มธุวันรู้สึกอยากจะบีบคอเจ้านายของตัวเอง
ซึ่งไม่ใช่ความรู้สึกที่แปลกใหม่อะไรนักในชีวิตการทำงานของเขา แต่โดยปกติแล้วความรู้สึกนั้นมักจะสงวนไว้กับงานในบริษัทเสียส่วนใหญ่ แต่ในตอนนี้ เส้นเลือดที่หน้าผากของเขากำลังเต้นตุบๆอย่างมีน้ำโหขณะที่ร่างโปร่งถือสายรอให้เจ้านายของตนรับโทรศัพท์
“ว่าไง?” เสียงของธีรเชษฐ์ไม่ได้ฟังดูผิดปกติอะไรนัก แต่มธุวันได้ยินเสียงหายใจที่ดังกว่าปกติเล็กน้อยและเสียงขาเตียงที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียดสีกับพื้นเบาๆอยู่ในพื้นหลัง ร่างโปร่งยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วของตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกรอกเสียงลงไปตามสาย
“งานจะเริ่มแล้วนะครับ”
“สิบนาที...” เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟัน
“เสียงผมเหมือนคุณมีสิทธิ์ต่อรองเหรอครับ?” มธุวันเอ่ยอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดตัดสาย หากอีกสามสิบนาทีรถของเจ้านายที่เคารพรักของเขายังไม่มาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังนี้ มธุวันรับรองได้เลยว่าธีรเชษฐ์จะต้องได้รับบทเรียนที่เจ้าตัวจะไม่มีวันลืมไปอีกนานแสนนาน
คนไร้ความรับผิดชอบประเภทไหนกันมางานวันเกิดตัวเองสาย
“ดุจังนะเรา”
ร่างโปร่งหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่ได้จังหวะจิ้มเอาทองหยอดยัดใส่ปากเขาโดยไม่ทันตั้งตัว มธุวันถลึงตาจ้องอีกฝ่าย เคี้ยวขนมไทยรสชาติหวานจัดลวกๆแล้วกลืนอย่างไม่พอใจ
“เล่นอะไรของคุณ?”
“โมโหหิวล่ะสิ?”
เมฆาเลิกคิ้ว ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถามแต่น้ำเสียงของเมฆาบ่งบอกว่าร่างสูงรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเป็นความจริง ซึ่งความรู้สึกคุ้นเคยที่ได้รับจากท่าทีของอดีตคนรักไม่ใช่สิ่งที่มธุวันต้องการในตอนนี้
“ผมต้องไปตรวจความเรียบร้อยของงาน ขอตัวครับ”
“เดี๋ยวสิ คุณแจนฝากนี่มาให้”
เมฆายื่นซองจดหมายสีขาวให้กับเลขาของบิดา มธุวันขมวดคิ้ว รอบซองกระดาษสีขาวมาเปิดดูสิ่งที่อยู่ภายใน ริมฝีปากเรียวขยับยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นตั๋วเครื่องบินไปกลับสองที่นั่งไปท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ก่อนจะตกลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นชื่อของคนอีกคนบนบัตรโดยสาร
“พ่อให้ฉันไปแทน เห็นว่าไม่อยากทิ้งงาน...” เมฆาส่ายหน้า รู้ดีว่าสิ่งที่ธีรเชษฐ์ไม่อยากทิ้งน่าจะเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เพิ่งจะมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ไปเมื่อวานต่างหาก
ความจริงแล้ววันนี้ไม่ใช่วันเกิดของธีรเชษฐ์ เจ้านายของเขาไม่เคยฉลองวันเกิดตั้งแต่มธุวันรู้จักอีกฝ่ายมา แต่ทันทีที่รู้วันเกิดของมีนา เจ้านายที่น่าเคารพรักของเขาก็มอบหมายหน้าที่ให้มธุวันเนรมิตงานเลี้ยงวันเกิดสุดยิ่งใหญ่อลังการที่คฤหาสน์ของเจ้าตัวภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
บางครั้งเลขาคนเก่งก็อดทึ่งในความสามารถของตัวเองไม่ได้
“ขอตัวครับ”
มธุวันเอ่ยย้ำอีกครั้ง เก็บซองจดหมายใส่กระเป๋าเสื้อแล้วหันหลังเดินหนีให้ห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ร่างโปร่งตัดสินใจเก็บความกังวลจากข้อมูลที่ได้รับในใจไว้เครียดทีหลัง แล้วให้ความสนใจกับความเรียบร้อยของงานเลี้ยง
ในวันนี้
“อ๊ะ พี่หมอก”
มธุวันรู้สึกเหมือนหัวใจของตนกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงเรียกตนจากด้านหลัง เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เจอกับคนคนนี้อีกตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้ธีรเชษฐ์ ไม่คิดเลยว่าลูกชายคนรองที่ลั่นวาจาว่าจะไม่เผาผีบิดาหลังจากอุบัติเหตุของเมฆาจะมายืนยิ้มอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้านายของเขาแบบนี้
แถมยังพ่วงเอาเด็กหนุ่มฝรั่งผมทองหุ่นล่ำในชุดสูทมาเป็นคู่ควงในงานอีกด้วย
ประสบการณ์ที่ฝึกปรือมาทำให้มธุวันไม่กระพริบตากับออร่าคนหล่อตรงหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่างานเขาดีจริงๆ
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี พี่หมอกสบายดีมั้ยครับ?”
