ตอนที่ 4 ที่รัก
“ลุงครับ บะหมี่เกี๊ยวต้มยำที่นึง คุณล่ะเอาไรครับ?”
“เอาเหมือนนาย”
“สองเลยลุง”
พิชกับปุณณ์เลือกนั่งโต๊ะตัวหนึ่งติดถนน แม้จะเป็นเวลากลางคืนแต่คนก็ออกมากินข้าวกันตามฟุตบาทเยอะมาก จนปุณณ์ต้องใส่เสื้อคลุมคณะของพิชมาด้วย อย่างน้อยปุณณ์ที่คนอื่นรู้จักก็เรียนจบแล้วไม่ได้อยู่คณะวิศวะ!
“ทำไมต้องนั่งก้มหน้าด้วยคุณ?”
“เดี๋ยวคนจำได้… คราวก่อนแค่ไปเซเว่นใกล้บริษัท ยังถูกรุมทึ้งเป็นชั่วโมง”
“ไม่ดีหรอครับ แฟนคลับให้ความสนใจ”
“มันก็ดีนะ แต่โดนดึงไปดึงมา เล็บขูดเป็นแผลเต็มแขน ขี้เกียจทำแผล”
“โห เจ็บมั้ยครับ?”
“ก็ชินแล้วล่ะ ยิ่งเวลาคอนเสิร์ตต่างประเทศ เวลาร้องเพลงก็มีวิ่งส่งมือให้แฟนคลับบ้างใช่มั้ยล่ะ … เคยเกือบหน้าทิ่มลงไปเพราะ
โดนดึงตั้งหลายครัง”
“อ้อ… เหนื่อยเหมือนกันนะครับเป็นคนดัง งั้นไปกินที่คอนโดดีดว่า นั่งก้มหน้ากินดูลำบาก ลุงครับ ใส่ถุงเลยนะครับ”
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง…”
“เอาน่า ผมขี้เกียจมองหัวคุณ จะว่าไปคนก็เริ่มมองคุณด้วย ผมไม่อยากถูกจ้องไปด้วย”
“อ่ะได้ละหมี่เกี๊ยวลื้อสองถุง แปดสิบบาท”
“ขอบคุณครับ นี่ครับ ป่ะกลับกัน”
ปุณณ์รีบลุกตามพิชแต่ก็ชะงักเมื่อแขนข้างหนึ่งถูกดึงไว้ เด็กวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาล้อมตัวเขาทันทีที่เพื่อนหยุดเขาไว้ได้
“ใช่พี่ปุณณ์ใช่มั้ยคะ หน้าเหมือนมากเลยค่ะ”
“พี่ปุณณ์จริงๆด้วย มากินข้าวหรอคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ”
“พี่ปุณณ์ตัวจริงหล่อมากเลยค่ะ ฟังเพลงพี่ทุกเพลงเลยค่ะ”
เสียงกระจ๊องง้องแง้งดังเหมือนนกกระจอกแตกรังจนปุณณ์งงไปหมด เมื่อมีคนเริ่มก็มีอีกหลายคนที่เริ่มขยับเข้ามาชะเง้อดูบ้าง ประสาไทยมุง
“เอ่อ … คือ …”
“ทุกคนครับ! นี่ไม่ใช่ปุณณ์ครับ ปุณณ์ตัวจริงเรียนจบไปแล้วไม่ใช่หรอ ดูสิรับมหาลัยส่เสื้อคลุมคณะวิศวะด้วย นี่เป็นนักศึกษามหาลัยผม”
พิชเดินเข้ามาดึงปุณณ์ออกจากวงล้อม
“ไม่จริงหรอก นี่พี่ปุณณ์ชัดๆ! หรือพี่เป็นเพื่อนดาราของพี่ปุณณ์คะ”
“ใช่ๆ พี่ก็หล่ออ่ะ เป็นดาราใช่ปะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะพี่”
“เฮ้ยน้องครับ บอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่ดิ พี่ไม่ใช่ดาราอะไรนั่นหรอก แล้วหมอนั่นก็ยิ่งไม่ใช่ ก็พวกเราเป็นแฟนกัน ไม่ค่อยมีคู่เกย์คู่ไหนอยากดังหรอกน้อง! เดี๋ยวโดนคุ้ยประวัติ”
“อะไรนะ! พวกพี่เป็นแฟนกัน?”
