http://www.youtube.com/v/yCnJg8JIYls # 10 ไม่บอกเธอ..... ผมเคยบอกใช่ไหมว่าพี่เอย์เป็นคนสะอาด แต่ไม่น่าเชื่อว่า สายๆของวันอาทิตย์แบบนี้มันจะขนเครื่องโน๊ตบุ๊คพร้อมกับหนังสือสามสี่เล่มออกมานั่งอยู่บนพื้นข้าง ๆ ผมเพื่อทำงานอะไรสักอย่าง เมื่อเช้าผมออกจากหอแวะไปช่วยแม่กับพี่ขมเปิดร้านจากนั้นมาที่ห้องคุณชายเขาแต่เช้าหน่อยทำอาหารง่าย ๆให้ เราสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันเพราะผมรู้สึกได้แล้วว่าถ้าปล่อยให้มันนั่งกินคนเดียวคุณชายคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีแน่ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยทำเผื่อของตัวเองด้วยอีกที่
“พี่เอย์ครับ ผมนั่งทานกับพี่ด้วยนะ”
“จิ๊! เรื่องของมึงดิ” นั่นแหละครับคุณชายเอย์ตั้น ผมเห็นนะมีคนทำเอตั้นโวแคปฯไว้ให้ผมดูด้วยคุณเข้าใจถูกต้องมาก ๆ เลยพี่เอย์เป็นอย่างนั้นจริงเลยนะ คำพูดมันน่ะผมต้องแปลประมาณสามรอบยังต้องไปทรานส์ต่อในกูเกิ้ลเลยอ่ะ
หลังทำความสะอาดห้องผมกะว่าจะหอบเอาเครื่องเสียงที่พี่เอย์บอกว่าพัง เอาไปส่งศูนย์ซ่อมแต่คุณชายรั้งเอาไว้ก่อน บอกให้ผมแค่รื้อ ๆ เครื่องออกมาปัดฝุ่นที่อยู่ด้านในก็พอ
นั่นแหละผมเลยรู้ว่าจริง ๆ แล้วเครื่องเสียงมันไม่ได้เสียอะไรสักหน่อยเพลงที่ถูกรีเพลซ้ำแล้วซ้ำอีกวันนั้นคือคุณชายเขาตั้งใจเปิดฟังเองต่างหาก ตอนนี้ผมเลยนั่งอารมณ์ดีฮัมเพลงไปเรื่อยขณะที่กำลังรื้อเครื่องเสียงสุดหรูยี่ห้อดัง
“พี่เอย์ พี่แน่ใจนะให้ผมรื้อเนี่ย” ผมถามขึ้น มันกำลังนั่งพิมพ์งานอะไรบางอย่างเอาโน๊ตบุ๊ควางไว้บนโต๊ะกระจกเตี้ย ๆ แล้วตัวเองนั่งอยู่ที่พื้นข้าง ๆ ผมเลย คือผมไม่เคยเห็นคุณชายนั่งพื้นเลยนะ มันชอบบอกว่าไม่สะอาดให้นั่งบนโซฟา แต่วันนี้แปลกมากจริง ๆ
“ทำไม มึงไม่มีความมั่นใจเหรอ”
“ก็เปล่า แต่คือไอ้ยี่ห้อแพง ๆ แบบนี้มันมีศูนย์บริการไม่ใช่เหรอครับ แค่เรายกไปเขาก็ทำให้เราแล้วไง” คือผมพูดไปพร้อมกับใช้ไขควงขันสกรูตัวเล็กออกเพื่อเปิดตัวเครื่องออกมาทำความสะอาด น็อตก็เยอะมากผมต้องระวังเป็นพิเศษกลัวหายไม่ใช่อะไรเกิดประกอบคืนไม่ครบยุ่งยากน่าดูอีก
“ทำไปเหอะ อย่าถามเรื่องมากเลย ทำไม่ได้ก็ประกอบคืนแค่นั้นจบ รื้อดูก็ได้ความรู้ดีนี่ เด็กช่างไม่ใช่รึไง”
“ครับๆให้เด็กช่างยนต์มารื้อเครื่องเสียงเนี่ย พี่เอย์ของผมนี่น่ารักจริง ๆ เลยเนอะ” ผมวางน็อตตัวสุดท้ายที่ถอดออกมาได้ลง
“ปิง เดินไปเอาน้ำเย็นมาให้กูที” เสียงพี่เอย์เรียกขึ้น ผมมองมันหน่อยนึงเห็นคร่ำเคร่งอยู่กับงานตรงหน้ามากๆ ดวงตาคม ๆ ของพี่เขาจดจ้องอยู่ที่หน้าจอตลอดเลย ขณะที่สองมือต่างคอนโทรลทั้งเม้าส์และแป้นพิมพ์
“นี่ครับ” ผมวางแก้วน้ำลงให้ แล้วมองดูสิ่งที่พี่เอย์กำลังทำ
“พี่ทำอะไรอ่ะครับ งานส่งอาจารย์เหรอ” จริงสินะผมไม่เคยรู้เลยนี่ว่าพี่เอย์เรียนอะไรอยู่ปีไหน รู้แต่ว่าเรียนอยู่ที่ไหนแค่นั้น
“ใช่ กูอยู่ปีสี่แล้วงานเยอะแบบนี้แหละ”
“พี่เรียนคณะอะไรเหรอ ผมถามได้ไหม” ผมมองดูหนังสือเล่มหนาที่กางอยูใกล้ ๆ ตัวพี่เขาอีกที มีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย จริงสิ ในหน้าจอที่พี่เอย์กำลังพิมพ์ก็มีแต่ภาษาอังกฤษที่หว่า คือผมชินไง ผมเขียนโปรแกรมใช้ภาษาอังกฤษตลอดเมื่อกี้ผมเห็นที่หน้าจอผมชินเลยไม่ได้สงสัย
