- The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - The Murderer- แฟนผมเป็นฆาตกร [แจ้งข่าว P.15 : 02/06/61]  (อ่าน 116079 ครั้ง)

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อย่าบอกนะว่าจะซ้ำรอยเดิม..
เก็บไว้ไม่ให้ตาย ทรมาณเรื่อยๆ จนกระทั่งมีอีกคนมาเจอ..
 :ling3:

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บอกคาร์เรย์ไปสิว่าไม่ได้เลือกเลียมมมมมมม :serius2:

คำใบ้อยู่ในชื่อตอนแรกงั้นหรอ :ruready :ruready
คิดไม่ออกจริงๆ 5555555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คาเรย์ค้าาาาาาาาาาาาาาาาา

สติค่ะลูกสติ ตั้งสติยยย อ้าวลืมไป คาเรย์มีของแบบนั้นที่ไหน :ling2:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เฮ้ยขังเจย์เดนเลยเหรอวะคาร์เรย์

ตอนนี้ทำเราลุ้นมากอ่ะ


ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลุ้นๆ อ๊าก~~~, จะเป็นยังไงต่อเนียติดตามอ่าน รออยู่นะ~~~~ คิดถึง  :กอด1: มาลงให้นักอ่านให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :o12:

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งื้ออออ อย่าทำอะไรบ้าๆนะคาร์เรย์ แกจะทำเหมือนที่อิเบรดทำรึไงห๊ะ!?

เวรกรรมจริงๆ สงสารเจย์เดนฉิบ  :hao5:

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
โห เราว่าเรื่องนี้พล็อตล้ำลึกมากอะ o13

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อยากจะบอกว่าสนุกมากกกกกก ทุกทีๆม่นานแนวนี้นะแต่มาเจอเรื่องนี้แล้วหยุดอ่านไม่ได้เลย

อย่าบอกนะว่าจะจบเศร้าอ่ะ อยากให้เจย์เดนมีความสุขจริงๆซักที

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
คิดถึงงงงงง คนเเต่งจ๋าาา  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 15 : “ผมไม่เชื่อความรักของคุณอีกแล้ว”


จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง

คงเป็นตัวผมเอง

“คาร์เรย์”

ตอนเจอกันครั้งแรก เด็กชายอายุสิบสามขวบถูกพันแผลเกือบทั้งร่างเพราะถูกไฟไหม้ตั้งแต่ลำคอขาวไล่ไปถึงด้านหลังซีกขวา แม้จะได้รับยาบรรเทาอาการปวด แต่ทุกครั้งที่ขยับตัวเด็กชายเป็นต้องนิ่วหน้าทุกที คาร์เรย์ในตอนนั้นไม่พูด ไม่คุย เอาแต่เหม่อมองรอบด้านเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง คุณหมอบอกกับผมว่าอาจเพราะอาการช็อคจากการสูญเสียญาติใกล้ชิดทีเดียวถึงสามคน

ผมสงสารเขา

ใช่ ตอนนั้นผมสงสาร แต่ความรู้สึกที่มากกว่าคือความรับผิดชอบ ผมเป็นคนช่วยเขาออกมา ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ผมไม่อาจทิ้งให้เด็กชายกลายเป็นคนซึมเศร้า จึงหมั่นมาหาทุกวันจนคาร์เรย์จดจำผมได้

“คุณชื่ออะไร”

จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ถามออกมาอย่างอดไม่ไหว

ผมดีใจมาก ดีใจจนกลั้นยิ้มไม่อยู่

“เจย์เดน พี่ชื่อเจย์เดน”

“เจย์เดน...”

คาร์เรย์มองผม ดวงตาหม่นแสงประกายวาววูบหนึ่ง และนั่นทำให้ผมตื่นเต้นจนลืมทักท้วงว่าการเรียกชื่อคนอายุมากกว่าห้วนๆ แบบนั้นออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย ไปๆ มาๆ ก็ได้แต่เลยตามเลยให้เขาเรียกแบบนั้น

ยกเว้นให้เขาคนเดียว

หลังจากนั้น คาร์เรย์ก็เริ่มคุยกับผมมากขึ้น เกาะติดผมจนพยาบาลยังแซวว่าเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดต้อยๆ เพราะเขายังไม่มีญาติมารับ จึงสามารถออกไปเดินเล่นได้ อีกทั้งยังต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาล ภาพของผมที่เดินจูงมือเขาไปทั่วจึงเป็นที่ชินตานัก

จนกระทั่งผมตามหาญาติห่างๆ ของเขาเจอ เธอเป็นหญิงหม้าย ไม่มีทายาทสืบทอดตำแหน่ง จึงตกปากรับคำทันที

“เจย์เดน”

คาร์เรย์บีบมือผมแน่นเมื่อเธอมาแนะนำตัวครั้งแรก อีกทั้งยังบอกว่าจะพาเขาไปอยู่ด้วยอีกเมืองหนึ่ง

“คุณอยากให้ผมไปหรือ คุณไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย”

เด็กชายไม่แม้จะมองหน้าว่าที่แม่บุญธรรมสักนิดเดียว รอยยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นความเครียดขึง ดวงตานั้นประกายประหลาด ราวกับแฝงความคิดลึกล้ำอยู่ภายใน

ผมคิดเพียงว่าเขาคงกลัวที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้า

“ฉันอยากให้นายมีครอบครัวที่อบอุ่นนะคาร์เรย์”

“ผมอยากอยู่กับคุณ!”

“ฉันรับเลี้ยงดูนายไม่ไหวหรอก...ฉันอยู่กับพ่อ ห้องพักเล็กนิดเดียว ขืนเอานายมาอีกคนก็ต้องนอนพื้นกันน่ะสิ” ผมพยายามตอบติดตลก แต่คาร์เรย์ไม่ขำแม้แต่น้อย

“ผมมีมรดก ผมเลี้ยงคุณได้”

การถูกเด็กอายุสิบสามพูดแบบนี้ใครจะไปซึ้งลง ผมยิ้มเจื่อน รู้ดีว่าคาร์เรย์พูดความจริง หลังครอบครัวเขาตายไป พินัยกรรมทั้งหมดย่อมตกกับลูกชายคนเดียวที่เหลือรอด อย่าว่าแต่เลี้ยงผมเลย เขายังเลี้ยงพ่อผมได้ด้วยซ้ำ

“แบบนี้ก็ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยน่ะสิ” ผมโคลงศีรษะอย่างลำบากใจ “ฉันแก่กว่านายนะคาร์เรย์ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีของฉัน จะให้คนอื่นมาเลี้ยงง่ายๆ ได้ยังไง ยิ่งนายอายุแค่สิบสาม...”

“งั้นถ้าผมโตกว่านี้ คุณจะอยู่กับผมมั้ย”

“ถ้านายโตถึงขนาดหาเงินใช้เองได้ นายก็คงไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ” ผมยิ้มเจื่อน เด็กชายผู้ไม่เหลือใคร เขาติดผมก็เพราะผมช่วยเขา ใจดีกับเขา แต่ถ้าเจอคนที่ทำดียิ่งกว่า เจอสังคมที่กว้างขวางกว่านี้ เขาคงลืมเลือนตัวตนของเจย์เดน เวอแกนอย่างง่ายดาย

“แล้วถ้าผมยังต้องการคุณล่ะ”

“งั้น...ฉันก็ปฏิเสธนายไม่ได้น่ะสิ” ผมยิ้มขำ ทักท้วงในใจว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้ กว่าเด็กชายจะเรียนจบต้องใช้เวลากี่ปีกัน แล้วยังที่อยู่ซึ่งแยกกันคนละเมือง เขาจะมีความมุ่งมั่นขนาดคิดถึงคนอย่างผมอีกหรือ

“ผมจะจำคำนั้นไว้”

คาร์เรย์ตอบอย่างหนักแน่น

“ถ้าถึงตอนนั้นคุณยังปฏิเสธ ผมจะ...”






