีทางเสียแล้ว แต่สุดท้ายคาร์เรย์กลับมอบโอกาสให้ผม

“ได้...ได้สิ” ผมพูดแทบไม่เป็นคำ เสียงปลอบโยนของคาร์เรย์กระซิบใกล้ เขาจูบซับน้ำตาให้ผม ไล้จากโหนกแก้มมาที่หางตา ก่อนจะกดจูบหนักๆ บนหน้าผากด้วยความรักไม่แปรเปลี่ยน

“งั้นพรุ่งนี้ผมจะสะสางงาน แล้วจะเอาสถานที่สวยๆ มาให้คุณเลือก จากนั้นสักสองสามวัน เราจะหนีไปด้วยกัน”

“อืม...”

ผมดีใจจนแทบขานตอบไม่ไหว เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคาร์เรย์ที่ไม่ได้ยินมานานเหลือเกิน

“เรามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งนะครับ”

“อืม...”

ผมพยักหน้าถี่รัว นึกในใจว่าอย่างน้อยทุกอย่างก็ยังไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป

อาจเพราะการพูดถึงอดีต ทำให้คาร์เรย์นึกไปถึงความรู้สึกที่เขามีต่อผมในครั้งแรก ความรักยามนั้นช่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น หลงใหล ไร้ซึ่งความคลาดแคลง ช่วยชำระล้างจิตใจที่เกือบจะถึงขีดสุดของผมและเขาให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง

คืนนั้น...ผมกับคาร์เรย์คุยกันตลอดทั้งคืน

เราพูดถึงอดีต พูดถึงเรื่องราวยามที่เราสองห่างเหินกัน คาร์เรย์รู้เรื่องของผมหมดแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นตัวเขาที่เล่าเจือแจ้ว บอกว่าตอนเพิ่งย้ายแรกๆ นั้นคิดถึงผมมากแค่ไหน ต้องปรับตัวกับแม่บุญธรรมและเพื่อนบ้านแค่ไหน ต้องขยันขนาดไหน ต้องพยายามถึงเพียงไรเพื่อมาถึงจุดนี้

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย...”

คาร์เรย์ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดูนัก

“ไม่ได้หรอก ถ้าผมไม่มาเจอคุณในช่วงที่มั่นใจว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมที่สุด เกิดคุณปฏิเสธขึ้นมาก็แย่น่ะสิ”

คำถามนี้ทำให้ผมนึกหวนได้ว่ายังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธ นายจะทำยังไง...”

คาร์เรย์เพียงยิ้มจางให้ผมเท่านั้น

“ลืมมันเถอะครับ เพราะอีกเดี๋ยว เราจะมีกันสองคนตลอดไป”



“พ่อกับแม่ของผมเป็นคนเข้มงวดมาก”

วันต่อมา หลังกลับมาจากทำงานคาร์เรย์ก็ยอมเปิดปากถึงอดีตก่อนจะเจอผมเป็นครั้งแรก

“เขามักเปรียบเทียบผมกับพี่สาวเสมอ เพราะว่าผมตรงกันข้ามกับเธอทุกอย่าง เธอเรียนเก่ง แต่ผมกลับสอบตก เธอเก่งกีฬา แต่ผมกลับอ่อนแอ เธอเล่นดนตรี แต่ผมกลับอ่านโน้ตไม่เป็นซะด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เธอเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ผมก็ถูกบังคับให้ทำตามจนไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขณะที่เธอประสบความสำเร็จทุกอย่าง”

คาร์เรย์นอนบนตักผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง

“ผมไม่มีความสุขเลย น้อยใจถึงขนาดเคยถามว่าพวกเขารักผม หรือรักตัวผมที่ต้องเป็นแบบพี่สาวกันแน่ แน่นอนว่าพวกเขาบอกรักผม พี่สาวเองก็เข้ามาโอบประคอง ร้องบอกว่าผมคงเครียดเกินไป แต่ผมรู้ดีว่าในใจพวกเขานึกดูถูกผม พ่อกับแม่เองก็ผิดหวัง ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายที่ห่างกับลูกสาวแค่หนึ่งปีถึงได้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”

ผมนั่งฟังเงียบๆ พลางลูบศีรษะเขาอย่างปลอบโยน

“ผมเองก็ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจนโกรธตัวเองว่าทำไมถึงได้เกิดมาแบบนี้ แต่พอคิดได้...คำตอบที่ออกมาก็เพราะพ่อกับแม่ของผมไม่ใช่หรือ พ่อกับแม่ทำให้ผมเกิดมา บางที ถ้าผมเกิดก่อนพี่สาว ทุกอย่างอาจกลับตาลปัตรก็ได้ ถ้าอย่างนั้น...คนที่ผิดก็คือพวกเขา ไม่ใช่ผม”

คาร์เรย์ยังคงเล่าด้วยเสียงราบเรียบ ราวกับว่าแม้ในตอนนี้เขาก็ยังคงคิดเช่นนั้น

“ผมจึงหาซื้อยานอนหลับจากอินเตอร์เน็ต ใช้บัตรเครดิตของแม่ อ้างว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่สาว ใช่...วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ วันที่ควรจะเป็นวันเกิดของผมต่างหาก ผมวางยานอนหลับลงในเค้ก จากนั้นไม่นานพวกเขาก็หลับคาโต๊ะ ผมลอบยิ้ม เดินไปที่ห้องครัว เลือกสรรว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อให้เขาไปสบายที่สุด เพราะในเมื่อพวกเขาไม่รักผม ทั้งที่เป็นคนให้กำเนิดโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์เลือก...งั้นผมจะเป็นฝ่ายเลือกความตายให้พวกเขาเอง”

คาร์เรย์ลอบยิ้มเมื่อนึกถึง หากแต่ในสายตาผมกลับเห็นความโศกเศร้าแฝงในนั้น

“ผมเลือกมีดที่แม่เคยใช้แล่บ่อยๆ ในงานเทศกาล จากนั้นก็เริ่มจากการปาดคอพี่สาว แม่ และพ่อ...เลือดสีแดงเลอะตัวผมเต็มไปหมด ตอนนั้นผมหัวเราะ...หัวเราะเพราะนับจากนี้จะไม่มีคนเปรียบเทียบผมอีกต่อไป จะไม่มีคนที่ผมรักคนไหนมองผมด้วยสายตาไม่ต้องการอีก”

คาร์เรย์เงียบไปอึดในหนึ่ง ดวงตาวูบไหว หากแต่ผมคล้ายกับได้ยินเสียงในใจของเขา

รักผมสิ! ทำไมถึงโหดร้ายขนาดนี้ ไม่เห็นหรือ...ผมพยายามขนาดนี้ ผมทำเพื่อคุณขนาดนี้...ทำไมถึงไม่รักผม!!

ราวเสียงกรีดร้องในใจของคาร์เรย์ชำแรกผ่านดวงตาที่จ้องผมอย่างนิ่งงัน ผมจึงหลั่งน้ำตาเงียบๆ...ร้องไห้แทนคนรักที่ไม่อาจหลั่งออกมา เพราะตัวผมเองก็ถูกคนที่รักมากทอดทิ้งอย่างไร้ค่าเช่นเดียวกัน

“หลังจากนั้นผมก็คิดได้...” คาร์เรย์เล่าต่อด้วยเสียงสั่นเครือ “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมคงถูกจับแน่ ฉะนั้น...ผมจึงเดินไปเปิดแก๊สในครัว รอจนกระทั่งกลิ่นเหม็นโชยมาถึงใกล้ทางออก จึงจุดไฟแชคของพ่อ จากนั้น...”

จากนั้นก็ระเบิด ตัวของเขากระเด็นไปกลับเข้าไปด้านในและถูกไฟลุกลาม ตอนนั้นผมกำลังเข้าเวรกะดึกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จึงเข้าไปช่วยได้ทันท่วงที แต่ถึงอย่างนั้น แขนขวาและแผ่นหลังของเขาก็ถูกไฟลามจนเป็นรอยแผลฉกรรจ์ ส่วนตัวผมที่อุ้มเขาพาดไหล่ซ้าย ก็ใช้ร่างกายซีกขวาบุกตะลุยออกมา กว่าจะพ้นมาได้ก็เล่นเอาสำลักควันและได้แผลเกียรติยศ

“จากนั้นผมก็ได้พบคุณ”

คาร์เรย์เอื้อมมือช่วยเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา

“คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย...คุณยังต้องการผมใช่มั้ย เจย์เดน”

“ใช่ ฉันจะอยู่กับนาย ฉันต้องการนาย” ผมแนบหน้ากับฝ่ามือกร้านของเขาอย่างเต็มใจ ความถูกต้องคืออะไร ความผิดคืออะไร ทั้งผมและเขาต่างรู้ดี พวกเราต่างเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มนุษย์กลับมีสัญชาตญานในการปกป้องตัวเองสูงเหลือเกิน

พ่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด จึงฆ่าตัวตาย

เพื่อนรักพ่อปกป้องตัวเองจากความผิด จึงขู่ผมทั้งที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม

ตำรวจผู้ใหญ่นั้นปกป้องตัวเองจากความผิดบาป จึงโยนโทษให้ผมรับเสียแทน

เพื่อนรุ่นพี่ปกป้องตัวเองจากการโดนลูกหลง จึงได้แต่เอาอกเอาใจเจ้านาย

เบรดปกป้องตัวเองจากความรักที่หมดสิ้น จึงเลือกที่จะให้ผมเป็นของเขาตลอดกาล

แม้กระทั่งเลียมเอง...ก็ปกป้องตัวเองจากความรู้สึกผิดกับรักแรก จึงเลือกที่จะทำทุกทางเพื่อให้ผมเป็นอิสระ

แล้วตัวผมล่ะ

ผมเองก็ปกป้องตัวเองจนปิดใจกับทุกสิ่ง แต่มันไม่จำเป็นอีกต่อไป

“ลืมอดีตทั้งหมดเถอะ จากนี้ไป ทั้งฉันและนาย...จะไม่ต้องเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว”


------------------------

“...ฉันจะไม่ให้นายตาย”

เป็นคีย์เวิร์ดของเรื่องนี้ ที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างบังเกิดขึ้น และเป็นชื่อตอนในบทแรกของเรื่องนี้ค่ะ  o18
ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ตอนหน้า...เป็นตอนสุดท้าย คิดว่าหลายๆ คนคงเดาตอนจบได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มาร่วมติดตามไปถึงตอนสุดท้ายกันเถอะนะคะ ^ ^

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 24-11-2014 18:54:31
งืออออ จะจบแล้วว ตอนจบหวังแต่ว่าเราจะเดาผิดละกัน  :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-11-2014 19:19:48
ไม่เดาหรอก   :laugh:   

(เพี้ยนไปละ)
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 24-11-2014 19:48:22
;_________;
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วสงสารคาร์เรย์แปลกๆ
แต่ก็ยังแอบเชียร์เลียมอยู่(?)
แม้ความหวังจะริบหรี่มาก  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-11-2014 20:36:22
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยจ้า

ไกล้จบแล้วสุดท้ายไม่อยากให้จบแบบหดหู่เลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: LadyGreaz ที่ 24-11-2014 21:52:50
รอตอนต่อไปนะคะ

อยากใหเจย์เดนลงเอยกันคาร์เรย์นะเออ(ถึงแม้ว่าเลียมจะดีก็เถอะ)

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 24-11-2014 23:08:14
จะจบแล้วหรอออ :o12:
ในที่สุดคาร์เรย์ก็เย็นชากับเจย์เดย์น้อยลงสะที :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 25-11-2014 07:03:22
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 25-11-2014 08:13:30
เดาได้หลายแง่มาก เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปดีกว่าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 25-11-2014 09:54:05
ขอให้เหตุการณ์ร้ายๆอย่าเกิดขึ้นเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 25-11-2014 10:56:30
เลียมยังไม่เลิกอีกเหรอ พอได้แล้วนะเลียมเอ๊ยยย กลับไปหาขวัญซะ #ผัวะะ #ไม่ใช่ขวัญเรียม
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-11-2014 09:53:40
อ่านแล้วนอนไม่หลับอยู่2คืน กลัวถูกคาเรย์ฆ่าอะ 55555 (นี่พูดจริงนะ-*-)

อยากให้จบแฮปปี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 06-12-2014 08:00:37
ตอนจบหนี ถ้าหนีเลียมรอด ก็แฮปปี้ แต่ถ้าไม่ก็โศกากันเลยล่ะทีนี้

จะรออีก 2-3 ให้เลี้ยมมาจับพวกแกหรืออย่างไรกันเล่า โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย

แต่ว่านะ คาร์เรย์เข้าใจเจย์เดนสักที ดีๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 06-12-2014 10:12:00
ขอ HAPPY ENDING เถิดด
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 06-12-2014 10:32:05
จะจบยังไงน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.17 : “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 07-12-2014 17:37:22
ไม่มีสูตรสำเร็จ นอกจากยอมรับสิ่งที่ชีวิตนำมาให้

ขอให้ทุกคนรัก โดยไม่แอบเจือปนสิ่งอื่นลงไปในนั้น
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 07-12-2014 18:48:41
Chapter 18 : “ตลอดไป”

ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง

“ไปกันเถอะ ที่รัก”

โซ่ที่ล่ามขาถูกปลดออก พร้อมตะกอนในใจที่ถูกลบเลือนเสียสิ้น

ราวชีวิตถูกพลิกอีกครั้ง

หากแต่เป็นการเริ่มต้น...ที่ดีเหลือเกิน

“นายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแน่นะ” ผมถามคาร์เรย์ที่เป็นฝ่ายถือกระเป๋าเดินทางสองใบด้วยสีหน้ามีความสุข ราวกับว่าเขาได้ระบายความในใจทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น

เปรียบเสมือนลูกนกที่เพิ่งออกจากเปลือกไข่ครั้งแรก

ทิ้งเศษซากเหล่านั้นเอาไว้ แล้วเริ่มออกบินไปด้วยกัน

“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเป็นเรื่องของคุณแม่ผมเข้าใจดี แถมยังยกหุ้นให้ผมส่วนหนึ่ง ฉะนั้นต่อให้เราไม่มีกิน ก็ยังมีเงินจากการปันผลไม่อดตายแน่นอน”

“นายบอกเรื่องฉันยังไงกันน่ะ” ผมข้องใจมานานแล้วครับ ว่าทำไมแม่บุญธรรมของคาร์เรย์ถึงยอมตกลงทุกอย่างง่ายดายขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าหมอนี่ไปขู่อะไรไว้หรอกนะ

“ผมบอกว่าคุณคือชีวิตของผม ถ้าไม่มีคุณ ก็ไม่มีผมเหมือนกัน” คาร์เรย์ว่าพลางเดินเข้ามาจูงมือผมพาเดินลงบันไดไป “ผมพูดเรื่องจริงนี่นา จริงมั้ยครับ”

ผมยิ้มรับ นั่นสินะ หากผมไม่ช่วยเขาออกมา คาร์เรย์ก็คงตายไปแล้วจริงๆ

เป็นอีกครั้งที่ผมดีใจเหลือเกินกับรอยแผลเป็นเกียรติยศนี้

“แล้วท่านยอมรับง่ายๆ เลยเหรอ”

“แน่นอนว่าไม่” พลันคาร์เรย์ฉีกยิ้มบางด้วยดวงตาประกายวาว “ผมเลยพูดเป็นเชิงว่าครอบครัวผมไม่ได้ถูกโจรฆ่าตาย แค่นั้นเธอก็ยอมแล้วล่ะครับ”

“...”

