45
จากงานยุ่ง ประชุม ซ้อมหนัก คุณตาปั่นหัว คุยโทรศัพท์ดึกดื่น แล้วพอนึกถึงตารางกิจกรรมของทั้งวัน หลังออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว กาแฟดำเข้มๆ คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้
เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตหอมกรุ่นยามเช้ามืด ช่วยให้สติเข้าที่เข้าทาง หลังจากบอกบาริสต้าให้ทำกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนไว้สำรอง บอกแม่ครัวให้เตรียมอาหารเช้าไปทานบนรถ ก็ได้เวลาไปปลุกองค์ชายน้อย ระหว่างหันหลังออกจากห้องอาหาร ก็ต้องหยุด เฮียปลาหย็องเดินสะโหลสะเหลพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตบนไหล่ มีอดีตพี่เลี้ยงว้าวุ่นหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กำลังพากันเดินลงบันไดตรงมาในห้องทานข้าว
"คุณหนูครับ! เดินดีๆสิครับ รถรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะมาล้มกลิ้งหัวแตกตอนนี้ไม่ได้นะครับ แล้วข้าวเช้าก็เป็นมื้อสำคัญสำหรับวัยกำลังโต ไม่ทานไม่ได้นะครับ!" ว่าแล้วก็ดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าตัวเองขึ้นพาดบ่า สงสัยจะกลัวคุณชายใหญ่กลิ้งตกบันไดคอหักตายน่ะครับ
"บอกแล้วไงซาล เราโตแล้ว อย่าเรียกเราว่าคุณหนู! แล้วนี่ตีสี่นะตีสี่ กระเพาะเรายังไม่ตื่นเลยเถอะ ดีไม่ดี น้ำย่อยก็ยังนอนอุตุอยู่เลยมั้ง ฮ้าวว ง่วงชะมัด...อ้าว...หมูหย็องเหรอ ว่างายยยคะคุณหลวงงงง" เฮียปลาหย็องโบกมือด้วยท่าทางแห้งเหี่ยว สงสัยจะเหนื่อยจริงครับ โหมดจำปาเลยโผล่ออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ
คุณซาลที่กำลังแบกซากเฮียปลา พอหันมาเจอผมก็รีบก้มหัวให้ จังหวะที่ผละมือออก เตรียมประสานกลางลำตัวแล้วโค้งคำนับ เขาเผลอปล่อยคนในอ้อมแขน มนุษย์แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเสียหลัก เกือบได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่าด้วยการตายแสนน่าอับอาย ดีว่าบุรุษในชุดสูทรีบใช้มือดึงผมคุณหนูของตัวเองไว้ได้ทัน
"อ๊ากกกกกกกกกกกกก หัวจะหลุดแล้ว! หลุดแล้วๆๆๆ หลุดไปหรือยัง หลุดแล้วใช่หม้ายยยยยย!?"
"คุณหนูครับ!?! ผมขอโทษครับ! ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมจะร่วงออกมาหลายกระจุก แต่ศีรษะยังอยู่ดีครับ!"
ผมมองละครลิงตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา พี่เลี้ยงของเฮียปลาหย็องกระวีกระวาดเขย่งตัวขึ้นมองหัวของคุณหนูตัวเอง ใช้เวลาสักพัก กว่าเฮียปลาจะเลิกโวยวายว่าหัวหลุด
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณดิมิทรี ผมต้องขออภัยด้วยครับ! ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพี่ชายของคุณหนู"
กิริยาไม่เหมาะสม แต่ช่วยอาเฮียไม่ให้หัวทิ่มกระแทกพื้นตายอนาถ ผมไม่ถือหรอกครับ จะกระชากจนหนังหัวหลุด ผมก็ไม่ว่าอะไร
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณซาล เฮียจะกลับมหาลัยแล้วเหรอครับ?"
"ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้คุณลุงขายปิ้งไก่จะกลับมาแล้ว จำปาก็หมดหน้าที่ดูคุณหลวงกับนายท่านด้วงสักที ถึงเวลาที่จำปาต้องกลับไปทำหน้าที่นางงามรักษ์โลกตามคำเรียกร้องของมนุษยชาติต่อ แต่ถ้าคุณหลวงคิดถึง ก็ไปหาจำปาที่มหาลัยได้นะคะ อ้อ ส่วนคุณหญิงแม่เลื่อนวันกลับค่ะ กลับอีกทีใกล้ๆคริสต์มาสเลย ส่วนลูกคนใช้จะกลับมาแปะมืออีกทีหนึ่งก็วันพุธหน้า"
คุณลุงขายปิ้งไก่ก็คือคุณป๊าน่ะครับ ส่วนลูกคนใช้ก็คือเจ้ไก่หย็อง บ้านผมถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เฮียปลาหย็องหรืออาเจ้ไก่หย็องก็ต้องอยู่แทน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่บ้านเสมอ ...ว่าแต่ว่า อาทิตย์ก่อนยังเรียกไก่หย็องน้องรักอยู่เลย อาทิตย์นี้เป็นลูกคนใช้ไปซะแล้ว จำปาเลื่อนสถานะให้รวดเร็วยิ่งกว่าต้มบะหมี่เสียอีก
"ช่วงนี้เฮียว่างหรือครับ ไม่ใช่ว่ายุ่งๆ กับการหาเงินแข่งกับเจ้ไก่กับเฮียเนื้อหย็องเหรอครับ"
"กรี๊ด! ซาล! นายบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า น้องชายใส่ใจจำปา น้องชายรักจำปา! น้ำตาจะไหล ถึงจำปาจะยุ่งกว่านี้ ก็จะแยกร่างมาหาคุณหลวงและนายท่านด้วงได้เสมอเจ้าค่ะ แน่นอนว่าคุณหลวงเทม จำปาก็ต้องมาหาบ่อยๆ เพราะคุณหลวงเทมตัลร้ากกกก"
พี่ชายตัวโตมีท่าทีดี๊ด๊า ด้วยเพราะนานๆ ที น้องชายที่มักจะทำตัวเหินห่างถึงจะถามอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เฮียปลาหย็องดวงตาแจ่มใส มองตรงมาเหมือนอยากให้ผมถามเขาอีก ผมหลุบตามองแก้วกาแฟในมือก่อนค่อยๆ ไล่สายตามองใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับของตัวเอง
เอ่ยถามเสียงเรียบเรื่อย "เฮียไปทำอะไรที่โรงเรียนผมเหรอครับ" ผมถามถึงเรื่องที่อยากรู้
หลังจากลุงยามถามถึงคนนามสกุลเหมือนผมเข้ามาในโรงเรียนหลายครั้งในสองเดือนมานี้
"เฮ้ย! น้องรู้ได้ไง!?...อุ้ย จำปาหมายถึงคุณหลวงรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?"
"เข้าไปทำอะไรครับ?"
"ก็ ก็เข้าไปเล่นๆ เฉยๆ อ-เอ่อ...อ๋อ! ก็วงนักร้องที่คุณหลวงเอามาใช้เปิดตัวงานแสดงตอนสิ้นปี เป็นเพื่อนของจำปาเองค่ะ ก็เลยติดรถมาเยี่ยมคุณหลวงด้วยยังไงล่ะคะ"
บอกว่ามาเยี่ยมผม แต่ผมไม่เคยเจอหน้าพี่ชายตัวเองสักครั้ง แถมคำตอบก็เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะคิดขึ้นได้ เมื่อตอนผมถามด้วยซ้ำ หรี่ตามองชายร่วมสายเลือดตรงหน้าอย่างจับผิด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลน พอสู้สายตาผมไม่ไหว อีกฝ่ายก็คว้าพี่เลี้ยงที่ยืนมองเพดานอย่างไม่เป็นธรรมชาติมาจับแขน เตรียมโกยอ้าวหนี
"ต๊าย! จะตีสี่ครึ่งแล้ว จำปาต้องไปแล้วล่ะค่ะคุณหลวง มีใครก็ไม่รู้โทรเรียกจำปาแล้วค่ะ ใช่ไหม? ใช่ไหมซาล? เราต้องไปกันแล้วเนอะ!?"
"ใช่ ใช่ครับคุณหนู! พวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณดิมิทรี"
หมับ
ผมจับต้นแขนเฮียไว้แน่น เงยหน้าสบตาคนสูงกว่า บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภาษาบ้านเกิดและชื่อจริงถูกนำมาใช้ แสดงถึงความเข้มข้นของความจริงจัง "โจเชฟ...พี่รู้ใช่ไหม ว่าเส้นไหนข้ามได้ เส้นไหนข้ามไม่ได้...อย่าเล่นมากเกินไป"
เอ่ยเตือน เมื่อผมเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไปหาเทมในห้องเรียนพิเศษ ผมรู้ครับ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว สองคนนี้ก็คงจะหาวิธีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เหมือนเคย แต่วิธีการวางแผนบางครั้งก็ไม่เข้าท่า อย่างสองปีก่อน เป็นการเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เทมถือเค้กแล้วเข้าไปอยู่ในกล่องของขวัญขนาดใหญ่ แต่เพราะเฮียไม่ได้บอกคนรับใช้เอาไว้ เหล่าพ่อบ้านจึงเข็นกล่องของขวัญยักษ์ไปเก็บในห้องเก็บของ รวมกับของขวัญมากมาย เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด เพราะเฮียจำกล่องของขวัญที่ใส่เทมเอาไว้ไม่ได้ กว่าเราจะหากล่องที่เทมอยู่เจอ เด็กชายของผมก็ร้องไห้ในกล่องมืดๆ เงียบๆ คนเดียวเป็นชั่วโมง
"เฮียรู้แล้วน่า...ไม่มีอะไรมากหรอก เอ่อ...อันที่จริงมันก็มีมากอยู่ แต่มันก็...เฮียบอกไม่ได้จริงๆ เอาไว้เดี๋ยวน้องก็รู้เอง"
"กฎ?"
"ไม่มีละเมิดสักข้อ สาบาน! ปลอดภัยชัวร์ล้านๆๆๆ เปอร์เซ็นต์! ...ให้ตายเถอะ นี่พี่กำลังทำเรื่องดีๆ อยู่นะ นายต้องเชื่อใจพี่สิน้องรัก" เขาครวญตอบด้วยภาษาเดียวกัน เรามองสบตากันชั่วครู่ ก่อนผมจะปล่อยแขนเขาออก หลังปล่อย รอยแดงปรากฏบนแขนที่มีมัดกล้าม สีแดงตัดขาวดูโดดเด่น
"อย่าให้เทมทำอะไรแปลกๆ เพราะความคึกคะนองของพี่นะโจเชฟ เขายังเด็ก"
"รู้แล้ว รู้แล้ว ครั้งนั้นมันแค่อุบัติเหตุ พี่สะเพร่าไปหน่อย พี่ขอโทษ"
"ห้ามเกิดขึ้นครั้งที่สอง"
"รับทราบครับน้องชาย"
มองดวงตาสีฟ้าสะท้อนความจริงจังกลับคืนมา พยักหน้าตอบรับการเล่นซนของพี่ชายตัวเองและเด็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ถึงอีกเรื่องที่สำคัญ หันไปบอกพี่ชายที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ "อีกเรื่องนะครับเฮีย"
"อะไรเหรอคะคุณหลวง"
"เลิกใส่หมวกขนนกสีรุ้งปิดบังตัวเองเวลาไปโรงเรียนผมด้วยครับ มันไม่ได้เนียนเลยสักนิด แถมมองแล้วรู้ทันทีอีกต่างหากว่าเป็นใคร ชุดแม่วัวโชว์สะดือนั่นก็เหมือนกัน...ถือว่าขอนะครับ มันดูโรคจิตน่ะพี่ชาย"
เฮียปลาหย็องอ้าปากหวอ
ข้างกันมีคุณซาลยกมือกุมหัวแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ "...ผมเตือนแล้ว คุณหนูก็ไม่เชื่อ..."
