เนื้อเรื่องสิ....- บทที่ 9 -
##### เด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อต้นน้ำ #####
ชัยชัชโดนสายธารเอาคืนด้วยการมัดมือชกเป็นเจ้ามือเลี้ยงดินเนอร์ ณ. ห้องอาหารญี่ปุ่นใจกลางเมือง คนทั้งสามต่างเพลิดเพลินกับมื้อเย็นโดยเฉพาะคุณนายสายธารที่ดูจะแฮปปี้ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ ชายหนุ่มรูปร่างสมาร์ตดูดี หญิงสาวสวยและเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก เมื่อประกอบกันกับความสนิทสนมบนโต๊ะอาหารช่างเป็นครอบครัวในฝันที่ใครๆ ต่างมองแล้วต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนทั้งสามหาใช่คุณพ่อคุณแม่ยังสาวและคุณลูกวัยรุ่น แต่กลับเป็นแม่ยายลูกชายและลูกเขยต่างหาก
มื้ออาหารจบลงด้วยดี ชัยชัชพาสองแม่ลูกกลับถึงคอนโดพร้อมกับกระเป๋าเงินที่เบาเป็นพิเศษ และเมื่อกลับมาถึงคุณแม่ยายผู้รู้ใจก็หนีเข้าห้องนอนอ้างจะว่าอาบน้ำพักผ่อนแล้ว สายธารเปิดโอกาสให้ชัยชัชนั่งคุยอยู่กับต้นน้ำที่ดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าที่ควร โดยหวังให้ว่าที่ลูกเขยเป็นผู้ง้างปากงัดเอาความไม่สบายใจออกไปจากตัวลูกชายของเธอเสียที
“เป็นไรไปต้น วันนี้ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย”
ชัยชัชถามพลางยื่นมือรับแก้วน้ำดื่มจากต้นน้ำ เด็กหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ชัยชัชบนโซฟาพลางตอบปฏิเสธ เขาจะกล้าบอกชัยชัชถึงเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
“เปล่านี่ครับ สงสัยคงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายมั้งครับ”
“ยังปวดหัวอยู่เหรอ? พี่เห็นเราไม่ค่อยร่าเริงเลย อุตส่าพาไปดินเนอร์นะเนี่ย”
“ก็นิดหน่อยครับ สงสัยตอนเป็นลมหัวคงฟาดกับโต๊ะแรงไปหน่อย”
“เฮ้ย! แล้วเป็นไรมากเปล่า?”
“ไม่แล้วละครับ ยังเจ็บๆ อยู่นิดหน่อย แต่ทานยาแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้นครับ”
“เฮ้อ... ก็ดีแล้ว ค่อยยังชั่ว พี่นึกว่าเราโกรธไรพี่ซะอีก”
“ผมจะโกรธอะไรพี่ชัชละครับ?”
ต้นน้ำทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจความหมายของชัยชัช ถ้าหากจะพูดกันจริงๆ แล้ว เขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษ เพราะมัวแต่กังวลจนไม่สนุกกับดินเนอร์มื้อพิเศษเท่าที่ควร
“อ้าว ก็หึงพี่กับแม่เราไง ทีเมื่อก่อนยังชอบงอนพี่เลยไม่ใช่เหรอเวลาพี่คุยกับแม่เรา”
เพราะสายตาวิบวับที่จ้องมองมากับคำตอบที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็คอยสังเกตอาการเขามาตลอดนั่นเองที่ทำให้ต้นน้ำรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเสมอ
“พี่ชัชก็... แล้วตกลงแม่รู้ได้ยังไงครับ พี่ชัชกล้าบอกเรื่องของเรากับแม่ด้วยเหรอครับ ไม่กลัวหรือไง”
“ก็พี่น้ำเขาบุกมาถามพี่ตรงๆ แล้วจะให้พี่ตอบว่าไงล่ะ? จะให้พี่โกหกปิดบังหรือตอบปัดๆ ไปรึไง พี่ไม่ชอบโกหกนี่หว่าโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ พี่น้ำเขาถามพี่ว่าพี่คิดยังไงกับเรา ถึงต้นจะเป็นผู้ชายแต่พี่ว่ามันก็คล้ายๆ อารมณ์ไปขอลูกสาวเค้านั่นแหละ ถ้าพี่ไม่ตอบพี่ก็หน้าตัวเมียเกินไปแล้ว นอกจากจะไม่ให้เกียรติต้นแล้วพี่ยังขี้ขลาดไม่กล้ารับผิดชอบการกระทำของตัวเองอีก ถึงพี่จะทำตัวแย่ไปบ้างในบางเรื่องแต่เรื่องนี้พี่จริงจังเสมอนะ ที่สำคัญต้นยังเด็ก พี่เป็นผู้ใหญ่โตกว่าต้นตั้งเยอะ พี่ก็ควรจะทำตัวดีๆ แบบคนที่โตๆ เขาทำกันไม่ใช่เหรอ? โชคดีนะที่แม่ของต้นน่ะคุยง่าย แล้วพี่น้ำแกก็ฝากให้พี่ดูแลต้นด้วย”
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็หมายความว่าต่อไปนี้พี่สามารถดูแลต้นได้เต็มที่ยังไงล่ะ หึๆ อีกหน่อยถ้าพี่น้ำไม่อยู่แล้ว ต้นจะเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ห้องพี่เลยก็ได้นะ พี่น้ำแกอนุญาต”
“พี่ชัชก็! ใครเขาจะไปครับ ไม่เอาด้วยหรอก ห้องพี่ชัชรกจะตาย”
“อ้าว ก็เพราะมันรกอ่ะดิ พี่เลยอยากได้แม่ศรีเรือนไปช่วยดูแล บ้านพี่ขาดคนหุงข้าวว่ะต้น”
“เก่ามากเลยนะครับ บอกอายุเลย”
ต้นน้ำเขินจนหน้าแดง เขาทั้งขำทั้งเขินจนทำตัวไม่ถูก
“ทำไงได้ก็พี่แก่แล้วนี่หว่า ว่าแต่ต้นเหอะ แม่เราเขายกเราให้พี่แล้ว ยินดีแต่งมาเป็นเมียพี่มั้ยล่ะ?”
“ผู้ชายด้วยกัน แต่งงานกันได้ที่ไหนละครับ”
“งั้นหนีตามกันก็ได้เอ้า ฮ่าๆ”
เจอคำหยอดกวนๆ ปนหวานของชัยชัชเข้าไป เรื่องที่ตัวเองกลุ้มใจก็พลันมลายหายวับ ต้นน้ำเขินจนต้องคว้าหมอนอิงมากอดหันหน้าหนีทำเป็นหยิบรีโมทโทรทัศน์มาเปิด
“แน่ะๆ ยิ้มซะที ในที่สุดแฟนพี่ก็ยิ้มได้ เห็นทำหน้าซึมๆ ทั้งวัน พี่เป็นห่วงนะรู้เปล่า”
“ขอบคุณนะครับ พี่ชัชดีกับผมที่สุดเลย”
“ก็รักนี่ ไม่รักพี่ไม่สนหรอก”
“แต่พี่ชัชก็ดีกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลยนี่ครับ ขนาดผมหลอกพี่ชัชเรื่องคืนนั้น พอพี่ชัชกลับมาเห็นผมไม่สบาย พี่ชัชก็ยังดูแลผมเลย”
“อืม... งั้นเหรอ”
ชัยชัชเก้อไปนิดหน่อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเป็นคนดีอะไรนักหนา สิ่งที่เขาทำเขาไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ อาจจะเพราะอาชีพที่ต้องเป็นฝ่ายบริการคนอื่นจนชิน พอนานวันเข้าเขาก็คงติดมาเป็นนิสัยกระมัง
“กลับกันนะ พี่กลับไม่รู้สึกว่าพี่เป็นคนดีอะไรหรอก คนเราถ้าเห็นคนกำลังไม่สบายตรงหน้า เป็นใครก็ใจร้ายด้วยไม่ลงหรอกต้น แล้วที่สำคัญ ตอนนั้นก็ถือว่าพี่กับต้นรู้จักกันแล้ว จะให้พี่ปฏิเสธไม่ดูดำดูดี พี่ทำไม่ได้หรอก”
“ผมถึงได้บอกว่าพี่ชัชเป็นคนดียังไงละครับ”
“ชมแบบนี้ระวังพี่เหลิงนะเว้ย ยังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวพี่ ถ้าเรารู้แล้วบางทีเราอาจจะเลิกรักพี่ก็ได้”
เมื่อเห็นต้นน้ำนิ่วหน้าเตรียมปฏิเสธ ชัยชัชจึงพูดต่อทันที น้ำเสียงจริงจังที่เขาใช้ทำให้ต้นน้ำจำต้องหุบปากลงและนั่งฟังชายหนุ่มอย่างตั้งใจ
“ที่พี่พูดไปเมื่อกี้พี่เอาจริงนะต้น พี่ชอบเราจริงๆ พี่เองก็แก่แล้วแม่เราก็ไฟเขียว พี่คิดว่าเท่าที่มีก็พร้อมสำหรับต้นแล้ว ที่พี่พูดว่าอยากแต่งกับต้นพี่หมายถึงพี่อยากอยู่ด้วยกันกับต้น อยากให้ต้นมาเป็นเมียพี่จริงๆ นะ”
“เรื่องนี้ผม...”
'เขินชะมัดเลย พี่ชัชเนี่ยพูดตรงเกินไปแล้ว นี่เรากำลังถูกพี่เขาขอแต่งงานอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?' อาจจะเพราะว่าต้นน้ำมัวแต่ก้มหน้าซ่อนความเขินอยู่เงียบๆ ไม่ยอมตอบอะไรออกมา ชัยชัชจึงอดคิดในแง่ร้ายไม่ได้
“พี่รู้ มันเหมือนเห็นแก่ตัว ต้นเองก็ยังเด็ก ยังมีโอกาสเจอคนอีกมาก พี่...”
'ไปกันใหญ่แล้ว!' “ไม่ใช่นะครับ ผมไม่มีวันรักใครนอกจากพี่ชัชหรอก!”
“อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนนะต้น ผัวเมียกันยังมีทะเบียนสร้างพันธะ ยังมีลูกเป็นโซ่ผูกใจกันได้ แต่ผู้ชายด้วยกันมันไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวนอกจากตัวกับหัวใจล้วนๆ เลยนะ”
“ถึงแบบนั้นผมก็จะยังมองแต่พี่ชัชคนเดียวครับ พี่ชัชดีที่สุดสำหรับผมแล้วผมไม่สนคนอื่นหรอก!”
“พี่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วถ้าเกิดพี่มีอะไรที่ต้นไม่ชอบขึ้นมาล่ะ มานั่งๆ นึกดูแล้วพี่กับฟ่างเองก็รักกันมาก ไอ้ตอนจีบอะไรๆ มันก็ดี แต่พอมาใช้ชีวิตด้วยกันแล้วนิสัยเราดันเข้ากันไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันมาชัดเอาสุดๆ ก็ตอนที่อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ พี่บอกตามตรงนะพี่เหนื่อยว่ะ อายุพี่มันก็เยอะแล้ว ถ้าพี่จะคิดจริงจังกับใครพี่ก็อยากคบยาวๆ ขี้เกียจเล่นเกมเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องทางกาย หัวใจพี่ก็ต้องการที่ๆ จะพักใจด้วย ถ้าพี่อยากปลดปล่อยพี่ไปเที่ยวสนุกๆ เอาก็ได้ แต่ก็อย่างที่ต้นเห็นพี่เป็นผู้ชาย ร่างกายพี่ตอบสนองกับผู้หญิง พี่ชอบสาวๆ สวยๆ ชอบมองนมหื่นกับขาอ่อนขาวๆ ตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่ต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้พี่อยากมีอะไรด้วย ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของต้น แต่เป็นเพราะตัวของต้นนั่นแหละที่ทำให้พี่อยากกอด พี่เองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างนึงที่พี่รู้แน่ๆ ถ้าต้นตกลงคบกับพี่ๆ จะดูแลเมียพี่ให้ดีที่สุด พี่จะทำให้ต้นทุกอย่างเท่าที่สามีคนนึงจะทำให้ภรรยาได้ ต้นจะยอมรับได้รึเปล่าถ้าต้นต้องอยู่ในฐานะภรรยาของพี่ตลอดไป? เรื่องนี้พี่อยากให้ต้นลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ ก่อน”
ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าต้นน้ำจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของชัยชัช เขาทั้งดีใจและรู้สึกหดหู่กับเพศของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงดีกว่านี้ใช่มั้ยครับ”
“อืม ถ้าต้นเป็นผู้หญิงพี่จะดีใจมากๆ พี่เห็นภาพอนาคตที่มีเราเป็นแม่ของลูกได้เลยล่ะ จะต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากแน่ๆ ต้นเป็นเมียในเสปคพี่เลย”
“งั้นทำไมพี่ชัชไม่ไปจีบแม่ผมละครับ ใครๆ ก็ชอบบอกว่าผมกับแม่หน้าคล้ายกัน อะไรที่ผมทำได้แม่ก็ทำได้หมด”
เสียงของต้นน้ำเบาลง ชัยชัชสังเกตได้ถึงกระแสความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดขึ้น ความรู้สึกเอ็นดูจึงเอ่อล้นอยู่ในอก เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักเบาๆ พลางดึงตัวเข้ามากอด
“พี่ยอมรับนะว่าพี่น้ำน่ะสวยแถมเซ็กส์ด้วย ผู้ชายคนไหนเห็นแล้วก็ต้องคิดอกุศลกันทั้งนั้นแหละ แต่คนที่พี่เห็นแล้วอยากอดคือต้นนะ ทั้งแค่กอดไว้เฉยๆ แบบนี้ หรือกระทั่งกอดกันอยู่บนเตียง พี่พูดแบบนี้แล้วต้นคิดว่าพี่รักใครล่ะ หึๆ”
“แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง”
“ก็ใช่ไง พี่เลยอยากถามความสมัครใจเราก่อนว่าเราจะยอมเป็นเมียพี่ไปตลอดได้รึเปล่า? พี่รับไม่ได้หรอกนะถ้าวันนึงพี่ต้องกลายเป็นเกย์แบบบางวันก็เป็นผัวบางวันก็เป็นเมีย พี่เป็นผู้ชายนะต้น พี่รับไม่ได้ว่ะ! ถ้าต้นรักพี่ต้นก็ต้องทน ต้นจะทนเพื่อพี่ได้มั้ยล่ะ? แถมพี่เองก็สามสิบแล้ว ต้นยังเด็ก ต้นยังไม่ทันจะสามสิบพี่ก็ปาไปสี่สิบแล้ว ถึงเวลานั้นพี่อาจจะเป็นแค่ตาลุงแก่ๆ คนนึง ต้นยังจะรักพี่อยู่รึเปล่าในเมื่อโลกของต้นมันกว้างกว่าตอนนี้ ถ้าต้นไม่มั่นใจพี่ก็จะปล่อยต้นไป พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีของต้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าต้นพร้อมที่จะเสี่ยงกับพี่ พี่ก็สัญญาว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ”
คำพูดทุกประโยคของชัยชัชพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของต้นน้ำ ประกอบกับอ้อมแขนแข็งแกร่งอันแสนอบอุ่นที่รัดตัวเขาอยู่ ต้นน้ำได้แต่นั่งอมยิ้มละลายซบอยู่กับแผงอกกำยำ
'พี่ชัชดีกับผมขนาดนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงละครับ ถ้าพี่ชัชยอมกอดผมแบบนี้ไปตลอดละก็ให้ผมทำอะไรก็ยอม' “ผมกลัวแต่พี่ชัชนั่นแหละครับ จะเบื่อผมก่อนจนทิ้งผมไปมีคนใหม่ เพราะผมเป็นแค่เด็กผู้ชายน่าเบื่อคนนึง ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมกลัวว่าผม...”
‘ยังไงเราก็เป็นผู้ชาย จะทำให้พี่ชัชมีความสุขได้เต็มที่เหรอ แถมเรื่องพรรณนั้นเรายัง...’ “ไม่เป็นไร โบราณเขาบอกว่าคนเรียบๆ แต่งงานไปแล้วมักจะเป็นแม่บ้านที่ดี เรียบร้อยอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สกิลแม่ศรีเรือนต้นพี่ให้สิบเต็มสิบเลย ส่วนเรื่องบนเตียงของแบบนี้มันฝึกกันได้ เดี๋ยวพี่สอนเอง หึๆ”
“พี่ชัชก็... ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยครับ ทีพี่ฟ่างสาวๆ สวยๆ น่ารักขนาดนั้นยังเอาพี่ชัชไม่อยู่เลย ผมรู้นะพี่แอบไปเที่ยวมาด้วยสมัยยังคบกับพี่ฟ่างอยู่ ดูๆ ไปแล้วถ้าคบกันขึ้นมาคนที่เสี่ยงกับการร้องไห้ต้องเป็นผมมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ?”
“โอ๊ยต้น! ไปฟังไรยัยฟ่าง เอาจริงๆ นะ ใช่ พี่ยอมรับว่าพี่ไปเที่ยวพวกนี้มาบ้าง ก็งานน่ะต้น มันก็มีบ้างที่พี่ซิกแซกพาหมอลงอ่าง แต่ว่าพี่ไม่ได้นอนกับใครจริงๆ”
ชัยชัชรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่พอเห็นสีหน้าจับผิดของต้นน้ำในที่สุดเขาก็รับคำเสียงอ่อยๆ
“แต่ถ้าเอ่อ... แบบข้างนอกนิดๆ หน่อยๆ ผ่อนคลายตัว พี่ก็มีเผลอๆ บ้าง นวดนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง แค่สัมผัสนอกกายนี่ต้น ไม่ใช่ไปเอากับใครซักหน่อย คือ... พี่เลี่ยงไม่ได้นี่หว่า ไปถึงที่แล้วบางทีมันก็นะ... ต้องมีบ้าง”
“พี่ชัชน่าจะพูดไปตรงๆ กับพี่ฟ่างนะครับ”
“พูดแล้วทำให้คนฟังไม่สบายใจพี่ไม่อยากทำว่ะ แถมฟ่างยังเป็นพวกชอบฟังแต่เรื่องที่อยากฟังเท่านั้นแหละ ไม่เคยฟังอะไรที่พี่อยากพูดหรอก แต่ตอนนั้นพี่ก็ยอมเขานะ พอคิดอีกทีเลิกๆ กันไปมันก็ดี ขืนแต่งกันไปจริงๆ เลิกกันตอนมีลูกคงลำบาก ตั้งแต่พี่เจอต้นพี่รู้เลยว่าเวลาอยู่กับคนที่เรารักแล้วสบายใจมันเป็นยังไง มันทำให้พี่นึกย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนอยู่บ่อยๆ หลายครั้งเลยที่พี่แว๊บขึ้นมาว่าตัวเองกับฟ่างคงไปกันไม่รอด อย่างดีก็ทนกันได้อีกไม่กี่ปี”
ชัยชัชไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเขามีอำนาจต่อต้นน้ำมากแค่ไหน สิ่งที่ต้นน้ำปรารถนามากที่สุดในชีวิตก็คือได้เป็นที่ต้องการของใครสักคน ใครก็ได้ที่ยอมรับตัวตนที่บิดเบี้ยวนี้!
“ผมมีค่ากับพี่ชัชมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ใช่ ต้นมีค่ากับพี่มาก ต้นดีมากจนพี่กลัวตัวเองจะดีไม่พอสำหรับต้นเลย”
“ทำไมละครับ?”
“ก็... พี่มีนิสัยแย่ๆ เยอะมั้ง กลัวต้นจะอยู่ด้วยกันแล้วพาลเบื่อพี่หนีไปอีกคนแบบฟ่าง”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบทำตัวซกมก ชอบวางข้าวของระเกะระกะ แล้วก็ชอบกินข้าวแล้ววางจานชามทิ้งไว้ผมว่าผมทนไหวครับ”
“หือ จริงอ่ะ? แต่พี่นอนดิ้นด้วยนะเว้ยต้น บางทีอยู่กับบ้านพี่ก็ชอบตดด้วยนะ แล้วถ้าอีกหน่อยพี่หัวล้าน ต้นยังจะรักพี่อยู่เปล่า?”
“หัวล้านเลยเหรอครับ? ผมว่าพี่ชัชน่าจะลงพุงมากกว่า”
“เออๆ ว่าพี่นะ แล้วถ้าพี่หัวล้านลงพุงล่ะ ต้นจะยังรักพี่อยู่มั้ย?”
ต้นน้ำแกล้งไม่ตอบทำท่าคิดหนัก แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนแก่งอน ชัยชัชเอาคืนเด็กปากดีด้วยการขยี้ผมเป่าเหม่งหวังให้มีคนหัวล้านเป็นเพื่อน ต้นน้ำจึงหัวเราะคิกคักพลางปัดป้องเป็นพัลวัน
เสียงหัวเราะต่อกระซิกยังคงดังอยู่อีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งชัยชัชขอตัวกลับห้อง ต้นน้ำจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน การได้ใช้เวลากับชัยชัชมันช่างรู้สึกดีเสียจนเขาแทบจะลืมปัญหาทุกอย่างในชีวิต ชายหนุ่มเปรียบเสมือนกองไฟที่ขับไล่ความมืดในจิตใจ ช่วยให้ความอบอุ่นแก่หัวใจเขา หลอมละลายความเย็นชาในโลกใบเล็ก ทำให้เขามีความสุขลืมความทุกข์ที่สะสม และมันก็ทำให้เขามีกำลังใจต่อสู้กับปัญหามากขึ้น!
พรุ่งนี้ยังมีเรื่องบางอย่างรอเขาไปแก้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำตัวต่อหน้าเพื่อนๆ ในห้องอย่างไร เขาไม่แน่ใจว่าข่าวเรื่องของเขาจะแพร่ไปในโรงเรียนขนาดไหน
'ไม่หรอกมั้ง เราไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น ไม่มีใครสนใจเราหรอก' ต้นน้ำปลอบใจตัวเอง เขาเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโชว์สายเรียกเข้าด้วยระบบสั่นสะเทือนแต่ไร้เสียงพลางคิดอะไรในใจ
============================================
ต้นน้ำไปโรงเรียนโดยเตรียมใจรับสถานการณ์ทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเขายามนี้ฉาบไปด้วยหน้ากากไร้อารมณ์ที่หนากว่ายามปกติ พรุ่งนี้ก็จะวันเกิดเขาแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่แม่ของเขาไม่สามารถอยู่ฉลองด้วยได้ แต่ชัยชัชก็สัญญาว่าจะรีบกลับแล้วพาเขาไปฉลองวันเกิดด้วยกัน
'เราต้องเข้มแข็งไว้สิ เจอกับเรื่องแย่ๆ มามากกว่านี้ยังทนได้เลย อีกไม่นานมันก็จะต้องผ่านไป พรุ่งนี้มีเรื่องดีๆ รอเราอยู่' ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าห้องต้นน้ำก็ถูกต้อนรับด้วยสายตาคลางแคลงใจจากเพื่อนๆ ต้นน้ำพยายามมองข้ามสายตาไม่เป็นมิตรเล่านั้นแล้วทำหน้าที่“นักเรียน”ของตนตามเดิม แต่แล้วเสียงใสๆ ของไนน์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกแล้ว
“ตะเอง เป็นไรมากป่าว? เมื่อวานเค้าโทรหาทำไมตะเองไม่รับอ่า”
“ขอโทษที เราปิดเสียงเอาไว้แถมนอนเกือบทั้งวันน่ะ เลยไม่ได้รับ”
ในเมื่อไนน์ไม่ขุดคุ้ย เขาก็จะไม่พูด! ต้นน้ำรักสาวน้อยคนนี้จริงๆ
“เมื่อวานตะเองไม่สบายมากเหรอ”
“อืม ขอบคุณที่เป็นห่วงนะแล้วก็ขอโทษด้วย”
“ก็น่าอยู่หรอกน้า ตะเองล้มลงไปหัวฟาดแร๊งแรงอ่ะ ยังเจ็บอยู่ป่าว”
“ก็นิดหน่อย”
บทสนทนาตามปกติกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติราวกับต้นน้ำไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น! ต้นน้ำเมินเฉยต่อสายตาและเสียงซุบซิบจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ราวกับเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งไนน์ที่พยายามลากเขาไปไหนมาไหนด้วยตอนช่วงพักเที่ยงเพื่อไม่ให้ต้นน้ำต้องอยู่คนเดียวก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างให้คนอื่นได้เห็น และแน่นอนว่าคนที่เห็นภาพนี้แล้วเจ็บจี๊ดในใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแม็กซ์! แต่ใครเล่าจะรู้ว่าต้นน้ำกำลังพยายามทำอะไรอยู่
“นี่ๆ พรุ่งนี้วันเกิดตะเอง พวกเราไปฉลองด้วยกันมั้ย ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนัง นะ นะ ได้มั้ยอ่ะตะเอง”
ไนน์เปิดประเด็นขึ้นมากลางกลุ่มส่งผลให้ต้นน้ำรู้สึกซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาวคนนี้ แม้จะจุ้นจ้านชอบพูดมากและในบางครั้งก็วุ่นวายไปบ้าง แต่อะไรที่เขาไม่ชอบไม่ต้องการเจ้าตัวก็ไม่แตะ และยอมทำเป็นลืมไม่ถือสาอะไรกับคนแบบเขา ต้นน้ำยิ้มบางๆ ตอบไนน์
“ไม่ได้หรอก เรามีนัดแล้ว”
“เอ๋! กับแม่ตะเองเหรอ? ขอเค้าไปด้วยคนสิ รับรองพวกเราไปกันเองแค่นี้ก็ได้ ตะเองไม่อยากให้ใครโผล่ไปเค้าก็จะไม่พาไปเด็ดขาด!”
เพราะท่าทีสำนึกผิดของไนน์ที่ออดอ้อนขอร้องเขานั้นช่างน่ารักเสียจนต้นน้ำอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไม่ได้หรอก เราอยากฉลองกับคนพิเศษสองคนน่ะ”
“หา? หมายถึงกับแฟนนายน่ะเหรอ ตกลงแล้วนายเป็นเกย์จริงๆ เหรอต้น?”
เด็กสาวในกลุ่มที่ชื่อปลาเอ่ยถามขึ้นทันควันทำให้ได้รับตาเขียวปั๊ดจากเพื่อนร่วมกลุ่มคนอื่น เจ้าตัวจึงรู้สึกผิดกับการไม่ระวังคำพูดของตัวเอง ต้นน้ำมองดูเธอพลางสบสายตาคนอื่นๆ ในกลุ่มก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยยอมรับ
“อืม ก็คงงั้นแหละ”
“เอ๋... จริงอะ?”
“พวกเธอรังเกียจเรารึเปล่าล่ะ?”
“ถ้าพวกเราจะเกลียดก็ไม่ได้เกลียดที่นายเป็นเกย์หรอกต้น แต่บอกตามตรงนิสัยแบบนายเราโคตรเกลียดเลย นายชอบทำเหมือนหลอกใช้คนอื่นตลอดเวลา แค่เห็นนายที่ทำท่าเหมือนใส่หน้ากากตลอดเวลาเราก็หงุดหงิดละ แต่ในเมื่อไนน์ชอบนายมากๆ แล้วนายก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับไนน์ เราก็เลยไม่อยากยุ่งเรื่องของนาย”
เพื่อนของไนน์คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยออกมาอย่างฉะฉานจนต้นน้ำจุกกับความจริงในสายตาเพื่อนแทบพูดอะไรไม่ออก
“แหวน! ที่ตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้นี่!”
ไนน์แหวขึ้นอย่างตกใจ แต่แหวนกลับดึงไนน์ให้นั่งลงแล้วเอามืออุดปากคนตัวเล็กกว่าอาศัยพละกำลังเข้าข่ม
“เราดูแย่ในสายตาเธอขนาดนั้นเลยเหรอแหวน?”
“ใช่! โดยเฉพาะเรื่องที่แม็กซ์พูดเมื่อวาน พวกเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่พวกเราเองก็ไม่เคยเห็นแม็กซ์ร้องไห้เพราะใครมาก่อนเหมือนกัน ถึงเรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้แต่นายก็มีส่วนผิด ถ้าไม่รักก็ไม่ควรเที่ยวไปให้ความหวังคนอื่น กับยัยนี่ก็เหมือนกัน อย่านึกว่าพวกเราโง่นะต้น นายหลอกไนน์ให้ทำไรบางอย่างให้นายอยู่ใช่มั้ยล่ะ? พวกเราต้องทนฟังยัยนี่พร่ำเพ้อถึงนายมาตลอด นายไม่เคยยอมรับความรู้สึกของยัยนี่แต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธ ปล่อยให้ยัยนี่ต้องเป็นฝ่ายตัดใจเอาเอง แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ยัยนี่ก็ห่วงนายจนมาขอร้องพวกเราให้ช่วยเป็นเพื่อนกับนาย แล้วนายก็ดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่นให้เขาออกหน้าปกป้อง บอกตามตรงเราไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้”
คำพูดตรงๆ จากปากเพื่อนที่ไม่เคยสนิทกันมาก่อนนั้นช่วยเตือนสติต้นน้ำ
“งั้นแล้วเราควรทำยังไงดีล่ะ? เราไม่รู้จริงๆ นี่นาว่าควรทำตัวยังไง ตั้งแต่ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ แล้วเราถูกคนอื่นแกล้งสารพัด เราไม่อยากมีเรื่องกับใครอยากเรียนอย่างสงบพอรู้ตัวอีกทีเราก็ชินกับการทำตัวแบบนี้ แค่เพราะเราพยายามอดทนไม่อยากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับใคร มันทำให้เราดูเหมือนไม่จริงใจกับคนอื่นแบบนั้นเหรอ?”
“การมีเรื่องกับการพูดความความรู้สึกของตัวเองมันต่างกันนะต้น นายต้องหัดเปิดใจ มันก็อาจจะจริงที่ถ้านายเปิดใจแสดงความเป็นตัวของตัวเองแล้วมันอาจจะมีคนที่ไม่ชอบนาย แต่ถ้านายไม่ยอมเปิดใจกับใครเลยแล้วก็เอาแต่เก็บความรู้สึกแบบนี้นายจะหาเพื่อนแท้ได้ยังไง ที่พวกเราพูดก็เพราะหวังดีกับนายนะต้น เห็นแก่ยัยตัวเล็กมัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ต้นน้ำมีโอกาสสนทนาเปิดอกกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นนอกจากแม็กซ์ มันทำให้เขารู้สึกแย่พอๆ กับที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะใจหนึ่งจะคิดไปว่าการชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เป็นนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ แต่คำพูดที่จริงใจไร้การปรุงแต่งไม่เสแสร้งของสาวห้าวแบบแหวนก็ทำให้เขารู้สึกดี
“เราไม่เคยนอนกับแม็กซ์”
“ห๊ะ?”
คนทั้งกลุ่มร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะหัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนกระทันหันของต้นน้ำ
“ก็พวกเธออยากให้เราเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน เราก็พูดความจริงอยู่นี่ไง มันก็อาจจะจริงที่เราเกรงใจไนน์และก็... บางทีก็ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง...”
พอพูดถึงตรงนี้ต้นน้ำก็เหลือบไปสบตากับดวงตากลมโตของไนน์ เขาเห็นเธอทำหน้าเศร้าๆ แต่ก็สื่อแววตาเข้าอกเข้าใจกลับมาให้เขา
“แล้วก็อย่างที่พวกเธอรู้ อาจารย์ให้เราจับคู่กับแม็กซ์ มันก็เลยช่วยไม่ได้ถ้าเรากับแม็กซ์จะสนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ ในห้อง เราก็เลย... แค่อยากลองดูว่าเราเป็นเกย์รึเปล่ามันก็แค่นั้นแหละ แต่ว่าเราทำไม่ได้เราก็เลยไม่อยากพูดถึงมันอีก แต่เราไม่รู้จริงๆ ว่าแม็กซ์จะคิดกับเราแบบนั้น เราก็พยายามปฏิเสธแม็กซ์มาตลอดแล้วนะ พวกเธอก็เห็นที่ผ่านมาแม็กซ์เป็นยังไง ใครจะไปคิดว่าแม็กซ์จะชอบเราขึ้นมาจริงๆ ส่วนเรื่องที่เรามีแฟนเป็นผู้ชายเราก็พึ่งตกลงคบกับพี่เขาได้ไม่นาน แต่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวก็เลยไม่ได้บอกใคร เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
ต้นน้ำเล่าอย่างสงบ น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังพูดคุยเรื่องธรรมดาเช่นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ทุกขณะที่เล่าเขาก็คอยสบตากับเพื่อนๆ ในกลุ่มไปด้วย ท่าทางของต้นน้ำชวนให้คนอื่นใจอ่อนให้อภัยได้ไม่ยาก ถ้อยคำที่ปรุงแต่งมาอย่างดีก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้จนทุกคนยอมรับ ต้นน้ำตีบทแตกกระจุย!
“เค้าขอโทษนะ ต่อไปนี้เค้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของตะเองแล้ว เรื่องไรที่ตะเองไม่อยากให้เค้าพูดเค้าก็จะไม่พูด”
ไนน์เอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสารประหนึ่งตัวเองเป็นจำเลยของคดี พลางหันไปพยักหน้าขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นๆ ในโต๊ะ แต่ทว่าแหวนกลับขัดขึ้นเสียก่อน
“เอาเหอะ คิดๆ ดูมันก็จริงอย่างที่นายพูดนะ แต่ยังไงเราว่านายก็ควรไปขอโทษแม็กซ์”
“เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราว่าจะไปคุยกับแม็กซ์ตอนเย็นน่ะ”
แม้บรรยากาศระหว่างเพื่อนชายหญิงทั้งคู่จะคลี่คลายไปบ้างแล้วแต่ความเงียบมันก็น่าอึดอัดอยู่ดี ปลาและไนน์จึงสะกิดกันชวนคุยเรื่องไร้สาระต่างๆ เพื่อไกล่เกลี่ยบรรยากาศไม่ให้กลับมาอึมครึม
============================================
“ต้น เย็นนี้ให้พี่ไปรับเปล่า? จะได้ไปเลือกเค้กกัน พี่กลัวพรุ่งนี้จะซื้อมาไม่ถูกใจต้นอ่ะ”
“เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าผมอยากทำเค้กเองน่ะครับ เดี๋ยวซื้ออุปกรณ์นิดหน่อยก็พอแล้ว”
ต้นน้ำปฏิเสธชัยชัชไปเพราะตนมีแผนอื่นในใจ
'เราไม่ได้โกหกพี่ชัชนะ เราอยากลองทำเค้กให้พี่ชัชชิมจริงๆ แต่ว่าวันนี้เราให้พี่ชัชมารับไม่ได้เด็ดขาด ขอไปจัดการธุระก่อนแล้วผมจะรีบกลับนะครับ' “งั้นพี่ไปรับมั้ย? จะได้ไปซื้อของด้วยกัน”
“ไม่ต้องหรอกครับ! คือ... ผมซื้อของนิดหน่อย กลับเองได้”
“เอางั้นเหรอ? เอาๆ ตามใจ”
เมื่อได้ฟังแฟนสุดที่รักยืนยันมาแบบนั้นเขาจะทำอะไรได้ ชัยชัชยอมถอยให้ต้นน้ำพลางวางแผนเซอร์ไพรสในใจ
============================================
น้องต้นก็ยังแอ๊บเหมือนเดิม โกหกหน้าตาย
ส่วนพี่ชัชก็เคลียร์ตัวเองชัดมาก