ผมพูดไม่ออก สุดท้ายก็ขู่จริงๆ ด้วยสินะ

“เอ๊ะ ได้กลิ่นอะไรรึเปล่า”

พอเดินลงมาข้างล่าง ผมก็ชักรู้สึกไม่ค่อยดีเอาซะเลย

“เหมือนกลิ่นแก๊ส...” คาร์เรย์พึมพำ เขาเดินเข้าไปดูในครัว ก่อนจะออกมาทำสัญญาณมือทุกอย่างปกติดี ความจริงผมก็คิดว่าน่าจะมาจากข้างนอกนะ เพราะกลิ่นมันจางๆ ไม่ฉุนมากเหมือนรั่วจากด้านใน

“คงเป็นบ้านอื่นล่ะมั้ง”

ไหนๆ ผมกับเขาก็จะย้ายออกไปแล้ว จึงตัดสินใจช่างมันแล้วกัน

“ไปกันเถอะครับ”

คาร์เรย์เดินนำไปด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ทันทีที่เปิดประตู เสียงปืนสองนัดพลันดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังลั่น

ตูม!!

แก๊สระเบิด!

แรงปะทะจากด้านหน้าทำให้ผมและเขากระเด็นเข้ามาด้านในพร้อมกับความร้อนคุ้นเคยจากเปลวไฟที่ลามไล้จากด้านนอกและหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ผมสำลักไอ รู้สึกจุกเสียดเพราะกระแทกเข้ากับกระเป๋าเดินทางเต็มๆ แต่ไม่ทันจะยันตัวลุก กลับมีมือหนึ่งใช้ชุดป้องกันไฟคลุมตัวผม ก่อนจะฉุดกระชากให้ตามไปอย่างรวดเร็ว

“เลียม!!”

ผมเรียกคนคนนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายเหลือเกิน

ในมือของเขาถือปืน...

“คาร์เรย์!!” ผมพยายามกลับเข้าไปด้านใน แต่ไม่ว่าจะสะบัดมือหนีแค่ไหนเลียมกลับไม่ยอมปล่อยผม เป็นความดึงดันอย่างที่เขาเคยฟาดศีรษะให้ผมสลบแล้วแบกออกมานั่นแหละ

แต่ว่า...คาร์เรย์...ถูกยิง!!

ผมหันไปมอง หากแต่ควันไฟโชยอย่างรวดเร็วจนแสบตา เห็นไม่ชัดนักว่าคาร์เรย์กระเด็นไปอีกฝั่งใกล้กับห้องครัว นอนหงายเลือดไหลอาบพื้น...

เขาถูกยิงสองนัด...ที่ขาหนึ่งนัด และที่หน้าอกอีกหนึ่งนัด!

นี่มันตั้งใจจะฆ่าให้ตายเลยไม่ใช่หรือ...

“นายยิงทำไม!!”

ผมกระชากแขนเสื้อเลียม ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เขาพาผมออกไปง่ายๆ แต่เรี่ยวแรงของคนที่นอนกับเตียงมาตลอดทั้งเดือนจะไปสู้อีกฝ่ายได้ยังไง ในเวลาไม่นานเลียมก็ลากผมออกมาสำเร็จ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองและของผมออก ทำให้เห็นว่ารอบกายของผมตอนนี้ถูกโอบรอบไปด้วยเจ้าหน้าที่คุ้นตา

“โทษของคาร์เรย์หนักขนาดที่วิสามัญได้ทันทีหากขัดขืน ทุกคนล้วนเป็นพยานได้”

“แต่เขาไม่ได้ขัดขืน!”

“ถ้าคุณจะหนีมา เขาก็ต้องไม่ยอมอยู่ดี!!” เลียมตอบพลางกำข้อมือขวาผมแน่น ไม่ยอมปล่อยให้วิ่งกลับเข้าไปง่ายๆ ทั้งที่อยู่ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่มากมาย แต่เขาในตอนนี้กลับตะโกนบอกความจริงออกมาโดยไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย

ความจริง...ที่ว่าผมมีคนรักเป็นฆาตกร และเลียมก็รักผมที่เป็นเช่นนั้น!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ

ทำไมทุกอย่างถึงต้องกลับตาลปัตรด้วย ทั้งที่...ทั้งที่ผมกับคาร์เรย์จะเริ่มต้นใหม่แท้ๆ!

“นายทำเกินหน้าที่ไปแล้ว เลียม”

“ทุกคนเข้าใจว่าผมอาจใส่อารมณ์ไปบ้างเพราะพ่อผมถูกเขาฆ่าตาย!!” ไอ้เด็กเวรว่าพลางยิ้มร่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่บางคนเริ่มถอยห่าง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น บางที...คงเพราะมนุษยสัมพันธ์ของเลียมที่ทำให้ทุกคนรัก...เหมือนกับเบรด จึงทำให้ทุกคนล้วนอยู่เคียงข้างและปกปิดความผิดให้อย่างเต็มใจ

“แล้วทำไมต้องฆ่ากันด้วย!”

“เพราะถ้าเขาไม่ตาย เขาก็จะไม่ยอมปล่อยคุณ!!” เลียมตะคอกผมกลับ ใบหน้าซึ่งสะท้อนแสงไฟของเปลวเพลิงนั้นจ้องผมเขม็ง ด้วยไหวพริบของเลียมคงรู้ได้ไม่ยากว่ากระเป๋าเดินทางที่กระแทกตัวผมจนจุกนั้นหมายความว่ายังไง “คุณปฏิเสธผม แต่กลับไปกับเขา...”

มือที่กอบกุมผมแน่นสั่นสะท้าน

“เจย์เดน คุณโหดร้ายไปแล้ว คุณกำลังจะทิ้งผม ไปอยู่กับฆาตกรอย่างนั้น ทำไมถึงไม่เข็ดสักที!!”

“เพราะเขารักฉัน!!” ผมตะโกนใส่พร้อมหมัดซ้ายต่อยหน้าเลียมเต็มแรง อีกฝ่ายป้องกันไม่ทันจึงสะบัดหงายไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยผมไป “เพราะเขารักฉัน รักมาก ได้ยินมั้ย!”

“แต่ผมก็รักคุณ!!” เลียมหันกลับมาตอบทั้งที่ใบหน้าช้ำไปครึ่งซีก “ผมรักคุณ...รักมาก!!”

“มันไม่ใช่...เลียม” ผมกุมขมับ ปวดหัว...คลื่นไส้ อยากอาเจียนเหลือเกินที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้

มันพัง...พังไปหมดแล้วจริงๆ!

“อะไรคือไม่ใช่!!” ไอ้เด็กเวรคุมตัวเองไม่อยู่ “เพราะผมไม่ใช่ฆาตกรใช่มั้ย เพราะผมไม่ได้ทำให้คุณเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าใช่มั้ย เพราะผมไม่ได้ขังคุณไว้ใช่มั้ย!!”

“เพราะฉันไม่ได้รักนาย!!” ผมตะโกนจนแสบคอไปหมด “จะให้พูดอีกกี่ครั้ง...เลียม เพราะฉันไม่ได้รักนาย!!!”

“แต่คุณก็ไม่ได้รักคาร์เรย์เหมือนกัน!!” เลียมตะโกนเสียงดันไม่แพ้กัน “เพราะคุณเป็นแบบนี้ ผมถึงตัดใจไม่ได้สักที เพราะคุณ...เพราะคุณ!!”

ใช่ ทั้งหมดมันเพราะผมนั่นแหละ

จุดเริ่มต้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพราะผมทั้งนั้น

เจย์เดน เวอแกนคงไม่มีวันได้มีความสุขจริงๆ!

ผมยิ้มขื่น อยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่เสียงที่ออกมากลับสั่นพร่าแทบควบคุมไม่ได้

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉันคงบอกได้เต็มปากว่าไม่ได้รักคาร์เรย์” ผมเอ่ยเสียงเบา แต่รู้ดีว่าเลียมย่อมได้ยินชัดเจน  “แต่ในตอนนี้...”
มือที่ไอ้เด็กเวรกอบกุมผมแน่นสั่นสะท้าน บางทีสิ่งผมควรพูดให้อีกฝ่ายตัดใจ คงเป็นคำตอบเดียวกับที่คาร์เรย์ต้องการฟังมาตลอด

“ขอโทษนะ เลียม”

ผมถือโอกาสเหวี่ยงแขนบิดมือเลียมขึ้นจนหลุดออก ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับเข้าไปทันที เลียมร้องเรียกผม ตะโกนด้วยเสียงร้าวรานไม่ต่างกับที่คาร์เรย์เคยเรียกหา ทุกอย่างช่างผิดเพี้ยนเหลือเกิน ทั้งที่พยายามเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่ว่าจะทำอีกกี่ครั้งก็ไม่อาจหลีกหนีได้เสียที ต่างก็แต่ครั้งนี้ผมทิ้งเลียมไว้ข้างนอก และเลือกที่จะไปหาคาร์เรย์ด้วยความตั้งใจจริง

ผมวิ่งเข้ามาด้านใน พบว่าเลียมไม่ได้ตามมา แต่กระนั้นควันไฟก็โขมงเต็มไปหมดจนผมแสบตา

   โชคดีที่คาร์เรย์ติดตั้งระบบป้องกันไฟไหม้ไว้ด้วย ไฟด้านในจึงไม่ลามเร็วนัก ผมโล่งใจเหลือเกิน แม้เสียงกริ่งดับเพลิงจะดังสนั่นจนปวดหูไปหมด พร้อมกับน้ำเย็นช่ำช่วยบรรเทาเปลวเพลิงโหมกระพือ แต่สิ่งที่ผมดีใจนักคือเห็นคาร์เรย์ยังมีชีวิตอยู่

ใช่ เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า...

“ที่รัก...”

เสียงร้องแหบแห้งพร้อมสำลักควันดังแผ่ว

“ที่รัก...ที่รัก”

ก่อนออกไป ผมเห็นเขานอนหงาย หลังกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง อีกทั้งยังโดนยิงจนเลือดอาบ แต่ในตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น...

เขากำลังคลานมาหาผม ไม่สิ เขาพยายามคลานไปทางที่ผมถูกเลียมลากออกไปต่างหาก!

“ที่รัก...ที่รัก”

แม้จะแผ่วเบาแค่ไหน แต่เสียงนั้นไม่ต่างจากการกรีดร้อง มันเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด เศร้าโศก หมดสิ้นความหวัง แต่กระนั้นก็ยังร้องเรียกออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากหัวใจ

ภาพของคาร์เรย์ที่พยายามฝืนคลานไปกับพื้นนั้นทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งกาย ตอกย้ำความจริงว่าผมควรทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อตอนนี้...ข้างนอกมีเลียมและเจ้าหน้าที่หลายนายห้อมล้อม ทุกคนล้วนพร้อมใจจะลั่นไกสังหารคาร์เรย์!

สังหารคนรักของผม

คนรักที่เป็นฆาตกรซึ่งรักผมมากคนนี้

“คาร์เรย์...”

“ที่รัก!”

เมื่อเห็นผม เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดพลันเปลี่ยนเป็นเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแว่วหวาน

คาร์เรย์มองผมอย่างไม่เชื่อสายตา ผมเดินเข้าไปใกล้ และนั่นทำให้เห็นชัดว่าเขาไม่เพียงสำลักควันหรอก แต่เขากำลังสำลักเสียงสะอื้นของตัวเองด้วย เพราะตอนนี้ดวงตาสีสวยที่ผมชอบมองนั้นทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยน้ำใสล้นทะลักจนแทบดูไม่ได้ เขาร้องไห้อย่างหมดสภาพ ไม่เหลือคราบฆาตกรอีกต่อไป

หยาดน้ำตาที่ไม่เคยหลั่งให้ใครนั้น...

“ที่รัก...”

