อิอิ หวังว่าคงไม่เศร้ายันจบจริงๆ นะน้องเรน
ขอหวานๆ กุ๊กกิ๊กๆ หน่อยนึงก็ยังดีนะ คุณพี่ขอร้องงงงงงง
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันน้า แต่ยังไม่จบ ตามกันต่อไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 21 L'honneur - L'amour : เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 5]แม้ว่าในใจยังกลัดกลุ่มมาบัดนี้ ชายหนุ่มแย้มยิ้มออกมาได้ มือกร้านแตะแก้มบางใส รั้งเอนซบแผ่นอก ถอนถอดใจ หลังจากมาถึงบ้าน ภานุก็รั้งคุณหมอไว้ทันที
“ไม่กลัวเสือเฒ่าหรือ”
ต้นธาราหยอกเย้า หัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มขยี้ศีรษะจนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มมือยุ่งเหยิง ต้นธาราปัดป้อง เมื่อภานุใจดีแบบนี้ เขาก็สบายใจขึ้น ในที่สุดเสียงหัวเราะหยุดไป ต้นธารามองท้องฟ้าเคลือบสีดำสนิท ส่วนลึกลงในใจดูเหมือนเศร้าๆ เมื่อคิดว่าอีกไม่นานก็ห่างจากชายหนุ่ม ภานุมองดวงตาของคุณหมอ รู้ว่าสื่อถึงความเศร้าสร้อย ทว่าเขาจะปลอบอะไรได้ ในเมื่อตัวเองก็กังวลไม่ต่างกัน
“ผู้กองเคยยิงปืนไหม ?”
ต้นธาราถาม ภานุขมวดคิ้ว
“ผมเป็นทหารนะต้องเคยยิงสิ”
ตอบต้นธาราไป ร่างสูงก็ปล่อยร่างบางออก ขยับนั่งให้สบาย
“ถามทำไม”ภานุย้อน มองดวงตาวิบวาวอย่างข้องใจ
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากหาเรื่องที่คุยันได้น่ะ”
ภานุเลิกคิ้วขึ้น
“เหมือนกับคุยกับผู้พันชานเนนใช่ไหม”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจสุดๆ ดวงตากร้าวจ้องต้นธาราที่นั่งอมยิ้มอยู่
“ผู้พันชานเนนชอบอ่านหนังสือเลยคุยกันถูกคอเท่านั้นเอง แล้ว...ผู้กองละชอบอ่านไหม”
ต้นธาราถามด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน ภานุเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เคลือบไว้ด้วยความรักเต็มเปี่ยม
“ไม่ เรื่องน่าเบื่อแบบนั้นใครจะไปทำ”
ชายหนุ่มตอบ ชักไม่เข้าใจคุณหมอคนนี้เอาเสียเลย ใจดี อ่อนโยนกับเขาซึ่งเคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ รู้ว่ารัก....แต่มันจะเกินไปหรือเปล่านะ
“น่าเสียดายนะ”
คุณหมอบ่นพึมพำ ก้มหน้าลง ภานุกลืนน้ำลาย เมื่อคุณหมอนั่นทำให้หัวใจปั่นป่วนมากขึ้นทุกทีๆ
“แต่ผมชอบอ่านนะ หนังสือน่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ รับฟังเงียบๆแทนถึงแม้ว่าจะรำคาญไปบ้างก็เถอะ
“อะไรบ้างล่ะ”
ต้นธารายิ้มเมื่อชายหนุ่มตั้งคำถาม
“ก็หลายเรื่อง...อยากให้ผู้กองอ่านบ้างจังเลย”
ภานุหัวเราะหึๆก่อนเอนหลังนอนกับพื้น
“บอกแล้วเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นผมไม่สนหรอก”
ต้นธารานิ่งงัน ในที่สุดต้นธาราก็พยายามหาเรื่องที่จะคุยกับภานุได้ ชายหนุ่มคงเห็นว่าเงียบไปนานจึงลุกขึ้น นั่งเบียดชิด
“ผมมีเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นรออยู่ ถ้าผมสนใจเรื่องน่าเบื่ออาจจะพลาดอะไรดีๆไปก็ได้”
มือแกร่งแตะคางเบาๆ ก่อนลูบไล้แผ่วๆ ต้นธาราเบือนหน้าหนี
“อย่าครับผู้กอง”
ต้นธาราห้าม จับมือที่กำลังไล้ปลายคางตัวเองออก ใบหหน้าภานุดูบึ้งตึงไป ภานุล้มตัวนอนลง รู้สึกหงุดหงิด
“เห็นคุณถามถึงเรื่องปืน สนใจด้วยหรือ”
ภานุเป็นฝ่ายชวนคุยบ้างหลังจากคุณหมอเงียบไป
“สนใจสิ เมื่อก่อนตอนเด็กๆพ่อสอนเรื่องปืนด้วย เคยสอนยิง เมื่อก่อนพ่อผมเป็นนักสะสมปืน แต่ก็เลิกแล้ว”
ต้นธาราเล่าถึงชีวิตวัยเด็ก ที่ยังมีแม่และพ่อ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น พ่อของเขายังไม่มีภาระเยอะ จนกระทั่งเลื่อนยศเป็นถึงท่านนายพล ออกจากบ้านปล่อย ปล่อยให้แม่เหงา เขาที่ยังเล็กอยู่คอยมองมารดาร้องไห้เงียบๆก็รู้สึกไม่ชอบใจและเริ่มต่อต้านบิดาขึ้นมา บางทีไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องร้องไห้เพื่อพ่อที่เลือกงานมากกว่าครอบครัว เขายังเด็กเกินไป พอตัวเองมาเป็นเหมือนกับแม่ที่รักพ่อมากก็เข้าใจว่าตัวเองคงไม่ต่างจากมารดาสักเท่าไร ภานุจับจ้องดวงตาหมองๆของคุณหมอ
“ตอนเด็กๆเรอะแสดงว่าคงเก่งละสิ”
ต้นธาราคลี่ยิ้มเล็กน้อย
“เก่งไหม....ไม่หรอก พ่อผมให้แตะปืนจริงแค่ครั้งเดียว แล้วพ่อใช้ปืนอัดลมด้วย ท่านไม่ให้ผมจับอีกเลยเกรงว่าจะเกิดอันตรายแต่ผมยังเซ้าซี้จนได้ พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อผมลยพาไปสมัครเรียนยิงปืน”
ภานุทำหน้าแปลกใจ ไม่ยักรู้ว่าคุณหมอจะจับปืนเป็นด้วย ทั้งๆที่ลักษณะภายนอกไม่ให้แท้ๆ
“เรียนนานไหม”ภานุถาม
“นานพอควร แต่สุดท้ายก็เลิกก่อน กะเอาแชมป์แต่สุขภาพไม่เอื้อน่ะ อีกอย่างตอนนั้นก็ใกล้เอ็นท์แล้วด้วย แถมยังเลือกเรียนแพทย์อีกก็เลยหยุดไว้ซะ เอาไว้เป็นงานอดิเรก แต่ตอนนี้ฝีมือคงตกแล้วมั้ง”ต้นธาราพึมพำ
“แล้วไม่เลือกเรียนทหารตามท่านนายพลล่ะ”
ภานุถามถึงเรื่องส่วนตัวของคุณหมอ ดูเหมือนต้นธาราจะยิ้มหยัน
“ไม่....คงมีอคติกับพ่อมั้งแต่สุดท้ายอย่างที่เขาว่า เกลียดอะไรก็เจออย่างนั้น ทั้งๆที่เลือกแพทย์แล้วยังมาเจอกับคนใจร้ายอีกจนได้”
สายตาสีน้ำตาลเหลือบมองนายทหารหนุ่มนอนช้อนศีรษะตัวเอง
“ทำไมคุณหมอถึงรักผมนัก”
ภานุถาม อยากให้เรื่องที่มันค้างคาจบลงโดยเร็ว ดวงตาของคุณหมอ เหม่อไป....รู้ว่าผู้กองหมายถึงอะไรกันแน่
“แปลกใจใช่ไหมว่าทำไมถึงทุ่มเทนัก ผมอยากจะลองดูสักครั้งน่ะ ว่าความรักที่ตัวเองมีให้แก่คนๆหนึ่ง มันจะได้ถึงขนาดไหน ผมไม่ชอบให้ทุกอย่างมันครึ่งๆกลางๆ”
“แล้วถ้าผมยังไม่ยอมรักคุณล่ะ”ภานุถาม
“ถ้ามันถึงขีดสุดแล้วจริงๆ ...ก็คงตัดใจ”
ผู้กองคว้าเอวบางเอาไว้
“แล้วตอนนี้ถึงขีดสุดความอดทนหรือยัง”
ชายหนุ่มซุกใบหน้ากับตัก ต้นธารานิ่งงัน
“ไม่รู้สิ”
มือบางลูบเรือนผมของผู้กองที่ทำตัวออดอ้อน
“รู้ไหมตอนที่ผมไปลาดตะเวนน่ะ ผมกลัวมากเลยที่ต้องจากธารไป...ครั้งหนึ่งที่ผมถูกล้อม ผมมองดวงดาว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาไหม มันอาจเป็นดวงดาวสุดท้ายที่ผมเห็นก็ได้ ผมเลยอธิษฐานให้ผมกลับมาหาคุณได้อย่างปลอดภัย ผู้กองธีด่าผมว่าผมไม่รู้อะไรอะไรเลย ทั้งๆที่คุณรักผมแต่ผมยังทำร้ายคุณอยู่ได้ ธีรเดชพูดถูก ผมมันโง่ที่สูญเสียเวลาไปเปล่าๆโดยไร้ค่า ผมน่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับผมมากที่สุดคือ...”
