# 1 เผชิญหน้า(เพราะว่าคุณคือนายจ้าง)“โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้บาสเบามือหน่อยสิวะมึงนี่”
ผมก็แค่แหกปาก เพราะไอ้หมาบาสมันกำลังทาบพลาสเตอร์ยาแปะลงที่หางคิ้วให้อย่างระมัดระวัง ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่เผลอไปจีบแฟนรุ่นพี่เลยเจอดีเข้านิดหน่อย ก็แหม่ใครจะรู้ล่ะ เธอเล่นบอกว่าเธอยังไม่มีใคร ผมก็คิดว่าเธอว่างจริง ๆ น่ะสิ ผู้หญิงสมัยนี้อันตรายชะมัดเรื่องจริงเรื่องโกหกพูดจาแยกไม่ออกเลย แต่ผมไม่ได้หัวโบราณอะไรหรอกนะทางเลือกดี ๆ ก็ยังมีอยู่ ผู้ชายขาว ๆ น่ารัก ๆ ปากแดง ๆ นั่นก็น่าสนใจดีเหมือนกัน
เอิ๊กๆ ว่าไปนั่น!
“ลูกพี่นี่ก็ชอบหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ ก็รู้อยู่ว่าพี่โตเขาโหดแค่ไหน เสร่อไปยุ่งกับแฟนเขา ดีนะโดนมาแค่หางคิ้ว”
“มึงจะบ่นกูทำซากไรนักหนาวะเป็นแม่กูเหรอ ยิ่งปวดแผลอยู่ อย่าปากดีไปฟ้องท่านแม่กูล่ะ”
“ครับ ๆ ไม่ฟ้องหรอกเรื่องเจ้าชู้นี่ธรรมดาของลูกพี่ปิงอยู่แล้วเนอะ ดูซิเนี่ยเสียดายหน้าตัวเองบ้างไหม หน้าตาหล่อน่ารักขนาดนี้ เป็นแผลเต็มไปหมดกลบความหล่อซะมิดเลย”
“หมาบาส!” ผมตบกบาลมันไปทีมันรีบโยกหัวหลบ บ๊ะ! ไอ้นี่แซวไม่เลิก
“ว่าแต่วันนี้ลูกพี่จะไปสนามป่ะ” มันทำหน้าออดอ้อน สนามที่มันพูดถึงก็หมายถึงสนามบอลนั่นแหละ
“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวไว้กูโทรบอกมึงอีกทีเย็น ๆ ”
“งั้นผมกับไอ้วุฒิไปรอลูกพี่ที่เดิมนะ”
“เออ”
เย็นนี้ก็เหมือนทุก ๆ วัน ผมช่วยคุณตะนาวศรีเธอเก็บร้านจนเสร็จเรียบร้อยหลังจากนั้นว่าจะออกไปเตะบอลกับพวกไอ้บาสสักหน่อย แต่พี่ขมที่กำลังนั่งล้างหม้อล้างไหอยู่ ทักขึ้นมาเสียก่อน
“น้องปิงวันนี้จะกลับไปนอนบ้านรึเปล่า”
“โหบอกหลายทีแล้วอย่าเรียก น้องปิง พี่ขมเรียกผมปิงหรือไอ้ปิงเลยก็ได้ เรียกน้องปิงแบบนี้ไอ้พวกเพื่อน ๆ ผมมันชอบเอาไปล้ออ่ะ”
ก็พวกไอ้บาสกับไอ้วุฒินั่นแหละครับ นี่ยังไม่รวมไอ้หมีไอ้ช้างไอ้เปรี้ยว กลุ่มพวกผมมีกันหลายคนหน่อยแต่ที่ผมสนิทด้วยจริง ๆ ก็แค่ไอ้บาสกับไอ้วุฒิ เหตุเพราะมันยกให้ผมเป็นลูกพี่ มันบอกผมหาเรื่องเก่งสุด หาเงินก็เก่งสุดด้วย ถึงพวกผมเป็นเด็กช่างแต่เรื่องตีรันฟันแทงไม่มีนะ หนักสุดก็แค่ชกต่อยแย่งสาว ๆ แค่นั้นเอง
“โทษทีๆพี่ลืม ก็เราหน้าตาเบบี้ซะขนาดนี้ พี่เผลอคิดว่าเรายังไม่โตทุกทีนี่นา อะไรกันเพิ่งอาบน้ำล้างไข่ให้เมื่อวานอยู่แท้ ๆ”
“พี่ขมครับ นั่นมันจะยี่สิบปีแล้วนะครับพี่ จะมาเมื่อวานอะไรกัน” ผมเริ่มคิ้วกระตุก เก็กน้ำเสียงเย็นเฉียบ
พี่ขมก็เป็นแบบนี้ตลอด หัวเราะแฮ่ ๆ กลับมาให้ผม เธอเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ ก็เป็นเพื่อนของแม่ตั้งแต่เข้ากรุงเทพมาเป็นสาวโรงงานด้วยกัน พอแม่มีผมก็หุ้นกันเข็นรถขายส้มตำแถวหน้าโรงงาน จากนั้นพอเริ่มเก็บเงินได้หน่อยสองสาวเลยมาเช่าที่ตรงนี้เปิดร้านส้มตำอีสานเล็ก ๆ ขึ้นมา ทุกเย็นแกจะเก็บล้างช่วยแม่จากนั้นก็จะขึ้นรถกลับบ้านเช่าด้วยกัน เช้ามาก็ตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าไปตลาด สองนางแห่งคลองซอยสองหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ไปเปิดร้าน เป็นภาพคุ้นชินของคนแถวนี้ไปแล้ว