ผมสะดุ้งตื่นก่อนได้ยินประโยคสุดท้าย

มันคือความฝัน...ฝันถึงอดีตที่ผมลืมจนหมดสิ้น นึกแล้วก็น่าขำ คาร์เรย์จดจำได้ทุกอย่าง เขามารับผมตามสัญญา แต่กลับเป็นตัวผมเองที่ลืมเลือนว่าเคยพูดอย่างไรไปบ้าง

“ถ้าถึงตอนนั้นคุณยังปฏิเสธ ผมจะ...”

จะทำอะไร!?

ผมขมวดคิ้วมุ่น พยายามนึกให้ออก แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ตอนนั้นผมพยายามให้คาร์เรย์ไปอยู่กับญาติ พอเขาทำทีว่าจะยอมไปจึงดีใจจนไม่ใส่ใจที่จะฟัง

ทั้งที่สำคัญมากแท้ๆ

ผมยันตัวนั่ง เสียงโซ่ยังคงดังทุกครั้งที่ขยับตัว แต่ผมเริ่มชินเสียแล้ว เวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ผมยังไม่ได้ยินข่าวคร่าวใดๆ ของเลียม คาร์เรย์ขังผมไว้ในห้องนอน ไม่ให้ติดตามข่าวสาร ไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากการอ่านหนังสือหรือนั่งเฉยๆ

ทุกวันของเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนเช้าคาร์เรย์จะทำอาหารเช้าและยกมากินด้วยกันกับผม ก่อนจะออกไปทำงาน ช่วงเที่ยงเขาจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ซื้อกับข้าวทานง่าย และออกไปทำงานอีกรอบ จนกระทั่งถึงตอนเย็น เขาก็จะลงมือทำอาหารบ้างในบางครั้ง และยกขึ้นมากินกับผมเหมือนเดิม

เขาจะอาบน้ำให้ผมทุกวันตอนกลางคืน ยอมถอดโซ่ออก แต่กลับสวมกุญแจมือระหว่างตัวเขาเองและผม ราวกลัวว่าหากคลาดสายตาเพียงนิดเดียว ผมจะตีจากเขาทันที

ส่วนการทำธุระส่วนตัว คาร์เรย์ซื้อกระบอกสำหรับคนไข้ไว้ให้ผมทำธุระเบา แต่ถ้าปวดหนักก็ต้องรอเขากลับมาอย่างเดียว ซึ่งคาร์เรย์จะให้ผมเขาห้องน้ำโดยปลดโซ่จากขาเตียงมาถือไว้เอง เปิดประตูห้องน้ำแง้มๆ พอให้สายโซ่ลอดผ่าน โดยที่เขายืนเฝ้าด้านหน้าไม่ห่างไปไหน

แรกๆ ผมอึดอัดแทบตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ พยายามอธิบายกับคาร์เรย์ว่าผมเลือกจะอยู่กับเขาแต่แรก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความจริงที่ผมเข้าไปช่วยเลียมก็เด่นชัดในใจอีกฝ่ายมากที่สุด

‘คุณปัดมือผมออก’

คาร์เรย์มักเอ่ยเช่นนี้เมื่อผมหยิบยกหัวข้อเก่าๆ ขึ้นมาสนทนา

‘คุณหันหลังให้ผม คุณเดินหนีผมไป’

‘ฉันทำแบบนั้นก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่อยู่กับนาย’

‘คำพูดของคุณผมเชื่อได้แค่ไหน’

‘ฉันไม่เคยโกหกนาย’

‘ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณ!’

เมื่อก่อนคาร์เรย์ใจเย็นเหลือเกิน เขาอบอุ่น ช่างเอาใจใส่ แต่หลังจากกลับมาจากเกาะของเลียม นิสัยของคาร์เรย์กลับแปรปรวนเดาใจยาก คล้ายมีความคลุ้มคลั่งภายในที่พร้อมจะประทุออกมาทุกเมื่อ

‘ผมไม่เชื่อความรักของคุณอีกแล้ว เจย์เดน’

เป็นความผิดของผมเอง

คาร์เรย์ไม่ค่อยปกตินับตั้งแต่มีปากเสียงกันครั้งล่าสุด ครั้งที่ผมรู้ความจริงว่าเขาเป็นฆาตกรมาก่อนเจอผม ไม่ใช่เป็นฆาตกรเพื่อผม ความผิดหวังอย่างรุนแรงนั้นทำให้ผมปฏิบัติกับเขาอย่างเย็นชา และนั่นทำให้คาร์เรย์เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

เขาคลาดแคลงตัวผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...

ฉะนั้นเมื่อผมหันหลังให้เขา เลือกเลียมแทนที่จะกลับไปกับเขา คาร์เรย์จึงไม่เหลือเยื่อใยที่ต้องให้เกียรติผมอีก เขาคิดว่าผมหมดรักเขาแล้ว...หรือไม่ ก็ไม่เคยรักเขาแต่แรก

ผมโหยหาความรัก แต่ไม่เคยมอบความรักตอบอย่างเท่าเทียม

ผมต้องการความซื่อสัตย์ แต่ผมเองก็ไม่เคยซื่อสัตย์กับใคร

ผมอยากเป็นคนสำคัญ แต่กลับไม่เคยยกตำแหน่งนั้นแก่ผู้อื่น

ตัวผมช่างว่างเปล่า...จนเกินไป

ด้วยเหตุนี้ เมื่อถูกเติมเต็มด้วยความรักแสนวิปลาส ผมจึงได้แต่ยอมรับแต่โดยดี

เพราะตัวผมแสนว่างเปล่านี้ช่างไร้คุณค่าเหลือเกิน

หากคาร์เรย์ยังคงรักผมที่เป็นแบบนี้ ทั้งที่เกลียดแต่ก็ยังรักมากขนาดนี้ ยังต้องการผม ยังเห็นผมเป็นคนสำคัญ

ผมก็ยอมให้เขาขังแต่โดยดี

เพราะเราอยู่ในจุดที่หวนกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

ความรู้สึกมันพังไปหมด แตกร้าวไม่ต่างจากเศษแก้ว ไม่ว่าพยายามประกอบอย่างไรก็ไม่เป็นรูปร่าง คาร์เรย์จึงได้แต่กอบโกยเศษทั้งหมดนั้นไว้รวมกัน เก็บไว้ในกล่องๆ หนึ่ง บรรจุทั้งที่ยังแหลกสลายเช่นนั้น เพื่อให้โลกของผมมีแต่เขาคนเดียว...

มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น!