ชายหนุ่มหยุดนิ่ง น้ำเสียงสั่นเทา ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่กระทำ ทำให้ใครเจ็บปวดขนาดไหน พอใกล้สูญเสีย...ก็เพิ่งรู้ตัวว่าสำคัญ
“ธารผมจะไปตรวจไขกระดูกว่าตรงกับคุณหรือเปล่า โอกาสมีหนึ่งในล้าน แม้ว่าเลือดเราจะตรงกันแต่ก็ไม่รู้ว่าไขกระดูกจะเข้ากันหรือเปล่า ผมได้แค่หวัง....หวังแม้มันจะน้อยนิดก็ตาม”
“ถ้ามันเข้ากัน...ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสหายนี่ ผมยังต้องเคมีบำบัดอีก”
ต้นธารากล่าวเบาๆ เหนื่อยหน่ายกับโรคของตัวเอง
“เข็มแข็งไว้นะธาร....ผมจะไม่ให้คุณตายเด็ดขาด”
ชายหนุ่มกุมมือบางแน่น จนรู้สึกเจ็บ หากไออุ่นของชายหนุ่มกลายเป็นกำแพงโอบล้อมใจที่แสนขลาดกลัว ขจัดบรรเทาเบาบาง
“ผู้กอง...รู้สึกว่าจะใจดีผิดปกตินะ”
ต้นธาราว่า ไม่ใช่ไม่ดีใจ หากรู้ว่าสิ่งที่ผู้กองทำมันต่างจากตัวตนจริงๆ ทำไมถึงกลัวมากขนาดนี้กันนะ
“ไม่ดีหรือ”ภานุถาม
ต้นธาราส่ายหน้า
“เปล่า...ผมว่าผมคงได้เวลากลับแล้วมั้ง”
ยิ่งดึกต้นธาราก็ยิ่งกังวล หากชายหนุ่มกดแขนเอาไว้
“ไม่ให้ไป”
อ้อมแขนแกร่งดึงรั้งให้อยู่ ต้นธารานิ่ง จำเป็นต้องอยู่ต่อเมื่อผู้กองจอมผูกขาดนอนทับตักเอาเสียดื้อๆ
“ผู้กองอยุ่ห่างจากค่ายขนาดนี้ไม่เป็นไรหรือครับ”
ต้นธาราเอ่ย พยายามหาบทสนนาคุยกับชายหนุ่ม ภานุหัวเราะหยันๆ
“ไม่มีใครกล้ายุ่งกับแถวบ้านผมหรอก”
ชายหนุ่มบอกอย่างทระนง ต้นธาราทอดถอนใจ
“นิสัยของผู้กองต้องเป็นคนดื้อด้านมาตั้งแต่เกิดแน่ๆ”
ต้นธารากล่าว เสียงห้าวๆขบขันกับคำพูดของคุณหมอ
“เดาไปมั่วแล้ว”ภานุว่า
“ง่วงแล้ว”
ชายหนุ่มอ้าปากหาว พลางบิดขี้เกียจ ต้นธาราลุกขึ้นตาม ไม่ใช่เพราะอะไร ผู้กองหนุ่มดึงขึ้นนั่นเอง
“ถอดเสื้อให้หน่อย”
ภานุว่าหลังจากเข้าไปอยู่ในห้องเพียงลำพัง ต้นธารารู้สึกเคอะเขิน ชายหนุ่มมองแล้วยิ้มน้อยๆ
“ไม่กล้าหรือ...”
น้ำเสียงทุ้มหู มือสั่นระริกแตะเนื้อผ้าแข็งๆ ภานุยืนนิ่งเฉย คอยมองดูมือขาวปลดกระดุมให้ทีละเม็ดๆ ความหอมหวานราวกับจะลอยอวลรอบกาย มือแกร่งโอบกอดร่างบางเอาไว้ สัมผัสแผ่วเบา กอดไว้เนิ่นนาน ต้นธาราใช้แขนกั้นอ้อมอกแกร่งแนบชิด ภานุปล่อยออกเสื้อตัวนอกถอดให้นุ่มนวล ไม่ช้าริมฝีปากอุ่นๆประทับจูบอย่างนุ่มนวล ต้นธารารอรับสัมผัส แม้จะไม่ได้ร้างเริดมานาน ใจก็ยังเต้นแรงราวกับรัวกลองเมื่อริมฝีปากอุ่นๆเบียดรุก สัมผัสแฝงความนุ่มนวลและรุนแรงจนไม่อาจต้านทานความรู้สึกที่ท้วมท้นเข้ามาในใจได้ มือของภานุแตะแก้มบางอย่างนุ่มนวล
“ชักจะไม่ไหวแฮะแบบนี้”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พลางกดบ่าของคุณหมอให้นั่งลงบนเตียง กอดไว้แน่น กายอันอบอุ่นเบียดเสียด ภานุจับมือคุณหมอขึ้นเพื่อถอดเสื้อผ้าได้ง่าย ต้นธาราขัดขืนเพียงเล็กน้อย เพราะท่าทีของผู้กองหนุ่มรุนแรงขึ้น หากสุดท้ายก็ลดจังหวะ โอนอ่อน เรียวปากอุ่นๆจูบแนบแก้มสาก ใช้ลิ้นแลบเลียผิวกายแกร่งเบาๆ หัวใจของภานุเต้นแรงราวกับรัวกอง ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ไหว ดันตัวคุณหมอลงบนเตียงทันใด มองรอยยิ้มสวยงามประดับอยู่บนใบหน้า....ผิวขาวซีดแต่งแต้มด้วยสีเลือดจางๆ...ผิวนุ่มละมุน ถูกสัมผัสด้วยริมฝีปาก ไม่อาจหักห้ามได้อีกแล้ว ร่างกายร้อนผะผ่าวด้วยสัมผัสชวนให้คลั่ง หวาบหวาม ชายหนุ่มที่ดำเนินบทรักสลับกับเชื่องช้า ต้นธาราไม่ชอบเลย เพราะเหมือนกับจะฆ่าเขาทั้งเป็น มือแกร่งแยกเรียวขาออก ทั้งๆที่ไม่คลายไปจากการจูบหน้าอกขาว ก่อนลิ้มชิมรสหวานจากยอกอกแดงเรื่อ ใบหน้านิ่วขมวด เปี่ยมด้วยความสุขสม อารมณ์ต่างๆยิ่งเตลิด ราวกับถูกห้วงฝันห่อหุ้ม เมื่อสิ่งอุ่นๆและแข็งขึงแทรกสอดในช่องทางนุ่ม ช้าๆ ไม่รีบร้อน ภานุต้องข่มใจมากทีเดียวสำหรับการที่ต้องนุ่มนวล ฝังใบหน้ากับซอกคอเพรียว รู้สึกว่าเล็บจะจิกลงบนแผ่นหลังแกร่ง ครูดอย่างแรงเมื่อดันกายเข้าไปจนมิด แช่สักพัก ให้คุณหมอได้หอบหายใจ ก่อนจะขยับไปตามห้วงอารมณ์ล้ำลึก ฟังเสียงหอบกระเส่าดังข้างๆหู อยากเร่งจังหวะ แต่ต้องควบคุมเอาไว้เมื่อเล็บจิกแผ่นหลัง ภานุกัดฟัน ชายหนุ่มอดทนไม่ทำรุนแรง มันไม่ใช่ตัวเขาเลย ! ....สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มหักห้ามความรุนแรงคือริมฝีปากแดง บรรจงจูบ เล็มริมฝีปาก จังหวะที่ทำให้รู้สึกดีที่สุด ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าอยู่ที่ไหน...กกกอดตามแรงปรารถได้อย่างเต็มที ไม่เหมือนกับเมื่อเก่าก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ได้แนบชิด ถ่ายทอดความสุขให้อาบทั่วร่าง ฝ่ามือหนาตะโบมไปทั่วสะโพก รั้งเอวบางขึ้นสูงเมื่อสอดแทรกลึกเรื่อยๆ เจียนคลั่ง...ยิ่งมีความสุขมากเท่าไร ทุกอย่างดูเหมือนจะรางเลือนลงเรื่อยๆ ทะยานขึ้นสูงสู่ความสุข...ไม่ช้าก็ถูกกกกอด ลมหายใจรัวรินเคลียแก้ม อ้อมแขนแกร่งกอดไม่ยอมปล่อย ยึดไว้ราวกับต้นธาราจะจางหาย
ผู้กองลุกขึ้น มองเรือนร่างที่นอนอ่อนระทวยอยู่ข้างเคียง ก่อนลุกขึ้น ค้นเอกสารออกมานั่งพิจราณาดูวันเวลา ต้นธาราต้องกลับไปก่อน หลังจากที่เสร็จเรื่องของธีรเดชเมื่อไร ชายหนุ่มคงได้กลับมาตรวจกรุ๊ปเลือด ผู้กองหนุ่มกัดริมฝีปากกับโอกาสที่มีเพียงน้อยนิด
------------------------------------------------