ธารธาราถามพร้อมรอยยิ้มอันเปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัว น้องชายคนรองของเมฆาเป็นเหมือนหัวข้อต้องห้ามสำหรับคนรอบตัวของธีรเชษฐ์ ถึงกระนั้นก็มีคนเก่าแก่ในบริษัทเคยทักเขาผิดเป็นคุณชายรองในตอนแรก แต่ความคล้ายคลึงที่มีอยู่นอกจากสีผมกับขนาดตัวนั้น มธุวันแทบไม่เห็นอะไรที่พวกเขาจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกัน ธารธารามีใบหน้าอ่อนหวานและดวงตาเรียวหยีจากรอยยิ้มประจำตัวที่ถอดแบบมาจากมารดา และท่าทางอ่อนโยนเหมือนนักบุญมาร่ายบทธรรมของคนอายุน้อยกว่านั้นยิ่งทำให้ธารธาราอยู่คนละขั้วกับเขาขึ้นไปอีก
“ก็เรื่อยๆครับคุณธาร” เลขาหนุ่มตอบเสียงเรียบ
“คุณธารอะไรกัน เรีียกอุ่นนั่นแหละครับ” คุณชายรองของบ้านว่ายิ้มๆ “พี่หมอกยังเป็นเลขาของผู้ชายคนนั้นอยู่อีกเหรอครับ? ผมว่าความสามารถอย่างพี่หมอก ไปอยู่บริษัทระดับโลกน่าจะได้กำไรดีกว่านะครับ ผมรู้จักคนเยอะ ให้ฝากให้เอามั้ยครับ?”
ยังจงเกลียดจงชังเจ้านายของเขาคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนแปลงสินะ
“ไม่ดีกว่าครับ ถ้าผมไป บริษัทคงวุ่นวายน่าดู” มธุวันตอบ ยกมือขึ้นดันแว่นไร้กรอบของตัวเองอย่างอึดอัดเล็กน้อย ไม่รู้ทำไม เวลาอยู่ใกล้ๆธารธารา เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกล้วงสาวเอสความลับทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก
“ก็…ไม่ใช่เรื่องที่พี่หมอกต้องสนนี่นา” รอยยิ้มของอีกฝ่ายทำให้ดูเหมือนว่ากำลังล้อเล่น แต่แววตานั้นบ่งบอกว่าเอาจริงแค่ไหน“คนแบบนั้น ทิ้งไปซะไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“จริงอยู่ ที่คนบางคน ทิ้งไปซะน่าจะดีต่อชีวิตมากกว่า” มธุวันตอบ เรื่องนั้นเขาน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด “แต่บางทีคนเราก็ไม่ค่อยได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองหรอกครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
เลขาหนุ่มตัดบท ไม่อยากให้อีกฝ่ายซักไซร้ถามสารทุกข์สุขดิบเขาจนสามารถโยงไปถึงเมฆาได้
“ไว้เจอกันนะครับ”
ธารธาราโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่เดินห่างออกมา มธุวันได้ยินเสียงเด็กหนุ่มชาวต่างชาติเอ่ยกับอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่อุ่น ไหนว่าจะมาคุยไงครับ”
ทางด้านเมฆา หลังจากที่แกล้งให้อดีตคนรักหงุดหงิดงุ่นง่านใจจนเตลิดหนีไปได้แล้วก็ยืนกอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองตามอีกฝ่ายไปอย่างพอใจกับผลงานของตน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่ไม่ควรจะเห็นในงานวันเกิดของบิดากำลังเดินตรงไปหาคนที่เพิ่งเดินหนีเขาไปเมื่อครู่
ใจหนึ่งอยากจะเดินเข้าไปหาน้องชายด้วยกลัวว่าธารธาราจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา แต่อีกใจก็ไม่กล้าด้วยกลัวว่าหากเขาเข้าไป น้องชายของเขาอาจจะพูดอะไรที่ทำให้มธุวันรู้ว่าความทรงจำของเขากำลังกลับมาแล้วก็ได้
เมฆารอจนมธุวันเดินจากไป ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องชายของตนที่กำลังยืนพูดคุยกระซิบกระซาบกับเด็กหนุ่มผมบลอนด์ร่างสูงที่มาด้วยอย่างสนิทสนม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้เป็นเจ้าของรอยเชือกรอบข้อมือและรอยแสดงความเป็นเจ้าของบนร่างของน้องชายเขา แค่คิดเส้นเลือดที่ขมับของเมฆาก็เต้นตุบๆด้วยโทสะ
“คุยอะไรกัน”
เด็กหนุ่มผมบลอนด์หันมาเป็นคนแรก ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา อาจเป็นเพราะรูปร่างสูงใหญ่ข่มขวัญ และสายตาอาฆาตพยาบาทที่เมฆาจงใจมอบให้อีกฝ่ายอย่างจำเพาะเจาะจง
ก่อนที่น้องชายตัวดีของเขาจะโถมตัวกระโดดกอดเมฆาจนเซถอยไปหลายก้าว ชายหนุ่มต้องกอดเอวของธารธาราไว้ไม่ให้อีกฝ่ายไหลตก ส่ายหน้ากับพฤติกรรมเด็กๆของน้องชาย
“พี่เมฆ! คิดถึงพี่เมฆที่สุดเลย!!”
“คิดถึง แล้วทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง”
เมฆาถามเสียงดุ หลังจากวันที่เขาไปหา อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะติดต่อกลับมาอีก แต่เขารู้ดีว่าน้ำเสียงที่ทำให้พนักงานในบริษัทกลัวจนหงอหลายครั้งหลายหนไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งที่เกาะเขาอยู่นี้สะทกสะสะท้านสักนิด
“พี่เมฆก็ไม่ติดต่อมาเหมือนกันแหละ ไม่ต้องทำเป็นพูดเลย”
ร่างโปร่งยื่นปาก แสร้งทำเป็นงอนพี่ชายบังเกิดเกล้า เมฆาใช้นิ้วดีดริมฝีปากน้องชายตัวแสบดังแป๊ะ เจ้าตัวแสบแสร้งทำเป็นสะดุ้งโหยง เอามือกุมปากวิ่งแจ้นกลับมาฟ้องคนรักที่ยังยืนเอ๋อมองพวกเขาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร
“แทน พี่เมฆแกล้งพี่อ่ะ” ร่างโปร่งที่มาที่ปากของตัวเองด้วยสีหน้าออดอ้อน “เป่าให้หน่อย”
แทนไทยโน้มตัวลงตามคำขอราวกับโดนมนต์สะกด แต่ดวงตาสีควันบุหรี่ของเมฆาที่หรี่ลงอย่างไม่พอใจพร้อมจิตสังหารคละคลุ้งในอากาศทำให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ดีดตัวกลับขึ้นมาทันทีอย่างกลัวตาย
“พี่อุ่น พี่ชายพี่จะกระทืบผมมั้ยอ่ะ?”
เมฆาได้ยินเด็กหนุ่มกระซิบกับธารธารา ดูท่าท่าทีข่มวัญของเขาจะใช้ได้ผลดีทีเดียว
“ไม่หรอก...มั้ง?” น้องชายของเขาตอบทีเล่นทีจริงตามประสาคนขี้แกล้ง เมฆาชักจะรู้สึกเห็นใจเจ้าเด็กหัวทองนี่ขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
ธารธาราดึงคนรักที่ตัวแข็งทื่อให้ขยับเข้ามาใกล้เมฆามากขึ้น ก่อนจะแนะนำเจ้าเด็กเหลือขอที่บังอาจแตะต้องน้องชายของเขาด้วยน้ำเสียงสดใส
“พี่เมฆ นี่แทนไทย แฟนอุ่นเอง”
“แฟน?”เมื่อได้ยินสถานะที่ชัดเจนของคนทั้งคู่จากปากของธารธารา สายตาที่ไม่เป็นมิตรอยู่แล้วของพี่ชายคนโตเพิ่มระดับความเกลียดชังจนแทนไทยที่ยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมถึงกับเสียงสั่น
"สะ...สวัสดีครับพี่เมฆ..."
"ใครเป็นพี่คุณ?"
เมฆาถามสวนเสียงเรียบ เล่นเอาแทนไทยหน้าเหวอ
"เอ่อ..."
"พี่เมฆ อย่าแกล้งน้องสิครับ น้องยิ่งขี้ตกใจอยู่ กว่าอุ่นจะล่อมาได้เปลืองตัวไปเท่าไหร่พี่เมฆรู้มั้ย?"
ธารธาราดุพี่ชาย แต่นั่นยิ่งทำให้จิตสังหารลอยคลุ้งในอากาศมากขึ้นไปอีก แทนไทยที่หน้าซีดเผือดดูเหมือนจะหงายหลังล้มตึงไปได้ทุกเมื่อ
"โห พี่เมฆ ทำไรเนี่ย ดูดิ๊เขาตัวสั่นเป็นผีเข้าเลย"
เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลังของเมฆา ทินกร น้องชายคนเล็กของเขาเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาโดยมีภรัณยู พนักงานฝ่ายการตลาดในบริษัทของเขาตามมาไม่ห่าง
"เจ้าเข้า" คนที่เดินตามมาช่วยแก้
"อือ นั่นแหละๆ เจ้าเข้า" น้องชายคนเล็กว่าพร้อมรอยยิ้มสดใสที่ดูเหมือนว่าจะมีเมฆาคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่ไม่ได้รับ
สืบทอดต่อมาจากมารดา
"อ้าว นึกว่าใคร พี่เขยรองนี่เอง หวัดดีครับ” เมฆาขมวดคิ้วเมื่อเห็นทินกรยกมือไหว้เจ้าเด็กแทนไทยที่ดูจะอายุเท่ากันอย่าง
นอบน้อมจนแทนไทยรับไหว้แทบไม่ทัน
"ภรัณยู? คุณมาทำอะไรที่นี่?"
เมฆาขมวดคิ้วเมื่อเห็นพนักงานในบริษัทที่ถึงแม้จะเป็นคนขยันเอาการเอางานไม่ได้มีตำแหน่งสูงขนาดที่จะมางานวันเกิดของประธานบริษัทได้ยืนอยู่ข้างน้องชายคนสุดท้อง เขาไม่คิดว่าแค่การเป็นครูสอนพิเศษภาษาไทยให้ทินกรจะทำให้เด็กหนุ่มเชิญอีกฝ่ายมางาน
เพราะถึงจะดูเฟรนด์ลี่แค่ไหน แต่ทินกรก็คือคนของทรัพย์ดำรง คนอย่างพวกเขาไม่สนิทกับใครง่ายๆ
"อ๋อ พี่เมฆครับ นี่พี่ภัทร แฟน...อุ่ก!" ร่างสูงร้องโอดโอยเมื่อถูกภรัณยูศอกเข้าให้ที่ท้อง "เอ่อ...เพื่อนผมครับ"
เมฆายกมือขึ้นนวดขมับอย่างลืมตัว เขาว่าไว้แล้วไม่ผิด
ว่าแต่ ภรัณยูนี่อายุพอๆกับจอมทัพเลยไม่ใช่รึไง? เผลอๆจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่พอนึกถึงบิดาทีี่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเพื่อที่จะได้เด็กหนุ่มอายุเท่าลูกชายคนเล็กมาเป็นของตัวเอง เขาคิดว่าเขาไม่ควรจะว่าอะไรน้องชาย
"อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียวนะ" ไม่ทันขาดคำเสียงทุ้มของคนที่เขาแอบนินทาในใจก็ดังขึ้น เจ้าของวันเกิดในชุดสูทสีดำสนิทเดินมาพร้อมกับมีนาในชุดสูทสั่งตัดสีขาวบริสุทธิ์ทำให้เด็กหนุ่มดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆไม่มีผิด ดูแล้วให้ลุคเหมือนพวกเจ้าพ่อตลาดมืดพาเด็กมาขายอย่างไรชอบกล
ดูจากสูทสีดำที่เมฆาจำได้ว่าเห็นป้าแต้วเอาเข้าไปแขวนที่ห้องนอนของบิดาเมื่อเช้า คาดว่ามธุวันคงจะเตรียมสูทสีดำไว้ให้ธีรเชษฐ์เปลี่ยนให้เข้ากับคู่ควงในงาน ราวกับจะรู้ว่ามีนาจะใส่ชุดแบบไหน
บางทีเขาก็อดทึ่งในความสามารถของเลขาคนเก่งของบิดาไม่ได้
ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบ ดูเหมือนการปรากฎตัวของธารธาราจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดในบ้านหลังนี้
"ธาร มากับเขาด้วยเหรอ?"
"ก็ไม่ได้อยากมาหรอกครับ ถ้าเด็กของคุณไม่ตามรังควาญชีวิตผมจนไม่เป็นอันทำอะไรแบบนี้”
คุณชายรองของบ้านกอดอกมองมีนาที่ตัวสั่นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะสายตาเย็นเยียบของธารธารา แต่เป็นแววตาสงสัยของลูกชายคนเล็กที่มองมาทางเด็กของบิดาอย่างงุนงง
"มีน? ทำไม..."
"รู้จักกันด้วยเหรอ?" ธีรเชษฐ์ถามทินกร ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจกับความคิดนั้น
"ครับ เพื่อนที่มหาลัย แต่ทำไม.."
"ซัน ไปคุยกับเราหน่อยได้มั้ย เราจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"
ร่างเล็กขอร้องขัดคำพูดของอีกฝ่ายก่อนที่สมองของเพื่อนจะเข้าสู่บทสรุปที่ทุกคนกำลังคิด สายตาของมีนาเว้าวอนอย่างน่าสงสารจนทินกรรีบพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
"จะดีเหรอ? ได้ข่าวว่าเพื่อนยังน้อยๆอยู่นี่" ธารธาราเลิกคิ้ว ความเย็นชาในน้ำเสียงบ่งบอกว่ารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากเรียวไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกจริงๆสักนิด
"ครับ แต่ผมเหนื่อยที่จะต้องถูกใช้เรื่องนี้ขู่ทุกครั้งที่พูดอะไรแล้ว"
น้ำเสียงของมีนาไม่มีแววประชดประชัน มีเพียงความเหนื่อยล้าเจือปนตามที่เจ้าตัวบอก คนถามมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ ราวกับเริ่มยอมรับอะไรบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มตรงหน้า ทินกรถูกเพื่อนตัวเล็กลากตัวไปยังอีกมุมหนึ่งของสวน เมฆามองตามคนทั้งสองไปก่อนจะหันกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อเขาได้ยินแทนไทยพูดกับธารธาราที่ยังคงจ้องบิดาด้วยสายตาที่เขาอ่านไม่ออก
“พี่อุ่น..”
เจ้าของชื่อขบกรามเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ
"ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"
“ไปคุยในบ้าน"
ธีรเชษฐ์ตอบเสียงราบเรียบไม่แพ้กัน หมุนตัวหันหลังเดินกลับไปยังตัวบ้านโดยไม่คิดจะรอลูกชายคนรองที่เดินตามไปเงียบๆ ดูเผินๆเหมือนหุ่นยนต์กำลังสนทนากันไม่มีผิด
แต่ก็นะ นั่นน่าจะเป็นพัฒนาการที่ดีที่สุดระหว่างสองคนนี้ที่เขาเคยเห็นมาแล้ว
เขาหันกลับมาหาแทนไทยที่ยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกอยู่ที่เดิม ภรัณยูที่ปกติเป็นคนเชื่องช้าแวบหายไปเมื่อไหร่ไม่อาจทราบ
“นาย…" เมฆาเอ่ยเสียงเนิบนาบ แต่แค่นั้นก็ทำให้แทนไทยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้แล้ว
“คะ..ครับท่าน"
"ปราบพยศเจ้าอุ่นได้ดีเหมือนกันนี่" รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหายไป เขาค่อนข้างมั่นใจว่าแทนไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธารธารายอมกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้ และถ้าน้องชายของเขามีความสุขกับคนคนนี้ คนเป็นพี่อย่างเขาจะทำอะไรได้ “ตามสบาย ขอตัว"
"ครับ ขอบคุณมากครับ!"
แทนไทยแทบจะโค้งคำนับส่งเขาตอนที่เมฆาเดินจากมา ร่างสูงหันซ้ายแลขวาหาคนที่เดินหนีเขาไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ยังคงไม่มีวี่แววของมธุวัน
ที่เขาเห็นมีเพียงนิโคไลที่ยืนคุยอยู่กับหมอคเชนทร์อยู่ที่ทางเข้างาน เมฆาไม่รู้ว่าคนทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ดูจากรอยยิ้มกรุ่มกริ่มของชายหนุ่มชาวอิตาลีกับสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเพื่อนของบิดา เขาเดาว่าหมอคเชนทร์ที่ครองตัวเป็นโสดอยู่ได้คนเดียวในกลุ่ม อาจจะไปต้องตาต้องใจมาเฟียหนุ่มอายุนอยกว่าคนนี้เข้าให้แล้วก็เป็นได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณมธุวัน ป้าถือเองได้....”
“ได้ยังไงล่ะครับป้าแต้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมอยากช่วย”
เสียงของคนที่เขาตามหาดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เมฆายืนอยู่ มธุวันหอบหม้อใส่แกงเดินออกมาจากในครัว เมฆากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาคนทั้งคู่
“ฉันช่วย”
ไม่ว่าเปล่าเมฆาฉวยเอาหม้อแกงขนาดใหญ่จากมือของมธุวันมาอย่างง่ายดาย ร่างโปร่งมองเขาตาขวาง แต่คาดว่าเจ้าตัวคงเกรงใจป้าแต้วจึงไม่ว่าอะไรเขามากนัก
“ผมถือเองได้”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ฉันอยากช่วย”
เมฆาใช้คำพูดของร่างโปร่งย้อนกลับให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเล่น ป้าแต้วที่เดินตามพวกเขามาเงียบๆอมยิ้ม ราวกับรู้ว่าคุณชายคนโตของบ้านกำลังคิดอะไรอยู่
“ป้าแต้วเห็นเจ้าธารรึยังครับ?”
เมฆาหันไปถามหัวหน้าแม่บ้าน ธารธาราเป็นคุณหนููคนโปรดของป้าแต้วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยใบหน้าและนิสัยใจคอที่ถอดแบบออกมาจากมารดาไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ธารธาราเป็นที่รักและเอ็นดูของหญิงชราเป็นพิเศษ
“ค่ะ พาแฟนมาด้วย หล่อเชียว”
หญิงชราพยักหน้า มธุวันดูอึ้งไปเล็กน้อยราวกับไม่อยากเชื่อว่าหญิงสูงวัยจะยอมรับเรื่องที่คุณชายรองของบ้านมีคนรักเป็นผู้ชายได้ง่ายดายขนาดนี้
“เห็นไปคุยกับพ่ออยู่ในบ้าน ไม่รู้ป่านนี้ฆ่ากันตายไปรึยัง”เมฆาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา หญิงชรายิ้มขำ
“คนเราพอถึงเวลา การปล่อยมือจากเรื่องในอดีตก็เป็นสิ่งที่จำเป็นนะคะคุณเมฆ”
นั่นเป็นสิ่งที่มารดาของพวกเขามักจะพร่ำสอนพวกเขาอยู่เสมอ น่าแปลกที่คนที่นิสัยเหมือนกับเกศราที่สุดอย่างธารธารากลับเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
เมฆาเหลือบมองมธุวันที่เดินตามเขาเงียบๆ ใบหน้าเรียวก้มมองพื้นสนามหญ้าราวกับต้องการหลีกเลี่ยงบทสนทนานี้ให้ถึงที่สุด
บางครั้ง...การปล่อยมือจากอดีต ก็ทำให้เรามองเห็นอนาคตได้ชัดเจนขึ้น
ทั้งที่รู้ แต่เมฆาก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากอดีตคนรัก
เพราะเขารู้ดีว่าอนาคตที่ไม่มีมธุวัน ไม่มีทางเป็นอนาคตที่เขาต้องการเห็นแน่นอน
“เลิกตามผมมาซะทีจะได้มั้ยครับ?”
“ใครว่าฉันตามนายมา ฉันจะมาดูว่าน้องฉันฆ่าพ่อไปรึยังต่างหาก”
“คุณธารธารากลับไปแล้วครับ”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อฉันจะยังมีชีวิตอยู่นี่”
เมฆาไม่รู้ว่าทำไมตอนที่คบกันเขาถึงไม่กวนกระสาทมธุวันให้มากกว่านี้ ท่าทีหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ระคนเอือมระอาของอีกฝ่ายนั้นน่ากินพอๆกับใบหน้ามีความสุข เผลอๆจะน่ารักกว่าเสียด้วยซ้ำ
เลขาร่างโปร่งเพียงแต่กลอกตาภายใต้แว่นไร้กรอบของตนอย่างเอือมระอา เร่งฝีเท้าไปยังห้องนอนของธีรเชษฐ์เพื่อลากเอาเจ้าของวันเกิดที่ยังหมกตัวอยู่ในนั้นออกมา
“อ๊ะ....อะ....คุณ....คุณเชษฐ์...”
เมฆาหลุดขำออกมาเมื่อเห็นมธุวันเบรกเอี๊ยดจนแทบหัวทิ่มหัวตำ เลขาคนเก่งนวดขมับที่ปวดตุบขึ้นมาเมื่อรู้ว่าธีรเชษฐ์กำลังฉลองวันเกิดแบบส่วนตัวอีกครั้งกับมีนาภายในห้องของตน ก่อนจะเลือกที่จะหมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับเมฆา
“ไม่เข้าไปตามแล้วเหรอ?”ร่างสูงเลิกคิ้ว เขารู้ดีว่ามธุวันเคยเจอเรื่องแบบนี้มาไม่รู้กี่รอบจนไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่สำหรับเลขาคนเก่งแล้ว
“วันนี้วันเกิดเขา อยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ” มธุวันตอบอย่างเอือมระอา ก่อนจะเดินนำเมฆากลับออกไปในงาน
วันนี้คาดว่าคงต้องให้ลูกชายสักคนมาเป่าเค้กแทนเจ้าของวันเกิดเสียแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่ยอมสละเวลามาพบผม”
นิโคไลยิ้มให้กับเจ้าของบ้านในชุดคลุมตัวยาวที่นั่งลงบนเก้าแี้ทำงานของตัวเอง ธีรเชษฐ์ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่...คุณนิโคไลมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิงธุระหรอกครับ ผมแค่อยากเอาของขวัญมาให้”
ทารินที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มผมทองหยิบเอาซองเอกสารสีน้ำตาลปึกหนาออกมาจากกระเป๋าเดินทางส่งให้เจ้านาย
ของตน นิโคไลรับมาด้วยสีหน้าที่ธีรเชษฐ์อ่านไม่ออก ก่อนจะถามชายหนุ่มลูกครึ่งรัสเซียด้วยน้ำเสียงใคร่รู้
“น้องมีนานี่...น่ารักดีนะครับ” มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่แข็งกร้าวขึ้นของธีรเชษฐ์ “เห็นคุณ
เชษฐ์มีความสุข ผมก็ยินดี แต่นี่จะส่งผลอะไรกับข้อตกลงที่เราทำไว้รึเปล่าครับ?”
“ไม่ครับ”
ชายหนุ่มอายุมากกว่าตอบโดยไม่ต้องคิด เรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากนิโคไลได้เป็นอย่างดี มาเฟียหนุ่มยื่นซองเอกสารในมือให้กับธีรเชษฐ์ ดวงตาสีมรกตลอบสังเกตท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียด
“นี่เป็นเอกสารทุกอย่างเกี่ยวกับการเสียชีวิตของภรรยาของคุณ” นิโคไลลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า พึงพอใจกับแรงโทสะที่แผ่ออกมามากขึ้นจากร่างของธีรเชษฐ์เรื่อยๆยิ่งดวงตาสีควันบุหรี่กวาดดูตัวอักษรบนกระดาษสีขาวมากขึ้นเท่าไหร่
“ผมขอรับรองด้วยเกียรติของหัวหน้าตระกูลอัลฟอนโซ่ ผมจะทำให้คนที่ฆ่าภรรยาของคุณต้องชดใช้อย่างสาสม”
---------
มีความยาวพอๆกับหนึ่งบท55555
ดีใจ นานๆทีจะมีอะไรยาวๆให้คนอ่านบ้าง
แฮปปี้นิวเยียร์ค่าาาา สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนเน้ออออ