[story]"เล่าอีกนะ :: รักครั้งแรก :: รักคือ การเสียสละ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]"เล่าอีกนะ :: รักครั้งแรก :: รักคือ การเสียสละ  (อ่าน 84884 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ขอบคุณ คุณ ExecutioneR ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ ExecutioneR ก่อนนะครับ


ขอบคุณครับ

หมูพูห์  :teach:


**********************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขอนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


**********************************************************

ผมเองเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองชอบแบบไหน ว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นยังไงกันแน่ก้อราวๆ

มอ 4 น่ะครับ ตอนนั้นก้ออายุ 15..........

อืม จริงๆแล้วจะใช้คำว่า “รู้ตัว” ก้อคงไม่ได้ มันแค่เริ่มสงสัยตัวเองอ่ะนะ

แต่ว่า ด้วยความที่ไม่อยากยอมรับ และไม่อยากจะคิดเรื่องพรรค์นี้

วันๆก้อเอาแต่เรียน เที่ยวเล่น อยู่กับเพื่อน

มันก้อเลยเหมือนไม่ได้สนใจหมกหมุ่นเรื่องนี้สักเท่าไหร่

เพราะด้วยความที่มีเพื่อนเยอะเลยช่วยได้มาก

วันๆนึงหลังเลิกเรียนก้อมีแต่เที่ยวเล่นกัน พอกลับบ้านก้ออาบน้ำนอน

แต่ปัญหามันก้อมีอยู่ว่า ไอ้คนที่ทำให้ผมเริ่มสงสัยในตัวเองเนี่ย

มันดันเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของผมเองซะด้วยสิ ไอ้จะไม่คิดอะไรเลย

สุดท้ายก้อทำไม่ได้สักที...

เรื่องที่ผมจะเล่านี่ ผมจะพยายามเล่า ทุกๆเรื่อง ไล่มาตั้งแต่อดีต

จนถึงปัจจุบันเลยนะครับ อยากให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ

**************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2007 17:59:43 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]"เล่าอีกนะ :: รักครั้งแ
«ตอบ #1 เมื่อ22-12-2006 10:48:32 »

ถ้าจะให้เริ่มกันจริงๆก้อคงเป็นตอนประมาณ มอ 3 ครับ

ที่ รร ผมตอนนั้น พอขึ้นมอ 2 ก็จะมีการ เปลี่ยนห้องใหม่ เพื่อนใหม่หมด

และเริ่มเรียง ตาม แผนกวิทย์ และ ศิลป์ครับ (ผมอยู่สายวิทย์ครับ) ตอนมอ 2 ก้อเจอเพื่อนใหม่ๆเต็มไปหมด

แต่ว่ามีเพื่อนที่มาจาก มอ1 ด้วยกัน ถึง 12 คน ซึ่งถือว่าเยอะกว่าพวกห้องอื่นๆมากเลยครับ ดังนั้นเลยอุ่นใจไปนิดนึง

จริงๆนิสัยผม ผมเป็นคนคบคนง่ายครับแค่จะขี้อายกับคนที่เพิ่งรู้จักแรกๆเท่านั้น ไม่ค่อยชอบออกสังคม

แต่ปกติฮาแตกเป็นประจำ หน้าด้านเป็นที่หนึ่ง ก้อเลยทำให้มีเพื่อนๆเยอะพอสมควรทั้งหญิงแล้วก้อชาย...

จนพอขึ้นมอ 3 กลุ่มๆในห้องผมก้อเริ่มแบ่งหวกกันชัดมากขึ้น คือ กลุ่มผมก้อจะมี 7-8 คนน่ะครับ

อีกกลุ่มก้อจะเป็นประเภท ถึกๆหน่อย พวกเล่นกีฬา (ส่วนมากจะเป็น ฟุตบอล แต่ผมชอบเล่นบาสครับ)

ตัวควายๆ ไม่ใช่หุ่นนักกีฬาหน้าตาดีสักนิดต้องขอบอกไว้ก่อน แต่เราก้อยังสนิทกันเหมือนเดิมนะครับ

เพียงแค่ความสนใจมันคนละทาง จนมาถึงตอนนี้ มันจะมีอยู่คนนึงครับ ที่ผมไม่ค่อยสนิทด้วยเลย

เรียกได้ว่า แทบไม่เคยคุยกัน มันชื่อ ไอ้เบียร์ครับ แต่ว่าเพราะอะไร จนถึงตอนนี้ ผมก้อนึกไม่ค่อยออกเหมือนกัน

แต่มีวันนึงผมจำได้ว่า วันนั้นเป็นคาบชุมนุมครับ พวกผู้ชายห้องผมส่วนมากจะอยู่ ไฟฟ้ากัน ซึ่งมันก้ออยู่ด้วยครับ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2007 15:19:28 โดย หมูพูห์ »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
มารออ่านต่อคับ............. :angellaugh2: :angellaugh2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มาเป็นกำลังใจครับ ต้องลำบากพูห์มากเลย นี่ยังอุตส่าห์จัดหน้าซะสวยเชียว
ขอให้มีแฟนน่ารักๆนะครับ

อิอิ

 :love2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]"เล่าอีกนะ :: รักครั้งแ
«ตอบ #4 เมื่อ22-12-2006 14:10:43 »

ตอนนั้นเวลาพักกำลังจะหมดครับ คาบกำลังจะเริ่มแล้ว ผมก้อนั่งอยู่ในห้องกำลังอ่านการ์ตูนอยู่

รอเพื่อนๆกลุ่มผมมันมาจากโดนอาจารย์ด่าเรื่องเตะบอลในห้อง มันโดนด่าที่ห้องข้างๆที่ผมเรียนชุมนุมนี่แหละ

พอกริ่งดังปุ๊บ พวกที่ไปเตะบอลกันมาก้อเริ่มทยอยๆกันเข้ามา รวมถึงพวกกลุ่มผมด้วย

แล้วไอ้เบียร์มันก้อเข้ามากับเด็กห้องอื่นกลุ่มนึงประมาณ 3-4 คน ซึ่งหน้าหยั่งแก่ แบบว่า สายศิลป์ชัวร์ๆ

ผมก้องงๆครับ ว่าพวกแม่งมาคุยไรในห้องกูวะ สักพักไอ้เบียร์ มันก้อเดินมาหาผมแล้ว มาถามว่า ผมมี 50 รึเปล่า

มันจะขอยืม แต่ว่าด้วยน้ำเสียงส้นตีนมากๆ ผมก้อ เออๆ ทำท่าเหมือนกำลังจะควัก เพื่อนผมอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ

มันก้อ พูดขึ้นมาครับว่า ไอ้ต้นมันไม่มีหรอก มันเพิ่งเลี้ยงข้าวกูไป...

ผมก้อเงยหน้ามามองหน้าเพื่อนงงๆครับ ไอ้เบียร์มันก้อทำหน้าส้นตีน แล้วก้อบอกว่า ไม่เป็นไร พร้อมกับเดินจากไป

เพื่อนผมจึงเฉลยกับผมว่า มันจะเอาเงินไปซื้อบุหรี่กัน ผมก้อถึงบางอ้อ ว่า งี้นี่เอง เพื่อนผมมันช่วยไว้ครับ

ไม่งั้นมันก้อจะมาไถผมอีกบ่อยๆแน่ๆ แล้วไอ้พวกหน้าแก่นี้กับไอ้เบียร์มันเคยอยู่ด้วยกันตอนมอ 1 นี่เอง

ตั้งแต่วันนั้น ผมก้อเริ่มมองไอ้เบียร์แบบไม่ค่อยดีเลยครับ เหมือนมันเป็นคนอันตรายๆคนนึง

เพราะตอนนั้นผมถูกเลี้ยงมาแบบ พ่อแม่เข้มงวดพอควรเลย เพราะท่านเป็นครูทั้งคู่

เรื่องบุหรี่ เที่ยว เหล้ายานี่ ของต้องห้ามเลยแหละครับ...

ไม่ใช่ว่าผมมองคนกินเหล้า สูบบุหรี่ไม่ดีนะครับ ไม่ได้ทำตัวกระแดะ ดัดจริตอะไรหรอกนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด

แต่ว่าตอนนั้น เพื่อนๆกลุ่มผม ต้องบอกว่าหลายๆๆๆคน มันไม่มีใครสูบบุหรี่หรอกครับ น้อยมากๆๆๆ

แต่ว่ามีที่สังเกตอย่างนึงคือ ไอ้เบียร์มันจะไม่ค่อยมาเรียนครับ ผมก้อไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

มิน่า ตอนมอ2 ผมถึงไม่ค่อยเหนมัน เพราะตอนนั้นมันก้อหยุดยาวไปช่วงนึงเหมือนกัน

ผมเลยไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกะมันมากนัก... จนกระทั่งพวกผมเรียนจบมอ 3 ครับ

ตอนแรกก้อว่าจะไปสอบเตรียมเหมือนกัน แต่ขี้เกียจขึ้นมาซะงั้น อยู่ที่นี่ก้อดีอยู่แล้วครับ

เพราะก้อ รร กุก้อมีชื่อเหมือนกันนี่หว่า รร ผมก้อดังอยู่นะครับ ไม่แพ้เตรียมเชียว (ขอคุยหน่อยนึง)



********************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2007 15:22:22 โดย หมูพูห์ »

hippoworld

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมพูแปะไว้ห้องนี้อ่ะ ไมไม่อยู่ในห้องฟิคหว่า

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
คนเขียนให้แก้ไขชื่อตัวละครนิดหน่อยอ่ะครับ
เด่วจะย้ายกลับที่เดิมอีกทีนะครับ

sun

  • บุคคลทั่วไป
ใช่ที่เล่า ในปาลม์ป่ะเรย์...

เอิ่ม....แก้ชื่อตัวละครเหรอ...อึมๆ  :confuse:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
มอ 4 แล้วว เปนเด็ก มอปลายแล้วเว้ยย! ตอนนั้นดีใจมากครับ เข็มก้อเปลี่ยนสีแล้วด้วย เท่มากมาย

ได้เบ่งใส่รุ่นน้องที่แก่กว่าตั้ง 3 ชั้นปี และแน่นอนครับ... ว่าไอ้เบียร์ก้อมาอยู่ห้องเดียวกะผมด้วย

ยอมรับว่าตอนแรกๆเซงครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มผมกระจายกันไปหมด มีเพื่อนที่ผมเคยบอกว่า อยู่กลุ่มถึกมา 2 คนครับ

แต่ผมก้อสนิทกับมันนะ แล้วก้อเลยได้เพื่อนใหม่อีกหลายคนจากพวกมันนี่แหละ

ไอ้ถึกคนแรกชื่อว่า ไอ้แบงค์ครับ ไอ้เชี่ยนี่ ไม่ต้องนึกไรมากครับ อ้วนดำ ตัวควายๆ แต่นิสัยดีผิดกะหน้ามัน

ส่วนอีกคนชื่อ ป๋อม ไอ้นี่ นักบาสครับ แต่หุ่นไม่เท่ให้สาวๆกรี๊ดหรอกนะครับ ไม่ได้หล่อขนาดนั้น

แต่ก้อไม่ได้ขี้เหร่หรอก ถึงตัวจะดำๆ แต่ตาหวาน หุ่นดูเหมือนล่ำ แต่ถ้าถอดเสื้อแล้ว แม่งอ้วน พอนึกออกป่ะครับ นั่นแหละ

ส่วนไอ้เบียร์ อยากรู้รึยังครับว่ามันหน้าตายังไง... ยังอ่ะ ยังไม่บอก เพราะตอนนั้นไม่ได้พิศวาสมันแม้แต่นิดเดียว

เดี๋ยวจะหาว่า บรรยายไม่ตรงความเป็นจริง แล้วนอกจากนั้นก้อมีเด็กใหม่ครับ 3-4 คน มีคนนึงหน้าตาดีมั๊งครับ

ไม่รู้ดิตอนนั้นไม่ได้สนผู้ชาย เลยไม่ค่อยมองใครหล่อเท่าไหร่ รู้แต่ สาวๆห้องผมน่ารักมากกกกหลายคนเชียว

แต่คราวนี้ ไอ้เรื่องของเรื่องคือ ที่นั่งครับ ...เกลียดอะไรได้อย่างนั้น... ผมน่ะไม่ได้นั่งข้างคู่กะไอ้เบียร์หรอกครับ

แต่นั่งติดกัน งงป่ะเนี่ย คือ มีทางเดินคั่นครับ ระหว่างผมกะมัน

ช่วงแรกๆก้อไม่ค่อยได้คุยหรอกครับ ช่วงนี้มันต้องรู้จักเพื่อนใหม่กันก่อน ผมก้อได้นั่งกับเด็กที่มาจากสายศิลป์ครับ

เพิ่งรู้จักกันนี่แหละ ไอ้แบงค์มันจับผมนั่งคู่กัน มันชื่อว่า บาส ครับ เป็นลูกคนจีน แน่นอนว่า ขาวตี๋ หน้าใส

ตอนแรกก้อเกรงๆมันนะครับ เพราะมันมาจากสายศิลป์ แต่แม่งนิสัยโคตรดีเลยครับ

และมันนี่แหละที่กลายมาเปนซี้ในอนาคตของผม... แต่ไปๆมาๆรื่องมันเหมือนหักมุมครับ

ตรงที่เพื่อนๆผมแทบทุกคน (หมายถึงในกลุ่มๆผมน่ะนะ) รวมถึงพวกเพื่อนห้องอื่น มันเหมือนมีจุดศูนย์กลาง

อยู่ที่ไอ้เบียร์ครับ อาจเปนเพราะบ้านมันใกล้ รร มั๊ง แถมยังรวยด้วย (แล้วแม่งมาขอเงินกุทำไมวะ)

พอได้เริ่มคุยกัน ผมถึงได้รู้ครับ ว่ามันก้อเปนคนดีเหมือนกันนะเนี่ย ยิ้มง่าย คุยเก่งครับ มีกวนตีนๆหน่อย

แต่ ผมก้อ กวนตีน ยิ่งกว่ามันอีกมั๊ง แรกๆ ก้อไม่ค่อยถูกชะตามันหรอกครับ แม่งกวนส้นตีน ผมก้อกวนกลับ

เคยจะมีเรื่องกันก้อหลายครั้ง จน... วันนึงผมเริ่มเหนมันหล่อครับ

เรื่องของเรื่องคือวันนั้นจำได้ว่าพวกผมคุยเรื่อง ใครน่ารักสุดในห้องครับ ก้อว่ากันไปคนนู้นคนน

ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนิทกับพวกผู้หญิงกันเท่าไหร่หรอกครับ แอบนินทากัน แล้วก้อเลยวกมาเรื่อง ใครหล่อสุด

พวกผมก้อเริ่มสำรวจครับ ดูหน้าดูตากันดีๆ เพิ่งเหนครับ ว่าตอนนั้น มันก้อหน้าตาดีนี่หว่า...

มันตัดสกินเฮดครับ ขาว และ ล่ำ... ล่ำค่อนข้างมาก แต่ก้อไม่ดูน่าเกลียดทั้งๆที่มันเตี้ย แหะๆ มันไม่สูงครับ

แม่งตัวเท่าผม แหะๆๆ (และพไอ้ด้วยการที่ผมก้อไม่สูง ตัวพอๆกัน เลยเริ่มรู้สึกดีที่แม่งเตี้ยเหมือนกู) ตามันก้อสวยครับ

 ยิ้มหวาน แม่งก้อดูดีนี่หว่า... แต่สุดท้ายก้อไม่ได้ลงคะแนนกันหรอกนะครับ ว่าใครหน้าตาดีสุด ออกแนวขำๆกันมากกว่า

เอามาด่ากันซะส่วนใหญ่ มันก้อโดนด่าว่าไอ้เตี้ย (กุรอดได้ไงวะเนี่ย) ตัวผมเองก้อไม่ได้ขี้เหร่นะครับ

แต่ทำตัวลีบๆอยู่กลางวงเพราะไม่อยากให้ใครมาด่ากุ... ไม่เคยคิดหรอกครับว่าตัวเองหน้าตาดีบ้างรึเปล่า

ไม่กล้าแม้จะคิดครับ กลัวกลายเปนคนประเภทหลงตัวเอง แต่ที่พอมีกำลังใจบ้าง ก้อตรงมี สาว มาขอเบอร์บ้างแหละวะกู

(ช่วงนั้นการขอเบอร์กันเปนอะไรที่ บูมมาก) มีคนชมบ้าง กุก้อพอใจและ ตอนนั้นคิดงี้ครับ

พอพวกผมเริ่มสนิทกัน ผมก้อเริ่มสนิทกับมันมากขึ้นเรื่อยๆครับ

เริ่มโทรศัพท์หามัน คุยกันนานๆมากขึ้น (ตอนมอ 2 มอ 3 ก้อมีคุยกะเพื่อนคนนึง นานๆเหมือนกัน)

แต่ตอนนั้นมันต่างๆไปครับ ที่เคยโทหาเพื่อนสนิทคนนึงตอนมอต้นมันดูเปนแบบเด็กๆน่ะครับ

เริ่มถึงวัยคุยโทรศัพท์นานๆ แต่ตอนนี้มันก้อรู้สึกแปลกๆไปนิดหน่อย... แรกเริ่มคุยกันเรื่องผู้หญิงครับ

มันชอบผู้หญิงในห้องอยู่คนนึงครับ แล้วคุยกันไปคุยกันมา เลยสนิทกันมากขึ้น ผมกลายเป็นเหมือน พ่อสื่อมันครับ...

ตอนนั้นผมเองก้อมีจีบผู้หญิงคนนึงอยู่เหมือนกันนะ ก้อเลยช่วยๆๆกันไปน่ะครับ... และก้อไอ้เรื่องผู้หญิงนี่แหละ

ที่ทำให้เราได้ คุยกันนานขึ้น คุยกันหลายเรื่องมากขึ้น และสนิทกันมากขึ้น

แต่ตอนนั้นให้ตายก้อยังไม่ได้คิดอะไรกัมันนะครับ แค่เปนเพื่อนสนิทคนนึงเท่านั้น...

******************************************************

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
     ตอนที่ 2 ครับ

    หลังจากเปิดทอมไปได้ประมาณ 2 เดือน อะไรหลายๆอย่างก้อเริ่มที่จะเข้าที่ ผม 2 คนก้อกลายเปนเพื่อนสนิทกันเต็มตัว

โดยที่คนอื่นๆก้อรู้ครับ ผมน่ะ รักมันมากจริงๆๆ เพราะเวลามีปัญหาอะไร มันคอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง

ไอ้การที่เราคุยโทรศัพท์กันนานๆเนี่ย มันได้เรียนรู้กันจริงๆนะครับ เราสองคนผูกพันกันเร็วมาก

เวลาที่มันหรือผมขาดเรียนก้อจะช่วยกันเก็บงานไว้ให้ หรือช่วยๆกันทำงานตลอด ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก

หลังจากที่ตอนแรกๆแอบเหงาอยู่เหมือนกันที่ไม่มีเพื่อนสนิทหลุดติดมาด้วยเลย...

และช่วงนั้นที่คนอื่นๆในชั้นก้อเริ่มรู้จักสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย ทำให้เพื่อนๆห้องผมเริ่มกล้าเล่นกล้าทำอะไรกันมากขึ้น

อย่างนิดๆหน่อยๆเช่นพวกผมเวลาเจอกัน หรือเปนห่าเหวอะไรก้อจะ กอดกัน ครับ

จนเปนเรื่องธรรมดาโคตรๆที่จะเหนผู้ชายกอดกันในห้องของผม ลองไปกอดไอ้เพื่อนห้องอื่นดูดิ่ครับ

แม่งได้สะดุ้งแล้วไล่เตะแน่นอน...

เวลาผมมา รร ตอนเช้า ซึ่งก้อจะเช้ามากก่อนใครเลย ส่วนไอ้เบียร์เนี่ย มักจะมาตอนเกือบๆเข้าแถวแล้วครับ

เวลาเจอหน้ากัน ก้อจะเดินเข้ามากอดกัน ครับ จนมีสาวๆบางคนแซวเหมือนกัน

แต่สุดท้ายพวกมันก้อเหนจนเปนเรื่องธรรมดา เพียงแต่ พวกผมสองคนเนี่ย จะชอบทำอีกอย่างคือ นั่งตักกัน

โดยที่มันชอบมานั่งตักผม (มวลโดยรวมของมันน่าจะมากกว่าผมประมาณ 2 เท่าได้)

แล้วผมก้อจะกอดเอวมันจากด้านหลัง ซบมันมั่ง มันซบผมมั่ง ไปเรื่อยน่ะครับ จนเพื่อนคนอื่นๆก้อเริ่ม

ทำกันบ้างจนเปนเรื่องปกติ

    และก้อมีอยู่วันหนึ่ง เปนวันที่มันชวนผมและเพื่อนอีกสองคนไปบ้านมัน และผมก้อยังไม่เคยไปเลย..
   
“ไอ้ต้น วันนี้ไปบ้านกูป่าว” มันเข้ามากระซิบถามผม ที่กำลังนั่งเล่นป๊อกเด้งกะเพื่อนๆอยู่
   
“ไปทำไรวะ? ” “แล้วทำไมต้องกระซิบกุด้วยเนี่ย ไอ้บ้า” ผมก้อด่าย้อนมันดิ่

คือผมเปนคนที่ หูนี่ เปน สป็อต ผมเลยครับ ห้ามโดนแตะต้องเด็ดขาด มันสยิวว
   

“เปล๊า ก้อจะชวนมึงกะไอ้ท็อปแล้วก้อไอ้นุก ไปเล่นเกมเฉยๆ.... แล้วไอ้ที่กระซิบเนี่ย ต้องการจะให้มึงสยิวเล่นไงจ๊ะ”

แม่งพูดเส็ดพร้อมกับยักคิ้วทำหน้ากวนส้นตีนอีกแล้วคับ
   

”เออๆ ไอ้ห่า มึงนี่กวนตีน ไปดิ่ ไปก้อได้ กุยังไม่เคยไปบ้านมึงเลย แต่ว่ากุต้องรีบกลับนะเว้ย เด๋วแม่ด่า” พอผมตอบกลับ

มันก้อยิ้มแล้วเอามือขยี้หัวผมครับ ผมโคตรชอบให้คนเล่นหัวเลยครับ เลยมองหน้ามันแล้วยิ้มๆ

มันก้อรู้นะแม่งก้อทำตาหวานใส่ แล้วก้มลงมาพูดให้ได้ยินกันสองคนว่า
   

”มือเนี่ยกุเพิ่งไปจับไข่ไอ้เต้มาว่ะ” แล้วมันก้อวิ่งหนีผมไปพร้อมเสียงหัวเราะ ผมเลิกเล่นไพ่เลยครับ ไปวิ่งไล่เตะมันแทน

    พอเลิกเรียนก้อประมาน บ่ายสามนิดๆ พวกผม 4 คนก้อเดินไปบ้านมันกันครับ พอถึงบ้านมัน ตกใจชิบหาย หมาเยอะชิบ
   

 ”เอาแม่ ไอ้เหี้ย!!” ไอ้นุกสบถลั่นเลยครับ เพราะมันทะเล่อทะล่าทำซ่าส์ พอรู้ว่าบ้านหลังไหนก้อเดินไปเปิดประตูบ้าน

ทำท่าจะเข้าไปทันทีเหมือนเปนบ้านตัวเอง
    ”555555 สมน้ำหน้า ไอ้บ้า!” ไอ้เบียร์สะใจซะสุดขีด แล้วค่อยเดินมาห้ามหมาครับ ส่วนไอ้นุกน่ะ

กลัวขี้หดมาหลบอยู่ข้างหลังผมนี่

    “เฮ้ยนี่แม่กู ไหว้ซะ” ไอ้เบียร์มันว่า ผมก้อมองไปที่ตัวประตู เหนผู้หญิงคนนึงกำลังเดินมา

    “แม่นี่ ไอ้ต้น ไอ้ท็อปแล้วก้อไอ้นุก” พวกผมก้อไหว้แม่มันตามระเบียบ แล้วมันก้อพาพวกผมไปที่ห้องนั่งเล่น

    ในบ้านมันจะแบ่งเปนส่วนๆครับ ก่อนจะถึงห้องนั่งเล่น ก้อนะมีห้องคอมครับ แยกออกมาเหมือนต่อเติมเพิ่มเข้าไป

ผมก้อเลยไม่จำเปนต้องเข้าไปถึงในตัวบ้าน ก้อนั่งเล่นคอมกันอยู่ใน ห้องคอมนั่นแหละครับ

 แม่มันก้อคอยมาเทกแคร์โคตรๆจนผมเกรงใจ เด๋วขนมเด๋วน้ำหวาน มาบริการไม่หยุด

จนประมาณ 5 โมงผมต้องกลับแล้ว

    ”เฮ้ย พวกมึงกุกลับก่อนนะ เย็นแล้วว่ะ บ้านกุไกล” ผมบอกพวกมันที่เล่นเกมกันอย
ู่
    ”เออๆ กุกะไอ้นุกก้อจะกลับเหมือนกัน” ไอ้ท็อปมันตอบกลับมา

    ”ไอ้เบียร์ ไปส่งพวกกุหน้าบ้านมึงหน่อยดิ่ กุกลัวหมาว่ะ” ไอ้ท็อปหันไปพูดกะไอ้เจ้าของบ้าน

    ”ไม่ไป” ไอ้เบียร์ตอบหน้าตาเฉย

    ”เอ๊า ไอ้เหี้ยไรวะ พวกกุต้องกลับแล้วเว้ย กุต้องไปทำธุระให้แม่อีก เด๋วแม่กุเอาตาย มึงจาให้พวกกุอยู่ทำเหี้ยไรอีกวะ

 เย็นแล้วนะเว้ย...” ไอ้นุกบ่นยาวว ตามประสามันครับ แต่ถูกไอ้เบียร์ขัดขึ้นมาก่อน

    ”พอๆไอ้สัดนี่ กุจะบอกว่า ให้พวกมึงแค่สองคนลับไปก่อนได้ กุจะเดินไปส่ง แต่ไอ้ต้นอ่ะอยู่กะกุก่อน”

    ”อ้าว ทำไมวะ” ผมก้องงครับ

    ”กุรู้ว่า บ้านมึงไกล ไม่เปนไรเด๋วกุให้แม่กุโทบอกแม่มึงก้อได้ กุจะให้มึงช่วยสอนเลขกุทีก่อน”

    ”เฮ้ย เอางั้นเหรอวะ”

    ”เออดิ่ หรือมึงจะกล้าเดินออกไปเองป่ะละ กุไม่ว่านะเว้ย หมากัดตูดแหกไม่ต้องร้องนะมึง”

    ด้วยคำตอบของมัน ผมเลยตัดสินใจอยู่ต่อครับ แล้วไอ้เบียร์ก้อตกลงไปส่งไอ้สองคนนั้นที่ปากซอยบ้านเลยครับ

    มันบอกให้ผมนั่งเตรียมตัวสอนมันไป ผมก้อนั่งเบื่อเลยดิ่ คงอีกสักพักกว่ามันจะกลับมา

    ”ลูกต้น”

    ผมหันไปมองตามเสียงเรียกครับ

    ”ครับ?” แม่มันเรียกผมครับ

    ”แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับต้นหน่อยน่ะลูก”

    “อ่ะ ครับได้ครับ”

    “ต้นสนิทกับเบียร์มานานหรือยังลูก”

    “ก้ออ ไม่นานหรอกครับ เพิ่งตอนมอ 4 นี่แหละครับ”

    “จ้ะ แม่เหนเบียร์เค้าพูดถึงลูกบ่อยช่วงหลังๆนี้ แม่เลยบอกให้เค้าชวนลูกมาเที่ยงที่บ้านบ้างน่ะ”

    “อ๋ออ ครับ” อย่างนี้นี่เอง ที่มันถึงชวนผมมาบ้าน เพราะแม่มันบอกนี่เอง

แล้วแม่งเอาอะไรเกี่ยวกะผมไปเล่าให้แม่มันฟังบ้างวะเนี่ย

    “ต้น รู้มั๊ยลูกว่าทำไมช่วงมอต้น เบียร์ถึงไม่ค่อยได้ไป รร”

    “ผมก้อคยสงสัยเหมือนกันนะครับ แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ค่อยสนิทกับเขา ก้อเลย...” ผมไม่รู้จะพูดต่อยังไงครับ

เพราะไม่สนิทกับเขาก้อเลยไม่ได้สนใจ... ก้อไม่ใช่นะเว้ย

คือ เพราะมันไม่ค่อยมา ผมถึงไม่สนิทกัยมันต่างหากล่ะ ผมคิดในใจ

    “จ้ะ แม่รู้ แม่แค่จะบอกต้นว่า ตอนนี้หนูเบียร์เค้าไม่ค่อยสบาย” แม่ไอ้เบียร์พูดพร้อมกับทำหน้าเศร้ามากครับ

จนผมเริ่มรู้สึกไม่ดี

    ตอนนี้ทั้งผมทั้งแม่ไอ้เบียร์ก้อเงียบกันไปอึดใจนึงครับ

    “เค้าไม่รู้ตัวหรอกนะว่าตัวเค้าเปนอะไร แม่ยังไม่เคยบอกเค้าเลยแต่แม่จะขอต้นว่า

หลังจากนี้ให้เล่นกับเค้าแบบปกติได้มั๊ยลูก ช่วยดูแลเค้าที่ รร ต้นที จะได้มั๊ยลูก” แม่ไอ้เบียร์พูดจบน้ำตาก้อเริ่มไหลออกมา
   

“คะครับ ได้สิครับ ผมไม่มีวันทิ้งมันไปไหนเด็ดขาดครับ” ผมตกใจมากครับ ที่สถานการณ์ตอนนี้

มันเปนแบบนี้ อึดอัดมากๆ แล้วก้อสงสัยมาด้วยว่ามันเปนโรคอะไรอยู่

    แม่มันก้อ เงียบไปอีกพักหนึ่ง

    ”ขอบใจมากนะลูก”

    “ไม่เปนไรครับ แม่ไม่ต้องเปนห่วงนะครับ”

    “เบียร์... เป็น ลูคิเมีย น่ะต้น”

    พอได้ยินแค่นั้น ผมตกใจมากครับ ผมอึ้งไปเลย ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าสีหน้าของตัวเองตอนนั้นเป็นยังไง
   
ไอ้โรคนี่เนี่ย คือมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่ใช่เหรอ โรคที่เค้าว่ารักษาไม่หายนี่หว่า

โรคที่เพิ่งทำให้ อาที่รักของผม ต้องจบชีวิตลงทั้งที่อายุเพิ่งจะ 26 นี่!

    ผมช็อกมากครับ นั่งนิ่งไปอีกประมาณ 5 นาที แต่เหมือน ราวกับ เราสองคนเงียบกันไป 20 นาที

    ในหัวผมมันมีเพียงว่า

    เพื่อนกูกำลังจะตาย

    เพื่อนกูกำลังจะตาย

    คนที่กูรัก กำลังจะตาย... อีกแล้ว


    *******************************************************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ขยันจังพูห์  จัดเรียงเรื่องใหม่เสร็จแล้วหรือ เอิ้กๆ
สู้ๆ ปีใหม่หนีเจ้านายมาหยุดทั้งที่  ยังต้องมาลงนิยาย
 :laugh:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนี้นะครับทั้งคนเขียนทั้งคนโพส
ขอให้มีแฟนรักมากๆนะ ก็นิสัยดีกันแบบนี้
 :haun6:

forsaken

  • บุคคลทั่วไป
มาแนวเศร้า แง่ม ๆ จาเสียน้ำตาอีกไหมครับนี่ แหะ ๆ ...  :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
     ตอนที่ 3
    “ไอ้เบียร์!” ผมร้องขึ้นมาครับ มันมายืนอยู่ข้างหลังแม่มันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย สีหน้ามันตอนนั้น ผมเดาไม่ถูกเลยครับ ว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่

เราสามคนเงียบกันไปพักนึงซึ่งน่าอึดอัดมากๆเลย จนแม่ของมันพูดขึ้นมาว่า

    “ต้น เดี๋ยวต้นจะติวหนังสือให้เบียร์ใช่มั๊ยลูก งั้นแม่ไปโทหาที่บ้านต้นก่อนนะลูกว่าจะกลับดึก” แล้วแม่มันก้อเดินออกไปครับ

    “เดี๋ยวแม่ นี่แม่มาคุยอะไรกับไอ้ต้น” มันถามแม่มันตอนที่แม่กำลังจะเดินสวนมันออกไป หรือว่านี่มันจะยังไม่ได้ยินที่พวกผมคุยกัน

    “แม่แค่เข้ามาขอเบอร์บ้านของต้นแค่นั้นแหละ”

    “ผมให้ไปแล้วนี่”

    “แม่ทำหายไปแล้ว แก่แล้วก้อขี้หลงขี้ลืม งี้แหละ”

    “อืมๆ”

    พอแม่มันเดินออกไป มันก้อเข้ามนั่งข้างๆผม แล้วก้อมองหน้าผม

    “เปนไรวะ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก” แล้วมันก้อยิ้มให้ผม

    “ป่าวว่ะ รอมึงอ่ะเบื่อ แม่งไปนาน” ผมตอบกลับไปอย่างนั้นเองแหละครับ ผมไม่กล้ามองหน้ามันด้วยซ้ำครับ “มาดิ่ มาเรียนกัน กุจะได้รีบกลับบ้านซะที”

    “อะไรว้า นานๆได้อยู่กันสองคนที จะรีบกลับทำไมอ่ะ กุเหงานะ” มันทำเสียงเศร้าๆ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองมัน...

มันก้มหน้าอยู่แต่สีหน้ามันเศร้าจริงๆครับ นี่เปนครั้งแรกเลย ที่ผมมองหน้ามันแล้วรู้สึก หวั่นไหวมากๆ... นี่มันจะตายงั้นเหรอ มันจะต้องตายงั้นเหรอ...

แล้วมันก้อเงยหน้ามาสบตาผมครับ มันคงเห็นน้ำตาผมที่คลอเบ้าอยู่น่ะครับ มันจึงเอามือมาจับหัวผม แล้วชะโงกหน้ามาพูดว่า

    “เฮ้ย เปนอะไรวะ ต้น”

    “ป่าวนี่ แสบตา แอร์มันเป่าตากุแห้ง”

    “เหรอ งั้นกุไปเบาแอร์ให้” มันจึงลุกไปที่รีโมทแอร์ที่ติดอยู่กับผนังห้องแล้วพูดขึ้นมาว่า

    “ไม่เปนไรหรอกต้น มันไม่สำคัญหรอกว่า ระยะเวลาที่เราคบกันมันจะนานแค่ไหน แต่มันสำคัญที่ เราจะเก็บ ‘สิ่งๆนั้น’ เอาไว้ให้นานเพียงใดต่างหากล่ะ”

    “ไอ้เบียร์!?” ผมตกใจมากเลยครับ ที่มันพูดแบบนั้น นี่มันรู้แล้วหรือไง

    “อืม กูรู้อยู่แล้ว” มันบอกพร้อมกับหันหน้ากลับมา “กูรู้นานแล้วล่ะ จากพี่กูเอง แม่กูเค้าไม่รู้ว่ากูรู้ เค้าจะสบายใจกว่า กูเลยปล่อยให้เค้าคิดแบบนั้นต่อไป”

พอมันพูดจบมันก้อเดินมาหาผมพร้อมกับลูบหัวผมครับ

    “กูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังมึงนะต้น กูแค่...” แต่ผมจับมือมันออกจาหัวผมครับ ตอนนี้ผมร้องไห้จริงๆแล้ว

    “พอเหอะ เบียร์”

    “เฮ้ยต้น กูขอโทษ กู…” เสียงมันเริ่มสั่นๆแล้ว มันคงคิดว่าผมเคืองมัน แต่ผมไม่ได้รอให้มันพูดอะไรต่อหรอกนะครับ ผมลุกขึ้นแล้วหันไปกอดมันทันที

พร้อมกับปล่อยให้น้ำตามันไหลรินออกมา ผมไม่อั้นมันไว้แล้วครับ ผมไม่แคร์แล้วว่าใครจะว่าผมว่า ผู้ชายร้องไห้เปนเรื่องน่าอาย

กูจะร้อง กูจะร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของมันนี่แหละ จะให้มันรับรู้ว่าผมเสียใจแค่ไหน ให้มันรับรู้ว่าผมรักมันมากแค่ไหน... เรากอดกันนานมากครับ

    ผมไม่อยากเสียมันไปจริงๆ

    กูไม่อยากเสียมึงไป

    กูไม่อยากเสียมึงไป

    กูไม่อยากเสียมึงไป

    “กูไม่อยากเสียมึงไปนะ เบียร์” ผมพูดออกมาในที่สุด

    “กูไม่ไปไหนหรอก” มันพูดพร้อมจับไหล่ผมดึงออกมา มันมองมาที่ตาผมแล้วพูดว่า

    “มึงมองตานะต้น ไอ้ขี้แย” แล้วมันก้อยิ้ม “กูไม่ได้เปนอะไรเลยเหนมั๊ย กูสบายดี แข็งแรงจะตาย

มึงไม่ต้องเปนห่วงหรอกนะ ไป ไปล้างหน้าไป แล้วสัญญา กับกูข้อนึงนะ ว่ามึง จะไม่ร้องไห้เพราะกูอีก”

    “อืม” ตอนนี้ผมหยุดร้องแล้วครับ เพราะมันยังไม่ร้องเลย ผมไม่อยากเปนเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว ของแบบนี้มันต้องร้องทั้งคู่ดิ่ถึงจะได้อารมณ์

    “ไป ไปล้างหน้า”

    พอผมเดินออกมาจากตัวมัน แล้วหันกลับไปมองจึงแอบเหน ว่ามันกำลังช็ดน้ำตาอยู่ครับ มันคงไม่อยากให้ใครเหนความอ่อนแอของมัน

มันคงต้องการจะแสดงให้ผมเหนว่า มันต่อสู้กับโรคนี้มา สาม ปีแล้ว มันทำใจได้และพร้อมที่จะสู้ต่อไป ผมจึงเดินออกมาจากห้องเงียบๆ...

    หลังจากที่ผมสอนเลขมันเส็ด ก้อประมาณทุ่มกว่าๆแล้วครับ ระหว่างที่เรียนกันอยู่เราสองคนก้อไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย หลังจากการบ้านจบหมด

แม่มันก้อเอาข้าวปลามาให้ผมกับมันทาน พอทานกันเส็ด มันจึงพาผมซ้อนมอไซค์มาส่งผมปากซอย

ตอนแรกผมขอขี่ครับ แต่มันไม่ให้ เพราะมันไม่ไว้ใจ มันบอกว่า

    “ไม่เอาอ่ะ ที่นี่ถิ่นกู กูคุ้นรถคุ้นถนนมากกว่า ไว้กุไปบ้านมึงก่อน ค่อนซ้อนมึง โอเคป่ะ”

    “มึงจะไปเหรอบ้านกุอ่ะ ไกลนะเว้ยย” ผมดีใจมากครับ (แต่เก็บอาการ) ที่มันบอกจะไปบ้านผมน่ะ

เพราะเพื่อนๆผมแต่ละคนไม่มีใครอยากไปสักคน เนื่องจากอยู่ไกลมากกกกกกก

    “เออ ไปดิ่ ถ้าอยากให้กุไปอ่ะนะ เตรียมของแดกรอไว้เยอะๆเลยมึง จะไปถล่มให้หมด 555”

    “เอาเห๊อ ขอให้มาจริงและกัน”
    ...
    พอมาถึงปากซอย มันก้อเดินมาส่งผมขึ้นรถเมล์ พอรถผมมาและผมกำลังจะก้าวขึ้นรถ มันก้อบอกผมว่า

    “คืนนี้ โทหากุนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร รถเมล์ก้อปิดประตูแล้วครับ

    และคืนนั้นเอง ที่ผมได้รู้ตัวเองว่า... ผมรักมันเกินเพื่อนไปแล้ว... (รึเปล่า)

*************************************************************************************

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 4

ปกติอยู่บนรถเมล์ถ้าผมเหงาๆเบื่อๆ ก้อจะโทคุยกับมันนี้แหละครับ แต่วันนี้ตอนนั่งรถกลับ ผมกลับนั่งนึกถึงแต่เรื่องของมัน

ถามว่าจริงๆแล้ว... ผมก้อสบายใจขึ้นนิดนึงนะครับ ที่ได้เหนรอยยิ้มของมันตอนที่ผมติวเลขให้มัน เราไม่ได้คุยเรื่องนั้นกันเลย

ก้อช่วยให้ผมไม่จมปลักกับความเครียดมากเกินไปจริงๆ ผมยังนึกอยู่ว่าคืนนี้ กุจะโทหามันดีมั๊ย คือ ปกติคุยกันทุกคืนอยู่แล้วนะครับ

แต่วันนี้ มัน...

จะคุยกันเรื่องอะไร ยังไงดีวะ กุจะทำไงดีวะเนี่ย สุดท้ายก้อทนเครียดไม่ไหว ผมกำลังกดโทรศัพท์ หาเพื่อนสนิทผมคนนึงเป็นผู้หญิงครับ ชื่อ ต่าย

แต่... อีกใจก้อไม่อยากโทหาใคร ไม่อยากเล่าให้ใครฟังเพราะรู้ว่า มันไม่ดีแน่ๆถ้ารุ่งเช้าทุกคนรู้เรื่องของไอ้เบียร์หมด

เปนกูกูจะทำหน้ายังไงถ้าเพื่อนๆมารุมถามเรื่องอาการป่วยของตัวเอง ทั้งๆที่กุเองก้อไม่ได้อยากให้ใครคิดว่ากุอ่อนแอกว่าคนอื่นตรงไหน...

แต่เครียดชิบหายว่ะ เอาไงดีวะ คิดไปคิดมาตัเสินใจโทครับ เพราะผมรู้ว่าผมไว้ใจเพื่อนผมคนนี้ได

“เฮ้ย ต่ายเหรอ ทำไรอยู่ป่าววะ”

“เปล่าๆ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ มีไรอ่ะ นี่แกอยู่ไหนวะ” มันถามผมครับ คงเพราะเสียงบรรยากาศรอบตัวผม

“อืม กำลังกลับบ้านว่ะ ไปบ้านไอ้เบียร์มา”

“อ่อๆ เออใช่ วันนี้แกไปบ้านมันนี่หว่า เปนไงมั่งวะ”

“แย่ว่ะ” ผมตอบมันไปตามตรง

“อ้าว ทำไมวะ ทะเลาะกันเหรอไงวะ เหนพวกแกรักกันดีจะตาย” มันทำเสียงตกใจ

“ก้อ... เปล่าหรอก” แล้วผมก้อเงียบไปอึดใจนึง

“เฮ้ย แกเปนไรป่าวเนี่ย”

“เปล่าๆ...” แล้วผมก้อนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง

“เฮ้ยต่าย ถามจริงๆดิ่ แกรู้รึเปล่า ว่าเราคุยโทรศัพท์กะไอ้เบียร์ทุกวันเลยเนี่ย”

“อ่ะ ไม่รู้อ่ะว่ะ รู้แต่คุยบ่อย ไม่รู้ว่าคุยทุกวัน”

“แล้ววันๆนึง นี่เราคุยกะมันไม่ต่ำกว่า 2-3 ชม นะ นี่ก้อไม่รู้ใช่ป่ะ”

“เหอะ ไม่อ่ะ แกนี่สวีทกันจังนะ ไอ้ต้น” มันพูดขำๆครับ ผมก้ออดนึกขำไม่ได้

“แกว่า มันแปลกป่าววะที่เราคุยกะมันขนาดนั้น” ผมถามไปตรงๆครับ

เพราะตอนนี้ผมเริ่มรู้สึก แปลกๆ แล้ว เพราะผู้ชายคุยโทรศัพท์กันนานขนาดนั้นนี่... มันผิดวิสัยไปรึเปล่า

“เอาจริงๆนะ เราว่าไม่นะ แต่ก้อไม่แน่เหมือนกัน เพราะเราว่า ปกติผู้ชายมันจะเอาเรื่องอะไรมาคุยกันขนาดนั้นอ่ะแก ไม่ใช่ว่าคุยจีบสาว

 หรือคุยกะแฟนสักหน่อย แต่เราเดาว่าแกก้อคงคุยกันเรื่องผู้หญิงที่ไอ้เบียร์มันจีบอยู่ใช่มั๊ยล่ะ งั้นก้อคงไม่แปลกหรอก ที่จะคุยกันนานอ่ะนะ”

มันพูดมาก้อเกือบถูกครับ ถูก แต่ไม่ทั้งหมด ผมคุยกับมันนี่สารพันเรื่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมั่ง เยอะแยะไปหมด ไปสรรหาอะไรมาคุยนักไม่รู้

แล้วถ้าคุยเรื่องคนที่มันจะจีบ จะคุยเหี้ยอะไรทุกวันๆวะ บางวันวันละ 3-4 หน

“อืมๆ ก้อเออดิ่ แม่งชอบเครียดเรื่องคนที่มันชอบอ้ะ” ผมก้อตอบไปงั้นแหละ

“เออ แล้วที่แกทำเสียงเครียดเนี่ย เรื่องนี่เหรอไงวะ เปนไรวะ ไม่เหนน่าเครียดเลย”

“เปล่า... ต่าย แกอย่าบอกใครได้มั๊ยเรื่องที่เราจะบอกแกนี่อ่ะ”

“อืมๆ ได้ดิ่” แล้วผมก้อเล่าให้มันฟังทั้งหมดตั้งแต่ที่แม่มันมาหาผมครับ มันดูตกใจมากๆพอๆกันกับผมทีเดียว

แต่เราก้อคุยกันว่า เราจะไม่บอกใครอีกและไอ้ต่ายก้อจะทำตัวปกติเหมือนไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย จนกว่าผมจะบอกเบียร์ครับ ว่าไอ้ต่ายรู้แล้ว...

หลังจากวางโทรศัพท์กับต่าย ผมก้อยังคิดๆอะไรอยู่ เลยกดโทรศัพท์ส่งเมสเสจหาไอ้แบงค์ครับ ว่า ...

ผู้ชายคุยโทรศัพท์กันทุกวัน เรียกว่าไรวะ?...

3 นาทีถัดมามันส่งกลับมาครับ...

“เกย์”

สาดดด ทำกุเครียดเลย ไอ้เชี่ยย ตกลงกุเปนไงวะเนี่ย

พอกลับถึงบ้านก้อ 4 ทุ่มกว่าๆแล้วครับ หลังจากอาบน้ำ เรียบร้อยก้อหยิบโทรศัพท์บ้านขึ้นมา

จะกดจะกดจะกด อยู่ประมาณ 5 นาที

หยิบวาง หยิบวาง อยู่อีก 5 นาที

จนสุดท้ายตัดสินใจไม่โทรครับ เพราะทำตัวไม่ถูกจริงๆไม่รู้จะคุยอะไร

แต่เดี๋ยวก่อน

ปกติกุก้อโทหามันทุกวันอยู่แล้ว ทำไมวันนี้มันต้องบอกกุว่า ให้โทไปหามันด้วยวะ

คิดได้แค่นั้น ก้อตัดสินใจโทเลยครับ

“ฮัลโหล เออกุถึงบ้านและนะ”

“อืมๆ นานจัง”

“เปล่าหรอก ถึงได้สักพักแล้ว อาบน้ำด้วย ทำนู่นทำนี่อีก เลยกว่าจะได้โทหามึงก้อนี่แหละ”

“เปล่า ก้อที่ว่านานเนี่ย หมายถึงนานจังกว่าจะโทมา”

“อ้าว อะไรวะ รู้ได้ไงว่ากุทำอะไรนานกว่าจะโทหามึงอ่ะ”

“ไม่บอก กุเก่ง” น่านน มีกวนส้นตีนอีกนะ

แล้วผมก้อคุยกับมันไปเรื่อยๆอ่ะครับ ก้อมีเรื่องผู้หญิงของมัน ผู้หญิงของผม แล้วก้อเรื่อยๆเปื่อยๆ ผ่านไปอีก ชม ครึ่ง

 จากนั้นผมกับมันก้อเงียบไปแปบนึง

“เบียร์” ผมเริ่ม

“เรื่องมึงอ่ะ มีใครรู้บ้างรึเปล่านอกจากกู”

“เอ่ออ.. ก้อมีว่ะ” มันทำเสียงอึกอักๆ พอผมได้ยินอย่างนั้น

แรกๆก้อแอบๆเคืองนะครับ แม่งนึกว่ากุคนแรก นึกว่ากุสำคัญสุดประมาณนั้น คิดแบบเด็กๆน่ะครับ

เสือกคิดไปอีกว่า อ้าวงี้ก้อมีคนกอดมันร้องไห้ ก่อนกุแล้วดิ่

“เหรอ ใครอ่ะ” ผมถามมัน เสียงเรียบๆครับ

“ไอ้แบงค์น่ะแหละ มันรู้ตังแต่มอสองแล้ว” อ้าวว สาดดดด ไอ้แบงค์ซะงั้นอ่ะ

“อ้าว แล้วมันรู้ได้ไงอ่ะ” ผมสงสัยครับ ตั้งแต่มอ2 เนี่ยนะ แถมใครบอกมันวะ ไม่ใช่ไอ้เบียร์แน่ๆ

“ก้อบ้านมันอยู่ใกล้บ้านกุอ่ะ มันมาหากุ แม่กุก้อเลยบอก”

“อ่อ อืม” ผมก้อถึงบางอ้อ แม่มันนี่เอง กุก้อว่า

“แล้ว... มึงรู้ตัวเมื่อไหร่วะเบียร์”

“ตอนมอ 3 ว่ะ ช่วงนั้นกุ เอ่อ.. กุสูบบุหรี่ แล้วพี่กุจับได้ เค้าก้อร้องไห้ใหญ่หาว่าทำไมไม่ดูแลตัวเอง อยากตายรึไง กุก้อไม่รู้หรอกว่า ทำไมต้องขนาดนั้น

 ตอนนั้นที่บ้านเค้าบอกว่ากุเปน ภูมิแพ้ กุก้อเถียงเค้าว่า แม่ยังสูบได้เลย แล้วกุก้อไม่ได้เปนภูมิแพ้บุหรี่สักหน่อย

เค้าก้อเลยบอกความจริงกุ แล้วก้อกำชับว่า อย่าให้แม่หรือพ่อรู้ ว่ากูรู้แล้ว”

“อืมม...” ผมอึ้งๆครับ ถ้าเปนผมเองมารู้ความจริงว่า ผมเปนโรคนี้ ผมจะเปนยังไงเนี่ย คงเครียดจนบ้าแน่ๆ

“แล้วตอนนี้ ยังสูบอยู่รึเปล่าล่ะ”

“เฮ้ย เลิกแล้วดิ่” มันตอบผมครับ...

“ดีแล้วล่ะ ดูแลตัวเองนะเว้ย...”

“ครับผม รับทราบครับ” มันทำเสียงแบบนายทหารรับคำสั่ง ล้อเลียนผมครับ

“ไอ้บ้า!” ผมด่ามัน กวนตีนจิงๆไอ้บ้านี่ แล้วเราก้อเงียบกันไปอีกพักนึง ผมจึงสารภาพกับมัน

“เบียร์ กุบอกมึงตามตรงนะว่ากุเครียดมากวันนี้ ตอนนังรถกลับน่ะ กุเลยโทหาไอ้ต่าย แล้ว...

เอ่อ เล่าให้มันฟัง จะได้มั๊ยวะ มึงจะโกรธกูป่าวอ่ะ แต่กูกำชับมันไว้แล้วนะ ว่าไม่ให้บอกใคร”

“อืมม” มันอืมครับ หลังจากมันเงียบไปนิดนึง ผมใจไม่ดีเลย

“ไม่เปนไรหรอก อย่าให้คนอื่นรู้ก้อแล้วกัน กุไม่อยากให้มันเปนเรื่องใหญ่”

“ได้ กุไม่บอกใครหรอก ไอ้ต่ายก้อเหมือนกัน” ผมรับคำมัน หลังจากนั้นก้อเงียบกันไปพักนึง

ไอ้เบียร์มันเปนคนดื้อครับ มันเปนคนแข็งแรงมาก (เชี่ยแม่ง ล่ำซะขนาดนั้น) ใครจะไปนึกว่ามันจะป่วยเปนอะไรได้ และไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น

จิตใจมันก้อด้วย มันไม่อยากยอมรับว่าตัวมันป่วย มันไม่ชอบคิดว่ามันน่ะ จริงๆแล้ว อ่อนแอ ดังนั้นมันเลย ไม่ชอบที่จะมีใครมาแสดงความเปนห่วง

ห่วงใยมันเหมือนมันเปนคนอ่อนแอ กว่าคนอื่นๆเขา เพราะงั้นถ้า มีคนรู้มากขึ้นเมื่อไหร่ แล้วใครต่อใครพากันมองมันด้วยความสงสาร

 หรือแสดงความห่วงใยมันมากกว่านี้ มันคง โมโหมากแล้วเปลี่ยนเปนคนละคนกับที่มันเปนอยู่แน่นอน กลายเปนคนที่ผมเคยสัมผัสมาหนนึง

และขอบอกว่า ส้นตีนมากก ...

“เฮ้ย ต้น กุง่วงแล้วว่ะ” มันเรียกผมจากภวังค

“หา อืมๆ ไปดิ่ไปนอนดิ่ ว่าแต่จะไม่โทหาเด็กมึงก่อนเรอะ”

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ คุยกะมึงคนเดียวก้อพอและ” ผมตกใจครับ ที่มันพูดแบบนั้น

เพราะปกติ แม่งเปนคนแข็งยังกะหิน ไม่เคยหรอกครับ ความอ่อนหวาน ปากหวานๆน่ะ ตรงข้ามกับผมที่เปนคนที่คิดอะไรก้อทำอย่างนั้น

แต่วันนี้จะว่าไป มันก้ออ่อนกับผมเยอะเหมือนกันนะ

“หา อะไรนะ” ผมทวนคำมันครับ เพราะไม่เชื่อหุตัวเอง

“เปล่าๆ ไม่มีไร”

“เฮ้ย เอาจริงๆดิ่ อะไรวะ”

“เปล่าๆ ก้อบอกว่าเปล่า ไอ้เหี้ยนิ” ผมก้อตื้อมันอยู่สักพักครับ แหย่มันเล่นแล้วก้อเลยไล่มันไปนอน

“ไป ไปนอนเหอะมึง รีบๆนอนแล้วมาเช้าสักวันเหอะ บ้านก้อใกล้แม่ง ตื่นซะสาย ส้นตีน”

“เออๆน่า บ้านกุใกล้ไม่บ้านนอกเหมือนมึงนิ”

“เอ๊ะ ไอ้เหี้ยนี่ กวนตีนและ” ผมก้อแหย่ๆมันเล่นงี้อีกสักพัก

“ไอ้เบียร์...” ผมเรียกมัน

“อะไรวะ เรียกแล้วไม่พูด กุง่วงนะเว้ย”

ตอนนั้นมันเปนไรไม่รู้ครับ เปนครั้งแรกที่ผมเคยพูดคำๆนี้ออกมาในชีวิตทีเดียว อะไรหลายๆอย่าง มันบินเข้ามาในหัวผมทำให้ผมพูดคำนี้ออกไป

“………........……กูรักมึงนะ”

beta

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากเลย มาต่อไวๆนะครับ

รอครับ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 5
พอผมหลุดออกไปเท่านั้นแหละ ตามันมั่งเลยครับ
   
“หาๆ อะไรนะ เมื่อกี๊มึงว่าไงนะ!”
   
“เปล่าๆ มึงไปนอนเห๊อะ ไป๊ โชคดีๆ ฝันดีเว้ย” แล้วผมก้อวางเลยครับ เช็ดแม่ตอนนั้นโคตรอายเลย ไม่ใช่แค่ผมพูดกับผู้ชายเท่านั้น แต่ดันเป็นมันด้วยดิ่

ผมก้อไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกุต้องเขินขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย ทำเหี้ยไรไม่รุจักความอายมาก้อหลายอย่างแต่ทำไม...

โอ๊ยยย พรุ่งนี้เจอหน้ามันจะทำไงวะ ถ้าแม่งเซ้าซี้ถามเรื่องคืนนี้ กุจะตอยว่าไงวะ...

คิดไปต่างๆนาๆครับ พยายามไม่คิดเรื่องที่มันไม่สบาย แล้วก้อนอนหลับไป...

วันรุ่งขึ้น เจอหน้ามันที่ รร ทุกอย่างก้อเหมือนเดิมครับ กอดทักกันตอนเช้า แค่นั้น

ปกติอยู่ในห้องผมก้อไม่ได้เกาะติดกับมันแจหรอกนะครับ อย่างที่เคยบอกน่ะแหละ ว่ามันเป็นเหมือนจุดรวมของเพื่อนๆเลย

มีเพื่อนมาติดมันก้อเยอะ แล้วผมมันประเภทชอบทำอะไรสวนกระแส

วันนี้ก้อเลยเหมือนไม่ค่อยได้คุยกับมันมากกว่าวันอื่นๆด้วยซ้ำ ก้อไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าเปนอะไรให้ตายเหอะ

ปกติมันก้ออย่างนี้อยู่แล้วนี่หว่า แต่วันนี้เหนมันไปคุยกับคนอื่น ดูสนิทสนมกับไอ้ชัย แล้วผมหงุดหงิดๆว่ะ

ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเปนอะไร มันก้อคงดูออกแหละครับ

แต่มันก้อมีเข้ามาทักผมนะ แต่ผมก้อตอบเปล่าไม่มีไร แม่งก้อเลยไม่สนใจผมเลย

อย่างที่บอกแหละ ว่าแม่งปกติแข็งอย่างกับหิน ไม่ค่อยแคร์อะไรใครเท่าไหร่หรอก นิสัยมันก้องี้แหละครับ เดายากชิบหาย
   
วันนี้ตอนพักเที่ยงผมไม่ได้ไปกินข้าวกับเพื่อนๆครับ เพราะไม่หิว ไม่อยากด้วย

นั่งอ่านการ์ตูนไปเรื่อยเปื่อย (ตอนนั้น love hina มาแรงมาก) แล้วเลยได้คุยกับ ต่าย แปบนึง เรื่องไอ้เบียร์ครับ

ต่ายมันก้อคิดเหมือนกันว่า อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มากไปเลย แค่ตอนนี้มันยังแข็งแรง ร่าเริงดี ก้อป่วยการที่จะไปนั่งคิดว่ามันจะตาย เหมือนแช่งมันเปล่าๆ

ก้อจริงนะครับ มันน่ะดูให้ตายก้อไม่คิดว่าแม่งจะเปนได้แม้แต่หวัด และผมก้อไม่ได้เผชิญเรื่องนี้เปนครั้งแรกด้วย

ปู่ของผมจากโลกนี้ไปเมื่อปีก่อน ตา เมื่อ 2 ที่แล้ว และอาของผม เมื่อ 3 ปีก่อน ทุกคนล้วนเป็นโรคร้ายกันทั้งสิ้น

แต่ผมก้อทำได้แค่ดูแล และใช้เวลาอยู่กับพวกเขาให้นานที่สุด ตอนนั้นผมเองก้อไม่เคยคิดว่า เค้าจะต้องตาย สักคน มันเหมือนกับแค่...

เมื่อถึงเวลาที่มันจะมา เราถึงจะรู้ตัวนั่นแหละครับ ผมไม่ได้เครียดตลอดเวลาที่พวกท่านทั้ง 3 คนป่วยหรอก

มันนอกจากจะไม่เปนการให้กำลังใจกับพวกเขาแล้ว ยังเปนการบั่นทอนกำลังใจตัวเองและคนรอบข้างด้วย ซึ่งต่ายมันก้อคิดเหมือนผมครับ...

คุยกันจบ ต่ายมันก้อไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ซึ่งตอนแรกมันจะอาสาอยู่เปนเพื่อนผม แต่ผมบอกไม่ต้อง เพราะผมไม่ได้เปนอะไรจริงๆ มันก้อโอเค แล้วลงไป

    “ต้น” มีเสียงหนึ่งดังขี้นมาตรงหน้าผม

    “หือ อ้าว ทำไมวะ กลับมาเร็วจัง” ผมตอบกลับ ไอ้เบียร์นั่นเองครับ “แล้วขนมปังนี่...”

    “อืม กูซื้อมาเผื่อมึงเอง เดี๋ยวก้อหิวหรอก ปกติก้อผอมจะตายห่าอยู่แล้ว” แม่งซื้อมาเพียบเลยครับ ทั้งขนม ทั้งน้ำ

    “โห ไอ้บ้า เยอะชิบหายกุกินไม่หมดหรอก แต่... ถ้าเลี้ยงแบบนี้ กุสามารถว่ะ 555” ผมตอบพร้อมกับแกะถุงดูว่ามีอะไรมั่ง

    “เฮ้ยๆๆๆ จ่ายตังดิ่ ไอ้บ้า 85 บาทถ้วน” แม่งรีบแย้งเลยครับ

    “โห เฮ้ยไรวะ แค่นี้เก็บตังด้วย แถมซื้อมาตั้งเยอะ ไม่เอาอ่ะ ไม่แดกหรอกว่ะ กุไม่หิว”

    “แดกซะดีๆ กุอุตส่าห์ซื้อมาให้ อย่ามาเรื่องมาก” มันเริ่มทำหน้าดุใส่ผม ผมก้อเริ่มฉุน

    “เปนเหี้ยไรอีกอ่ะ กุขอร้องให้มึงซื้อมารึไงวะ สัดนี่” ผมยังพูดน้ำเสียงเรียบๆตามเดิม

    “เออ ไม่แดกก้อไม่ต้องแดก” แล้วมันก้อลุกไปครับ พร้อมเอาถุงขนมไปด้วย แล้วแม่งก้อโยนทิ้งออกนอกหน้าต่างเลยครับ แล้วผมเรียนอยู่ ชั้น 8 นะน่ะ

    “เฮ้ย! มึงทำเหี้ยไรวะ!!” ผมถามมัน ตกใจกับพฤติกรรมมันมาก

    “เหนกุทำเหี้ยไรล่ะ คนไม่แดก ก้อให้หมามันแดกไปดิ เงินกุกุจะทำไรก้อเรื่องของกุ” มันเน้นคำว่า เรื่องของกู ด้วย

    ผมงี้ฉุนสัด แต่ก้อเฉยๆ หันกลับมาอ่านหนังสือต่อ ส่วนมันไปไหนแล้วไม่รู้ครับ แต่ท่าทางน่าจะไปห้องน้ำ

    จนเพื่อนเริ่มกลับมา และไอ้บาส ก้อมานั่งข้างผมเบียร์รียมเรียนวิชาต่อไป

    “เมิงเปนไรวะไอ้ต้น” มันถามผมครับ

    “เออ ไอ้เชี่ยเบียร์แม่งผีเข้า” แล้วผมก้อเริ่มเล่าให้มันฟัง

    “อืมๆ เด๋วกุไว้ไปถามๆมันดูแล้วกัน ว่าแม่งเปนไงมั่ง”

    “เฮ้ออ มึงอย่าไปยุ่งกะมันเลย แม่งไม่ชอบให้ใครมายุ่งหรอก เด๋วแม่งก้อหาว่ากุเอาเรื่องของแม่งมานินทาให้มึงฟังอีกอ่ะ” ครับ

    นี่คือความจริงว่า ผมมีอะไรก้อเล่าให้เพื่อนฟัง (ถ้ามันไม่ใช่ความลับหรือเรื่องอะไรที่ไม่สมควรเล่าอ่ะนะ)

    แต่ไอ้เบียร์นี่จะตรงกันข้ามครับ ให้ตายแม่งก้อไม่เคยเปิดปากเล่าอะไรให้ใครฟังหรอก

    “เออน่ะ กุรู้น่าว่าจะทำไง” ไอ้บาสยังยืนยันครับ พร้อมทำหน้าตาเหมือนเปนเรื่องสนุก ผมก้องงๆ ว่าแม่งอะไรวะ

    พอถึงเวลาเปลี่ยนคาบที่ต้องเดินไปเรียนที่ห้องแลบชีวะเท่านั้นแหละ ไอ้บาสก้อเริ่มเลย

    “เฮ้ย เอาแม่เนี่ย ตอนกูเดินจะไปขี้ ที่ห้องน้ำหลังตึกอ่ะ แม่งอยู่ดีๆมีถุงขนม แม่งตกมาตรงหน้ากูเลยเว้ย นมเนิมงี้แตกกระจาย!

    กูโคตรงงเลย แต่แม่งดูจากความรุนแรงแล้ว น่าจะมาจากชั้นสูงๆชั้น 6 ไปว่ะ ไม่รู้ใครแม่งเล่นห่าไร ตกมาแถวๆห้องเราเนี่ยแหละ”

    พรืดดดด!!! พอผมได้ยินมันฝอยปุ๊บ ผมงี้ขำแทบน้ำตาเล็ด เพื่อนคนอื่นก้อขำนะ

    แต่ คนที่ขำสุดๆ คงไม่พ้นผมเนี่ยที่รู้ความจริง ว่าแม่ง แหล ทั้งเรื่อง แล้วมันก้อตั้งต้นเล่าเปนเรื่องเปนราวเลยครับ

    ผมเลยได้ดูปฎิกิริยา จากไอ้เบียร์ไปด้วย หน้ามันนิ่งๆครับ ผิดสังเกตจากคนอื่น ที่หัวเราะงอหายกับเรื่องราวของไอ้บาส

พอหันมาที่คนเล่าเรื่องอีกทีก้อได้ยินมาว่า

    “แม่ง นมแม่งกระเด็นมาโดนกูด้วยดิ่ หน้าแข้งกูงี้เปรอะหมดอ่ะ สาดด!!” เอ๊า ไปกันใหญ่แล้วครับ

    “ถ้ากูรู้นะว่าใครทำแม่ง...” มันเว้นไปครับ ทำหน้าแบบว่าเอาเรื่องสุดๆ

    “กูจะให้มันซื้อขนมปังให้กูแดกทั้งแบงค์ตย์เลย สาดดด รวยนักนะมึง”

แล้วผมก้อต้องตกใจที่ไอ้บาสมันหันมามองไอ้เบียร์แบบเต็มๆแล้วทำหน้ามีเลศนัยอีกต่างหาก

    พอถึงห้องชีวะ ไอ้บาสกับไอ้เบียร์มันนั่งกลุ่มเดียวกันครับ ผมแอบเห็นมันนั่งคุยกันหน้าเครียดๆสองคน

    แต่ก้อไม่ได้พยายามคิดอะไรมากจนเลิกเรียน กำลังเดินกลับห้อง ไอ้บาสเดินมาข้างๆผมแล้วบอกกับผมว่า “คุยแล้ว” แล้วมันก้อเดินไป

    พอเลิกเรียน ผมถึงได้รู้ความจริงว่า ขนมปังที่มันซื้อมาตั้งเยอะนั่นน่ะ ไอ้เบียร์มันไม่ได้ซื้อมาให้ผมคนเดียวครับ มันตั้งใจจะมากินกับผมด้วย!

    มันก้อไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหมือนกัน ข้าวเช้ามันก้อไม่ได้กิน

    มันขอตัวไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนเพื่อไปต่อแถวซื้อขนมปังมาให้ผม และตั้งใจว่าจะมานั่งกินด้วยกันบนห้อง

    พอผมบอกว่า “กุไม่ได้ขอให้มึงซื้อมา” มันก้อเลยโมโหมาก ที่มันเปนห่วงผมแต่ผมกลับพูดจาหมาไม่แดกใส่มัน...

    พอผมรู้แล้วก้อ ตายห่า ชิบหายแล้วกู ผมก้อเครียดๆไปนิดนึงเลยครับ แม่งเหนเราไม่ค่อยได้คุยกันวันนี้เพราะไอ้ชัยเกาะติดมันแจ

   มันเลยตั้งใจหนีมาเพื่อจะได้กินข้าวกับผมสองคนงั้นเหรอ

    แล้วเลยนึกไปถึงที่มันเคยพูดที่บ้านว่า “ไม่ค่อยได้อยู่กัน 2 คนแบบนี้นะ” ขึ้นมา ผมก้อเคืองตัวเองมากเลยครับ

    ทำไมกูงี่เง่าอย่างนี้วะเนี่ย ไอ้บาสเห็นผมเครียดมันก้อเลยพูดขึ้นมาว่า

    “เฮ้ย ไม่เปนไรน่ะมึง มันไม่ได้เคืองมึงแล้ว มันบอกมันแค่โมโหหิวอ่ะ”

    “เออ แล้วมึงไปคุยกับมันยังไงวะเรื่องเนี๊ย” ผมก้อนึกสงสัยขึ้นมา ว่ามันไปเริ่มคุยอีท่าไหน ไอ้บาสก้อทำท่ายักไหล่

    “กุก้อแค่ เข้าไปกระซิบมันว่า กุรู้นะว่าจริงๆแล้วเปนมันที่โยนขนมปังลงมา เพราะจริงๆแล้วกุเหนหน้าต่างที่ถุงหล่นลงมาว่าเปนห้องเรา
 
    แล้วกุก้อรู้ไงว่า มันแยกจากพวกกุไปไม่ได้กินข้าว แล้วมันจะไปไหน กุก้อเดาๆเอา แล้วเลยเค้นเอาความจริงจากมัน
   
    กุก้อเลยทำท่าไปประมาณว่าขอค่าปิดปาก ก้อเลยได้คุยกัน เอาน่าๆ กุเก่งกุบอกแล้วไง”

    เอาเหอะ ผมก้อทึ่งกะมันตั้งแต่เล่นลพครลิงแล้วล่ะครับ แม่งประสาทแดกไอ้บ้านี่ สนุกของมันไปเรื่อย
 
    “แล้วทำไมมึงต้องแต่งเรื่องเล่าให้ทุกคนฟังด้วยวะ” ผมถามมัน

    “ไม่มีไรอ่ะ สนุกๆ เอาน่าๆ เหมือนใช้มัดตัวมันไง ว่ากุเหนจริงๆนะเว้ย นมเปื้อนกุด้วยซ้ำไปเนี่ย” แล้วมันก้อชูหน้าแข้งขึ้นมาลูบๆ จนผมอดขำไม่ได้…

    “ฮัลโหล ไอ้เบียร์ มึงอยู่ไหนวะ” ผมโทหามันครับ

    “อยู่บ้าน เพิ่งถึงบ้าน” เสียงมันราบเรียบมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าแข็งทื่อเลยแหละครับ

    “เหรอ ทำไรอยู่อะ”

    “เปล่า ไม่ได้ทำไร มีไรป่ะ”

    “เปล่าไม่มี ไม่มีโทมาไม่ได้เหรอไงวะ” ผมเริ่มฉุน (อีกแล้ว) ที่มันกวนตีนผม

    “เปล่า”

    “เออ งั้นมึงทำไรก้อไปทำเหอะ กูขอโทษที่โทมากวนมึงแล้วกัน กูผิดเองอ่ะ แค่นี้นะ” แล้วผมก้อวางเลยครับ

    โอ๊ยยยยยยยยยยยยย นี่กุเปนเหี้ยไรเนี่ย จะโทไปขอโทษมัน เสือกกลายเปนโทไปหาเรื่องทะเลาะกับมันอีก

    ตอนนั้นอารมณ์หมาไม่แดกสุดๆ ไม่อยากกลับบ้านเลยเว้ยย ผมเลยเดินเล่นอยู่ห้างใกล้ๆ รร อีกนานจนจิตใจเริ่มสงบลงนั่นแหละครับ

    ถึงกลับบ้าน แต่เวลาก้อปาไป จะทุ่มนึงแล้ว...

    ตกลง กูกับมันนี่ เป็นยังไงแน่วะ เรื่องไหนเรื่องจริงกันแน่วะเนี่ย ผมสับสนตัวเองมากๆครับตอนนั้น

    ทั้งเรื่องที่มันป่วย เรื่องที่มันทำดีกับผมที่บ้านมันนั้น เรื่องที่ผมพูดไปว่า รักมัน เรื่องที่มันไม่สนใจผมเลยในห้อง เรื่องที่มันซื้อขนมมาให้
 
    แต่ก้อยังกวนตีนตอนผมโทไปหา แล้วก้ออะไรอีกหลายๆๆๆๆอย่างที่ผ่านๆมา... นี่มันยังไงกันแน่เว้ยยยยยยย!! กุจาทำไงดีเนี่ยย!!!
    ....................

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โอ้ย อ่านแล้วปวดจาย คนใจร้าย
 :sad4: :sad4: :sad4:

beta

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อไวๆนะครับ สนุกมาๆเลยครับ

อิอิ

จะรอนะครับ

forsaken

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :yeb:งอนกันไปงอนกันมา นี่แหละนะที่เค้าเรียกว่ารสชาติของความรัก หุหุ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อไวดีจัง   :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 6

    สองคืนติดกันแล้วครับ ที่ผมนั่งรถกลับบ้านดึกๆแล้วเครียดเรื่อง “ไอ้บ้า” นั่น...

     ตลกดีนะครับ ผมเลยนึกแปลกใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอหาต่าย ไหนๆก้อไหนๆ ทำให้มันเหมือนเดิมไปเลยและกันวะ แล้วผมก้อเล่าให้มันฟัง

    “เฮ้ย แกจะเครียดทำไมเนี่ย” อ่ะนะเพื่อนกูถามเหี้ยไรเนี่ย

    “อ้าว เมิงงง ให้กุดีใจดีมั๊ยล่ะที่กุทะเลาะกะเพื่อนสนิทตัวเองอ่ะ หรือจะให้กุรู้สึกเฉยๆ ไอเบ้า ก้อเพื่อนกันนะเว้ยกุก้อรู้สึกแย่ดิ่” ผมก้อสวนเลย

    “เออ ดีและ ที่แกพูดมา ได้ยินคำพูดตัวเองรึเปล่าล่ะ ว่าพูดอะไรออกมา” มันสวนกลับซะงั้นอ่ะ

    “หา เอ่อ ทำไมวะ” ผมยังโง่อยู่

    “ต้น แกฟังเราให้ดีๆนะเว้ย แกพูดเองว่าแกเครียดเรื่องมัน เพราะแกสนิทกับมัน แล้วแกคิดว่ามันจะเครียดเรื่องแกมั๊ยล่ะ

    เออ แกไม่ได้เครียดอยู่คนเดียวหรอกนะ แน่นอนว่ามันก้อต้องก้อเครียด เพราะแกก้อเพื่อนสนิทมันเหมือนกัน

แถมคงเครียดกว่าแกอีกด้วยที่แกทำร้ายจิตใจมันอ่ะ

    หรือถ้ายิ่งกว่านั้นมันอาจจะเครียดที่ทำให้แกเครียดอีกด้วยซ้ำ ยิ่งกว่าแกสองเท่านะเว้ย” พอมันพูดจบผมก้ออึ้งๆครับ แต่ก้อยังดื้ออยู่

    “แต่ แต่ว่า กุไม่เหนมันจะเครียดเลย นิสัยอย่างมันอ่ะนะจะมาสนใจเรื่องของกู แล้วทำไมตอนกุโทไปมันพูดจาหมาไม่แดกใส่กูวะ”

ผมยังยืนยันว่า กุถูกๆ มันผิดอยู่

    “เฮ้ออ ไอ้บ้า มัวแต่คิดเล็กคิดน้อย ถ้าคนมันกำลังอารมณ์ไม่ดี มันคงจะรับโทรศัพท์แกพร้อมร้องเพลง เอบีซี ไปด้วยมั๊งมึง”

     อ่ะนะ ผมก้ออดขำไปกับที่มันพูดไม่ได้ แต่ก้อจริงของมันนะ เปนผมผมก้อคงทำน้ำเสียงไม่ดีอยู่และมั๊ง

    “แล้วแกจะให้เราทำไงอ่ะ ให้โทไปหามันอีกรึไง ทำไมแม่งไม่เปนฝ่ายโทมาหากุมั่งล่ะวะ” ผมเริ่มน้อยใจ

    “นี่ไอ้ต้น เราจะบอกว่า เวลาคนเราต้องการที่จะคืนดีกับใครสักคนอ่ะนะ บางครั้ง เราก้อเปนฝ่ายที่ต้องยอมอ่อนลงบ้าง

    เรารู้ว่านิสัยแกมันตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ่อนให้ใครง่ายๆ แต่ถ้าแกไม่อ่อนลง แล้วยังมาเครียดแบบนี้ ก้อไม่ต้องแคร์มันไปเลยดิ่

    ทำได้ป่ะละ ไม่ต้องแคร์มันเลยน่ะ ไม่ต้องคิดไม่ต้องสนใจ เพราะแกไม่ผิด ทำได้มั๊ย” อึ้งเลยครับ
    .........................
    “ฮัลโหล ทำไรอยู่ป่าว”

    “เปล่า นั่งดูทีวีอยู่”

    “อืม กินไรยังอ่ะ”

    “กินแล้ว มึงอ่ะ แล้วถึงบ้านนานยัง”

    “กินแล้วว่ะ เพิ่งถึงได้สักพักเนี่ย”

    “อืม ดีแล้ว”

    “…เบียร์ กูขอโทษนะวันนี้อ่ะ”

    “อืม ไม่เป็นไร” (หาาา! แค่เนี๊ยยนะ?)

    “อ่ะอืม”

    “...”
    “กู กูไม่รู้อ่ะว่ามึงไม่ได้แดกข้าวมาด้วย กูไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่ามึงนะเว้ย”

    “อืม ไม่เปนไร ช่างมันเหอะ ไอ้บาสบอกเหรอ”

    “อืม โทดทีว่ะ”

    “บอกแล้วไง ว่าไม่เปนไร เชียนี่ ขอโทษอยู่ได้”

    “เออๆ สาด อุส่าขอโทษยังทำเล่นตัว”

    “เออ มีไรป่ะละ มึงผิดนิ กูไม่ผิด”

    “เออๆๆๆ กวนตีนนะมึงเนี่ย เด๋วพัดด่า”

    “5555”

    “อ่ะนะ สัดนี่ ขำซะงั้นอ่ะ มึงจะไปดูทีวีต่อมั๊ยกูจะได้ไม่กวน”

    “เออ งั้นกูไปก่อนนะ บาย” (เฮ้ย แค่นี้เนี่ยนะ ไรวะแม่งไม่มีเยื่อไย)

    “เออๆ บาย”
    ..........................

    “ฮัลโหลครับ?”

    “เออ ทำไรอยู่”

    “นอนฟังเพลงอ่านการ์ตูนกินขนมว่ะ”

    “โหไอ้ขี้เกียจ เด๋วก้ออ้วนหรอกมึง”

    “อ้าว ไหนบอกกุผอมไง ที่งี้มาห่วงว่ากุจะอ้วน”

    “เปล๊า ใครเขาห่วงมึง ไอ้ตูด”

    “อ้าวไอ้เชี่ย ตูดมึงอ่ะดิ่หล่อได้ขนาดนี้”

    “ถุยไอ้หน้าตูด มึงอ่ะมันก้อหล่อได้แค่ระดับตูดกุไง 5555”

    “อ้ายสัดนิ ถ้ามึงจะโทมาด่ากุนะ วางเลยดีกว่าป่ะ แล้วนี่ดูทีวีจบแล้วเรอะ ไม่คิดว่าจะโทมาหากูนะเนี่ย สงสัยคืนนี้ฝนจะตก”

    “เออ จบแล้ว ไม่มีไรทำว่ะเลยโทหามึง โทกลับหน่อยดิ่ กุไม่อยากใช้ pct โทเข้ามือถือ เปลือง”

    “เออๆ เด๋วกุโทกลับ รอแปบนึง”
    ............................

    ในที่สุดครับ ในที่สุดผมกะมันก้อคุยกันปกติ ดีใจชิบหายยยย เดินลงบันไดมาหน้าอย่างยิ้ม จนแม่ถาม “แฟนโทมารึไง ยิ้มอยู่ได้”

หุหุ ตอนนั้นรู้สึกดีกว่าแฟนจริงๆโทมาซะอีกด้วยซ้ำ...

    “ฮัลโหล เออว่าไง”

    “อืม โทกลับเร็วดีนี่หว่า”

    “อ้าว กูก้อแค่เดินลงมาแล้วกดเบอ ทำไมจะช้าวะ”

    “เปล่า ก้อนึกว่าไม่ค่อยอยากโท”

    “ไอ้บ้า คิดไรของมึงวะ”

    “เออ กูตั้งใจจะบอกขอโทษมึงเมื่อเย็นนี้ว่ะ”

    “เรื่องไรวะ กุลืม” คือตอนนั้น ลืมจริงๆนะครับ จำห่าไรไม่ได้แล้ว

    “เออ ที่กูพูดไม่ค่อยดีกับมึงอ่ะ คือ... กูเพิ่งทะเลาะกะแม่เรื่องหมาว่ะ กูเลยเซ็งๆ มึงก้อเปนแพะรับบาปให้กูไป”

    “อ่อ เออ ไม่เปนไรหรอก ช่างมันเหอะ”

    “อืม แค่นี้แหละ”

    “เฮ้ยไอ้บ้า แค่นี้จิงดิ่ ให้กูโทมาแค่นี้เนี่ยนะ!?”

    “อืม”

    “โหนะมึงนี่ กวนส้นตีน…”

    .................................................................................................. แล้วก้อคุยกันยาวอีก 2 ชม. ถึงได้แยกย้ายกันวาง (^_^)

    หลังจากนั้น ชีวิตผมกับมันก้อเป็นปกติครับ มีทะเลาะกันบ้างนิดหน่อย แต่ผมก้อยังนึกถึงที่คุยกับต่ายเอาไว้เสมอ ที่เราต้องยอมเปนฝ่ายขอโทษบ้าง

ทำให้ไม่ค่อยทะเลาะกันได้นาน ซึ่งก้อดีแล้ว

    แต่มีอย่างนึงที่ผมเห็นทีไรก้อขัดใจทุกที คือเรื่องของไอ้ชัยครับ ไม่รู้เปนเหี้ยไร หงุดหงิดทุกครั้ง ที่เหนมันอยู่ใกล้ๆไอ้เบียร์

เวลาคุยแม่งก้อชอบทำเหมือนมันสนิท ซี้ กะไอ้เบียร์ซะเหลือเกิน รู้ดีไปซะทุกอย่าง สาดนี่ (เคือง)

     แต่จริงๆแล้วผมก้อรู้นะว่า มันไม่จำเป็นสักหน่อยที่ไอ้เบียร์มันต้องมีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว ผมเอง ยังสนิทกะไอ้บาสเลยนี่หว่า

(แต่ไม่ได้โทหามันทุกคืนนะ ทำไม่ลง - -")...

     แต่ไม่รู้เปนเหี้ยไร เหนหน้าไอ้เชี่ยชัยแล้ว ขัดใจทุกที กุหึงเหรอเนี่ย บ้าแล้ววววว ไม่ใช่อ่ะ ไม่ใช่แน่ๆ แต่ทำไมกันวะ...

     ตอนนี้แหละครับ ที่ผมเริ่มจะสับสนตัวเอง เวลาที่ไอ้เบียร์มันมาอยู่ใกล้ๆ เวลาที่ได้กอดมัน หรือเวลาที่มันมานั่งตักผม ผมจะมีความสุขมากๆ

     แต่ถ้ากับเพื่อนคนอื่น ก้อแค่กอดเฉยๆแค่นั้นเอง แต่ยังคิดอยู่ว่า เปนเพราะเราสนิทกับมันแค่นั้น พยายามไม่คิดเปนอย่างอื่นครับ ยังไม่อยากเบี่ยงเบนตัวเอง

    เรื่องร่างชัยของไอ้เบียร์ก้อดีครับ นานๆทีก้อไปหาหมอที แต่รวมๆแล้วก้อแข็งแรงดี ไม่มีปัญหา นานๆทีผมก้อไปหามันที่บ้านมั่ง

ไปกับเพื่อนๆนั่นแหละครับ บางครั้งก้อไปกะมันสองคน

    แต่ส่วนมากแล้วเนี่ยไอ้เชี่ยชัยแม่งก้อไปด้วย แล้วแม่งไปบ่อยกว่าผมอีก บางครั้งโทหาไอ้เบียร์ แม่งเสือกรับสายซะงั้น ผมงี้โคตรโมโหเลย

 คือกุไม่ได้จะโทหาเมิงงายยย สาดดดดดด... ทุกอย่างก้อดูปกติดี

   แต่จะมีอยู่แค่อย่างนึงก้อคือ เรื่องที่ไอ้เบียร์มันป่วย ตอนนี้เริ่มรู้กันบ้างแล้วในหมู่พวกผู้ชาย แต่ไม่เยอะหรอก มีไม่กี่คนที่รู้ (กุเดาว่าไอ้ชัยปากสว่าง)

   แต่ไม่มีใครพูดเท่านั้นเอง ซึ่งตัวมันเองก้อรู้นะครับ ว่าเพื่อนรู้แล้ว มันก้อไม่ได้ว่าอะไร จนมาถึงช่วงสอบไฟนอลของเทอม 1

เรื่องราวของเราก้อพลิกผันไป............

.........................

beta

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากเลยครับ มาต่อไวๆนะครับ อยากอ่านต่อครับ

forsaken

  • บุคคลทั่วไป
กะลังสะหนุกเลยคร๊าบ อยากให้เปงแฟนกานเร็ว ๆ จาง ชิร์....

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:ค้างอย่างแรง  เอิ๊กๆ มาต่อด่วน :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 7

    ใกล้จะสอบแล้วครับ จะหมดเทอม 1 แล้ว ตอนนี้ผมก้อรับภาระหนักเลย นอกจากจะต้องอ่านของตัวเองแล้ว ยังต้องรับภาระดูและเพื่อนๆอีก 5 คน

    เพราะคะแนนของพวกแม่งตอนมิดเทอมนี่เน่ามาก รวมถึงไอ้เบียร์ด้วยครับ

    แต่มันนี่พิเศษหน่อยตรงที่แม่มันฝากกับผมมาโดยตรงเลย ว่าให้ไปติวให้มันที่บ้านหน่อย

    ผมก้อไปบ้านมันแทบทุกเย็นเลยครับ กลับก้อดึก โคตรรรรเหนื่อยเลยช่วงนั้น

    เพราะพ่อแม่ผมเค้าไม่ให้ผมค้างบ้านเพื่อนครับ เค้าบอกว่า  “ถ้าอยากไปค้างบ้านเพื่อน แถมยังต้องเป็นคนติว ก้อให้เค้ามาบ้านเราซะสิ”

    ผมก้อแบบ... ใครมันจะมาว้า สาดดด ไกลชิบหาย แต่แล้วผมก้อนึกถึงคำที่ไอ้เบียร์เคยพูดไว้ครับ

    ว่า สักวันมันจะมาบ้านผม ได้การแล้วผมก้อทวงสัญญาทันที

    ......................................

    “เฮ้ย พรุ่งนี้วันเสาร์ ไปอ่านหนังสือบ้านกูกันมั๊ย” ผมพูดขั้นมากลางวงไพ่ (ในห้องเรียน)

    “มึงพูดจริงพูดเล่นวะไอ้ต้น ไกลชิบหาย จะไปกันจริงอ่ะ” ไอ้แบงค์พูดขึ้นมา

    “แต่กูก้ออยากไปนะเว้ย กูอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่บ้านนอก 5555” ไอ้บาสมันแซว

    “เออ บ้านนอกอากาศดี ติวหนังสือรู้เรื่องนะเว้ยย” ผมเสริม

    “เอาจริงเหรอวะต้น แล้วพวกกุต้องออกจากที่นี่กี่โมงวะกว่าจะไปถึงบ้านมึงกันอ่ะ” ไอ้เบียร์ที่นั่งอยู่บนตักผม หันหัวมาพูด

    “ก้อกี่โมงก้อได้ว่ะ แล้วแต่พวกมึง เพราะแม่กูให้พวกมึงค้างได้ ถ้าอยากอ่ะนะ”

    “เฮ้ย จริงดิ่” ทั้งวงพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน

    “เออ แต่ใครจะไปได้มั่งวะเนี่ย กุจะได้บอกแม่กุก่อน แล้วกุจะได้ติวให้มึงทั้งเลขทั้งอิ๊งเลย”

    ....................................

    สรุปคือ คนที่ไปก้อมี ไอ้บาส ไอ้แบงค์ ไอ้ป๋อม ไอ้นุก แล้วก้อ ไอ้ต่อครับ ทั้งหมด 5 คน (ยังดีไม่มีไอ้ชัย)...

    ใช่แล้วไอ้เบียร์มันบอกมันไม่ไปครับ เพราะว่าไกล

    “แล้วคนที่จะค้างอ่ะ มึงค้างกันหมดเลยป่าว” ผมถามก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทหาแม่

    “ไม่รู้ว่ะ กุดูก่อน” ไอ้บาสบอก “กูอาจต้องมาเฝ้าร้าน” บ้านมันเป็นร้านคอมครับ มันก้อต้องเฝ้าร้านอยู่บ่อยๆ

    แล้วเราก้อหารือกัน ว่าจะเอายังไง โดยที่มีไอ้เบียร์นั่งอยู่บยตักผมคอยป่วนวงครับ แม่งไม่ไปแล้วยังกวนตีนชาวบ้าน

    “ไอ้เบียร์ แล้วมึงจะอ่านเองเหรอวะ จะสอบแล้วนะเว้ย” ผมถามมัน

    “ไม่เปนไรหรอกน่า กุเก่ง... ไว้ให้มึงติวทางโทรศัพท์ไง” มันยิ้ม

    “ส้นตีนแน่ะ ไอ้พวกนี้ก้ออยู่ที่บ้านกุ แล้วจะไปติวให้มึงยังไงวะ ไอ้บ้า”

    “เออๆ ช่างมันๆเหอะ ไว้ค่อยคิด” แล้วมันก้อลุกมายืนอยู่ข้างหลังผมแทน สักพักนึงมันก้ออกไปจะไปห้องน้ำ ผมก้อเลยลุกตามไปด้วย

    “ไหนบอกเปนคนไม่ชอบผิดสัญญาไงวะ” ผมถามมัน

    “เออดิ่ ไม่ผิดแหงอ่ะ ถ้าไม่ลืมอ่ะนะ”

    “เออ แล้วที่บอกว่าจะมาบ้านกูไง ลืมแล้วรึไง”

    “อ่ะ เออ ยังหรอก แต่กุไม่ได้บอกว่าเมือ่ไหร่นี่หว่า” แม่งยังทำมาเล่นลิ้นกับกุอีกนะ

    “เหรอ อืม ช่างมันเหอะงั้น” แล้วผมก้อเดินออกจากห้องน้ำไป แล้วกลับไปเล่นไพ่ต่อ จนเลิกเรียน

     คืนนั้นผมก้อไม่ได้โทหามันครับ เพราะมัวแต่คุยกับพวกเพื่อนๆว่าจะเอายังไงวันพรุ่งนี้ดี

    ตอนเช้า ผมนัดพวกมันที่ รร ตอน 9โมงครับ แม่งกว่าจะมาครบล่อไป 9 ครึ่ง พอครบแล้วผมก้อบอก

    “ไปเหอะป่ะ เช้าๆรถไม่ติด”

    “เดี๋ยวๆ ยังมาไม่ครบๆ” ไอ้นุแย้ง

    “อะไรวะ ก้อครบแล้วไง 5 ตัวกะอีก 1 คน ไปได้แล้วไอ้บ้า” ผมด่ามัน

    “เออ พวกกุ 5 คน กะมึงอีก 1 ตัวอ่ะดิ่ ไอ้เชี่ยต้น กุหมายความว่ารอไอ้เบียร์มันก่อน มันโทมาเมื่อกี๊บอกจะถึงแล้ว”

    “อ้าววว” ผมพูดได้แค่นั้น ก้อเหนมันเดินตรงมาพอดี วันนี้แม่งโคตรหล่อเลยยยยยย

     เสื้อยืดสีขาว (สีที่ผมชอบ) ทับด้วยเชิ๊ตสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์ (ที่ไม่ค่อยเห็นมันใส่) ผมเกรียนๆ เดินหน้าเข้มมาแต่ไกล

    “อ้าว ตกลงไปด้วยเรอะ” ผมถามมัน

    “อืม ไปด้วยได้ป่ะละ ไม่ได้กุกลับก้อได้” แม่งทำงอน

    “อืม กลับไปดิ่ อยากกลับก้อ” ผมย้อน

    “โอ๊ยยย มึง 2 ตัวนี่เปนไรกันวะ กัดกันอยู่ได้ ไปๆๆ รีบไปเร็ว กูหิว จะไปแดกข้าวบ้านมึง ไอ้ต้น”

    ผมกับไอ้เบียร์ก้อมองหน้ากันแล้วก้อยิ้มๆให้กัน รู้กันแล้วครับว่าพูดเล่นๆกันไม่ได้จริงจัง

    (รู้สึกดีอีกครั้ง ที่ไม่มีไอ้เชี่ยชัย กลัวอยู่ว่าถ้าไอ้บียร์ไปแม่งจะหน้าด้านตามมาด้วยอ่ะเด่ะ)

    กว่าจะถึงบ้านผม มันบ่นกันอุบเลยล่ะครับ เพราะต้องนั่งรถถึง 3 ต่อ (รวมเข้าซอยด้วยนะ)

    มาถึงบ้านประมาณ 11 โมง ข้าวเที่ยงพอดี... วันนี้พ่อกับแม่ผมไปดูบ้านที่ต่างจังหวัดกัน ทิ้งตังแล้วก้อของกินไว้ให้พวกผมเพียบ

    แต่ข้อแม้คือ ถ้าเขากลับมาบ้านไม่เรียบร้อย ผมโดนชุดใหญ่แน่

    “นี่บ้านมึงเหรอวะ ไอ้ต้น ยังกะสวนสัตว์แน่ะ” ไอ้ต่อทัก

    “เออ ก้องี้แหละ ทำไมวะ กลัวรึไง” บ้านผมมีนก ประมาณ ร้อยกว่าตัวครับ หลากหลายพันธุ์ ทั้งหงหยก กระตั้ว นกเขา ขุนทอง เอี้ยง เลิฟเบิร์ด และอีกสารพัด

    นอกจากนี้ก้อมี บ่อปลาบ่อใหญ่ (และบ่อเล็กๆอีกหลายบ่อ) ดัลเมเชี่ยน 1 ตัว แมว 3 ตัว งู 3 ตัว แมงป่อง 1 กระต่าย 2 แล้วก้อหนู แฮมสเบียร์อร์ อีก 12 ตัว

    แถมบ้านผมยังอยู่แถบชานเมือง ยิ่งได้บรรยากาศแบบซาฟารีเข้าไปใหญ่

    “เปล่า ไอ้บ้า” ไอ้ต่อตอบ “แต่มึงอย่าปล่อยงูนะ สัด”

    อันนี้เพื่อนผมทุกคนเหนพ้องครับ ว่าอย่าปล่อยงูออกมาเด็ดๆ แม่งโคตรกลัวงูกันเลย

    ( ไอ้หลามตัวเท่าขาตัวนึง แล้วก้อพันธุ์อะไรอีกไม่รู้ของน้องสาวอีกสองตัว)

    “บ้านมึงฝุ่นเยอะว่ะ ต้น” ไอ้เบียร์บ่นให้ผมฟังระหว่างที่คนอื่นไปหาของแดก “กุไม่ได้ว่านะเว้ย คงเพราะสัตว์มึงเยอะแหละ แต่ว่ากุมัน... เอ่อ มึงก้อรู้...”

    ครับ ผมก้อลืมนึกไปว่า มันป่วยอยู่ แม่มันไม่ให้มันโดนพวกฝุ่น แดด อะไรพวกนี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้ต่อมห่าเหวอะไรของมันทำงานผิดปกติไปด้วย

    “เออว่ะ กุลืม ขอโทษที เอางี้มึงไปรอบนห้องกุก้อได้ เปิดแอร์ซะ คงดีขึ้น เนี่ยขึ้นชั้น 2 ไป ห้องตรงหน้ามึงเลย เด๋วเอาของกินไปให้”

     แล้วมันก้อว่าง่ายครับ ขึ้นไปรอดีๆ

    “เฮ้ย พวกมึงว่าบ้านกุฝุ่นเยอะป่าววะ” ผมเข้ามาในครัวถามพวกมัน

    “ไม่นะ เฉยๆว่ะ ทำไมอ่ะ” ไอ้นุกตอบ

    “เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก” แล้วผมก้อหยิบของกินมาส่วนนึงจะไปให้ไอ้เบียร์ “พวกมึงเส็ดแล้ว ตามไปห้องกุนะ ชั้นสองห้องแรกที่มึงเหน”

    พอเปิดประตูไป ก้อเจอไอ้เบียร์กำลัง นอน อยู่บนเเตียงผมครับ

    “อ้าว ไอ้เหี้ยนี่ มาถึงก้อนอนเลยเรอะ”

    “อืมม ก้อลองดู ว่าคืนนี้ จะนอนสบายรึเปล่าไง” ผมตกใจกะคำพูดมันมากเลยครับ แบบว่า ว่าไงนะ มันจะนอนห้องกุเรอะ จิงดิ่ อำป่าววะ

     เพราะแม่มันไม่ค่อยให้ไปไหนหรอกครับ ต้องดูแลมันเปนพิเศษหน่อย อันนี้ก้อแน่นอนอยู่แล้ว

    เปนแม่ผมคงไม่ให้ผมไปไหนมาไหนเด็ดขาดเหมือนกัน นี่ก้อเปนอีกเหตุผลนึงที่เพื่อนๆไปบ้านมันบ่อย เพราะมันออกจากบ้านไม่ค่อยได้ไงครับ

    “มึงพูดจริงพูดเล่น” ผมถามมัน มันก้อค่อยๆลุกแล้วคลานมานอนคว่ำอยู่ตรงปลายเตียงที่ผมยืนอยู่

    “อยากให้กุนอนป่าวล่ะ” มันพูดพร้อมยิ้ม ทำตาหวานไปด้วย โอ๊ยยยยย เอาแม่นี่ จะทำกุหวั่นไหวไปถึงไหนวะ สาดดด

    “เอ้าๆ ไอ้ต้นหลบดิ๊ เกะกะว่ะ มึงนิ” ไอ้แบงค์พูดพร้อมดันตัวผมเข้ามาในห้อง “โหห้องใหญ่เหมือนกันนี่หว่า”

    “ก้อแหงอ่ะ ไม่งั้นกุไม่ให้พวกมึงขึ้นมาบนนี้หรอกสาด ตัวยังกะ ควาย ควาย ควาย ควาย ควาย ขืนอยู่ข้างล่าง บ้านกุพังแน่”

     ผมพูดพร้อมมองหน้าพวกมันทีละคน เรียงตัว...

    จริงๆแล้วบ้านผมขั้นล่าง มันก้อไม่ได้แคบหรอกครับ เพียงแต่ว่า ของตกแต่งมันเยอะจนน่าอึดอัด แล้วทำให้บ้านดูเล็กลงไปด้วย

    เลยตัดสินใจว่าวันนี้คงอยู่บนห้องผมทั้งวัน (แล้วที่รักก้อโดนฝุ่นไม่ได้ด้วยนิ อิอิ”)

    “เฮ้ย แล้วพวกมึงนอนกันรึเปล่าคืนนี้” ผมถามพวกมัน โดยที่ไอ้เบียร์นอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียง

    “อืมม คงไม่ว่ะ พวกกุคุยกันแล้ว ตอนแรกว่าจะนอนนะยกเว้นไอ้บาสกับไอ้ป๋อม เสื้อผ้ากู 3 คนก้อเอามากัน

    แต่ไม่นอนดีกว่าว่ะ พวกกุอยากกลับไปแทงนุ๊กว่ะ 5555 บอกแม่ไว้แล้วด้วยว่ามานอนบ้านมึง จะได้แรดได้ทั้งคืน 555”

    “อ้ายเหี้ยยยยยยย จะสอบแล้วนะเมิงงง” ผมด่าพวกมัน แต่ก้อแค่นั้นแหละครับ ผมก้อรู้นิสัยพวกมันดี แค่มันยอมมาเรียนนี่ก้อดีถมไปแล้ว...

    เฮ้ย แล้วงั้นนี่ กุกะไอ้เบียร์ต้องนอนกันสองคนเหรอวะเนี่ย........

   *****************************************************

beta

  • บุคคลทั่วไป
ว๊าว.....จานอนด้วยกานแล้วง่า........อิอิอิ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
    :serius2:จบแบบนี้อีกแล้วอ่ะ เหอะๆ  ต่อด้วยน๊า :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 8

    วันนั้นทั้งวัน ผมก้อสอนเลขให้พวกมันครับ ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึง 6 โมงกว่าๆ พวกมันก้อกลับกันไป โดยที่ผมเรียกแท็กซี่ให้มันไปลงที่ รร

    ถ้าให้กลับกันเอง มันต้องหลงป่าตายอยู่แถวบ้านผมแน่ๆ 555 แต่ก่อนพวกมันกลับผมก้อทำสปาเก็ตตี้ให้พวกมันกินกันก่อนนะ สงสารมัน

   ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ความรู้ไปเท่าไหร่ คุ้มกับค่ารถรึเปล่าไม่รู้...

    พอส่งพวกมันเส็ดผมกับไอ้เบียร์ก้อเดินกำลังจะกลับเข้าบ้าน

    “กลับไปจะให้กุติวต่อเลยป่าว” ผมถามมัน

    “ขอกุเบรกแปบเหอะนะมึง ขอดูทีวีหน่อยดิ่”

    “อืมม ก้อได้ดิ่ กุก้อไม่ได้ว่าไรสักหน่อย กุอ่ะเหนื่อยกว่าพวกมึงอีกนะ สาดด” ก้อจริงๆนะครับ สอนหนังสือเนี่ย มันเหนื่อยกว่าเรียนอีกนะเนี่ย ผมเพิ่งรู้ก้อวันนี้

    ยิ่งต้องสอนไอ้พวกลิงพวกนี้อีกด้วย โอ๊ยย สุดๆไปเลยล่ะครับ

    “งั้นมึงจะทำไรก้อไปทำเหอะนะ กุไปล้างจานที่พวกมันกินกันไว้ก่อน” ผมบอกมัน มันก้อเลยเดินไปนั่งหน้าทีวี กดรีโมท ท่าทางสบายใจสัดอ่ะ

    แม่งงง ไม่คิดจะช่วยกุเลยเหรอวะเนี่ยยยยยย

    “เบียร์ ทำไมอยู่ดีๆมึงถึงมาได้วะ” ผมตะโกนถามมันจากในครัว

    “กุก้อขอแม่ดิ่” แม่งตอบกวนส้นตีน

    “เออ กุรุว่ามึงต้องขอแม่ แต่ทำไมถึงให้ได้วะ”

    “ก้อ ตอนแรกก้อไม่ให้หรอก แต่กุ... เอ่อ กุแค่บอกเค้าว่า กุอยากทำคะแนนเทอมนี้ให้มันดีๆ ถ้าไม่ได้มึงช่วยกุต้องแย่แน่ๆ ประมาณเนี๊ย

    แล้วพี่กุก้อช่วยกุพูดด้วย กุเลยมาได้ว่ะ” มันตะโกนตอบผม

    “อืมม แล้วมึงไม่โทหาแม่มึงบ้างเหรอวะ เด๋วเค้าก้อเปนห่วงเอาหรอก”

    “เออ เค้าโทมาสามรอบแล้วไงวันเนี๊ย กุขี้เกียจโทว่ะ”

    “เฮ้ยไอ้บ้า โทไปดิ่ นิดๆหน่อยๆเอง เค้าจะได้ไม่ต้องเปนห่วงมึง ไอ้ที่เค้าโทมาหามึงเนี่ย ก้อเพราะเค้าเปนห่วงนะเว้ย ไม่งั้นเค้าก้อไม่โทหรอก มึงรู้ป่าว…

     เฮ้ยย ได้ยินกูป่าววะ ทำไรอยู่เมิงอ่ะ” มันเงียบไปครับ

    “รับทราบแล้วครับ” มันมากระซิบอยู่ข้างๆหูผมอีกแล้ว

    “เฮ้ยยยยยย!!!! ไอ้เหี้ยนี่ เล่นอะไรพิเรนทร์ๆนะมึง!!” ผมสะดุ้งสุดตัวเลยครับ ทำเอาน้ำสาดกระจายไปทั่ว

    “เฮ้ยๆ กุขอโทษๆ ไม่นึกว่ามึงจะตกใจขนาดนี้” มันขอโทษขอโพยผม ทั้งๆที่ตัวมันน่ะเปียกไปหมดแล้ว

    “เออๆ ช่างมันเหอะ พื้นน่ะมึงไปเอาไม้ถูพื้นตรงนั้นมาเช็ดเดี๋ยวนี้เลย ถูเปนป่าววะไอ้คุณชาย” มันเปนคุณชายครับ ชีวิตไม่เคยลำบาก มีคนรับใช้ทำให้ตลอด

    “เปนดิ่ ไอ้นี่ กวนตีนกู” มันตอบพร้อมเดินไปหยิบไม้มาถู

    “มึงนะ เล่นบ้าๆไอ้เบียร์ บ้านกูยิ่งไม่ค่อยธรรมดาอยู่” ผมพูดพร้อมกับหันหน้ามามองมันครับ เพราะล้างจานเส็ดแล้ว

    “พูดไรของมึงวะ ไม่ขำนะเว้ย” มันกลัวผีมากกกกครับ ไอ้บ้านี่

    “อ้าว กุพูดจริงๆ จะอำมึงทำเพื่อ ก้อที่กุเคยเล่าไงว่ากุเลี้ยง รักยม เอาไว้อ่ะ แล้ว...”

    “พอแล้วไอ้ต้น มึงหยุดเด๋วนี้เลย!!” มันพูดพร้อมทำท่าจะเอาไม้ถูพื้นฟาดผมครับ มันดูกลัวจริงๆนะเนี่ย

    “เออๆ กุไม่เล่าก้อได้” ผมนึกขำครับ เพราะผมเปนคนไม่กลัวผี เวลาเหนสีหน้าคนที่กลัวผีนี่ บางทีมันก้อตลกดี โดนเฉพาะมัน ที่ชอบทำตัวกวนส้นตีน

     แถบหุ่นแบบมันก้อไม่น่าจะกลัวผีเลยจริงๆให้ตาย

    “แม่ง ทั้งหุ่นทั้งหน้าตาก้อออกจะแมน แต่เสือกกัวผีอย่างนี้ หญิงไหนจะเอามาว้า” ผมแหย่มัน

    “กุก้อหาคนที่ไม่กลัวดิว่ะ จะได้ช่วยๆกัน”

    “55555 ช่วยๆมึงอ่ะดิ่ ไม่ใช่ช่วยๆกัน”

    “เออๆๆ กุอยากอาบน้ำแล้วว่ะ เปียกอ่ะ”

    “ไปดิ่ ไปอาบน้ำในห้องน้ำที่ห้องกูนะ เด๋วกุขอเก็บตรงนี้แปบ”

    มันยืนนิ่งครับ... “ไม่เอาอ่ะ”

    “อารายของเมิงงง เปนไรวะ ไปอาบซะดิ่ไอ้บ้า... อ่อๆๆ มึงกลัวผีอ่ะดิ่ 55555 ไอ้ป๊อด!”

    “เออ กุกัว สาดให้กุทำไงอ่ะ แม่ง รู้งี้กลับกะพวกไอ้แบงค์ก้อดีอ่ะ”

    “5555 เสียใจว่ะ มึงไม่สามารถแล้วว่ะ 555 เอางี้ มึงอาบห้องน้ำข้างล่างนี่ก้อได้ กุก้อเก็บของอยู่ตรงนี้ มีไรจะได้เรียกกูได้ โอเคป่ะ”

    “ไม่เอาอ่ะ รอมึงเก็บเส็ดก่อน”

    “5555 เออๆ ตามใจมึง รอกุก่อนและกัน” จากนั้นผมก้อหันไปเก็บพวกจานชาม แล้วก้อขนมที่มันกินไว้เข้าที่ และกำลังจะเอาขยะไปทิ้งมันก้อทักผมมาว่า

    “มึงไปไหนอ่ะ”

    “เอาขยะไปทิ้งหน้าบ้าน”

    “กุไปด้วยๆๆๆ” มันรีบวิ่งตามผมมา พอเส็ด มันกำลังจะเดินเข้าบ้าน

    “ไอ้เบียร์” ผมดึงแขนมันไว้ “มึงแหงนหน้าดิ่” ผมชวนมันดูดาวครับ ถึงจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สำหรับคนในกรุงเทพ จะมีสักกี่คนกันที่ มีโอกาศแบบนี้

    “เออ สวยดีว่ะ บ้านมึงมีดาวด้วย... ไอ้บ้านนอกกก 5555”

    “เออๆ ระวังอย่าเผลอนะมึง กุจะจับมึงปล่อยให้หลงอยู่ที่บ้านนอกเนี่ยแหละ”

    พอกลับเข้ามาในบ้าน ผมก้อพามันไปอาบน้ำครับ โดยที่ผมให้มันอาบก่อน แล้วผมนั่งรอมันที่ห้องข้างหน้าห้องน้ำ

    มีข้อแม้คือ ต้องคุยกับมันตลอด ห้ามเงียบเด็ดขาด

    “เออ ก้อได้ มึงก้อรีบๆอาบและกัน”

    “เออ อาบอ่ะกุจะรีบ แต่กุปวดขี้ว่ะ ขอขี้ก่อน”

    “ไอ้เหี้ยย นี่กุต้องมานั่งคุยกะคนที่กำลังนั่งขี้เหรอวะ แค่นึกก้อเหี้ยแล้วมึง” ผมด่ามัน

    “มึงก้อไม่ต้องนึกดิ่ ไอ้เชี่ยนี่”

    และสุดท้าย ผมก้อคุยกับมันไปเรื่อยครับ เรื่องนู้นเรื่องนี้ จนมันขี้เส็ดมันก้อตะโกนออกมา

    “ขี้เส็ดและ จะอาบน้ำและนะค้าบบ”

    “เออออ กุรู้ตั้งกะได้ยินเสียงชักโครกแล้ว อาบเร็วๆเข้า กุหนาวแล้ว”

    “เออๆ คุยไปนะเว้ย ห้ามเงียบ เงียบเปนเรื่องแน่มึง” แน่ะ ยังมาทำปากดีกะกุอีกนะ

    ผมเลยกะแกล้วมันสักหน่อยด้วยการเล่าเรื่องผีให้มันฟัง มันก้อโวยวายใหญ่ให้ผมหยุดเล่าๆ แต่ใครจะหยุดล่ะ ปากดีนักมึง ทำไรกุได้ล่ะมึง อยู่ในห้องน้ำนี่

    “ไอ้สัดต้น!!”   สิ้นเสียงมัน มันก้อเปิดประตูออกมาทันที ฟองยังอยู่บนตัวมันอยู่เลยครับ มันพันผ้าเช็ดตัวออกมา

      ผมเองก้อเพิ่งเห็นหุ่นมันแบบเต็มๆตาก้อวันนี้แหละ

    แม่งล่ำจริงๆด้วย ถึงจะไม่ได้มีกล้ามท้องแบบผม

    แต่กล้ามอกแม่งโคตรสวยเลย ยอมรับว่า หุ่นมันดีมากจริงๆ หัวนมชมพูมากก ยังไม่เคยโดนดูดแน่นอน

     มีไรขนตรงสะดือไล่ลงไปหายไปในผ้าขนหขูสีขาวของมัน

    ผมมัวแต่ตกใจมองมันเพลิน มันก้อกระชากความคิดผมกลับมา

    “ไปอาบกะกูเดี๋ยวนี้เลย”

    “หะ หา! มึงว่าไงนะ!?”

    “เออ เข้าไปกะกูเลยมึง ปากดีนัก อยู่ข้างนอกนี่เด๋วมึงก้อแกล้งกุอีก”

    “ไอ้บ้า ไม่เอาเว้ย เดี๋ยวฟ้าผ่าตายห่า แล้วไม่อายกูรึไง”

    “อายดิ่ สาด แต่กัวผีมากกว่า มึงไม่ต้องอาบพร้อมกูหรอก นั่งรอกูข้างในแหละ กูปิดม่านซะ ก้อพอแล้วนี่ ไปเร็วๆๆๆ กูหนาววว”

    แอร์มันเป่าตัวมันครับ หนังมันงี้ยังกะหนังไก่ต้ม เหนแล้วก้อสงสาร

    “เออๆ ก้อได้ งั้นเด๋วกูตามเข้าไป มึงเข้าไปรอกูก่อนก้อได้ ไม่ต้องล็อกประตูนะ ขอกุไปหยิบผ้าเช็ดตัวกุก่อน จะได้อาบต่อจากมึงเลย”

    แล้วมันก้อวิ่งฉิวเข้าห้องน้ำหายไปเลยครับ ส่วนผมงี้ใจเเต้นตุ๊มต่อมๆ บอกไม่ถูกเลย ทำไมกุต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย…

    พอผมเปิดประตูเข้าไป ก้อเหนมันกำลังอาบน้ำอยู่ครับ (เหนแบบผ่านม่านห้องน้ำนะ เปนเงาดำๆ)

    “ทำไรอยู่วะ ฟอกสบู่หรือสระผม ใกล้เส็ดยัง” ผมถามมัน (ยอมรับล่ะวะ ว่าถามแก้เขิน)

    “สระผม... ห้ามเปิดม่านแอบดูนะเว้ย พ่อเตะจริงๆด้วย”

    “เออๆ กุก้อไม่ได้ยากดูน้องเล็กของมึงหรอกน่า”

    “อย่ามาดูถูกกูเชียวนะมีง เคยได้ยินป่าว น้องเล็กยังร้ายอยู่อ่ะ 5555 มันสามารถกลายร่างเปนพี่ใหญ่ได้นะเว้ย”

    “เออๆ รีบๆอาบเร็วเข้า” โอ๊ยยย ผมนะโคตรเขินเลยครับ ไม่กล้ามองกระทั่งเงามันอ่ะ

    “...ต้น กูถามไรอย่างดิ่”

    “หืม ไรวะ”

    “อย่างกุเนี่ย จะมีคนมารักกุจริงบ้างไหมวะ” มันถามผมเสียงเครียดเชียวครับ

    เพราะว่าผู้หญิงแต่ละคนที่เข้ามาหามันก้อมีแต่เพราะหน้าตาและฐานะของมันเท่านั้นแหละครับ ไอ้คนที่มันไปชอบเขา เขาก้อไม่ได้ชอบมัน

    “ไอ้บ้า คิดมากน่า มีอยู่แล้วล่ะ”

    “แล้วทำไม นัทเขาถึงไม่สนใจกูเลยวะ เขาเหมือนไม่แคร์กูเลยนะเว้ย”

    “ของแบบนี้ มันต้องใช้เวลาว่ะกูว่า แต่อันดับแรกนะ มึงต้องถอดเกราะที่มึงมีอยู่ออกไปก่อนนะเว้ย

    เปนตัวตนจริงๆของมึงอย่างที่มึงเปน เปนอย่างที่มึงเปนกับกูเนี่ย กูว่าเค้าต้องมองมึงบ้างแหละ”

    “แล้วคนอย่างกู ถ้าเปนตัวจริงของกูแล้วเนี่ย มันมีอะไรดีวะ” มันยังเครียดไม่เลิก

    “อย่าพูดแบบนั้นดิ่วะ งั้นถ้ากูถามบ้างล่ะว่า กูมันมีอะไรดี กูก้อไม่เหนข้อดีของกูเองเหมือนกันนั่นแหละ...”

    ผมยังไม่ทันจะพูดต่อมันก้อพูดขึ้นมาว่า

    “มึงก้อเปนคนน่ารักไง ถ้ากูเปนคนที่มึงชอบนะ กูคงดีใจตายเลยว่ะ...” ...เฮ้ย! อะไรนะ ผมไม่เชื่อหูตัวเอง

    “คือ คือกูหมายถึง ถ้ากูเปนผู้หญิงอ่ะนะ แบบว่า มึงเปนคนอ่อนโยนดี เข้าอกเข้าใจคนอื่นไง ถ้ามึงไปชอบใครหรือจีบใครนะ
 
    กูว่าเขาต้องชอบมึงเหมือนกันแน่ๆ”

    มันรีบพูดต่อจากประโยคแรก แต่ช้าไปแล้วครับ ผมได้ยินแค่ประโยคแรกไปแล้ว

    “ถ้ากูชอบมึง มึงจะชอบกูกลับเหรอวะ” ผมถามมัน ตาก้อจ้องไปที่เงาของมัน

    “ไอ้บ้า พูดไรของมึงวะ เดี๋ยวได้ฟ้าผ่าตายอ่ะ ยิ่งอยู่ห้องน้ำเดียวกันด้วย”

    เออ ก้อจริงของมัน กุจะคิดอะไรของกุวะเนี่ยเลอะเทอะใหญ่แล้ว ไอ้ต้นเอ๊ยยยย

    “แต่กุไม่เหนว่าพลอยเขาจะชอบกุเลยว่ะ” ผมบอกมัน

    “มึงพูดเองนี่ ว่าต้องใช้เวลาน่ะ” มันพูดเส็ดพร้อมกับรูดม่านออกมา มันอาบเส็ดแล้วล่ะครับ

    “ไง จะให้กุรอด้วยป่าว”

    “ไม่ต้องอ่ะ มึงไปแต่งตัวดูทีวีข้างนอกเหอะไป ดูทีวีไปด้วย จะได้ไม่ประสาทแดก แล้วโทหาแม่มึงซะด้วยนะ”

    “เออๆ รู้แล้วน่า เปนแม่กุซะเลยมั๊ยล่ะ ห่วงจัง”

    “ไปเลย มึงรีบไปเลย กุจะอาบน้ำแล้ว” ผมไล่มันครับ มันก้อเดินออกไปดีๆ

    แต่ระหว่างที่ผมอาบน้ำอยู่ ก้อคิดถึงแต่คำพูดของมัน การกระทำของมันที่ผ่านมาทั้งหมด แล้วก้อคิดถึงใจตัวเอง ว่า “จริงๆแล้วกูชอบใครกันแน่วะ”

    กุหวั่นไหวไปจริงๆจังๆซะแล้วเว้ยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!

    ......................................................................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด