นกอินทรีย์ตัวที่สอง
“พอแล้วคนดี” ผมบอกคนที่ยังกำแก้วเหล้าไว้ในมือ คนสวยหันขวับมาจ้องตาผม
“ผมยังไม่เมาเลย”
“มันต้องดื่มให้เมาเหรอ พอแล้ว” ผมฉวยแก้วออกจากมือเขา คนดีที่มักจะยิ้มอยู่เสมอวันนี้กลับต่างออกไป
“หน้างอ” ผมว่าพร้อมกับลูบแก้มเขาเบาๆ อากาศบริเวณนี้ค่อนข้างร้อนเพราะเป็นส่วนเอาท์ดอร์ของร้าน ผมลูบผมยาวประบ่าของเขาแล้วทัดหูให้ เลยเห็นเหงื่อซึมที่ไรผม
“พอแล้ว” ผมโขกหน้าผากตัวเองเข้ากับหน้าผากมน เมื่อคนดีเอื้อมมือมาจะหยิบแก้วจากมือผม
“ใจเย็นเสือ ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน” แซมบอกผมถึงได้ผละหน้าออกแล้วหันไปบอกมือชง
“มึงเลิกส่งแก้วให้คนดีเลย...พวกมึงด้วย” ผมบอกพวกไอ้กรด้วย แต่เพราะกำลังเมาเลยไม่มีใครฟังใคร ผมเทโซดากับโค้กลงไปในแก้วให้คนดีก่อนจะยื่นให้เขา
“แก้วนี้พอแล้วนะ เดี๋ยวตื่นมาปวดหัว อ้วกอีก” ผมว่า คนที่ดูเหมือนจะเมาแล้วซบหน้าลงกับแขนผมพร้อมกับช้อตามอง
“ผมจะทำให้ครามเดือดร้อนใช่ไหม”
“ครามจะเดือดร้อนอะไร เมาแล้วเป็นลูกเจี๊ยบขี้น้อยใจ” ผมวางมือบนหัวเขา พวกไอ้แซมเลยแซวกันสนุกปาก
“ไม่คุยกับครามแล้ว” คนดีว่าพร้อมกับขยับตัวออก ดูแล้วเพราะน่าจะเขินมากกว่า
ผมมองคนที่ดื่มโซดากับโค้กไปคุยกับพวกแซมไปเหมือนสนิทกันมานาน คนดีเหลือบมามองผมเป็นพักๆเพื่อให้แน่ใจว่าผมจะไม่มองไปที่ไหนอีก ผมเอาแต่ยิ้มให้เขา...ผมไม่ได้สนใจใครเลย สนใจแต่คนที่อยู่ข้างๆ คนดีหน้าแดงจัด ผมว่าสำหรับมือใหม่สามแก้วก็น่าจะคอพับแล้ว
“ผมปวดฉี่ครับ” คนที่ดื่มไปเกือบห้าแก้วว่า
“ก็ต้องปวดอยู่แล้วดื่มไปขนาดนั้น เดี๋ยวครามพาไปห้องน้ำแล้วเรากลับบ้านเลย”
“ผมเมาแล้วใช่ไหมครับ”
“เมาแล้วค่ะ”
“ผมอยากกลับบ้าน”
ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้ว ผมว่าอีกสักพักพวกแซมก็คงกลับกันหมด ถึงได้บอกพวกมันว่าเดี๋ยวจะกลับก่อน
“พี่เขาไหวป่ะวะ” ไอ้แอลถาม
“ไม่ไหว อยากกลับบ้านแล้ว” ผมดึงแขนคนที่นั่งอยู่ข้างๆขึ้น คนดีเขาตัวเล็กแต่ก็ไม่ได้ตัวเบาเสียทีเดียว
“คราม” คนที่เหมือนจะลืมตาไม่ขึ้นเรียก
“ว่าไงคะ”
“อยากกลับบ้าน"
ผมขำคนงอแง ก่อนจะหันไปบอกพวกเพื่อนว่าให้ส่งบิลไปให้ด้วย เห็นว่าพวกแซมจะกลับเลยเหมือนกัน
“คราม กลับบ้านกัน” คนดีเขย่าแขนผมเบาๆ หน้าตาเหมือนเตรียมจะหลับเต็มที่แล้ว
“รู้แล้วค่ะ มา...เดินไหวไหม”
คนที่ลุกขึ้นยืนได้แล้วแต่เดินไม่ไหวส่ายหน้า
“มา เดี๋ยวครามอุ้ม” ผมขยับตัวเข้าไปชิดเขาก่อนจะวาดมือไปรอบตัว ถึงจะเมาแต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นคนดีก็ยังพยายามขืนตัวออก
“ไม่เอา”
“คนเมาไม่ต้องมาเขินเลยค่ะ”
“คนมองหมดแล้ว” กรว่า ผมมองหน้าคนดี เขาหลุบตาต่ำ
“ผมจะเดินเอง” เขาว่าพร้อมกับเกาะผมไว้แน่น ขาเพรียวพยายามก้าวช้าๆแต่กระนั้นก็เซไปมาอยู่ดี
