Chapter 14 : “ผมให้คุณเลือก”
คาร์เรย์บอกให้ผมแต่งตัวเงียบๆ เก็บข้าวของเพื่อจะได้ออกไปจากที่นี่
แต่ผมถูกลักพาตัวมา โทรศัพท์เองก็ไม่ได้พกซะด้วยซ้ำ จะมีของอะไรเอาไปได้อีก หลังเปลี่ยนเสื้อจากชุดนอนเป็นชุดลำลอง ผมจึงเดินตามคาร์เรย์ออกจากบังกะโลอย่างว่าง่ายจนแปลกใจตัวเอง
“คิดถึงคุณจัง”
คาร์เรย์ยิ้มหวาน ถอดเสื้อโค้ตตัวนอกสวมให้ผมอย่างรักใคร่ ก่อนจะโอบเอวพาผมเดินออกไปทางประตูบ้าน เผยให้เห็นเรือยนต์ลำเล็กติดเครื่องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“นายหาเจอได้ยังไง” ผมถามเสียงเรียบ รู้ดีว่าเขาไม่มีทางปล่อยผมไปหรอก...เพราะความรู้สึกของคาร์เรย์นั้นยึดติดยิ่งกว่าที่เบรดขังผมให้ตายซะอีก
“ทำในสิ่งที่ผมถนัดไงครับ” คาร์เรย์ตอบพลางหรี่ตามองผมด้วยประกายเย็นเยียบ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำเสียงไม่ให้สั่น
“นายฆ่าใคร”
จริงสิ แล้วเลียมล่ะอยู่ที่ไหน เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่รู้ว่าคาร์เรย์ตามผมเจอแล้ว
“ถ้าคุณกำลังคิดถึงเลียม ผมขอบอกเลยว่าคุณต้องผิดหวัง เพราะเขาถูกผมจับมัดไว้ในบ้านหลังนี้นี่ล่ะครับ”
ผมยอมรับว่าแปลกใจน่าดูที่คาร์เรย์เมตตากับเลียมถึงขนาดนั้น
“แต่ผมฆ่าพ่อของเขา” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง “ตามหาคุณมันง่าย แค่รู้ที่อยู่เลียม ผมก็รู้ที่อยู่คุณแล้ว จริงอยู่ว่าเขาทำการป้องกันโดยการไม่บอกใคร แต่แค่หาทรัพย์สินส่วนตัวของครอบครัวนี้สักหน่อย ก็ง่ายนิดเดียว”
คาร์เรย์พาผมเดินห่างจากตัวบ้านเกือบห้าก้าว ก่อนจะหยุดเดินและลูบไล้ใบหน้าผมอย่างห่วงหา
“ผมตระเวนหาคุณตามที่ดินส่วนตัวต่างๆ ไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืน ก่อนจะหลับเต็มอิ่มเมื่อหาเจอ...ที่รัก ผมเตรียมพร้อมเพื่อวันนี้ เพื่อมารับคุณกลับไป”
แค่รับกลับไปจริงหรือ?
ผมสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ก็ไม่อาจขัดขืนเมื่อเขาจูบปากผมอย่างอ่อนโยนเหลือเกิน
“ผมรักคุณ” คาร์เรย์กระซิบเสียงพร่า “ผมรู้ว่าคุณอึดอัด คงเพราะยังปรับตัวไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรที่รัก ผมจะให้เวลาคุณตราบเท่าที่ต้องการ กลับบ้านของเรา ให้ผมได้ดูแลคุณเหมือนเดิม ให้ผมได้บอกรัก...”
คาร์เรย์ขบริมฝีปากล่างผมแผ่วเบา
“ให้ผมได้รักคุณตลอดไป”
ผมหลับตา เงยหน้ารับจูบของคาร์เรย์ เจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินคำบอกรักจากอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังโหยหาความรักอันบิดเบี้ยวของเขาอยู่ดี
มันเพี้ยนไปหมดแล้ว...ชีวิตนี้...มันกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว!