ขณะที่ผม มีห้องเช่าส่วนตัวอยู่อีกที่ เพราะที่เรียนไกลจากบ้านเช่าไปหน่อย แล้วผมก็หาเงินใช้เองตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นผมจึงเช่าห้องเล็ก ๆ เท่ารูหนูไว้เพื่อทำงานลับ ๆ และซุกหัวนอน อ้อยังไม่ได้บอกกันนี่นะ งานอดิเรกลับ ๆ ของผมอย่างหนึ่งก็คือ เป็นมือปืนรับจ้างเขียนโปรแกรม
ผมเก่งนะ ของใช้ที่ผมซื้อแบบไม่เสียดายเงินเลยคือคอมพิวเตอร์ เพราะผมได้เงินจากมันเยอะเพราะงั้นเลยต้องใช้ของดี ๆ กันหน่อย ส่วนใหญ่เด็กที่มาใช้บริการก็เด็กมหาลัยแถว ๆ นี้แหละ ผมเริ่มทำมาตั้งแต่อยู่ ปวช.ปีหนึ่งโน่น แต่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันหรอกครับ รับงาน เขียนให้ ส่งให้(ทางไปรษณีย์) รับเงิน แค่นั้นจบ ไม่มีความหมายหรอก ไม่มีใครสนใจอยากจะเห็นหน้าผมด้วย
บอกแล้วไง...ผมมันก็แค่คนธรรมดา ที่หาเงินเก่งแค่นั้น
“แล้วเอาไง วันนี้กลับไหม แม่เราคงอยากให้กลับไปนอนบ้านบ้างอ่ะนะ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้กลับเลยนี่”
“โอเคๆ วันนี้จะกลับ” ช่วยไม่ได้ช่วงก่อนสอบงานเขียนโปรแกรมชุกจะตาย โกยได้ต้องรีบโกย เรื่องเงินต้องมาก่อน
“เอ๊ะ ได้ยินใครบอกวันนี้จะกลับบ้าน ฝนจะตกใส่หัวแม่ไหมเนี่ย” คุณตะนาวศรีเดินเข้ามาแล้ว
“โหยแม่ ปิงกลับออกบ่อยอย่ามาพูดเหมือนปิงเป็นเด็กแย่ ๆ แบบนั้นดิ”
ผมแกล้งทำหน้าเง้างอน แค่นั้นคุณนายเธอก็รีบมาบิดจมูกผมงุด ๆ แล้ว “แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมาอีก วัน ๆ นี่ไม่มีแผลกลับมาบ้านไม่ได้เลยใช่ไหมครับ หืม” เธอใช้ปลายนิ้วไล้ ๆ ดูที่พลาสเตอร์ที่แปะไว้ที่หางคิ้วผม
ผมรีบคว้ามือเธอลงมาจับไว้ พร้อมกับก้มลงไปดูมือนิ่ม ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมรู้สึกว่ามันสากและกระด้างขนาดนี้ ริ้วรอยจากการทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงผมคนนี้ ในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ชาตินี้ผมไม่มีวันทดแทนพระคุณได้หมด
“สักวัน ปิงจะไม่ให้แม่ต้องลำบากแบบนี้อีก ปิงสัญญา” ผมล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าสองพันยัดใส่มือเธอไว้
“อะไรอีกลูก ปิงไปเอาเงินมาจากไหน” ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงกลัวว่าผมจะไปทำเรื่องไม่ดีอะไรมา
“ปิงก็รับจ้างทั่วไปแหละ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกปิงไม่ทำเรื่องเหลวไหลไม่ดีรับรองได้ ปิงไม่อยากให้แม่ลำบากครับ มือแม่แตกหมดแล้วไม่อยากให้ตำส้มตำเลย”
“ลำบากอะไรกันลูก แม่รักงานแม่ค้าส้มตำนะ ขอแค่ปิงเป็นเด็กดีไม่มีเรื่องมีราว เรียนจบทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ แค่นี้เองที่แม่หวังเอาไว้ ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าการทำงานหาเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่ลำบาก แม่รักปิงนะครับ”
“ปิงก็รักแม่ รักพี่ขมด้วย เนอะๆ” ผมมองเห็นพี่ขมยืนน้ำตาคลอมองพวกผมอยู่เลยตั้งใจพูดให้แกฟังด้วย ความจริงก็เรียกพี่ไปงั้นแหละพี่ขมก็เหมือนแม่ของผมคนนึงเหมือนกัน
ค่ำ ๆ ของวันนั้นผมโทรบอกพวกไอ้บาส วันนี้คงไม่ได้ไปเตะบอลกับพวกมันแล้ว มอไซด์คันเล็กอัดสามพาแม่และพี่ขมซิกแซกเข้าซอยเล็กซอยน้อยในที่สุดก็มาถึงบ้านเช่าเล็ก ๆของพวกเรา ที่นี่เป็นชุมชนแออัดขนาดกลาง ผมจอดมอไชด์ให้เข้าที่ก่อนเดินออกมายืดเส้นยืดสายทักทายคนโน้นคนนี้ตามประสาคนไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์ มองเห็นเด็ก ๆ เล่นวิ่งไล่จับ บางคนกระโดดขี่คอเล่นหนอนขาเดียวกันก็มี
“พี่ปิงมาเล่นด้วยกันเร็ว” ไอ้ตั้นเด็กโข่งมันตะโกนเรียกผมไปเล่นหนอนกับพวกมัน ผมเบะปากให้ แกล้งยักไหล่ใส่มันเจอมันแจกนิ้วกลางกลับมาแบบเต็ม ๆ เล่นเอาเงิบ
“อ้าวเจ้าปิง วันนี้กลับบ้านได้เหรอเรา”
“โห แม้แต้ป้าจิตรยังแซว ท่าทางวันนี้จะมีโชคก้อนใหญ่ซะล่ะว้า”
ป้าจิตรแกทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ที่คอนโดของพวกคนรวยแถว ๆ แถวสาทร แกเป็นพนักงานของบริษัททำความสะอาดแห่งหนึ่ง
“ลาภก้อนโตเชียวล่ะปิงถ้าเอ็งจะเอาอ่ะนะ”
“อะไรอ่ะป้า” ผมแกล้งทำท่าอยากรู้ คิดว่าแกพูดเล่น
“มีจ๊อบพิเศษเอ็งจะรับรึเปล่า ถ้าไม่เดี๋ยวป้าจะไปถามไอ้ชาติมัน”
“เฮ้ยรับ ๆ ป้าบอกเร็วดิ งานอะไรปิงก็รับทั้งนั้นน่ะ ไม่เกี่ยงหรอก”
ตอนนี้กำลังเก็บเงินออกรถกระบะมือสองให้คุณนายเธอสักคัน เห็นเช้า ๆ หิ้วของเต็มสี่มือสองคนแล้วผมรู้สึกแย่โคตร ๆ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งจะให้แม่ลำบากนาน ๆ ได้ไง ผมโตแล้วจึงรับงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เก็บเงินเก็บทอง บางคนว่าผมขี้เหนียวผมไม่สนใจหรอก ผมคิดว่าคำว่า ‘ประหยัด’ น่าจะเหมาะกับผมมากกว่า
“งานทำความสะอาดห้องที่คอนโดนั่นแหละ”
“เฮ้ยไม่เอา ผมไม่ใช่คนของบริษัทป้า จะเข้าไปทำได้ที่ไหนกันเล่า” ยังไม่อยากเสี่ยงโดนจับนะครับ คอนโดหรูหราแบบนั้นเขาคัดคนเข้านอกออกในยิ่งกว่าด่านศุลกากรเกาหลีอีก
“ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงงานของบริษัททำความสะอาด พอดีคุณที่เขาอยู่ที่นั่นวานให้ป้าหาเด็กทำความสะอาดห้องให้ รู้สึกว่าเมื่อก่อนจะเป็นแม่บ้านผู้หญิงแต่แฟนเขาไม่ชอบใจล่ะมั้งนะ ก็เลยอยากได้ผู้ชายมาทำงานบ้านให้แทน คุณเขาอยากหาคนที่ไว้ใจได้เลยมาถามป้าดู ป้านึกถึงเอ็งเลยนะเจ้าปิง”
“โอ๊ยดีเลยครับป้า ไอ้ปิงคนนี้ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง กระผมรับรองจะไม่ทำให้ป้าเสียชื่อ ไว้ใจผมได้ร้อยเปอร์เซนต์ ว่าแต่จ่ายให้เต็มอัตราจ้างแค่นั้นพอ ไอ้ปิงทำเต็มที่ ถวายหัว”
“ป้าบอกคุณเขาไว้แล้วว่าเอ็งยังเรียนอยู่ เพราะงั้นคุณเขาเลยบอกว่าให้มาทำวันเสาร์อาทิตย์ส่วนวันธรรมดาก็ไปตอนเย็นแบบวันเว้นวันเอาก็ได้ ไว้เอ็งไปตกลงกับเขาอีกที ว่าแต่เอ็งพร้อมจะไปวันไหนล่ะ เดี๋ยวป้าบอกคุณเขาไว้ให้”
“ทำวันละกี่ชั่วโมงครับป้า”
“อู้ยสองชั่วโมงก็พอ หลังเลิกเรียน”
“พรุ่งนี้เลยครับป้า” ผมตอบรับทันทีด้วยความเต็มใจ ป้าจิตรเดินมาตบไหล่ผมเบา ๆ เชิงขอบใจ ผมเลยยกมือไหว้แกเอาแบบท่วมหัวไปเลย
คืนนั้นผมยิ้มกว้าง ล้วงเอาสมุดบัญชีมาเปิดดู ในใจปลื้มปริ่มสุด ๆ เพราะกำลังจะมีรายรับเพิ่มเข้ามาอีกทาง ความฝันที่จะออกรถให้แม่สักคันก็ใกล้เข้ามาอีกนิด ต้องขอบคุณป้าจิตรกับคุณนายจ้างคนใหม่มากจริง ๆ ที่จะมาเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ความฝันของผมเป็นจริงในเร็ววันได้