“ช่ายยยย แฟนพี่หน้าเหมือนปุณณ์เฉยๆ โดนทักผิดตลอด แล้วปุณณ์ตัวจริงไม่กินบะหมี่ข้างทางหรอกน้องครับ ยิ่งมาสภาพตาปูดตาบวมหมดหล่อแบบนี้ คนดังเขาไม่ทำหรอกครับ”
“เออจริงด้วยเนอะแก … แต่พี่อาจจะแกล้งหลอกพวกเราก็ได้นี่นา!”
“ที่รัก … ไปกันเถอะผมง่วงแล้วนะ”
พิชชะงักเมื่อปุณณ์เขยิบมากอดเอวปุณณ์จากด้านหลังแล้วแกล้งเอียงหน้ากระซิบอ้อนทว่าคนรอบข้างได้ยินชัดเจน แล้วยิ่งเหลือบตาไม่พอใจกวาดมองทุกคนด้วย
“พวกชะนีพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ …ที่ยังคุยอยู่นี่หวังจะจีบที่รักล่ะสิ …คุยกับแฟนคนอื่นอยู่ได้ ชิ…”
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ ไปเถอะตัวเอง เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงตัวเองก็รู้”
พิชรับมุกเรียบร้อยแล้วปล่อยให้ปุณณ์จูงมือมาที่รถ แล้วก็ขับรถกลับคอนโด
“แฟนคลับคุณนี่ดุจริงๆนะครับ”
“ทำไมครับ ที่รักอยากมีมั่งมั้ยครับ ฮ่าๆ”
ปุณณ์แกล้งทำตาหวานส่งให้ พลางยกมือลูบแขนพิชเบาๆ จนพิชรีบทำหน้าแหยงดึงแขนหนี
“พอเลยครับตัวเอง… เค้ากลัวตัวเองปล้ำเค้านะ”
“จะอ้วกว่ะ ที่รัก ตัวเอง … เฮ้อ … เลี่ยนชะมัด”
“หัดไว้สิครับ เวลามีแฟนจะได้ไม่เขินไง”
“ระดับนี้ … ไม่เรียกอะไรหน่อมแน้มอย่างงั้นหรอกน่า เลยวัยแอ๊บแบ๊วมาเยอะแล้ว”
“แสดงว่าคุณแก่แล้ว? เอ้อ อายุเท่าไหร่แล้วครับ?”
“สามสิบสอง”
“โห ห่างกับผมสิบปี แต่คุณดูไม่น่าจะโตขนาดนั้นเลยนะครับ”
“ก็ฉันหน้าเด็ก”
“เปล่า… ผมว่าคุณติงต๊องอายุสมองไม่น่าจะเกินสอบสองขวบเลยนะคุณ”
“อยากตายมั้ยหา !!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฮ่า … โอ๋ตัวเอง … เก๊าย้อเย่นนะดีกันเต๊อะ ถึงตัวเองจะอายุสมองแค่สิบสองขวบเค้าก็รักตัวเองนะ รักนะเด็กโง่ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ไอ้……… !!!!!!!!!!!”
ทำไมไอ้เด็กบ้านี่มันกวนตีนเขาจังเลยวะ!
“แล้วจะกินห้องใครดีใคร?”
“หือ ต้องกินด้วยกันหรอ? แยกห้องก็ได้มั้ง”
“อ้อ โอเคครับ แต่มันรวมถุงหิ้วมาอันเดียว คุณจะถือร้อนๆไปหรอครับ?”
ปุณณ์ก้มลงมองถุงหิ้วในมือพิชแล้วก็เห็นด้วย จะให้ถือจุกมัดไปมีหวังก่อนถึงห้องไม่หล่นก็ร้อนจนพอง
“แล้วนายอยู่ชั้นไหน? ถึงชั้นใครก่อนก็แวะก่อนไง”
“โอเค คุณถึงก่อน”
ตกลงกันเรียบร้อยลิฟต์ก็มาพอดี พิชเดินนำเข้าไปยืนพิงผนังลิฟต์ ส่วนปุณณ์ก็กดเลขชั้นสิบเจ็ดของตัวเองก่อนจะยืนพิงผนังฝั่งตัวเอง
“อยู่คอนโดนี่นานแล้วหรอ?”
