ตอนที่13ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!ไอรักใกล้จะบ้าตายแล้วนะ!!!!
ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำ ทับด้วยแจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้มปกขนเฟอร์ กางเกงสีดำสกินนี่แนบเนื้อจนแทบไม่มีที่ระบายอากาศ รองเท้าบูทสีเดียวกับแจ็คเก็ต มายืนโพสต์สารพัดท่าจนแทบจะกลายเป็นตุ๊กตายางให้พี่จิมทารุณเล่น ก็เล่นถ่ายเป็นพันๆรูป แต่เลือกออกมาไม่ถึงสิบ วันนี้ไอรักคงไม่ต้องทำอะไร ยืนให้พี่จิมถ่ายถึงเที่ยงคืน
“หันซ้ายหน่อยน้อง อีกนิดๆ เออนั่นแหละ แชะ แชะ! โอเค ไอ้ฟ้าใส พานายอชิระไปเปลี่ยนอีกชุดได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันเวลาที่กำหนด ไวๆเลย” อืม นั่นสิ จะได้เสร็จไวๆ ...ห๊า!!!! อีกชุด?! จะบ้าเร๊อะ! นี่กูต้องถ่ายอีกกี่ชุดวะ วันนี้ไม่ได้นอนแล้วกู..
“ค่ะๆๆ ไปกันค่ะน้องไอรัก”
“ดะ เดี๋ยวครับพี่จิม มีอีกชุดเหรอครับ” ผมหันไปถามพี่จิม
พี่จิมเป็นตากล้องมืออาชีพชื่อดังอายุไม่ยังถึงเลขสามที่เซอร์มากที่สุดเท่าที่เคยเจอ ผมหยักศกยาวเฟื๊อยถูกเกล้าขึ้นสูง ไม่รู้ว่าเคยแกะออกมาสัมผัสกับน้ำหรือเปล่า แว่นกลมกรอบสีทองเลนส์สีดำสนิทเสริมความติสโคตรใหญ่จนบดบังหน้าไปเกือบครึ่ง หนวดนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าเป็นสีขาว ผมนึกว่าซานต้ามาถือกล้อง
ดีอยู่สองอย่างคือหุ่นนายแบบ กับโครงหน้า หน้าตาพี่เขาหล่อโคตร น่าเสียดายจริงๆ
“ถูกต้อง ชุดสุดท้ายแล้ว ชิวๆโว้ยชุดนี้ เบาตัว ไม่ต้องหนักเครื่องทรง แทบไม่ต้องใส่อะไรเลย ใจปะอชิระ” พี่จะติสไปไหน คนอื่นเขาเรียกกันไอรัก สั้นๆ แต่พี่เรียกชื่อเต็มอย่างกับอาจารย์ที่มหาลัย ทำไมไม่เอานามสกุลด้วยเลยล่ะคร๊าบบ
ไอ้ผมก็กวนไปงั้นแหละ ความจริงแม่พี่จิมเป็นเพื่อนกับแม่พี่ผม ผมกับพี่จิมจึงสนิทกันพอสมควร
“อ๋อ ....ห๊า!! ไม่ต้องใส่อะไรอะพี่” ประโยคดังกล่าวทำเอาตาเบิกกว้างขึ้นทันที ผมรีบเอ่ยปากถาม แอบหวั่นเรื่องเสื้อผ้าในใจ เพราะแม่บอกเพียงเวลาและสถานที่เท่านั้น
“ไม่ต้องตกใจไอ้น้องรัก พี่มีกางเกงในให้น้องตัวนึง อย่าได้ซี(เรียส)” มึงจะย่อทำไม
ฉิบหายสิครับพี่ น้ำแข็งที่บ้านยิ่งสั่งห้ามอยู่ กว่าจะได้ออกจากบ้านก็กำชับแล้วกำชับอีก กูกลับไปตายในบ้านแน่ๆ
“ไม่ได้อะพี่”
“เฮ้ย ปฏิเสธไม่ได้โว้ย เอ็งอย่าเรื่องมากดิวะ มันเป็นศิลป์อะเอ็งเข้าใจปะไอ้จ้อน”
“ไม่เข้าใจอะ มันโป๊ ไอรักก็หวงพี่มังกรของตัวเองเป็นนะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นปากยื่นปากยาวใส่เลยนะโว้ย เดี๋ยวข้าโบกหนังกำพร้าหลุดเลยนิไอ้นี่ มาทำเป็นหวงตัว ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่จู๋เท่าเข็มฉีดยา จะมาอายอะไรตอนนี้วะ” พี่จิมแสดงความเถื่อนออกมา(อีก)แล้ว ด้วยความที่ว่าพี่เขาซกมก โสโครก เสียงดัง และอารมณ์ขึ้นๆลงๆ คนในสตูดิโอถึงขนาดผวากันซู่ซ่า