***
แกะแผ่นเจลใต้ตาคนยังหลับสนิทออก ลูบใต้ตาที่แทบจะไม่บวมเลยอย่างพอใจ
แต่การปลุกไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อเด็กชายตั้งท่าแต่จะรั้งผมกลับขึ้นไปนอนด้วยกันต่อบนเตียง ท่าทางดื้อดึง คิ้วขมวดปากยื่นเป็นพิเศษ เป็นพี่เทมคนดื้อ เป็นพี่เทมคนงัวเงียที่ถ้ายังฝืนปลุก จะได้เทมปุระฉบับงอแงไปทั้งวัน แต่วันนี้พี่เทมจะงอแงไม่ได้ครับ ถ้าเป็นวันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เป็นอะไรเลย ออกจะชอบเวลาเขางอแงให้ตามเอาใจด้วยซ้ำ เทมที่ติดผมหนึบแล้วไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยน่ารักจะตาย แต่วันนี้แค่ช่วงเที่ยง ผมยังหาเวลาพักกลางวันตัวเองไม่เจอ
ยิ้มขำคนกอดแขนผมแน่น แล้วละเมอว่ากำลังหม่ำแคนดี้ยักษ์ จนดูดแขนผมดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายไหลเยิ้ม ตัดใจปลุกเขาต่อไม่ลง เมื่อคืนเขาทั้งนอนดึกผิดเวลา ทั้งร้องไห้ โดนคุณตาแกล้งให้หัวหมุน ผมกลับไปใช้แผนแรกที่คิดเอาไว้
ทางเลือกให้เขาไปหลับต่อบนรถ ดูเป็นอะไรที่เข้าท่า เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด
เดินไปหยิบถังน้ำและผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าเช็ดตาคนหลับสนิท จับเขาพลิกตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงที่ห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ ดูน่ากลั่นแกล้งจนเผลอจับเขาฟัดไปหลายนาที พอแต่งตัวให้เขาเสร็จ จึงเรียกพ่อบ้านมาช่วยอุ้มเขาลงไปขึ้นรถ
พี่เทมยังคงหลับตาพริ้มไม่มีวี่แววตื่นมาตลอดทาง กระทั่งผมให้คนพาเขาเข้าไปนอนในห้องกรรมการนักเรียนก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าผมเป็นนาฬิกาตื่นตามเวลา องค์ชายนิทราก็คงจะเป็นนาฬิกาตื่นตามชั่วโมง ถ้าหลับได้ไม่เต็มอิ่มครบเจ็ดชั่วโมงก็จะไม่ยอมตื่นล่ะมั้งครับ
ผมมองเวลา คิดว่าเทมน่าจะตื่นอีกทีตอนแปดถึงเก้าโมง ทันเวลาขึ้นสแตนด์พอดี
ช่วงเช้าถึงเที่ยงจะเป็นการกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงเล็กน้อยจากเหล่านักเรียน เปิดให้เดินซุ้มร้านค้าต่างๆ และเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการประกวดเชียร์ของสแตนด์ ซึ่งเป็นตอนช่วงบ่าย ตามด้วยการแข่งกีฬาตามลำดับ
กีฬาสีโรงเรียนเรามีแข่งทั้งหมดสามสิบอย่างครับ ฟุตบอล ตะกร้อ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง หมากกระดาน อีสปอร์ต และอีกมากมาย โดยแบ่งแข่งวันละห้าอย่าง เท่ากับสามสิบชนิดครบหกวันพอดี วันสุดท้ายจะเป็นการประกาศรางวัล ซึ่งนอกจากผู้ชนะเลิศในการแข่งกีฬาชนิดนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีประกาศคะแนนสีชนะเลิศอีกด้วย เป็นการเอาคะแนนทุกอย่างมารวมกัน กีฬาเจ็ดสิบยี่สิบ อย่างอื่นอีกสิบ
คะแนนพิเศษอีกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เปลี่ยนไปตามปี เช่นปีก่อนให้คะแนนความสะอาด ปีก่อนหน้าก็ให้คะแนนสีที่ใช้เงินน้อยที่สุด เหล่าอาจารย์จะเขียนฉลากและจับสุ่มขึ้นมาในวันสุดท้าย ซึ่งจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าจะเป็นอะไร
เพราะงั้นมันต้องสื่อสารและร่วมมือกันทุกฝ่าย ทำทุกอย่างให้ออกมาดีพร้อมทั้งหมด เพราะถึงจะแข่งแพ้ไปหลายชนิด ก็ยังพอหวังคะแนนฝ่ายเชียร์ คะแนนพิเศษให้พลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุด
เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กเรียนสามัคคีกันได้จริงๆ
...สามัคคีกันในสี แล้วไปตีกับคนนอกสีแทนน่ะครับ...
แค่พ้นจากบานประตู ก็เป็นคนละโลกอันสุขสงบที่เด็กน้อยนอนหลับสนิท ภาพหลอนของสารคดีที่เทมเปิดดูซ้อนทับ เหล่าฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งผม แม้จะเพิ่งตีห้าครึ่ง แต่ทีมสภาก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา
"เฮ้ย! ชิบหายแล้ว พี่เนศ พี่หมู ทำยังไงดีครับ พิธีกรช่วงบ่ายไม่มี คิตตี้ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย" ผมที่กำลังเช็ครายชื่อ จัดที่นั่งรอบสุดท้ายชะงัก
มาท้องเสียอะไรเอานาทีสุดท้ายกันนะ แย่จริง พวกผมต้องทำงานสภาให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงเสียด้วย หลังจากนั้น เราก็ต้องแยกย้ายกันไปเข้าสีแล้ว
พี่เนศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อฝ่ายจัดการทันที แต่ก็ได้สีหน้าเคร่งเครียดกลับมา "ชิบหายจริงด้วยว่ะ... พี่เพิ่งโทรไปถามไอ้คิน น้องเจนกับน้องแอนนา พิธีกรสำรองทั้งสองคนก็ดันไปกินอาหารร้านเดียวกัน ท้องเสียหมดเลย เฮ้ย มีใครว่างช่วยบ่าย แล้วจำสคริปต์ทั้งหมดได้บ้าง"
พี่เนศหันไปสบตาเลขาตัวเอง สบตาทุกคน และคำตอบก็ไม่ได้น่าพอใจ เมื่อการส่ายหน้าปฏิเสธคือคำตอบ
"ให้อาจารย์ขึ้นไปพูดแทนได้ไหมพี่เนศ อาจารย์ตรวจงานหลายรอบ คงพอจำได้บ้าง"
"ให้ช่วยนี่คะแนนหายเยอะแน่ๆ เลยว่ะพี่ว่า ลองคิดหาทางอื่นก่อน"
อาจารย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยครับ ถ้าไม่ได้ลำบากกันจริงๆ เช่นมีการบาดเจ็บ การโกง ท่านถือว่าเป็นการเรียนรู้และให้นักเรียนแก้ปัญหากันเอง จะให้คำปรึกษาระหว่างจัดงานแล้วรอดูผลลัพธ์ เหมือนให้รายงานนักเรียนไปทำ แล้วนั่งรอฟังการรายงานหน้าห้องนั่นแหละครับ
นอกจากนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นการบ้าน เป็นงานที่ให้คะแนนจริงๆ ในส่วนกิจกรรมด้วย
เพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วไปขอให้อาจารย์ช่วย ก็จะถูกหักคะแนน คะแนนก็จะหายไปเยอะเลยละครับ คะแนนที่หายไปเยอะ ก็หมายถึงต้องไปยุ่งยากตอนใกล้ปิดเทอม ต้องไปทำงานเพื่อสังคม ทำคะแนนกิจกรรมเพิ่ม ถ้าคะแนนไม่พอ
"หนูว่างช่วงบ่ายนะ แต่หนูจำสคริปต์ได้แค่ช่วงต้นเอง"
"ด้นสดไม่ได้เหรอเนศ" พี่นรีหันไปถาม แต่พี่เนศก็กำลังยุ่งกับโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนว่าง
ผมหันไปตอบแทนประธานรุ่นพี่ "ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้ว จังหวะแสงไฟกับจังหวะดนตรีอยู่ที่จังหวะการพูดของพิธีกร ลูกเล่นต่างๆ ไหนจะสัญญาณมือ การกะพริบตาที่เตี๊ยมกันไว้อีก"
"เชี่ยมาก...มีใครความจำดีๆ มาจำตอนนี้ทันไหมวะ"
เลขาของผมที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากการตรวจดูความเรียบร้อยมีสีหน้างุนงง เมื่อเห็นคนในห้องปล่อยรังสีมืดครึ้มจนคับห้อง "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่าหมู?" เปียเดินมากระซิบถามกับผม
หรี่ตามองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มจากกองเอกสารมาส่งให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไปถืออย่างคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เปิดอ่านศึกษาตามความเคยชินเวลาผมยื่นงานให้
"เปีย ช่วยจำทั้งหมดนี้ให้หน่อยครับ"
แต่พอออกคำสั่ง เธอก็เข้าโหมดเตรียมพร้อมทันที
"สามสิบห้าแผ่นนี้เหรอ รีบหรือเปล่าละ? อืม...ขอเวลาสักสองชั่วโมงได้ไหม เราต้องไปหาอาจารย์อภิญญาต่อน่ะ ว่าแต่จะให้ฉันจำไปทำไมเนี่ย..." เปียถามเสียงอุบอิบ แต่สายตากวาดเลื่อนอ่านอย่างรวดเร็ว
"ช่วงบ่ายว่างไหมครับ?"
