┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 293859 ครั้ง)

ออฟไลน์ Guitar.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[33]==[P.21]== [22/10/60]
«ตอบ #630 เมื่อ27-10-2017 12:04:10 »

พี่ภูไปหาพ่อเก้าจะเป็นไงนะ  :hao7: :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[33]==[P.21]== [22/10/60]
«ตอบ #631 เมื่อ27-10-2017 12:09:20 »

ไปเจอป๋ากับจ๋าเร็วพี่ภู :z3:

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[33]==[P.21]== [22/10/60]
«ตอบ #632 เมื่อ30-10-2017 00:32:56 »

มารอ :katai5:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[33]==[P.21]== [22/10/60]
«ตอบ #633 เมื่อ30-10-2017 16:46:47 »



-34-

 

เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ผมกับภามเกาะติดพี่ภูมาทำงานด้วย โดยที่ผมมาฝึกงานกับคุณเลขาฯ ของพ่อออสตินซึ่งช่วยงานพี่ภูอยู่โดยตรง ส่วนภามมาในฐานะตัวแถมที่นั่งกินนอนกินอยู่ในห้องท่านประธานอย่างสบายใจเฉิบ

ถ้าถามว่าสองสัปดาห์นี้ผมได้อะไรบ้าง บอกเลยว่าเยอะมากจนบอกไม่หมด เดินมาแล้วทั่วบริษัท ออกภาคสนามหลักสูตรเร่งรัดก็ทำมาแล้ว จากที่พนักงานดูเกร็งๆ ตอนแรกเพราะเห็นว่าผมไม่ใช่แค่ว่าที่เลขาฯ ธรรมดา ตอนนี้ผมสามารถกอดคอหัวเราะไปกับพวกเขาได้แล้วเรียบร้อย เพราะวิ่งไปช่วยงานมาแล้วแทบทุกแผนก ตอนแรกผมก็เหนื่อย แต่พอนึกได้ว่าพี่ภูต้องเจอแบบนี้ทุกวันก็ทำให้มีแรงขึ้นมา

ไม่ได้…ผมจะไม่ยอมให้ใครมาสบประมาทเด็ดขาด คิดได้แบบนั้นก็เริ่มมีกำลังใจ พอมีกำลังใจแล้วก็เริ่มสนุกกับมัน จนตอนนี้ผมรู้สึกเฉยๆ กับการทำงานทั้งวันไปแล้ว จะว่าเป็นคนค่อนข้างถึกก็คงได้ ขนาดพี่ภูยังแปลกใจมาแล้วตอนที่ได้ยินผมบอกว่าสนุกดี

“ภาม ไม่ไปเตรียมตัวเหรอ” ผมสะกิดคนที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟายิกๆ หลังจากเห็นเขานอนอืดมากว่าสองชั่วโมง

“ไม่ไป”

“ทำไมล่ะ”

“ผมจะนอนยาว เมื่อคืนเล่นเกมดึก” ภามตอบ ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายให้ผมได้เห็นหน้าชัดๆ ซึ่งดูจากตาปรือๆ แดงก่ำของอีกฝ่ายแล้ว ผมก็พอเข้าใจว่าทำไมอยากนอนต่อขนาดนั้น

“อ่อนแอว่ะ กูก็เล่นกับมึงยังตื่นไหวเลย” เพราะวันนี้เป็นวันหยุด เมื่อคืนผมกับภามเลยจัดหนักเล่นเกมกันตั้งแต่ห้าทุ่มยันตีสี่ โดยมีพี่ภูนั่งทำงานอยู่ด้วย พอเขาทำงานเสร็จแล้วก็ไล่ให้เราไปนอน ตื่นมาตอนเช้าผมก็ไม่เจอพี่ภูแล้ว ส่วนภามก็นั่งตาแข็งอยู่ข้างๆ เหมือนคนนอนไม่หลับมาทั้งคืน

“พูดมากน่า” ภามทำหน้าบูด “ผมไม่อยากไปเป็นก้างด้วย เก้ารีบไปหาพี่ไป”

“ตอบงี้ค่อยน่าฟังหน่อย” ผมหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตีตูดภามเป็นการลาแล้วเดินออกมาจากห้อง

นับตั้งแต่วันที่ภามยอมพูด ทุกคนในบ้านก็ดูมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่าเขาไม่ค่อยเหม่อแล้วเราก็ยิ่งยิ้มออก อาวิลบอกว่าถ้าไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนจนทำให้เขารู้สึกแย่จริงๆ ภามก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านว่าปัญหาหลักของภามคือเรื่องคุณแม่ และทุกครั้งที่เขาเกิดอาการซึมก็มักจะเป็นเพราะนึกถึงเหตุการณ์เดิม ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก เราต้องค่อยๆ ทำให้เขาเลิกนึกถึงมันไปเอง แม้จะลำบากเพราะเป็นเรื่องฝังใจและเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง แต่การที่เขายอมพูดก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินครึ่งแล้ว

เมื่อวานพี่ภูบอกพวกเราว่าจะพาไปเที่ยว เขาน่าจะอยากให้ภามออกไปเปิดหูเปิดตา รวมถึงอยากจะรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับผมด้วย เพราะผ่านมาหลายเดือนแล้วผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจริงๆ จังๆ เสียที

“ภามล่ะ” คนที่กำลังสวมเสื้อโคตส่งเสียงทักในทันทีที่ผมเดินลงมาข้างล่าง แต่ผมไม่มีอารมณ์ตอบ เพราะตายังจับจ้องคนตัวสูงด้วยความสนใจ

“หูย…”

“มองอะไร” พี่ภูขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเองด้วยความสงสัย เขาคงคิดว่าตัวเองดูแปลกประหลาดอะไรแบบนั้น แต่ไม่ใช่เลย…

“พี่หล่อมากอะ” ผมตบบ่าเขาอย่างถือวิสาสะแล้วจ้องต่อด้วยความภูมิใจ

ไม่ได้เห็นใส่ชุดไปรเวตมาตั้งนาน…โคตรเท่

“กระต่ายบ้า” คนที่โดนผมจับโน่นจับนี่ไม่หยุดส่ายหน้าหน่าย เขาทำหน้าเหมือนกำลังมองคนบ้าแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร จวบจนนึกได้ว่าถามอะไรทิ้งไว้นั่นล่ะเขาถึงได้ดึงมือผมไปจับไว้ให้อยู่นิ่งๆ “ภามไปไหน”

“ภามไปไม่ไหวพี่ เมื่อคืนแอบเล่นเกมต่อในโทรศัพท์ ยังไม่ได้นอนเลย หน้าตาตอนนี้อย่างกับศพ” ได้ทีแอบฟ้องหน่อยก็แล้วกัน จะมาว่าผมไม่ได้หรอก สัปดาห์ก่อนผมแอบกินเค้กในตู้เย็นตอนเที่ยงคืนเขายังเอาไปฟ้องพี่ภูเลย เล่นเอาโดนจ้องจะหยิกพุงทั้งวัน…เลวมาก

“งั้นก็รีบไปเถอะ” ว่าแล้วเขาก็จัดการลากแขนผมให้เดินตามไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

ตั้งแต่ที่อาการภามดีขึ้น เราก็ไม่ได้เฝ้าหรือต้องให้คนตามติดเขาเป็นตังเมเหมือนแต่ก่อนอีก ซึ่งเรื่องนี้ภามเป็นคนพูดและขอเอง เพราะเขาไม่อยากทำให้ใครลำบากและไม่ได้ต้องการให้คนมาตาม พอได้ลองให้เจ้าตัวอยู่คนเดียวสักพักแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกผมเลยเริ่มวางใจ ยอมปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวโดยไม่ต้องคอยห่วงนัก คุณพี่ชายผู้เป็นห่วงน้องยิ่งกว่าสิ่งใดเองก็โล่งใจตามไปด้วย

“ไปไหนกันดี” ผมหันไปถามคนที่นั่งประจำที่คนขับด้วยความสดใส และดูเหมือนมันจะสดใสมากไปนิด บรรยากาศเดิมๆ อย่างการโดนผลักหัวจนแทบกระแทกกระจกเลยกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่นึกโกรธ เพราะการกระทำของพี่ภูทำให้นึกถึงอดีตเมื่อสองปีก่อนขึ้นมา มีหลายครั้งที่ได้นั่งรถเขาแล้วผมกวนตีน พี่ภูก็มักจะทำแบบนี้เสมอ พอมาอยู่อังกฤษเราก็ไม่ค่อยได้นั่งข้างหน้าคู่กันแล้วเพราะมีคนขับรถ เลยลืมความรู้สึกพวกนี้ไปนาน

เขาเองก็คงคิดเหมือนกัน…ถึงได้มองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มบางแบบนั้น

 

 

ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ ผมมองวิวสองข้างทางด้วยความตื่นเต้น พี่ภูพาขับรถมาไกลมากจนผมไม่แน่ใจว่าเรากำลังจะไปไหนกัน แต่เพราะรู้ว่ามากับใครเลยไม่ได้กังวลใจเท่าไหร่ เวลานี้บอกได้เลยว่าผมสนใจสองข้างทางมากๆ ถึงจะเคยมาอังกฤษแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้มองธรรมชาติรอบตัวอย่างจริงจังเลยสักครั้ง ไม่แปลกใจเลยที่อังกฤษเป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน และสำหรับคนที่ไม่เคยมา…เส้นทางที่ผมใช้เดินทางอาจเรียกได้ว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทั้งเส้นทางเลยด้วยซ้ำ

“จริงๆ กูก็ไม่ได้ไปเที่ยวบ่อยนัก” คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของเขาจนต้องหันไปหา “นอกจากขับรถไปบริษัทก็แทบไม่ได้ไปไหนมาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ขับมาไกลขนาดนี้ด้วยตัวเอง…”

“อย่าบอกนะว่าพี่…”

“เปิดกูเกิลแม็ปส์ให้กูที” เป็นการบอกว่าหลงทางที่หน้าตายที่สุดในโลก เชื่อเถอะว่าไม่มีใครทำได้แบบเขาอีกแล้ว

“ก็ว่าทำไมเงียบกริบ” ผมพึมพำเบาๆ ก่อนจะหัวเราะกับตัวเอง ทำเอาคนหน้าดุหันมามองแรงใส่อย่างรวดเร็ว เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มเข้าโปรแกรมเพื่อหาทิศทางแต่โดยดี

หลังจากนั้นไม่นานเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายที่พี่ภูต้องการ สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เพียงลงมาจากรถผมก็รู้สึกได้ถึงความเก่าแก่ของเมือง วิถีชีวิตของคนที่นี่ดูแตกต่างจากคนในเมืองใหญ่อย่างชัดเจน แค่เดินเข้ามาในตัวเมืองก็มองเห็นร้านค้าแบบที่เห็นตามเกมหรือการ์ตูนตั้งขายของอยู่เต็มไปหมด

ผมหันซ้ายหันขวามองรอบด้านด้วยความสนใจ ลืมไปหมดว่ามาที่นี่กับใคร รวมถึงลืมด้วยว่าตอนนี้หิมะตกอยู่และไม่ได้เอาผ้าพันคอลงมาจากรถ รู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนดึงคอเสื้อไว้จากด้านหลัง ก่อนใครอีกคนจะจับให้หันกลับไปหา

“ทำตัวเป็นเด็ก” พี่ภูขมวดคิ้วมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ พอเห็นหน้าเขาแล้วผมก็เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมากะทันหัน จนต้องยกมือกุมคอที่ว่างเปล่าของตัวเองไว้ เห็นแบบนั้นแล้วคนหน้าดุก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอาผ้าพันคอที่ผมลืมไว้มาพันคอให้ “วันนี้หิมะไม่ได้ตกหนักก็จริง แต่อย่าลืมว่ามึงไม่ใช่หมีขั้วโลก เป็นแค่กระต่ายอ่อนแอปัญญาอ่อนแล้วยังไม่ยอมดูแลตัวเองอีก”

“โห…ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” ผมเบะปากใส่คนขี้บ่นจนโดนดีดหน้าผากไปหนึ่งที และเพราะอากาศเย็นอยู่แล้วพอโดนดีดมันเลยเจ็บจนน้ำตาซึม แต่คนทำกลับไม่มีทีท่าจะสงสาร เขาเหยียดยิ้มมองผมเหมือนจะสมน้ำหน้า จากนั้นก็เดินนำไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

ผมรีบก้าวเท้าไวๆ เพื่อให้สามารถเดินตามคนขายาวข้างหน้าได้ทัน โดยพยายามควบคุมไม่ให้เกิดกิเลสยามมองเห็นร้านขายของกินรอบๆ แต่แล้วเมื่อได้เห็นร้านขนมหวานซึ่งมีป้ายโฆษณาเป็นไอศกรีมชาเขียวแปะอยู่ข้างหน้า ผมก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

“จะไปไหน” คนรู้ทันคว้าคอเสื้อผมไว้อีกครั้ง เมื่อเห็นผมทำท่าจะวิ่งผ่านหน้าเขาไป

“อยากกินไอติม” ผมชี้ไปที่ร้านเป้าหมายแล้วดึงชายเสื้อพี่ภูยิกๆ ให้เดินตามกันไป แต่เขากลับจับข้อมือผมไว้พร้อมส่ายหน้าหน่าย ก่อนจะลากให้เดินไปอีกทาง

“อากาศอย่างนี้ยังจะกินไอติมอีก”

“ผมอยากกิน…”

“ไม่”

“ผมอยาก…”

“ไม่”

“ผม…”

“ไม่”

“ครับ” ก้มหน้าก้มตารับคำแล้วตัดใจจากขนมซะดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ผมถอนหายใจยาวด้วยความเสียดาย ก่อนจะเดินตามแรงจูงของคนข้างหน้าต้อยๆ เป็นลูกกระต่ายแสนเชื่อง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงไหน คนที่เดินนำก็หยุดเท้าแล้วหันมามองหน้าผมด้วยความหงุดหงิด พี่ภูปล่อยมือผมออกก่อนจะเดินเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ผมได้แต่มองตามงงๆ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขาเดินออกมาจากร้านพร้อมกับอะไรก็ต้องฉีกยิ้มกว้าง

“หิวก็กินนี่ไปก่อน” ว่าแล้วก็ยื่นถุงขนมมาให้ด้วยสีหน้าเฉยชา แต่คนรับอย่างผมยิ้มแก้มปริไปแล้วเรียบร้อย

“ขอบคุณครับ”

คนใจดี…

พี่ภูไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงล้วงกระเป๋าเดินนำไปเหมือนเดิม ในขณะที่ผมทั้งกินทั้งเดินตามหลังเขาไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ยังเดินทันอยู่ แต่พอเริ่มออกจากเขตบ้านเรือนและร้านอาหารกลายเป็นเขตธรรมชาติแล้ว ผมก็เริ่มหันไปสนใจทิวทัศน์รอบกายมากขึ้น กลายเป็นว่าเดินช้าจนห่างจากพี่ภูหลายก้าว ลำบากคนเดินนำที่ต้องก้าวฉับๆ กลับมาลากแขนให้เดินต่อไปอีก

“หยุดกินแล้วเดินก่อน”

“กินหมดแล้ว” ผมบอก ก่อนจะชูถุงขนมที่ว่างเปล่าให้เขาดู แต่พี่ภูกลับหันมามองด้วยแววตาอ่อนอกอ่อนใจ

“กินหรือยัดวะ”

ได้ยินคำที่เหมือนจะด่าแล้วก็ได้แต่ยิ้มรับเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ผมรีบเอาถุงขนมไปทิ้ง ก่อนจะวิ่งกลับมาเกาะแขนเสื้อเขาเหมือนเดิม ซึ่งคนหน้าดุก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเหลือบมอง ทั้งยังยอมลดความเร็วในการเดินลงเพื่อให้ผมตามทันอีกต่างหาก

“เราจะไปโบสถ์กันเหรอ” ผมหันไปถามเมื่อเริ่มมองเห็นจุดหมายปลายทาง ห่างออกไปไม่ไกลนักมีโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้และธรรมชาติ ตอนแรกผมไม่มั่นใจนักว่าพี่ภูจะพาไปที่นั่นจริงๆ หรือเปล่า แต่พอเห็นว่านอกจากตัวโบสถ์แล้วก็ไม่มีสิ่งใดอยู่แถวนั้นอีกผมก็มั่นใจ “พี่…ผมเข้าไปได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

ผมเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร มันก็เป็นแค่ความสงสัยเพราะเห็นว่าตัวเองไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกันกับเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเดินเข้าไปโดยไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้จะให้ทำแบบเดิมคงไม่ได้

“ถ้ารู้กาลเทศะก็ไม่มีปัญหาหรอก” เขาบอกแค่นั้น ก่อนจะดึงผมให้เดินตามเข้าไปด้านใน

ตอนแรกผมคิดว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับคนจำนวนมากที่มาประกอบพิธีต่างๆ ทางศาสนา แต่ก็ต้องผิดคาดเพราะที่นี่ค่อนข้างเงียบและปลอดคนพอสมควร การตกแต่งก็เป็นแบบง่ายๆ ไม่ได้อลังการอะไรนัก ผมนึกอยากหันไปถามว่าทำไมพี่ภูถึงพามาที่นี่ แต่เมื่อเห็นเขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหลังสุดโดยไม่พูดอะไร ก็เลยต้องเดินตามไปนั่งเงียบๆ พร้อมกับสังเกตรอบกายไปด้วย

“ช่วงค่ำๆ ร้านขายของข้างนอกจะคึกคักกว่านี้ เดี๋ยวจะพาไปเดินเล่น”

ผมหันไปมองพี่ภูอย่างงงๆ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้าให้

“ครับ”

คนฟังเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ตอบ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าตามเดิม ผมเห็นพี่ภูหลับตาลงแล้วนั่งนิ่งอยู่เนิ่นนานก็ไม่กล้ากวน ทำได้เพียงนั่งรอเขาอยู่เงียบๆ จนเจ้าตัวลืมตาขึ้นเอง

“พี่ภู ทำไมที่นี่ไม่มีคนเลยล่ะ”

“ยังไม่ใช่เวลา” เขาตอบสั้นๆ แต่แค่นั้นผมก็เข้าใจได้ไม่ยาก ถึงจะไม่ได้นับถือศาสนานี้ แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าคนที่เข้ามาประกอบพิธีมักจะมากันเป็นเวลา

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมแตะปลายนิ้วของคนข้างๆ เพื่อเรียกให้เขาหันกลับมาสนใจ ถึงท่าทางภายนอกจะไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนพี่ภูแปลกไปจนอดห่วงไม่ได้

“ไม่เป็นไร” เขาตอบก่อนจะยิ้มนิดๆ เพื่อเสริมความมั่นใจให้ผม “แค่กำลังนึกถึงอดีตน่ะ”

“อดีต?”

“อืม…ตอนที่พ่อกับแม่เลิกกัน แม่เคยพากูมาอยู่ที่นี่ก่อนจะไปไทย เวลามีพิธีก็จะมาเข้าร่วมที่นี่ ตอนแรกที่ขับรถมาก็ขับมาตามความทรงจำเท่าที่จำได้ตอนนั่งมา แต่มันนานไปหน่อยเลยลืมไปหมดแล้ว”

“แล้วเวลามาที่นี่ พี่ทำอะไรบ้างเหรอ” ผมถามต่อด้วยความสนใจ และเมื่อคนหน้าดุเห็นผมจ้องตาแป๋วเขาก็ยิ้มออก

“จำไม่ค่อยได้แล้ว ก็ทำตามพิธีนั่นล่ะ พอโตขึ้นไม่มีเวลาแล้วก็ไม่ได้มาเลย”

“อื้ม…” ผมเม้มปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้เผลอถามเรื่องที่สงสัยออกไป แม้ใจจริงจะอยากถามว่าทำไมเขาถึงพาผมมาที่นี่ก็ตาม ถึงพี่ภูจะไม่แสดงอาการอะไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ควรจะถาม เขาอาจจะอยากพามาเที่ยวแล้วก็พามาในที่ที่เขารู้จักก็ได้ ไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้เขาคิดว่าผมไม่อยากมาหรือเปล่า

“ที่พามาก็เพราะ…”

“เดี๋ยวๆ” ผมยกมือห้ามไม่ให้พี่ภูพูดต่อ ในขณะที่เขาหันมามองขำๆ เหมือนจะรู้ว่าผมอยากพูดอะไร “พี่อ่านใจได้เหรอ หรืออะไรยังไง”

“ไม่บอก”

“ซะงั้น…”

คนหน้าดุหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี เขาหันกลับไปมองลานด้านหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามออกไปด้านนอกโดยไม่อธิบายอะไรสักคำ

“เราจะไปไหนกันเหรอ”

“ไม่บอก”

“กวน…” ละคำข้างหลังไว้ในใจแทบไม่ทันเมื่ออีกคนเบนสายตามาสบ บางทีผมก็เบื่อจริงๆ ที่ตัวเองแพ้เขาไปหมดทุกทาง “เย็นแล้วนะพี่”

พอเห็นเขาเดินไปในเส้นทางที่ไม่ได้กลับเข้าตัวเมืองผมก็ต้องแปลกใจ ตอนที่เราออกมาจากบ้านก็ไม่ใช่เวลาเช้าเท่าไหร่ กว่าจะมาถึงนี่ก็บ่ายแล้ว แถมพี่ภูยังบอกว่าจะพาเดินเมืองตอนค่ำด้วย ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าวันนี้เราจะกลับถึงบ้านกันกี่โมง

“คงถึงดึกๆ” เขาตอบง่ายๆ ก่อนจะพาเดินต่อ

ทางที่พี่ภูพาผมเดินมาเป็นทางอ้อมไปด้านหลังโบสถ์ เดินมาแค่นิดเดียวก็เจอสุสานแบบอังกฤษซึ่งผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากด้อมๆ มองๆ ด้วยความสนใจอยู่สักพักก็ถูกคนข้างหน้ากึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามไปอีก จวบจนมาถึงทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งที่แทบไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากความว่างเปล่า ผมก็ตาวาวทันที

“โห โคตรดีอะ” ผมเดินนำไปด้านหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองพี่ภูด้วยความชอบใจ “เหมือนพี่รู้เลยว่าผมชอบสถานที่แบบนี้”

เขาไม่ได้ตอบอะไรในทันที แต่ทำเพียงแค่ส่งยิ้มมาให้ จากนั้นก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ ผมก่อนจะทอดสายตาไปยังขอบฟ้าซึ่งอยู่ไกลๆ

“ที่พามาเมืองนี้ ก็เพราะอยากให้มึงรู้จักสถานที่ที่มีความสำคัญกับกู” พี่ภูหันหน้ามาหาพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนหัวผมแล้วโคลงไปมา “คนสำคัญของกู มึงก็รู้จักหมดแล้ว…ถึงจะอยู่ที่นี่มานานแต่ก็มีแค่ไม่กี่ที่ที่กูรู้สึกว่าสำคัญ เพราะงั้นเลยอยากให้มึงเห็นให้หมด”

สายลมเย็นๆ กับหิมะประปรายทำให้ผมรู้สึกหนาวกายอยู่ไม่น้อย ทว่ามือที่วางอยู่บนหัวกลับส่งผ่านความอบอุ่นมาให้ลึกไปถึงใจ สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ก้าวเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยสายตาร้องขอ

“ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“อืม”

“ที่พี่เคยบอกว่าผมได้หกคะแนน…ตอนนี้เท่าไหร่แล้วเหรอ”

แม้จะดูเหมือนยึดติดกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยคุยกัน แต่ผมกลับคิดว่าคำเหล่านั้นได้ช่วยตัวเองไว้หลายครั้ง ตอนที่ท้อและเหนื่อยจากการรอ ก็มีเพียงคำพูดเก่าๆ ที่ยังติดอยู่ในหัวสมองของคนจำแม่นไม่ไปไหน มันทำให้ยังมีความอดทนและกำลังใจอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า…ใครอีกคนจะจำได้เหมือนกันหรือเปล่า

“เก้า” คำตอบสั้นๆ ของคนตัวสูงที่กำลังลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ทำให้ใจเต้นแรงจนปวดหนึบไปหมด ผมไม่นึกอยากอ้อนวอนให้เขาเพิ่มให้อีกสักคะแนน แต่กลับรู้สึกว่าคำตอบนี้เหนือความคาดหมายไปไกลมาก

ผมรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราไปไกลเกินกว่าเดิมตั้งแต่ได้กลับมาเจอกันแล้ว แม้จะยังไม่ได้พูดชัดเจน แต่ก็ไม่นึกอยากถามเพราะรู้ดีว่าพี่ภูชอบทำมากกว่าพูด เขาเองก็แสดงออกให้เห็นมาตลอดว่าความรู้สึกของเขาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเขามองผมที่เป็นตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แค่คนที่เข้ามาช่วยน้องชายตัวเองเลยเห็นเป็นน้องอีกคน

“เกือบเต็มแล้วนี่นา”

“หืม” พี่ภูเลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนเขาจะส่ายหน้าหน่ายแล้วขยี้หัวผมอย่างแรง “ทีเรื่องแบบนี้ล่ะโง่นัก ไอ้กระต่ายโง่…”

“ผมทำไรผิดเนี่ย”

“อยู่ๆ ก็หวังน้อย บ้าบอ”

ผมได้แต่มองพี่ภูอย่างเอ๋อๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เล่นพูดขึ้นมาลอยๆ แบบนี้ใครจะไปจับใจความได้กันล่ะเนี่ย ไม่มีคีย์เวิร์ดอะไรให้เลยสักนิด…หรือผมนึกไม่ออกเองวะ

ถึงจะเริ่มเกิดความสงสัยว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ไม่ว่าจะถามยังไงพี่ภูก็ยังไม่ยอมบอก ผมเลยได้แต่ยอมแพ้แล้วหยุดพูดเพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆ ในเวลานี้เอาไว้ จนเมื่อรู้สึกตัวและหันไปมองอีกที ผมก็พบว่าเขามองอยู่ก่อนแล้วพร้อมด้วยใบหน้าตายด้านเช่นเดิม

“อะไรเหรอ”

“โง่”

“เอ้า!”

“ไปเถอะ” ว่าแล้วก็ลากผมให้เดินตามกลับไปทางเดิมเสียอย่างนั้น

พี่ภูพาผมเดินกลับเข้ามาในตัวเมืองอีกครั้ง แต่บรรยากาศในยามนี้แตกต่างจากตอนที่เรามาถึงราวกับเป็นคนละที่ พอแสงเริ่มหมดไปเพราะเข้าสู่ช่วงค่ำ บรรดาร้านค้าต่างๆ ก็พากันเปิดไฟหน้าร้าน ผมมองภาพแสงสีที่สะท้อนออกมาด้วยความตื่นเต้น มันสวยจนเหมือนกำลังเดินไปตามทางที่เขาปูให้เราเดินโดยเฉพาะ ยิ่งยามนี้ไม่ค่อยมีคนก็ยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก สวย…จนทำให้ผมหลงลืมความข้องใจเมื่อครู่ไปเกือบหมด

“สวยมากเลยพี่” ผมหันไปบอกพี่ภูด้วยความตื่นเต้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง ซึ่งเขาก็ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆ มาให้ตามแบบฉบับ

ผมหมุนไปหมุนมามองบรรยากาศรอบๆ อยู่สักพัก ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ร้านข้าวร้านหนึ่ง นั่นทำให้ผมนึกได้ว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่เรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยสักอย่าง ผมไม่ค่อยหิวเพราะยัดขนมใส่ปากไปเต็มที่ แต่คนที่พาเดินไปนั่นไปนี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย คิดได้แล้วผมก็เป็นฝ่ายคว้าแขนพี่ภูไว้บ้าง ก่อนจะออกแรงลากเขาเข้าไปในร้านข้าวโดยไม่ถามความเห็น

“เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ด้วย”

“กินหมดหรือไง” คนถามทำหน้าตาไม่เข้าใจก่อนจะก้มลงมองเมนู แต่ผมดึงกลับมาก่อนแล้วหันไปบอกพนักงานว่าเอาแค่นี้ พอสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วถึงหันกลับมาฉีกยิ้มให้พี่ภู

“ที่สั่งนั่นพี่ต่างหากที่ต้องกิน”

“กูไม่มีหลุมดำแบบมึง” เขาขมวดคิ้วทำหน้าเครียด

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมช่วยกินเอง”

เราใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นผมก็ลากคนที่ทำหน้าเหมือนอยากอ้วกออกมาจากร้าน แล้วพุ่งตรงไปยังร้านขนมต่ออย่างรวดเร็ว

“กูจะอ้วก” พี่ภูโบกมือปฏิเสธเค้กที่ผมยื่นให้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟุบหน้าลงแบบหมดมาด ทำเอาผมขำก๊ากจากนั้นจึงรีบจัดการของกินในจานจนหมด

บางทีผมคงมีหลุมดำอยู่ในท้องอย่างที่เขาว่า เพราะไม่ว่าจะกินอะไรลงไปมากขนาดไหนก็ยังไม่รู้สึกแน่นเสียที แค่พาเขาเดินเข้าร้านโน้นร้านนี้ไม่นานก็ย่อยหมดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนนำเที่ยวทำหน้าจะอ้วกตั้งแต่ร้านแรกจนเข้าร้านที่สี่เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่

“ฮ้า…อิ่มละ” ผมยกมือตบพุงตัวเองเบาๆ หลังจากเราเดินออกมาจากร้านขนมร้านที่ห้า และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่ภูทำหน้าเหลือเชื่อ

“มึงมันยอดมนุษย์” เขาส่ายหน้าเป็นรอบที่ล้าน ก่อนจะเบิกตาน้อยๆ เมื่อเห็นผมจ้องไปยังร้านไอศกรีมอีกร้าน “กูไปละ”

“เดี๋ยวดิ…ผมมองเฉยๆ เอง” ผมรีบดึงแขนคนที่ทำท่าจะเดินหนีไว้ และเมื่อได้เห็นสีหน้าสะอิดสะเอียนของเขาก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “พี่อ่อนแอว่ะ”

“เดี๋ยวตีปาก”

“ไม่เอา” ตอบแล้วก็รีบยกมือปิดปากตัวเองไว้เมื่อเขาทำท่าจะยกมือตีจริงๆ

“ปากดีแล้วยังงอแง” พี่ภูว่าก่อนจะเข้ามาล็อกคอผม ตอนแรกก็มองหน้ากันแล้วขำอย่างมีความสุขดีอยู่หรอก แต่อยู่ๆ คนข้างๆ ก็บีบแก้มผมอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ เขาคงลืมไปว่าตอนนี้อากาศเย็นและหิมะตก ความเจ็บปวดเลยเพิ่มเป็นสองเท่า ผมยกมือกุมแก้มน้ำตาคลอ ในขณะที่พี่ภูกอดคอผมหัวเราะหนักกว่าเดิม

“อย่าคิดว่าผมจะดีใจที่เห็นพี่หัวเราะหนักขนาดนี้นะ” ผมมองคนที่ยังขำไม่เลิกเคืองๆ แต่เขากลับยื่นมือมาขยี้หัวผมโดยไม่คิดขอโทษแต่อย่างใด

“โอ๋ๆ หน้าตาโคตรน่าสงสาร ขอถ่ายรูปก่อน” ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ออกมากดเข้าโปรแกรมกล้องและยกขึ้นถ่ายอย่างรวดเร็วโดยที่ผมยังเอ๋อไม่เลิก รู้ตัวอีกทีคนถ่ายก็กดตั้งเป็นภาพพักหน้าจอแล้วเรียบร้อย

“น่าเกลียดดดดด” ผมมองความอุบาทว์ของตัวเองบนหน้าจอแล้วตั้งท่าจะหยิบโทรศัพท์ของเขามาลบออก แต่พี่ภูกลับเอามือหลบเหมือนคาดการณ์ไว้แล้ว

“จะทำไร”

“เอามาลบเลย” ผมว่าและพยายามไขว่คว้าเอาโทรศัพท์ในมือเขามา แต่พี่ภูปล่อยคอผมออกแล้วหมุนตัวหลบอย่างรวดเร็ว วิ่งวนรอบตัวก็แล้ว ดึงแขนก็แล้ว ทำยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาชนะได้ ทั้งยังกลายเป็นผมที่เหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่างหาก

“ลบทำไม” เขาถามเมื่อเห็นผมทรุดลงไปนั่งยองๆ กับพื้นด้วยความเหนื่อย

“น่าเกลียด”

“น่ารัก”

“…”

“ทำหน้าอะไรของมึง” ว่าแล้วก็เอาเท้าเขี่ยๆ ขาผมเป็นเชิงหยอก

“ไม่ยุ่งดิ” ที่พูดไปนี่ด้วยแรงอารมณ์ล้วนๆ แต่คนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่กลับไม่ถือสา เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างๆ ผมแล้วพยายามยื่นหน้ามามอง

“ดูหน้าที”

“ไม่” ผมเอามือปิดหน้าตัวเองแล้วก้มลงซุกขาเพื่อไม่ให้พี่ภูมองเห็น แต่เมื่อโดนเอาอะไรแข็งๆ มาโขกหัวก็ต้องเงยหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“หน้าแดง” เขายิ้ม ก่อนจะลูบหัวผมที่ตัวเองเอาหัวมาโขกเมื่อครู่เบาๆ ทำเอาอุณหภูมิที่ใบหน้าพุ่งสูงยิ่งกว่าเดิม

“พี่ชอบแกล้ง”

“ก็แกล้งแค่มึง”

“ไม่คุยด้วยแล้ว กลับๆ” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินนำกลับไปทางที่จอดรถไว้ โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของคนที่เดินตามมาอีก ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหนถึงได้แกล้งกันเหลือเกิน แล้วเชื่อเถอะว่าพอกลับถึงบ้านต้องเอารูปน่าเกลียดๆ นั่นไปให้ภามดูต่อแน่

“ก้อน เสียงโทรศัพท์มึง” พี่ภูสะกิดผมที่กำลังเดินนำให้หลุดจากภวังค์ พอได้ยินคำเตือนของเขาแล้วผมถึงได้รู้ว่ามีสายเข้า แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดูชื่อแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

แปลก…ปกติจ๋าจะโทร. มาสัปดาห์ละครั้ง เมื่อวานก็เพิ่งคุยกันไป ทำไมโทร. มาอีกแล้ว

“ว่าไงจ๋า”

[คุณอชิรา…คุณแม่ช่วยเต็มที่แล้วนะคะ]

“หา?…” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แล้วก็ต้องงงหนักกว่าเก่าเมื่อจ๋าเงียบไปและมีเสียงเหมือนกำลังเปลี่ยนมือคนถือโทรศัพท์ ซึ่งฝั่งนั้นก็ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนาน…

เพราะเพียงแค่ประโยคเดียว…ก็ส่งผลให้ผมหนาวเหน็บไปถึงใจ

[เก้า กลับบ้านเดี๋ยวนี้!]

นั่นเป็นครั้งแรก…ที่ป๋าเสียงดังใส่ผม

 

----------------------------

 


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #634 เมื่อ30-10-2017 17:16:27 »

พี่ภูก็ตามไปสู่ขอเก้าถึงประเทศไทยสะด้วยเลยสิ :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #635 เมื่อ30-10-2017 17:22:45 »

คุณป๋า ในที่สุดก็ออกโรง
พี่ภูตามน้งเก้าไปด้วยเลย ยกขันหมากไปด้วย :impress2:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #636 เมื่อ30-10-2017 19:05:02 »

ไปขอน้องเลยยยย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #637 เมื่อ30-10-2017 20:17:44 »

 :pig4:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #638 เมื่อ30-10-2017 20:18:27 »

พี่ภูต้องไปขอน้องแล้วล่ะ เรื่องในบ้านตัวเองหมดห่วงละ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #639 เมื่อ30-10-2017 20:32:51 »

เหมือนได้เที่ยวส่งท้าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
« ตอบ #639 เมื่อ: 30-10-2017 20:32:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #640 เมื่อ30-10-2017 20:48:08 »

หูยยยย  คุณป๋า ที่ปรกติตามใจน้องเก้าตลอด ๆ พอโกรธขึ้นมา คงน่ากลัวมากอ่ะ
อย่างว่าเนอะ ไม่อย่างนั้นจะคุมลูกน้องตัวโต ๆ เคยผ่านคดีมาได้ยังไงถ้าไม่เก่งจริง
น้องเก้าถึงได้เครียดเรื่องคุณป๋าที่สุดสินะ พี่ภูตามน้องมาไทยด้วยเลย
มาพบว่าที่พ่อตาแม่ยายให้เป็นเรื่องเป็นราวไป ก่อนจะเอาลูกเขาไปอยู่ด้วยนะ
จะให้ดี คุณพ่อกับแม่เฮเลนกับน้องภามก็มาด้วยเลย แสดงความจริงใจ
น้องภามจะได้มาเที่ยวด้วย แฮบปี้ทุกฝ่าย ^^
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ gibebk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #641 เมื่อ30-10-2017 21:29:00 »

 :mew1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #642 เมื่อ30-10-2017 22:01:55 »

ป๋าเรียกแล้วหลานเก้า จะทำไรต่อดีน่ะ  :z3:

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #643 เมื่อ30-10-2017 22:37:09 »

ขอต่อความหวานอีกไม่ได้เหรอคุณป๋าาาาาา กำลัง feel good เลยอ่า เดี๋ยวจะให้เก้าโกรธเยอะๆที่มาขึ้นเสียงใส่อ่ะ ชิๆๆ #พี่ภูของบ่าว

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #644 เมื่อ31-10-2017 00:26:48 »

เอาไงพี่ภู พ่อตาตามสะใภ้ใหญ่ตระกูลกลับบ้านแล้วนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #645 เมื่อ31-10-2017 03:36:44 »

พี่ภูยกขันหมากไปสู่ขอน้องด้วยเลยย
เคลียจบก้แต่วเลยงี้
มีงานเข้าาา มีคนงานเข้าค่าา

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #646 เมื่อ31-10-2017 08:58:16 »

ป๋าเรียกกลับบ้านซะแล้ว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #647 เมื่อ31-10-2017 11:31:53 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #648 เมื่อ31-10-2017 11:57:42 »

หุยยย .....

"กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!"

เป็นประโยคที่สะท้านทรวงจริงๆ  :z3:

ออฟไลน์ Guitar.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #649 เมื่อ31-10-2017 21:28:49 »

เก้าจะเป็นไงน้าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
« ตอบ #649 เมื่อ: 31-10-2017 21:28:49 »





ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #650 เมื่อ31-10-2017 21:58:42 »

องค์พ่อมาอ้ะ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #651 เมื่อ31-10-2017 23:36:05 »

ยิ่งกว่าฟ้าถล่มก็งานนี้แหละ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #652 เมื่อ01-11-2017 08:35:55 »

ได้พบพ่อตาแน่แล้วววว :hao7:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #653 เมื่อ01-11-2017 21:19:20 »

กำลังหวานเลยคุณป๋าาาา  :hao5:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[34]==[P.22]== [30/10/60]
«ตอบ #654 เมื่อ03-11-2017 19:18:53 »



-35-

 

“จะไปจริงเหรอ”

“ต้องไปจริงๆ ว่ะ” ผมถอนหายใจ ก่อนจะตบบ่าภามเบาๆ เป็นการยืนยันคำพูด พอเห็นเขาทำหน้าเศร้าแล้วก็รู้สึกแย่ตาม จนผมต้องดึงไอ้เด็กที่ตัวสูงกว่าเป็นคืบมากอดไว้แล้วตบหลังเขาดังแปะๆ

“ผมไม่อยากให้เก้าไป” ภามผละตัวออกแล้วทำหน้าเครียด “พี่ก็ไม่อยากให้เก้าไป”

“รู้แล้ว แต่กูจำเป็น ไม่งั้นโดนป๋าตามมาถึงนี่แน่” ผมพูดติดตลกทั้งที่ในใจก็เครียดไม่ต่างกัน

เมื่อเช้าพอตื่นขึ้นมาผมก็รีบบอกทุกคนว่าต้องเดินทางกลับไทยก่อน พร้อมทั้งบอกเหตุผลที่แท้จริงกับพวกเขาอย่างชัดเจน แม่เฮเลนกับพ่อออสตินดูตกใจมาก พวกท่านบอกผมว่าจะช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ ในขณะที่ภามไม่พูดอะไรแต่ก็ทำท่าไม่อยากให้กลับ ส่วนคนที่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืน…

เขานั่งจัดกระเป๋าเป็นเพื่อนผมจนดึกดื่น หลังจากนั้นก็เข้านอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตื่นเช้ามาก็บอกแค่ต้องไปทำงานเพราะมีธุระด่วน ผมไม่นึกโกรธหรือไม่พอใจอะไรเลยสักนิด เพราะแค่ได้เห็นแววตาของพี่ภู ผมก็พอเดาความรู้สึกของเขาได้…และรู้ว่าเขาเองก็กำลังคิดถึงเรื่องของผมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ผมยังเดาไม่ได้ว่าเขากำลังจะทำอะไรก็เท่านั้น

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” คนที่แปลงร่างเป็นเด็กดื้อถามซ้ำเป็นรอบที่สิบ ทั้งที่คำตอบของผมก็เป็นแบบเดิมมาตั้งแต่ออกจากบ้านยันมาถึงสนามบิน

“ภาม ก่อนไปกูมีอะไรอยากถามมึงหน่อย” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องโดยไม่สนใจหน้าตาบูดบึ้งของเขา “ทำไมตอนแรกมึงถึงยอมให้กูเข้าใกล้ง่ายนัก”

จะบอกว่าเพิ่งรู้ตัวก็คงไม่ใช่ เพียงแต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีๆ ที่ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไร ซึ่งจนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่ไม่มีตัวแปรอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง และเมื่อได้คิดจริงๆ จังๆ หลังจากนอนมองหน้าพี่ภูอยู่ทั้งคืน อยู่ๆ ผมก็มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้คงเกิดขึ้นเองไม่ได้ ซึ่งคนคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อภามมากที่สุดก็คือพี่ภู เพราะงั้นผมถึงอยากรู้…ว่าเขาไปพูดอะไร ทำไมภามถึงยอมให้ผมเข้าใกล้ได้ง่ายขนาดนั้น

“พี่ไม่เคยบอกเหรอ” ภามเริ่มยิ้มออกเมื่อได้ยินคำถาม ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตกและยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก “หลังจากวันที่ผมเจอเก้าวันแรก…พี่เข้ามาคุยกับผมตอนเก้าหลับ”

“ชอบคุยกันตอนกูหลับ” ผมบ่นอุบอิบเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้ดูตั้งใจฟังเหมือนเดิม “ต่อๆ”

“พี่บอกผมว่าเก้าคือคนที่พี่เลือก…” ภามอมยิ้มแล้วทำหน้าเหมือนกำลังนึกถึงช่วงเวลานั้น “พี่อยากให้ผมเปิดใจให้เก้ากลายเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่อีกคน”

“นั่นคงไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดใช่ไหม” ผมถามเสียงเรียบโดยพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอฉีกยิ้มออกมา ซึ่งภามก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

“พี่บอกว่าเก้าเก่งเหมือนแม่”

“…”

“ทุกคนบอกว่าแม่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีเมตตาและใจดีมาก ผมเองก็จำรายละเอียดได้ไม่มากนัก รู้แค่ว่าแม่ตัวโตเหมือนยักษ์แล้วก็จะคอยยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องผมเสมอ…ผมจำได้ว่าตาของแม่เป็นสีดำสนิทเหมือนกับผม และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นคือความเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใด เวลาผมร้องไห้ แม่จะชอบชวนให้ทำนั่นทำนี่ ชวนให้เล่นเกม เล่าเรื่องพี่ตอนไปโรงเรียนให้ผมฟัง…”

จำได้ว่าตอนนั้นผมก็พยายามเปิดใจเขาด้วยการเล่าเรื่องพี่ภูให้ฟัง แล้วก็ชวนเล่นเกม…

“ผมเห็นแววตาของเก้า…” ภามจ้องหน้าผม เขาส่งรอยยิ้มน้อยๆ ที่มีแต่ความสุขมาให้ “แววตาที่เข้มแข็งและจริงใจเหมือนแม่ และน่าแปลก…ที่ตอนนั้นยามนึกถึงแม่ ผมไม่ได้เห็นท่านในช่วงเวลาแย่ๆ เหมือนทุกครั้ง แต่กลับเห็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน…เพราะงั้นผมถึงยอมให้เก้าเข้าใกล้”

“อือ…”

“จะบอกว่าผมเห็นเก้าเป็นเหมือนแม่อีกคนก็ได้นะ”

“เดี๋ยวๆ มากไป” ผมรีบยกมือห้าม ในขณะที่คนพูดหัวเราะร่าอารมณ์ดี

“อย่าไปเลยนะแม่”

“เพื่อนพอ!”

“ฮ่าๆ” ภามหัวเราะอยู่คนเดียว ส่วนผมหน้าบูดสนิท แต่สุดท้ายเมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียกของสนามบิน เขาก็หุบยิ้มแล้วกลับไปทำหน้าเศร้าอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี

“ไปเรียนสกิลตอแหลมาจากไหน”

“จากเก้านั่นล่ะ”

“เดี๋ยวเหอะมึง!” ผมทำท่าจะฟาดปากคนกวนตีนสักทีสองที แต่พอเห็นพ่อออสตินกับแม่เฮเลนที่รีบวิ่งมาหาหลังจากไปเข้าห้องน้ำก็ต้องรีบเอามือลงแล้วทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

“แล้วยังกล้าเถียงอีก”

ผมหันไปถลึงตาใส่คนข้างๆ ที่ถอนหายใจยาว ภามทำเป็นยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะปล่อยให้พ่อกับแม่เดินเข้ามาลาผมแต่โดยดี

“ดูแลตัวเองดีๆ นะหนูเก้า เอาไว้แม่จะไปหานะจ๊ะ”

“ไว้เจอกันนะลูก”

“ครับ งั้นผมไปก่อนนะ” ผมยกมือไหว้ลาพวกท่าน ก่อนจะตบบ่าภามเป็นครั้งสุดท้าย เห็นเขาพยักหน้ารับทั้งรอยยิ้มแล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ผมเชื่อว่าต่อให้ไม่มีตัวเองอยู่ตรงนี้ ภามกับครอบครัวก็จะต้องมีความสุขได้แน่ ถึงเวลาถ้าผมเคลียร์ตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว การเจอกันระหว่างพวกเราคงไม่ใช่เรื่องยากอีก

เอาล่ะ…ถึงเวลากลับบ้านแล้ว

 

 

สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อมาถึงเชียงใหม่ในตอนเช้าของวันถัดมาหลังจากไปนอนกรุงเทพฯ หนึ่งคืน คือการโทร. หาไอ้โซ หลังจากเล่าให้มันฟังหมดทุกอย่างแล้ว ไอ้หมาหน้าโง่ก็หัวเราะเยาะผมยกใหญ่ มันบอกว่าโคตรสะใจที่เห็นป๋าโกรธผมบ้าง แต่พอผมเริ่มพูดเสียงเครียดและจริงจังขึ้นมันก็ยอมเงียบฟัง สรุปได้ใจความว่าถ้าว่างมันจะชวนพี่กีล์บินมาหา ซึ่งอาจจะอีกเป็นเดือนอยู่เหมือนกันเพราะมันกำลังทำโพรเจกต์ใหญ่ ถ้าถึงเวลานั้นแล้วป๋ายังไม่หายโกรธจะให้พี่กีล์ช่วยพูดให้

จริงๆ ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก เพราะผมเชื่อว่าป๋าโกรธผมไม่ได้นานอยู่แล้ว แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่กังวลจะเกิดขึ้นจริงต่างหาก…

ก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย พ่อออสตินกระซิบบอกผมว่าพี่ภูกำลังเร่งเคลียร์งานอย่างหนักเหมือนเตรียมตัวจะหยุดยาว ตอนแรกผมก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเคยพูด…

‘มึงบอกเองว่า ถ้าจริงจังกับใครให้พาไปเจอพ่อแม่ใช่ไหม’

‘อื้อ’

‘พ่อแม่กู มึงก็เจอแล้ว…แล้วมึงจะเอาเปรียบกูโดยการไม่พาไปเจอพ่อแม่ตัวเองหรือไง’

‘พี่หมายถึง…’

‘กูกำลังบอกให้มึงนั่งรออยู่เฉยๆ ก็พอ…’

‘…’

‘ให้กูได้ทำอะไรเพื่อคนของตัวเองบ้าง’

ผมคิดว่าตัวเองน่าจะคิดไม่ผิด…บางทีเขาอาจจะมาหาป๋ากับจ๋าในไม่ช้า และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมกังวล…จ๋าอาจจะไม่เท่าไหร่ เพราะขอแค่หล่อ รวย ดูแลผมได้ก็ไม่น่าใช่ปัญหา แต่ผมกลัวว่าป๋าจะไม่โอเคกับพี่ภู ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นแบบนั้น…นั่นล่ะที่น่ากลัวที่สุด

“คุณหนู!”

“เฮียหนึ่ง!” ผมหันไปยิ้มกว้างให้ผู้ชายตัวสูงใหญ่มีกล้ามล่ำบึกที่กำลังเดินไวๆ มาหา นอกจากนั้นยังมีอีกสองคนที่มีหุ่นแบบเดียวกันเดินตามมา

“คุณหนูตัวโตขึ้นเยอะเลยนะครับ” เฮียสองที่อยู่ข้างๆ มองสำรวจผมแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เล่นเอาผมต้องรีบยกมือห้ามอย่างรวดเร็ว

“เฮียสองอย่าเล่นใหญ่”

“คุณหนู…” เฮียแกทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนจะงอน ผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง ทำเอาผมต้องรีบกวาดสายตามองรอบด้าน แล้วก็พบว่าเป็นไปตามคาด…ตอนนี้ทุกสายตาของคนรอบข้างจับจ้องมาที่ผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด ยิ่งยามเฮียทั้งหลายหันไปกวาดตามองตามด้วยท่าทางเถื่อนๆ พวกนั้นถึงกับสะดุ้งแล้วรีบวิ่งหนีกันใหญ่

“ไปคุยกันบนรถดีกว่า”

“ครับคุณหนู” เฮียสามที่อยู่หลังสุดรับคำ ก่อนจะผายมือเชิญให้ผมเดินนำ

ตอนเด็กๆ ผมก็เคยสงสัยอยู่หรอกว่าทำไมทุกคนต้องมองมาด้วยสายตาแปลกๆ ไม่เคยเห็นคนกันหรือยังไง แต่พอโตมาถึงได้เข้าใจ…ไม่แปลกเลยสักนิดที่คนรอบข้างจะคิดว่าพวกเราเป็นพวกนักเลงหรือมาเฟีย

ลูกน้องของป๋ามีอยู่หลายสิบคน แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติและนิสัย ทำหน้าที่ตั้งแต่เป็นคนขับรถยันเป็นคนงานในไร่ แต่ทุกคนมีอยู่สองอย่างที่เหมือนกัน…หนึ่งคือมีกล้ามโตและหน้าตาโหดเถื่อนเหมือนมาเฟีย อีกทั้งส่วนใหญ่ยังชอบสักเพิ่มภาพความดุร้ายให้ตัวเองอีก และสองคือ…พวกเขาเคารพป๋ากับจ๋าและโอ๋ผมมาก เรียกได้ว่าป๋าโอ๋ผมมากเท่าไหร่พวกเขาก็โอ๋ผมตามมากเท่านั้นก็ว่าได้ พวกเฮียที่มาทำงานกับป๋าแล้วก็จ๋ามักจะเป็นพวกที่อดอยากปากแห้งมาก่อน หรือไม่ก็เคยติดคุกแล้วกลับตัวกลับใจ พอออกมาก็อยากทิ้งตัวตนเก่าๆ ประกอบกับตอนเด็กๆ ผมขี้เกียจจำชื่อและพวกเขาอยากให้ผมเรียกถูก ดังนั้นเวลาอยู่กับครอบครัวผมทุกคนเลยมีโค้ดเนมเป็นตัวเลข และพวกเขาก็ใช้ชื่อแบบนั้นมาตลอด โดยมีเลขเก้าเป็นตัวผมเอง

“เฮีย ป๋าเป็นไงบ้าง”

“เอ่อ…”

แค่เห็นพวกเฮียแอบมองหน้ากันผมก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที แม้แต่เฮียหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างผมและสนิทกับป๋าที่สุดก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา ท่าทางจะแย่กว่าที่คิด…

“พวกเฮียว่าป๋าจะโกรธผมนานไหม”

“ด้วยความสัตย์จริงนะครับคุณหนู…ผมว่าน่าจะห้า” เฮียหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“ผมว่าอาจจะสิบ” เฮียสองที่นั่งอยู่ข้างคนขับสำทับด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน

“ผมว่าสามก็เยอะแล้วครับ เป็นผมแค่คุณหนูเขย่าแขนทีก็หายแล้ว” เฮียสามที่ขับรถว่าขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ผมผ่านกระจกเป็นเชิงให้กำลังใจ

สาม ห้า สิบ…ถ้าป๋าโกรธผมนานขนาดนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ

“คุณหนูอย่ากังวลเลยครับ” เฮียหนึ่งปลอบผมที่กำลังนั่งหน้าบูด

“อย่างต่ำก็สามนาทีเลยนะเฮีย ถ้าโดนสิบนาทีผมอึดอัดตายแน่”

“คุณหนูอย่าคิดมากเลยครับ ยังไงคุณผู้หญิงก็ช่วยคุณหนูอยู่แล้ว” เฮียสองหันมายิ้มให้ผม แต่สิ่งที่เขาพูดกลับทำให้ผมหงอยหนักกว่าเดิมเสียอีก

“เงียบไปเลยไอ้สอง” เฮียหนึ่งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างจ๋ากับผมเป็นอย่างดีตำหนิเฮียสองจนฝั่งนั้นหน้าเสีย รีบก้มหน้าขอโทษผม ก่อนจะหันกลับไปนั่งหน้าตรงเหมือนเดิม

จ๋าน่ะเหรอจะช่วย…เห็นผมโดนป๋าโกรธต้องหัวเราะฮิๆ ดังลั่นบ้านแน่

“เข้าเขตไร่แล้วนะครับคุณหนู”

“เฮียสาม ขับช้าๆ หน่อย” เอาจริงๆ เฮียสามไม่ต้องบอกผมหรอกว่าจะถึงแล้ว ช่วยทำให้ผมไปถึงช้าที่สุดจะดีกว่า

พวกเฮียทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะกัน แต่ก็พยายามกลั้นไว้สุดความสามารถ ผมเลยได้แต่ทำหน้าตึงแล้วหันออกไปมองนอกกระจกรถแก้เครียด

ไร่ผลไม้ของจ๋ามีพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยไร่ ตั้งแต่จำความได้ผมก็วิ่งเล่นเหมือนเป็นสนามหญ้าหน้าบ้านมาโดยตลอด ตอนเด็กๆ เคยวิ่งเล่นแล้วหลงทางจนโดนจ๋าดุก็บ่อย แต่ก็เป็นป๋ากับพวกเฮียๆ ที่ช่วยผมให้พ้นจากการโดนทำโทษได้ทุกที

“คุณหนู ถึงแล้วนะครับ” แล้วประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในเวลานี้ก็ดังขึ้นจากปากเฮียสองที่เปิดประตูรถให้ผมแล้วเรียบร้อย

ผมถอนหายใจยาวเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะเดินลงมาจากรถ ตาก็มองบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นตรงหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกอึดอัดใจที่ได้กลับบ้านเหมือนครั้งนี้มาก่อน จะบอกว่าผมไม่อยากเห็นป๋าโกรธก็คงได้

“คุณหนู!”

“นม” ผมอ้าแขนออกเพื่อให้หญิงชราที่วิ่งมารับหน้าประตูกอดได้ถนัด ท่านลูบหัวลูบหลังผมยกใหญ่ ก่อนจะสำรวจดูผมเหมือนทุกครั้งที่กลับมาบ้าน ผู้หญิงคนนี้คือนมสาย คนที่เลี้ยงและดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงเป็นคนเลี้ยงจ๋ามาด้วย ถ้าถามว่าใครเป็นคนที่จ๋าเกรงใจ ผมคิดว่าคงมีแต่นมนี่ล่ะ

“เป็นยังไงบ้างคะ”

“สบายดี…แต่กำลังจะไม่สบาย นมช่วยเก้าด้วยนะ” ผมได้ทีกอดแขนอ้อนนมยกใหญ่ ถ้านมยอมพูดให้ต้องช่วยได้แน่ๆ แต่ครั้งนี้นมกลับส่ายหน้าแล้วมองผมด้วยความรู้สึกผิด เพียงเท่านั้นผมก็เข้าใจในทันที

จ๋า…

“คุณผู้หญิงขอร้องให้นมรับปากว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้เมื่อครู่เองค่ะ”

เกลียดคนรู้ทัน!

“ไม่เป็นไรครับนม” ผมบอกทั้งที่หน้าตาบูดเบี้ยว “แต่นมดูดิ…จ๋าจะแกล้งเก้า”

“ใครจะแกล้งคุณอชิรากันคะ” เสียงพูดจีบปากจีบคอแสนคุ้นเคยซึ่งดังขึ้นไม่ไกล ทำให้ผมต้องปล่อยแขนนมสายออกแล้วหันไปมอง

ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นมารดาของผมกำลังยืนทำท่าทางเรียบร้อยอยู่ไม่ไกล ใบหน้าสวยสดแม้วัยจะขึ้นเลขสี่ของจ๋าดูอารมณ์ดีกว่าทุกครั้ง แถมวันนี้ยังใส่เสื้อผ้าสีแดงแปร๊ดทั้งที่ตัวเองไม่ชอบมาต้อนรับผมอีกต่างหาก

“ตายแล้ว อ้วนขึ้นหรือเปล่าคะเนี่ย ท่าทางฝั่งนั้นเลี้ยงดีน่าดู” จ๋าเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะจับหมุนตัวไปมาเพื่อสำรวจด้วยความเป็นห่วง…ต้องใช้คำว่าเหมือนจะเป็นห่วง

“ไม่ต้องเลยจ๋า เรารู้นะว่าจ๋าห้ามนมไม่ให้ช่วยเรา” ผมจับมือจ๋าเขย่าไปมาด้วยความหมั่นไส้ ในขณะที่จ๋าแค่หัวเราะคิกคักตอบอย่างอารมณ์ดี

“คุณแม่สอนว่ายังไงคะ ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรคุณแม่ไม่ว่า แต่…”

“ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง เรารู้แล้วน่า” ผมตอบรับอย่างรู้งานเพราะจำคำสอนของจ๋าได้ขึ้นใจ “แต่จ๋าก็บอกว่าเราต้องรู้จักฉลาดคิดด้วยไม่ใช่เหรอ”

พอได้ยินคำพูดของผม จ๋าก็หุบยิ้มฉับ มือข้างที่ว่างและไม่ได้ถูกผมจับไว้ยื่นมาตีแขนผมเบาๆ เหมือนจะหมั่นไส้ โดยที่ผมได้แต่ทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าพูดอะไรผิด

“เอาจริงๆ นะคะ คุณแม่สอนว่าให้ฉลาดคิด แต่ไม่เคยสอนให้ฉลาดแกมโกงค่ะ ไม่รู้ไปเอานิสัยเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากไหนกัน” ว่าแล้วก็บ่นพึมพำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ปล่อยให้ผมยืนกลอกตามองแรงอยู่ข้างๆ คำถามแบบนี้ไม่น่าถามเลย ถ้าไม่ใช่คุณเธอ ผมจะไปติดมาจากใครกันเล่า

“จ๋า…”

“รีบเข้าไปข้างในเถอะค่ะ คุณป๋ากำลังหงุดหงิดได้ที่เชียว คิกๆ”

ผมเดินตามแรงจูงของจ๋าเข้าไปด้านในโดยไม่คิดขัด หันกลับไปมองอีกทีเฮียๆ กับนมก็หายไปไหนกันหมดแล้วไม่รู้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะพวกเขารู้ตัวว่าถ้าอยู่แล้วต้องโดนผมขอให้ช่วยแน่ๆ เลยหนีไปเพื่อตัดปัญหาเสียเลย

ไม่มีคนธรรมดาตามใครไม่ทันอยู่ที่นี่บ้างเลยหรือไงนะ…

จ๋าพาผมมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องสี่เหลี่ยมบานใหญ่ซึ่งเป็นห้องทำงานของป๋า ผมครุ่นคิดจนหน้ายู่ยี่ไปหมดว่าควรทำอย่างไรหากเข้าไปถึงแล้วป๋าทำหน้าตึงใส่แบบที่ไม่เคยทำ สุดท้ายพอรู้ว่าคิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ผมเลยตัดสินใจผลักประตูเข้าไปเสียเลย

ผู้ชายที่นั่งประจำอยู่ที่เก้าอี้ตัวสูง เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดีที่มีใบหน้ามุ้งมิ้งเสมอยามอยู่กับผม ทว่าตอนนี้เขากลับทำท่าทางดุดันเหมือนตอนอยู่กับคนอื่น ที่ใครต่อใครบอกว่าป๋าน่ากลัวผมไม่เคยเชื่อเลยสักนิด แต่พอมาเห็นแบบนี้ก็หงอยอยู่เหมือนกัน…เพราะเวลาคุยกับผม ป๋าไม่เคยหยุดยิ้มเลยสักครั้ง

“ป๋า” ผมเรียกเสียงอ่อยโดยไม่สนใจจ๋าที่แอบหัวเราะอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็เดินไวๆ เข้าไปหาผู้ชายตัวโตหน้าเถื่อนแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า “เราขอโทษน้า”

“…”

พอเห็นป๋าเงียบไม่ตอบและมองมาด้วยสายตาดุดันเหมือนเดิมผมก็ต้องก้มหน้าลง เริ่มรู้สึกแย่นิดๆ เพราะไม่ชอบให้ป๋าเป็นแบบนี้

“ป๋า…” ผมเขย่าขาป๋าอย่างอ้อนๆ อีกครั้ง จนเมื่อเห็นว่าป๋าหลบสายตาก็เข้าใจในทันทีว่ามาถูกทาง “ตัวเล็กขอโทษนะ…”

อีกนิดจะกราบแล้วสาบานได้…

“ตัวเล็กไม่รู้เหรอว่าป๋าเป็นห่วง” ในที่สุดป๋าก็ยอมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเหมือนปกติเวลาคุยกับผม เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ร้องเยสในใจไปหลายที ก่อนจะรีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว

“ขอโทษครับ”

“มานี่มา” ป๋าตบที่หน้าขาตัวเองสองสามที ผมเลยเด้งตัวไปนั่งคร่อมขาแล้วกอดป๋าไว้เป็นลูกลิงเหมือนที่ชอบทำตอนเด็กๆ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่โตมาแล้วป๋าก็ยังตัวใหญ่กว่าผมอยู่ดี เพราะงั้นเราเลยยังนั่งท่านี้กันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร “ทำไมตัวเล็กถึงโกหกป๋า”

“เปล่านะ…” ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก “เราไปตามหาเส้นทางในชีวิตตัวเองแล้วก็ไปพักผ่อนจริงๆ สาบานได้”

ก่อนจะไปอังกฤษผมบอกป๋าว่าอย่างนั้น ซึ่งมันก็เป็นความจริงทุกประการ เพียงแต่ไม่ใช่เหตุผลหลักเท่านั้นเอง เพราะงั้นผมถึงยังเชื่อว่าตัวเองไม่ได้โกหกป๋าแต่อย่างใด

“งั้นป๋าควรไปตำหนิคุณแม่ใช่ไหม ที่ช่วยตัวเล็กปิดบัง ไม่ยอมให้ป๋ารู้ว่าเหตุผลหลักที่ตัวเล็กไปอังกฤษคือการไปหาใครบางคนที่ป๋าไม่รู้จัก” ป๋าถามต่อในขณะที่มือก็ลูบหัวลูบหลังผมไปด้วย ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจ๋าร้องอ้าวเบาๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่พยักหน้ายิกๆ แล้วฟ้องป๋าต่อ

“ใช่ๆ ป๋าโทษจ๋าเลย”

“คุณอชิราอยากโดนเตะใช่มะ” เสียงคาดโทษของจ๋าที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องกอดป๋าแน่นขึ้นเป็นเชิงขอให้ช่วย

“อย่าขู่ลูกนะคุณหญิง”

“เดี๋ยวนะคะคุณ ได้ข่าวว่าจะดุลูกไม่ใช่หรือไง เห็นเตรียมการมาเป็นวัน นี่ยังไม่ถึงนาทีเลยนะ”

“ก็ตัวเล็กน่ารักขนาดนี้ จะโกรธลงได้ยังไงกัน” ป๋าดันหน้าผมออก ก่อนจะลูบหน้าลูบตาให้เบาๆ สายตาที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัวมองมาอย่างอ่อนโยนจนผมต้องลอบยิ้มอยู่ในใจ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะยิ้มตอบนั้นเอง อยู่ๆ ป๋าก็หุบยิ้มฉับแล้วมองไปทางหน้าต่างด้วยสายตาโหดร้ายดุดัน “คนที่ผิดคือไอ้คนที่คิดจะล่อลวงตัวเล็กต่างหาก”

อ้าว…ฉิบหาย

“ป๋าจะฆ่าเขาไม่ได้นะ!” ผมรีบพูดดักทางไว้ก่อน

“ป๋าไม่ฆ่าคนหรอกครับ” ป๋าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขยี้หัวผม แต่ผ่านไปสักพักก็ทำหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมากะทันหัน “ทำไมตัวเล็กต้องปกป้องมันด้วย”

“ก็เราชอบเขา”

“ไม่ฟัง” ป๋ายกมือปิดหูแล้วส่ายหน้าท่าเดียว “ป๋ายังไม่ยอมรับเด็ดขาด”

“ป๋า…”

“ถ้าไม่ดีพอ ป๋าไม่มีทางยอมยกตัวเล็กให้แน่”

“เขาเพอร์เฟกต์มาก เรารับรองได้” ผมชูนิ้วโป้งยืนยัน นึกอยากหยิบโทรศัพท์ที่แอบถ่ายรูปพี่ภูไว้มาเปิดให้ดูเสียด้วยซ้ำ แต่ห้ามใจไว้ก่อนเพราะกลัวป๋าจะหมั่นไส้เขามากกว่าเดิม

“เรื่องนั้นป๋าจะพิสูจน์เอง ตัวเล็กไม่ต้องพูดเข้าข้างมัน ทำไปก็ไม่ได้ผลหรอก” ป๋าบอกเสียงเข้ม ก่อนจะปล่อยให้ผมลุกขึ้นยืน “เล่าให้ป๋าฟังดีกว่าว่าไปที่นั่นเป็นยังไงบ้าง”

ผมพยักหน้าหงึกหงักและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับป๋า ส่วนจ๋าที่ตอนแรกยืนอยู่ตรงประตูไม่รู้ว่าเดินออกจากห้องไปไหนแล้ว

“เราไปเจอครอบครัวพี่ภู…”

“ไม่”

“เขาพาเราไป…”

“ไม่”

“เขา…”

“ไม่เอาเรื่องมัน” ป๋าตัดบทจนผมหน้าตึง ถ้าไม่ให้พูดถึงเรื่องพี่ภูหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับพี่ภู ผมก็ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว ทั้งวันตลอดหลายเดือนก็ใช้ชีวิตโดยมีเขาอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด แรงบันดาลใจก็ได้จากเขาทั้งนั้น เพราะงั้นถ้าให้เล่าว่าไปทำอะไรมาบ้างก็ต้องติดเรื่องของเขามาด้วยเป็นธรรมดา

“ป๋า เรา…”

“คุณหนู! มีคนมาหาครับ!”

ผมสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงเฮียสิบสองที่เป็นคนงานในบ้านตะโกนมาจากนอกห้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครมา บ้านผมไม่ได้ต้อนรับแขกบ่อยนัก ยิ่งคนส่วนใหญ่มองว่าป๋ากับพวกเฮียๆ น่ากลัวก็ยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้รู้ว่าเรามีฐานะก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งหรอก

“ตัวเล็กจะไปไหน!”

“เดี๋ยวเรามา!” ผมตะโกนตอบป๋า ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้องแล้วมุ่งตรงไปยังหน้าบ้าน…ที่ซึ่งมีรถออดี้สีดำคุ้นตาที่ไม่ได้เห็นมากว่าสองปีจอดอยู่

ข้างกายเฮียสิบสองที่ยืนหน้าตึง มีร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาหนึ่งวันอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้อยู่ในชุดสูทแบบที่ผมเห็นจนชินตา แต่อยู่ในชุดลำลองธรรมดาที่ไม่ได้ทำให้ออร่าของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย

“พี่ภู! ทำไมมาไว…” ผมรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วจับไม้จับมือเขาด้วยความตกใจ

แม้จะยังมีความกังวลและไม่มั่นใจ แต่ก็ยอมรับว่าผมดีใจมากที่เห็นเขามาหาถึงที่นี่

“เร่งเคลียร์งานแล้วก็ยังไม่ทันกลับรอบเดียวกับมึง” พี่ภูอธิบายเสียงเรียบ “เลยนั่งเครื่องมาทีหลังประมาณสองชั่วโมง”

“แล้วไม่บอกผมก่อน จะได้รอ”

“มึงรีบกลับมาก่อนก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่จะว่าอีก”

“อื้อ แล้วนี่พี่มาคนเดียวเหรอ” ผมถามเขาด้วยความแปลกใจ

“อืม”

“แล้วภาม…”

“เดี๋ยวตามมาทีหลัง รอเจออาวิลอีกรอบก่อน” เขาบอกแล้วอธิบายต่อเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังเป็นห่วงเรื่องอะไร “อีกไม่กี่วันก็ตามมาแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก อาวิลเองก็ยืนยันว่าอาการดีขึ้นมาก อาจจะไม่ต้องเจอบ่อยเท่าเดิมแล้ว”

“งั้นก็ดีแล้ว” ผมถอนหายใจโล่งอก ถ้าอาวิลถึงขั้นเอ่ยปากเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร ให้ภามมาเที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกัน เขาคงเบื่อบรรยากาศที่นั่นแล้ว

“คุณหนู” เสียงเรียกเหมือนจะเตือนจากเฮียสิบสองที่ยืนสอดส่องอยู่ข้างๆ ทำให้ผมรู้สึกตัว ต้องรีบหันไปมองรอบกายก่อนจะแนะนำเขาให้พี่ภูรู้จัก

“พี่ภู…นี่เฮียสิบสอง เป็นคนดูแลบ้านผม แล้วก็เฮีย…นี่พี่ภู” จะแนะนำสถานะก็พูดไม่ถูก ยิ่งเห็นสายตาไม่ไว้วางใจจากเฮียยิ่งแล้วใหญ่ ลองบอกว่าเป็นคนที่ผมชอบอาการคงไม่ต่างจากป๋าแน่

“ครับ…”

แต่ดูจากท่าทีแล้ว…ผมว่าป๋าคงบอกพวกเฮียหมดแล้วชัวร์ ท่าทีถึงได้เหมือนจะเขม่นเขาแบบนั้น

“พี่ภู…” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบกับเขาเบาๆ “พี่มั่นใจแล้วเหรอที่มาที่นี่…พี่รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไร”

“พอเดาได้” เขาตอบสั้นๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร

“พี่ไม่กลัวจนผมกลัวแทนแล้วเนี่ย”

“กลัวอะไรของมึง” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือมาเขย่าหัวผม “ก็มึงเคยชวนกูมาหาพ่อแม่เองไม่ใช่หรือไง”

“มันก็ใช่…” แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้กลัวป๋าเจื๋อนพี่ภูแบบตอนนี้นี่หว่า

“มึงจริงจัง กูจริงจัง งั้นก็ต้องมาหาผู้ใหญ่ก็ถูกแล้วนี่”

“ผม…เป็นคนที่ใช่แล้วเหรอ” ผมเผลอถามสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมานานออกไปโดยไม่รู้ตัว และก็ได้สายตามองแรงเหมือนจะด่าว่าโง่ตอบกลับมาตามระเบียบ

ตั้งแต่ได้กลับไปเจอเขา ผมไม่ได้นึกอยากถามคำถามนี้ เพราะคิดว่าการกระทำและคำพูดของเขาเมื่อสองปีก่อนก็ชัดเจนพออยู่แล้ว และผมก็นึกถึงแต่เรื่องอื่นจนไม่ได้ต้องการคำตอบของเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แต่เมื่อได้โอกาสถามถึงได้รู้ว่า…จริงๆ นิสัยที่อยากได้ยินคำตอบชัดๆ ของผมเหมือนจะยังคงอยู่

“พูดอะไรของมึง” พี่ภูดีดหน้าผากผมอย่างแรงโดยไม่ออมมือเหมือนจะตำหนิ อีกทั้งเมื่อเงยหน้ามองแล้วเขายังบีบจมูกผมซ้ำเป็นของแถมอีกต่างหาก “กูเพิ่งจะบอกไปว่าเก้าคะแนน…อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่รู้ความหมายอีก”

ผมส่ายหน้าตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอามือปิดหน้าตัวเองไว้เพราะพี่ภูทำท่าจะดีดหัวซ้ำอีกครั้ง

“กระต่ายโง่”

“ผมเปล่าสักหน่อย”

“ที่บอกว่าเก้า…ก็เพราะมันเต็มเก้า”

“…”

“ส่วนเรื่องคนที่ใช่…เป็นมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้หรือไง”

ผมเงยขึ้นมองคนพูดตาแป๋วทั้งที่หน้ายังเหวออยู่ ใจที่เต้นแรงกว่าปกติเพราะได้เห็นหน้าเขาเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า ครั้งนี้จะบอกว่าเป็นเพราะเขินก็คงไม่ใช่ แต่มันเป็นเพราะผมกำลังมีความสุขมากกว่า

เห็นแบบนั้นแล้วพี่ภูก็ยิ้มบาง ก่อนจะยกมือขึ้นมาคล้ายจะแตะแก้มผม แต่ยังไม่ทันที่มือนั้นจะสัมผัสโดน เสียงดุดันจนเกือบจะกลายเป็นการตะโกนจากเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น คล้ายจะบอกให้เขาหยุดมือแต่เพียงเท่านั้น…

“ใครอนุญาตให้มาที่นี่!”

 

------------------------------------

 

 

 

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[35]==[P.22]== [03/11/60]
«ตอบ #655 เมื่อ03-11-2017 19:37:23 »

ป๋า  :laugh3: ทำมาดุใส่พี่ภู  :hao7:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[35]==[P.22]== [03/11/60]
«ตอบ #656 เมื่อ03-11-2017 19:54:23 »

โอ๊ยยยย คุณป๊า ขอหวานนิดนึงก็ไม่ได้

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[35]==[P.22]== [03/11/60]
«ตอบ #657 เมื่อ03-11-2017 19:58:34 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[35]==[P.22]== [03/11/60]
«ตอบ #658 เมื่อ03-11-2017 20:07:19 »

พ่อตามาล้าวววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[35]==[P.22]== [03/11/60]
«ตอบ #659 เมื่อ03-11-2017 20:33:58 »

 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด