555 คราวนี้มีเม้นต์หน้าใหม่ๆ นอกจากแฟนคลับตัวยงกันเยอะเลย อิอิ

แบบว่า แอบสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้ตอนแรกเพราะว่ามันหื่นดี ช่วงสี่ตอนแรกอะ แบบว่าอะไรกันนี่ ชอบๆๆ
อ่านไปเรื่อยๆ โห น้องเรนของเราเอาซะพวกเราเศร้าซึมลึกปวดตับปวดไตกันไป 555
แต่.. น้องเรนบอกว่าติดตามกันต่อไปนะค้า มันก็มีหวานๆ ขมๆ ปนกันไปอะนะ

ขอบคุณที่เม้นต์จ้า อ่านต่อเลยแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 7 sensibilité/ หวั่นไหว [Part3] แม้ว่าจะพยายามเลิกคิดถึงอดีตแต่เมื่อนึกได้มันกลับย้อนมาทำลายเราเสียทุกครั้ง นึกเสียใจมันก็สายเกินไป ท่านนายพลอินคานนั่งมองท้องฟ้าระลึกถึงอดีตอันขมขื่น ไอ้ขิ่นเหลาไม้แหลม มันผิวปากวิ้ดหวิวตามประสาคนหนุ่มท่าทีไม่ทุกข์ร้อนแม้จะถูกตามล่าจากพวกทรยศ
“ไอ้ขิ่น เอ็งว่าลูกชายฉันมันจะรอดพ้นจากเงื้อมมืออ้ายพวกโจรชั่วรึเปล่าวะ”
ไอ้หนุ่มวัยรุ่นชะงักมีดเหลาไม้ไผ่ เหลือบมองใบหน้าชราซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งอำนาจและความสง่าของนายพลแห่งกองโจรกู้เเผ่นดิน!
“คนอย่างพี่ไผ่ไม่เสียท่าใครง่ายๆหรอกจ้ะ”มันว่าเนิบๆ
ท่านนายพลอินคานกุมท้อง เจ้าขิ่นลุกขึ้นประคองร่างของท่านพิงผนังหิน
“นั่นสิ...มันเป็นลูกชายข้านี่หว่า”
ท่านพยายามหัวเราะฝืนๆแล้วทำหน้าเศร้า ไอ้ขิ่นเห็นท่านนายพลเป็นแบบนี้ก็ปลอบใจไม่ถูก นับตั้งแต่กองกำลังโจรกู้แผ่นดินของท่านนายพลอินคานล่ม ท่านก็กลับกลายมาเป็นคนเซื่องซึม ไร้กำลังใจ
“ว่าแต่คนหนุ่มอย่างแกมาดุแลคนแกบาดเจ็บใกล้ตายอย่างข้าเอ็งไม่เบื่อบ้างรึไงวะ?”
นายพลอินคานถามลูกสมุนของบุตรชาย ไอ้ขิ่นทำหน้าน้อยใจ
“ฉันจะเบื่อดูแลคนที่เป็นพ่อกะคนที่เป็นนายอย่างไร”
สายตาของท่านนายพลเหม่อไปทางอื่น ไอ้ขิ่นเหลาไม้ต่อเพื่อสร้างกับดักไว้ดักสัตว์
“ฉันสัญญากับพี่ไผ่แล้วว่าจะดูแลนายท่านเป็นอย่างดี ถ้าไอ้ขิ่นเบื่อ ไอ้ขิ่นก็กลายเป็นคนอสัตย์”มันตอบ
ท่านพลอินคานจุดยิ้มบนริมฝีปาก
“มีแต่เอ็งละมั้งที่ยังซื่อสัตย์ต่อข้าและลูกข้า”
ไอ้ขิ่นยิ้มแป้น“นายท่านและพี่ไผ่มีพระคุณต่อฉัน ชาตินี้หรือชาติไหนฉันตอบแทนไม่หมด ฉันตอบแทนได้ฉันก็อยากจะทำ ต่อให้ต้องแลกกับชีวิตไอ้ขิ่นก็ยอม”
“ไอ้ขิ่นเอ้ย ชีวิตของแกแกเก็บไว้เถอะที่ผ่านมาฉันขอบใจแกจริงๆที่ช่วยกอบกู้เมืองของฉัน จากนี้ไปมันก็ไม่มีเวียงนวรัฐะอีกแล้ว”ท่านเช็ดน้ำตานึกถึงอดีตภรรยาสุดรักสุดดวงใจ
“นาย...นายยังมีคนที่จงรักภักดีอีกมาก นายสู้เถอะ...ฉันก็อยากเห็นบ้านเกิดเมืองนอนฉันกลับคืนมาเหมือนกัน ฉันจึงถวายชีวิตต่อสู้ เวียงนวรัฐะจะกลับคืนมาเรืองอำนาจดังเดิม”
“ขิ่น...ที่เอ็งพูดมันก็แค่ความฝันลมๆแล้งๆเท่านั้น เวียงวนรัฐะมันล่มจมลงไปแล้ว...ล่มจนไม่อาจกู้คืน”ท่านเพ้อ
ไอ้ขิ่นพยายามปลอบใจแต่ท่านนายพลก็ไม่รับฟัง
“นาย...นึกถึงพี่ไผ่บ้างเถอะ”คำพูดของไอ้ขิ่นทำให้ท่านนายพลอินคานหันมา
“ฉันปลูกฝังอุดมการณ์ให้เจ้าไผ่รักแผ่นดิน ตัวฉันกลับมาอ่อนแอแบบนี้ช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย”
ท่านนายพลรำพึง ไอ้ขิ่นพยายามยิ้มอย่างเริงร่า
“นายอย่าเพิ่งสิ้นหวังสิ...ไอ้ขิ่นคนนี้ยังอยู่ นายใช้บุกน้ำลุยไฟฉันก็ทุ่มสุดตัว”
มันถือปืนทำท่าแกร่งกร้าว ท่าทีเหมือนลูกลิงทโมนทำให้ท่านนายพลหัวเราะลั่น
“เออ...เออ เอาไว้ฉันมีโอกาสเมื่อไรฉันจะใช้แก”ท่านนายพลสัญญา แม้ว่ามันมีความหวังอยู่เพียงน้อยนิด
------------------------------------------------
กิ่งไผ่ทรุดนั่งยังขอนไม้ผุพัง มองแมกไม้เขียวชอุ่ม เม็ดเหงื่อไล้ตามโค้งจมูก คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใบหน้าแดงจัดยิ่งกว่าลูกตำลึง ธีรเดชทรุดนั่งวางมือไว้บนเข่า ส่งสายตาห่วงใยไปที่ร่างโปร่ง
“คุณต้องการพักผ่อนจริงๆนั่นแหละ”เหลียวหาชัยภูมิที่พักแต่ไม่ที่ไหนเหมาะสักนิด
“อย่าเสียเวลาเลย เรายังต้องเดินทางกันอีกไกล”
กิ่งไผ่พยายามกักเก็บน้ำเสียงเนือยๆเอาไว้ แต่ธีรเดชก็จับได้
“ช่างมันเถอะเรื่องการเดินทาง ผมไม่อยากทรมานคุณจนตายหรอกนะ”ธีรเดชว่าเสียงกร้าว
กิ่งไผ่หรี่ตามองใบหน้าจริงจังของนายทหารหนุ่ม
“คุณนี่ช่างเรื่องมากจริงๆเลย”กิ่งไผ่พูดเหมือนรำคาญ
ธีรเดชใช้หลังมือหนาอังหน้าผาก สัมผัสถึงไออุ่นผิดปกติบนผิวนวลราวกับผลมะปรางสุก กิ่งไผ่ส่งรอยยิ้มเซียวๆหากดุอยู่ในที ปัดมือหนาออกพ้นใบหน้า
“แต่ถ้าเราหยุดตอนนี้ เมื่อไรเราจะถึงจุดหมายปลายทาง จำไว้ ผมไม่มีวันตายง่ายๆหรอก”
ร่างโปร่งลุกขึ้นด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ธีรเดชยื้อแขนเอาไว้ ใบหน้าไม่พอใจ
“ผมไม่ใช่ผู้คุมคุณเสียหน่อยจะได้เล่นทรมานคุณทั้งๆที่ป่วย เราเป็นเพื่อนตายกันนะ สิ่งที่ผมบอกคุณ คุณจะไม่รับฟังหน่อยหรือ”
“ผมไม่ใช่ตัวถ่วง”
ชายหนุ่มไม่ชอบใจเอาเสียเลยกับคำพูดเย็นชาเหมือนปิดกั้นตัวเองเอาไว้แบบนี้ กิ่งไผ่เดินไปได้สองสามก้าวพลันรู้สึกว่าข้อมือถูกมือหนากุมไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ
“ผมไม่ใช่คนที่ใจดีอย่างที่คุณบอกหรอกนะ อย่าให้ต้องใช้กำลังล่ะ”
สีหน้าของชายหนุ่มหมดเค้าหน้าอ่อนโยน ใบหน้าธีรเดชบึ้งตึงน่ากลัว กิ่งไผ่ทำสีหน้าหน่ายๆใส่เมื่อเห็นอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไป
“คิดจะใช้กำลัง แน่ใจหรือว่าคุณจะชนะ?”
น้ำเสียงเรียบๆเอ่ย สะบัดมือหนาที่กุมข้อมือ ธีรเดชชักมีน้ำโห จนเผลอใช้กำลังเข้าข่ม หวังจะปราบให้อีกฝ่ายให้ลดพยศ ชายหนุ่มจับเเขนบอบบางบิดไพล่หลัง จะกดอีกฝ่ายลงหากสุดท้ายกลับถูกกิ่งไผ่ล๊อกคอไว้แน่นเป็นฝ่ายทุ่มชายหนุ่มลงพื้นแทน แขนบางล๊อกคอจนหายใจแทบไม่ออกด้วยท่าทีของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยมือเปล่า
“ไม่ต้องมาสงสารผม ยังไม่ถึงคราวตาย ผมก็ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใคร อีกอย่างผมไม่ใช่ผู้หญิง อย่ามาทำเหมือนผมสำออย!”
กิ่งไผ่ตะคอก ก่อนคลายอ้อมแขนปล่อยตัวนายทหารหนุ่มไปอย่างง่ายดาย ธีรเดชรู้สึกสมเพชที่แพ้แม้กระทั่งคนป่วยที่แทบยืนไม่ไหว ท่าทีเข้มแข็งแต่ภายในเก็บซ่อนหัวใจอ่อนบาง...ชายหนุ่มยังระลึกได้ถึงเสียงนุ่มหูเอ่ยเรียกชื่อของเขา มันชื่อของเขาแน่ๆ ชายหนุ่มเชื่ออย่างนั้น
“คุณไม่ใช่ผู้หญิงผมรู้...แต่ผมอยากให้คุณแสดงท่าทีอ่อนแอบ้างไม่ได้หรือเหมือนตอนนั้น....ผมเคยขอร้องคุณแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คุณจะรับฟังบ้างไหม?”
คนตรงหน้าเงียบงัน เขาอยากจะอ่อนแอ แต่ก็ทำไม่ได้ มันไม่ใช่วิสัยที่เขาได้รับการฝึกมา
“คุณนี่ก็แปลกนะ ทำไมถึงอยากให้ผมอ่อนแอนัก?”กิ่งไผ่กอดออก
ใบหน้าของหนุ่มไทยแดงจัดจนสังเกตเห็นได้บนผิวเกรียมแดด น้ำเสียงแผ่วเบาตอบกลับ“ผมอยากเป็นที่พึ่งของคุณบ้างก็เท่านั้นเอง”รีบพูดเร็วๆเหมือนรวบรัดตัดความ
กิ่งไผ่ยิ้มน้อยๆ“ผมก็พึ่งคุณแล้วนี่ตอนที่ป่วยหนัก”
ธีรเดชถอนใจ ส่ายหน้าราวกับบอกว่าสิ่งที่พูดมานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอธิบาย
“คือ...”
ชายหนุ่มเริ่มต้นคำพูดแต่ยังหาคำเหมาะๆมาเรียงร้อยเป็นถ้อยคำไม่ได้ กิ่งไผ่ตั้งใจฟัง นายทหารหนุ่มกลับเงียบไป
“แล้วคุณอยากให้ผมพึ่งอะไรคุณล่ะ นำทางรึ หาอาหารรึ?”
ธีรเดชปฏิเสธ ชายหนุ่มอยากจะตอบสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ในใจแต่ก็กลัวว่ามันจะดูแปลกไป
“มัน ไม่ จำ เป็น” กิ่งไผ่เน้นย้ำทีละคำ
ธีรเดชอยากยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่สิ่งที่ซ่อนในหัวใจกลับสั่งให้ปากพูดอีกอย่าง
“สิ่งที่ผมอยากให้คุณพึ่งนั่นคือแสดงความรู้สึกที่เก็บซ่อนออกมาบ้าง คุณไม่ใช่อิฐใช่ปูน ผมรู้คุณก็มีหัวใจ...วันนั้นที่คุณร้องไห้มันทำให้ผมกังวลมาก”
สีหน้าของกิ่งไผ่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน บอกไม่ถูกว่าตกใจหรือว่าโกรธกันแน่ ใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าวจนเป็นสีจัดด้วยคำพูดของนายทหารหนุ่ม
“มันอาจจะดูแปลกๆแต่ผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ”
สุดท้ายแล้วกิ่งไผ่ก็ไม่พูดอะไร กลับเดินหนีจนธีรเดชตามไม่ทัน ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าหัวใจดวงนั้นจะเต้นแรงสักเพียงไหน ใบหน้าแดงจัดราวกับเลือดไปสูบฉีดที่นั่นเพียงที่เดียว ธีรเดชอยากเรียกหยุดคุยให้รู้เรื่อง แต่คนป่วยกลับก้าวฉับๆบุกป่าฝ่าดงไปเสียแล้วจึงหมดโอกาสที่ได้รับรู้คำตอบออกจากปาก
------------------------------------------------