คาร์เรย์ยิ้ม...ยิ้มอ่อนโยนพลางยื่นมือมาให้ผม ยื่นมือมาให้ในท่าหมอบคลานที่พยายามไล่ตามผมแม้ว่าจะเคยยืนยันว่าคงทนไม่ได้หากผมหันหลังให้เขาอีกครั้ง

ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่เขาก็ยังให้โอกาส

อ่า...คนคนนี้ช่างรักผมมากเหลือเกิน

ผมทิ้งตัวนั่งคุกเข่าด้านหน้าคาร์เรย์ ก่อนจะวางมือทาบลงพลางกำชับแน่นด้วยน้ำตาที่ค่อยๆ ออกมาอย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
บางที...บทสรุปของเราทั้งคู่มันคงถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้น

คนที่ถูกทิ้งด้วยคนที่รักที่สุดอย่างเราสองคน ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันมีอนาคตที่ดี

“คาร์เรย์...”

“ผมรักคุณ”

เสียงของผมถูกขัดด้วยคำบอกรักที่ไม่ว่าจะพูดซ้ำกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน คาร์เรย์มองผมอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผมกลืนคำที่ตั้งใจจะเอ่ยไว้ในลำคอ อาจเพราะเขาก็รู้ตัวเองดี...รู้ดีว่าในสภาพเช่นนี้ต่อให้ออกไปได้ก็ไม่มีทางรอด

ไม่สิ เขาไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เขามองตอนนี้

...มีแต่ผมเท่านั้น

ผมไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ภาพของคาร์เรย์ที่อ่อนแอเหลือเกิน แต่ก็ยังร้องขอความรักจากผมนั้นช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่กระนั้นก็ช่างวาบหวามจนแทบสำลัก ผมมีความสุข...ตอนนี้ผมมีความสุขมากเหลือเกิน

“คาร์เรย์”

ผมดึงเขามากอดแน่น ให้ร่างครึ่งบนทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวเอง รู้สึกเลือดสีแดงสดหลั่งริน พร้อมประกายตาของคนรักที่เริ่มหม่นแสง แต่ถึงกระนั้นคาร์เรย์ก็ยังยิ้ม เขาพิงศีรษะกับซอกคอของผม พยายามกอดตอบด้วยความรักเหลือเกิน

“ผมนึกว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว...ผมนึกว่าคุณ...กับเลียม...”

คาร์เรย์สารภาพความในใจทั้งน้ำตาแห่งความสุข สุขใจที่ผมยังอยู่กับเขาตรงนี้ เลือกที่จะกลับมาหาเขา...เพราะบางที...เสี้ยววินาทีที่เขาถูกยิง คาร์เรย์ไม่เคยกลัวว่าตัวเองจะตาย แต่เป็นความกลัวว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของผม เพื่อหลอกล่อให้เขาปล่อยตัวแล้วหนีไปกลับเลียม

“ฉันขอโทษ...” ผมเอ่ยเสียงเครือ น้ำตายังคงไหลอย่างเงียบงันด้วยความเสียใจ

“ไม่เป็นไรที่รัก” คาร์เรย์เอ่ยเสียงพร่า อาจเพราะเสียเลือดมากเกินไป มือที่พยายามกอดผมไว้จึงเริ่มสั่นระริกราวกำลังฝืนตัวเอง “ผมเคยบอกคุณแล้ว...เมื่อเจ็ดปีก่อน...”

“ว่านายจะทำยังไงถ้าฉันปฏิเสธน่ะเหรอ...”

“ครับ” คาร์เรย์ยิ้มตอบ “ตอนนั้นผมบอกว่า ถ้าคุณยังปฏิเสธอีก ผมจะ...”

ผมรอฟังคำตอบที่อยากรู้มาเนิ่นนาน

“ผมจะปล่อยคุณไป”

จะยอมปล่อย...ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าไม่มีทางทำได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยอมพูดคำนั้นออกมา

เพราะรักผมมากเหลือเกิน

ผมจูบคาร์เรย์

จูบด้วยความรู้สึกทั้งหมด จูบด้วยคำขอบคุณ คำขอโทษ และ...

“ฉันรักนาย”

คำบอกรัก

นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เอ่ย แต่ผมพูดมาจากหัวใจจริงๆ ความรักของเราสองคนมันช่างบิดเบี้ยว มันผิดตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่กระนั้นก็ยังสานต่อมาถึงตอนนี้ อย่างน้อยผมก็ไม่เสียใจที่อย่างน้อยได้พบกับเขา...ได้รักเขา

คาร์เรย์ร้องไห้

แต่ไม่ใช่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเขากำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ ร้องไห้แม้เปลวเพลิงจะเริ่มลามไล่อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนน้ำเพียงเล็กน้อยจะไม่สามารถยับยั้งความร้อนแผดเผาได้อีกแล้ว

ทั้งที่ทรมานจนแทบหายใจไม่ออก แต่ความร้อนนั้นกลับยิ่งย้ำเตือนให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

“ที่รัก...”

ผมดึงคาร์เรย์เข้ามากอดอีกครั้ง รู้ดีว่านี่คงเป็นการกอดครั้งสุดท้าย

...ของเราทั้งสองคน

แต่น่าแปลก ที่ผมไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

“ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหน เราจะอยู่ด้วยกัน สองคน...แบบนี้”

คาร์เรย์ซบหน้ากับไหล่ของผม เอ่ยเสียงแหบพร่าเจือสะอื้นแผ่วเบา

“ตลอดไปนะ”

“ตลอดไป”

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Epilogue [end] p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 07-12-2014 18:54:07
Epilogue

เลียมยืนอยู่หน้าหลุมศพ

“สุดท้ายผมก็ถูกทิ้งจริงๆ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจย์เดนปฏิเสธเยื้อใยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เป็นตัวเขาเองที่ตามตื้อไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มคิดมาตลอด...คิดมาตลอดว่าขอแค่ยังได้เห็นหน้า ยังได้พูดคุย ยังได้บอกรัก ได้ทำอะไรเพื่ออีกฝ่าย ต่อให้ถูกทิ้งอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร

แต่ว่า...

นี่เป็นการ ‘ทิ้ง’ ตลอดกาล

“หึ...ถ้ามีปัญหากับคาร์เรย์อีก คุณจะมาซบอกผมไม่ได้แล้วนะ เจย์เดน”

เหมือนคนบ้าที่พูดกับตัวเองแบบนี้ แถมยังตัดพ้อกับคนตายแล้วอีกต่างหาก แต่ที่เหมือนคนบ้ายิ่งกว่า คือแม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย เขากลับได้แต่ยืนมองและปล่อยให้คนที่รักที่สุดตายในกองเพลิง

เลียมไม่อาจพูดได้เต็มปาก ว่าเขารู้ใจเจย์เดนดีเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้เขาถึงตัดใจไม่ได้สักที ชายหนุ่มเห็นมาแต่แรก ตั้งแต่วันที่คาร์เรย์จับมือกับเจย์เดนข้ามถนน วันที่สองคนนั้นได้พบกันหลังจากเจ็ดปีก่อน ได้เห็น...เจย์เดนที่มีความสุขเหลือเกินเมื่อยอมรับกับเขาตามตรง และได้เห็น...ความทุกข์ใจเงียบๆ ที่อีกฝ่ายพยายามปกปิด

‘ทั้งหมดเพราะคุณนั่นแหละ!’

ทว่าในเวลาสุดท้ายที่ควรเป็นคำลา เขากลับกล่าวโทษคนที่รักที่สุด

‘ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...

เพราะคุณ!!’

เลียมเตือนใจตัวเองเช่นนี้มาตลอด ทั้งที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหากเจย์เดนมีคนรักที่ดีกว่านี้ มีความสุขกว่านี้ เขาจะสามารปล่อยวางได้จริงๆ

ปัญหาแท้จริงน่ะ...คือเขาต่างหาก

เขาแพ้...พ่ายแพ้จริงๆ

ทั้งที่พยายามทำทุกอย่าง วิ่งเต้นจนได้รับความร่วมมือจากแม่บุญธรรมของคาร์เรย์ ทำให้สามารถสืบสาวได้ถึงคดีเก่าๆ ที่เจ้าตัวใช้นักสืบเพื่อหาข้อมูลก่อนลงมือด้วยตัวเอง ได้กระทั่งหลักฐานการเดินทางที่อีกฝ่ายเที่ยวตระเวนหาไปตามเกาะส่วนตัวต่างๆ ของเขาด้วยซ้ำ บางทีแม่บุญธรรมของคาร์เรย์คงเก็บเอาไว้...เผื่อในวันที่อาจต้องเป็นอย่างครอบครัวเก่าก่อนของลูกชาย เพื่อที่จะใช้ในการต่อรอง

ตอนเลียมรู้ว่าคาร์เรย์กำลังทิ้งทุกอย่าง และจองตั๋วเครื่องบินไปยังที่ที่หนึ่งราวปลีกวิเวกนั้น เขารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เขาอิจฉา...เลียมยอมรับว่าตนอิจฉา อิจฉาจนแทบตายที่เจย์เดนตอบรับข้อเสนอของอีกฝ่ายทั้งที่เขาเคยพูดออกมาเช่นนั้น เขาอิจฉา...จนสติเลือนหายเมื่อเห็นเจย์เดนพยายามดิ้นรนจากเขาเพื่อกลับไปหาคนรัก

เขาหลั่งน้ำตาออกมา มันช่างน่าอาย เพราะหลังจากคดีนี้เขาเองก็โดนพิจารณาโทษไม่น้อย ถูกลดขั้นจนเป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดา เพราะกระทำการอุกอาจเกินไปจนทำให้พลเมืองพลอยตายไปด้วย

อ่า...ไม่ใช่ ‘พลอย’ ตาย แต่ ‘เต็มใจ’ ตาย!

เขาอิจฉา...อิจฉาจนแทบบ้าเหลือเกิน!!

มันผิดเพี้ยนไปหมดแล้วจริงๆ!

“ผมขอโทษ...เจย์เดน”

คนที่เขารักมากมักพูดคำนี้เสมอ แต่ในยามนี้คงมีเพียงเขาที่ได้เอื้อนเอ่ย แม้มันจะสายไปมากแค่ไหนก็ตาม...

เลียมไม่เช็ดน้ำตา เพราะนี่คือสิ่งที่แสดงถึงความรักของเขา

เจย์เดนเคยพูดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคาร์เรย์รัก ‘มาก’ เกินไป

ถ้าอย่างนั้น...

“การที่นายไม่รับรักฉัน เป็นเพราะฉันรักนาย ‘ไม่พอ’ สินะ...เจย์เดน”

----------------------------

จบไปอย่างสมบูรณ์ค่ะ ความจริงไม่ถือว่าจบ Bad End สำหรับเรา ถือว่าเรื่องนี้จบแบบ Bitter Sweet มากกว่า นั่นคือแม้ว่าจะต้องตาย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจได้ตรงกัน เพราะสำหรับเรา ฆาตกรอย่างคาร์เรย์ หากสามารถลอยนวลออกไปได้ก็คงทำให้เรื่องไม่เรียลพอ การจบในจุดนี้ถือว่ายุติทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับเลียมเอง เพราะทำเกินหน้าที่ ก็ทำให้กลายเป็นแผลในใจไปโดยปริยายด้วย

ว่าแล้วก็มาคุยกันส่งท้ายเกี่ยวกับตัวละครสักนิดดีกว่า ^ ^

คาร์เรย์
- ตัวละครตัวนี้คือที่มาของชื่อเรื่อง นั่นคือ Murderer คนเราจะสามารถฆ่าคนโดยไม่มีความผิดชอบชั่วดีนั้นจะเป็นอย่างไรกัน? แน่นอนว่าคนคนนั้นต้องมีเหตุผลที่บิดเบี้ยวมากพอจะรองรับให้ตัวเองไม่รู้สึกรับผิดชอบกับการกระทำนั้น จุดเริ่มต้นของคาร์เรย์และเจย์เดนคือ"ความฝังใจ" เมื่อมารวมกับ "ความรัก" จึงกลายเป็นความรักที่มากเกินปกติ

ความจริงเราชอบคาร์เรย์มากนะคะ เพราะถือว่าเป็นตัวละครที่แม้เหมือนจะทำได้ทุกอย่างตามต้องการ แต่กลับยอมอ่อนกับเจย์เดนเอามากๆ ในตอนสุดท้ายที่บอกว่าจะยอมปล่อย ก็คือความรู้สึกจริงๆ เพราะยึดติดกับเจย์เดนเกินกว่าจะให้อีกฝ่ายจมปลักกับตัวเอง( แน่นอนว่าเจย์เดนต้องปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก่อน) แต่ถึงอย่างนั้น...อย่างที่เจย์เดนคิด ว่าคาร์เรย์ทำไม่ได้ ถึงเขายอมปล่อยเจย์เดนไปจริง แต่ทั้งชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็จะตามวนเวียนรอบตัวเจย์เดนอยู่ดี เพราะคาร์เรย์คนเก่าได้ตายไปตั้งแต่เจ็ดปีก่อน และคาร์เรย์คนนี้คือคนที่มีอยู่เพื่อเจย์เดนเท่านั้นเอง


เจย์เดน - เป็นตัวละครที่ดราม่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ เท่าที่เคยเเต่งมา เเต่งไปสงสารไป น้ำตาซึมไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่ชอบมากๆ เช่นกัน ความจริงเจย์เดนไม่ใช่คนเสียสติหรือวิปลาสอะไรเลย แต่เพราะปมในอดีต ทำให้เจย์เดนเสียความเชื่อมั่นในทุกสิ่ง และต้องการความรักที่มากเกินปกติ เป็นความรักที่มากพอจะทำให้ "เชื่อ" ได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คาร์เรย์มี

ในตอนแรกเจย์เดนยังไม่รู้สึกรัก แต่เป็นการโอนอ่อนเพื่อที่จะมีใครสักคนอยู่เคียงข้างได้โดยไม่กลัวถูกหักหลัง ความรู้สึกของเจย์เดนค่อยๆ พัฒนาทีละนิด จนกลายเป็นความรัก แต่รักนั้นก็ยังไม่ถึงครึ่งที่คาร์เรย์มอบให้เขาด้วยซ้ำ ซึ่งในตอนจบ เจย์เดนที่มีปมถูกทิ้งมาตลอด ก็ตัดสินใจที่จะไม่ละทิ้งคาร์เรย์...เขาจะทำแบบนั้นกับคนที่รักเขายิ่งกว่าชีวิตตัวเองได้ยังไงกัน