“วิศวะฯ”
“ให้ผมทาย โยธาชัวร์”
พี่เอย์ยิ้มเลยครับ ผมคิดว่าผมทายถูกอ่ะ ผมเลยแกล้งเอาด้ามไขควงจี้เอวมันไปที เจอมันผลักหัวมาเบา ๆ
“รู้ได้ไงว่ากูเรียนโยธา”
“เดาแหละ พวกโยธามีแต่คนเท่ ๆ พี่เอย์เท่ขนาดนี้คงไม่ใช่พวกวิศวะอื่นหรอก” จริงๆไม่ใช่หรอก ผมเคยมาเอาแปลนตึกไปให้มันวันนั้นไงเลยรู้ คึคึ
“มึงพูดดีมากปิงเดี๋ยววันนี้กูทิปมึงเพิ่มอีกยี่สิบบาท”
“หูยใจร้ายว่ะ” ผมแกล้งทำหน้ายู่ส่งเสียงงอน ๆ พี่เอย์อมยิ้มแต่ก็ยังก้มหน้าทำงานของมันต่อไป
“ผมช่วยไหมพี่”
“ไม่เป็นไร”
“ผมพิมพ์เก่งนะ เร็วด้วยพี่เคยได้ยินแล้วนี่” ในโทรศัพท์วันนั้นคุณยังจำได้ไหมนะ
“ไม่เป็นไร กูใช้ภาษาอังกฤษ ที่สำคัญร่างรายงานคือกูต้องคิดไปพิมพ์ไป มึงทำงานของมึงไปเหอะ”
เราสองคนนั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ผมรื้อเครื่องเสียงขณะที่พี่เอย์พิมพ์รายงาน ต่างคนต่างทำงานในส่วนของตัวเอง พี่เอย์เปิดเพลงเบา ๆ จากโน๊ตบุ๊คของมันด้วย เพลงรักช้า ๆ ท่าทางวันนี้อารมณ์ดี ผมมองดูพี่เขาอีกครั้ง เออว่ะ ทำไมผมเพิ่งสังเกตนะ วันนี้พี่เอย์ไม่ใส่แว่นอ่ะ แอบสงสัยนิดนึงทำไมวันนั้นถึงใส่ล่ะวะ ผมเลยเอียงหน้าจ้องมันหวังจะมองดูว่าได้ใส่คอนแท็คหรือเปล่า
“มีอะไร” พี่เอย์หยุดมือแล้วหันมาถาม ท่าทางมันสงสัยน่าดู ผมเลยได้โอกาสจ้องตาไปเต็ม ๆ
“ทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่แว่นล่ะครับ”
“รู้เหรอว่ากูใส่แว่นด้วย” มันทำหน้าสงสัย
“ครับ วันนั้นผมเห็นนะพี่หลับคาหนังสือคาแว่นนั่นแหละ ผมเลยสงสัยไงทำไมวันนี้พี่ไม่ใส่” พี่เอย์หัวเราะหึหึแล้วอมยิ้ม ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกรอบก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้ผมสุดจะอึ้ง
“กลัวหมาบางตัวไม่ชิน เดี๋ยวจะตกใจหน้าตาตื่น กูเกียจรำคาญ”
คุณรู้ไหม....ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ คำพูดคุณชายนี่แบบมันคืออะไรเหรอวะ คือพี่จะสื่อว่ากลัวผมจะไม่ชินกับลุคหนุ่มแว่นของพี่งั้นเหรอ แล้วดูทำหน้า ตอบแล้วจะอมยิ้มอยู่ทำไม ผมว่าผมจะทำความสะอาดไอ้เครื่องนี้เสร็จไหม มัวแต่มองหน้าพี่อยู่งี้แหละ
“พี่เรียนปีสี่แล้วก็ใกล้จะจบแล้วสิครับ จะทำงานเลยเหรอ หรือว่าจะเรียนต่อที่ไหนก่อน” ผมชวนคุย ปากผมก็ถามพี่เขานะแต่มือผมตอนนี้ใช้แปรงอันเล็ก ๆ ปัดๆทำความสะอาดไอ้เครื่องในของชุดสเตอริโอที่รื้อออกมา
“ต้องเรียนต่อดิ น่าจะอ่ะนะ”
“ต่างประเทศเหรอพี่” ผมหันมองพี่เอย์ทันที คือคนรวย ๆ ชอบไปเรียนต่อเมืองนอกกันใช่ไหม พอได้ยินแบบนั้นผมก็คิดนะพี่เอย์อาจจะไปเรียนต่อเมืองนอกล่ะมั้ง หว๋ายยยทำไมผมถามไปแล้วผมใจคอไม่ค่อยดีวะ รู้สึกหวิวๆแปลกๆ พี่เอย์ไม่ได้หันมามองผมนะ มันทำงานของมันต่อพิมพ์รัวเลยไม่หยุดมือ
“ไม่หรอก กูคิดว่าจะสอบเรียนต่อในเมืองไทยนี่แหละ น่าจะเป็นที่เดิมไม่งั้นก็อีกที่นึงคิดๆไว้อยู่เหมือนกัน”
พี่เอย์ครับ พี่ก้มหน้าทำงานต่อไปเถอะครับ อย่าเงยขึ้นมาเชียวนะไม่งั้นพี่จะเห็นว่าตอนนี้ผมฉีกยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งขนาดไหน แค่รู้ว่าพี่จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ไปเรียนที่ไหนไกล ๆ มันทำให้ผมหัวใจพองได้ขนาดนั้นเหรอวะ คือเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ความสัมพันธ์โคตรจะคลุมเครือ พี่เองก็บอกอยู่ว่าไม่ได้ชอบผม แต่คือผมรู้สึกอ่ะพี่ มันไม่ใช่ใช่ไหมคำพูดของพี่มันไม่ใช่เรื่องจริง เอาเป็นว่าคนแบบพี่ผมจะดูในสิ่งที่พี่ทำก็แล้วกัน
RRR
RRRRRRR เสียงมือถือมันดัง พี่เอย์ลุกขึ้นเดินไปหยิบพอดูหน้าจอขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วโยนส่งมาให้ ผมปล่อยแปรงปัดฝุ่นแล้วรับไว้เกือบไม่ทัน เงยหน้าถามมันว่าอะไร คือโทรศัพท์พี่ท่านก็ยังดังอยู่ในมือผมนี่แหละ
“รับให้กูซิ”
“ห๊ะ?” คือผมก้มลงดูที่หน้าจอทันที ‘หยี’ ชื่อผู้หญิงนี่หว่า
“รับแล้วบอกปฏิเสธไป ”
มันบอกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องผมทำใจนิดนึงก่อนกดรับ เสียงเธอน่ารักมากเป็นผู้หญิงจริง ๆ ด้วย
“พี่เอย์ทำธุระอยู่ครับ คือ พี่เขาลืมโทรศัพท์วางไว้” ผมเก็กเสียงให้หล่อ ๆ
“แล้วนายเป็นใคร” เธอถามกลับมา
“เอ่อ.....คือผมเป็น....” นั่นสิวะแล้วผมเป็นใครกัน คือถ้าบอกว่าเป็นคนทำความสะอาดห้องให้คุณชาย แล้วคือผมมีสิทธิ์รับโทรศัพท์เขาด้วยเหรอ
“นายเป็นเพื่อนเอย์เหรอ”
“เปล่าครับ”
“ถ้างั้นเอย์อยู่แถวนั้นรึเปล่า” พี่เอย์เดินออกมาแล้วพอดี มันมองหน้าผมนิ่งเลย เหมือนกำลังถามอยู่ว่าทำไมยังเคลียร์ไม่เสร็จ
“เอ่อ...คือ...” ยังไงดีวะ ผมนึกออกแล้วว่าเธอเป็นใคร เธอคือนางฟ้าที่ผมเจอตอนมาที่ห้องนี้ครั้งแรกไง
“เอาโทรศัพท์ให้เอย์ นายนี่ถือวิสาสะมารับใช่ไหม แย่ชะมัด” คราวนี้เธอวีนกลับมา คงรู้แล้วว่าผมโกหก ผมหันไปมองหน้ามันขอความช่วยเหลือคือผมไปไม่เป็นอ่ะ ถ้าผมพูดปฏิเสธแล้วเธอถึงขนาดเลิกคบกับมันเลยผมจะโดนมันถีบเอาไหมอะไรแบบนั้น คือคุณเข้าใจใช่ไหมว่าผมไม่เข้าใจขอบเขตของตัวเองว่าผมทำได้แค่ไหนยังไง
“ถ้าเคลียร์ไม่ได้กูจะหักเงินมึง” เสียงพี่เขากระซิบเบา ๆ ลงที่ข้างหู พอบอกว่าจะหักเงินเท่านั้น เหตุผลอื่นไม่ต้องมาหรอกครับ ผมบอกเธอไปทันที
“พี่เอย์เขาไม่ว่างจริงครับ มีธุระอะไรคุณฝากไว้ที่ผมได้ผมกับพี่เขาอยู่ด้วยกันทุกวัน ผมพูดแค่นี้คุณเข้าใจใช่ไหม ไว้ก่อนเรานอนผมจะกระซิบบอกธุระของคุณถึงริมหูพี่เอย์ให้เลยครับ”
“บ้า ประสาท!” นั่นแหละครับเสียงด่า ก่อนที่เธอจะตัดสายไป ผมหน้างอเลยสิ ขณะที่อีกคนนั่งอมยิ้มหน้า บานจนจะทะลุเครื่องคอมออกมาแล้ว
“พี่อ่ะ ที่หลังปฏิเสธเองดิครับ ผมไม่ถนัดนะแบบนี้” แล้วคือผมไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงเขาเป็นยังไง ถ้าเขาเป็นคนดีแล้วไอ้คุณชายมันแค่อยากสลัดนะ ผมก็สงสารอ่ะ
“แต่มึงก็ทำได้ดีนี่ ไม่ต้องห่วงหรอก รายนั้นเองก็แรงไม่เบาอยู่เหมือนกัน ไม่ได้มีแค่กูคนเดียวสักหน่อยแต่คิดจะให้กูจริงจังด้วย โทรมาตื้อหลายวันแล้ว”
“คนที่ผมเจอตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม”
“ใช่ เขาตามกูถึงคณะเลยนะ”
“ทำไมอ่ะพี่ เธอก็สวยน่ารักดีนี่ ” คือสวยมากๆเลยนะครับ สวยกว่าคุณแพรขาช้อปสิบเท่า
“กูไม่ได้เลือกคบคนที่หน้าตาหรอก ถ้าสวยแล้วงี่เง่ากูก็ไม่เอาต่อเหมือนกัน”