"บ่ายเหรอ..." เธอทำท่าครุ่นคิด ก่อนพยักหน้า "ถ้าบ่ายหนึ่งถึงสองก็พอได้นะ แต่สามถึงสี่ไม่ได้ เรามีแข่งปิงปอง เย็นมีเวรไปส่งแขกกับพี่อ๋องกับอาจารย์ทวัต"
"ครับ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อได้เลย ได้พิธีกรแล้วครับ"
เสียงเฮดังลั่น "ขอบคุณมากนะเปีย รอดแล้วโว้ยยยยยยยยยย"
"ฮือ กูนึกว่าต้องส่งไอ้จินไปเป็นพิธีกรหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว มุกแป๊กของมันถ้าไม่มีคนขัดนี่นรกชัดๆ"
หญิงสาวอ้าปากเหวอหมดภาพลักษณ์ "ห๊า? พิธีกร? พิธีกรอะไรกันคะ?...เดี๋ยวๆ วันนี้เราเวรรับแขกนะหมู เฮ้ย!"
"ฝากด้วยนะครับ" บอกเสียงเรียบ ก้าวขาเดินหนีไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที
พี่เนศปรี่เข้าไปหาเปีย พนมมือยกขึ้นไหว้คุณเลขาอย่างซาบซึ้ง ดวงตาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจเหมือนในการ์ตูนตลก "น้องเปียคนงาม นางฟ้ามาโปรดของพี่...เป็นแฟนพี่นะครับ"
"ขอปฏิเสธค่ะ...หมูแม่ง ตัวเองจำได้ในสิบห้านาทีก็ไม่ยอมทำ โยนมาให้กันได้นะยะ" เปียบ่นเสียงแผ่ว แอบหันมาค้อนใส่ผม ก่อนก้มหน้าอ่านเพื่อจำทุกตัวอักษร สลับก่นด่าประธานนักเรียนอีกคนไปด้วย
...ไม่เอาด้วยหรอกครับ ช่วงบ่ายผมจะไปแอบส่องเทมขึ้นสแตนด์นี่...
หลังหมดเรื่องพิธีกร ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น สักพักอาจารย์หลายสิบคนก็เข้ามาสอบถาม และช่วยตรวจความเรียบร้อยรอบสุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายพอใจ พวกผมก็ถูกปล่อยให้ไปเข้าประจำสีของตัวเอง
ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนเข้าแถว ผมจึงเดินมาโรงอาหาร ซื้อชานมไข่มุกไปให้คนยังไม่ตื่นนอน ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มบนโต๊ะประจำ คนคุ้นหน้าและเพิ่งจะเริ่มคุ้นหน้าก็เดินเข้ามาหา แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเต้ น้ำกับคาร์โลเดินมาพร้อมกันสามคน
ทะเลาะกันมาสองปี บทจะดีกันก็ดีง่ายเลยนะครับ
น้ำตะโกนทัก "มาเช้าจังวะ แล้วไอ้เทมล่ะ" ถามหาเพื่อนอีกคน ที่มักจะตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋
"นอนอยู่ครับ"
"เฮ้ย! นอนอยู่ไหน มันไม่สบายเหรอ"
"อะไรวะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า"
"เปล่าครับ เทมสบายดี เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อยเขาเลยนอนดึก ตอนนี้นอนอยู่บนห้องกรรมการ เดี๋ยวหลังเข้าแถวค่อยไปปลุก"
"อ๋อ แน่ะ...แน่ะๆๆๆ คงไม่ได้สวีทสหวีกิ๊วๆ กันใช่ไหมวะ อย่าเชียวนะมึง ลูกกูยังไม่โตพอกับเรื่องบัดสี"
ผมยักคิ้วใส่หน้านิ่ง ไอ้เต้กรอกตาพร้อมเอื้อมมือมาจะตบหัวผม แต่วืด เพราะผมหลบทัน มันถลึงตาใส่ พึมพำ "กวนตีน"
"นั่นเก้าอี้เทม มึงไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มใหม่ดิโล แล้วก็อย่าไปนั่งใกล้ไอ้หมูมัน เดี๋ยวโดนต่อยหน้าแหก" น้ำพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ของโต๊ะอื่น โต๊ะประจำของกลุ่ม เก้าอี้มีแค่สี่ตัวครับ และผมไม่ชอบให้ใครนั่งใกล้เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี
โลทำตามน้ำบอก แล้วนั่งลงตรงกันข้าม คนตัวใหญ่หน้าโฉด ทำให้บรรยากาศของโต๊ะดูคล้ายเด็กมัธยมกำลังโดนข่มขู่รีดไถเงินพิกล
"แล้วไงครับ ทำไมมาพร้อมกัน"
"กูก็...นั่นแหละ ก็ทำตามที่มึงบอกอ่ะ...แล้วมันก็ อืมๆๆๆ เอออออ นั่นแหละน่า ลูกผู้ชายเขาไม่พูดมากหรอก คุยกันด้วยกำปั้นก็จบ" น้ำบอกอ้อมแอ้ม สงสัยต่อมความรู้สึกผิดจะโดนผมกระทืบเข้าอย่างจัง จนทนไม่ไหวแล้วไปดักรออีกฝ่ายสินะครับ
เต้หัวเราะสะใจเสียงดัง
"จบจริงไอ้ห่า โดนไอ้คาร์โลชกกลิ้งไปรอบจนกูตกใจ"
"ไม่ได้เอาจริง ไม่เป็นรอยหรอก"
น้ำแยกเขี้ยว "ไม่เอาจริงปากกูยังเกือบแตก ไอ้สัส!"
"เจ๊ากัน"
"เออ!"
"แล้วก็...นี่..." คาร์โลยื่นเอกสารมาตรงหน้าผม ชี้นิ้วไปที่จำนวนตัวเลขเจ็ดหลักบนกระดาษ "ผมอยากให้คุณเพิ่มอีกสองแสน..."
ผมยิ้ม ไม่ตอบรับและปฏิเสธ อีกฝ่ายเดาะลิ้น "ค่าเลี้ยงเด็ก เงื่อนไขมันเบ็ดเสร็จยิบย่อยโคตรๆ เป็นทั้งบอดี้การ์ด พ่อบ้าน พี่เลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือไง ข้อห้ามก็เยอะ ยุ่งยากสุดๆ เพิ่มเงินเดือนอีกสองแสน แล้วผมจะตกลง ปากกาสีแดงคือที่ผมแก้ในส่วนที่ผมคิดว่ามันยังไม่แฟร์ด้วย"
เพิ่มวันหยุดอีกสิบวัน กับโบนัสจากสิบสองเดือน เพิ่มอีกหนึ่งเท่าตอนสิ้นปี แปดหลักเลยนะครับ...
"ผมจะพิจารณาหลังคุณเริ่มงานก็แล้วกันนะครับ"
คาร์โลจิ๊ปาก แต่ก็ยอมหันกระดาษไปเซ็นแล้วยื่นมาให้อีกครั้ง "เออ แล้วกู เอ้ย ที่ผมต้องไปฝึกเพิ่มเสาร์อาทิตย์ ขอเป็นฝึกช่วงเย็นถึงดึกได้ไหม ช่วงเช้าผมทำงานพิเศษแล้วก็อ่านหนังสือ"
"กับผมพูดกูมึงก็ได้ครับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ส่วนคำหยาบก็ตามที่ผมว่าไว้ เหี้ย สัตว์ มีหลุดได้บ้าง แต่อะไรที่มันจัญไรมากๆ ถ้าหลุดพูดต่อหน้าเขา ผมหักคำละสองหมื่น ส่วนตารางการฝึก ผมไม่สนใจครับ คุณไปคุยกับเลขาของผมได้เลย ผมสนใจผลลัพธ์เท่านั้น ถึงวันทดสอบ วันทำงานคุณต้องพร้อม"
คาร์โลพยักหน้า ผมกดข้อความบอกเลขา ไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เจ้าตัวเบิกตากว้างขึ้น
"ค่าแรกเข้า ถือว่าเป็นของขวัญทำสัญญาครับ"
"แม่เจ้าโว้ย!...เจ้านายใหม่กูโคตรใจป้ำ"
"เหี้ย...เหมือนกูดูหนังนักธุรกิจเลยว่ะ มึงแม่งยิ่งใหญ่สัสๆอ่ะหมู ดูเป็นอาเสี่ยในหนังมาเฟียชิบหาย"
"ลูกชายเจ้าของธนาคารพูดแบบนี้ ฟังดูเป็นคำประชดประชันได้ตลกร้ายดีนะครับเต้"
"ปล่อยกูไปเถ๊อะ กูลุ้นผลทำน้องของพ่อกับแม่สิ้นปีอยู่เนี่ย ติดปุ๊บ ปีหน้ากูย้ายสายเรียนเลย"
"เดี๋ยวๆ แล้วพวกกูต้องทำตัวยังไงกับคาร์โลวะ คือยังไงอะ มันทำงาน แต่เป็นเพื่อนพวกกูควบไปงี้เหรอวะ"
"เพื่อน?" คาร์โลมองพวกผมสามคนด้วยสายตาอ่านยาก มันมีแววตกตะลึง ไม่เชื่อหู และเสียดสีอยู่ในนั้น
"ก็ใช่ไง เพื่อน ตกใจอะไรวะ"
"พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นนักเรียนทุน"
"แล้วไงวะ มึงเหยียดพวกกูเหรอ เฮ้ย ถึงกูจะไม่ฉลาดมาก แต่เกรดกูก็ไม่ต่ำกว่าสามนะเว้ย!"
"กูจน..."
"หา? แล้วไงอะ กูก็จนเป็นช่วงๆ อ่ะ หม่อมแม่หักเงินเพราะรู้ว่าเอาเงินไปซื้อของไร้สาระบ่อย"
"จริง นี่พ่อกูก็เพิ่งหักตังค์กูไปตั้งเยอะ ดันรู้ว่ากูแอบขโมยตังค์ไปซื้อกล้องใหม่ โคตรซวย อุตส่าห์ปลอมชื่อในบัตรเครดิตแล้วนะ"
"เฮ้อ ไม่ได้จนในแบบที่พวกมึงพูด จนแบบไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเงินให้ใช้ ไม่มีนามสกุลดัง ไม่มีคนหนุนหลังน่ะ เรามันคนละชั้นกัน พวกมึงมันชั้นสูง กูมันรากหญ้า เข้าใจไหมวะไอ้พวกลูกคุณหนู" คาร์โลหัวเราะ "พวกมึงสองคนอาจจะไม่รู้ แต่กูเป็นเด็กกำพร้าว่ะ พี่น้องเยอะอีก กูต้องส่งค่าเลี้ยงน้อง ส่งให้ที่บ้าน ก็เหลือใช้เดือนไม่เท่าไหร่แล้ว ดีนะเจอมึง ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เรื่องจะเป็นเพื่อนนี่กูว่าไม่น่าไหว เป็นเพื่อนกับเจ้านาย กับเพื่อนเจ้านาย มันแปลกๆ"
เต้กับน้ำเงียบไป น้ำที่รู้เรื่องว่าคาร์โลเป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วแอบสะอึก แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ผมขมวดคิ้ว "คนจนไม่มีเงินเดือนเกือบแสนนะครับคาร์โล"
ยิ่งเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับผม เงินเดือนเขาก็ครึ่งล้านแล้ว
เต้เอื้อมมือไปตบบ่าคนตัวใหญ่สุดแปะๆ "คิดมากน่า พวกกูไม่ได้คบกันเพราะเงิน หรือนามสกุลนะเว้ย"