มาต่ออย่างรวดเร็ว เด๋วงานเยอะจนไม่มีเวลามาลง
เบื่องานที่สุด
**************************************************
สายลมเย็นๆพัดมากระทบร่างเด็กหนุ่มเป็นระยะๆบรรยากาศรอบตัวเริ่มเหน็บหนาวลงเรื่อยๆ
ต่อกำลังนั่งแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกระเบียงห้องพักเสียงพูดคุยของเด็กหนุ่มสลับกับเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ
เขากำลังคุยอยู่กับคนที่เขาเพิ่งจากมาได้เดือนเศษๆ ทุกๆค่ำคืนขอแค่เขาได้พูดคุยส่งเสียงไปทักทายเอ็มก่อนเข้านอน มันเป็นสิ่งที่เขาทำมาจนเคยชินซึ่งถ้าพีจะอยู่ห้องติดต่อกันถึงอาทิตย์ก็คงอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาคุยหยอกล้อกับใครใต้แสงดาวได้ทุกคืนในเมื่อเขาไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เรื่องราวระหว่างเขากับเอ็มในสายตาคนอื่นเอ็มก็ยังคงเป็นแค่เพื่อนกับเขาเท่านั้น
“ดึกแล้วนะพรุ่งนี้มึงไม่มีเรียนเหรอต่อ” เอ็มบอกกับต่อเมื่อเหลือบดูนาฬิกาบนหัวเตียงล่วงเลยจนเกือบจะเที่ยงคืน
“ไล่กูอีกแล้วนะมึงไอ้เอ็ม” ต่อบอกดุๆพลางกระชับเสื้อคลุมเมื่อเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา เอ็มเองก็ตอบเสียงดุกลับมาเหมือนกัน
“ก็กูห่วงมึงกลัวไปเรียนไม่ไหวมึงแหละชอบมองกูในแง่ร้าย”
“กูไม่มีเรียนเช้าพอใจหรือยัง”
“เออพอใจก็ได้วะชอบว่ากูเรื่อยแล้วยังจะมาโทษกูอีก”
“ก็คนมันน้อยใจนี่หว่านึกว่ามึงไม่อยากคุยกะกูแล้ว”
“ทีงี้ทำเป็นน้อยใจแล้วทีไล่กูเมื่อก่อนไม่เคยพูดถึงเลยนะมึง”
“ก็กูขอโทษมึงแล้วไง”
“อืมช่างมันเหอะมันผ่านมาแล้วแล้วนี่มึงทำอะไรอยู่”
“นั่งมองดาวแล้วก็คิดถึงมึงอยู่ไง”
“อย่าเพ้อเจ้ออย่างมึงเนี่ยนะจะไปนั่งมองดาวกูเชื่อมึงตายล่ะ”
“ซะงั้นล่ะมึงทำไมกูจะทำซึ้งหน่อยไม่ได้หรือไง”
“อย่างมึงเนี่ยนะ”
“เออก็อย่างกูนี่แหละทำไมผิดตรงไหน”
“เปล่าก็ไม่ผิดแต่มึงต้องคิดถึงกูคนเดียวนะ”
“จะให้ผมไปคิดถึงใครได้ล่ะครับคุณเอ็มเกิดมาก็เพิ่งจะแหงนมองฟ้าก็ตอนรู้จักมึงนี่แหละ”
“เออแล้วตอนเลิกรากันก็อย่าลืมบอกลาฟ้าด้วยล่ะ”
“พูดห่าอะไรของมึงเนี่ยไอ้เอ็ม” ต่อทำเสียงดุเมื่อนึกไม่ชอบใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
“กูก็พูดไปเรื่อยเปื่อยมึงอย่าถือสากูเลยน่า”
“ดีนะที่มึงอยู่ไกลกูขืนมึงพูดแบบนี้ใกล้ๆกูกูจัดการมึงแน่ไอ้เอ็ม”
“มึงจะทำอะไรกูไอ้ตี๋”
“อยากรู้เหรอไว้กูเจอหน้ามึงเมื่อไหร่มึงก็จะรู้เอง”
“เออกูจะรอ”
“กูถือว่ามึงสัญญาแล้วนะผิดสัญญาล่ะน่าดู”
“ไอ้นี่ขู่กูจังว่าแต่มึงเหอะทำเป็นพูดดีกูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงกะกูใครมันจะลืมใครกันแน่”
เงียบไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมาจนเอ็มต้องเอ่ยซ้ำ
“ต่อมึงฟังกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“เออฟังอยู่”
“แล้วทำไมเงียบไปวะ”
“ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“ใจลอยไปหาใครล่ะมึง”
“ก็หามึงไง”
“พอเลยมึงอย่ามาพูดเลยกูชักไม่แน่ใจแล้วสิว่ามึงนั่งอยู่กะใครตอนนี้”
“ใครจะบ้ามานั่งตากลมหนาวกะกูป่านนี้เขาหลับกันหมดแล้ว”
“แล้วมึงเสือกบ้าอะไรไปนั่งให้หมอกลงใส่กบาลอย่างนั้นเดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
“ก็ดีกูจะได้หาเรื่องอ้อนให้มึงขึ้นมาหากู”
“ฝันไปเหอะมึงกูคงจะขึ้นไปหามึงอยู่หรอก”
“มึงไม่ห่วงกูหรือไงกูเป็นแฟนมึงนะ” เอ็มอึ้งเมื่อต่อเอ่ยสวนกลับมาแต่ก็แกล้งขำกลบเกลื่อนความรู้สึก
“พูดไม่อายปากเลยนะไอ้ต่อกูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าขนาดนี้ไม่เรียกว่าแฟนกูก็ไม่รู้จะเรียกมึงว่าอะไรแล้วล่ะตื่นก็โทรหาจะนอนก็โทรหากูเคยเป็นแบบนี้ซะที่ใหน”
“อย่าลืมนะว่ากูก็เป็นผู้ชายเหมือนมึง”
“เมื่อก่อนกูก็เคยคิดแต่เดี๋ยวนี้กูไม่อยากคิดแล้ว”
“แต่คนที่คิดก็มีนะ”
บทสนทนาเงียบลงอีกครั้งเมื่อคำตอบต่างฝ่ายต่างก็รู้กันดีว่าคำว่าแฟนมันคงเกิดขึ้นยากระหว่างลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่บังเอิญมาเจอกันในช่วงเวลาที่ฟ้าอาจแกล้งหรือจงใจให้ความผูกพันธ์มันก่อตัวขึ้นเหนือคำว่าเพื่อน
“เฮ้อ…เครียดเลยว่ะ” ต่อถอนหายใจพอๆกับเอ็มที่ยิ้มออกมาอย่างเหงาๆ
“คิดอะไรมากว้าเดี๋ยวฟ้าก็คงส่งตัวจริงมาให้เราเองนั่นแหละขี้คร้านมึงกะกูจะตลกกันเองด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดความรู้สึกบ้าๆให้กันทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“แล้วถ้าเกิดตัวจริงของเราคือกันและกันล่ะมึงจะหัวเราะออกหรือเปล่า” เอ็มเงียบคิดตามแต่มันก็คงจะเป็นแค่คำเพ้อเจ้อของต่อเท่านั้น
“กูคงจะหัวเราะไม่ออกหรอกเพราะกูเชื่อว่าคนที่จะเสียน้ำตาก็มีและก็เป็นคนที่กูรักที่สุดมึงเองก็คงเหมือนกันต่อ”
“อืมจริงของมึงแต่ช่างเหอะแค่วันนี้มึงกะกูจริงใจต่อกันก็พอแล้ววันข้างหน้าก็ปล่อยมันไปละกัน”
“ได้เลยไอ้เพื่อนรัก”
เสียงหัวเราะที่ประสานกันลึกๆแล้วใครจะรู้ว่าสองหนุ่มต่างก็หวาดกลัวกับวันข้างหน้าอยู่ไม่น้อย
ฟ้ามีเวลาให้เราได้เจอกัน…….
ถึงแม้มันจะไม่ได้ยาวนาน……
แต่สิ่งที่เราเรียนรู้กัน…..
ผูกพันธ์กัน….
ในช่วงเวลาสั้นๆ…..
ความรู้สึกที่เกิดมันมากกว่าที่ควรจะเป็น….
หรือเราต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน…….
เวลาเท่านั้นที่คือคำตอบ…….
เมื่อฟ้าทำให้เรามาเจอกัน……..
ก็ขอให้ฟ้ามีเวลาให้เราได้ เรียนรู้ ผูกพัน…
ยาวนานโดยไม่มีใคร……….เสียน้ำตา……..