เลียม - นับเป็นตัวละครที่ปกติธรรมดาที่สุด เลียมเป็นลูกตำรวจใหญ่ ทำให้ถูกกดดันเพื่อมารับสายอาชีพนี้ต่อจากพ่อ เมื่อมาเจอเจย์เดนที่ดูแหกคอกแต่วันแรก จึงกลายเป็นความประทับใจ และเมื่อพยายามศึกษาอีกฝ่าย ก็พบว่ากลายเป็นความชอบอย่างหนึ่งที่ไม่อาจละสายตาไปเสียแล้ว สำหรับเลียม เจย์เดนคือคนที่คล้ายต้องการใครสักคนตลอดเวลา และเขาก็อยากเป็นคนคนนั้น น่าเสียดาย ที่ความรักของเลียมนั้นเเม้จะทุ่มให้หมดหัวใจ แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับคาร์เรย์ และไม่ใช่ความรักที่เจย์เดนต้องการซะด้วย

หากให้เปรียบเทียบ คงเป็นคำตอบของเลียม ที่สามารถตายแทนเจย์เดนได้ แต่สำหรับคาร์เรย์ เขาจะไม่มีวันให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ใครที่จะทำอันตรายกับเจย์เดน เขาจะกำจัดทิ้งเสียก่อน! เป็นคำตอบที่ต่างกันสุดขั้ว แต่สำหรับเจย์เดนแล้ว เขาไม่ต้องการเหตุผลหรือความผิดชอบชั่วดี เพราะชีวิตเขาไม่เคยมีสิ่งนั้น เขาต้องการเพียงคนที่เดินเคียงข้างกัน มากกว่าความรักที่เสียสละของเลียม เพราะถ้าสูญเสียมากกว่านี้ ตัวเจย์เดนเองก็ยากรับไหวแล้วเช่นกัน...


สรุปแล้วเรารักหมดทุกตัวค่ะ <3  ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้จนจบ เป็นอะไรที่เราทุ่มไปหมดหน้าตักจริงๆ และหวังว่าทุกท่านจะยอมรับกับบทสรุปในรูปแบบนี้นะคะ //แอบเสียวๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: vermillian ที่ 07-12-2014 19:16:47
ยอมรับว่า ถึงจะเป็นจบแบบ bitter sweet แต่กลับรู้สึกว่าโอเคกว่าหนีรอด แล้วไปอยู่ด้วยกันสองคนค่ะ เพราะถึงยังไงคนที่ถูกกำจัดไปก็ไม่น้อยอยู่ดี แล้วรู้สึกตะหงิดๆ มากกว่าค่ะ หง่า ความเห็นส่วนตัวนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-12-2014 19:24:41
วิจารณ์ไม่เป็น
รู้แต่ว่าชอบ
และการที่จบแบบนี้มันลงตัวสำหรับเรา
ชอบดราม่าเป็นทุนเดิมด้วย5555
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 07-12-2014 19:27:37
เรา"ชอบ"บทสรุปแบบนี้นะคะ สำหรับเรามันคือHappy Endที่สุดแล้ว
ทั้งคู่เปิดหัวใจ ยอมรับกัน ได้บอกรัก ได้จูบ ได้กอดกันแม้วินาทีสุดท้ายของชีวิต ได้มีความสุขจนสิ้นลมหายใจ..
เราคิดไม่ออกแล้วว่าหากไม่จบแบบนี้อย่างไรถึงจะเรียกว่าHappy ให้ทั้งคู่ได้หนีรอดเหรอ..
อยู่กันไปใช่ว่าเลียมจะปล่อยไปง่ายๆ ดราม่าอีก
เราว่านี่ล่ะค่ะจบดีที่สุดในความคิดเรา
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่รังสรรค์เรื่องราวดีๆมาแบ่งปันกัน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: Maria_safe ที่ 07-12-2014 19:30:35
ถึงกับถอนหายใจเลยหลังจากอ่านจบ ยังดีที่เข้าใจกันในตอนสุดท้ายก่อนตาย
อันที่จริงก็คิดไว้แต่แรกแล้วล่ะค่ะว่าอย่างคาร์เรย์กับเจย์เดน คงไม่สามารถจะทำให้จบแฮปปี้เอนได้
ที่น่าสงสารคงเป็นคนที่มีชีวิตอยู่มากกว่า สงสารเลียมนะเหมือนจะต้องอยู่กับปมตรงนี้ไปตลอดชีวิต
จอรอติดตามผลงานเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 07-12-2014 19:32:30
 :o12: เราแอบคิดไปว่าจากการกระทำที่ผ่านมา
ของคาร์เรย์ บทสรุปคงจะไม่แฮปปี้เท่าไหร่
แล้วก็จริงๆด้วย
แต่ก็น่ะ ทั้งคู่ได้ไปอยู่ด้วยกันแล้ว
เหลือแค่เลียม ที่คงจมอยู่กับทุกสิ่ง

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้น่ะค่ะ
คุณเขียนดีมากเลย ทำให้เราอินไปกับเรื่องราวทั้งสามคน
ถ้าไม่รบกวน เรื่องหน้าขอจบแบบมีความสุขน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 07-12-2014 19:42:23
อ่านไปน้ำตาไหลพรากไป  ชอบนะคะสำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่จิตดี  ขอบคุณในความเไฟนื่อยที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านกันนะคะ   ขอเรียกร้องตอนพิเศษโลกหลังความตายของเจเดนกับคาเรย์ค่ะ .
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-12-2014 19:46:06
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
จบแบบนี้เหมาะสุดล่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-12-2014 19:49:35
ร้องไห้เลย :mew4:
ไม่รู้จะซึ้งหรือเศร้าดี เราก็ทำใจมาตั้งแต่ช่วงแรกๆแล้วว่าอาจจะจบแบบนี้ แต่พอถึงเวลาจริงๆก็ทำใจไม่ได้อ่ะ :hao5:
เลียมคนดื้อ นายน่าสงสารที่สุด เพราะคนตายไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่คนเป็นอย่างนายก็จมอยู่กับความรู้สึกผิดหวัง โศกเศร้าไปอีกนานเลยนะ :z3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่แต่งนิยายให้อ่าน จะรอเรื่องต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 07-12-2014 19:51:45
จบแล้วว :hao5:  ถึงจะเศร้าไปหน่อย  แต่คิดว่าจบแบบนี้ก็ดีแล้วจริงๆค่ะ  ทั้งคาร์เรกับเจย์เดนในที่สุกก็ได้อยู่ด้วยกันซักที

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านกันค่ะ  :mew1: :pig4:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 07-12-2014 20:13:04
 :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 07-12-2014 20:20:00
สงสารเลียมง่ะ เราอวยเลียมมาตลอด ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้
แต่น้ำตาไหลเลยตอนคาเรย์บอกจะยอมปล่อยเจย์เดนไป โอ๊ยย
ทำไมคะแนนแกมานำเอาตอนสุดท้ายวะคาเรย์ ;____;
เราชอบตอนจบแบบนี้นะคะ  มันเป็นอะไรที่ไม่เศร้าที่สุด แต่ก็ไม่ได้มีความสุขกัน(?)
เลียมก็คงต้องทนทุกข์ต่อไปกับความผิดของตัวเอง
ส่วนคาเรย์กับเจย์เดนเหมือนได้ชดใช้บาป(?) บาปที่เกิดจากความรัก 5555555
โอ๊ยยยย หดาหกสดกาห ;____;

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-12-2014 20:22:17
Murderer คนเราจะสามารถฆ่าคนโดยไม่มีความผิดชอบชั่วดีนั้นจะเป็นอย่างไรกัน?

แนะนำเรื่องDexter สามารถให้คำตอบข้อนี้ของผู้เขียนได้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดสำหรับคอเดียวกัน ถ้ากล้าพอ

 :pig4: สำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ ชอบที่จบแบบนี้



หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ปังอุ่น ที่ 07-12-2014 20:37:11
จบได้ดี  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: วิบวับ ที่ 07-12-2014 20:39:58
พอจะเดาออกมาพักหนึ่งว่าต้องจบแบบนี้
แต่ก็ยังเศร้า อ่านไปน้ำตาไหลไป :hao5:

แต่จบแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 07-12-2014 21:10:05
จบแบบนี้เหมาะดีนะ

แม้ว่าเศร้าไปหน่อยก็เถอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 07-12-2014 21:20:02
ok ok ok  :mew6:

น้อมรับตอนจบค่ะ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คาดมากนัก

แฮปปี้ในหนึ่งระดับ แอบเคืองเลียมแต่ก็เข้าใจด้วยและ  :mew2:

สุดท้ายนี้ ..ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค้าา :3123:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 07-12-2014 21:31:29
งือออออ สุดท้ายก็..จริงๆสินะคะ  :hao5
ยังยืนยันคำเดิมว่าสงสารเจย์เดนสุดแล้ว เวลาต้องการความรัก ไม่ว่าจะไขว่คว้ายังไงก็ไม่ได้มา แต่พอไม่ต้องการกลับยัดเยียดมาซะได้ แต่เราก็เข้าใจแหละว่าแต่ละคนย่อมมีเหตุผลและมุมมองที่ต่างกัน ยังไงก็เคารพการแต่งของคุณนักเขียนเสมอค่ะ <3 อย่างน้อย bitter sweet ก็ดีกว่า bad ending ล่ะว้าา 555
ปล.เรื่องนี้จบแล้วงั้นขอรอเรื่องใหม่เลยนะคะ *-* ชอบ และ ประทับใจในงานเขียนชิ้นนี้มากค่ะ ^-^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 07-12-2014 21:58:28
ตามติดเรื่องนี้มายาวนานมากๆ น่าจะตั้งแต่ตอนปิดเทอมกระมัง ตั้งแต่เริ่มจะเขียนนิยายอย่างจริงจัง จนได้เขียนจริงๆ

บอกตามตรงนี่เป็นเรื่องในไม่กี่เรื่องที่เดาทางในตอนต้นและกลางเรื่องไม่ถูก แต่เหตุฉไนคนเขียนทำให้เราเดาทางถูกในบทจบ นี่เดาไว้เลย หากหนีเลียมไม่รอด ตายทั้งคู่ๆ ไม่ว่าคารเรย์จะถูกวิสามัญ หรือเจย์เดนป้องกระสุนแทนไม่ก็ยิงตัวเองตายตาม กับอีกอันคือ หนีกันได้แบบฉิวเฉียดไปสวีทแฮปปี้ นับว่ามีภูมิต้านทานที่ไม่ร้องไห้เลยทีเดียวเชียว หรือเพราะอ่านไปกินของหวานไป ฮ่าๆ

ชอบเรื่องนี้มากๆจริงๆนะ เป็นเรื่องที่แบบจุดประกายความฝันให้อยากเขียนนิยายแนวทำนองนี้เลย มีการฆาตรกรรมอะไรแบบนี้ มีลุ้นตลอด และก็ชอบคาร์เรย์มมากจริงๆ ชอบผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวรัก ทำให้ได้หมดทุกอย่าง แกร่งกล้า แต่อ่อนโยนชอบมากจริงๆ พิมพ์ไปแล้วน้ำตาจะไหลแฮะ ฮ่าๆ คงจะเหงาเนอะไม่มีเรื่องนี้มาให้อ่าน ถ้าคนเขียนจำรวมเล่มจะซื้อนะเพราะชอบมากจริงๆ แม้ตอนจบจะเดาถูกก็เถอะ ฮ่าๆ

รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่แบบรอมานาน พอคนเขียนมาต่อแล้วบอกว่า "จะจบแล้วนะคะ ตอนหน้าจบแล้วนะคะ" มันเหมือนแบบถูกตัดจบเลยแฮะ แต่พอบวกลบกับความสอดคล้องเนื้อเรื่องก็ยังชอบอยู่ดี เพราะโครงเรื่องคงมาแบบนี้และการดำเนินเรื่องมันก็ลื่นไหลไม่มีสะดุดเท่าเรื่องที่เคยอ่านแบบตัดจบมา(อันนั้นคือรู้เลยว่าจบเพราะตัดจบ) ถือว่าจบสวยทีเดียว ที่เรารู้สึกผิดหวังคงเพราะรอมานานมากๆ พอมาต่อแล้วก็จบเลยล่ะมั๊ง

เราชอบภาษา การดำเนินเรื่อง การปล่อยจุดไคล์แม็กซ์ การสร้างบรรยากาศ การให้เหตุผลที่ลงไปในตัวละครและเนื้อเรื่องมากเลยนะ ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป กระชับแบบพอดีอ่าานแล้วลื่นไหลเห็นมโนภาพตามไปได้ ไม่ได้ใช้คำสะดุดตาอย่างเช่นคำวิบัติ อันนี้ชอบ 10 คะแนนให้ 9 อีก 1 คะแนนขอเก็บไว้เพราะ "รอคนเขียนมาต่อน๊านนาน พอต่อสองสามตอน จบ น้องอยากอ่านแบบยาวนานกว่านี้ฮ๋าๆ" ก็ประมาณนี้แหละหนา โดยรวม จะแนะนำเรื่องนี้หากมีคนมาถามหานิยายวายกับเรานะ ถ้ารวมเล่มจะถ่ายประกาศให้โลกรู้ว่า "เรื่องนี้สนุก ซับซ้อน ซ่อนความเก่งดี ไปอ่านซะ" พร้อมแฮชแท็ก #อ่านซะจะได้ลุ้น #เรื่องดีไปอ่าน #นิยายวายแนะนำ ฮ่าๆ

คิดถึงแย่เลย ไว้ว่างๆจะกลับมาอ่านอีกรอบนะครับ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: Buppha ที่ 07-12-2014 22:11:05
 :hao5: เอ็นดิ่งแบบพีเรียด โฮกกกกก  :hao5: ชอบมากนะ รักคาร์เรย์กับเจย์เดนที่สุด  :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 08-12-2014 10:39:55
แง้ อะไรอ่ะ เราร้องไห้เลยอ่ะ ทำไมถึงรักกันมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ควรจะมีความสุขกันแต่มันเหมือนผิดพลาดตั้งแต่แรกแล้วก็ผิดพลาดเรื่อยๆๆๆ
ความรักของคาร์เรย์มันเยอะมากจริงๆ  เฮ่ออขอบคุณมากจริงๆนะคะที่แต่งมาให้อ่าน ชอบมากเลย><
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ohho99 ที่ 08-12-2014 10:43:59
ชอบบทสรุปจบแบบนี้ค่ะ สำหรับเราถือว่าจบแบบแฮปปี้นะ
ทั้งคู่ได้เข้าใจและอยู่ด้วยกันตลอดไป
แม้ว่าจะแอบสงสารเลียมก็ตามค่ะ 555


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: karnalone ที่ 08-12-2014 11:23:49
รวมเล่มมั้ยคะ? ถ้ารวมเล่มเราจะซื้อค่ะ

เราชอบทุกตัวในนี้ ฉากจบแบบนี้เราว่าเพอร์เฟ็คแล้วค่ะ เพราะจบแบบอื่นมันดูไม่ยุติธรรมกับตัวละครต่างๆ เท่าไหร่เหมือนกัน
ตัวที่ชอบที่สุดคือเจย์เดน รองมาคือคาร์เรย์ เข้าใจเจย์เดนพอสมควร ดังนั้นฉากสุดท้ายเราคิดว่าสมควรแล้วที่เป็นแบบนั้น
สงสารเลียม...ไอ้หมอนี่ติดบ่วงเพราะตัวเองแท้ๆ สุดท้ายก็แทบจะว่างเปล่า เป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดที่ไม่ควรเข้ามาอยู่ในบ่วงนี้เลยจริงๆหลังจากนี้ชีวิตของเลียมเองคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความบริสุทธิ์ตงฉินนั่นคงมีการเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน
คนที่มีชีวิตอยู่คือคนที่เจ็บปวดที่สุด...นี่คือความคิดของเราในเรื่องนี้

คุณแต่งออกมาได้เยี่ยมมาก มากจริงๆ เราเพิ่งเจอเรื่องนี้แต่ก็อ่านรวดเดียวแบบหยุดไม่ได้ นี่มันใช่มาก เรื่องนี้มันมีความเรียลอยู่และเราชอบมาก คุณวางปมเยี่ยมนะ อย่างเรื่องที่คาร์เรย์ฆ่าทุกคนในบ้าน อันนี้นี่พาอึ้งมาก มันแบบฉีกมาก ชอบที่ทุกตัวละครไม่ได้ดีหรือเลวบริสุทธิ์ ทุกตัวมีความบิดเบี้ยวของความเป็นมนุษย์อยู่ในนั้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนนี่คือเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นแล้วถูกถ่ายทอดผ่านงานของคุณ

สุดยอดมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 08-12-2014 12:00:27
ยอมเลยกับการจบแบบนี้
สุดท้ายฆาตกรก็ไม่รอด แม้จะมีเหตุผลดีแค่ไหน ฆาตกรก็ยังเป็นฆาตกรอยู่ดี
แต่ก็ยังดีที่มีคนรักมากตายด้วยกันในอ้อมกอด

สุดท้ายเลยต้องมานั่งสงสารเลียม เหงาคนเดียว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 08-12-2014 15:29:48


หน่วงจิตจริงๆ

ไม่มีอะไรจะบอกเลย

แบบว่านะ....

อย่างน้อยคนรักก็ได้อยู่ด้วยกัน(จนวินาทีสุดท้าย)

แม้จะจบแบบนี้ก็ตาม

แต่ก็ไม่เศร้าจนเกินไป(รึเปล่า)

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: bonuses ที่ 08-12-2014 16:31:21
เราชอบคาร์เรย์
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 08-12-2014 23:43:31
สนุกมากๆเลยคะ
เราชอบเรื่องนี้มากๆ และตอนจบก็ถือว่าดีมากด้วย
คนแต่ง แต่งได้ดีมากสื่ออารมณ์ของเรื่องและตัวละครได้เข้าใจ
บทสรุปก็รู้สึกว่าเลียมสมควรได้รับจากการกระทำของตัวเองแล้ว และอย่างที่คนเขียนบอกถ้คาร์เรย์รอดไปได้ก็ไม่ดูเรียลสักเท่าไหร่ 55555

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้มาได้อ่านนะคะ
รอติดตามผลงานต่อๆไปค่า o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: LadyGreaz ที่ 09-12-2014 00:28:16
อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนแรกๆก็สงสัยอยู่นะว่าคนแต่งจะจบเรื่องยังไง
จะแต่งให้สมหวังแฮปปี้เอนดิ้งก็ไม่น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้เพราะพระเอกฆ่าคนมายหลายคนแล้ว
จะจบลงด้วยนายเอกคู่กับเลียมก็ไม่น่าใช่(เพราะเราเชียร์คาร์เรย์ 55+)

เรื่องนี้เราชอบตอนจบนะอ่านมาจนถึงตอนจบแล้วมันไม่ได้จบแล้วอารมณ์เราก็จบ(แบบไม่เศร้าจนจนไปไม่เป็นทั้งวันอะ)
พอเราอ่านจบแล้ว ถึงแม้ว่าว่าพระเอกกับนายเอกจะตาย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตาย แต่เราก็รู้สึกว่ามันยังมีอารมณ์ละมุนๆ กรุ่นๆอบอวลอยู่ในใจเรา(เวอร์ละ แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริง)
เราชอบนะ  o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: vilaroly ที่ 09-12-2014 19:55:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 10-12-2014 01:26:57
จบได้ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-12-2014 13:09:01
เราว่าแล้ววว


เราว่าแล้วค่ะ กรี๊ดดดด


โฮรร  :z3:  :ling1:  :ling2:


ขอบคุณมากค่ะ


โฮร คาเรยยย์ น่ารัก เราชอบตัวละครตัวนี้มากจริงๆ ชอบมากๆ โอ๊ยพ่อหนู
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 10-12-2014 15:18:36
โครตชอบเรื่องนี้เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

เป็นเรื่องความรักที่ดูขมอมหวาน แต่ก็ทำให้ฟินได้เช่นกัน  :-[

ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นยังไง จะรักแบบไหน สุดแล้วแต่คือ รัก

เพราะรักคำเดียวเท่านั้น

ชอบคาร์เรย์สุดๆเลยอ่ะ เราว่าความรักแบบนี้ มันอาจจะดูน่ากลัว แต่ถ้าเราลองใช้ใจมอง ก็จะรู้ว่ามันก็คือความรักอย่างหนึงเช่นกัน

อยู่ที่ว่าคนมองจะมองแบบไหน ....

แม้ใจจริงเราอาจจะไม่อยากให้เรื่องจบแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

อย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้ปรับความเข้าใจ และเจย์เดนก็ได้บอกความในใจตัวเองออกไปแล้ว มันก็คือการจบแบบ happy endding

ของเรื่องราวความรักของทั้งคู่ แต่ที่ดูเหมือน bad end อาจเพราะเลียมก็ได้

เพราะไม่อาจได้เห็นคนรักอีกต่อไป และต้นเหตุก็คือตัวเขาเอง เฮ้ออออ สงสารก็สงสาร แต่จบแบบนี้ก็ดีแต่รังอยู่ไปเปล่าๆปลี้ๆ

ยังไงถึงเจย์เดนยังอยู่ ก็คงทำให้รักไม่ได้ แล้วก็ต้องนั่งทนเห็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองได้รักกับคนที่ตัวเองรัก

มองในมุมเลียมมันก็น่าอิจฉาจริงๆนั่นแหละ แต่ในเมื่อเค้ารักกันมาก่อน ต่อให้พยายามแยกออกมา ก็คงไม่ทำให้สมหวังอยู่ดี

ไหนๆก็จบแล้ว ก็ขอขอยคุณคนแต่งมากๆเลยค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆน่าประทับใจแบบนี้ให้ได้อ่าน

เรื่องที่ได้ทั้งแง่คิด และหลักความจริงในหลายๆด้าน ที่เราอาจจะมองข้ามไป ก็ได้เก็บกลับไปขบคิดเป็นเรื่องเป็นราว

เอาง่ายๆ ก็คือ ได้อะไรหลายๆอย่างจากเรื่องนี้มากเลยล่ะค่ะ ยังไงก็ขอให้แต่งนิยายได้เยอะๆนะคะ (มันขอให้ตัวเองรึเปล่า?)

รักน๊าาาา   :mew1:     :กอด1:    และ  :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 10-12-2014 18:09:30
ขอบคุณนักเขียนมาก
ชอบเรื่องนี้มาก

รักพระเอกมาก ทั้งที่โรคจิตขนาดนั้น แต่กลับรู้สึกว่าเป็นคนเก่งและเข้มแข็งมากพอดู
นายเอกเราสายตาเฉียบแหลมมาก และตัดสินใจด้วยความรู้สึกและได้คำตอบเดียวกับเราผู้อ่านเลย
ไม่ใช่เพราะเลียมไม่ดี แต่เพราะรักน้อยกว่าภายใต้จิตใจที่สัมผัสได้ของนายเอก นายเอกมองเห็นมันชัด
และมีความสุขในการเลือกหนทางชีวิต ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง

เป็นนิยายที่งดงามมาก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: zoochi ที่ 10-12-2014 20:11:23
ถึงนักเขียน

บอกตรงๆ ตอนเห็นชื่อเรื่องครั้งแรก ก็คิดแล้วว่า มันหน่วงแน่ๆ พยายามไม่อ่าน บอกตัวเองทุกครั้งจะไม่อ่านเด็ดขาด แต่พอเห็นมันเขียนว่าจบ!! เท่านั้นแระ หึ่ยยยย อ่านหน่อยก็ได้แฟร้ยยย  เพราะถ้าอ่านแบบติดตามไปทีล่ะตอน ตัวเองคงต้องลุ้นจนวันๆไม่เป็นอันทำอะไรแน่ จะพาลเกลียดเรื่องนี้ไปเลย

มันเป็นแนวที่ชอบมากกกกกกกกกกกกก+บวกไปอีกล้านคำ (เพราะลึกๆแล้ว เรารู้สึกว่าแนวนี้มันเป็นอะไรที่รู้ท้าท้าย (ไม่รู้จะใช้คำไหน) คนแต่งเขียนดีเว่อร์อ่านรอบเดียวจบ)

โดยส่วนตัวชอบพระเอกเรามาก น้ำตาจะไหล

ขอบคุณคนเขียนค่าา จบดีมากกกกก เพราะคิดว่าถ้าหนีไปคงยังมีต่อแน่ๆ แต่จบแบบนี้ อินใจมากค่าาา  o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: Panpearwa ที่ 11-12-2014 10:32:36
อ่านจบแล้วววววว ชอบตอนจบมาก ค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 11-12-2014 18:40:36
ตอนแรกก็หวังว่าถ้าคาร์เรย์ปล่อยเจย์แดนไป  ก็คงได้รักกับเลียม  ไม่งั้นก็สามพีไปซะ

แต่ที่สุดแล้วความเห็นแก่ตัวเองลึกๆของเลียม ก็ทำให้ทุกสิ่งผิดไปจากที่คิดทั้งหมด

เนื้อหาดีมากค่ะ  ตามอ่านตั้งแต่บ่าย. แอบอ่านในห้องเรียนด้วยล่ะ ทำเนียนกับเอกสารในไอแพดไปด้วย

ถ้ามีอีก จะติดตามต่อไป

อาาาาาา ชอบตอนจบแบบนี้จังเลย

 :ling1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-12-2014 22:50:45
อ่านแล้วแทบละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ
ตื่นเต้น ปวดใจไปกับทุกตอนเลย

จบแบบเศร้าสลดไปถึงขั้วหัวใจเลยแหะ
ทำไมคนธรรมดาคนๆหนึ่งถึงไม่สามารถมีความสุขกับความรักเล็กๆของเขาได้นะ
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 16-12-2014 00:28:31
จบสวยนะคะ
ก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะออกมาในรูปแบบนี้
แต่ก็ยังลุ้นๆว่าไม่ใช่
คาร์เรย์กับเจย์เดนเป็นคู่ที่ลงตัวที่สุด
เรื่องทุกอย่างเริ่มที่ความดำมืดของคาร์เรย์
และก็จบที่ความดำมืดของเลียม
เป็นเรื่องที่นำเสนอความดาร์คและความลุ่มหลงได้อย่างดีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร Up!! Ch.18 : “ตลอดไป” p.11 [จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 16-12-2014 23:03:15
T T ศพปลอมไม่ได้เหรอ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 19-12-2014 18:35:18
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากนะคะ วันนี้มีข่าวดีมาฝาก
นั่นคือ...( ทะเเด่นเด้นเเด๊น ) นิยายเรื่องผ่านการพิจารณาแล้วค่ะ!!!
กับสนพ.อะไรนั้นขออุบไว้สักนิด แต่ที่แน่ๆ คือคงได้เห็นข่าวดีกันเดือนก.พ.ปีหน้า เดือนแห่งความรักพอดิบพอดีค่ะ  :mew1:

ความจริงเรื่องนี้เอามาลงเเบบไม่คิดว่าจะผ่านด้วยซ้ำ เพราะตอนจบแบบนี้โดนปฏิเสธว่าไม่ใช่แนวของสนพ.กันหมด พอได้อ่านคอมเม้นท์ของหลายๆ ท่านเมื่อลงตอนจบ บอกได้เลยค่ะว่า "ปลื้มปริ่ม" ดีใจมากที่หลายเสียงเห็นด้วย เพราะกลัวจะรับไม่ได้ แต่ทุกคนเข้าใจตัวละคร เราก็ดีใจค่ะ พอดีกับข่าวดีวิ่งชน เป็นอะไรที่ดีใจมาก ขอขอบคุณทุกท่านจริงๆ นะคะ!!!  :heaven

ถ้ามีความคืบหน้าอะไร อย่างภาพหน้าปกหรือกำหนดการ จะมาเเจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:

หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 19-12-2014 23:42:00
จะซื้อ พูดเลยว่าจะซื้อ งื้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ayaki-o ที่ 19-12-2014 23:51:42
บอกตรงๆว่าไม่กล้าเม้นท์ ไม่รู้จะเม้นอะไร
ไม่มีอะไรจะพูด
ถ้าจะได้คำสั้นๆที่บรรยายความรู้สึกของการอ่านรวดเดียวได้ทั้งหมด..
ก้น่าจะเป็นคำว่า
"อิ่มเอม"

อิ่มเอมในที่นี้คืออะไรไม่รู้ แต่รู้ว่ามันเต็มตื้นและตอบโจทย์ไขทุกปม
เห้ย มันสวยอ่ะ มันสวยมากๆ ไม่รู้จะพูดอะไร (นี่คือไม่รู้จะพูดอะไรนะเนี่ย ฮ่าๆ)

เอาเป็นว่า ซื้อแน่นอนค่ะ
ถ้าไม่รังเกียจอยากให้ส่งข้อความทางทวิตเตอร์หรืออีเมลล์มาบอกหน่อย
ว่าส่วนมากอ่านในมือถือ มันจะไม่ล็อกอินทิ้งไว้
กลัวพลาดที่จะซื้ออ่ะค่ะ

แต่ไม่แน่ใจว่าสามารถทิ้งข้อมูลไว้ให้ได้ไหม
ทิ้งไว้หน่อยแล้วกัน
twitter : @chutikarnj
อีเมลล์ก็เป็นชื่อเดียวกัน และเป็นจีเมลล์ค่ะ

ขอร้องนะคะ ถ้าจะมีขายสรุุปว่าโอนอะไรยังไงวันไหนเท่าไหร่ บอกข้อมูลตามที่ทิ้งไว้ให้หน่อยนะคะ
ขอร้องงงงงงง
อยากได้มากจริงๆ แต่ไม่ค่อยได้เล่นในคอมอ่า ถ้าพลาดเราจะโกรธมาก
(โกรธอะไร?)

รบกวนด้วยนะคะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: loveryuichi ที่ 20-12-2014 00:36:41
เป็นเรื่องราวอีกเรื่องที่ดีมากค่ะ เป็นจุดจบที่ต่างออกไปจากเรื่องอื่นๆที่น่าประทับใจมาก
คนเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวละครดีมากค่ะ เนื้อเรื่องก็มีการวางปมที่ดี นับว่าเป็นนิยายที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

จะรอติดตามเรื่องราวเรื่องต่อไปของคนเขียนนะคะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-12-2014 01:13:35
ดีใจด้วยค่ะที่จะได้รวมเล่ม ตามซื้อแน่นอนค่ะ แจ้งข่าวความคืบหน้าให้ทราบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 20-12-2014 06:49:17
ชอบเรื่องนี้นะ ชอบมาก ชอบจากความแปลกของเนื้อหาก่อน
เพราะปกติก็ชอบอะไรจิตๆแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือการดำเนินเรื่องและพล็อตที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ
กลายเป็นปมทางอารมณ์และความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่าจะลงยังไงเพราะจะให้แค่ฆ่าไปเรื่อยๆ
มันก็คงไม่สมจริงและไม่มีประเด็นอะไรเท่าไหร่

ตัวละครในเรื่องนี้น่าสงสารมากทุกคน
กันเจย์เดนที่เหมือนโดนทำร้ายจนความคิดหลุดไปจากปกติก็น่าสงสารอยู่แล้ว
พอมาเจอเลียมที่ทำทุกอย่างเพื่อเจย์เดนก็สะเทือนใจ
เราประทับใจการบรรยายตอนที่เลียมพาเจย์เดนหนีมากๆ
ตอนที่เลียมพูดถึงความฝันแล้วโดนเจย์เดนกระชากกลับมา
มันทำร้ายจิตใจได้ดีมาก

ส่วนคาร์เรย์นี่เราไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมากจนตอนสุดท้ายนี่แหละ
อ่านแล้วเจ็บจี๊ดเลย
เรียกว่าเจ็บทีเดียวแต่ทำเอาแทบตายเลย
ตอนที่บรรยายว่าคาร์เรย์ร้องไห้หมดสภาพอยู่ในบ้านไฟไหม้
คือความรู้สึกที่ของคนที่รักหมดใจแล้วรู้สึกถูกหักหลัง บาดเจ็บและกำลังจะตายอยู่คนเดียว
โดยที่ทำอะไรไม่ได้ มันโคตรทรมาน

ยิ่งพอได้รู้คำตอบว่า ถ้าเจย์เดนยังปฏิเสธ ก็จะปล่อยไป มันยิ่งโดนสุดๆ

ประทับใจมากๆ แม้จะไม่ได้จบแบบ happy ending แต่จบแบบขมๆแบบนี้มักจะฝังใจกว่ามาก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 20-12-2014 12:17:16
จริงๆชอบ happy ending แต่อันนี้ก็ถือว่าเป็น happy ending พอได้ แอบสงสัยว่าถ้าเจย์เลือกเลียมช่วงกลางๆเรื่อง จะเป็นยังไงน้า

เขียนสนุกมากค่ะ ยังกะอ่านนิยายแปล เจ๋งมาก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Pearysera ที่ 23-12-2014 16:07:09
 :L1: เพิ่งรู้วิธีรีไพล์ค่ะ .-. เหอๆๆๆ
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ!!!
อยากแต่งให้ได้แบบคนเขียนมากเลยครับ
มีเคล็ดลับหรือวิธีการแต่งอะไรไหมคะ>< :katai5:
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
อยากพิมพ์ยาวๆแต่ไม่รู้จะพิมพ์อะไรดี55
ชอบพระ-นายเอกมากเลยค่ะ
คิดว่าจบอย่างมีความสุขแล้้วล่ะคะ
 o13
รักคนเขียนที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 23-12-2014 23:13:15
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ

เรื่องแบบนี้มันต้องอ่านรวดเดียวเพื่อความยุติธรรมกับตัวละครทุกตัว คนเขียนวางพลอตได้แยบยลมากค่ะ แล้วก็ค่อยๆคายออกมาทีละตอน ไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่ดราม่าหนักหน่วงดีจริงๆ

 พระเอกมีเสน่ห์ในการเป็นฆาตกรแบบสุดๆไปเลย ดำสนิทตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็แบบน่าหลงใหลมาก ทำทุกอย่างเพื่อนายเอกจริงๆ แล้วสุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ จบแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ เพราะถึงหนีไปได้เลียมก็ต้องตามล่าอีกอยู่ดี ไม่จบสิ้นเสียทีเนอะ

สมหวังแล้วนะ คาร์เรย์

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ^^
บวกให้เลยยยยย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 24-12-2014 01:43:17
เราคิดว่าคาเรย์น่ากลัวเพราะการกระทำแต่ในขณะเดียวกันก็น่าสงสาร
ปมของคาเรย์ที่ฆ่าคนในครอบครัวก็มาจากการเลี้ยงดูนั่นล่ะ
เปรียบเทียบ? ขาดการเอาใจใส่? มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มักจะถูกผู้ใหญ่มองข้ามไป
แต่รู้สึกพลิกอารมณ์ตอนที่บอกเจย์เดนว่าถ้าปฏิเสธแล้วจะปล่อยไป ซึ้งมากอ่ะ
รับรู้ถึงความรักที่มีให้จริงๆ ผมไม่รั้งคุณเอาไว้หรอก ประมาณนี้
ซึ่งสิ่งที่คาเรย์แสดงออกมาตลอดมันไม่น่าจะเป็นไปในทางนี้ได้
เราคิดว่าอาจจะทำอะไรกับนายเอกเพื่อไม่ให้หนี ไม่ใช่จะปล่อยไปแบบนี้

ตอนจบจะให้เจย์เดนมารักเลียมมันก็ไม่ใช่ เพราะเจ้าตัวก็ย้ำมาตลอดว่าคาเรย์รักตัวเองแล้วจะทิ้งไปได้ยังไง
แต่จะให้มาหนีไปอยู่กันได้สองคนมันก็ไม่ใช่ เพราะเลียมเองก็บอกจะให้มันพังไป
ถึงจะเศร้าไปหน่อยแต่มันก็โอเคดีนะ ดูเป็นการจบที่ความเศร้าและความเหมาะสมของเหตุการณ์มันไปด้วยกันได้
 
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อานไปแล้วรู้สึกจิตตก
แต่ก็อ่านต่อจนจบเลยนะ รวดเดียว ไหนๆอารมณ์มาแล้วก็เอาให้มันเต็มไปเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: VpupinaV ที่ 24-12-2014 14:37:37
ในที่สุดก็จบลงไปแล้ว เรื่องนี้เป็นหนึ่งในแนวที่ชอบมากๆ แม้ตอนจบจะไม่แฮปปี้ แต่ก็เป็นตอนจบที่ดีมากๆ เรียกน้ำตาได้สุดยอดอ่ะ ทำเอาร้องให้ซะเสื้อเปียกเลย :m15:
ถึงจะเศร้าแต่ก็มีความสุขมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ให้อ่านนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Emerald ที่ 24-12-2014 18:31:35
ไม่รู้จะเมนต์อะไรดีเลยค่ะ แต่ชอบมาก
ทีแรกสนใจเพราะว่าเป็นตัวละครและเหตุการณ์เป็นต่างชาติทั้งหมด
บวกกับชื่อเรื่องที่ว่าแฟนเป็นฆาตกรเลยกดเข้ามาดู
ปรากฎว่าอ่านไปเรื่อยๆก็ติดใจในความบิดเบี้ยวของแต่ละคน
การวางพล็อตแล้วผูกปมก็ดีไม่มีสะดุดเลยค่ะ ชื่นชมจริงๆ  :katai2-1:
คนเขียนสร้างหัวละครคือ "คาร์เรย์" ให้เป็นสีดำสนิท เป็นฆาตกรฆ่าคน
แถมยังฆ่าแบบไม่มีความรู้สึกสำนึกผิดด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้ไม่รู้สึกเกลียดเลย
แอบสงสารอีกต่างหาก ทั้งที่ความจริงแล้วถ้ามองแบบมุมคนธรรมดาคาร์เรย์นี่เลวสุดๆ
คืออินกับความรักของคาร์เรย์มาก เป็นแม่ยกคาร์เรย์ค่ะ (หัวเราะ)
ส่วน "เลียม" ให้ความรู้สึกแบบพระเอกที่โคตรพระเอก ใช้ชีวิตอยู่แบบผ่าเผยใต้แสงอาทิตย์
สดใสและอบอุ่น แวบหนึ่งแอบเผลอใจไปกับเลียม  แต่สุดท้ายก็เจอคาร์เรย์เล่นซะอ่วม (หัวเราะ)
เจย์เดนนี่เป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด ชีวิตพลิกผันเพราะน้ำมือของคนอื่น 
ในขณะที่ตัวเองแทบไม่เคยกำหนดอะไรได้เลยทั้งที่เป็นชีวิตตัวเอง
เห็นใจนะคะ สงสารตัวละครทุกตัว แบบอ่านแล้วเหมือนจะแตกจะพังตามตัวละครไปด้วยเลย
แต่ตอนจบก็ดีมากเลยค่ะ  ประทับใจ  มันคือแฮปปี้เอนดิ้งที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้แล้วค่ะ
ขอบคุณมากเลยนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน จุ๊บ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 24-12-2014 19:37:45
 :mew4: เฮ้อ ช่วงใกล้วันปีใหม่ดันมานั่งอ่านเรืองนี้ อ่านแระบีบหัวใจดีแท้ ต้องขอบอกว่า แต่งได้ ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 02-01-2015 14:01:07
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: lady_panko ที่ 11-01-2015 13:06:17
โอ๋ยย พี่น้อง หน่วงครับหน่วง ผมนี่น้ำตาไหลเป็นปี๊บเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 12-01-2015 23:57:18
มองผ่านอยู่หลายครั้ง จนตัดสินใจลองอ่าน ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

ขอบคุณมากค่ะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: comai0618 ที่ 17-01-2015 10:52:02
ชอบเรื่องนี้มากกกกก ฮรืออออออ แนวดาร์กที่ต้องการเลย หน่วงจิต ร้องไห้ :sad4: :sad4: :sad4:
เราชอบตัวละครทั้ง3คนเลย แต่ที่ปลื้มสุดคือเลียมนะ พ่อเลียมของชั้นนนน :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: natty.poko ที่ 29-01-2015 18:06:11
จบเศร้างะ งืออออ ถึงจะโอเค แบบ... เรารู้นะว่าจบแบบนี้คือโอเคที่สุดแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าอยากให้ทั้งคู่หนีออกไปได้ ตอนอ่านฉากที่คาร์เรย์กับเจย์เดนอยู่ในกองไฟ ที่คาร์เรย์ถูกยิง คิดตลอดเลยว่า... ทางลับที่ไว้หนีอยู่หนายยยย!!! เป็นฆาตรกรมันต้องมีทางลับไว้หนีดิ! ขนาดห้องลับยังมีเลย แล้วทางลับหนีอ่าาาาา แต่สุดท้ายก็ไม่มี.... ปวดตับ ไต ไส้ พุงงงง //หนีไปเปลี่ยนถ่ายอวัยวะแปป