คุณชายว่าจบแล้วตั้งใจทำงานต่อเลย ผมเองก็ไม่สนหรอกครับ หน้าที่ในสายจบไปแล้วผมก็ทำความสะอาดเครื่องของผมต่อสิ จะไปใส่ใจทำไม แต่ผมก็คิดนิดนึงเหมือนกันนะ ตอนที่เธอถามกลับมาว่าผมเป็นอะไรกับพี่เอย์ คือแล้วผมเป็นอะไรวะ ถ้าแค่คนทำความสะอาดห้องแล้วไอ้เชือกที่ข้อมือนี่มันคืออะไร เจ้านายเขาซื้อให้คนทำความสะอาดห้องแบบนี้ด้วยเหรอ ที่สำคัญใส่ให้ผมด้วย แล้วเรื่องนอนกอดผมที่อัมพวานั่นอีก โอ๊ยยยยยยไม่อยากจะคิดแล้ว ปวดหัว ผมเริ่มหน้ายู่ ยกสองมือยีหัว
“เป็นอะไรของมึง บ้าอะไรขึ้นมาอีก หรือรื้อแล้วประกอบคืนไม่เป็น”
“เปล่าพี่”
พี่เอย์หันมาถามแล้วก็หันไปทำงานต่อ มันผลักหัวผมเบา ๆ มาทีด้วยนะ คือผมไม่รู้หรอกว่านั่นคือการปลอบใจในสไตล์ของมันหรือเปล่าแต่แค่นั้นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นได้ ผมเลยยิ้มกว้างตั้งใจทำงานของผมต่อ
ติ๊ดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดด
เสียงกริ่งที่หน้าห้องดังขึ้น ผมเงยหน้ามองพี่เอย์มันยังไม่รู้สึกรู้สาทำงานของตัวเองต่อผมจึงวางมือจากงานรื้อๆซ่อม ๆ ลุกขึ้นไปกดถามดูว่าใคร คำตอบที่ตอบกลับมาทำเอาผมอึ้งกิมกี่ มันคืออะไรกันเหรอ คนข้างนอกเขาพูดว่า
‘กูเองซีซ่าร์’ ผมยืนเซ่อแบบคนทำอะไรไม่ถูกน่ะครับ คือผมดีใจมากจริง ๆ นะเคยแอบคิดใช่ไหมว่าพี่ซีซ่าร์อาจจะมาเที่ยวที่ห้องน้องชายสักวัน แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะมาเร็วมากจริง ๆ
“ปิง ใคร” พี่เอย์เดินเข้ามาถาม
“พะ...พี่ซีซ่าร์ครับ”
“มึงเข้าไปนั่งทำงานของมึงต่อ เดี๋ยวกูเปิดเอง”
ผมยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นแหละครับ ผมอยากเห็นพี่ซีซ่าร์นี่ ไอดอลที่ผมปลื้มปริ่มมาหาทั้งทีถึงจะไม่ได้มาหาผมก็เหอะ แล้วถ้าไอ้คุณชายมันติสถึงขนาดยืนคุยกันแล้วให้พี่ซ่าร์ของผมกลับผมจะมีโอกาสได้เห็นตัวจริงพี่เขาอีกเหรอ
“ทำไมยังไม่เข้าไป กูบอกนี่มึงไม่ได้ยินใช่ไหม” พี่เอย์เสียงนิ่งมากหน้าตาก็เริ่มตึง ๆ แล้วด้วย ผมเห็นแบบนั้นแล้วเลยรีบเดินเข้ามานั่งลงสนใจกับงานของผมต่อ ขณะเดียวกันคอก็ชะเง้อมองที่ประตูไปด้วยเห็นพี่เอย์เปิดออกไปแล้วยืนคุยกันอยู่ตรงนั้นครู่เดียวก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินนำเข้ามา พี่เอย์ปิดประตูท่าทางหัวเสียมาก
“นั่งดิ” เสียงพี่เอย์พูดขึ้น ผมเลยลุกกะว่าจะเข้าไปเอาน้ำเอาท่ามาให้แขกกิน คุณสงสัยเหรอครับว่าคนที่มาคือใครบ้าง ก็มีพี่ซีซ่าร์กับคุณเดียร์คู่หมั้นของพี่เอย์นั่นไง
“ปิงอยู่ด้วยเหรอเนี่ย กำลังทำอะไรอยู่ครับ” โอ๊ยยยไอ้ปิงสติมึงสติ จู่ ๆ พี่ซีซ่าร์เดินมาทักกันถึงที่ ผมคนนี้นั่งแข็งเป็นหินแล้ว ผมเห็นคุณเดียร์เดินเข้ามานั่งลงใกล้ ๆ กับพี่เอย์ คุณชายตวัดสายตามองมาที่ผมหน่อยนึง ผมเลยนึกขึ้นได้
“เอ่อ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” ผมว่าแล้วลุกขึ้นเดินเลี่ยงมาที่ครัว ล้างมือให้สะอาด อมยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วคือผมดีใจมากเลย คึคึ วันนี้จะได้คุยกับพี่เขาอีกแล้ว ผมจะเลือกแก้วที่สวยที่สุดเลยใส่น้ำไปให้พี่สุดหล่อของผมกิน พี่ซ่าร์ครับพี่กินให้อร่อยเลยนะนี่เป็นน้ำวิเศษผมใส่ความจริงใจของผมเข้าไปด้วย คือผมอยากบอกว่าผมปลื้มพี่มานานแล้ววันนี้แหละผมจะต้องสารภาพกับพี่ให้ได้ ส่วนคุณเดียร์เอาแก้วธรรมดาพอเธอเป็นคู่หมั้นพี่เอย์ไม่จำเป็นต้องได้แก้วสวยงามอะไรมากหรอก
เดี๋ยวก่อน! คู่หมั้น?
คู่หมั้นพี่เอย์มาที่ห้อง? ผมเริ่มคิ้วขมวดลงเรื่อย ๆ ทำไมผมถึงหงุดหงิดแบบนี้วะให้ตายเหอะ จะมาทำไมไม่ทราบ ไหนว่าเป็นทอมมีแฟนหลายคนไง แล้ววันนี้จะมาหาพี่เอย์ของผมทำไม ชิ นี่ผมไม่ได้พาลนะ แต่แค่รู้สึกไม่ชอบเลยอ่ะ
“ทำหน้าอะไรของมึง” เสียงพี่เอย์ดังขึ้นข้าง ๆ ปลุกผมออกจากความคิดแปลก ๆ บ้าบอได้ทั้งหมด
“หน้างอเป็นตะขอแล้ว”
“ก็ผมไม่ชอบนี่” ผมพูดงึมงำ
“ไม่ชอบเรื่องอะไร ไอดอลคนโปรดมึงมาหาถึงห้องนี่ไม่ใช่ว่าต้องยิ้มปลื้มปริ่มเหมือนเมื่อกี้หรอกเหรอ”
“อันนั้นก็ชอบอยู่ แต่ที่ไม่ชอบก็.....” ผมว่าหน้าผมบูดเป็นสองเท่าจากตะกี้เลยนะ ก็อยากจะพูดเหมือนกันว่าไม่ชอบเลยที่คู่หมั้นพี่มาหาถึงที่แบบนี้ แต่ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้นล่ะ แปลกมากที่มันเหมือนกับจะรู้ พี่เอย์ถอนหายใจแล้วผลักหัวผมเบา ๆ
“รีบเอาน้ำออกมา เดี๋ยวเขาก็กลับกันแล้ว”
“คร้าบบบ”
ผมยกถาดใส่น้ำไปสองแก้ววางไว้ให้แขกสองคนที่เพิ่งเข้ามา
“พวกมึงมากันทำไม” พี่เอย์ถามขึ้นห้วน ๆ เลย พี่ซ่าร์เลยโบ้ยหน้าไปทางคุณเดียร์ให้เธอเป็นคนตอบ
“ก็มารับคนบางคนไปกินข้าว ไหนลองบอกมาดิ๊เมื่อวานน้องเอย์ไปเกเรอยู่ที่ไหนครับทำไมผิดนัดพี่เดียร์กับคุณย่าแบบนี้” เธอพูดแล้วลงไปนั่งกอดเอวมันอยู่ที่พื้น ตัวเธอเล็กเพราะงั้นหัวเธอเลยซุกเข้าที่ไหล่มันได้แบบเต็ม ๆ เธอโอบเอวมันพาโยกตัวนิด ๆ ทำเหมือนคุณชายเป็นเด็กซะงั้น ผมวางแก้วน้ำลง แล้วเดินมานั่งดูเครื่องที่กำลังรื้อค้างอยู่ต่อ
“เมื่อวานไม่ว่าง”
“ก็รู้ว่าไม่ว่างเพราะฉะนั้นวันนี้เลยโดนเรียกตัวกันอีกครั้ง ทำให้ฉันคนนี้ต้องระหกระเหินมาตามเธออยู่นี่ไงพ่อตัวดี แล้วนี่ทำอะไรอยู่เนี่ย พิมพ์รายงานเหรอ”
“อือ กูไม่ไปได้ป่ะวะเดียร์”
“จุ๊ๆๆ พูดไม่เพราะเลย พูดกับผู้หญิงต้องเพราะสิครับเอย์ เห็นไหมน้องเขานั่งมองอยู่ ตั้งใจฟังเราสองคนคุยกันด้วยนะ”
คุณเดียร์พูดแล้วมองมาทางผม นั่นแหละครับผมถึงได้รู้ตัวว่านั่งมองเขาสองคนคุยกันมานานแล้ว เอาใหม่ไอ้ปิงตอนนี้มึงต้องสนใจกับงานซ่อมก่อนอย่าเพิ่งสมาธิกระเจิง พี่ซีซ่าร์ของมึงนั่งอยู่ใกล้แค่เมตรเดียวเพราะฉะนั้นสายตาของมึงจงมองแต่พี่เขาซะจะสารภาพอะไรก็พูดไปให้หมด ส่วนคุณชายจะเป็นไงก็ช่างหัวมัน ตอนนี้เขากำลังคุยกับคู่หมั้นคนสวยของเขาอยู่
“ปิงทำอะไรอยู่น่ะ เก่งจังซ่อมเป็นด้วยเหรอครับ” พี่ซ่าร์ขยับลงมานั่งอยู่ต่อหน้าผมคือตอนแรกพี่เขานั่งอยู่ที่โซฟานะครับตอนนี้เลื่อนลงมานั่งด้วยกันแล้ว ผมเลยมองหน้าพี่เขา หล่อมากครับผมเคยคิดนะผมอยากหล่อเหมือนพี่บ้างคือพี่ซ่าร์จะหล่อแบบใสๆแต่พี่เอย์คือจะออกแนวเท่มากกว่า หน้าตาคล้ายกันแต่คนละสไตล์
“ไม่ได้ซ่อมหรอกครับแค่ปัดๆทำความสะอาดน่ะ”
“แล้วจะประกอบคืนได้ไหมเนี่ย น็อตเยอะแบบนี้ยี่ห้อนี้เขาละเอียดมากเลยนะ”
“ครับก็พยายามจำว่าอะไรอยู่ตรงไหน” ผมปัดฝุ่นเสร็จแล้วพอดีเลยหยิบไขควงขึ้นมา เริ่มขันสกรูใส่คืน
“พี่ว่าน็อตตัวนี้มาจากจุดนี้มากกว่านะ ไม่น่าใช่ตรงนั้นหรอก” พี่ซ่าร์เข้ามาชี้จุดให้ผมดู ผมก็เออว่ะนี่คิดว่าตัวเองจำได้ดีแล้วนะ พลาดได้ไงวะเนี่ย ผมกับพี่เขาเลยหัวเราะกันเบา ๆ ได้ยินเสียงคุณชายกระแอมไอสองสามทีเลยหันไปดู เราสองคนสบตากันนิด ๆ ก่อนที่สายตาผมจะโฟกัสไปที่มือสวย ๆ ของคุณเดียร์ที่นั่งกอดเอวมันอยู่
บ้าฉิบ! ผมอารมณ์ไม่ดีเลยให้ตายเหอะ แม่ง สงสัยจะมาจากที่ใส่น็อตผิดรูนั่นแน่ ๆ คราวนี้นะพ่อจะขันให้พรุนไปเลยไอ้เครื่องเสียงบ้าๆๆๆ
“เอ้าทำไมทำแรงอย่างงั้นล่ะ เดี๋ยวก็ทิ่มมือตัวเองหรอก ไหนดูซิ เดี๋ยวพี่ใส่ให้ดีกว่ามา” พี่ซ่าร์ว่าแล้วแย่งไขควงจากมือผมไป พี่เขาขยับเข้ามาชิดแล้วเปลี่ยนเป็นคนขันน็อตให้ผมแทน
“ขอบคุณครับ” พี่ซ่าร์เทคแคร์แฟนคลับดีแบบนี้ทุกคนป่ะวะเนี่ย ดูซิพูดจาก็เพราะยิ้มก็หวาน ผมมองพี่เขาขันน็อตอย่างเพลินเลย ตอนนี้ไม่โฟกัสใครทั้งนั้นขอมองไอดอลขวัญใจผมคนเดียว
“อะไรกันล่ะนั่น มองพี่แล้วยิ้มแบบนั้น” ผมสะดุ้ง พี่ซ่าร์เลยยิ่งหัวเราะผมหนักเข้าไปอีก คือก็นี่เป็นครั้งแรกนี่ที่ได้นั่งคุยกันสบาย ๆ แบบนี้ผมก็ดีใจของผมอ่ะ
“พี่ซ่าร์ครับพี่ใจดีจัง”
“หึหึหึ ปิงนี่ตลกดีนะ ชอบพี่เหรอ”
“ครับใช่ ผมติดตาม..............
เพล้ง!! ผมสะดุ้งทันทีหันมองไปตามเสียง แก้วน้ำที่วางไว้ข้างโน๊ตบุ๊คของพี่เอย์แตกกองอยู่ที่พื้น ผมรีบลุกเลยครับ
“พี่เอย์ขยั.../เอย์ขยับออกมาทางนี้เดี๋ยวแก้วจะบาดนะ” เสียงผมกับคุณเดียร์พูดขึ้นพร้อมกัน แตกต่างกันตรงที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคขณะที่คุณเดียร์เธอพูดในสิ่งที่ผมอยากพูดจนจบไปแล้ว
“อะไรเนี่ยนั่งอยู่ดี ๆ ทำไมไปปัดแก้วตกแตกแบบนั้น” ผมรีบเข้าไปเอาไม้กวาดกับบุ้งเต้า
“พี่เอย์ขยับก่อนนะครับเดี๋ยวผมทำความสะอาดให้” มันมองมาที่ผมแวปนึง แล้วขยับไปชิดกับคุณเดียร์ ผมเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ ๆ ใส่ในบุ้งเต้า รู้สึกเลยนะว่ามันกำลังจ้องมองผมอยู่ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง
“ไหน ๆ ดูซิแก้วบาดมือรึเปล่าเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงนะครับน้องเอย์เดี๋ยวพี่เดียร์ฟ้องคุณย่าให้ตีก้นเลยดีไหมนะ” เสียงคู่หมั้นคนสวยของพี่เอย์พูดกับมัน เธอดึงมือมันออกไปดูพลิกหน้าพลิกหลัง คือผมก็รู้นะว่าคุณเดียร์เธอทำเล่นๆแกล้ง ๆ แต่คือผมก็รู้สึกไม่ดีอ่ะ อะไรวะแม่งมานั่งจีบกันอยู่ตรงนี้เพื่อ?
“ปิงระวังหน่อยสิ นั่นมันแตกเป็นปากฉลามเลยนะจับขึ้นมาแบบนั้นเกิดบาดมือขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงพี่ซ่าร์ดังแทรกเข้ามาผมเพิ่งรู้สึกตัวนะว่าตัวเองกำลังกำแก้วที่แตกเป็นรูปทรงแหลม ๆ อยู่ เกือบบาดไปแล้วไหมล่ะ
“มานี่มาพี่ช่วย” อีกครั้งแล้วที่พี่ซีซ่าร์ลุกขึ้นมาช่วยผมในขณะที่คุณชายนั่งมองผมเฉย ๆ ผมเก็บกวาดเสร็จเดินมานั่งลงเก็บงานของผมต่อ ตอนนี้พี่เอย์ย้ายขึ้นไปนั่งบนโซฟานุ่มกับคุณเดียร์เธอแล้ว
“ปกติเสาร์อาทิตย์ปิงว่างเหรอครับ” พี่ซ่าร์ถามผม พี่เขาก็ยังนั่งอยู่กับผมเหมือนเดิมนะ เอาไขควงไปขันน็อตให้ผมต่อ
“ครับว่าง”
“แล้วมาทำงานกับเจ้าเอย์วันไหนบ้างล่ะ”
“ก็แล้วแต่น่ะครับ แต่ไม่ใช่ทุกวัน ถ้าผมว่างก็จะมา บางทีก็มาตอนเย็น ๆ หลังเลิกเรียน”
“ขยันจังนะ”
“ครับ ผมต้องหาเงินช่วยทางบ้านน่ะครับ”
คุณเชื่อไหมผมตกใจแทบบ้าเมื่อจู่ ๆ พี่ซีซ่าร์ยกมือขึ้นมาลูบหัวผม “เป็นเด็กดีจริง ๆ นะเรา น่ารักไปทำงานกับพี่ดีไหม จะได้มีรายได้เพิ่มไง”
คุณแม่ครับพี่ขมครับ...ตอนนี้ผมแทบจะบรรลุโสดาบรรณคือผมมีความสุขจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก พี่ซ่าร์ยกมือลูบหัวผมด้วยความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันอ่อนโยนมาก ๆ เลย มือใหญ่คู่นั้นทำไมถึงอ่อนโยนแบบนี้ ผมคิดไปไกลขนาดที่ว่าพี่เอย์มีแต่ผลักหัวผมอ่ะ ถ้าอ่อนโยนได้แบบพี่ซ่าร์นะผมเทใจให้มันหมดเลยเอาดิ๊
ผมปรายสายตาแอบมองไปทางมันนิดนึงสายตาเราสบกันพอดีอีกแล้วอะไรวะแม่ง ตาเขียวปั๊ดใส่อีก นี่มันมองผมอยู่ตลอดรึไง มองไปตอนไหนถึงจ๊ะเอ๋ได้ทุกครั้งเลย
“ไปถือของให้พี่เป็นไง เวลาไปสัมภาษณ์พวกนิตยสารต่าง ๆ ให้ปิงไปช่วยถือของให้เดี๋ยวพี่จ่ายให้เป็นสองเท่าของไอ้เอย์เลยนะ”
หูยยยไปครับพี่ไปๆผมไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วกูจะมีเวลาได้อยู่กับไอดอลในดวงใจสองต่อสองชีวิตนี้ยังต้องการอะไรอีก ปกติติ่งแค่ในโปสเตอร์แต่นี่ตัวเป็น ๆ นั่งชวนผมไปทำงานด้วย คุณคิดดูนะว่าผมนี่จะปริ่มอิ่มเอมขนาดไหน พี่ซ่าร์ใจดีเป็นบ้าพูดก็เพราะชมว่าผมน่ารักด้วย ผมยิ้มไม่หุบเลยล่ะครับ ตอนนี้หน้าผมคงแดงเถือกไปหมดล่ะ
“ทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เอาแบบที่ปิงว่างค่อยไปกับพี่ก็ได้ครับ ตัดสินใจได้เลยไหมหรือต้องลองถามไอ้เอย์มันดูก่อน” พี่ซ่าร์ขันน็อตตัวสุดท้ายเสร็จพอดีเงยหน้าขึ้นมองผม สรุปเครื่องนี้พี่ท่านประกอบใช่ไหมไม่ใช่ผมว่างั้นเถอะ
“อ้อครับ ๆ ไม่ต้องครับ” ผมตอบออกไปอย่างคนไม่คิดอะไร พี่เอย์ลุกพรวดขึ้นทันที ผมเลยเงยหน้ามอง
“เดียร์ปิดเครื่องให้กูด้วย” มันบอกคุณเดียร์
“ไปไหน” เธอถามมัน
“เปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวจะไปบ้านคุณย่าไง มึงมารับกูไปกินข้าวกับท่านไม่ใช่เหรอ”
ว่าจบแล้วพี่เอย์ก็เดินเข้าไป ผมมองตามไปแต่ก็เท่านั้นแหละครับ คิดว่ารู้แล้วว่าเดี๋ยวพี่เอย์ก็คงจะต้องออกไปข้างนอก
“วันนี้พี่เอย์ไม่ออกไปไหนเหรอครับ”
“ไม่อ่ะ วันนี้กูจะนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ” นั่นคือสิ่งที่เราคุยกันเมื่อเช้า แต่ตอนนี้คงจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้แล้ว
“ซีซ่าร์นี่ไม่คิดจะแนะนำน้องเขาให้รู้จักเดียร์บ้างรึไง” เออทำไมคุณเดียร์พูดกับพี่เอย์จะพูดกูมึงแต่เวลาพูดกับพี่ซ่าร์นี่จะแทนตัวเองว่าเดียร์วะ คือมันดูซอฟต์ลงกว่าอีกคนเหมือนกันนะแสดงว่าคุณเดียร์สนิทกับพี่เอย์มากกว่างั้นดิ
“น้องเขาชื่อปิง เป็นเด็กที่ทำความสะอาดห้องให้ไอ้เอย์มัน วันนั้นเดียร์ก็เจอแล้วนี่ที่งานวันเกิดคุณย่า ปิงขับรถให้เจ้าเอย์มันด้วย”
“อ้อจำได้ละ หวัดดีจ๊ะปิงพี่ชื่อเดียร์นะ เรียกพี่เดียร์ก็ได้”
“ครับสวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดีค้อมหัวให้เธอเล็กน้อยเพราะคิดว่าอายุเธอน่าจะพอๆกับพี่เอย์ยังไงก็เป็นรุ่นพี่ผมอยู่ดี ดูเธอใกล้ ๆ แบบนี้แล้วสวยมากเลยจริง ๆ นี่ผมยังไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเธอเป็นทอม
“ว่าไงครับ ปิงยังไม่ตอบพี่เลยนะ สนใจไปทำงานกับพี่ไหม ได้ตังค์เพิ่มด้วย ปิงทำเฉพาะวันหยุดก็ได้ ถ้าไงเริ่มกันบ่ายนี้เลยเดี๋ยวพี่พาไปดูงานก่อน ก็แค่ช่วยหิ้วกระเป๋าถือของใช้ส่วนตัวให้พี่ ครั้งนึงไม่กี่ชั่วโมงหรอกพี่จ่ายให้สองเท่าของเจ้าเอย์เลย”
“นี่ซ่าร์จะชวนน้องเขาไปช่วยถือของเหรอ”
“อือฮึ งานเยอะขึ้นแล้วพี่ที่เคยช่วยอยู่คนก่อนช่วงนี้เขาต้องไปดูคิวให้กับอีกคนด้วย เลยคิดว่าน่าจะมีคนที่คอยดูแลอะไรให้ดี ๆ สักคน แล้วปิงก็เป็นเด็กดี คิดว่าน่าจะไว้ใจได้ ขับรถก็ได้ด้วย นี่คือยิ่งดีไปใหญ่เลย แถมซน ๆ แบบนี้เป็นบอดี้การ์ดให้พี่ได้อีกต่างหากเนอะ” นี่คือที่พี่ซ่าพูดกับคุณเดียร์นะครับประโยคหลังนั้นหันมาเนอะๆกับผม ผมก็ยิ้มแห้งๆส่งไป คือผมตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอก แต่ว่าตั้งแต่พี่เอย์เดินเข้าห้องไปใจผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยนะ รู้สึกไม่อยากคุยขึ้นมาซะงั้นทั้ง ๆ ที่คุยอยู่กับพี่ซ่าร์ที่ผมชื่นชอบแท้ ๆ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมรู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยแต่ผมทำงานกับพี่เอย์แล้ว แล้วก็.....
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกปิง พี่ไม่ได้จะให้ปิงเลิกทำงานกับเจ้าเอย์นะ แต่คิดว่าวันไหนที่ปิงว่างคือพี่ก็ช่วยให้ปิงมีรายได้ๆเพิ่มขึ้นไง เราเข้าใจที่พี่พูดไหมเนี่ย แบบวันนี้ใช่ไหมเดี๋ยวเอย์เขาจะออกไปกับเดียร์ ปิงก็ไปช่วยงานพี่สักสองสามชั่วโมงก็ได้ตังค์แล้ว จากนั้นปิงจะกลับมาทำอาหารเย็นให้ไอ้เอย์มันทานต่อก็ยังได้เลยนี่” พี่เขาพูดแบบจ้องหน้าผมเลยนะ ทำไมผมรู้สึกอึดอัดวะ ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เลยให้ตายเหอะ ก็รู้ว่าดีที่จะมีรายได้เพิ่ม แต่คือผม
ไม่อยากไปว่ะพี่! “เดี๋ยวผมลองไปถามพี่เอย์ดูก่อนนะครับ” ผมว่าแล้วลุกขึ้น คืออยากจะเลี่ยงออกมาแล้วก็อยากจะเข้าไปหาพี่เอย์ด้วย คือก็อยากจะถามนั่นแหละ ถ้าพี่เขาบอกไม่ให้ไปคำเดียวคือผมจบเลยนะ ใช่อยู่เงินอาจจะสำคัญก็จริง แต่ผมกลับคิดว่าความรู้สึกที่ทำแล้วสบายใจหรือไม่นั่นต่างหากที่สำคัญมากกว่า
“พี่เอย์ครับ” ผมเคาะเรียกพี่เขาที่หน้าประตูห้อง “ผมเข้าไปได้ไหมพี่”
เสียงตอบรับดังมาจากข้างใน ผมเลยเปิดเข้าไป มันคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จพี่เอย์สวมเดฟสีสนิมใส่เข็มขัดเรียบร้อยแล้วเหลือแต่ท่อนบนที่ยังเปล่าเปลือยอยู่ เส้นผมนี่ยังเปียกหมาด ๆ อยู่เลย กลิ่นครีมอาบน้ำพี่แกโคตรของความหอม
“มีอะไร”มันว่าแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกมาหนึ่งตัวปลดออกจากไม้แขวนแล้วสะบัดใส่จากด้านหลัง
“พี่จะออกไปข้างนอกเหรอครับ”
“ใช่” พี่เอย์ติดกระดุมเสื้อแล้วเดินเข้ามาใกล้
(ต่อด้านล่าง)