ซ่าาา! เสียงน้ำสายยางพ่นอยู่ที่สวนเล็ก ๆ ด้านล่างของคอนโดหรูหราริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มาก ๆ ชนิดหกเลนมั้ง ผมเงยหน้ากวาดตามองอาคารสูงตระหง่านโทนสีโคตรจะผู้ดี สีอะไรเทลๆนี่แหละ แบบที่พวกผู้ดีเขาเรียกกัน ยิ่งดูยิ่งตระการตา โหยยยคงจะมีแต่คนรวย ๆ อยู่ที่นี่กันล่ะนะ ตอนขับมอ’ไซด์เข้ามาเห็นติดป้ายด้านหน้าโครงการขายเป็นตารางวาละตั้งหลายแสน บรึ๋ยยย แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วครับ พวกคนรวยจะพูดยากไหมเนี่ย แล้วนายจ้างของผมจะเป็นคนแบบไหนกันนะ เห็นป้าจิตรบอกว่าก่อนหน้านี้จ้างผู้หญิงมาทำแต่แฟนเขาไม่ชอบเลยอยากได้เป็นผู้ชาย คงจะอยู่กันเป็นครอบครัวล่ะมั้งเมียคงขี้หึง หรืออาจจะมีพ่อแม่ลูกอะไรแบบนั้น ถ้ามีเด็กก็ดีสิ ผมชอบนะเล่นกับเด็ก ๆ แต่เอ๊ะ! ไม่เอาดีกว่าบ้านไหนมีเด็กบ้านนั้นจะรกมาก เก็บกวาดเท่าไหร่ก็ไม่สะอาด สาธุๆขอให้เป็นแค่คู่แต่งงานใหม่อยู่สองคนผัวเมียเรียบ ๆ ง่าย ๆ ห้องจะได้ไม่รกมากนัก
“เย้ยยย!!!”
ผมกระโดดโหยงหลุดอุทานออกมาอย่างดังก็แหมจู่ ๆ ป้าแกดันมายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เลย
“เอ้าไปกันได้แล้วเจ้าปิงมัวแต่ยืนอึ้งอะไรอยู่ ป้าบอกคุณเขาไว้แล้วว่าเอ็งจะมาวันนี้ เดี๋ยวส่งเอ็งที่ห้องก่อน คุณเอย์เขาบอกให้เอ็งเริ่มงานวันนี้ได้เลยนะ”
“คุณเอย์?”
“ใช่ คุณเจ้าของห้องนั่นแหละ รู้สึกจะเรียนมหาลัยอยู่เลย แต่อย่างว่าพวกลูกคนรวยมีกะตังค์ กินอยู่หรูหราแบบนี้เรื่องธรรมดาล่ะ เผลอๆจะมีธุรกิจส่วนตัวด้วยอีกเราเองก็ไม่รู้กับเขา เอ็งดูแลห้องให้เขาดี ๆ ละกันอย่าให้เสียชื่อป้าเชียวนะ”
“รับรองน่า ป้ารอกลับพร้อมปิงเลยไหมล่ะ นี่ก็เย็นแล้ว”
“ไม่เป็นไร ถึงเวลาเลิกงานป้าแล้วเดี๋ยวจะมีรถมารับไปตอกบัตร เพื่อน ๆ ป้าเยอะ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก”
ผมมองตัวเลขเปลี่ยนชั้นในลิฟต์จนเหนื่อย
นี่ยังไม่ถึง??
“ห้องคุณเขาอยู่ชั้น 50 ห้องใหญ่ ยูนิตริมขวาสุด เอ็งก็ทำความสะอาดทั่วไปนะปิง เก็บกวาดดูดฝุ่น เก็บข้าวของรวมถึงพวกเสื้อผ้าเครื่องนอนต้องเอาลงไปส่งซักที่ลอนดรี้ด้านล่าง แล้วก็ต้องเอาของที่รีดแล้วขึ้นมาจัดเรียงใส่ตู้ให้คุณเขา ทำทุกอย่างอ่ะ ขัดรองเท้า ซักกางเกงใน ล้างห้องน้ำ”
“คนใช้ดี ๆ เลยนี่นา”
“ก็เออ เอ็งจะทำไม่ทำล่ะ ป้าเคยมารับจ๊อบห้องคุณเขา จ่ายทีเป็นพันนะทำแค่ไม่กี่ชั่วโมง ป้าเห็นเอ็งอยู่กับแม่เป็นลูกกตัญญูหรอก นึกสงสารเลยแบ่งรายได้ให้นะเนี่ย”
“คราบ ๆ เอาสิครับ งานเงินดี ๆ แบบนี้ขอให้ถูกกฎหมายเถอะ ไอ้ปิงคนนี้ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว”
“ไป ถึงแล้ว ห้องโน้นนะ”
ป้าจิตรสั่งไว้แค่นั้นก่อนจะส่งผมที่หน้าห้องห้องหนึ่งของชั้นห้าสิบ ผมกดกริ่งเรียก ประหม่านิดหน่อยพยายามผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ
‘สูงชะมัด’ พึมพำเบา ๆ เมื่อมองผ่านผนังกระจกใสๆลงไป ห้องนี้เป็นห้องริม วิวดีมาก ๆ ต้องหรี่ตามองเพราะหวาดเสียวมากกับความสูง
“ใคร”
เสียงที่ดังผ่านอินเตอร์คอมออกมาเป็นเสียงผู้ชาย น้ำเสียงหงุดหงิดน่าดู
“ผม พนักงานทำความสะอาดที่ป้าจิตรคุยไว้น่ะครับ”
“อ้อ รอสักครู่”
ผมยืนผิวปากดูวิวด้านล่างไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ไอ้คำว่าสักครู่ของคุณเจ้านายนี่จะนานเกินไปรึเปล่านะ
สิบห้านาทีผ่านไป
สักครู่ห่าอะไรของมันบ้าฉิบ!