เป็นนิยายที่สุดยอดมากๆ ทั้งเรื่องความสมจริงของเรื่อง ที่ตอนเจย์เดนถูกล่ามโซ่ ก็มีการเขียนถึงการแก้ปัญหาในการใช้ชีวิต เช่น เข้าห้องน้ำ กิน บลาๆ ซึ่งแนวรักตบจูบ จำเลยรัก ไม่มี... //พวกมุงไม่เข้าห้องน้ำกันเลยหรอออออ

สนุกมากเลยงับ! ขอบคุณที่แต่งจนจบนะ //วิ่งไปหานิยายไร้สาระมาแก้อาการปวดจิต รู้สึกช่วงนี้จะดาร์กมากไปละ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 07-02-2015 11:20:52
ThankS
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณอัง ที่ 08-02-2015 23:44:47
สุดยอดเลยค่ะ ชอบเรื่องนี้จัง
ทุกตัวละครดูสมเหตุสมผลจริงๆ
เราไม่ชอบดราม่า จบแบบเศร้าๆนะ แต่เราว่านิยายเรื่องนี้จบแบบนี้น่ะ มันดีมากเลย เราชอบจริงๆ

จะว่าดราม่าไหม ก็ไม่ใช่นะ มันหวานๆปนขมๆจริงๆนั้นล่ะค่ะ

ชอบอะะ คุณเขียนได้ดีมากเลย
ที่ชอบสุดๆคือความสมเหตุสมผลของตัวละครนี่ล่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆอย่างนี้นะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 09-02-2015 00:49:56
พออ่านจบ นี่น้ำตาไหลเลยไหลแบบพลั่ก ๆ รู้สึกได้ว่าคาร์เลย์ รักเจย์เดนมาก มากจริง ๆ ดีใจที่อย่างน้อยก่อนตาย ทั้งคู่ก็ยังคงเข้าใจกัน ไม่ติดค้างใจ เกลียดเลียม เกลียดมาก ดีนะกับการเป็นคนไม่ยอมแพ้ในเรื่องความรัก แต่ถึงขั้นดันทุรัง จนพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถือว่าแย่
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 10-02-2015 14:27:49
โอ้ เป็นการจบที่ดี รักมาก
ทำได้ทุกอย่าง
โอ้ ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 10-02-2015 22:57:44
เจย์เดนยังไม่เคยมีความสุขแบบจริงๆสักทีเลย
ทุกอย่างกำลังจะดี แต่เลียม.....
เฮ้อออออออออ เศ้าแป๊บ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 11-02-2015 00:05:31
เอาจริงเราเข้าใจคาร์เรย์นะ
มันเหมือนตลอดมาไม่มีใครยอมรับเขา
และเขาปิดตัวเองสมควรก่อนที่จะยอมรับเจเดน
แล้วยิ่งมีสัญญามาเกี่ยวข้องยิ่งยึดติดอะมันกลายเป็นฝังใจ
แต่ก็พร้อมที่จะปล่อยตอนที่เรารั้งเขาไม่ได้แล้วจะรั้งไว้ต่อให้เขาเกลียดเราแทบตาย
ยิ่งนึกถึงสัญญาเขาจะจำได้ไหมแล้วถ้าได้ทำไมยังไม่ทำตามสัญญา
แต่เรื่องนี้จบได้แบบแฮปปี้นะในความคิดของเราเราว่ามันจบด้วยความสุขเล็กๆของคนสองคน
ที่พร้อมจะจับมือกันข้ามไป
แต่ชีวิตจริงมันไม่แฮปปี้แบบนั้นถึงไม่เลวร้ายขนาดนั้นแต่ตอนจบมันไม่สมบูรณ์
คิดเหมือนกันว่าจะทิ้งเรื่องที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งและไม่แต่งต่อ
แต่พอจะขึ้นเรื่องใหม่
กับทำไม่ได้เหมือนเลียมเลย555เพ้อไป :katai5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 11-02-2015 05:53:21
สนุกมาก ตอนจบนี่น้ำตาเราไหลเลย...ขอบคุณนักเขียนสำหลับเรื่องดีๆนะคับ
ชอบมากๆ ชื่นชมมากๆ รักเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 12-02-2015 13:39:06
ปกติไม่ชอบตอนจบที่เศร้าๆนะ
แต่เรื่องนี้เป็นอะไรที่ควรจะเป็นแล้วจริงๆ
เราเองก็นึกตอนจบแบบอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ P.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Liebenie ที่ 13-02-2015 22:58:10
ชอบมากค่ะ อยากได้หนังสือด้วย

แต่อยากให้เพิ่มตอนพิเศษได้มั้ยคะ คือเราอยากเห็นคาเรย์กับเจย์เดนมีความสุขแบบคนทั่วไปบ้าง เอาเป็นแบบมาเกิดใหม่ไรงี้ก็ได้ เพราะคนเขียนไม่ได้บอกปีชัดเจน


เช่น ตายปี 1950
เกิดมารับกรรม ปี1952- 1985
เกิดมารอบสุดท้าย 1987- ปัจจุบัน แบบนี้


คนเขียนพิจารณาหน่อยนะคะะะะะะะะ.  :mew2: :mew2: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 06-03-2015 13:59:25
วันนี้เอาหน้าปกมาฝากค่ะ!!

(http://image.ohozaa.com/i/93f/okn1WC.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/ycvX4awx452MwSeN)

The Murderer แฟนผมเป็นฆาตกร ตีพิมพ์กับสนพ.Meedees วางจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือที่จะถึงค่ะ!!
และที่สำคัญ ในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มอีกสองตอน เป็นพาร์ทนำของเลียมและคาร์เรย์
รวมทั้ง...เเต่นเเตนเเต้นนน มีภาพประกอบด้วยค่ะ!!
ภาพสีหนึ่งภาพ และภาวขาวดำอีกสองภาพ ฉากไหนอันนี้ต้องลุ้นกันนะคะ แต่รับรองความฟินแน่นอน!!!

ขอฝากเนื้อฝากตัวหนุ่มๆ ทั้งสามด้วยนะค่าาา ^o^!

ปล.ปกติเราจะไม่แต่งนิยายวายค่ะ เน้นเเต่งแนวแฟนตาซี แต่ถ้าสนใจก็สามารถตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่https://www.facebook.com/ZerzesEnterBooks (https://www.facebook.com/ZerzesEnterBooks) นะคะ

และตอนนี้ก็มีกิจกรรมแจกหนังสือให้ร่วมสนุกด้วยค่ะ ลองตามไปกันได้นะคะ  :mew1:
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1299588&chapter=21 
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 06-03-2015 16:46:06
ไม่ไปไม่ได้แล้วงานนี้ กรี๊ดดดดดดดด ปกสวยงามมากอ่ะ ปกคือดีงามมาก ๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: ncnck.p ที่ 06-03-2015 18:22:53
ไม่มีพลาดค่าา

ปกสวยมากอ่ะ :katai2-1: :katai2-1:

รักเรื่องนี้มากๆเลยค่า :-[ :-[
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 07-03-2015 09:56:15
ดีงามมากกกกก เนื้อเรื่องดี เรียบเรียงดี ดำเนินเรื่องดีมากกกกก ลุ้นตลอด ชอบทุกตัวละคร ชอบเลียม รักคาเรย์ ไม่มีความเห็นกับเจย์เดนเพราะเราอิจนาง 555555 คือชอบเรื่องนี้มากอ่ะ ขอบคุณค่ะ
 :man1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 09-03-2015 11:24:48
สนุกมากค่ะ
เหตการณ์ ปม แต่ละอย่างนี่ทำเอาลุ้นตลอด
หน่วงๆจิตๆ บอกไม่ถุก555 แต่จบแบบนี้ดีแล้วค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 16-03-2015 01:29:42
 :heaven
เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก, มาก มาก มาก มาก มากจริงๆค่ะ
ยกให้เป็นเรื่องอันดับสองในดวงใจ รองจาก"ลิขิตรักจากนรก"เลย 5555
จุดหักเหเยอะมาก !
แต่ก็แปลกที่เดาพล็อตได้ตอนอ่านได้ประมาณกลางๆเรื่อง ตั้งแต่ที่คาเรย์เป็นคนฆ่าครอบครัว หรือ คู่รักสองคนนี้จะต้องยอมตายด้วยกันในตอนจบ...ก็แค่รู้สึกว่า แต่ละคนต้องมีเหตุผลในการกระทำและได้รับบทเรียนจากกระทำคนละอย่างสองอย่างสิ (เท่านั้นแหละ)
อ่าาาา...ถ้าให้เลือกระหว่างคาเรย์กับเลียม...ก็ขอเลือกคาเรย์เหมือนกันนะคะ (โอ้...นี่เราคงไม่วิปลาสไปกับเจย์เดนหรอกนะ? 555)
ชอบคาเรย์ --- (แต่ไม่ใช่เพราะถูกวางตัวให้เป็นพระเอก)
ไม่ชอบเลียม --- (แต่ไม่ใช่เพราะถูกวางตัวให้เป็นพระรอง)

เป็นเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจมาก (แบบแปลกๆ 5555)
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 28-03-2015 11:30:26
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบบบบบบบบบ o13
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Titania ที่ 30-04-2015 08:56:23
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ เป็นตอนจบที่เราซึ้งมากอ่ะ

โดยส่วนตัวเราไม่ชอบตัวเอกที่เป็นชาวต่างชาติ หรือเรื่องราวเกิดขึ้นที่ต่างประเทศเท่าไหร่ มีหลายเรื่องเหมือนกันที่เราเปิดมาแล้วเจอชื่อที่ไม่ใช่ชื่อไทย ไม่ได้ดำเนินเรื่องอยู่ในไทย เราจะกดปิดเลย คือเราอ่านแล้วเราไม่อิน แต่เรื่องนี้เราชอบมากค่ะ เหมือนโดนสะกดจิตให้อ่านต่อไป แทบจะจมเข้าไปในทุกๆตัวอักษรเลยค่ะ ตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

ขอบคุณที่สร้างสรรค์เรื่องดีดีมาให้ได้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: PrInCeZzAoFz ที่ 03-05-2015 00:52:45
ขอขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาไห้ได้อ่าน
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
อยากบอกว่าร้องไห้หนักเลย
 :sad4: :sad4: :sad4:
โดยส่วนตัวในเรื่องนี้คิดว่าคาร์เรย์น่าสงสารที่สุด
แบบถ้าเป็นเราคงเจ็บปวดมากอ่ะ
เฝ้าบอกรักทุกวันทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้คำว่ารักตอบกลับมา
สิ่งที่คาร์เรย์ทำเพื่อเจนเดย์มันสุดยอดมากๆ แค่มันมาในรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง
ถึงชีวิตเจย์เดนจะเศร้าแต่ก็ไม่น่าสงสารเท่าคาร์เรย์
แอบมองว่าเจย์เดนเห็นแกตัวด้วยซ้ำ ที่เลือกความรักของคาร์เรย์
เพราะมันตัวเองไม่อยากเจ็บปวดเหมือนเดิม
แต่รักของคาร์เรย์มันก็มากเกินไปจริงๆ
ถึงจะจากไปทั้งคู่แต่ว่ามีความสุข
ส่วนเลียม ฮ่าๆๆ
เป็นเด็กเวรน่ารำคาญเหมือนเจย์เดนบอกเลย
แต่เป็นตัวสร้างสีสันให้กับเรื่องดี
ไม่เศร้ากับเลียมเท่าไร เพราะเชียร์คาร์เรย์มาแต่แรก
อิอิ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 22-05-2015 03:33:49
อยากแวบมาบอกว่า เค้าไปอุดหนุนนิยายตัวเองมาแล้วนะ เจอที่ร้านหนังสือพอดี สนุกเหมือนเดิมเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-05-2015 08:59:35
สุดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 16-08-2015 17:48:48
ซื้อเล่มในร้านค่ะ ไม่เคยอ่านมาก่อน พอได้มาอ่านละประทับใจมากกกก ทีมคาร์เรย์สุดติ่ง
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Sapiens. ที่ 30-12-2015 23:59:20
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว :m15:
เอาเป็นว่าชอบมาก เป็นพล็อตเรื่องที่หาอ่านได้ยาก
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 07-01-2016 19:52:56
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: nonnon04 ที่ 23-01-2016 10:28:10
 :hao5:  สงสารทั้ง 3 คน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 23-01-2016 19:29:41
 :pig4:  ชอบมาก จบดี จบเเบบจบจริง ไม่ค้าง  ฮืออ รักพ่อหนูคาเรย์
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: mingyue26 ที่ 23-01-2016 19:36:22
ซื้อรูปเล่มมาอ่านแล้วชอบมากค่ะ  ไม่รู้ว่ามาจากในเล้า แต่ถึงจะเคยอ่านในนี้ ถ้าเจออีกทีก็ต้องซื้อมาเก็บไว้อ่านอีกซิคะ จะรออะไร   :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 29-03-2016 01:55:38
เจย์เดนเหมาะกับคาร์เรย์ที่สุดแล้ว จบแบบนี้ก็พอรับได้ แม้อยากให้สองคนนี้หนีไปได้ เหอะ เหอะ เหอะ สนุกมากค่ะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ
ป.ล.เกลียดเลียม เพราะเอ็งคนเดียววววววว!!  :fire:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 29-03-2016 22:21:02
ถึงจะเสียน้ำตาแต่ก็รู้สึกว่าจบแบบนี้แฮปปี้ที่สุดแล้ว
รักคาร์เรย์ รักเจย์เดน ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ  :o12: :m15:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 03-05-2016 16:41:45
อ่านทีเดียวจบ ทั้งที่พอเดาได้ว่าจะจบแบบไหน แต่...จุกในอกเลย
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: God ที่ 18-07-2016 23:07:50
จบแบบนี้สวยแล้วนะในความคิดเราคือมองไม่เห็นอนาคตที่2คนจะอยู่ด้วยกันได้เลย อย่างน้อยๆคาร์เรย์ก็มีโทษไม่สามารถอยู่กับคนที่รักได้ ไม่รู้จะบอกยังไงดี แต่ชอบมากเลยค่ะ จบซึ้งมาก น้ำตาปริ่มเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 19-07-2016 17:20:19
ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ชอบอะไรสบายๆ อ่านแล้วมีความสุขนะ แต่ช่วงนี้ชีวิตมันถูกชะตากับงานเขียนดราม่าซะเหลือเกิน จิ้มเรื่องไหนดราม่าเรื่องนั้น 