“ผมดีใจที่คุณไม่ปฏิเสธนะ” คาร์เรย์จูบหน้าผากผมก่อนจะผละออก “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คงไม่หนักหนาสาหัสอะไร”
อีกฝ่ายหยิบไฟแชคจากอกเสื้อ จุดเปลวไฟดวงเล็กท่ามกลางความมืด
“ก่อนที่จะเข้าไปรับคุณ ผมจับตัวเลียมเอาไว้ ก่อนจะราดน้ำมันไปทั่วบังกะโล”
ลมทะเลหอบพัดกลิ่นแปลกปลอมยืนยันคำพูดของคาร์เรย์
“ที่พักนี้สร้างจากไม้ คงติดไฟง่ายน่าดู จริงมั้ยครับ”
“อย่า...ทำแบบนี้ คาร์เรย์” ผมเอ่ยเสียงต่ำ กลัวว่าหากจู่โจมเข้าไปแย่งไฟแชค คนรักจะโยนสิ่งนั้นไปทางบ้านพักทันที “นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้...”
ผมยอมไปกับเขา ยอมไปอยู่กับเขา ยอมให้เขาทำทุกอย่าง
ไม่จำเป็นต้องบีบกันถึงขนาดนี้!
“ผิดแล้ว ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ต่างหาก ที่รัก” คาร์เรย์คลี่ยิ้มจาง หากแต่ดวงตาไม่ยิ้มสักนิด “คุณยอมไปกับผม นั่นเป็นเรื่องดี แต่คุณแน่ใจหรือว่าเลียมจะไม่พาคุณพรากไปจากผมอีก”
แน่นอนว่าผมไม่อาจยืนยันคำถามนั้นได้
“เห็นมั้ย ที่รัก...คุณรู้คำตอบดีอยู่แล้ว” คาร์เรย์ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู มองผมด้วยความรักอันเปี่ยมล้น
“แต่...”
“ไม่มี ‘แต่’ ทั้งนั้น!”
ผมสะดุ้งเมื่อคาร์เรย์ตะโกนกร้าว ความบ้าคลั่งที่พยายามเก็บกดไว้ทะลักล้นออกมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะกลบเกลื่อน เขายกมือหนึ่งปิดใบหน้า แต่ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มบิดเบี้ยวตรงมุมปากได้
“ที่รัก...” คาร์เรย์รำพันเสียงอ่อนหวาน “ที่รัก...ที่รัก...”
ผมไม่แม้แต่จะขานตอบ หากแต่รู้สึกสะท้อนในใจ
“คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมากขนาดนี้ แต่กลับ
ไม่เคยบอกรักผมสักครั้ง!” ครู่หนึ่ง เสียงหัวเราะกลับเจือด้วยเสียงสะอื้น แต่นั่นเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตา เพราะเมื่อคาร์เรย์ยกมือออก ใบหน้าของเขาก็กลับเป็นชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม
“เอาล่ะ ได้เวลาที่คุณต้องเลือกแล้ว” คาร์เรย์เอื้อมมือที่จุดไฟแชคไปด้านหลังเล็กน้อย ตั้งท่าพร้อมจะโยนเพื่อสร้างกองเพลิง “ถ้าคุณเลือกผม เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ถ้าคุณเลือกเลียม คุณจะตายไปพร้อมกับมัน”
ทางเลือกระหว่างเป็นหรือตาย...
“คุณจะเลือกอะไร”
สิ้นคำ คาร์เรย์พลันโยนไฟแชคกระแทกตัวบ้าน เพียงพริบตาเปลวเพลิงสีสดก็ลุกโชน ลากไล่ตามแนวน้ำมันที่เจ้าตัวสาดล้อมรอบ อีกไม่นานคงเข้าไปถึงด้านใน
“เลือก!”
คาร์เรย์ตะโกนกร้าว สายตามีความเชื่อมั่น ด้านหลังของเขาคือเพลิงลุกโหม ทั้งที่ผมอยู่ห่างออกมา แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนจนตัวสั่น
เลียม...
ไอ้เด็กเวรถูกจับมัด อีกไม่นานคงถูกไฟคลอกทั้งเป็น เหมือนที่คาร์เรย์ทำกับเพื่อนรักพ่อ ตอนนั้นผมรู้สึกผิด แต่อีกใจคิดว่าสมควรแล้ว ทว่ากับเลียม...
มันสมควรแล้วหรือที่ต้องมาตายแบบนี้!
“เจย์เดน!”
คาร์เรย์จับต้นแขนผมแน่น ใต้แขนเสื้อคือรอยแผลเป็นที่ผมกับเขาเคยเผชิญกองเพลิงด้วยกัน ย้ำเตือนว่าพวกเราสองคนผูกพันลึกล้ำมากแค่ไหน
เขารักผม รักผมมาก...
มันเป็นความรักที่ผิดปกติ เกิดจากความไม่ปกติ ทุกอย่างมันไร้เหตุผล บ้าคลั่ง คลุ้มคลั่ง บีบเค้นจนผมใจสลาย แต่ถึงอย่างนั้น...
หากผมไม่เคยตัดใจจากเบรดทั้งที่เขาเคยโหดร้ายมากแค่ไหน
ตอนนี้...ผมก็ไม่อาจปล่อยคาร์เรย์อยู่คนเดียวได้เช่นกัน!
ถ้าไม่ใช่เขา...ไม่ได้หรอกนะ
ต้องเป็นคาร์เรย์เท่านั้น แม้ว่าใจของผมมันตายด้านไปแล้ว แต่ผมก็ยังต้องการเขา แม้คาร์เรย์จะทำให้ผมเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังโหยหาความรักของเขา
คนที่ถูกทิ้งมาตลอดอย่างผม ไม่มีความกล้าพอจะทิ้งความรักที่ถูกวางบนฝ่ามือ
มันเพี้ยนไปจริงๆ นั่นแหละ
ทั้งตัวผม ทั้งตัวเขา และความรักของเรา!
“ฉันจะกลับมา...” ผมแกะมือเขาออกเร่งร้อน ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจฝ่าเข้าไปได้อีก “ฉันจะกลับมาหานายแน่นอน ฉันสัญญา”
“เจย์เดน!”
ผมไม่ได้หันไปมองว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน เพราะเมื่อพูดจบ ผมก็กระโจนเข้าไปในตัวบ้านเหมือนที่ทำเมื่อเจ็ดปีก่อน ยกมือบังศีรษะ อีกมือปิดจมูกและปากเอาไว้ กันไม่ให้ควันไฟเข้าปอดจนสำลักหมดแรง
เสียงกรีดร้องของคาร์เรย์ยังคงแจ่มชัดในโสตประสาท เขาคงไม่เข้าใจเหมือนที่ผมเคยเรียกชื่อเบรดจนทำให้เขาคลุ้มคลั่งมาแล้ว
แต่ไม่เป็นไรหรอก...
ผมจะกลับออกไป จะกลับไปหาเขา จะอธิบายให้ฟัง เพราะไม่ว่ายังไง...
ผมก็ปล่อยให้เลียมตายไปต่อหน้าไม่ได้จริงๆ!
“เจย์เดน...”
ผมช่วยแกะผ้าปิดปากออกให้เลียม หลังเจอเขาในห้องนอนอย่างที่คาดเอาไว้ สภาพถูกมัดมือมัดเท้าไขว้ไปทั้งตัวด้วยเงื่อนบ้าบออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าผมไม่เสียเวลาแกะหรอก เพราะผมจำได้ว่าในไอ้เด็กเวรมักพกมีดพับที่ข้างเอวเสมอ แต่เพราะถูกมัดแขนไขว้กับหัวเตียง จึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“เดี๋ยวค่อยคุย” ผมส่งสัญญาณให้เลียมหาอะไรปิดปาก เพราะควันเริ่มหนาแน่นขึ้นจนผมแสบตาไปหมด “รีบออกไปกันก่อน”
ไอ้เด็กเวรพยักหน้ารับ ใบหน้าดีใจเพราะเห็นผมตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เขาคงรู้ดีว่าต่อให้พยายามแค่ไหน หรือต่อให้ตอนนี้ผมเลือกจะมาช่วยเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะตอบรับความรู้สึกเหมือนที่เป็นมาตลอด
ขอโทษ...ผมเอ่ยในใจ เลียมเป็นคนแรกที่ทำให้ผมต้องพูดคำนี้ออกมามากมายเหลือเกิน
ขอโทษจริงๆ...เลียมบีบไหล่ผมเบาๆ เป็นการตอบรับ ก่อนจะเดินนำไปด้านนอกเพราะหน้าต่างในห้องเล็กเกินกว่าจะปีนออกไป
ทว่าเมื่อเปิดประตู ควันจำนวนมากก็เข้ามาจนผมแทบลืมตาไม่ขึ้น ความร้อนจากเปลวเพลิงเริ่มล่ามไล่จนแสบผิว ไม่อยากจะคิดว่าตรงหน้าประตูยังจะเหลือสภาพอะไรให้ออกไปได้อีก
ผมเห็นดวงตาสิ้นหวังของเลียม แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
ผมจะไม่ยอมตายตรงนี้หรอก!
ทั้งที่ทรมาน เจ็บปวดแทบขาดใจ ผมก็ยังไม่ตาย แล้วนี่ผมรับปากคาร์เรย์ไว้แล้ว จะผิดสัญญาได้ยังไง!
ทว่า...
“ขอโทษ”
เสียงกระแทกแรงๆ จากด้านหลังทำให้ผมสำลักควันอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่สติจะเริ่มจางหาย
มือหนึ่งรับร่างของผมไว้ก่อนจะกระแทกพื้น พลางรั้งมาโอบกอดแนบแน่นทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ขอโทษ...เจย์เดน”
คนคนนั้นกอดผมพลางประทับจูบบนริมฝีปากซีดเนิ่นนานไม่ต่างกับเป็นโอกาสสุดท้าย
โอกาสแรก...และครั้งสุดท้าย
“ผมรักคุณ”
คนคนนั้นคือ...
“...เลียม”ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโซ่
ภาพในอดีตชำแรกห้วงคิด แต่ก็ถูกปัดทิ้งเมื่อภาพของเบรดตอนตายแจ่มชัดยิ่งกว่า
คาร์เรย์ลบเลือนอดีคของผมหมดสิ้น แทนที่ด้วยความรักของเขาเอง
เสียงของโซ่...
“ตื่นแล้วเหรอ ที่รัก”
ผมกะพริบตาเพื่อมองหาต้นเสียง เพราะห้องนี้ช่างมืดเหลือเกิน แต่ก็หาได้ไม่ยากเพราะ ‘เขา’ นอนอยู่ข้างผมนี่เอง โอบกอดผมเอาไว้ ให้ผมได้พักพิง ให้ผมได้หนุนแขนนั้นอย่างอบอุ่นเหมือนแต่ก่อน
แต่เสียงของโซ่...
“คุณเจ็บมั้ย” คาร์เรย์ลูบที่ศีรษะของผม เพิ่งรู้สึกตอนนี้เองว่ามีผ้าพันแผลพันรอบ ทำเอาตึงๆ จนปวดหัวนิดๆ
แผลนี้มาได้ยังไงนะ
ผมปรือตา พยายามครุ่นคิด ก่อนภาพของเปลวเพลิงจะปรากฏจนผุดลุกแทนไม่ทัน
“...!!!”
ไม่มีเสียงออกมา ผมตกใจ มองคาร์เรย์ที่ชันตัวนั่งอยู่เคียงข้างกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเพิ่งเห็นชัดเจนว่าขาสองข้างของผมถูกโซ่ล่ามกับปลอกเหล็กแน่นหนา ปลายสายของมันนั้นผลุบหายไปใต้เตียง
เสียงของโซ่ดังก้องกว่าเดิม
“ไม่ต้องตกใจ ที่รัก” คาร์เรย์คลี่ยิ้มให้ผมอย่างปลอบโยน “คุณสำลักควันไฟมากไปหน่อย ก็เลยพูดไม่ได้ชั่วคราว”
เลียม...แล้วเลียมล่ะ!?
ผมสังเกตห้องโดยรอบ พบว่ามันคือห้องนอนของผมเอง...คาร์เรย์พาผมกลับมาที่บ้านของเรา แต่กลับมีแค่เราสองคนเท่านั้น
ไม่สิ...คำพูดสุดท้ายของเลียม
วูบหนึ่ง ผมผิดหวังจนจุกในลำคอ ไอ้เด็กเวรฟาดศีรษะของผม กอดผมเอาไว้ ไม่ยอมหนีออกไป ราวบังคับให้ตกตายด้วยกัน
นั่นหรือความรักของเลียม
“จุ๊ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว เลียมทำให้คุณหมดสติ เพื่อที่จะอุ้มออกมาโดยไม่ให้คุณเป็นอะไรต่างหาก”
คาร์เรย์ตอบคำถามผมราวรู้ใจ
“หมอนั่นเอาตัวบังแทน ต่อให้ไม่ตายทันทีแต่ตอนนี้ก็คงใกล้ตายเต็มทนแล้ว”
“อ่ะ...”
ผมอ้าปากพูด อยากขอไปดูเลียม อยากไปเห็นกับตาว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ
ขอโทษ...
ขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่รู้ตลอดชีวิตนี้ผมต้องพูดคำนี้กับเลียมอีกนานแค่ไหน
แต่นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณอยู่กับผมแล้ว ที่รัก”
คาร์เรย์เกลี่ยเส้นผมทัดหูให้อย่างแผ่วเบา
“ผมจะไม่ยอมให้คุณหนีผมไปอีก!”
พลันใบหน้าผมสะบัดเชิดขึ้นกะทันหันจนปวดร้าวไปทั้งศีรษะ คาร์เรย์กระชากผมอย่างรุนแรงจนเชิดสูง ก่อนจะโน้มตัวลงเลียตามแนวลำคอผมอย่างรักใคร่
“คุณรู้มั้ยว่าผมเจ็บแค่ไหนตอนที่คุณเลือกมัน”
“อ่ะ...”
ผมพยายามปฏิเสธ ผมไม่ได้เลือกเลียม แต่ผมยอมให้คาร์เรย์ฆ่าเลียมไม่ได้!
ทว่าคาร์เรย์ไม่เข้าใจ หรือไม่...หลังเขากรีดร้องชื่อของผมออกมาด้วยความรวดร้าว เขาก็ไม่คิดจะเข้าใจผมอีก
“คุณทำให้ผมกลายเป็นปีศาจ เจย์เดน”
ผมสะดุ้งเมื่อคาร์เรย์กัดซ้ำรอยเดิมที่คอของผมจนเลือดซิบ
“แต่ไม่ต้องกลัวนะ...”
คาร์เรย์จูบบนกลีบปากล่างอย่างอ่อยอิ่ง ทำให้ผมรับรู้ถึงรสเลือดซึ่งยังติดบนปลายลิ้นของอีกฝ่าย
เลือดของตัวผมเอง...
วินาทีนั้น คาร์เรย์เงยหน้าสบตากับผมเป็นครั้งแรก ดวงตาที่แสนอ่อนโยนของเขาไม่ปรากฏอีกแล้ว มันมีแต่ความรัก...รักจนคลุ้มคลั่ง ไม่ต่างกับสลักในตัวที่ถูกเปิดอออกจนไม่อาจกักเก็บความรู้สึกส่วนลึกได้อีกต่อไป
คล้ายบางอย่างในตัวคาร์เรย์พังทลาย...
“ผมไม่ให้คุณตายหรอก...ที่รัก”-----------------------
มาต่อล่ะค่ะ!!! สั้นกว่าที่คิดไว้ซะอีก แต่หวังว่าจะชอบกันนะคะ นี่เป็นจุดหักเหที่สอง...คาร์เรย์ผู้เเสนเชื่องกับเจย์เดนถึงคราพยศบ้างแล้ว
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป...เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้วล่ะค่ะ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ!!
ปล.บอกใบ้นิดๆ เกี่ยวกับประโยคสุดท้ายของตอนนี้...ให้ลองวกไปดูชื่อตอนแรกของเรื่องนี้สิคะ แล้วจะค้นพบ...อุบอิบๆ