“ที่รัก”

คาร์เรย์กลับมาแล้ว เขาเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ เป็นสปาเกตตีคุ้นตาที่ผมเคยบอกให้เขาทำเสมอ

“ผมคิดถึงคุณจัง”

คาร์เรย์ทิ้งตัวนั่งข้างเตียง วางถาดอาหารบนตัก ก่อนจะเอี้ยวตัวเข้ามาหอมแก้มผมที่นั่งพิงกับหัวเตียงด้วยท่าทางไร้การต่อต้าน

ผมเรียนรู้ตลอดหลายวันมานี้...ว่าหากไม่พูดอะไรขัดใจ เขาก็จะทำดีกับผมเหมือนเดิม

เป็นคาร์เรย์ผู้แสนดีของผมคนเดิม

“ผมซื้อเค้กมาด้วย คุณอยากกินมั้ย” คนรักว่าอย่างเอาใจ แย้มยิ้มน่ารักที่เมื่อก่อนผมชอบมองเหลือเกิน หากเป็นแต่ก่อน เขาจะรอให้ผมตอบรับ แต่ในตอนนี้...เขาไม่แม้แต่จะฟังคำของผม

“ผมจะไปเอามาให้นะ”

คาร์เรย์จูบหน้าผาก ส่งจานให้ผม ก่อนจะเดินลงไปหยิบเค้กขึ้นมา

ทุกอย่างมันพังไปหมด

แม้กระทั่งคำพูดของคนที่รัก ยังไม่อาจทำใจให้เชื่อ หากผมปิดใจตัวเอง คาร์เรย์ก็ไม่ต่างจากคนปิดความรู้สึก เขาพยายามปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนเดิม เหมือนแก้วที่มีรอยร้าว ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจปกปิดรอยนั้นได้

ทว่าทั้งผมและเขานั้นเป็นดั่งแก้วแตกละเอียด

เป็นยิ่งกว่ารอยร้าว เพราะไม่มีทางประกอบติดได้เลย

คาร์เรย์ปฏิเสธคำพูดของผม ปฏิเสธความรักของผม ปฏิเสธที่จะเชื่อใจผม

สิ่งเดียวที่ยังเหนี่ยวรั้งให้เราสองคนยังพูดคุยกันได้ มีเพียงความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่จิตใจ คาร์เรย์ยึดติดกับผมถึงเจ็ดปี ส่วนตัวผมเองก็ไม่เคยยอมรับใครเท่าเขาหลังจากเจ็ดปีที่ผ่านมา หากจะบอกเป็นคู่ที่เหมาะสม...ก็ต้องตอบว่าใช่ แต่ถ้าบอกว่าคู่เราไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ก็ตอบว่าใช่ได้อีกเหมือนกัน

ยามรักช่างแสนหวาน ทว่ายามร้ายกลับเจ็บลึกนัก

ผมไม่รู้ว่าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าคาร์เรย์จะทนได้ถึงเมื่อไหร่

และถ้าถึงจุดแตกหักขึ้นมา...

บางที เขาคงฆ่าผมด้วยสองมือนั้น!

นึกแล้วพลันสงบอย่างประหลาด คงเพราะชีวิตนี้ไม่หลงเหลือเป้าหมายใดอีกแล้ว ก่อนเจอเขาผมก็ไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ แม้สุดท้ายจะลงเอยแบบนี้ แต่ผมก็ยอมรับว่าช่วงเวลาที่ได้เจอคาร์เรย์อีกครั้งนั้นมีความสุขมากจริงๆ

ขอบคุณ...ที่กลับมา

แม้จะกลับมาเพื่อ ‘ทำลาย’ กันและกันก็ตาม

“เจย์เดน”

คาร์เรย์แตะเปลือกตาของผม เรียกให้ลืมตื่นอย่างเชื่องช้า หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมติดนิสัยชอบหลับตา มันทำให้จิตใจฟุ้งซ่านหนักจนบางครั้งถึงกับหลุดหัวเราะ แต่คนรักกลับเข้าใจผิด นึกว่าผมไม่อยากเห็นหน้าเขา ทุกครั้งที่เจอจึงมักเรียกชื่อเสียงอ่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จะพบกับใบหน้าเป็นกังวลของคาร์เรย์...ใบหน้าน่ารักของคนรักคนเดิม ฉะนั้นต่อให้เขาจะแสดงท่าทีเสียใจขนาดไหน ผมจึงไม่เคยอธิบายการกระทำนี้ให้เข้าใจสักที

เพราะผมชอบความรู้สึกนั้นเหลือเกิน

“คุณไม่กินเหรอ” คาร์เรย์ทิ้งตัวนั่งข้างเตียงเหมือนเก่า วางกล่องเค้กไว้ข้างจานสปาเกตตีที่ยังอุ่นๆ พลางมองผมอย่างระแวดระวัง คงเพราะความเชื่อใจของเขามันสูญไปหมด ทำไม่ว่าผมจะทำอะไร เขาล้วนคิดไปในทางลบเสมอ

“ฉันรอกินพร้อมนาย” ผมตอบ พยักเพยิกให้เขาเริ่มทานพร้อมกัน คาร์เรย์คลี่ยิ้มบาง ดูน่ารักแต่กลับแฝงความหมองเศร้า ราวกำลังชั่งใจว่าที่ผมทำดีในตอนนี้เพราะความรู้สึกจริงๆ หรือเพราะต้องการให้เขาปล่อยไปกันแน่

วันวานแสนหวานนั้นไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก

“เอ๊ะ เค้กนี่มัน...”

หลังกินเสร็จ คาร์เรย์พลันส่งกล่องเค้กให้ผมเปิดเอง อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบกินของหวาน จึงแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เขาซื้อกลับมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อเห็นหน้าเค้ก ผมก็รู้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าผมชอบหรือไม่ แต่เป็นเพราะวันนี้คือวันคริสมาสต่างหาก

‘งั้นคริสมาสนี้กินเค้กด้วยกันนะ’

ตอนนั้นผมพูดเพราะอยากเอาใจ แต่คาร์เรย์กลับจำได้

เขาจดจำได้ทุกอย่าง...

“ผมสั่งทำพิเศษเพื่อคุณเลยนะ” คาร์เรย์ชี้ไปที่หน้าเค้กซึ่งตกแต่งด้วยก้อนน้ำตาลซึ่งทำเป็นต้นคริสมาสและผู้ชายสองคนยืนคนละฝากฝั่งท่ามกลางน้ำตาลไอซ์ซิ่งสีขาวโพลน ผู้ชายทางฝั่งขวาทำท่าป้องปากตะโกน มีซอสสตอรี่วาดขึ้นไปเป็นกรอบคำพูด เขียนอย่างบรรจงว่า...

‘I Love U’

ผู้ชายฝั่งซ้ายนั้นยืนกอดตัวเอง ก้มหน้าต่ำ แต่ถึงกระนั้นก็มีกรอบคำพูดตอบโต้เช่นกัน

‘I Love U too’

ผมมองหน้าเค้กด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มันเสียดลึกในใจ ทำให้จุกแน่นในอกจนแทบบรรยายออกมาไม่ได้ คาร์เรย์ใช้เค้กก้อนนี้แทนความในใจของตัวเอง อาจเพราะยิ่งนับวันสภาพของเราสองคนก็ยิ่งย่ำแย่จนแทบประคองต่อไปไม่ไหว

“ผมรักคุณ” คาร์เรย์เอ่ยเสียงหวาน หวนคืนสู่วันวานที่ทุกวันนี้ผมยังฝันถึง “ผมรักคุณ...”

เสียงนั้นสั่นเครือ ทั้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่กลับสั่นเครือเหลือเกิน

บางทีผมคงต้องพูดออกมา

“ฉัน...”

คาร์เรย์จูบผม จูบอย่างลึกซึ้งจนผมไม่อาจเปล่งเสียง มันทำให้ความรู้สึกทั้งหมดของผมยิ่งสั่นสะท้าน...เขาไม่ยอมฟัง ทั้งที่เป็นคำที่เขาต้องการมากที่สุด เรียกร้องจากผมมากขนาดนี้ แต่กลับไม่ยอมฟัง

“กินเค้กกันเถอะครับ” คาร์เรย์ถอนตัวอย่างอ่อยอิ่ง จูบหน้าผากผมหนึ่งครั้ง ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งข้างเตียงเช่นเดิม 

ผมมองการกระทำเขาตั้งแต่ต้นจนจบ มองเขาที่ตอนนี้หยิบมีดแบ่งเค้กอย่างบรรจง ดวงตาหลุบต่ำ ไม่ยอมสบตา ราวกลัวว่าผมจะเห็นความในใจที่อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นฆาตกรคนนี้

หากคาร์เรย์เลือกที่จะไม่เชื่อคำพูดของผมอีกต่อไป

คำว่า ‘รัก’ นั้น...คงเป็นคำต้องห้ามสำหรับเราเสียแล้ว


คริสมาสแสนหวานที่เคยวาดฝันว่าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข

แท้จริงคงเป็นความเงียบเหงาอันขมขื่น

ทั้งที่อยู่ใกล้กันมากเหลือเกิน...



---------------------------
กระดึ้บๆ ทีละนิดค่ะ...ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะที่หายไปมีหลายสาเหตุรวมกัน  แต่ขอรับประกันว่าเรื่องนี้จบแน่นอน! เพราะนี่ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่บทแล้วค่ะ :heaven

ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นเรื่องดาร์กดราม่าโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อย...อยากให้ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ทำความเข้าใจค่ะ เอาเข้าจริงตัวเอกเรื่องนี้ไม่มีคนไหนดีสักคน แต่นั่นก็เพราะพวกเขาเป็น "มนุษย์" ถ้ามองหาตัวเอกแสนดี คงไม่ใช่ในนิยายเรื่องนี้ค่ะ เพราะเราเเต่งสนองนี๊ดโดยเฉพาะ คั้นมาจากความโรคจิต(?)จากใจล้วนๆ แต่ละคนมีเหตุผล มีความเห็นแก่ตัวที่ต่างกันไป อยากให้อ่านอย่างสนุกสนานนะคะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ด้วยค่ะ กลับมาตั้งหลักต่อได้ก็ได้กำลังใจนี่เเล เรื่องในช่วงนี้แต่งยากแท้  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
-w- อุ๊

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:   เรียมล่ะ เรียมล๊าาาาาาา  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
อู้ยยย ตอนนี้อึดอัดกดดันมากค่ะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

เจย์เดนจะเป็นยังไงต่อไป...แล้วชะตากรรมของเลียมล่ะะะ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

อันที่จริงอวยเลียมมาก(?) เชียร์เลียมสุดๆ หวังว่าจะยังอยู่รอดปลอดภัยน้าา

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
คู่นี้อึมครึมสุดๆ  :katai1:

แล้วเลียมล่ะ คงยังอยู่ดีนะ  :ling3:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
โอยยยยยย เจ็บปวดดดดด  หน่วงที่สุด!

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านแล้วรู้สึกถึงบรรยากาศของสองคนนี้

นี่ถ้าไปนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วยคงกระอักตาย555555

เชียร์ให้สองคนกลับมารักกันแบบเดิม
#ทีมคาร์เรย์

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ  :hao5: แอนตี้เลียม  ฮี่ๆ  o18

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อยากให้ทั้ง 2 กลับมารักกันเหมือนเดิมค่ะ
บรรยากาศและความรู้สึกแบบนี้มันหนักอึ้งจริงๆ  :ling1:

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอวันที่เจย์เดนอารมณ์ระเบิดลง จุกเหลือเกินแค่คำตอบรับความรักยังเอ่ยออกมาไม่ได้

ตัดลิ้นมั้ยถ้าทำท่าไม่อยากฟังเจย์พูดขนาดนั้น  :katai1::katai1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เรานึกถึงประโยคหนึ่งที่เคยฟังมา "แก้วใบโปรดของฉันที่เธอทำแตก ถึงเธอจะกอบชิ้นส่วนทั้งหมดนั้นเพื่อนำไปหลอมคืนขึ้นใหม่ให้ฉัน พยายามทาทาบมันด้วยสีเฉดเดียวกัน ถึงแบบนั้น มันก็ไม่ใช่แก้วใบเดิมที่ฉันรัก"

ให้ความรู้สึกแบบนี้เลยค่ะ :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เศร้าาาาาาาาา

สงสารทั้งสองเลย อยากให้จบแฮปปี้ ใครเป็นพระเอกก็ได้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
อ่านแล้วเศร้าเลย

เลียมตอนนี้เป็นไงไม่รู้

รู้แต่ว่าตอนนี้เจย์เดนถูกขัง

สงสัยคงได้แบบนี้ทั้งชีวิตเห้อ

จบได้มืดมนแท้

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เจ็บปวดแทน  :o12:

แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม

  • บุคคลทั่วไป
มาคุมากก :serius2:


ออฟไลน์ 14th-friedegg

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขอเปะโป้งไว้ก่อนนะคะ

พึ่งอ่านมาได้ถึงตอนที่4เอง สนุกมากๆเลยคะ

ลุ้นแบบลุ้นมากๆ

ชอบคนบุคลิกเหมือน คาเรย์ จัง ทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่รัก

กลัวจังเลยคะว่าถ้าคนที่รักทำให้ตัวเองเสียใจ จะเป็นเผลอฆ่าคนที่รักเนี่ยสิคะ  :sad4:

แต่ชอบความโหดของเรื่องนี้คะ ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
กลับมาอ่านแล้ว บอกความรู้สึกไม่ถูกเลยจ้า เฮ้อ ตอนแรกก็ดูลุ้นดี แต่ตอนปัจจจุบัน อะไรกันนี่?

จะสงสารใครดีเลือกไม่ถูกจริงๆ เฮ้อออ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 16 : “ผมทำไม่ได้!”

คาร์เรย์อยู่กับผมทั้งอาทิตย์ จนกระทั่งถึงวันขึ้นปีใหม่

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิด เคยยอมทิ้งนิสัยเกลียดความวุ่นวายของตัวเองเพื่อพาคาร์เรย์ไปเคาท์ดาวน์กันในชุมชน แต่เมื่อเวลานี้มาถึง สายโซ่เส้นหนึ่งกลับเป็นคำตอบของทุกอย่าง ผมนั่งเคาท์ดาวน์บนเตียง นอนพิงอกคาร์เรย์ที่ซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง โอบกอดเอวพลางทิ้งศีรษะซบบ่าผมอย่างเงียบงัน

“สิบ...”