ด้วยความที่ว่ามันจบแล้วเราเลยอ่านรวดเดียวจนจบ อ่านมาก็อ่านมาด้วยอารมณ์ปกตินะ พอมาตอนบทสุดท้าย ที่คาร์เรย์โดนยิงแต่ก็ยังพาตัวเองคลานมาเนี่ย อ่านแล้วเรานึกภาพตาม น้ำตาแตกเลยอะ ฮื่ออออออออออออ เศร้ามาก ในชีวิตของคาร์เรย์มีแต่เจย์เดนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมาตลอดเลย โดนยิงแต่ก็ยังดันทุรังพาตัวเองคลานมากับพื้นเพื่อมาหาเจย์เดน ยิ่งรู้ว่าคาร์เรย์ร้องไห้ด้วยนี่ยิ่งน้ำตาแตก เขาคงคิดว่าจะโดนพรากเจย์เดนไปอีกแน่ๆ

สุดท้ายนี้นักเขียนเขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ ทั้งพล็อตเรื่องทั้งภาษาและบรรยากาศในเรื่อง ดีมากๆไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาอ่าน หลังๆมานี้เสพติดงานดราม่ามากจนไม่รู้แล้วว่าตัวเองจะกลับไปชอบแนวน่ารักใสใสได้เหมือนเดิมไหม นี่อาจเป็นข้อแตกต่างที่แนวใสใสๆไม่มีให้เราคือความอิน 5555555555555555

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆนะคะ แล้วก็ไม่เสียแรงที่เชียร์คาร์เรย์มาตั้งแต่ต้นเพราะเราชอบความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองของคาร์เรย์มากจริงๆ และภูมิใจในตัวเขาเหมือนกันที่เขาเลือกที่จะปล่อยเจย์เดนไปหากตัวเองโดนปฏิเสธ  :man1: :กอด1: :pig4:

อ้างถึง
"ถ้าคุณยังปฏิเสธอีก ผมจะ...”
“ผมจะปล่อยคุณไป”
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 23-01-2017 09:45:23
จบได้อย่างสวยงามและเป็นไปได้ที่สุดแล้ว.   เราชื่นชมในความรักของเรย์และเจย์นะ ถึงจะผิดเพี้ยนก็เถอะ. ในความเป็นจริงจะมีคนแบบนี้ปะล่ะ.   ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 28-01-2017 09:39:44
สำหรับเรา เรื่องนี้จบได้สวยนะคะ เสียดายเข้ามาอ่านช้าไป ตอนจบทำเราน้ำตาไหล นึกถึงคำๆ หนึ่ง "คนที่สอนให้เรารู้ถึงคำว่า 'รัก' มักเป็นคนเดียวกันที่สอนให้เรา 'เจ็บปวด' "
เจ็บปวดมากถ้าเราพึ่งจะรู้ตัวว่ารักเขาในวันที่ทุกอย่างสายไป

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 07-02-2017 19:42:43
 :pig4: :pig4: :pig4:รักคาเรย์
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 16-02-2017 20:30:29
จำได้ว่าเคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แต่อ่านไม่จบ
พอมีคนรีวิวก็เข้ามาอ่านใหม่
อยากบอกว่ามันสนุกมาก ไม่น่าเบื่อเลย
แบบแต่ละตอนกลั่นกรองออกมาให้ร้อยเรียงกัน
แถมมีจุดพลิกล็ํอค ปมปัญหาอะไรดีไปหมด
คือแบบ มันลงตัว เป็นความพังที่ลงตัวมาก
ทุกคนล้วนพัง และพังคนอื่นไปด้วย
ฮือออออ จบแบบนี้เราโอเค แต่รู้สึกคิดถึงตัวละคร
ยังไงก็ขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-02-2017 02:38:41
คนแต่งเก่งมากๆค่ะ
อ่านแล้วรื่นไหลสุดๆ เราแอบกั้นหายใจตอนอ่านตลอดเลย
สุดท้ายก็ใจตรงกันนะ
เรื่องเริ่มจากไฟก็จบในกองไฟ สงสารแต่เลียมที่ต้องอยู่อย่างทรมาน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 19-02-2017 19:34:56
ชอบตัวละครของเรื่องนี้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำทุกคนดูมีเหตุผลของตัวเองที่สนับสนุนให้เชื่อแบบนั้น บรรยากาศในการดำเนินเรื่องก็ดูสมกับเนื้อหาดี เราชอบตอนจบนะเข้าใจความรักของคาเรย์เลย ยังไงก็ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งนิยายดีๆอีกเรื่องมาให้อ่านกัน  :3123:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 05-03-2017 01:12:02
เม้นก่อน อ่านได้สองตอนเดี่ยวมาอ่านต่อ

จิตๆ สืบสวนสอบสวนแบบนี้ กำลังชอบเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: tantaku ที่ 06-03-2017 08:50:48
ฮืออออออเศร้้า คุุ้้มค่่าทีี่่อดนอนเพืื่่ออ่่าน
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 09-03-2017 06:24:07
อ่านรวดเดียวจบ แรกเข้ามาเพราะชื่อเรื่องน่าสนใจมาก แต่ลำพังแค่ชื่อเรื่องคงไม่สามารถดึงให้เราอ่านต่อได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมันสนุกจริงๆ..

ก่อนที่จะอ่านถึงโค้งสุดท้าย เราดีใจมากที่กดเจอนิยายไอเดียแหวกแนว พล็อตล้ำเรื่องนี้ แต่พออ่านมาจนจบ ถ้าให้เจาะจงก็หลังฉากเผากระท่อมบนเกาะ เรากลับรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
อ่า.. เป็นความเศร้าเสียใจที่เกิดจากความลำเอียงและความคาดหวังน่ะค่ะ ลำเอียงคือลำเอียงรักเลียมค่ะ 555
ส่วนคาดหวัง.. เราคาดหวังว่าเจย์เดนจะเหลือเศษเสี้ยวที่ขาวสว่างอยู่บ้าง..
แต่ด้วยบรรดากรรมเวรของเจย์เดน สีดำที่ชุบสีขาวคงซึมกัดสีขาวไปหมดแล้ว..
ไม่ใช่ว่าเจย์เดนจะกลายเป็นคนเลวหรือเป็นฆาตกรเหมือนคนที่เขายอมตายตามไปนะ แต่การเฉยเมย(จริงๆต้องบอกว่ายอมรับ)ต่ออาชญกรรมที่คนรักทำให้ แสดงให้เห็นว่าเกียรติภูมิในฐานะตำรวจที่เคยมีหมดสิ้นไปแล้ว แต่เรายังหวังไงว่าด้านขาวของเจย์เดนจะกลับมา  ซีนที่ช็อคตอนแฟนเก่าโดนฆ่าต่อหน้ากับซีนที่กลัวแฟนนี่ลุ้นมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ หลังซีนเผากระท่อมเลยเป็นอะไรที่ขยี้ความคาดหวังของเรามาก ตัวละครพัง คนอ่านก็พังค่ะ พัง พังไปหมด นี่ถ้าถามในสามตัวหลักเกลียดใครสุดคงตอบเจย์เดนแหละ ทำเราผิดหวัง...
แต่ที่โกรธกว่าคือดึงเลียมลงมาพังด้วย โฮลี่ชิท! จริงๆต้องบอกว่าฮีไม่ย่อมปล่อยเองแหละ เลยร่วงมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ลำเอียงไง ทำไมคนแบบคุณถึงต้องมีบทให้มารักคนที่เขาไม่รักคุณว่ะ ทำไมคุณถึงแสนดีไม่อยากปล่อยมือเขาถ้าไม่เห็นเขามีความสุข สุขไม่สุขเขาก็เลือกแล้วมั้ย เขาอยากชิบหายก็ปล่อยเขาไป.. ปกติเราจะตกหลุมรักคนไทป์ประมาณเลียมตลอด (อบอุ่น ร่าเริง สดใส น่ารัก เหมือนหมา) แต่คนเขียนชอบจับให้เป็นพระรอง ทำดีแทบตายสุดท้ายชี้ช้ำ โว้ยยย.. แล้วสุดท้ายฮีก็ยังเลิกรักเขาไม่ได้ด้วยนะ

ยิ่งพิมพ์ยิ่งโมโห แต่คนเขียนวางใจเถอะค่ะ โปรดอย่าตกใจความบ้ากับบรรดาความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ในโพสนี้ เราไม่ได้เคียดแค้นคุณแต่เราอิน 5555 แต่เพราะตัวละครของคุณมีสเน่ห์มาก ทำให้เรารู้สึกมากจริงๆ

อ่อ ยังไม่คอมเม้นท์เรื่องการเขียน.. คือดีเลิศ ผูกปม วางโครงเรื่องชัดเจน สัมผัสได้ถึงความเป็นเหตุเป็นผลของการกระทำ ณ ปัจจุบัน​กับแบคกราวด์ที่ปูมา แต่จะอินกับเหตุผลนั้นมั้ยก็อีกเรื่องนะ ยอมรับว่ามีบางฉากที่เราไม่อินกับเหตุผลของมันอยู่ แต่อันนี้มีอคติกับความเชื่อส่วนบุคคลมาเกี่ยวข้องไง
สุดท้ายเราเลยไม่ซีมาก เพราะมันไม่ถึงกับตรรกะวิบัติ
แล้ว​ก็.. ถึงจะแอบรู้สึกว่าสไตล์การเขียนดูมีกรอบบาอย่าง เหมือนมีแพทเทิร์นตายตัว แต่ข้อดีของมันคือไม่ทำให้เรื่องฟุ้งลอย และด้วยไอเดียที่ล้ำ ผูกเรื่อง​ฉลาด เรื่องนี้จึงเป็นนิยายที่ดีเยี่ยม ขอบคุณ​ที่แต่งออกมาให้อ่านนะคะ

ป.ล.ลองกดรีวิวความเห็นแล้วยาวมาก คนเขียนไม่ตกใจเนาะ
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 01:48:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 15-03-2017 21:56:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [หน้าปกมาแล้วค่า!! P.14]
เริ่มหัวข้อโดย: lovemongjang ที่ 23-12-2017 14:47:05
สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 02-06-2018 12:08:38
ห่างหายกันไปนานเลยสำหรับเรื่องนี้
วันนี้มีข่าวดีสำหรับมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ย นักอ่านกันค่ะ เพราะตอนนี้เรามีนิยายเรื่องต่อ ซึ่งก็คือ....'Love Me Till The คลั่ง.รัก.อันตราย'
แน่นอนว่าพระเอกไม่ใช่ใครที่ไหน...

"เลียม" เจ้าเก่า เจ้าเดิม เพิ่มเติมคือยันขึ้น 5555

ก็โดนสลัดรักแถมมีความทรงจำเจ็บปวดขนาดนี้ จะเป็นเลียมใสๆ กินกระดาษ
ก็ไม่ได้แล้วเนอะ แต่เรื่องนี้จบ Good End นะคะ รับประกัน
ขอฝากเรื่องต่อของเลียมด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

ลิ้งนิยายจ้า -> https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67371.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67371.0)

เรื่องย่อ

ถ้าต้องตื่นขึ้นมาแล้วถูกเรียกชื่อที่ไม่ใช่ตัวเอง...คุณจะรู้สึกยังไง
นั่นคือสิ่งที่ ‘เจด จาไมน์’ เป็น ทุกครั้งที่ตื่นมา...เขาจะเจอกับชายแปลกหน้า เอ่ยเรียกชื่อที่ตนไม่รู้จัก บอกเล่าถึงคนที่เคยเป็นตัวเขา...แต่ไม่ใช่...ตัวเขา
เจดไม่มีวันยอมรับว่าตัวเองป่วย เขาเป็นคนปกติ ไม่ใช่คนป่วยที่เป็นโรคหลายบุคลิก
แต่ ‘เลียม’ กลับตอกย้ำความจริง ยัดเยียดตัวเองเข้ามาในชีวิตเขา บอกว่าเป็นนักอ่านแสนจงรัก ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างแม้ในวันที่ไม่เหลือใคร จะเป็น ‘The Last’ ...ผู้สรรสร้างเหตุการณ์ฆาตกรรม!
คดีฆาตกรรมที่เหมือนนิยายที่เขาเขียนไม่ผิดเพี้ยน
เพียงพริบตา จากนักเขียนตกอับก็โด่งดังในข้ามคืนด้วยความฝีมือของฆาตกร!
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-05-2019 23:41:32
สนุกมากเลยค่ะ พลิกซะจนเราแทบร้อง ถามว่าสงสารใครสุดในเรื่อง เราสงสารคาร์เรย์นะ เขาดูบิดเบี้ยวมาก ต้องการความรักแค้จากคนคนเดียว แต่เจย์เดนก็ไม่เคยบอกเลย อุตส่าห์จะได้หนีไปใช้ชีวิตกันสองคนอยู่แล้วเชียว แต่แบบนี้ก็โอเคค่ะ ส่วนเลียม เราชอบตัวละครนี้มากแต่แรกเลย ขอให้เลียมมีความสุข แล้วก็มูฟออนได้นะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 30-09-2019 00:34:48
สนุกมากกกกก ดีมากกกกกก :ling1: