ตอนที่ 19
ผมเครียดมากๆครับ นึกถึงช่วงเวลาต่างๆที่ผมกับมันผ่านด้วยกันมา
คนเคยเลิกกับแฟนคงรู้นะครับ ว่ามันรู้สึกยังไง...
ที่มึงทำไปทั้งหมดมันเพื่ออะไร ไอ้ต้น
มันเคยจะเหลียวแลมึงบ้างมั๊ย
มันเคยอยู่กับมึงเวลาที่มึงต้องการมันมั๊ย
ทำไมมันไม่เคยคิดจะเข้าใจ กูบ้างเลยวะ
ทำไม
ทำไม
ทำไม
...
ในหัวผมมีแต่คำถามนี้ตลอดเวลาครับ
จนผมเห็นเบอร์ที่โทเข้ามาหาผม
ตอนแรก ผมไม่คิดจะรับหรอกนะครับ
ความรู้สึกแรกคือ ไม่อยากจะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น
ผมเลยปล่อยให้มันดังไปสักพัก...
ก้อยังดีกว่าไม่มีใครมาเหลียวแลมึงล่ะวะ
ผมจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์
“ครับ” ผมพยายามทักทายด้วยคำที่สั้นที่สุด เพื่อซ่อนความรู้สึกเอาไว้
“พี่ต้น... เป็นอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงของจอน บอกเลยครับ ว่าผมปกปิดได้ไม่เนียนเลย
ทั้งๆที่ผมว่าน้ำเสียงผมปกติสุดแล้วนะครับ แต่เค้าก้อยังรับรู้ได้...
พอผมรู้สึกว่า ขนาดคนที่เขาเพิ่งรู้จักกูไม่กี่วัน ยังแคร์กูเลย แล้วทำไม...
“อ๋อ เปล่าหรอกครับ” แต่ผมร้องไห้แล้วครับ มันกลั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ
“พี่ต้น พี่เปนอะไรครับ พี่อยู่ไหนเนี่ย”
“พี่ไม่ได้เปนไรหรอกครับ ไม่เปนไรจริงๆ” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ซึ่งก้อดีขึ้นเยอะ
“พี่ครับ มีอะไรก้อบอกจอนได้นะครับ... เอางี้พี่อยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหา”
“ไม่ต้องมาหรอกครับ พี่ไม่ได้เปนไรจริงๆ” ผมไม่อยากให้ใครมาเหนสภาพผมตอนนี้หรอก
“ไม่เอาครับ ถ้าพี่ไม่บอก ผมจะตามหาพี่เองนะ เพราะฟังจากเสียงรอบๆแล้ว พี่ยังไม่ได้กลับบ้านใช่มั๊ยครับ”
“ครับ พี่นั่งอยู่ป้ายรถเมล์เซ็นทรัล” ผมตัดสินใจบอกจอนไป... ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะผมหรอกครับ
“งั้นเดี๋ยวผมไปหานะครับ อย่าเพิ่งกลับบ้านนะ” แล้วจอนก้อวางโทรศัพท์ไป
ผมก้อนั่งอยู่ที่เดิม ไม่คิดจะขยับไปไหนเลยครับ
ไม่ใช่เพราะจะรอจอนมาหรอกนะ
แต่มันไม่มีแรง ไม่มีใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
ป่านนี้ ไอ้เบียร์มันจะทำอะไรอยู่วะ
มันจะเสียใจบ้างไหม
มันจะคิดถึงกูมั่งมั๊ย
หรือว่าแค่เดินกลับบ้านกับไอ้ชัย หัวเราะ เล่นกัน ไม่คิดถึงกูเลยแม้แต่นิดเดียวรึเปล่า
ผมนั่งก้มหน้า คิดอยู่คนเดียว สักพักก้อมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“พี่ต้น” จอนนั่นเองครับ
“อืม” ผมเงยหน้าแล้วยิ้มให้น้องเขา ผมเองก้อไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเหนนักหรอกนะครับ
“เอ้านี่” น้องเขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม
“ไม่เปนไร พี่มีครับ” ผมก้อหยิบผ้าของผมออกมา “นี่พี่ดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่หรอกครับ พี่ไม่เปนไรนะ”
“ครับ”
แล้วผมก้อเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี
จอนเองก้อรู้ และก้อสิ่งที่จอนทำให้ผม ก้อทำให้ผมรู้สึกดีมากๆจริงครับ...
เขานั่งลงข้างๆผม แล้วไม่พูด ไม่ถามอะไรผมเลยสักคำเดียว...
เวลาบางเวลาที่เราต้องการใครสักคน แต่ไม่ใช่เพื่อรับฟัง หรือ มาเพื่อพูดให้เราฟัง
แต่เพียงแค่นี้แหละครับ แค่มานั่งอยู่ใกล้ๆเรา
ไม่ต้องมีสักคำพูดระหว่างกัน
แค่ให้รู้ว่า ผมยังมีเขาอยู่ข้างๆเสมอ
และเขาจะรอ... รอจนกว่าผมจะพร้อมและแข็งแรงพอที่จะระบายออกไป...
หรือแข็งแรงพอที่ยืขึ้นแล้วเดินข้างๆเขาอีกครั้ง
นี่แหละครับ คำว่าเพื่อน
และแม้จอนจะเพิ่งรู้จักกับผมเพียงแค่วันเดียว
แต่ตอนนี้เขาทำสิ่งที่ผมรู้สึก...ซาบซึ้งมากๆจริงๆกับผม
ผมกับจอนนั่งอยู่ด้วยกันไม่รู้นานเท่าไหร่
จนผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว และผมก้อเกรงใจน้องเขาด้วย
“จอนมานั่งกับพี่งี้ ไม่มีธุระเหรอครับ พี่เกรงใจเวลาเรานะ”
“ไม่ครับ ว่างอ่ะ พี่ล่ะ รีบกลับป่าว”
“อืม... คงไม่หรอกครับ ยังไม่ค่อยอยากกลับด้วย”
“งั้นไปดูหนังกัน ป่ะ” จอนพูดจบก้อลุกขึ้นดึงผมขึ้นมา
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ ไม่รีบกลับนี่นา มากับผมเลย ไม่ต้องพูดเลย ไปเร็ว” จอนรีบชิงผมพูดก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากอะไรออกไป แล้วลากผมเข้าไปในห้าง
“นี่ๆ พี่เดินเองก้อได้ อายเขา” ผมบอกจอน
“ครับๆ งั้นก้อตามมาดีๆ อย่าลีลานะ ถ้าแอบเดินหนีไป ผมเคืองจริงๆด้วย” จอนหันมาพูดแล้วยิ้มให้ผม
ยิ้มนั้นมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆนะครับ...
ผมคิดว่า จะไปไหนก้อไปแล้วล่ะ ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก้อยังดีกว่า นั่งอยู่เฉยๆรอยุงมันมากัดข้างนอก
หาอะไรทำ อาจจะทำให้ลืมๆไปบ้างก้อได้
จอนลากผมเข้าห้องน้ำล้างหน้า แล้วก้อไปซื้อตั๋วหนังครับ
เรื่องอะไรจำไม่ได้ แต่เป็นหนัง action ครับ
จำได้ที่ดูเรื่องนั้นเหราะรอบตรงพอดีด้วย แล้วจอนเขาบอกว่าอยากดูอยู่แล้ว
ระหว่างที่นั่งดูหนังกัน
ผมแทบจะไม่รู้เรื่องเลยครับ ว่าเนื้อหามันเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ในหัวมันก้อพาลคิดแต่เรื่องไอ้เบียร์
ว่ามันทำอะไรอยู่
คิดถึงกูบ้างมั๊ย
มันเป็นยังไงบ้าง
.
.
.
“พี่ต้น” จอนกระซิบข้างหูผม ทำให้ผมตื่นจากภวังค์
“จะร้องไห้อีกแล้วนะครับ” จอนพูดพร้อมเอามือมาเช็ดน้ำตาผมออก
นี่ผมร้องไห้เหรอเนี่ย... พอรู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังไหล ผมก้อห้ามมันไม่อยู่แล้วครับ
ยิ่งตอนที่จอนเอามือมาเช็ดน้ำตาผมออก
ยิ่งทำให้ผมนึกถึงมัน...
“ไม่เปนไรครับ ร้องไปเถอะ ในนี้ไม่มีคนเหนหรอกครับ” จอนพูด พร้อมกับจับมือผม
ไม่ใช่แค่จับมือ แต่ต้องบอกว่า จอนกำมือผมแน่นเลยครับ
ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มือของจอนส่งผ่านมายังมือของผม
อย่างน้อย กูก้อยังมีคนที่รักและแคร์กูวะ...
แล้วน้ำตาผมก้อไหลออกมา
นานแค่ไหนผมก้อไม่รู้ครับ
พอผมตั้งตัวได้ ตั้งสติได้แล้ว
ก้อหันไปบอกจอน
“ขอบคุณครับ”
จอนมองหน้าผมแล้วยิ้ม
“ไม่เปนไรครับ”
แล้วเราก้อนั่งจับมือกันจนหนังจบ
กว่าหนังจะจบก้อ 2 ทุ่มครึ่งแล้วครับ
หนังจบ จอนก้อพาผมไปทานข้าว
กว่าจะออกมาจากห้างก้อ 3 ทุ่มพอดี
... ผมเริ่มคิดถึงมันอีกแล้วครับ
ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องจอนฟัง
เพราะผมว่ามันคงไม่ค่อยแฟร์ถ้าผมไม่แชร์ความรู้สึกของผมให้น้องเขารับรู้บ้าง
ทั้งๆที่วันนี้ เขาทำเพื่อผมขนาดนั้นแล้ว...
“พี่รักพี่เบียร์มากเลยนะครับ” น้องจอนพูดขึ้นหลังจากผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ผมก้อไม่รู้จะพูดว่ายังไงเหมือนกัน...
“พี่คุยกันก่อนเถอะครับ พี่เชื่อผมนะ... ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอกครับ เพราะผมก้อไม่รู้จักพี่เบียร์ซะด้วย
ผมรู้แต่ว่า ทางออกที่ดีที่สุดของพี่ คือ พี่ต้องคุยกับเขาก่อนนะครับ... ไว้พี่คุยกับเขาเส็ดแล้วค่อยมาคุยกับผมอีกรอบนะ”
“พี่คงไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้วล่ะครับ เขาพูดถึงขนาดนั้นแล้ว... เลิกกันแล้ว มันก้อไม่มีอะไรจะคุยกันแล้วล่ะ”
“ก้อไม่แน่หรอกครับ ผมไม่เชื่อนะครับ ว่าพี่เบียร์เขาจะไม่คิดถึงความรู้สึกพี่บ้างเลยน่ะ
พี่ถามใจตัวเองดูดีๆสิครับ พี่คิดว่าแฟนพี่เปนคนแบบนั้นจริงๆเหรอครับ
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแคร์พี่เลยสักนิด อย่างที่พี่พูดจริงๆรึเปล่า”
คำพูดของจอนทำให้ผมเริ่มคิดได้บ้าง
หรือจะจริงอย่างที่น้องเขาว่า
เวลาที่เราโกรธใคร หรือเสียใจอะไรก้อตาม
มันก้อเอาแต่คิดถึงข้อเสีย คิดถึงแต่แง่ลบๆทั้งนั้น
“แต่ว่า...” ผมพูดยังไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์ผมก้อดังขึ้น
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา ใจคิดว่าแม่คงโทตามแน่ๆ ทั้งๆที่โทไปบอกแล้วว่าจะกลับดึก
(no number) calling…
ผมถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ตาก้อมองที่หน้าจอ
“รับสิครับ” ไอ้เด็กคนนี้นี่มันอ่านใจกุออกรึไงวะ
แต่ผมก้อตัดสินใจรับ และจะเผชิญหน้ากับมัน
“ฮัลโหล”
“เฮ้ย ไอ้ต้นเหรอ” เสียงไอ้ชัยครับ
อะไรวะ มันมี pct ด้วยเหรอ
“เออ มึงมีไร” ผมถามมัน พยายามเก็บน้ำเสียงสุดๆ
อยู่ที่ห้อง ผมก้อไม่ได้เกลียดมันออกนอกหน้านะครับ มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าผมไม่ชอบมัน
แต่ผมกับมันก้อคุยกันปกติ
“มึงอยู่ไหนวะเนี่ย”
“เออ อยู่ไหนก้อเรื่องของกูน่ะ มึงมีไร” เริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้วนะเว้ย
“เออๆ กูแค่จะถามว่า มึงมีเรื่องอะไรกับไอ้เบียร์รึเปล่า มันเมาชิบหายเลยเนี่ย แดกเหล้าเปนน้ำเลย แล้วก้อเมาเพ้อพูดถึงแต่ชื่อมึง กูก้อเลยโทหามึง”
อะไรนะ!?
“เหรอ แล้วมึงอยู่ไหนกัน”
“กูอยู่บ้านมันนั่นแหละ อยู่ในห้องมัน มันแอบเอาเหล้าขึ้นมากิน กูก้อกินกับมันเล่นๆ ไม่นึกว่ามันจะกินหนักขนาดนี้ ชิบหายแล้วเนี่ย ถ้าแม่มันรู้จะทำไงดีวะ”
“ไอ้เหี้ย!!” ผมด่ามัน จนน้องจอนสะดุ้ง
“มึงคิดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้สัด! ไปนอนบ้านเค้าแล้วยังเสือก พาลูกเค้าเสียอีกนะ รู้ทั้งรู้ว่าร่างกายมันเป็นยังไง มึงก้อยังจะปล่อยให้มันกิน ไอ้สันดานเอ๊ย!”
ผมโมโหมันจริงๆครับ เปนห่วงไอ้เบียร์มากด้วย ไอ้ชัยก้อตกใจที่โดนผมด่าซะขนาดนั้น
“แล้ว มันสูบบุหรี่ด้วยรึเปล่า!” ผมนึกขึ้นมาได้
“เอ่อ เออ ก้อ ก้อสูบอ่ะ” มันทำเสียงอึกอัก
“โธ่ ไอ้เหี้ยชัยเอ๊ย! มึงเปนเพื่อนภาษาอะไรวะ กูถามมึงจริงๆเหอะ!
มึงไปบอกแม่มันเดี๋ยวนี้เลย ให้เค้ามาดูแลมันซะ เร็วๆเลยมึง! หรือมึงจะให้กูโทเข้าเบอแม่เค้าแล้วบอกเค้าเอง”
“เออ เออ กูไปบอกแม่เค้าเอง ต้น กู กูขอโทษ” เสียงมันสั่นใหญ่ เออ สมควรแล้วมึง
“มึงไม่ต้องมาขอโทษกูเลย ไปดูแลมันดีๆด้วย เข้าใจมั๊ย ถ้ามันเปนอะไรไป
ถ้ามันป่วยอีก มึงจะมองหน้าครอบครัวเค้ายังห๊ะไอ้ชัย ทำอะไรคิดหน่อยดิ่วะ ไอ้สัดนี่!” ผมด่ามันอีกที แล้วก้อวางไป
ผมโมโหมันจริงๆนะครับ โมโหจนลืมน้องจอนที่นั่งอยู่ข้างๆ
โมโหจนลืมเรื่องที่ผมกับมันเพิ่งทะเลาะกันมา
โมโหจนลืมว่า ที่มันกินเหล้าสูบบุหรี่ก้อเพราะมันเครียดเรื่องผม...
ถ้ามันเป็นอะไรไปอีก จะทำยังไง
โมโหไอ้ชัย ที่มีแต่ตามใจเพื่อน ไม่เคยดูแล ไม่เคยสนใจ
ไอ้เบียร์มันทำร้ายตัวเอง ก้อเพราะเครียดเรื่องของผม
เพราะมันเครียดเรื่องของ ผม
ถ้ามันจะเปนอะไรไปอีก...
ก้อเพราะ ใครล่ะ
คำตอบ มันไม่ใช่ไอ้ชัยเลยครับ...
ไม่ใช่เลย
แต่มันเปน
ผมเอง
...................................................................