พวกเราหันหน้าออกไปทางกระจกใสเชื่อมต่อไปยังระเบียง อากาศข้างนอกหนาวจนพร่ามัว แต่กระนั้นก็เห็นแสงสีครื้นเครงจากในหมู่บ้านซึ่งฉลองงานรื่นเริง

“เก้า”

ผมยังคงนับด้วยเสียงแผ่วเบา

“แปด”

ปกติในคืนที่ควรน่าดีใจนี้ ผมมักนอนเปิดทีวีอยู่ในห้องพักซ่อมซ่อ อย่างน้อยเสียงเพลงที่ขับกล่อมอย่างครึกครื้นของสำนักข่าวต่างๆ ก็ช่วยให้ผมไม่เงียบเหงาจนเกินไป

“เจ็ด”

บางปีแม้จะนอนกอดตัวเองอย่างเหน็บหนาว เพราะฮีทเตอร์ที่ห้องทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่ทุกครั้งที่ได้นับเลขถอยหลังไปพร้อมๆ กับทุกคนผ่านหน้าจอ แม้จะต่างที่ ต่างประเทศ ต่างหน้าตา ถึงกระนั้นผมก็จะอมยิ้มออกมานิดๆ เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยเราก็มีกิจกรรมร่วมกัน

ผมยังเป็นส่วนหนึ่งในนั้น

“หก”

คาร์เรย์กอดผมแน่น เขายังไม่เงยหน้า ราวกับว่าแค่หลับไป

“ห้า”

เสียงหอบสะท้านดังเฮือกหนึ่งในความมืด ก่อนจะมานั่งกอดกันเช่นตอนนี้ผมให้เขาปิดไฟจนหมด เพื่อที่จะได้รอชมดอกไม้ไฟจากนอกหน้าต่างชัดๆ

“สี่”

ผมพิงน้ำหนักบนตัวคนรัก ทั้งที่หน้าตาอิ่มเอิบขึ้น ไม่ผอมโซซูบซีด แต่การนอนนิ่งเพียงอย่างเดียวติดต่อกันเกือบสองสัปดาห์ทำให้ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่นั่นคงเป็นจุดประสงค์ของคาร์เรย์ที่ทำให้ผมหมดสิ้นหนทางที่จะหนีมากกว่า

ทั้งที่ผมไม่เคยคิดหนีไปจากเขา

“สาม”

นึกแล้วก็อดคิดถึงเลียมไม่ได้ หากตอนนั้นผมไม่ยอมให้พาตัวไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนะ คาร์เรย์คงไม่โกรธถึงขั้นฆ่าพ่อของอีกฝ่าย คงไม่ตามมาแล้วจุดไฟเพื่อวัดใจผมแบบนั้น จะว่าไป...จนป่านนี้เลียมออกจากพยาบาลรึยังนะ

หลังฟื้นขึ้นมาคาร์เรย์บอกแค่ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส เพราะเอาตัวปกป้องผมไว้ เป็นตายไม่ต่างกัน

อย่างน้อยการที่เขาไม่ฆ่าเลียมในทันทีก็ทำให้ผมซึ้งใจมากแล้ว

“สอง”

ผมสะดุ้งเมื่อแรงกอดแน่นขึ้น จากประคองตรงเอวกลับกลายเป็นรัดแน่นที่ช่องท้องและหน้าอก ทว่าคาร์เรย์ยังซุกหน้านิ่ง ส่งเสียงครางเบาๆ ที่ผมต้องเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ

“หนึ่ง...”

ผมหลุดยิ้ม บางทีที่เขานั่งนิ่งอาจเพราะระงับความตื่นเต้นอยู่ก็เป็นได้

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะก้าวผ่านปีนี้ไปด้วยกัน

พลันเสียงดอกไม้ไฟดังสนั่น แทรกผ่านหน้าต่างพร้อมแสงหลากสีชำแรกผ่านความมืดก่อนแตกกระจายทั่วผืนฟ้า

“สุขสันต์วันปีใหม่นะคาร์เรย์”

“สุขสันต์วันปีใหม่ครับ เจย์เดน” คาร์เรย์เงยหน้าขึ้นในที่สุด ใบหน้าเปื้อนยิ้มน่ารัก ไร้ซึ่งความคลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิงราวแก้วใสกระจ่าง “ผมดีใจจังที่คุณยังอยู่ตรงนี้”

คาร์เรย์ประทับริมฝีปากแผ่วเบา เต็มเปี่ยมด้วยความจริงใจอันแสนบริสุทธิ์ แต่นั่นกลับทำให้ผมเพิ่งเข้าใจ

เขาไม่ได้ตื่นเต้น แต่ที่กอดผมและนั่งนิ่งมาตลอดนั้น

เพราะกลัวว่าเมื่อข้ามพ้นปีนี้ไป...ผมจะไม่อยู่ข้างกายเขาต่างหาก




ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ก็เหมือนเอื้อมมือไขว้คว้าในความมืด

มีเพียงความว่างเปล่าทิ้งตัวระหว่างเรา

ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ราวสวนทางกับครั้งแรกที่เขาพยายามควานหาความรักของผม ตอนนั้น แม้ผมจะตอบรับ แต่ก็ไม่ได้รักเขาเต็มหัวใจ แต่ในตอนนี้ ทั้งที่ผมยอมทุกอย่างขนาดนี้ ยอมกระทั่งให้เขาทำตามใจชอบ ยอมให้จับขัง ยอมที่จะไม่มีอนาคต ยอมที่จะมีเพียงเขาคนเดียว...

แต่กลับไม่อาจส่งความรู้สึกนี้ไปถึงได้เลย!

เคยมีคนกล่าวว่า...คนบางคนนั้นมัวแต่ปิดกั้น กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งไหนสำคัญ ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ผมกำลังเป็นเช่นนั้น

แต่ที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่า คือคาร์เรย์ไม่ได้ไปจากผม ทั้งที่อยู่ห่างเพียงแค่นี้ ทั้งที่ยังได้รับความเอาใจใส่จากอีกฝ่ายทุกวันแท้ๆ แต่กลับได้แต่อึดอัดอยู่แบบนี้ ไม่ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับ

ไม่มีทางเลย...

“คุณอยากได้ของขวัญอะไรมั้ย” คาร์เรย์เดินออกจากห้องน้ำ สวมชุดสูทเป็นทางการและหวีผมเรียบร้อยดูสมตำแหน่งประธาน เพราะแม้จะเป็นวันปีใหม่ แต่เขากลับต้องเดินทางไปทักทายผู้บริหารคนอื่นๆ เพื่อสานสัมพันธ์อันดี

“อยากกินไก่งวง” ผมพึมพำ ขณะช่วยผูกเนคไทค์เมื่อคาร์เรย์เดินถือเข้ามาเหมือนทุกวัน แต่ที่แตกต่าง คือวันนี้เขาดูมีความสุขกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

มันทำให้ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย บางที...เขาอาจยอมรับผมบ้างแล้ว

“ได้สิครับ” คาร์เรย์ว่าพลางหอมศีรษะผมแรงๆ เมื่อคืนหลังนอนดูดอกไม้ไฟด้วยกัน ผมกับเขาก็เผลอหลับทั้งคู่ หากไม่ได้นาฬิกาปลุกร้องเตือน คาดว่ากว่าจะตื่นจริงๆ คงสายโด่

“ตอนเที่ยงกินขนมปังไปก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นผมจะซื้อไก่งวงกลับมา”

“จะมีร้านเปิดเหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจ ปีใหม่นี้ร้านรวงส่วนใหญ่ต่างก็หยุดฉลองกันทั้งนั้น

“ต้องมีสิ” คาร์เรย์คลี่ยิ้มจาง หากแต่ดวงตาประกายวาววูบหนึ่ง “ผมหาให้คุณได้ทุกอย่าง ที่รัก”

ผมเงยหน้ารับจูบจากอีกฝ่าย ก่อนจะโบกมือลาด้วยรอยยิ้มขื่นเมื่อคาร์เรย์เดินออกไป เสียงปิดประตูดังแผ่ว ทิ้งตัวผมให้อยู่ในความเงียบเช่นทุกวัน ต่างก็แต่วันนี้คาร์เรย์มีตารางเดินสายยันเย็น ผมจึงต้องกินข้าวเที่ยงคนเดียวด้วยขนมปังหนึ่งก้อนและนมกล่องหนึ่ง

ผมทิ้งตัวพิงกับหัวเตียง ไม่อยากขยับตัวเพราะเสียงของสายโซ่นั้นทำให้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย จริงอยู่ว่าผมลืมเบรดได้แล้ว...ลืมสิ้นกระทั่งความรู้สึกเพราะภาพของอีกฝ่ายยามตายช่างติดตาเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครชมชอบเวลาถูกคนรักกักขังแบบนี้หรอก

ผมเหม่อมองระเบียง อยากออกไปสูดอากาศยามเช้า อยากยืนและหลับตานิ่งรับลมหนาวเช่นนั้น อย่างน้อยคงช่วยบรรเทาความอ่อนล้าในใจของผมได้

แต่ไม่มีทางหรอก

ผมหลับตาเชื่องช้า ปล่อยให้ความนึกคิดล่องลอยไปไกล

ผมไม่มีวันได้ออกจากกล่องสี่เหลียมห้องนี้ได้อีกแล้ว

ตุบ!

เพราะรอบกายมีเพียงความเงียบ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมผมจึงรู้สึกตัวทันที

ฟึ่บ ฟึ่บ

เสียงนั้นมาจากระเบียง ผมผุดลุก เดินลงจากเตียง หากแต่ความยาวของสายโซ่ทำให้ผมขยับออกมาได้แค่สองก้าวเท่านั้น แม้จะชะเง้อมองยังไงก็ไม่เห็นต้นเสียงสักที ทว่ารั้วระเบียงนั้นกลับลั่นเอี๊ยดอาดราวกำลังรองรับน้ำหนักบางอย่าง แถมตรงมุมขวายังมีเชือกผูกหินติดอยู่ระหว่างช่องว่าง บ่งบอกว่านี่คงเป็นเสียงแรกที่ดังจนผมสะดุ้ง

มีคนกำลังปีนขึ้นมา...

ทันใดนั้น กลุ่มผมสีทองซึ่งครอบด้วยหมวกไหมพรมพลันโผล่พรวดตรงขอบระเบียง ผมสะดุ้งเฮือก เพราะร่างนั้นสวมแว่นตาดำอันโตและผ้าปิดปากจนไม่เห็นหน้า แถมยังสวมเสื้อโค้ททับหลายชั้นราวกับว่าหนาวนักหนา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเขากำลังปีนข้ามระเบียงเข้ามา!!

ผมพยายามมองหาอาวุธ แต่คาร์เรย์เก็บพวกของมีคมห่างจากตัวผมไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อร่างนั้นเดินมาเคาะประตูกระจกเสียงเบา ถอดแว่นตาและรั้งผ้าปิดปากลงจนเห็นชัดว่าเป็นใคร

“เลียม!?”

เป็นไอ้เด็กเวรจริงๆ แม้ว่าจะซูบซีด เหมือนกับผมเมื่อก่อนแถมยังตัดผมสั้นติดหนังหัว แต่คนที่ยืนยิ้มตรงหน้าคือเลียม!!
ผมเดินถอยหลัง แม้จะอยากบอกขอโทษ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่อาจสู้หน้า เขาเจ็บเพราะผมมามากพอแล้ว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนความหวังก็ไม่มีทางเป็นจริง รั้งแต่จะให้ทุกอย่างพังลงไปกว่าเดิมมากกว่า

ผมสะท้อนในอก รีบเดินกลับไปที่เตียง ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมตัว บ่งบอกชัดว่าไม่ต้องการเจอเขา

เสียงเคาะหายไปแล้ว บางทีเขาคงจะยอมกลับไป

แต่ว่า...ผมคงลืมว่าเลียมเคยพังหน้าต่างเข้ามา!

แกร่ก!

ผมเงยหน้าพรวด รู้สึกถึงลมหนาวจากภายนอกพัดโชย บ่งบอกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาสำเร็จ โชคยังดีที่ครั้งนี้ไอ้เด็กเวรไม่เอาก้อนหินทุบกระจกแตก เพียงแค่แงะกุญแจอย่างเชี่ยวชาญจนเกินไป

“กลับไป!”

ผมตะโกนลั่นเมื่ออีกฝ่ายปิดประตูให้อย่างสุภาพจนน่าหมั่นไส้

“กลับไปเลยนะ!!”

เลียมยังลอยหน้าลอยตา เขาถอดเสื้อโค้ทหลายชั้นพาดกับเก้าอี้ เผยให้เห็นรูปร่างผอมโซและใบหน้าซูบตอบเหมือนคนอมโรค และนั่นทำให้ผมใจแข็งไล่เขาไม่ลง

เพราะเมื่อมองดีๆ ช่วงลำคอเป็นต้นมาเขามีผ้าพันแผลพันทั้งตัว!

“ดีจังที่คุณยังสบายดี”

ไอ้เด็กเวรมันทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของมันเอง

“ผมนึกว่าเขาจะทำร้ายคุณซะแล้ว...”

มันเดินเข้ามาปัดปอยผมทัดหูอย่างอ่อนโยน แย้มยิ้มกว้างให้ผมอย่างไม่ติดใจอะไร ทั้งที่ตัวมันเกือบตาย อีกทั้งพ่อมันเองก็ตายเพราะผมไปแล้ว!

“เลิกยุ่งกับฉันเถอะเลียม แค่นี้ยังสูญเสียไม่พออีกรึไง”

ผมแทบจะวอนขอ ไอ้เด็กเวรเพียงยิ้มนิ่งๆ ทว่าดวงตาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย

“เพราะสูญเสียมากเกินไป ผมเลยไม่อยากเสียคุณไปอีกคน”

เลียมทิ้งตัวนั่งบนเตียง มองโซ่ซึ่งล่ามข้อเท้าผมด้วยความเกลียดชังวูบหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมเป็นเชิงไม่เป็นไร

“เจย์เดน ผมตื่นขึ้นมาแล้วเจ็บไปทั้งตัว ไฟไหม้แผ่นหลังของผมที่คู้ตัวปกป้องคุณเอาไว้ ไหม้จนหมอบอกว่าหนังละลายออกมา กลายเป็นรอยแผลเป็นชั่วชีวิต แต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ารู้ว่าพ่อตาย...ตายเพราะความดื้อรั้นของผมเอง เจย์เดน ผมกับพ่อไม่สนิทกันนัก แต่ผมรักพ่อ และพ่อก็รักผม คุณเข้าใจความสูญเสียนี้ใช่มั้ย”

ไม่...ผมไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

เพราะพ่อไม่ได้ตายเพื่อผม อย่าว่าแต่รักผมเลย เขายังทิ้งผมไปด้วยซ้ำ!

ทว่าเลียมเพียงคลี่ยิ้มจาง เขาไม่ได้ร้องไห้ น้ำเสียงเองก็ไม่สั่นเครือ ดูเข้มแข็งจนน่าประหลาดใจ

“ผมเสียใจมาก แต่ที่เสียใจที่สุดเพราะไม่รู้จะอธิบายกับแม่ยังไง ความจริงมันจุกที่อก อยากบอกว่าพ่อตายเพราะผม เป็นเพราะผมสะเพร่า คิดอะไรตื้นๆ เอง แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะถูกเกลียด จนถึงตอนนี้ผมยังไม่กล้าสู้หน้าแม่ด้วยซ้ำ แต่เพราะแบบนี้ ผมถึงมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม...”

เลียมจับมือผม บีบเบาๆ อย่างห่วงหา

“ผมเลือกวิธีการผิดแต่แรก ทุกอย่างถึงพังไม่เป็นท่า แต่ไม่ต้องห่วงนะเจย์เดน ผมเป็นลูกตำรวจ ฉะนั้นผมจะสู้ด้วยกฎหมาย  ถึงคาร์เรย์จะจัดการหมดจดอย่างไร ก็ไม่อาจหนีความจริงที่เขาทำได้หรอก”

“เลียม...” ผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลง แม้เลียมจะไม่พูดออกมา แต่ผมรู้ว่าเขากำลังจะบอกอะไร

ไอ้เด็กเวรกำลังหาหลักฐานตามจับคาร์เรย์!

“หากการแย่งคุณมาจากเขาคือเรื่องเป็นไปไม่ได้  ถ้าอย่างนั้น...”

เลียมมองผมอย่างลึกล้ำ หากแต่ดวงตาที่เคยมอบความรักให้อย่างบริสุทธิ์ใจนั้นกลับดำมืดเหลือเกิน

ผมไม่เห็นไอ้เด็กเวรแสนดีคนนั้นแล้ว

“ผมก็จะทำให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยมือเอง!”

“เลียม!” ผมตะโกนลั่น เรียกสติไอ้เด็กเวรที่คิดไปไกลสุดกู่ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน เลียมหอบหายใจโยน มันคงไม่หายดีนัก ใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงยังมีพิษไข้จากอาการบาดเจ็บ ยิ่งมาออกกำลังกายท่ามกลางอากาศหนาว จึงอาจทำให้ระบบความคิดผิดเพี้ยนไป

ใช่ เพราะแบบนั้นแน่ๆ มันถึงพูดอะไรบ้าๆ แบบนี้

“นายต่างหากที่ควรปล่อยมือจากฉันสักที!” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งใจว่าวันนี้ต้องสะสางเรื่องราวให้จบ แค่เรื่องของผมกับคาร์เรย์ก็ทรมานทั้งเป็นพออยู่แล้ว ผมไม่อยากให้มันวุ่นวายกว่าเดิมเพราะการกระทำของไอ้เด็กเวรนี่หรอกนะ

ปล่อยผมไปเถอะ

กลับไปสู่ที่ของนาย อย่ามาจมปลักแบบนี้ อย่ากระโจนลงมาด้วยกันแบบนี้!

“ฉันเลือกคาร์เรย์ ไม่ว่าเขาจะทำยังไงฉันก็เลือกเขาอยู่ดี ฉะนั้นคนที่ควรไปคือนายต่างหาก!”

เลียมปล่อยมือผม ผละถอยห่าง กัดปากพลางส่ายศีรษะน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ

“ไม่จริงหรอก...” ไอ้เด็กเวรเอ่ยเสียงเครือ “หากคุณเลือกเขา แล้วทำไมถึงถูกขังแบบนี้ล่ะ! ทำไมถึงถูกล่ามโซ่! ไม่ใช่ว่าเพราะคุณพยายามจะหนีออกมาหรือไง!!”

ผมชักอยากจะร้องไห้บ้างเสียแล้ว

“ไม่ใช่...”

“คุณห่วงผมใช่มั้ย คุณกลัวว่าผมจะเป็นอะไรไปอีก ไม่เป็นไรนะเจย์เดน ผมจะระวังตัวกว่าเดิม ที่ปีนขึ้นมาวันนี้ก็เพราะที่ระเบียงไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนคนที่คาร์เรย์ให้ตามคุณก็เป็นคนของผมเอง เพราะคนเก่าทำงานผิดพลาด เขาจึงหาคนจ้างวานใหม่ ผมจึงซื้อตัวไว้แต่แรกแล้วให้มาติดต่อกับเขา ฉะนั้นเรื่องวันนี้จะไม่มีใครรู้ ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ จะไม่มีการผิดพลาดอีกแล้ว”

“ไม่ใช่...”

“หรือคุณยังกังวลอยู่อีก ไม่เป็นไรนะเจย์เดน ตอนนี้ผมเริ่มรวบรวมหลักฐานได้บ้างแล้ว คงเพราะครั้งนี้เขารีบร้อนหาคุณ จึงประมาททิ้งหลักฐานไว้บางส่วน แม้ตอนนี้ยังต่อไม่ติด แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อจับกุมเขาให้ได้ คดีใหญ่ขนาดนี้ทางตำรวจให้กำลังคนกับผมมากมาย อีกไม่นานคุณจะได้ออกมาแน่นอน ไม่ต้องถูกขังอยู่อย่างนี้...”

“พอสักทีเถอะเลียม!!”

ผมแทบทนฟังไม่ได้ เลียมกำลังวาดฝัน วาดความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงอย่างที่เขาเคยชวนให้ผมหนีไปด้วยกัน

มันยิ่งตอกย้ำ...ตอกย้ำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิม!

“เจย์เดน...” เลียมครางเสียงแผ่ว มองผมที่ร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น

ผมไม่เคยร้องไห้ นับจากวันที่รู้ความจริงของคาร์เรย์...ก่อนจะถูกเลียมลักพาตัวไป ผมก็ไม่เคยร้องไห้อีก แม้ว่าเวลาที่ผ่านมานี้จะรู้สึกขมขื่นมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยร้องไห้ เพราะลึกๆ ในใจรู้ดีว่าทุกอย่างมันพังด้วยตัวผมเอง เป็นผมเองที่ทำให้ชีวิตทุกคนไม่เหมือนเดิม!

ทั้งที่เก็บไว้แน่นหนาแล้วแท้ๆ แต่เลียมกลับแง้มมันออก

ตอกหน้าผมว่าต่อให้พยายามแค่ไหนผมก็คงได้แต่อยู่แบบนี้จนตาย!

อ่า...คาร์เรย์รักผม ผมเองก็ยอมรับ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออยู่ด้วยกันกลับช่างเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ผมจะไม่ทำผิดซ้ำอีก แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่ผมก็ยังต้องการเขา จะทำร้ายกันมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังต้องการผม

“ฉันตอบรับความรู้สึกนายไม่ได้” ผมเอ่ยออกมาอย่างขมขื่น มองดูเลียมซึ่งเป็นอีกคนที่พยายามเหลือเกิน แต่ก็ไม่เคยได้สิ่งที่ต้องการกลับคืน “กลับไปเถอะเลียม กลับไปสู่ที่ของนาย กลับไปยังอนาคตที่ไม่มีฉัน ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วหาความรักที่ดีกว่านี้เถอะ”

“ผมทำไม่ได้!”