พอประตูเปิดออกมาเท่านั้นแหละ พ่อคุณแม่คุณเอ้ยยยย ผมแทบลมจับ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเห็นคนสวยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ให้ตาย! ผมสาบานเธอสวยมากจริง ๆ ครับ สวยชนิดที่แถวๆโรงเรียนผม สังคมของผมไม่มีแบบนี้อ่ะนะ
“เข้ามาสิคะ” ทำม้ายทำไมต้องเป็นคนสวยขนาดนี้ที่มาเปิดประตูแล้วเรียกผมเข้าห้อง วาสนาไอ้ปิง ป๊าดดดด เธองามมากจริง ๆ นะครับเสียงเพราะพริ้งนุ่มนวลรื่นหู ผมก้าวขาแทบไม่ออกยังคงยืนอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นขณะที่ยังไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้แม้สักวินาทีเดียว
“ยืนงงอยู่ทำไม รีบเข้ามาเร็วเข้า”
น้ำเสียงหยาบกระด้างสวนทางกับแนวความคิดปลุกผมออกจากภวังค์ทั้งหมด คุณเจ้าของเสียงเดินออกมาจากห้องเล็กด้านในร่างกายสูงใหญ่สมส่วนโคตรจะดูดี ขณะที่มือยังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองอยู่ ท่าทางคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หน้าตาคุ้น ๆ ยังไงชอบกล เขายืนจ้องผมอยู่ครู่หนึ่ง
ครู่เดียวจริง ๆนะ
“หยีกลับเองได้แน่นะครับ เอย์ขอโทษอีกครั้งนะไปส่งไม่ได้จริง”
เอย์?? เห..............น้ำเสียงแบบนี้???
ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก โลกนี้จะว่ากว้างมันก็กว้างนะ แต่จะว่าแคบ มันก็โคตรจะแคบแบบสุด ๆ ไปเลย
ไอ้คุณชายเอย์ตั้น คนที่ผมแกล้งทำแกงหน่อไม้หกใส่มันวันนั้นนี่หว่า ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว หวังว่ามันคงจะจำผมไม่ได้หรอกนะ ผมรีบยกมือขึ้นลูบ ๆ พลาสเตอร์ยาที่ติดอยู่ที่หางคิ้ว มีไอ้แผ่นนี้ช่วยบัง ๆ โครงหน้าไว้ยังไงก็อาจจะพอถูไถไปได้ก้มหน้าต่ำๆให้ผมด้านหน้าปรกลงมาปิด ๆ ซีกหน้าไว้ แต่ให้ตายเถอะ เหมือนว่าผมจะลืมอะไรไปอย่าง ผมยังใส่กางเกงสแลคของเด็กช่างอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะถอดเสื้อช็อปออกแล้วก็ตาม
มันจะจำผมได้ไหมนะ
“รออยู่นี่ กูลงไปส่งน้องเขาข้างล่างเดี๋ยวจะขึ้นมาสั่งงาน”
เสียงมันโหดดีจริง ๆ ไม่รู้มันขี้เก็กทำเป็นตีขรึมหรือว่าเสียงมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ‘ปัดโธ่โว๊ย! ทำไมต้องได้มาทำงานที่ห้องมันด้วยวะ’ ผมสบถเบา ๆทิ้งตัวนั่งลงที่พื้น ยกสองมือยีหัวแบบคนไม่ได้ดั่งใจ ยังไงเสียก็ต้องดูท่าทีมันไปก่อน อาจจะเป็นคนดีกว่าที่คิดก็ได้ ถ้าทนไม่ไหวยังไงค่อยเผ่นละกัน ขืนหนีไปตอนนี้เสียชื่อป้าจิตรแน่ แถมมันจะมาว่าผมกลัวมันอีกน่ะสิ คนอย่างไอ้ปิง ไม่มีกลัวใครอยู่แล้วครับท่าน
“ทรงผมอะไรของมึง” มันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรีบหันไปมอง มันเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาสีน้ำตาลหรูหรา
“ขึ้นมานั่งข้างบนนี่ ตรงนั้นมันสกปรก กูจ้างมึงมาทำความสะอาดห้องเพราะฉะนั้นตัวมึงต้องสะอาดก่อนเป็นอันดับแรก กูไม่ชอบคนสกปรก ของใช้สกปรก หรือห้องสกปรก ทุกอย่างของกูต้องเนี๊ยบ สะอาดและเรียบร้อย มึงเข้าใจที่กูพูดใช่ไหม”
ผมค่อยกระดื๊บๆขึ้นไปนั่งที่โซฟานุ่ม ๆ ตรงข้ามกับมันปัดๆตูดเดี๋ยวมันจะว่าผมสกปรกอีก พร้อมพยักหน้ารับคำเบา ๆ เข้าใจสิ เข้าใจ เข้าใจว่ามันเป็นคนที่เนี๊ยบมากจริง ๆ ดูจากชุดที่สวมใส่อยู่ก็รู้ คนอะไรใสเนคไทอยู่บ้าน