แต่พอดีผมเจอมาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ แบบนี้จิ๊บๆ
“ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาดอะพี่จิม ไอรักเปลือยได้แค่ท่อนบนเท่านั้น! โอเคไหม?” ไอ้พี่ซกมกทำหน้าครู่คิด
“ถ้าพี่จิมไม่ตกลงตามนี้ ไอรักก็ถ่ายต่อไม่ได้แล้ว” ผมทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่พี่จิมรีบรั้งไว้
“เอ้ยๆ เดี๋ยว!! โอเคก็ได้โว้ยย แมร่ง ไวๆเลย ข้าหิวขี้ เอ๊ย หิวข้าวแล้ว” ต้องให้กูพูดกระตุ้นใช่ไหม ถึงจะตกลงเนี่ย อีพี่จิมทำหน้าหงุดหงิดไปสั่งสตาฟที่รีบกุลีกุจอฉุดผมเข้าไปห้องแต่งตัว
“ถอดเสื้อเลยค่าแล้วหลับตานะคะสุดหล่อ” ช่างแต่งหน้าหุ่นล่ำ จิตใจนางฟ้า สั่งแล้วลงมือละเลงหน้าผมอย่างทำเวลา ส่วนอีกคนกำลังทาอะไรไม่รู้บนตัวผมให้ดูเป็นผิวสีเข้มขึ้น อื้อหือ กลิ่นชวนเมาอ้วกมาก
“ซี๊ดดดด..”
“อ๊ายยอีเชอร์รี่ แกทาดีๆก็ได้ ทำเสียงซี๊ดซ๊าดทำไมยะ”
“ก็มึงดูสิ มันน่า........ แฮะๆ ขอโทษค่ะน้องไอรัก ไม่ต้องกลัวค่ะไม่ต้องกลัว” พี่คนที่ทาขอโทษขอโพยเมื่อเงยมาเห็นผมส่งสายตาหวาดกลัวใส่พี่เขา
“เอ่อ เดี๋ยวผมทำเองดีกว่าครับ” ว่าแล้วก็คว้ามาทาเองเสียเลย ถ้าให้พี่เขาทำนานไปกว่านี้ ไอรักอาจจะโดนประทุษร้ายก็เป็นได้
“ชุดนี้เป็นธีมเถื่อนดิบ พี่จะโฟกัสไปที่ใบหน้าเสียส่วนใหญ่และสรีระท่อนบนบ้างนิดหน่อย ฉะนั้น! เอ็งต้องทำหน้าดุๆนะไอ้จ้อน จะแลบลิ้นแบบเถื่อนๆ หน้ากวนตีน หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่โดยรวม โดยเฉพาะตาเอ็ง พี่ขอโหดๆแล้วกัน เข้าใจนะนายอชิระ”
“โหพี่ครับ ธีมยากสำหรับไอรักเลยนะ ไอรักทำโหดไม่เป็น”
“โอ้ยไอ้บักสีดา ทีหลังข้าจะให้เอ็งไปเรียนแอ็คติ้งสักคอร์สสองคอร์สก่อนมา หลุดเข้ามาสตูได้ไงวะเนี่ยไอ้จ้อนเอ๊ย” คือผมจำใจมาครับ และไม่ได้ตั้งใจจะมาหากินทางด้านนี้ครับ ผมจะเป็นหมอครับพี่จิ๊มมม ผมว่าพี่น่าจะเปลี่ยนชื่อเล่นของตัวเองนะ ยิ่งลากเสียง ยิ่งอุบาทยังไงไม่รู้
“ไหนคุณน้องลองทำหน้าโกรธให้พี่ดูหน่อยสิคะ” พี่กระเทยคนหนึ่งตะโกนจากข้างหลังกล้อง ผมจึงปั้นหน้าโหดให้เขาดู
“เอ่อ....น้องจิม เจ๊ว่าไม่รอดว่ะ”
“ผมก็ว่างั้นอะพี่จิม น้องเขาสดใสเรียบร้อยขนาดนั้น เคยโกรธหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” ผู้ช่วยตากล้องพูดขึ้นดูจากสีหน้าทุกคนช่างอมทุกข์เสียเหลือเกิน ทำไงได้ ไอรักทำไม่เป็นนี่หน่า
ไอ้จ้อนคนนี้ผิดมากใช่ไหม.....
“ไม่ได้โว้ย ตอนนี้ไม่เป็นก็ต้องเป็นแล้วไอ้จ้อน เอ็งก็หาเรื่องมาบิ้วอารมณ์เอ็งดิวะ”
“.....” ผมทำหน้างงใส่ พี่จิมส่ายหน้าพร้อมยกน้ำชี้โบกไปมา
“นั่นๆ โง่อีก ทำหน้าโง่อีก ไอ้น้องเวร รักษาความโง่เหมือนเกลือรักษาความเค็มเชียวนะเอ็งนิ ต้องให้ข้าช่วยทุกเรื่อง” ปากคอเราะร้าย..
“ไม่ทุกเรื่องซะหน่อย ..อีตอนเด็กๆแมร่งยังให้กูสอนผูกเชือกรองเท้าให้ตัวเองอยู่เลย กูไม่ทวงบุญคุณก็บุญแค่ไหนแล้ว หมีถึกซกมกเอ๊ย” ผมบ่นอุบอิบเบาๆตามพาสาคนพาล
“บ่นไรของเอ็งคนเดียววะ”
“เปล่าจ๊ะเปล่า อยากเสี่ยงเซียมซีที่วัดเล่งเน่ยยี่ซะหน่อยน่ะ แฮะๆ”กูก็แถไปโน่น แต่ยังดีที่พี่จิมเขาฉลาดเรื่องกล้องอยู่เรื่องเดียว
“เออๆ เข้าเรื่องๆ เอางี้ เอ็งก็คิดถึงหน้าเมียตอนที่กำลังนอนกอดคนอื่นบนเตียงที่พวกเอ็งนอนด้วยกันทุกวันดิวะ” อ้าว เหี้ยสิครับ ภาพเกียร์นอนกกอยู่กับชะนีตัวหนึ่งผุดขึ้นมาทันที
“แชะ แชะ ! โอเค เลิศมาก เมียเอ็งขย่มตออื่นต่อหน้าเอ็งอะ แมร่งจะยอมได้ไงวะ แชะ! แถมยังมีหน้ามาบอกอีกว่าแค่สนุกเอง ขำๆ ขำกับพ่อมันดิ เอ็งว่างั้นปะไอ้จ้อน เหี้ยเอ้ย กูพูดแล้วขึ้นแทน ทำไมกูเห็นหน้าเมียกูนอนกอดคนอื่นลอยมาวะ แชะ! แชะแชะ! Shit!” ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าอย่างไรไป แต่คนในสตูดิโอยิ้มปราบปลื้มกับผมเหลือเกิน
“ถ่ายชุดนี้แล้วอารมณ์ขึ้นว่ะ เมียกูไปเถลไถลไหนปะเนี่ย แมร่ง สายอีก โว๊ะ! เดี๋ยวผมกับอชิระกลับก่อนนะ ฝากเก็บของให้หน่อยแล้วกัน วันนี้ขอบใจมากทุกคน” ไอ้พี่จิมบ่นห่าไรไม่รู้แล้วหันไปสั่งลาลูกน้อง หลังจากที่ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเสร็จ พี่จิมก็ดึงขึ้นรถแล้วดิ่งตรงไปงานการกุศลอย่างเร็วที่สุด
“ไม่รู้มาก่อนว่าไอ้จ้อนไข่เล็กของพี่มีเมียซะแล้ว หึหึ”
“ไอรักไม่มีเมียซะหน่อย” มีแต่..
“สวัสดีครับๆๆ คิดถึงจังครับมาม๊า” ผมกับพี่จิมรีบไหว้พวกแม่ๆที่กรูเข้ามาทักทาย ผมกอดแม่แล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง
“โถ่ มาม๊านึกว่าน้องไอรักจะมาไม่ทันเสียแล้ว รีบไปแต่งตัวได้แล้วนะคะตัวเล็ก” มาถึงคุณนายก็เฉดหัวผมเข้าไปหลังเวทีเลยครับเหล่าสไตล์ลิสกรูเข้ามารุมไอรักที่มาสายเพียงคนเดียว เด่นอีกแล้วกู
“น้องไอรัก ทำไมมาสายจังคะนี่ พวกพี่เครียดจนจะบ้าตาย” พี่พึ่งจะบ้า แต่ได้ถามผมไหมครับว่าผมบ้าไปหรือยัง ฮืออ ไอรักหัวหมุนติ้วๆ
“เหอะๆ โทษทีครับ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปล่อยให้พวกเจ๊ๆดึงหัว แต่งตัวแต่งหน้าตบแป้งอะไรของเขาไป อื้อหือ สิบเจ็ดมิสคอล เกียร์ทั้งนั้น ปกติมันไม่โทรมากมายขนาดนี้ แค่สี่สายก็ถือว่าเยอะมากๆสำหรับมันแล้ว แสดงว่าตอนนี้ต้องโมโหแล้วแน่ๆ ผมไม่รอช้าพิมพ์หาไอ้หมาน้ำแข็ง ก่อนที่มันจะคลั่งไปกว่านี้
“สวัสดีค่ะ” ผมเงยขึ้นไปมองหน้า ใครวะ ผมมองหน้าผู้หญิงหุ่นดีอกอึ๋มตรงหน้าอย่างงงๆ ผมเคยบอกแล้วไงครับ ถ้าเป็นคนแปลกหน้า ผมไม่ค่อยอยากจะพูดเกินจำเป็น ผมไม่ได้หยิ่งนะครับ แต่คนไม่สนิท จะให้คุยเล่นก็ยังไงอยู่
“ฮ่าๆ ยังมีคนที่ไม่รู้จักฉันอีกเหรอคะนี่”
“…” รู้สึกว่าญาติผมไม่มีคนหน้าเกาหลีแบบนี้ ผมจึงเงียบรอฟังเธอแนะนำตัวเอง
“ฉันชื่อนัทตี้ เรียกตี้ก็ได้นะคะ ความจริงฉันให้เรียกได้เฉพาะคนสำคัญเท่านั้นน่ะค่ะ” นัทตี้? ที่แปลว่าบ๊องน่ะเหรอ พ่อแม่คิดยังไงถึงตั้งชื่อนี้เนี่ย ผมแอบหลุดขำเบาๆ คุณนัทตี้นั่งลงข้างๆโดยไม่ได้เอ่ยคำขอใดๆ แล้วส่งรอยยิ้มหวานเยิ้มมาให้ ผมแอบเห็นพวกสไตล์ลิสเบะปากให้เธอด้วย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของผม จึงยิ้มแหยๆให้คุณนัทตี้แล้วก้มลงเล่นโทรศัพท์อีกครั้ง
“แล้วนี่....จะไม่แนะนำชื่อให้ตี้รู้จักเลยเหรอคะ” จังหวะที่เว้น นิ้วชี้และนิ้วกลางของคุณนัทตี้ไต่ต้นแขนผมขึ้นลง แล้วยื่นหน้าเข้ามาถามจนจมูกเธอแทบจะชิดกับแก้มผม
“เอ่อ ไอรักครับ” ผมเลื่อนตัวออกห่างช้าๆเพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป
“อ๊ะ!? คุณไอรัก อชิระ ลูกเจ้าของโรงพยาบาลและอสังหาริมทรัพย์น่ะเหรอคะ” คุณนัทตี้ทำท่าตกใจ ผมพยักหน้าเนืองๆ
“แหม ไม่คิดว่าจะได้คุยกับทายาทตระกูลอัศววัฒนไพศาลนะคะนี่ ว่าแต่เคยเดินมาก่อนหรือเปล่าคะ ไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย” คุณนัทตี้เอียงคอเอ่ยถามแล้วเขยิบตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมสายตาหวานเชื่อมส่งออกมาอย่างเปิดเผย เล่นเอาคนรอบข้างอดหมั่นไส้กับท่าทางของเธอไม่ได้
“จะเคยได้ไงล่ะคะคุณน้อง พี่ๆของน้องไอรักเขาหวงจะตาย ยิ่งมีชะนีประหยัดเนื้อผ้ากร้านโลกมาเกาะแกะ เขาคงไม่ชอบใจนักหรอกค่ะ” พี่ที่ทำผมให้ไอรักแขวะขึ้นพร้อมจิกตาใส่คุณนัทตี้ที่ทำหน้าเกรี้ยวกราดใส่ก่อนยิ้มเยาะออกมา
“อ๋อ แต่ชะนีตัวนั้นก็มีของดีกว่าและสวยกว่ากระซู่ตัวป้อมหน้าเหี่ยวบางตัวที่พยายามจะกลายพันธุ์แต่ก็ทำไม่เสร็จ ของปลอมๆหรือจะสู้ของจริง เหอะ!” นัทตี้เชิดหน้ากระแทกเสียงใส่หน้าช่างทำผม
“โถแม่คุณ ของจริง?พูดมาได้ ได้ข่าวบินไปเกาหลีเดือนละสามหน ยิ่งกว่างิ้วเปลี่ยนหน้า จนคนอื่นเขาเอือมหน้าน้องแล้วไม่รู้หรือไงคะ!”
“กริ๊ดด แกว่าใครห๊ะ อีพวกตุ๊ดน่าขยะแขยง” พี่กระเทยในห้องแต่งตัวหันกันพรึบ เอ่อ คุณนัทตี้ไม่ได้ดูสถานที่เลยนะครับ
“กูตุ๊ดแล้วทำไมล่ะอีด-ก กูไปขี้รดใส่หัวพ่อมึงหรือไง เขาไม่อยากจะร่วมงานกับมึงกันก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงอีแกรบ!” พี่ช่างแต่งหน้าอีกคนที่อยู่มุมห้องเริ่มบรรเลงฝีปากเสียงดัง
“กริ๊ดดดดดดด ไอ้..”
- I found you in my darkest hour I found you in the pourin rain ..–“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ ผมขอตัวแล้วกัน
ปี๊บบ สวัสดีครับ ว่าไงครับเกียร์” ผมผละออกจากสงครามน้ำลายก่อนออกมายืนคุยโทรศัพท์ข้างนอก ขอโทษครับทุกคน ตอนนี้ไอรักขอรักสงบสักครู่
‘เสร็จยัง’ เสียงแข็งเชียวนะมึง ได้ข่าวกูพึ่งแต่งตัวเสร็จ
“ยังไม่ได้เดินเลยอะ น่าเบื่อเป็นบ้าเลย อยากกลับแล้ว อะไรกันก็ไม่รู้”
‘มีอะไรหรือเปล่า’
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
‘แล้วมีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายหรือเปล่า’ ผมสะดุ้งโหยงหันซ้ายหันขวา คุณเกียร์ จุดสัมผัส ชวนกูได้ผวาตลอด แม้กระทั่งในโทรศัพท์..
“ไม่มี๊ ไม่มีคร๊าบบ”
‘อย่าโกหก’ ผมสะอึกไปครู่หนึ่ง แต่ต้องจำใจโกหกไปเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ไม่โกๆ”
‘แน่?’
“อื้อ อย่าซีเครียดสิ เดี๋ยวหน้าย่นเป็นบลูด็อกหรอก” ผมเผลอปล่อยหัวเราะก๊ากเสียงดัง เพราะความคิดเสี้ยววินาทีแวบหนึ่งนึกถึงเกียร์ตอนหน้ามู่ทู่ ป่านนี้คงหน้ายับปากยื่นอยู่แน่นอน
‘อย่าให้รู้แล้วกัน’ ตกลงนี่มึงเชื่อกูเปล่าวะ
“แฮะๆ แล้วนี่คุณทำอะไรอยู่เหรอ”
‘นั่งคุยโทรศัพท์’ กวนส้นตีนกูแล้วไง
“คร๊าบบ เรื่องนั้นรู้แล้วเหอะ หมายถึงเมื่อกี้คุณทำอะไรต่างหาก”
‘นั่งเล่นไลน์กับไอรัก รอโทรศัพท์จากไอรัก’ เ-ดเข้ มึงอายบ้างเหอะ นี่กูยึดมึงเกินไปหรือเปล่าวะ ฟังแล้วชีวิตมันรู้สึกหดหู่แปลกๆ
“ไปอยู่กับพัตก่อนก็ได้นะครับ ผมคงอีกสักพักใหญ่ๆ”
‘เกียร์รออยู่บ้านเราดีกว่า’ ผมยิ้มกว้างให้กับคำพูดนิ่งๆของมัน แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ..บ้านเรา..
“นั้นผมเดินเล่นจนงานเลิก แล้วปล่อยให้ตาเฒ่าบางคนเฝ้าบ้านดีกว่าเนอะ” มันรู้ครับว่าโรงแรมอยู่ไหน ก็เล่นเปิดข้อความในไลน์ที่แม่ผมบอกสถานที่ก่อนเจ้าของเครื่องเสียอีก
‘ลองสิ’
“อูยย อ้ะเค้าล้อเล่นนะคะที่รัก” เอาดิ ใครๆๆ ใครกลัว มึงเสียงแข็งมา กูเสียงหวานตอบ เริ่มกลัวกูแล้วละซี่ อะโด่
‘หึหึ ..เสร็จแล้วตรงกลับบ้านเลย เข้าใจไหม’
“ตรงอย่างเดียวไม่ได้ มันมีทางโค้งด้วย”
‘อยากโดนกัดปาก?’
“ไม่เอา เดี๋ยวปากแตก กะจะไปแอบกินข้าวข้างทางก่อนกลับซะหน่อย” ผมล้อเล่นน่ะ ไม่อยากตายก่อนวัยอันควรหรอก แต่แกล้งมันแล้วเพลินดี
‘ไอ้แมวดื้อ!’
“ไอ้น้ำแข็งขี้สั่ง!”
‘ไอ้แมวขี้เถียง!’
“ไอ้น้ำแข็งชอบดุ!”
‘โอเค ยอม’
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ” ผมหัวเราะให้กับเสียงยอมแพ้ขึงขังของมัน
‘หึ น่ารักว่ะไอ้แมว’
“แน่นอนครับ พึ่งรู้ว่าเฒ่าน้ำแข็งตาถึงก็ตอนนี้แหละ”
‘แมวเหลิง’
“ไม่เหลิงๆ มันเป็นความจริงที่สุดในโลกแล้วครับ หรือไม่จริง?”
‘หึ’ ผมเริ่มอยากเอานิ้วโป้งเท้ายัดปากเพราะเสียงหัวเราะหึหึของมันจัง...
“คุณน้ำแข็ง”
‘หืม’
“เอ่อ ผม..ระ..”
“น้องไอรักคะ ได้เวลาแล้วค่ะ” ผมขานรับตอบอย่างเสียไม่ได้ เมื่อสตาฟคนหนึ่งเดินออกมาตามพอดี เปลือกตาปิดลงอย่างช้าๆ นึกเสียดายที่ไม่ทันได้พูดบางคำให้อีกฝ่ายชื่นใจ
“เฮ้อ ..นั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวน้องๆเดินตามที่เคยได้ซ้อมกันไว้นะครับ ส่วนน้องไอรักกับน้องมาร์ชที่ไม่เคยซ้อมและประสบการณ์ เดินไปหลุดจุดแดงที่ทำเครื่องหมายเล็กๆไว้ตรงกลางปลายทางแล้วหมุนหรือโพสต์ท่าเล็กน้อยก่อนหมุนเดินกลับทางด้านขวา หน้าเชิดหลังตรงดูทะมัดทะแมง ห้ามลอกแลกมองคนดู โอเคนะครับ” ผมพยักหน้าเบาๆ บุคลิกผ่านอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเดินหรือนั่ง หลังจะตรงตลอด ไหล่ไม่ตก ไม่ห่อตัว แม่ผมเจ้าระเบียบเรื่องนี้มาก จึงปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ
ฉีดดดดๆ
เชี่ยยยยยยยย!
พี่ช่างแต่งหน้าฉีดน้ำแร่ใส่หน้าไอรักสองฉึก ไม่บอกไม่กล่าวไอรักเลยสักกะติ๊ด ไม่กลัวเข้าหูเข้าตาไอรักเลยใช่ไหม พ่อเจ้าแม่เจ้า!
“เรียบร้อยจ๊ะ อิอิ” ยังมีหน้ามาอิอิอีก
ผมหันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาส่งข้อความไปหาน้ำแข็งเสียหน่อย
‘นายแบบสุดหล่อแมนแฮนซั่มคนนี้จะเดินแล้วนะครับ’
แล้วแปะสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายวิ่งร้องไห้น้ำตาสยายไปให้ตัวนึง เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีมีข้อความตอบกลับมา
‘อย่าลื่นหน้าคว่ำบนแคทวอล์คล่ะ’
......รักกูมาก ขอบคุณครับ..... . .
“ไอรักคะ แหม อยู่ตรงนี้นี่เอง ตี้หาตั้งนาน” เสียงเล็กคนเดิมดังขึ้นจากข้างหลัง ให้ผมต้องเอี้ยวไปมอง
“มีไรเหรอครับ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แล้วนี่ตื่นเต้นเหรอ ดูสิเหงื่อแตกหมดเลย แรกๆนัทตี้ก็กลัวแบบนี้แหละ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะไอรัก ตี้เป็นกำลังใจให้” คุณนัทตี้เดินเข้ามาลูบไล้ใบหน้าผมแล้วช้อนตาอ้อนๆให้ดูน่ารักขึ้น
แต่ตอนนี้ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่า นั่นมันน้ำแร่โว้ยยย ไม่ใช่เหงื่อตู ปัดโธ๊! แล้วนั่นจะลูบอีกนานไหม อย่าเอานมมาเบียดดิ ร้อนโว้ย
“น้องนัทตี้ ได้ข่าวจะถึงตาน้องแล้วนะคะ ชุดน้องธรรมดา ไม่ใช่ชุดฟินาเล่ที่จะได้ไปออกทีหลัง ถ้ามัวแต่มายืนอ่อยผู้ชายอยู่ตรงนี้ก็ไม่ต้องเดินกันแล้วล่ะค่ะ สงสัยจะยาว” พี่ช่างแต่งหน้าส่ายหน้าเอือม คุณนัทตี้จะอ้าปากเถียง แต่โดนพี่สตาฟลากไปเสียก่อน เฮ้ออ ค่อยหายใจโล่งคอหน่อย ผู้หญิงแบบนี้นี่น่ากลัวจริงๆ
หลังจากที่ผมโดนสายตาหลายร้อยจ้องจะแทะกระดูกเสร็จ ก็รีบเดินออกมาหาคุณนายกับเพื่อนๆเขาที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าสุด ส่วนพวกนายแบบนางแบบ เซเลปทั้งหลายจะไปเลี้ยงฉลองที่ไหนต่อไม่รู้ ผมไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
“วันนี้น้องไอรักหล่อมากๆเลยนะคะ นี่ถ้าเข้าวงการบันเทิง น่าจะรุ่งนะคะคุณมิกิ” มิกิคือแม่ของผม
“นั่นสิคะคุณมิกิ ทำไมไม่ให้น้องไอรักเข้าวงการเสียเลยล่ะคะ”
“อืมม ดิฉันให้มาเดินเป็นบางครั้งบางคราวได้นะคะ แต่จะให้เดินเข้าสายนั้นคงจะไม่ไหวหรอกค่ะ อีกอย่างน้องไอเขาไม่ได้ชอบเท่าไรน่ะค่ะ” แม่ผมหันไปตอบคุณหญิงตีโป่งสูงราวสองเมตร เอ่อ ไอรักเวอร์น่ะครับ แต่มันก็สูงกว่าคนอื่นจริงๆนะครับ
“ว่าแต่ลูกคุณมิกิมีใครในใจหรือยังคะ ลูกสาวดิฉันก็รุ่นราวคราวเดียวกับน้องไอรัก หน้าตาดี มีการศึกษา น่าจะไปได้สวยนะคะ” คุณหญิงอีกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะถามขึ้น อื้อหือ นั่นเพชรแท้หรือเทียมวะ กระแทกลูกตาไอรักแทบบอด
“อ๋อยังหรอกค่ะ แต่เรื่องนี้ ดิฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้หรอกค่ะ ปล่อยให้เขาหาเองจะดีกว่า” ใช่ๆๆ ถูกต้มแล้วครับคุณนายที่รัก
ตอนนี้ไอรักก็หาเจอคนๆนั้นแล้วครับ แต่ถ้าแม่เห็น แม่อาจจะเปลี่ยนคำพูดก็ได้ ผมกัดปาก เริ่มคิดฟุ้งซ่านรีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“เอ่อ มาม๊าครับ เดี๋ยวไอรักกลับก่อนนะครับ”
“อ้าว จะรีบกลับไปไหนล่ะคะตัวเล็ก” แม่ผมเลิกคิ้ว ได้โปรดอย่าแปลกใจเลยครับ ตอนนี้โทรศัพท์สั่นแนบขาไอรักไม่หยุด เป็นสัญญาณที่ซินเดอลิล่าต้องกลับบ้านเกิดแล้วล่ะครับคุณบุพการี
“อ๋อๆ ไอรักปวดท้อง เป็นไข้จับไข่ เอ้ยไข่จับไก่ เอ้ย ไข้จับไก่ เฮ้ยย ไข้จับสั่น คล้ายจะอาเจียนเล็กน้อย แต่ๆๆเอ่อ ไอรักจะกลับหอนะครับ เทอมนี้งานเย๊อะเยอะ” ห่าเอ๊ย กว่าจะมุสาตลอดรอดฝั่ง พูดลิ้นพันแทบอยากจะปาดเหงื่อ แถมต้องพูดดักไว้ก่อน เพราะรู้ว่าแม่ต้องเป็นห่วง แล้วให้กลับบ้านพร้อมกันแน่ๆ
“แล้วหนูจะกลับยังไงล่ะคะ ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ ให้พี่จิมไปส่งก็ได้” พี่จิมนั่งเป็นสากกะเบือข้างๆป้าสา(แม่ของพี่จิม) ตั้งแต่นั่งมา ผมยังไม่เห็นพี่เขาหยุดกินไก่จ๊อเลยครับ
“ป้าก็ว่าอย่างนั้นนะน้องไอรัก ยังไงวันนี้พี่เขาก็ต้องรีบกลับไปคอนโดอยู่แล้วใช่ไหมลูกจิม” ป้าสาพูดขึ้น
“อ้าวไอ้จ้อน ไม่มีปัญญากลับเองก็เดินไปดิ” ไอ้พี่เวร สิบปีกูจะเดินถึงไหม คำพูดขวานผ่าซากกลางโต๊ะของชายจิมทำให้พวกคุณนายแทบตกเก้าอี้กันเลยทีเดียว
“น้องจิม! ทำไมหนูพูดไม่เพราะแบบนี้ มันไม่ดีนะลูก” ผมอยากจะถามป้าสาจัง ...หนูของคุณป้าทำไมตัวใหญ่จังครับ
“จิมก็พูดแบบนี้กับน้องอชิระเป็นปกติอยู่แล้วนะครับ เขาเรียกว่าภาษาคนสนิทกัน จริงปะไอ้จ้อน” ชายจิมลอยหน้าลอยตาตอบ แล้วยัดไก่จ๊อใส่ปากไอรักคำโต
“อ้ะ ไออั๊กไอ้อิ๋ว อื้ออ” ไอ้พี่ซกมกยัดเข้ามาอีกลูก แค่ลูกเดียวปากกูจะไม่มีที่ให้แมงกินฟันอยู่แล้วนะ
“อร่อยปะ อร่อยอะดิ๊ พี่ยังติดใจเลยว่ะ มากินเป็นเพื่อนพี่หน่อย เฮ้ย น้องๆเอาไก่จ๊อเพิ่มหน่อยดิ แล้วก็ .. บลา บลา บลา” พี่จิมเออออคนเดียวเสร็จสรรพ แล้วหันไปสั่งพนักงานอย่างไม่สนใจคนอื่นที่นั่งเหวอกันอยู่ ส่วนผม..นั่งเคี้ยวไก่จ๊อตุ้ยๆ เป็นภาระให้ปากกูอีก เวรกรรมของกูแท้ๆ
“เอ่อ นั้นไอรักกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวดึกแล้วจะหาแท็กซี่ยาก” แม่ผมยกมือปิดปากแน่น ทำหน้าตกใจมากๆ
“แท็กซี่?! มันอันตรายนะคะไอรัก ให้ลุงสมานไปส่งดีกว่าไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไอรักจะได้มีภูมิต้านทานเหมือนคนอื่นบ้างไง นะนะ นะครับสุดสวยของผม ..จุ๊บ โอเคนะครับ ตามนั้นเลย ไอรักไปก่อนนะครับมาม๊า ไว้ว่างๆจะไปหาที่บ้านครับสวัสดีครับๆๆๆ” ไงล่ะ เจอลูกอ้อนของลูกคนเล็กไป แม่ผมทำหน้าครู่คิด ผมจึงตัดบทไหว้บรรดาคุณนายทั้งหลายเสียเลย
“อ้าวเฮ้ย ไอ้จ้อนนนนนนน กลับมากินด้วยกันก่อนนนนนนนนน” พี่เชิญเถอะครับ ...
“ไอรักคะ จะกลับแล้วเหรอ” อีกไม่ถึงสิบก้าวก็จะหลุดจากประตูโรงแรมแล้วนะ มันยังไม่หลุดจากคนในงานอีกเหรอวะ ผมหันไปเจอคุณหน้าอกทะลักยืนอยู่ คือไอรักเปล่าหื่น เปล่านอกใจน้ำแข็งนะ แต่มันแค่เตะตาไอรักมากๆๆเท่านั้นเอง
“ครับ คุณพริตตี้”
“นัทตี้ค่ะ”
...เพล้ง....
“เอ่อครับ คุณนัทตี้” ใจดีจัง แก้ให้กูด้วย นัทตี้ยิ้มฝืนแวบหนึ่งก่อนเปลี่ยนมายิ้มเย้ายวน เดินเข้ามาชิดจนหน้าอกเบียดเข้าแขนผม นิ้วเรียวไล้อกผมเบาๆ เอาอีกแล้ว ไปไกลๆหน่อยได้ไหม กูร้อนมึงเข้าใจไหม กูร้อนนนนน
“ตี้ไม่มีรถกลับ รบกวนไอรักไปส่งตี้หน่อยได้ไหมคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมากระซิบข้างหู
“คงจะไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ได้เอารถมาน่ะ” ผมขยับตัวห่างออกเล็กน้อยแล้วมองท่าทีคนตรงหน้านิ่ง นัยน์ตาบ่งบอกชัดเจนว่าผมไม่เล่นกับคุณ
“ระ เหรอคะ แต่ยืนนานๆแล้วเมื่อยจัง เรานั่งแท็กซี่ไปคอนโดตี้กันดีไหมคะห้องตี้อยู่ใกล้ๆนี้เอง ..นะคะ” คุณนัทตี้ยังไม่หยุดความพยายามที่จะขยับเข้ามาใกล้และมือลูบต้นขาผมช้าๆ
“ไม่ดีหรอกครับ ผมต้องรีบกลับบ้านน่ะ” ผมผละเธอออก นัทตี้คิ้วขมวดก่อนยิ้มหวานให้อีกครั้ง
“แหม เล่นตัวแบบนี้ ตี้ชอบจัง” ฟัคแหนมมม กูต้องปล้ำมึงใช่ไหม มึงถึงจะหยุดสักที
นัทตี้เอียงคอ แขนกอดคอผมแล้วดึงท้ายทอยลง
“เอ่อ....”
“ไอ้แมว!!!!!!!” เย๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเข้
TBC----->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
พรุ่งนี้สอบแล้วจ้า มาอัพก่อนไปอ่านหนังสือ เดี๋ยวจะไม่ได้มีโอกาสอัพ T.T
เป็นอาทิตย์หลังปีใหม่ที่ทรหดมากมายหลายตลบ
ไปละจ้า เลิฟยูทุกคน