“ผมปวดฉี่” คนเมาที่เดินไปเซไปว่า ผมว่าอีกครึ่งชั่วโมงคงยังไม่ห้องน้ำแน่นอนกว่าจะได้กลับบ้านคงตีสาม
“มา ฮึบ” ผมยกตัวอีกคนขึ้นมา คนดีตัวเล็กมากถ้าเทียบกับผม เพราะฉะนั้นถึงไม่ได้ยากเลยถ้าจะอุ้ม
“ไอ้ครามมึงเบา” กรเอ่ยปากห้าม ทั้งๆที่มันยิ้มกริ่มเหมือนสนุกที่ได้เห็น
“ไม่เบาว่ะ กูหนัก มึงหลบไปก่อน”
“สัส”
ผมกึ่งอุ้มกึ่งแบกคนตัวเล็กกว่ามาที่ห้องน้ำ สวนทางกับเอื้อที่น่าจะมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน เธอเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่มีเวลาสนใจ
“มาล้างหน้าก่อน” ผมเปิดน้ำแล้วล้างหน้าให้เขา คนดีซุกหน้าเข้ากับอกผมเลยทำให้เสื้อเปียกเป็นวงกว้าง
“น่าตีจริงๆเลย”
“คุณหมีอย่าตีคนดี” เขาว่า ผมเหลือบมองหูแดงๆแล้วอยากก้มลงไปงับ แต่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน
“ป่ะ เช้าห้องน้ำกัน” ผมรุนหลังเขาให้เข้าไป แต่คนดีกลับส่ายหน้า
“ไม่เอา ผมจะเข้าเอง”
“เดินยังเซ เข้าไปถ้าเกิดล้มจะทำยังไง”
“คุณหมีอย่าดุคนดี”
ผมถอนหายใจ
“งั้นคนดีเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย คุณหมีจะรอตรงนี้นะ” ผมรุนหลังให้เขาเข้าไป ใจจริงอยากเข้าไปช่วยด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ยอมและผมก็ไม่อยากยื้อเวลาให้นานมากกว่านี้ อยากกลับบ้านเราแล้ว
“เรียบร้อย” ไม่นานเท่าไหร่คนเมาก็ออกมายิ้มหวานให้ เขายืนยันว่าจะเดินเองผมถึงได้โอบเอวคนดีไว้แน่น
“เป็นลูกเจี๊ยบเดินเตาะแตะ” ผมแซวคนเดินเซพร้อมกับมองตาเยิ้มๆของเขา อยู่ดีๆคนดีก็หยุดเดิน เขามองตรงไปข้างหน้า
“คราม…” ตรงที่เราเดินสวนกัน...เอื้อก็ยังยืนรออยู่ที่เดิม
“ไม่เอาค่ะ” ผมดุคนที่พยายามขืนตัวออกจากแขนผม คนดีเขาไม่ชอบเป็นเป้าสายตาใครมาตั้งแต่ต้น ต่างจากผมที่ไม่สนใจเลยว่าใครจะมองยังไง
“ผมไปรอที่รถก็ได้ครับ”
“อย่าดื้อนะคนดี อยู่กับคราม” ผมบอกคนที่อยากหนีสถานการณ์ตรงหน้า ผมรู้ว่าเขาอึดอัด และเพราะเมาถึงแสดงออกมาชัดเจนแบบนี้
“มีอะไรครับ” ผมถามคนที่ไม่เจอเจอกันมาพักใหญ่แล้ว ผมเห็นเอื้อผ่านตาบ้างตามไทม์ไลน์ของ social network และเอื้อก็คงจะเห็นผมและคนดีอยู่บ้างเช่นกัน
“เอื้อแค่อยากมาทักทาย”
ผมพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้สนใจมากนักเพราะมัวแต่ห่วงความรู้สึกของคนข้างตัว ถ้าเป็นปกติคนดีคงยิ้มรับและไม่ว่าอะไรแต่เพราะเมา เขาถึงได้ดูกระวนกระวายนัก
“ถ้าไม่มีอะไร ผมไปแล้วนะ” ผมบอกเธอก่อนจะดึงตัวคนดีมาหา
“ถ้าไม่เดินครามจะอุ้มนะคะ” ผมบอกคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขามองตาผมแล้วซบลงที่ไหล่
“คุณหมี...คนดีเดินไม่ไหว”
ผมลอบขำคนขี้อ้อน ก่อนจะกอดเขาไว้ทั้งตัว
“กลับบ้านเรากัน”
.
.
.
.