“เป็นอะไร” มันถามด้วยสายตาที่สงสัยในท่าทางของผมสุด ๆ
“เปล่า”
“มึงกลัวกูเหรอ”
ผมรีบส่ายหัว ขณะในใจตอบคำถามมันไปแล้ว ใช่! กูกลัวมึง กลัวว่ามึงจะจำกูได้ว่ากูเคยแกล้งมึงยังไง แล้วจะพาลไม่จ้างกูทำงาน
“ไม่ได้กลัวแล้วทำหน้าแบบนั้นทำไม ทีตอนอยู่ถิ่นตัวเองนี่แกล้งกูสารพัดนะ”
“ค...คุณ จำได้??” ผมตกใจนะ มันจำได้จริงเหรอ
“กูไม่ได้ความจำเสื่อมนะ แล้วก็ไม่ได้มันสมองปลาทองแบบมึง เรื่องเพิ่งผ่านไปอาทิตย์เดียวมึงคิดว่ากูจะจำมึงไม่ได้เชียวเหรอ กับไอ้คนที่ขูดรีดค่าผัดไทยกูตั้งสี่ร้อยกว่าบาท”
ตอนนี้หน้าผมคงเหลือแค่สองนิ้วนั่นล่ะครับ ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องมารับจ๊อบทำงานให้มัน อิโถ่ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นนายจ้างนะผมเถียงไฟแลบไปแล้ว
“ปากเก่ง ๆ ท่าทางอวดดีแบบวันนั้นไปไหนแล้ว ทำไมวันนี้ถึงเงียบผิดปกติ” มันมองมาที่ผมสายตาเหมือนกำลังประเมินกันอยู่ยังไงยังงั้น
“แล้วผมเถียงได้หรือไงล่ะ คุณเป็นนายจ้างผมนี่”
“ไม่รู้โว้ยอยากทำอะไรก็ทำ เป็นแบบที่มึงเคยเป็นนั่นแหละดีแล้ว แต่อย่ากวนตีนกูให้มากนักก็พอ เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก มึงทำงานของมึงเสร็จปิดห้องให้เรียบร้อย นี่การ์ดสำรองเผื่อมาวันไหนแล้วไม่เห็นกู มึงก็เปิดเข้ามาเอง”
มันว่าแล้วยื่นการ์ดให้ ขณะที่ตัวคนลุกจากที่นั่ง เดินไปคว้าเอากุญแจรถ
“มึงชื่ออะไร”
“ปิงครับ”
“อายุเท่าไหร่”
“19 ”
“เรียกกู ‘พี่เอย์’ เดี๋ยววันนี้กูต้องไปงานเลี้ยงสมาคมกับที่บ้าน มึงทำอะไรเสร็จแล้วจะกลับเลยก็ได้ เงินวางอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง เอาไปทั้งหมดนั่นแหละ”
“ล...แล้วคุณจะทิ้งผมไว้ที่นี่คนเดียวเหรอ ค...คือ แบบว่า ยังไงผมต้องมาวันไหนอะไรยังไง แล้วต้องทำอะไรไว้บ้าง”
ผมรีบรัวคำถามเพราะท่าทางมันจะออกไปแล้วทิ้งผมไว้จริง ๆ ตอนนี้ตัวผมค่อยเลื่อน ๆ ลงมานั่งที่พื้นอีกครั้ง เงยหน้าถามมัน ไม่รู้นะผมไม่ชินกับการนั่งบนโซฟานุ่มนิ่มนี่ อยู่บ้านผมก็ถด ๆ ไถ ๆ อยู่ตามพื้นนั่นแหละ ขนาดห้องเช่ารูหนูของผมนะ ไม่มีแม้กระทั่งเตียง ผมนอนบนพื้นเลย ง่วงเมื่อไหร่นอนเมื่อนั้น ความสะดวกสบายหรูหราอะไรนั่นผมไม่รู้หรอก
“เด็กน้อยเหรอมึง ทำไม? ต้องให้กูอยู่เป็นเพื่อนมึงเหรอ แบบนั้นกูไม่แย่หรือไงจะไปไหนต้องรอมึงเสร็จงานก่อนเท่ากับว่าจ้างมึงมาเป็นตัวภาระงั้นสิ” มันยืนอยู่เต็มส่วนสูงในมือถือพวงกุญแจรถแล้วหันมองมาที่ผม
“ไม่ใช่แบบนั้น แค่ผมอยากจะรู้ว่าคุณไว้ใจผมเหรอ ทิ้งให้ผมอยู่ห้องคุณคนเดียวแบบนี้”
“อย่ามาสำคัญตัวผิด คนที่กูไว้ใจคือป้าจิตร จะทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดีล่ะ”
“แล้วคุณจะกลับมาตอนไหน”
“มึงเป็นเมียกูรึไง จำเป็นไหมกูต้องรายงานมึงทุกอย่าง ทำงานเสร็จปิดห้องออกไป แค่นั้นจบ ว่างเมื่อไหร่มึงมากูจ่าย ความสัมพันธ์นายจ้างลูกจ้างไม่จำเป็นกูต้องรายงานเรื่องส่วนตัวให้มึงรู้นี่”
“หูยยย เย็นชาจริง ๆ”
“มึงว่าอะไรนะ”
“เปล่า”
หูดีเป็นบ้า บ่นเบา ๆ ยังจะได้ยินอีก มันเดินมาคว้าเอาเสื้อนอกที่พาดอยู่ที่พนักโซฟาใกล้ ๆ กับที่ผมนั่ง ตะกี้ผมไม่ทันสังเกตเลยนะว่ามีเสื้อพาดอยู่เกือบไปนั่งพิงของเขายับแล้วไหมล่ะ
“ต่อไปให้เรียกกู ‘พี่เอย์’ ดูแลห้องกูให้ดีอย่าให้เสียชื่อคนที่เขาพามึงมา”
ที่ทางเดินกว้าง ๆ หน้าประตูมันเลื่อนเปิดประตูไม้บิวท์อินบานใหญ่สีเดียวกับวอลเปเปอร์แล้วเลือกหยิบรองเท้าหนังมันแผล็บออกมาคู่หนึ่งสวมใส่เรียบร้อยแล้วก้าวเดินออกไป ผมทึ้ง ๆ หัวตัวเองด้วยความอัดอั้น โถ่เว้ยยยยยย ซวยๆๆๆๆๆ เงินๆๆๆๆท่องไว้เพื่อเงินต้องอดทน เพื่อเงินๆๆๆๆๆๆ
ต้องมารับใช้ไอ้คุณชายเอาแต่ใจนี่มันแย่ชะมัดยาดเลยจริง ๆ
ผมเริ่มกวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง โทนสีส่วนใหญ่ใช้สีน้ำตาลตัดขาวนิด ๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นหรูหราสมราคาห้องเสียจริง ภายในถูกแบ่งพาร์ทิชั่นไว้อย่างชัดเจน ส่วนของห้องนอนอยู่ลึกเข้าไป ห้องครัว ห้องรับแขก รวมถึงห้องน้ำ ผมเดินไปสอดส่องที่ตู้เย็นโคตรใหญ่สองประตูที่ถูกวางอยู่ในห้องครัว เปิดออกมาดูมีน้ำเปล่าเรียง ๆ กันไว้แค่ไม่กี่ขวด สปายสีแดงกับเบียร์กระป๋องอีกนิดหน่อย คาดว่าจะเป็นของท่านหญิงและท่านชายเจ้าของห้อง
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน
สรุปว่าห้องนี้มันห้องชายโสดหรือว่าห้องคู่รักกันแน่ จะว่าผมอยากรู้อยากเห็นมากไปหน่อยก็ได้นะ ผมรีบวิ่งพรวดพราดเปิดเข้าไปดูที่ห้องน้ำประหนึ่งคนจับผิดสามี สายตามองหาแปรงสีฟันทันที ตามปกติแล้วถ้าอยู่คนเดียวก็จะมีแปรงสีฟันแค่อันเดียวใช่ไหม แต่เอ๊ะทำไมไม่มีแปรงสีฟันสักอันเลยวะ
...แปลก...
หรือว่าจะมีห้องน้ำอีกห้อง ผมเดินส่อง ๆ ดูก็ไม่เห็นที่ห้องนอนเล็กนั่นก็ไม่มี เหลือแต่ห้องนี้ที่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปดูน่าจะเป็นห้องนอนใหญ่ ทำใจกล้า ๆ กลัว ๆ ลองเปิดเข้าไป โหยแอร์เย็นเป็นบ้า นี่มันยังไม่ปิดแอร์เลยนี่ไอ้คุณชายเอย์ตั้นตัวผลาญทรัพยากรของชาติ ผมเดินเข้าไปมองหารีโมทแล้วกดปิดแอร์ให้ สภาพห้องหับพ่อคุณเอ้ย นี่มันเพิ่งผ่านศึกรบสนามบางระจันมาชัด ๆ ส่ายหัวนิดหน่อยแต่ก็จำใจต้องเก็บกวาดไปตามหน้าที่ ขณะสายตามองไปเห็นห้องน้ำที่ซ่อนอยู่มุมหนึ่งภายในห้องนอน ผมรีบเดินเข้าไปส่องดู แปรงสีฟันมีอันเดียวแฮะ แสดงว่าอยู่คนเดียวแล้วนางฟ้าที่เปิดประตูให้ผมล่ะ
อย่าบอกนะว่าแค่คู่นอน
ไอ้หยา! ถ้าหน้าตาแบบนั้นเป็นได้แค่คู่นอน แล้วคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตมันจะสวยอลังการขนาดไหน
ผมบ่นโน่นนี่ไปเรื่อย ขณะมือรื้อผ้าปูที่นอนออกมากอง ๆ ไว้ เปิดตู้เสื้อผ้าที่แสนจะเป็นระเบียบ ทั้งสูททั้งเชิ้ตแขวนเรียงไล่โทนสีไว้ยาวจนเต็มตู้ไม่ต่างกับแผนกเสื้อผ้าบูติกชายตามห้างดัง ๆ ผมก้มลงมองหาชุดผ้าปูผืนใหม่แต่ไม่เจอ ลองเลื่อนเปิดดูอีกตู้ ตู้นี้เป็นชุดลำลองทั้งหมด รวมถึงผ้าเช็ดตัวและชุดผ้าปูที่นอนก็จัดวางไว้อยู่ข้าง ๆ กัน ผมเลือกหยิบออกมาก่อนจะปูพาดๆลงไป เก็บมุมให้ตึงเปรี๊ยะเนี๊ยบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หันมาที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่หนังสือหนังหารวมถึงแม็คบุ๊คและเครื่องแม็คจอใหญ่ ๆ ของมัน ถูกผมเรียง ๆ ให้เข้าที่ สะดุดตานิดหน่อยกับกรอบรูปเล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างโถปากกาดินเผาแสนสวยนั่น
หืมม นี่มันรูปพี่ ‘ซีซ่า’ ไอดอลที่ผมปลื้มนี่นา ถ่ายคู่กับไอ้คุณพี่เอย์ซะด้วย แหม ๆ วาสนาจริง ๆ เลยนะได้รู้จักตัวจริงพี่เขาถึงขนาดขอถ่ายรูปมาได้แบบนี้ คงจะปลื้มปริ่มพี่เขาเหมือนกันใช่ไหมถึงได้มีรูปคู่กับพี่เขาตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงานส่วนตัวด้วย
โถ่เอ้ย คนหล่อ ๆ แบบคุณพี่เอย์ก็ยังปลื้มดาราไอดอลเหมือนกันเหรอเนี่ย
ผมยืนอมยิ้มนึกไปเรื่อย ขณะที่มือก็เก็บ ๆ เรียง ๆ เอกสารต่าง ๆ รวมถึงชีตใบงานของคุณเจ้าของห้องวางไว้ให้เข้าที่เข้าทาง มีแบงค์พันห้าใบวางเรียงไว้ไม่ไกลนัก นึกถึงคำพูดคุณชายที่สั่งไว้ทันที
“เงินวางอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง เอาไปทั้งหมดนั่นแหละ”“นี่มันจะเยอะเกินไปรึเปล่า ฮู้ว ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปไหน” ผมหยิบออกมาแค่ใบเดียวพับแล้วยัดใส่กระเป๋าหลัง ไม่ใช่ไม่อยากได้นะ แต่มันคือเกินไปไง เห็นผมเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่เงินมากขนาดที่ว่าไม่มองดูความเป็นจริงหรอกนะครับ
ผมใช้เวลาไม่นานนะเกือบสองชั่วโมงได้ มองดูนาฬิกาอีกทีก็สองทุ่มกว่า ๆ แล้ว เอาเป็นว่าห้องสะอาดที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้แล้วล่ะ สุดท้ายผมเดินไปดึงม่านริมผนังกระจกใสบานใหญ่เลื่อนออก ผมตกใจมากนะครับไม่คิดว่าผนังห้องมันจะเป็นกระจกยาวไปจนสุดแบบนี้ มิน่าล่ะผ้าม่านนี่เกือบจะรอบห้องอ่ะ วิวกรุงเทพฯชั้นห้าสิบ เวลาสองทุ่มกว่า ๆ นี่มันสวยมากจริง ๆ นะ แสงไฟสีส้ม ๆ จากบรรดารถราที่ติดเรียงกันเป็นแถบเห็นแล้วเหนื่อยแทน แต่มันกลับกลายมาเป็นอาหารตาชั้นยอดของบรรดาคนรวยที่มองจากมุมสูงแบบนี้ได้ดีมากจริง ๆ
แต่ที่ประทับใจที่สุดคงเป็นอีกฝั่งของห้องที่เป็นมุมโค้งรูปตัวยู เป็นวิวที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ยาวตลอดทั้งแนว นี่มันสวรรค์บนดินหรือไงกันนะ ผมยืนเกาะบานกระจกมองอยู่ครู่หนึ่งจนพอใจ ดึงผ้าม่านปิดไว้ให้เรียบร้อยจากนั้นเดินไปหยิบเอาถุงขยะที่มัดปากไว้อย่างดีเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนเดินเอามันออกไปทิ้งไว้ที่ระเบียงหน้าลิฟต์เพื่อรอพนักงานทำความสะอาดภายนอกมารับไปทิ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น
เกือบสามทุ่มผมสตาร์ทมอไซด์ขับออกจากคอนโดหรูหรา คุณชายเขาออกจากห้องไปตั้งแต่ตอนนั้นก็ยังไม่กลับเข้ามาอีก ผมพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าผมขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหนไหม อยากให้ความประทับใจแรกสำคัญที่สุดแม้ว่าผมจะเสียมันไปตั้งแต่คุณชายเขาไปกินส้มตำที่ร้านคราวนั้น แต่ผมก็อยากให้รู้นะว่าผมตั้งใจทำความสะอาดห้องให้มันแบบจริงจัง ถึงวันนี้ผมจะอ่อนให้มันมากไปหน่อยแต่เพราะนี่คือวันแรก คึคึ คุณคิดว่าผมเป็นคนยอมอะไรง่ายขนาดนั้น?? ผิดแล้วล่ะครับ ปากไอ้ปิงหาใครเทียบยากบอกเลย เพราะเห็นว่าคุณชายเขาเป็นนายจ้างหรอกนะถึงได้ยอมให้ไปก่อน
และเพราะทุกอย่างมันเป็นงาน ผมต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
Tbc.
Ps. ขอบคุณที่เอ็นดูน้องปิงกับพี่เอย์นะคะ เรื่องนี้ดอกฟ้าหมายถึงพระเอกค่ะ (เดี๋ยวต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ถึงจะรู้ว่าทำไมปิงถึงเปรียบพี่เอย์เป็นดอกฟ้า)