“ก็อยู่ตั้งแต่สร้างคอนโดเสร็จครับ กลางเมือง ใกล้มหาลัย สะดวกดี คุณล่ะ?”
“สามปีแล้ว แต่ไม่ค่อยได้อยู่ ปกติมานอนเดือนละสองสามครั้ง”
“แล้วปกตินอนที่ไหนล่ะครับ? หรือซื้อไว้หลายที่”
“ปกตินอนโรงแรม ออกงานต่างจังหวัดตลอดก็เลยได้นอนโรงแรม ว่างก็กลับไปนอนบ้าน จริงๆเหมือนซื้อคอนโดไว้เก็บของ”
“เป็นผมทนไม่ไหว”
“หือ?”
“ผมเป็นคนติดบ้าน นี่ก็อยู่มาห้าปีตั้งแต่ ม.ปลาย ผมไปนอนที่อื่นไม่ค่อยได้ ต้องกลับมานอนคอนโดตัวเอง หรือไม่ก็กลับไปนอนบ้านใหญ่ ไม่งั้นนอนไม่หลับครับ”
“เหมือนปัณณ์…..”
พิชขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม แต่ก่อนจะถามต่อลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบเจ็ด ปุณณ์เดินนำไปที่ประตูห้อง ล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ด แต่กระเป๋าว่างเปล่า
“เอ๊ะ คีย์การ์ดไปไหน”
“อ่าว ทำตกไว้ในรถหรือเปล่าคุณ”
“ไม่นะ …. อ้อ … นี่ไงเปลี่ยนชุดขึ้นงาน คงอยู่ที่กระเป๋ากางเกงอีกชุด พี่แบงค์คงเก็บไว้ให้แล้ว เฮ้อ แล้วจะนอนไหนวะเนี่ย !”
“งั้นตามมาเลยครับ ไปห้องผมแล้วกันคุณ”
“ไม่ดีมั้ง พึ่งรู้จักกันรบกวนเปล่าๆ เดี๋ยวไปนอนโรงแรมก็ได้”
“มีเงินหรอคุณ?”
“ก็มีดิ เออว่ะ กระเป๋าตังค์อยู่ในห้อง”
ปุณณ์ยิ้มเก้อๆส่งกลับไปเมื่อพิชทำหน้าอ่อนใจ ก็ปกติไม่มีเรื่องต้องใช้ตังค์ เพราะไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเลย ทุกอย่างผู้จัดการจัดให้หมด
“ตามผมมาเลยครับคุณ”
“ขอโทษนะรบกวนแย่เลย”
“อย่าคิดมากเลยครับ เรื่องนี้เบสิคมากเมื่อเทียบกับที่ผมเจอคุณมาตลอดสองวันนี้ ตลกดีนะครับเจอแค่สองวันทำไมรู้สึกผมกับคุณผ่านอะไรที่ดูดุเดือนโชกโชนเลือดสาดเหลือเกิน”
ปุณณ์ขมวดคิ้วกับคำเปรียบเปรยของพิช เขาสังเกตหลายครั้งละว่าการยกตัวอย่างของมันแต่ละครั้งนี่ไม่ปกติที่มนุษย์ธรรมดาเขาใช้กันเท่าไหร่
“ก็เพราะใครล่ะ เจ็บ ระบม ไปทั้งตัว”
“อุบัติเหตุน่าคุณ ผมก็ไม่อยากทำร้ายร่างกายคุณเท่าไหร่หรอกครับ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ”
ทั้งสองเข้าไปยืนในลิฟต์อีกครั้ง ปุณณ์มองเลขชั้นยี่สิบสองที่อยู่บนสุดของแถวเลข
“ไม่เป็นไร ชั้นบนสุดเลยหรอ?”
“ชั้นสูงสุดวิวสวยดี ผมชอบที่สูงๆด้วย”
“แล้วชอบตอนตกลงมาด้วยมั้ย? เดี๋ยวช่วยถีบ ดิ่งพสุธาทะลุนรกเลยนะ”
พิชแยกเขี้ยวใส่ปุณณ์ทันที
“เห็นแบบนี้ผมเป็นคนดีนะครับ แล้วก็ ดิ่งพสุธาอะไรนั่นก็สนุกนะคุณ ผมเคยไปเล่นบันจี้จัมพ์ที่นิวซีแลนด์ เหมือนถูกมือพระเจ้ากระชากขึ้นจากนรกเลยคุณ”
ปุณณ์ตาวาวเมื่อได้ยินคำว่านิวซีแลนด์ ประเทศในฝันที่เขาอยากไปเที่ยว ไปอยู่ แล้วก็ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้ นิวซีแลนด์ดินแดนแสนสงบ …
“จริงอ่ะ! สวยปะนิวซีแลนด์”
“สวยครับ แต่ผมไม่ได้ไปเมืองอื่นนะ ไปแต่เมืองเทาโป กะไปพิสูจน์ความเสียวของเรือโบ๊ทที่น้ำตกฮูก้า กับโดดบันจี้จัมพ์อย่างเดียว”
“ชอบหรอ?”
“มาก ผมชอบเล่นอะไรที่ต้องลงแรง อะไรที่แม่งมันส์ๆ เรียกอะดีนาลีน สนองความอยากตัวเองล้วนๆเลยคุณ พวกชอบปิ้งฟังเพลงเดินห้างผมไม่ชอบ มัน…. ไม่รู้สิ ผมชอบอยู่กลางแจ้งมากกว่า”
“มิน่า … ตัวดำ”
“โด่วนี่เค้าเรียกสีแทน แล้วจะออกจากลิฟต์ได้ยังครับ ผมกดเปิดค้างนานแล้วนะครับคุณ”
“อ้อ เออเนอะ”
ปุณณ์เดินออกจากลิฟต์เดินตามพิชมาที่ประตูห้องติดตัวเลขสีทองบนประตู เลข 2201
“เชิญครับ”
พิชเสียบคีย์การ์ดเปิดห้องแล้วเดินนำเข้าไป ก้มถอดรองเท้าใส่ชั้นไม้บิวด์อินชิดกำแพงมุมห้อง ปุณณ์ทำตามทุกอย่าง แต่พอเห็นห้องของพิชแล้วก็เผลอร้องว้าวออกมาไม่ได้
ห้องเขาเป็นพื้นไม้ แต่ห้องของพิชปูพื้นด้วยหญ้าจำลอง มีทางเดินเป็นกระเบื้องหินเหมือนเดินอยู่ในสวน ในบริเวณที่ห้องเขาเป็นโซฟาธรรมดา ของพิชก็เป็นเก้าอี้นั่งตัวยาวทำจากไม้ทาสีขาว ประตูห้องนอนสองห้องแล้วก็ห้องน้ำก็ทาสีขาว ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งในสวนข้างบ้าน
“ห้องสวยนี่”
“พ่อผมเป็นสถาปนิกครับ ผมชอบอยู่บ้านที่มีพื้นที่สนามหญ้ามากกว่าคอนโด แต่ต้องมาเรียนในกรุงเทพ พ่อเลยจัดการจำลองห้องผมเป็นสวนแบบนี้แทน”
พิชเดินเข้าไปในบริเวณครัว ซึ่งมีเคาน์เตอร์กั้นไว้ เคาน์เตอร์ที่เพนท์ลายอิฐเหมือนเป็นกำแพงกั้นระหว่างสวนกับห้องครัว
“มีชิงช้าด้วย…”
ปุณณ์ตาวาวเมื่อเห็นชิงช้าไม้ตัวใหญ่อยู่ตรงระเบียง แน่นอนว่าตรงระเบียงก็ปูหญ้าและชิงช้าก็สีขาว มีหมอนใบใหญ่วางอยู่บนชิงช้า
“คุณจะนั่งกินตรงไหนดีครับ? ในครัว หรือ หน้าทีวี?”
“อ้อ ในครัวก็ได้ ง่ายดี”
ปุณณ์เดินตามเข้าไปในส่วนครัว ซึ่งพิชจัดการเทบะหมี่สองถุงใส่ชามเรียบร้อยแล้ว พร้อมหยิบช้อนกับตะเกียบส่งให้ปุณณ์
“ขอบคุณนะ”
“ทานละนะครับบ”
และแล้วพอปุณณ์เริ่มกิน พิชก็เหมือนดำลงไปกับชามบะหมี่ สปีดในการกินเร็วจนปุณณ์อึ้ง ได้แต่กระพริบตาปริบกินบะหมี่ทีละนิด
“แค่ก… แค่ก !!”
นั่นไง! ปุณณ์คว้าขวดน้ำบนโต๊ะเทใส่แก้วส่งให้อีกฝ่ายที่ไอจนหน้าแดงก่ำไปถึงหู
“จะรีบกินไปไหน ค่อยๆก็ได้”
“ก็มื้อแรกของวัน วันนี้ผมทำงานทั้งวันนะครับ เอาเวลาไหนไปกิน โคตรอร่อยเลยว่ะคุณ”
“อือ อร่อย แต่ถ้ากินแบบนายเดี๋ยวคงจะติดคอตายคาชามบะหมี่ก่อนน่ะสิ”
“วัยกำลังกินกำลังนอนกำลังโตก็งี้ล่ะ แก่ๆแบบคุณไม่เข้าใจหรอก”
“ปากเสียจริง แก่ตรงไหน อายุเป็นเพียงตัวเลขก็พอ”
“ครับพ่อคนหน้าเด็ก กินเสร็จแล้วรีบอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวผมทายาให้ ทั้งหลังทั้งท้องทั้งปากคุณนั่นล่ะ คราวนี้ห้ามดื้อห้ามดิ้นห้ามขัดผมนะครับ”
“ยังไม่เลิกความพยายามอีกหรอ ไม่ต้องเลย เมื่อกลางวันมือหนักชิบหาย”
“คนเขามีน้ำใจนะคุณ ตัวเอง… เก๊าจะเบามือนะ”
“จะตายก่อนน่ะสิที่รัก รับแค่น้ำใจพอได้มั้ย?”
ปุณณ์ทำหน้าขยาด ก็หลังจากโดนยันจนล้มคมำไปกับพื้นสุดท้ายก็ต้องให้ไอ้เด็กเวรนี่ทายาให้แล้วเป็นไงล่ะ นึกว่าโดนเครื่องทรมานขย้ำอยู่ มือคนหรือหุ่นยนต์หนักจริงๆ!
“โถ่ตัวเอง อย่าป๊อดดิ ไกลหัวใจตั้งเยอะ จิ๊บๆ”
“โถ่ที่รักมาลองเป็นแบบเค้ามั้ยล่ะ เดี๋ยวช่วยกระทืบให้ แล้วจะได้เข้าใจความรู้สึกเค้าไง”
ปุณณ์เริ่มแสยะยิ้ม ส่วนพิชก็ยังยิ้มทะเล้น
“เก๊ารู้นะตัวเองรักเก๊า ไม่ทำให้เก๊าเจ็บหรอกเนาะ ตัวเองยอมเจ็บแทนเก๊าตลอดเลยอ้ะ จุ้บจุ้บ”
มีการทำปากจู๋ส่งจูบกลับคืนมาด้วยก่อนจะที่ปุณณ์จะหลุดขำออกมา ไอ้ท่าทางแอ๊บแบ๊วแม่งไม่ได้เข้ากับไอ้เด็กบ้านี่สักนิดเดียว!
“โธ่คุณขำอะไรครับ ผมหล่ออ่ะดิ”
“ช่างกล้า พอเหอะ ตลกว่ะ ไปอาบน้ำไปจะได้อาบต่อ”
“โอเค งั้นตัวเองล้างจานให้เก๊าด้วยนะครับ จุ้บๆ”
“คนใช้หรอเฮ้ย!”
“เขาเรียกมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์นะที่รัก น้ำใจอ่ะสะกดเป็นมั้ยครับ คนไหนคนไทยจะรู้ได้ไง ถ้ามีน้ำใจล่ะคนไทยแน่น้อนนน”
มันว่าจบก็เดินร้องเพลงที่เคยคุ้นหูว่าเป็นโฆษณาเบีร์ยสักยี่ห้อ เออล้างก็ล้าง ไอ้เด็กเวรนี่จริงๆเล้ย!
- ------------------------------------------------------------------------------------------------- -
-....- อั้ยย่ะ