ผมดื่มบ่อยแต่คอไม่แข็งเท่าไหร่ เวลาผมเมาผมมักจะหลับหรือไม่ก็ทำอะไรไม่รู้ตัว แต่คนที่ไม่เคยดื่มเลยแบบคนดีกลับดูมีสติดี ยกเว้นแต่แค่เดินเซและมึนหัวเท่านั้น ทั้งที่ดื่มไปหลายแก้วแถมไอ้แซมยังชงให้เข้มมากด้วย
“จะอ้วกไหมคนดี”
คนโดนถามส่ายหน้า
“แต่มึนหัวใช่ไหม”
คนดีพยักหน้ารับ ผมถึงได้เดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบน้ำเย็นให้เขา
“ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ แล้วไปอาบน้ำจะได้สร่าง”
คนดีส่ายหน้าอีกรอบ ผมมองใบหน้าและคอที่แดงเพราะแอลกอฮอล์ คนดีที่ดูเหมือนไม่เมาเลยเอาแต่ใจผิดวิสัย
“คราม” เขาเรียกก่อนจะเดินเข้ามากอด ซบแก้มเข้ากับอกผม...ดูอ้อนกว่าที่เป็นเขา
“ว่าไงคนดี” ผมลูบผมยาวประบ่าเบามือ
“อาบน้ำกับผมไหมครับ”
ผมเลิกคิ้วมองคนที่ไม่เคยทำแบบนี้ คนดีปฏิเสธแทบจะทุกครั้งที่ผมขออาบน้ำด้วย คนที่ยังไม่ได้รับคำตอบผละตัวออก น้ำตาคลอเบ้าตากลมโต
“ครามไม่อยากอาบน้ำกับผม…” เขาทำให้ผมทำตัวไม่ถูก
“อาบสิ ครามอยากอาบน้ำกับคนดีทุกวันเลย” ผมรีบตอบ เพราะกลัวคนเมาจะงอแงเข้าจริงๆ
.
.
.
.
ผมรีบอาบน้ำให้เขา ตัวลื่นๆและผิวขาวและรอยสักของคนดีทำผมตื่นเต้นทุกครั้ง แต่ให้แกล้งคนที่ยืนแทบจะไม่อยู่ก็ไม่ใช่วิสัยผม ก่อนจะรีบจับคนเมาออกมาแต่งตัว ผมสวมแค่บอกเซอร์อย่างเคย ส่วนคนดีเขาชอบสวมขาสั้นกับเสื้อยืดนอน
แต่ถ้าถามผมว่าผมชอบแบบไหนที่สุดผมจะตอบว่า...ชอบตอนที่เราเปลือยแล้วกอดกัน
ผมทาครีมที่แขนกับขาให้เขา คนดีนั่งไม่ได้นิ่งๆให้จัดการ เขาบ่นว่ามึนหัวอยู่ตลอดเวลา
“ผมหนาว” คนที่หัวยังเปียกอยู่ว่า ผมเดินเข้าไปดึงแขนคนดีขึ้นมาเพราะยังไม่อยากให้นอนลงไปบนเตียงทั้งๆที่ผมยังไม่แห้ง
ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยที่ต้องดูแลเขาแต่กลับนึกสังสัยมากกว่าว่าแต่ก่อนที่ผมเมาบ่อยๆคนดีจัดการผมได้ยังไง ทั้งๆที่ตัวก็แค่นี้ ดูแล้วน่าจะทุลักทุเลพอตัว
“มา ครามจะเป่าผมให้แล้วค่อยนอนนะ” ผมค่อยๆเป่าผมยาวประบ่าให้ เห็นมันแล้วนึกถึงตอนที่เจอกันแรกๆ ผมเองก็พึ่งจะรู้ว่าที่เขาว่ากันว่ารักแรกพบมันเป็นยังไง ผมจำความรู้สึกของตัวเองครั้งนั้นได้ดี
เสียงไดร์เป่าผมดังไปทั่วห้อง แต่ก่อนผมเองไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันใช้ยังไงจนกระทั่งได้อยู่กับเขา ผมไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะมารักผู้ชายด้วยกัน ผมหวีผมให้คนที่นั่งเงียบอยู่ก่อนจะก้มลงจูบที่ท้ายทอยรูปจิ้งจอก
ตอนนี้ตีสามแล้วแต่ไฟห้องเรายังไฟสว่างโร่
“ครามไปไหน” ผมมองมือที่จับแขนตัวเองไว้
“คนดีไปนอนนะ เดี๋ยวครามออกไปปิดไฟข้างนอกก่อน เช็คประตูด้วย” ผมบอกเพราะตอนเข้ามาในห้องผมมัวแต่ห่วงเขาจนลืมดู
“คราม…” เขากอดแขนผม น่าจะเพราะเมาถึงได้อ้อนขนาดนี้
“ว่าไงคะ”
“ปิดไฟดีๆนะ”
ผมขำร่วน พร้อมกับตอบตกลงเขาว่าจะออกไปปิดไฟดีๆ ผมออกมาข้างนอกเพื่อรดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงที่ลืมไปตั้งแต่เมื่อวาน และอีกเหตุผลคือดูดบุหรี่...ผมอยากดูดมันให้ใจสงบลงหน่อย
แปลกดีที่ยิ่งคบกันนานผมก็ยิ่งหลง ปกติแล้วผมไม่ชอบทำกับคนเมาหรือทำตอนตัวเองเมาถึงได้อยากปล่อยให้คนดีหลับก่อน ทั้งๆที่อีกใจบอกว่าถ้าแฟนตัวเองเมา...คงไม่เป็นไร
คนที่อยากทำก็มักจะหาข้ออ้างให้ตัวเองทั้งนั้น
“ทำไมยังไม่นอนคะ” ผมถามคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“อยากนอนพร้อมคราม” อีกคนว่า ผมคลี่ยิ้มพร้อมกับถอนหายใจให้กับการหักห้ามใจของตัวเอง
“งั้นมานอนกันนะ ดึกแล้ว” ผมปิดไฟห้องนอนก่อนจะล้มตัวนอน ไม่ลืมที่จะดึงอีกคนเข้ามากอดไว้ ปกติคนดีเขาจะหลับง่าย แต่ว่าวันนี้กลับขยับตัวยุกยิกจนผมลุกขึ้นมาเปิดโคมไปตรงหัวเตียง ว่าจะดุ...แต่ก็ทำคนเมาไม่ลง
“ผมหนาว”
“เดี๋ยวครามปรับแอร์ให้นะ” ผมบอก แต่คนที่ลุกขึ้นมานั่งกลับส่ายหน้าหวือ ไม่รู้อยากได้อะไรกันแน่
“ผม…” เขาอึกอัก
“ผมอยากจูบ...จูบได้ไหมครับ”
ผมทึ่งอยู่ไม่น้อยกับฤทธิ์เหล้าของไอ้แซม ปกติคนดีน่ารักอยู่แล้ว...พอเมาแล้วกลับรู้สึกแปลกไปอีก ผมจ้องหน้าคนที่ดูจะไม่นอนถ้าไม่ได้ตามต้องการ
“ไม่ได้ค่ะ”
พอผมบอกออกไปแบบนั้นปากอิ่มก็เม้มปากแน่น ผมยิ้มให้กับคนขี้น้อยใจ
“ครามล้อเล่น” ผมดึงเขาขึ้นมานั่งตักก่อนจะจุ๊บเบาๆ พอคนดีอ้าปากให้ดีพคิสผมถึงได้สอดลิ้นเข้าไป ปกติเป็นผมที่ทำให้เขา แต่พอโดนดูดลิ้นคืนถึงรู้ว่ามันเสียวไปถึงท้องน้อย
...ผมคงไม่ให้เขาไปเมาที่ไหนอีก…
“ไม่เคยเห็นบอกครามว่าชอบจูบ” ผมจูบซับมุมปากเขา คนดีหอบหนัก
“ผม...ไม่กล้าบอกครับ”
ผมเลิกคิ้วมองคนขี้เขิน ถ้าเป็นตอนปกติเขาจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ผมจะรู้ได้เองจากปฏิกิริยาร่างกายของเขา คนดีเป็นพวกที่ร่างกายค่อนข้างตื่นตัวเร็วบางทีแค่จูบก็ยืนแทบจะไม่อยู่แล้ว เขาจะตัวสั่นเหมือนลูกเจี๊ยบตัวสีเหลืองเล็กๆ นั่นยิ่งทำให้น่าแกล้ง
“แล้วพอเมาก็จะเลิกอายใช่ไหม” ผมล้อ พร้อมกับถอดเสื้อตัวโคร่งของเขาออก บุหรี่สองมวนของผมก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่ออยู่ใกล้แฟนตัวเอง
“อื้อ”
“หายมึนหัวยัง” ผมลูบไปทั่วผิวเขา สะกิดยอดอกให้มันแข็งเป็นไต ก่อนจะครอบปากลงไป
“ดีขึ้นแล้วครับ” คนดีตอบไปลูบผมของผมไป เขาครางฮือเหมือนอึดอัดแต่ก็แอ่นอกให้ทำ
“คราม”
“คะ” ผมเงยหน้ามองคนเมา
“ตอนแรก...ครามไม่อยากทำกับผมเหรอครับ” เขาถามคนที่ห้ามใจอยู่นานอย่างผม
“คนดีอยากทำเหรอ" ผมไม่ตอบแต่ถามเขาแทน คนดีบดสะโพกไปมากับหน้าขาผม ถึงเราทั้งคู่จะมีกางเกงขวางอยู่ แต่แรงเสียดสีของเนื้อผ้าทำผมแทบจะสติหลุด
“ผม...อยาก” เขาพูดยังไม่ทันจะจบผมก็ยกตัวเขาขึ้นแล้วดึงกางเกงของคนดีออก ก่อนจะดึงของตัวเองออกบ้าง มันทุลักทุเลแต่ผมอยากให้เราอยู่ในท่าที่หันเข้าหากันแบบนี้ ผมชอบมองตาเขาชัดๆ
“อยากให้ครามทำตรงไหน”
ผมถามคนที่ไม่มีแรงยกแขนด้วยซ้ำ
“ครามไม่อยากแกล้งคนเมา” ตอนแรกผมกะว่าพรุ่งนี้ค่อยลุกมาทบต้นทบดอกแท้ๆ แต่กลับโดนยั่วจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้นอน
“ครามไม่อยากทำกับผม” คนเมาพูดวกไปวนมา
“ครามไม่รักผมใช่ไหม” ผมจูบคนช่างพูดซ้ำๆ
“ครามกลัวลูกเจี๊ยบตื่นมาไม่รู้เรื่องต่างหาก”
“ครามรักคุณเอื้อใช่ไหมครับ”
ผมนั่งมองคนหน้างอ ไม่รู้ว่าเรื่องมันมาถึงตรงนี้ได้ยังไง มีสำนวนที่ว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา แต่กลับคนเมาคนนี้เขาใช้ความกล้าของมันในการพูดสิ่งที่ปกติเขาคงจะไม่พูด เพราะผมมัวแต่คนคนที่รอฟังคำตอบถึงได้หงอยลงไปอีกรอบ
“รักมากกว่าผมไหมครับ”
ไอ้อยากจะแกล้งก็อยากทำ แต่เห็นคนดีเป็นแบบนี้ผมก็รู้สึกแย่
“ครามรักคนดีกว่าใครเลยนะ รักที่สุดเลย”
คนโดนบอกรักยิ้ม แต่ไม่นานก็หุบยิ้มลง
“แต่ครามไม่ยอมทำกับผมเหมือนเดิม”
ปกติเราทำกันเกือบจะทุกวัน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนดีถึงพูดแบบนั้น
“งั้น...” ผมจ้องตาเขา คิดมากแบบนี้ต่อให้บอกอะไรคงไม่ฟัง
“คนดีทำให้ครามแทนได้ไหม”
“ผมทำไม่เป็น” คนที่อยู่บนตักว่า ผมซุกหน้าลงที่ซอกคอเขา ปลายผมบระบ่าที่ยาวมากแล้วปัดไปทั่วแก้มผม มันจั๊กจี้ดี
“เดี๋ยวครามสอนให้” ผมว่าพร้อมกับจูบไปทั่วแผ่นหลัง คนดีบิดตัวไปมา เขาหลับตาพร้อมเมื่อโดนก้มลงงับหน้าอกอีกครั้ง ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นเป็นรอบที่ล้าน
“จูบครามก่อน ทำแบบที่ครามเคยทำให้คนดีทำไง” ผมเงยหน้าแล้วชี้เข้าที่ปากตัวเอง คนดียื่นปากมาแตะกับปากผมเบาๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้ามา
“อือ” คนที่ตั้งใจจะจูบคนอื่นครางฮือเมื่อโดนงับเบาๆที่ริมฝีปากล่าง คนดีพยายามได้ดี...แต่แค่ไม่ทันใจผม ผมจับมือเรียววางที่กลางลำตัวของตัวเอง เขาขยับมืออย่างรู้งาน ผมมองข้อนิ้วสวยที่ตัดกันกับสิ่งที่กำลังขายตัวในมือเขา รอสักตัวหนังสือให้ความรู้สึกอีโรติกแปลกๆ
ผมจ้องที่จิวสีเงินตรงมุมปากเขา
“คนดีอยากลองชิมไหม” ผมยืดตัวขึ้นก่อนจะจับมันจ่อที่ปากอิ่ม คนดีปิดปากแน่น ผมถึงได้แกล้งจับมันเข้าไปดันตรงริมฝีปากเขา ผมถูมันไปมาจนเห็นเหงือกสีชมพูสวย
“ห้ามงับนะ”
“ไม่งับครับ คนดีจะไม่ทำให้คุณหมีเจ็บ”
ผมยิ้มให้กับคนที่ว่าง่ายกว่าปกติ
“อ้าปากค่ะคนดี”
คนที่อยากทำยอมอ้าปากในที่สุด ทันทีที่ตัวตนของผมสัมผัสกับความร้อนและลิ้นแฉะก็เหมือนจะละลาย
“อ้าปากกว้างกว่านี้แล้วก็ขยับลิ้นนะ” ผมพยายามสอดมันให้ลึกแต่ไม่ทันไรคนดีก็ถอนหน้าออก เขาไอโขลกจนใบหน้าสวยเห่อแดง
“ใจเย็นๆ”ผมลูบแก้มขาวเบามือ
“ผมไม่เก่งใช่ไหมครับ”
คนตัวเล็กกว่าว่า ผมกอดปลอบคนเมาที่ดูตั้งใจเหลือเกิน
“ผมไม่เก่งเท่าคุณเอื้อใช่ไหม”
ไม่รู้ไปเอาความน้อยใจแบบนี้มาจากไหน ผมก้มลงฟัดแก้มเขานานก่อนจะถอยออกมา
“น้องแนนบอกว่าพี่ครามชอบคนสวย” ผมมองหน้าเขา อยากรู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“ครามชอบผมเพราะหน้าผมใช่ไหมครับ” คนดีพูดถูก ถ้าเขาไม่ได้หน้าตาแบบนี้ผมคงไม่ได้มองเขาตั้งแต่แรก แต่เพราะนิสัยของเขาถึงทำให้เราอยู่กันได้นานแบบนี้
“คนดีสวย” ผมตอบตามจริง พยายามไม่หลุดยิ้ม
“แล้ว…” คนดีหลุบตาต่ำ มือของเขาบีบกันไว้แน่น
“ผมสวยเท่าคุณเอื้อไหมครับ”
ผมเกือบจะหลุดถอนหายใจ อยากจะจับคนเมาเขย่าหลายๆที แต่ก็ทำได้แค่แตะปากที่โหนกแก้มแดง
“คนดี หึงครามเหรอ”
“ผมไม่รู้” คนขี้หึงว่า
“แบบนี้เขาเรียกว่าหึง” ผมชี้เข้าที่ตัวเขา คนดีเบือนหน้าหนี
“หึงก็ได้ครับ”
ผมขำพลางลอบดูปฏิกิริยาของตัวเขาด้วย ผมเอื้อมมือไปรูดรั้งให้เขา คนดีกอดผมไว้แน่น
“ครามตัวหอม”
“คนดีก็ตัวหอม” ผมก้มลงหอมซอกคออุ่น ก่อนจะสอดมืออีกข้างเข้าไปที่ด้ายหลังเขา คนดีงับไหล่ผมในตอนที่นิ้วแรกโดนสอดเข้าไป มันตอดหนึบและร้อน
“ห้ามไปมองใครแบบนี้นะ” ผมบอกคนที่มองกันเหมือนกำลังจะวอนขอสิ่งที่เขาจับอยู่
.
.
.
.
“ระวังเจ็บ”
ผมจับสะโพกของอีกคนไว้ ไม่อยากให้เขาใส่เข้าไปทีเดียว ถึงจะหล่อลื่นแล้วแต่ถ้าเกิดเจ็บขึ้นมาคงไม่คุ้ม...แต่คงไม่ทันแล้ว
“คราม...ผม”
“อื้ม” ผมพยายามปรับลมหายใจให้ปกติ เมื่อโดนอีกคนสวมเข้ามาจนสุด ลูกเจี๊ยบเวลาเมานี่ดื้อเอาการ
“ครามชอบไหม” เขาอ้อน
“คราม...ไม่ตอบผม”
ดูเหมือนวันนี้ผมจะทำอะไรไม่ทันใจคนเมาเลย
“ชอบสิคะ ชอบ” ผมตอบเมื่อเขาค่อยๆบดสะโพกไปมา ดูก็รู้ว่าคงอึดอัด
“แล้วคนดีชอบไหม”
“อื้อ”
สะโพกนุ่มบดเบียดไปทั่วตักผม ข้างในมันแน่นตึงแต่ก็นุ่มหยุ่น เขาวางมือบนหน้าท้องที่เกร็งจนแทบจะหายใจไม่ออกของผม กับคนดีเซ็กส์ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยร่างกาย ที่ผมอยากมีอะไรกับเขาบ่อยๆ เพราะว่ายิ่งร่วมรักกันเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเราใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น
“เป็นไงบ้างคะ” ผมถามคนที่เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า คนดีหยุุดขยับ เขาเปลี่ยนท่านั่ง คนสวยของผมโหย่งตัวขึ้นและนั่งทับลงมาถี่ๆ...เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
“ดีไหมครับ” คนที่กลั้นเสียงครางแทบแย่ถาม ผมที่แทบจะหายใจไม่ออกครางต่ำพร้อมกับยึดสะโพกนิ่มเขาไว้แน่น ในตอนที่เขาเหมือนจะแรงตกลงผมก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมเขาไว้
“สลับกันนะ”
เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ ผมถอนตัวออกมาจนเกือบสุด มองสิ่งที่เชื่อมต่อกัน คนดีชอบบอกว่ามันลากมก…แต่ผมกลับชอบ ผมกระแทกตัวเข้าไปซ้ำ ทำแบบนั้นจะเกือบจะเสร็จ
“จะเสร็จแล้วบอกครามนะ”
ผมว่าเซ็กส์ที่ดีที่การที่เราทำจนมันจบไปพร้อมกัน ผมกดตัวเองลงไปซ้ำๆ ตัวของเราเปียกไปด้วยเหงื่อ ผมก้มลงจูบเขา ในตอนที่โดนผลักไหล่ออกผมก็รู้ว่าคนดีของผมจะเสร็จแล้ว
“ผมจะ...อื้อ”
“พร้อมกันนะคะ”
ผมแช่ตัวไว้ในตัวเขาพร้อมกับรูดสิ่งที่ชูเด่นของเขาให้ด้วย คนดีบิดตัวเร่า มือสองข้างปิดที่ปากตัวเองเพราะไม่อยากร้องเสียงดังแต่เสียงกระเส่าที่หลุดออกมากลับทำให้ผมไม่อยากเลิกทำ
“คราม เอาออกไป” คนที่ขาสั่นว่า เขาดูเหมือนจะหลับเต็มที แต่ผมกลับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...ในตัวเขา
“คนดีก็รู้...ว่าครามไม่ทำครั้งเดียว”
.
.
.
.
“คื่นยัง” ผมถามคนที่ขยับตัวไปมา ห้องผมมืดมากจนแทบดูไม่ออกว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ที่รู้ๆคือเราทำกันเกือบเช้าผมถึงปล่อยให้เขาได้นอน
“ปวดหัวไหม” ผมเหลือบดูนาฬกาตรงหัวเตียงที่บอกเวลาเกือบเที่ยง...แต่ผมยังไม่อยากจะลุกเลย
“ผม...เมาเหรอครับ” คนที่พึ่งตื่นถาม ตาเขาบวมนิดหน่อยเพราะนอนดึก ผมเอื้อมแขนไปกอดเขาไว้
“เมาแอ๋เลย อ้วกรดครามด้วย”
“ผมไม่ได้อ้วก ผมจำได้” คนดีว่าก่อนจะก้มหน้างุด ผมขำพร้อมกับโคลงตัวเขาไปมา
“แล้วทำอะไรครามบ้าง จำได้ไหม”
“จำไม่ได้ครับ”
“ลูกเจี๊ยบขี้โกง ทำครามไปตั้งเยอะ”
เขาบ่นว่าผมแกล้งเขา จนเมื่อผมลุกขึ้นมาเปิดม่านทึบออกให้เหลือแค่ม่านกรองแสง คนที่เมื่อคืนเมาถึงเห็นรอยตรงอกและหลังผม ทั้งรอยเล็บและรอยฟัน คนดีดูตกใจ...ตากลมโตของเขาเบิกกว้าง
“ผมทำตรามเจ็บ”
ผมหัวเราะ
“ไม่เจ็บเลย แสบๆคันๆนิดเดียวเอง แต่เมื่อคืนมีใครไม่รู้ขย่มครามทั้งคืนเลย” ผมแกล้งล้อ
“ครามโกหก”
“เปล่าโกหก” ผมว่าจริงจัง แม้มันจะเป็นเรื่องจริงแค่นิดเดียวก็ตาม
“ผมทำจริงเหรอครับ”
“ลูกเจี๊ยบบอกว่าชอบจูบมากๆด้วย” ผมเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับกลับมาสอดตัวเข้าที่ผ้าห่มแล้วนอนลงตรงที่เดิม
“พอแล้ว” คนดีดันตัวผมออกเมื่อผมทำท่าจะจูบเขาอีกรอบ
“ครามอยากเป็นหมีขี้เกียจแบบนี้ตลอดไปเลย กอดคนดีไว้แล้วจำศีล แต่ทำไม่ได้” ผมว่าพร้อมกับหลับตาลง ถึงจะไม่อยากลุกแต่เดี๋ยวก็ต้องลุกเพราะกลัวเขาจะหิว คนดีขยับเข้ามาหาผม เขาลูบหลังผมเบาๆ ดูจากหน้าตาเพลียของเจ้าตัว คงอยากนอนมากกว่า
“วันนี้วันหยุด...อยู่แบบนี้ต่อก็ได้ครับ”
.
.
.
.
สุดท้ายแล้วผมก็ได้กลับมาทำงานกับที่บ้าน ผมที่คิดว่ามันจะสบายพึ่งรู้ว่าทำงานกับที่บ้านนั้นยุ่งและเหนื่อยกว่าตอนฝึกงานอีก เพราะรู้ว่ามันเป็นงานและเงินของครอบครัว ไม่มีใครคอยรับผิดชอบให้ถ้าทำผิด
ส่วนคนดีเขายังทำงานอยู่ที่เดิมเพราะเห็นว่ามีรุ่นพี่ที่เก่งอยู่หลายคน คนดีบอกว่ายังต้องเรียนรู้อะไรจากที่นั่นอีกเยอะ
“เลือกลายได้ยัง”
วันนี้ผมเข้ามาที่ร้านโต้ซังพร้อมกับคนดี เรื่องสักที่คุยกันไว้เมื่อเดือนก่อนๆได้ฤกษ์ที่จะสักวันนี้ และคนที่มาสักให้ก็เป็นมือหนึ่งของร้านอย่างพี่คู้ คนดีบอกว่าพี่คู้อยากทำให้...แต่ผมกลับคิดติดตลกไปว่าพี่คู้คงอยากเอาคืนผมโดยการสักมากกว่า
“ผมเอาลายนกอินทรีเหมือนคนดีครับ แต่เอาไว้ที่อก”
ช่างสักเลิกคิ้วมอง
“ลายใหญ่ตั้งแต่ลายแรกเลยเหรอวะ เจ็บตายห่า” พี่คู้ขู่
“สบายครับพี่” ผมว่า
คนดีบอกผมมาว่า อินทรีย์เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้นำ ความยิ่งใหญ่และสง่างาม ทำการสิ่งใดก็ประสบผลสำเร็จ ส่วนผมแค่อยากสักคู่เขาก็เท่านั้น
“แค่ลงเส้นวันนี้มึงก็ร้องแล้ว” พี่เขาว่าพร้อมกับขำก่อนจะมองไปรอบๆ
“คนดีจะไปไหน” ผมถามคนข้างตัวที่เมื่อกี้ยังนั่งเล่นมือถืออยู่
“ไปหาโต้ซังครับ ว่าจะไปช่วยดูบัญชีร้าน” เขาว่า ส่วนผมมองเขาตาละห้อย
“ไม่อยู่กับครามเหรอ จับมือไว้แบบนี้”
“ครามไม่ได้ป่วยสักหน่อย” คนดีว่าก่อนจะแตะมือผมเบาๆ เขาบอกว่าสู้ๆพร้อมกับยิ้มหวานก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมอยู่กับพี่คู้สองคน
พี่คู้ทำหน้าเบื่อๆใส่ผม
“คบกันปียังวะ”
“ปีกว่าแล้วครับ”
“ที่บ้านมึงรู้ยัง” ช่างสักถามไปใส่ถุงมือและเตรียมอุปกรณ์ไปพลาง
“รู้แล้วครับ” ผมตอบหนักแน่นพี่คู้เลยหันมามอง
“คนดีเป็นผู้ชาย…”
ผมยิ้มก่อนจะตอบ
“ผมรู้ครับ รู้มาตั้งแต่แรกแล้วพี่”
“อย่าทำให้น้องกูเสียใจ ถ้าจะคบจะเลิกบอกมันตรงๆ คนดีไม่ใช่คนงี่เง่า”
ผมรู้...
“พี่คู้ต้องไปบอกคนดีแทน ว่าอย่าบอกเลิกกับผม”
พี่คู้หัวเราะ
“ผมพูดจริงนะพี่คู้ ถ้าเลิกผมคงเขว”
“มันยังพึ่งปีแรกๆไง อะไรก็หวาน สักลายคู่กันยังได้ พอเลิกกันกูเห็นมานักต่อนักแล้ว วิ่งมาลบรอยแทบไม่ทัน”
“ของผมถ้าลบคงเป็นปื้นใหญ่” ผมว่า
“แสบอกแน่มึง”
พี่คู้สั่งให้ผมถอดเสื้อก่อนจะทาอะไรสักอย่างลงที่อกกับไหล่ผม พี่เขาบอกต้องลอกลายก่อน แล้ววันนี้จะลงเส้นให้ ไว้อาทิตย์หน้าค่อยมาเก็บรายละเอียด เห็นบอกว่าจะต้องสักซ้ำถ้ามันสีไม่ชัด
“ผมนึกว่าพี่คู้จะสัก”
ผมชวนเขาคุย พี่คู้เป็นช่างสักที่ผมเองไม่เห็นว่าเขาจะสัก
“ก็มี อยู่กลางหลังลายเดียว ไม่มีใครเห็นหรอก”
“ลายอะไรพี่”
“รูปพ่อกับแม่”
ช่างว่าพลางวางกระดาษบลอกลายลงที่อกผม
“อ่า ครับ” ผมที่รู้สึกเหมือนละล้าบละล้วงเรื่องส่วนตัวของพี่เขาเงียบลง แต่พี่คู้ดูยินดีที่จะเล่า
“ของกูคือพ่อแม่เสียไม่มีญาติ โต้ซังเลยมารับ ตอนนั้นจะขึ้นป.4 แล้วมั้ง โต้ซังแกก็เลี้ยงดี กูจำได้ว่าพ่อแม่เขาค่อนข้างจน ลำบากเลยแหละ พอมาอยู่กับโต้ซังกูแม่งเป็นเด็กกำพร้าที่สบายฉิบหาย” พี่เขาเล่าไปขำไป
“ มันคนละเคสกับคนดี กูเสียใจเรื่องพ่อแม่แต่ก็รู้ว่าเขาไปสบายแล้ว ส่วนคนดีจะเหมือนมีข้อกังขาอยู่ตลอดเวลา”
พี่คู้คงรู้จักน้องชายของตัวเองดี
“คนดีเขาคิดมากเรื่องน้องชายเขาครับ” ผมบอกตามจริง ส่วนพี่คู้ถอนหายใจ
“คนเราเกิดมาได้โอกาสไม่เท่ากันทุกคน มึงก็รู้”
“คนดีว่าจะส่งเขาเรียน”
“เพราะนั่นมันคนดีไง ถ้าเป็นกูคงไม่ใจดีขนาดนั้น พอเขาขอได้เขาก็จะติดที่จะขอ แล้วจะกลายเป็นภาระของมันในที่สุด” พี่คู้พูดถึงครอบครัวเก่าของคนดี คนดีที่โดนทิ้งมาไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังยินดีที่จะทำ
“คงไม่มั้งครับ” ผมพยายามคิดในแง่ดี
“ถ้าคิดแบบมึงได้คงดี”