คราวนี้เลียมร้องไห้ออกมาจริงๆ ใบหน้าถือดีกลายเป็นความเวทนา เขาคุกเข่าแทบเท้าผม อ้อนวอนผม ขอความรักจากผม

“ผมรู้ว่าผมควรถอนตัว ควรทำไปตั้งนานแล้ว...แต่ผมยังเห็นคุณอยู่แบบนี้ ยังรู้ว่าคุณถูกขังอยู่อย่างนี้...ผมทำไม่ได้จริงๆ เจย์เดน”

เลียมซุกหน้าลงบนฝ่ามือ

“ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...”

ไอ้เด็กเวรร้องไห้สะอื้นอย่างไม่อาย และนั่นทำให้ผมหลับตาอย่างปวดร้าวเหลือเกิน

   เพราะเลียมพูดถูกทุกอย่าง

แต่จะโทษคาร์เรย์ก็ไม่ได้ เขาเป็นแบบนี้แต่แรก เป็นฆาตกรมาก่อน ผมต่างหากที่ไปช่วยเขาออกมา สัญญากับเขา ให้ความหวังกับเขา ในเมื่อเขากลับมาตามคำที่ให้ไว้ ตัวผมจะปฏิเสธได้ยังไง

ผมจะทิ้งเขาไปได้ยังไง...

“ฉันเลือกไปแล้ว เลียม” ผมลืมตาพลางกล่าวกับอีกฝ่ายที่ยังคุกเข่าแน่นิ่งทั้งเสียงสะอื้น “ปล่อยให้ฉันไปตามทางที่เลือกเถอะ”

“ผม-ทำ-ไม่-ได้!” เลียมตะโกนกร้าว ขอบตาขาวแดงก่ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก เชื่อว่าเขาเองก็ทุกข์ใจไม่ต่างกันก่อนจะตัดสินใจมาพบกับผมในวันนี้

เขาเพียงพยายามหาทางออกให้กับผม

เขาเพียงพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสำหรับผมเท่านั้น!

“แต่ฉันไม่ต้องการ...” ผมรู้ดีว่าใจร้ายเหลือเกิน แต่ถ้ายังปล่อยไปแบบนี้มันจะแย่กว่าเก่า แค่นี้ผมก็เจ็บจะแย่แล้ว อย่าให้ต้องรู้สึกผิดเพราะดึงคนดีๆ อย่างเลียมเข้ามาในวังวนบิดเบี้ยวนี่เลย

ผมเคยสงสัย...ว่าทำไมคาร์เรย์ถึงยังปล่อยเลียมมานานขนาดนี้

ส่วนหนึ่ง คงเพราะเขานับถือน้ำใจในความรักของเลียม

เหมือนที่ผมนึกขอบคุณเหลือเกิน

แต่ว่า...

“ฉันไม่ต้องการความหวังดีนั้น ฉันไม่ต้องการจะออกไปจากที่นี่ ฉันไม่ต้องการความรักของนาย ฉัน...” ผมกัดริมฝีปาก พยายามเค้นความรู้สึกทั้งที่เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน “ฉันไม่ต้องการนาย เลียม!”

ราวสายฟ้าฟาดกระหน่ำ เลียมกระตุกตัว สูดหายใจเฮือก แม้ผมจะเคยปฏิเสธเขามากมายแค่ไหน แต่ไม่เคยพูดเด็ดขาดเท่าวันนี้
ไอ้เด็กเวรเงยหน้า มองผมด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ใบหน้ายังคลอน้ำตา แต่กระนั้นมันก็พยายามยันตัวลุกขึ้นด้วยท่าทางโซเซ

“ผมรู้...” มันพึมพำ “ผมรู้มานานแล้ว ผมมันก็แค่ส่วนเกิน”

เลียมเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวม ทำท่าจะยอมถอนตัวออกไป

เห็นแล้วผมก็ก้มหน้าพลางคลี่ยิ้มออกมา หากแต่เป็นรอยยิ้มอำลาที่สะท้อนในอกเหลือเกิน ผมยอมรับว่ารู้สึกใจหาย อดเศร้าไม่ได้หากไม่เห็นเลียมอีก แต่ถึงอย่างนั้น...

“แต่ผมทนเห็นคุณเป็นแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

ผมเงยหน้ามอง พบว่ามันยืนอยู่ตรงประตูกระจก มองหน้าผมด้วยดวงตากร้าว แม้จะยังมีน้ำใสคลอหน่วย แต่กลับแฝงความดึงดันอย่างที่ผมรู้จักดี

“คุณพังไปแล้ว...คาร์เรย์เองก็พังไปแล้ว...ถ้าอย่างนั้น...ก็ให้ผมพังไปด้วยเถอะ!!”

เลียมหัวเราะออกมา เผยยิ้มกว้างอย่างโล่งใจราวหาคำตอบให้ตัวเองได้สำเร็จ

“ให้มันพังไปทั้งแบบนี้นั่นแหละ!!”



-----------------

เคยมีคนบอกว่า ถ้าเกิดเรารักใครจริง ต่อให้ไม่สมหวัง แต่หากเห็นคนรักมีความสุข เราก็จะสามารถปล่อยเขาไปได้
แต่สำหรับเลียม สิ่งที่เขาเห็นจากเจย์เดน กลับไม่มีสิ่งนั้นอยู่เลย

“ทำไมคุณถึงไม่มีความสุขให้ผมเห็นล่ะ! ทำไมคุณไม่เลือกคนรักที่ดีกว่านี้! ถ้าแค่นั้นล่ะก็...ถ้าแค่นั้นผมคงตัดใจไปแล้ว...”

นี่คือความรู้สึกของเลียมค่ะ
ไม่ใช่ว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากปล่อยไป แต่ในตอนนี้ สิ่งที่เห็นตอนนี้ ทำให้เขา "ทำไม่ได้"

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ มาร่วมลุ้นไปยังตอนจบนะคะ เหลืออีกประมาณ 2-3 ตอนแล้ว  :katai1:


ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอยยย ปวดใจกับความรักของพวกเขาจริงๆ   :hao5:

อะไรจะเศร้าปานนี้ล่ะลูกกกก

เอออ ให้มันพังกันให้หมดทุกคนเลยนั่นแหละ จะได้เท่าเทียมกันสักที ฟาดฟันกันจนกว่าจะตายไปข้าง

ในเมื่ออยู่ก็เหมือนรักไม่ได้ และในเมื่อรัก แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน 

ก็ให้มันไปในทางของมัน ไม่ว่ารักนี้จะจบลงยังไง หรือจะไม่มีใครได้อยู่ด้วยกันเลย

เราก็ขอฝังความรู้สึกทุกอย่างที่ได้จากเรื่องนี้ เอาไว้ในใจค่ะ   :กอด1:  รักเลย


ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เรามีความรู้สึกว่ามันจะจบแบบโศกนาฎกรรมยังไงไม่รู้อ่ะ :katai1:
นับถือใจเลียมเลย เหมือนนายจะมีออร่าพระเอกจริงๆ ช่วงหลังๆมานี่รู้สึกว่าคาเรย์เป็นตัวร้ายตลอด :z3:
ส่วนเจย์เดน อ่อนปวกเปียกเชียวนะ :ling2:
เดาไม่ถูกจริงๆว่าจะเป็นยังไงต่อ :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด