Chapter 24: คนคิดมาก
ทินกรไม่อยากเป็นคนคิดมาก
ทินกรไม่อยากเป็นคนที่เก็บเอารายละเอียดเล็กน้อยในความสัมพันธ์มาใส่ใจแล้วทำให้ภรัณยูต้องพลอยเป็นกังวลไปกับเขา เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและไม่มั่นคง
แต่เขาเป็นคนคิดมาก เขาเป็นคนคิดมากและจะคิดมากต่อไปจนกว่าจะรู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นเป็นความจริงหรือไม่
‘ผู้ใหญ่น่ะ เขาผ่านใครมาไม่รู้ตั้งกี่คน จะให้เด็กๆอินโนเซนต์อย่างมึงตามเขาทันคงยาก’
เขาพยายามที่จะไม่เก็บคำพูดของเพื่อนมาใส่ใจ แต่คำพูดของวศินเป็นเพื่อนสิ่งเดียวที่เล่นวนไปมาในหัวของเขาเหมือนเทปเสียงตกร่อง และมันกำลังจะทำให้เขากลายเป็นบ้า
“ซัน เป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมหน้าเครียดแบบนั้น?” ภรัณยูที่เพิ่งเสร็จจากการชำระร่างกายทรุดตัวลงข้างคนรักบนเตียง ใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมที่เพิ่งสระเสร็จ ทินกรหันไปหาชายหนุ่ม ทว่าเขากลับไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกไป “ซัน?”
“ผม…แค่คิดถึงพี่ภัทรน่ะครับ”
ทินกรตอบด้วยมั่นใจว่าคนขี้อายจะไม่ซักไซร้อะไรไปมากกว่านั้นแล้วช่วยเช็ดผมให้กับคนอายุมากว่าเพื่อเลี่ยงบทสนทนา นึกโมโหตัวเองที่ทำให้ภรัณยูไม่สบายใจ
เด็กหนุ่มดึงผ้าขนหนูออกจากศีรษะของภรัณยูอย่างเบามือ ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดคลึงขมับของคนรัก เรียกเสียงครางแผ่วเบาในลำคอของคนที่เอนศีรษะพิงอกเขาอย่างสบายใจได้เป็นอย่างดี
ภรัณยูจะรู้ไหมนะ...ว่าท่าทีผ่อนคลายของอีกฝ่ายเวลาอยู่ด้วยกันมีผลกับหัวใจของทินกรแค่ไหน
“ซัน…คือมัน...”
แต่ตอนนี้ เขาแน่ใจว่าภรัณยูตระหนักดีว่าตนมีผลกับร่างกายของเด็กหนุ่มแค่ไหน
“ขะ…ขอโทษครับพี่ภัทร”
ร่างสูงรีบขยับห่างจากคนรัก ใบหน้าคมแดงก่ำเมื่อเห็นว่าความต้องการของตนแสดงตัวเด่นชัดเป็นรูปธรรมเพียงแค่ได้อยู่ใกล้เรือนร่างหอมกรุ่น ภรัณยูก้มหน้างุด แต่ทินกรยังสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากอย่างเขินอายของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะปิดระยะห่างระหว่างพวกเขาด้วยริมฝีปาก ลิ้นร้อนตักตวงความหวานจากโพรงปากนุ่มหยุ่นอย่างโหยหา ทั้งที่เขาเจอกับภรัณยูแทบทุกวัน จูบชายหนุ่มแทบทุกคืน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังไม่เคยรู้สึกพอเสียที
“อือ…”
ดวงตาปรือปรอยที่หวานฉ่ำไปด้วยอารมณ์มักจะทำให้ทินกรเครื่องติดได้เสมอ ไม่สิ...คงต้องบอกว่าทุกอิริยาบถของอีกฝ่ายสามารถทำให้ทินกรเครื่องติดได้โดยไม่ต้องพยายาม
“พี่ภัทร...”
มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อนอนผ้าลื่นสีเลือดหมูออกทีละเม็ด แต่ก่อนภรัณยูมักจะใส่เสื้อยืดตัวเก่าย้วยกับกางเกงขาสั้นนอน บางครั้งเป็นเสื้อของชายหนุ่มเอง แต่บางครั้งอีกฝ่ายก็ขอยืมเสื้อของทินกรมาใส่ อันที่จริงแค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มคลั่ง ทว่าเมื่อภรัณยูเปลี่ยนมาใส่ชุดนอนผ้าลื่นตัวบางที่ขับผิวขาวๆของตนให้ดูผ่องยิ่งทำให้ทินกรนึกอยากฉีกกระชากชุดนอนของอีกฝ่ายออกทันทีที่ได้เห็น
และนั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
“ซัน…อ๊ะ...”
แม้ว่ากิจกรรมยามค่ำคืนของเขาจะเริ่มกลายเป็นกิจวัตรประจำวันเข้าไปทุกที ทินกรยังคงรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงครางหวานใต้ร่างของเขา ถึงแม้ภรัณยูจะไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขาด้วยคำพูด แต่แววตาเว้าวอนและร่างขาวเนียนที่ขยับสวนสะโพกสอบเป็นจังหวะนั้นแสดงอย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มต้องการอะไร
ทินกรขบกรามแน่น ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆพร้อมกับดึงจังหวะรักให้ช้าลงจนคนที่ใกล้ถึงฝั่งส่งเสียงประท้วงในลำคอ เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากลงบนผิวกายเนียนขาวใกล้กับบริเวณก้อนเนื้อที่เต้นรัวอยู่ในอกอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะครอบครองเม็ด
ทับทิมสีชมพู ภรัณยูสะดุ้งเมื่อเขี้ยวคมครูดกับส่วนปลายของยอดอกที่เริ่มบวมแดงจากแรงดูดดึง แต่ร่างกายที่สั่นระริกมากขึ้นด้วยแรงอารมณ์ทำให้ทินกรไม่คิดจะหยุดการกระทำของตน
“ซั…อือ…ทะ..ทำไม...”
ปกติแล้วเด็กหนุ่มมักจะรวดเร็ว รุนแรง และตักตวงสิ่งที่ต้องการอย่างหิวกระหายภายในเวลาอันสั้น แม้ว่าจะมีรอบต่ออีกหลายรอบ แต่ครั้งนี้ภรัณยูรู้สึกว่ามีบางอย่างต่างออกไป
ริมฝีปากร้อนจุมพิตไล่ลงมาตามหน้าท้องแบนราบ มือใหญ่วางลงบนเข่าเพื่อแยกเรียวขาขาวออกจากกัน ดวงตาสีควันบุหรี่ไม่ยอมละไปจากทิวทัศน์ตรงหน้าแม้เพียงวินาที
“พี่ภัทร...น่ารักจังครับ”
ภรัณยูดึงหมอนมาปิดหน้าด้วยความอับอาย แววตาของทินกรเหมือนกับแววตาที่เด็กหนุ่มใช้เวลาจดจ่ออยู่กับแบบฝึกหัด
“จะ…จะทำอะไรก็ทำสิ จ้องอยู่ได้...อ๊ะ...”
เขารู้ว่าตัวเองคิดผิดที่พูดออกไปแบบนั้นเมื่อก้อนเนื้อกลมกลึงถูกแยกออก ร่างโปร่งกระตุกเฮือกตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกถึงลิ้นร้อนแทรกเข้ามาภายในร่างของตน เขาได้ยินเสียงทินกรหัวเราะในลำคอ แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นส่งผลต่อเขามากกว่าเสียงทุ้มมาก
“ซัน…มะ…ไม่ไหวแล้ว...”
ขาเรียวสั่นระริก ภรัณยูรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกปลุกเร้าจนไม่มีพื้นที่เหลือให้สมองของเขาได้ทำงาน ทินกรเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไร้การควบคุม ทำได้เพียงโอนอ่อนตามทุกการชักจูงของร่างสูง
นาน..นานเกินไปแล้ว...
“อ๊ะ…”
ร่างโปร่งเกร็งขึ้นตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่สอดเข้ามาแทนลิ้นร้อน แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย ทินกรผละจากร่างของคนรัก ดวงตาสีควันบุหรี่เก็บภาพคนรักที่บิดเร่าอยู่ข้างใต้ ของเล่นที่เขาเป็นคนเลือกเองกับมือขยับภายในร่างโปร่งอย่างรู้งาน ช่างเป็นภาพที่น่าวาดเก็บไว้เป็นความทรงจำเสียจริง
“ซัน…ไม่...ไม่ไหว...เข้ามา....”
ภรัณยูกอดคอร่างสูงแน่น ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเมื่อถูกทินกรรั้งขึ้นมานั่งบนตักทั้งอย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรถึงได้ถูกอีกฝ่ายลงโทษด้วยวิธีนี้ แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทนมากไปกว่านี้ได้
กลายเป็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องคิด เพราะภาพรอบตัวเขาดับวูบไปตั้งแต่ครั้งแรกที่สะโพกสอบขยับบดเบียดเข้ามาในช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อมจนแทบทนไม่ไหว ภรัณยูขยับตัวอย่างเมื่อยขบหลังจากฉุดกระชากตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงสำเร็จ คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับสะโพกที่ลั่นกร๊อบเมื่อตนขยับเปลี่ยนท่าทาง จากความมืดที่ยังคงปกคลุมทั่วทั้งห้องภรัณยูเดาว่าตอนนี้คงยังอยู่ในช่วงกลางดึก ตัวต้นเหตุของความเจ็บระบมที่วางท่อนแขนแข็งแรงพาดเอวของเขาอยู่ก่อนหน้านี้ปรือตาขึ้นอย่างง่วงงุน ขยับซุกตัวเข้าใกล้เข้ามากขึ้น คว้าเอวอีกฝ่ายมากอดแน่นเมื่อรู้สึกว่าความอบอุ่นข้างกายหายไป
...และนั่นทำให้ร่างโปร่งตระหนักได้ว่าตัวเองควรไปหายามากินก่อนจะต้องลาป่วยในวันรุ่งขึ้น
“พี่...ไปหาอะไรกินหน่อยนะ...”
ภรัณยูนึกอยากตบหน้าผากตัวเองแรงๆกับข้ออ้างประหลาด แต่ทินกรเพียงแค่ส่งเสียงงึมงำบางอย่างในลำคอก่อนจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง ร่างโปร่งอมยิ้ม ก้มลงทาบริมฝีปากลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของคนรักก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงอย่างยากลำบาก
ทางเดินในคฤหาสน์ทรัพย์ดำรงนั้นสามารถทำให้คนธรรมดาเหนื่อยได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่ช่วงล่างบอบช้ำจนแทบต้องคลานลงมาตามบันไดอย่างภรัณยู แต่เขาก็สามารถพาตัวเองไปถึงห้องครัวได้โดยสวัสดิภาพ ชายหนุ่มตรงไปยังตู้ยาสามัญประจำบ้านแทบจะในทันที
“ชั้นบนสุด ทางขวา”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัดทำให้ภรัณยูสะดุ้งโหยง คนขวัญอ่อนหันขวับไปทางต้นเสียงอย่างตกใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหรือควรตื่นตระหนกมากกว่าเดิมที่เห็นธีรเชษฐ์ยืนกอดอกเอนพิงกรอบประตูมองเขาด้วยสายตาขบขัน ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มครึ่งรัสเซียมีเพียงกางเกงขายาวผ้าลื่นสีดำสนิทปกปิดร่างกายท่อนล่าง แผงอกแกร่งเปลือยเปล่ายังคงมมีหยดน้ำเกาะพราวเช่นเดียวกับเส้นผมสีรัตติกาลที่ลู่ลงมาปรกบางส่วนของใบหน้า ทำให้ร่างสูงดูเด็กกว่าความเป็นจริง...เรียกได้ว่าแทบจะดูเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกับเขา
และนั่นยิ่งตอกย้ำภรัณยูถึงความจริงที่ว่าเขาอายุใกล้กับธีรเชษฐ์มากกว่าทินกร
“จะจ้องนานกว่านี้ก็ไม่ได้ว่าหรอก...แต่ถ้าเจ้าซันมันไม่ยอมปล่อยเธอไปทำงานพรุ่งนี้ไปเคลียร์กับหมอกเองนะ”
ภรัณยูเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเผลอจ้องร่างสูงนานจนเกินควร ร่างโปร่งรีบเบือนหน้าหนีอย่างอับอาย แต่ก็อดสังเกตถึงรูปร่างราวรูปสลักของประธานบริษัทไม่ได้ เขาคิดว่าทินกรหุ่นดีมากแล้ว แต่ธีรเชษฐ์นี่เรียกได้ว่าอยู่คนละระดับกับลูกชายอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าต่อให้ไม่คิดอะไรกับอีกฝ่ายเขาก็ยังอดชื่นชมความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมานี้ไม่ได้
“เอ่อ..ทะ..ท่านประธานมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” ภรัณยูแทบจะกัดลิ้นตัวเองทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกจากปากไป แต่ธีรเชษฐ์ดูจะไม่ได้ถือสาอะไรกับคำถามนั้น
“ลืมของไว้นิดหน่อยน่ะ เห็นมันดึกแล้วเลยค้างที่นี่”
“…” ภรัณยูทำได้เพียงพยักหน้า ไม่ไว้ใจให้ตัวเองพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องครัวอีกครั้ง ร่างโปร่งคิดว่าบทสนทนาของพวกเขาจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่ธีรเชษฐ์กลับเป็นฝ่ายย่นระยะห่างระหว่างพวกเขา สายตาของร่างสูงบ่งบอกว่าลำบากใจกับสิ่งที่กำลังจะพูดพอสมควร
“ฉันอาจจะไม่ใช่พ่อที่ดี...ไม่สิ ฉันอาจจะเป็นพ่อที่เฮงซวยที่สุดที่ใครซักคนจะมี แต่ฉันอยากเห็นซันมีความสุข แล้วฉันก็หวังว่าเขาจะเจอความสุขนั้นกับเธอ”
“ผม…ก็หวังอย่างนั้นครับ” ภรัณยูประหลาดใจที่คำตอบนั้นหลุดออกจากปากเขาอย่างง่ายดาย แต่เขาพบว่าตัวเองหมายความตามนั้นทุกคำ
ธีรเชษฐ์ขยับยิ้ม รอยยิ้มจริงใจที่ทำให้ภรัณยูเห็นภาพของอีกฝ่ายซ้อนกับลูกชายคนเล็ก ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมเขาอย่างเบามือ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะนับเธอเป็นลูกชายของฉันอีกคนก็แล้วกันนะ ภัทร”
ภรัณยูรู้สึกว่าขอบตาของตนร้อนผ่าว ชายหนุ่มพยักหน้าให้คนอายุมากกว่าพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ภัทร...พ่อครับ?”
เสียงของทินกรเรียกให้คนทั้งสองหันไปมอง ธีรเชษฐ์ละมือจากกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาล เอ่ยกับลูกชายคนเรียกด้วยน้ำเสียงดุๆอย่างไม่จริงจังนัก
“มาพอดี ดูแลพี่เขายังไงให้ลุกมายากินเองเนี่ย” เจ้าของบ้านผละจากภรัณยูเดินไปทางลูกชายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู “ระวังหมอกเขาตามมาเฉ่งถึงบ้านนะ”
“ผมไม่ใช่พ่อนะครับ” ทินกรตอบ แต่สายตายังคงไม่ละไปจากภรัณยู
หลังลับร่างของธีรเชษฐ์ ภรัณยูคิดว่าเด็กหนุ่มจะถามอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ทินกรเพียงแค่เดินตรงมาหาเข้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พี่ภัทรเป็นอะไรรึเปล่าครัับ...หรือว่าผมทำแรงไป?”
หากเขามีน้ำอยู่ปากภรัณยูคงจนพ่นพรวดออกมากับคำถามตรงไปตรงมานั้น ชายหนุ่มรีบส่ายหน้า กลัวคนตรงหน้าจะคิดว่าเขา...ไม่อึดพอจะรองรับความต้องการของอีกฝ่าย
“เปล่า พี่ไม่ค่อยสบายน่ะ เลยลงมาหายากิน”
ดวงตาสีควันบุหรี่ยังไม่คลายความเป็นกังวล แต่ทินกรก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ร่างสูงสาละวนกับการจัดเตรียมยาและอาหารว่างให้คนรัก ถึงแม้ภรัณยูจะรู้สึกแปลกๆเสมอที่ต้องให้เด็กหนุ่มมาดูแล แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ร่างโปร่งก็อดรู้สึกดีที่มีคนอยากดูแลเขาขนาดนี้ไม่ได้
ทันทีที่กลับมาถึงเตียงนุ่มขนาดยักษ์ ภรัณยูล้มตัวลงบนที่นอนอย่างอ่อนเพลีย ทินกรทิ้งตัวลงข้างคนรัก แขนใหญ่โอบรัดเอวบางพร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงบนไหล่
“ผม…ไม่ได้เรื่องเองรึเปล่าครับ?”
“หือ?”ภรัณยูขมวดคิ้วอย่างตามไม่ทัน พลิกตัวหันกลับมาหาคนที่นอนมองเขาด้วยสีหน้าอมทุกข์
“ขอโทษนะครับ...ผมแค่ไม่อยากให้พี่ภัทรผิดหวังที่เป็นแฟนกับเด็กอย่างผม” ทินกรไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนก้าวผ่านความคาดหวังแบบทุกอย่างที่ภรัณยูต้องการในตัวคนรัก ชนิดที่ต่อให้เขาเป็นคนวาดฝันคนรักในจินตนาการ คงยังไม่มีใครสมบูรณ์แบบเท่าเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ข้างเขาในตอนนี้
ภรัณยูนึกอยากดึงทินกรเขามากอดแน่นๆและเขกกระโหลกเด็กคิดมากคนนี้ในเวลาเดียวกัน
“ทั้งที่ผมอยากให้ความสุขพี่ภัทรได้เหมือนคนที่พี่เคยคบ แต่ทุกครั้งที่ผมพยายาม...พี่ภัทรยิ่งดูเหนื่อยขึ้น”
ทินกรเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด ภรัณยูใช้เวลาไม่นานในการประมวลผลคำพูดของร่างสูง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบหมอนใบโตมาฟาดลงบนร่างของคนที่ยกมือปัดป้องอย่างตกใจ
“ไอ้!เด็ก!บ้า!” ชายหนุ่มคั่นทุกคำพูดของตัวเองด้วยหมอนที่ทุบลงบนตัวทินกร “คิดว่าพี่เป็นดาราหนังโป๊รึไงถึงจะได้ชอบอะไรพิเรนทร์ๆแบบนั้นน่ะ?!”
ดวงหน้าขาวแดงก่ำด้วยความอับอาย ตัวต้นเหตุของเรื่องทำหน้าเหวออย่างงุนงง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหลาด
“พี่ภัทร...ไม่เคยใช้ของเล่น...”
“ไม่เคยว้อย!!”
หากหมอนในมือเป็นไม้นวม ทินกรคงจะน่วมคามือเขาไปแล้ว ไอ้เด็กบ้านี่คิดได้ยังไงว่าจะมีใครทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นให้เขากันน่ะ?!
เด็กหนุ่มมีสีหน้าไม่อยากเชื่ิอ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ไฟโทสะอันครุกรุ่นในอกภรัณยูลุกโชนยิ่งกว่าเก่า
“นี่ซันคิดว่าพี่เป็นคนยังไงเนี่ย?!”
“แล้ว...ปกติพี่ภัทรทำอะไรบ้างล่ะครับ...” ทินกรอดถามไม่ได้
เชื่อเถอะว่าเขาไม่ได้อยากรู้เรื่องราวของภรัณยูกับคนอื่นก่อนที่จะพบเขา ไม่ได้อยากคิดว่าพี่ภัทรของเขาเคยเป็นของใครมาก่อน แต่หากมันทำให้เขาเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายมากขึ้น ทินกรก็ยินดีที่จะยอมรับความเจ็บปวดนั้น
ภรัณยูเบือนหน้าหนีคำถาม แก้มเนียนขึ้นสีแดงก่ำลามไปทั่วใบหน้าและลำคอ
“จะ…จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ปกติ...มันไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้นี่...”
ประโยคหลังแผ่วเบาและรัวเร็วเสียจนทินกรแทบตามไม่ทัน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจคำตอบนั้น
“เมื่อกี้...หมายความว่ายังไงเหรอครับ?”
“ก็…ก็ปกติมันต้องเจ็บไม่ใช่รึไง” ภรัณยูปฏิเสธที่จะมองหน้าคนรัก “ครั้งไหนที่ไม่เจ็บก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไม่มีใครเขามาถามกันหรอกว่ารู้สึกยังไง”
เพราะหน้าที่ของเขาในความสัมพันธ์คือการอยู่นิ่งๆบนเตียง ตั้งแต่แฟนคนแรกที่คบ ไม่เคยมีใครถามว่าเขารู้สึกอย่างไร ครั้งแรกในชีวิตที่มีคนทำให้เขารู้สึกดีจนแทบสำลักความสุขคือครั้งแรกของเขากับทินกร
ภรัณยูเกลียดสายตาที่ทินกรใช้มองเขาในตอนนี้มากกว่าอะไรทั้งหมด สายตาที่มีทั้งความสงสารและเจ็บปวดปะปนกัน สายตาที่ทำให้ขอบตาของเขาร้อนผ่าว
ร่างโปร่งรู้สึกโชคดีที่อีกฝ่ายดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอดก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะไหลออกมา ภรัณยูฝังใบหน้าลงบนไหล่กว้าง ปล่อยให้มือใหญ่ลูบผมของตนเบาๆโดยไม่ทักท้วง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่มีวันทำให้พี่ภัทรเจ็บ”
ชายหนุ่มรู้ว่าทินกรหมายความตามนั้นทุกคำ และเขาก็รู้ว่าหากจะมีคนทำให้ใครเจ็บในความสัมพันธ์ครั้งนี้ คนคนนั้นคงจะเป็นเขามากกว่า
“แต่ว่า...ผมดีใจนะครับที่พี่ภัทรรู้สึกดี ทั้งที่ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครก่อนพี่ภัทร...”
ภรัณยูขมวดคิ้ว ผละจากคนรักด้วยสีหน้างุนงง
“แล้ว...กับแฟนคนก่อนๆ...”
“แฟน?” ทินกรเอียงคออย่างไม่เข้าใจ “ผมไม่เคยมีแฟนก่อนหน้าพี่ภัทรเลยนะครับ”
“แล้วพวกผู้หญิงที่อเมริกา...” ภรัณยูรีบหุบปากฉับเมื่อรู้ว่าเผลอหลุดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป แต่สีหน้าของทินกรยังคงไม่
เปลี่ยนแปลง
“ผมเคยเดทกับเพื่อนสองสามคนที่อเมริกา แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าใครเป็นคนที่ใช่ ผมเลยไม่เคยขอคบกับใครเป็นแฟน” น้ำ
เสียงของเด็กหนุ่มหนักแน่น “ผมไม่เคยตกหลุมรักใครเหมือนตอนที่ผมเจอพี่ภัทรในสนามบินตอนนั้น”
“ความรู้สึกฉาบฉวยแบบนั้นไม่ถาวรหรอกนะ”ภรัณยูอดแย้งขึ้นมาไม่ได้ แต่แทนที่ทินกรจะโต้ตอบ เด็กหนุ่มเพียงแค้กระพริบตาปริบๆมองเขาอย่างสงสัย
“ฉาบกล้วย?”
“ฉาบฉวย” ภรัณยูกลอกตา “แค่มองหน้าแล้วชอบเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ”
“ได้สิครับ!” ทินกรขัดเสียงแข็ง “ผมก็ทำอยู่นี่ไง พี่ภัทรไม่รู้สึกอะไรตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเลยเหรอครับ?”
“…รู้สึกอะไร?” ภรัณยูถาม แม้จะรู้คำตอบของคนตรงหน้าดีอยู่แล้ว
“รู้สึกว่าไม่อยากให้คนคนนี้หลุดมือไป...”ทินกรไล้นิ้วหัวแม่มือบนหลังมือนิ่ม ภรัณยูถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจระคนเอ็นดูความใสซื่อที่ไม่ควรมีในคนที่ผ่านโลกมามากกว่าผู้ใหญ่อายุมากกว่าตัวเองหลายเท่านี้
“เอาเถอะ พี่ไม่อยากเถียงกับซันแล้ว ถ้าซันเชื่อแบบนั้น พี่ก็จะเชื่อใจซัน” ร่างโปร่งเอนศีรษะลงซบไหล่กว้างอีกครั้ง “แต่ถ้าวันไหนที่ซันเปลี่ยนใจ รีบบอกพี่นะ พี่ไม่อยากเจ็บนาน”
“คงไม่มีวันนั้นหรอกครับ”
ร่างสูงเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ โอบไหล่บางไว้แน่นแล้วจุมพิตลงบนหน้าผากใสเบาๆ ภรัณยูหลับตาลงรับสัมผัสอย่างเต็มใจ ปล่อยให้ความกังวลและความไม่มั่นใจกลับเข้าไปในซอกหลืบของความคิดที่มันควรอยู่
วันนี้...เขาเลือกที่จะเชื่อใจทินกรโดยไม่มีข้อกังขา
------
[แจ้งข่าวค่าาาาาา]
How to fall in love with your boss คู่มือการเป็นเลขาฉบับเกือบสมบูรณ์มีขายแล้วนะคะ พร้อมส่งมากเว่อร์
ใครอยากได้นุ้งขวัญไว้ในอ้อมใจ กดสั่งทางนี้ได้เลยจ้า
http://www.hermitbookshop.com/product/503/เรื่อง-how-to-fall-in-love-with-your-boss-คู่มือการเป็นเลขาฉบับเกือบสมบูรณ์-ผู้แต่ง-littlepig