อยากอ่านต่อด้วยน้องเรน อิอิ
งั้นลุ้นเรื่องนี้ต่อกันก่อนนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 23 L'honneur - L'amour : เกียรติยศ กบฏหัวใจ [Part 7]ทำอย่างไรที่จะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ มันมืดมนเหลือเกินสำหรับความรู้สึกนี้...มันน่าอึดอัดใจทีเดียว... ต่างมีความรู้สึกราวกับลูกโป่งจวนเจียนจะระเบิดเมื่อถูกอัดลมมากเกินไป กิ่งไผ่ที่พาธีรเดชเดินเลียบแม่น้ำ แสงแดดยามบ่ายลอดส่องผ่านพุ่มไม้ เสี้ยวหน้าไม่เคยแปรเปลี่ยน ความอึดอัดได้สิ้นสุดบรรเทาลงเมื่อนั่งพักกันที่ริมแม่น้ำ
“หาทางข้ามฝั่งไปก็จะถึงเขตแดนบ้านเกิดเมืองนอนคุณ ผมส่งได้เท่านี้ นอกนั้นคุณก็หาทางกลับเอง”
สายตาธีรเดชจ้องแม้น้ำสายกว้าง ผิวน้ำสะท้อนแดดเป็นประกาย มองไปอีกฝากฝั่ง ไม่มีทางที่จะข้ามไปง่ายๆแน่
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ”
หันมองอย่างหนักใจ กิ่งไผ่นิ่ง ถึงรู้ว่ามีเขาก็คงไม่บอกแน่ๆ ธีรเดชทั้งดีใจ กังวลใจ ร้อนใจ ท่าทีของกิ่งไผ่ยังนิ่งเฉย
“เราตกลงกันแล้วว่าผมส่งมาถึงถิ่นคุณแล้วจบกัน”
“ผมจะข้ามไปอย่างไร”
มองแม่น้ำกว้างใหญ่แล้วตั้งคำถาม กิ่งไผ่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ ธีรเดชกำมือแน่น เขาไม่น่ารีบเร่งจนมาถึงเขตแดนกั้นระหว่างไทยกับพม่าเลย
“ที่ๆผมต้องการกลับ ทางทิศนี้ไปถึงหรือเปล่า”
สายตาของกิ่งไผ่เหลือบมองอย่างเย็นชา
“คุณพูดเองว่าอยากให้ส่งถึงฝั่งไทย แล้วที่ไหนที่คุณต้องการไป”
ท่าทีเหมือนกับคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง ธีรเดชอึ้ง เขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว ได้แต่นิ่งงัน มองสายน้ำที่ไหลหลั่งริน กับสายลมที่พัดผ่านเบาๆ กิ่งไผ่ลุกขึ้น ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น สางผมออก กวักน้ำลูบล้างความสกปรก
“ยังโกรธเรื่องที่ผ่านมาอีกหรือ”
ธีรเดชครวญ พยายามชักจูงให้กิ่งไผ่หายเคืองขุ่น ไม่รู้เลยว่าบาดแผลที่ย้ำลงไปครั้งหนึ่ง มันจะเจ็บปวดเหมือนถูกตอกลิ่มย้ำลงกลางใจ
“ถ้าคุณข้ามกลับไปได้แล้ว...ก็ง่ายไม่ใช่หรือที่จะหาทางกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดของคุณ”
กิ่งไผ่กล่าวรู้จุดประสงค์ดีว่าธีรเดชต้องการอะไรถึงได้พูดดี อ้อนวอนตนแบบนี้ ฝ่ายธีรเดชกลืนน้ำลายเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมจำนนง่ายๆ เขามองใบหน้านั่นเนิ่นนาน จนคนถูกมองชักเก้อเขินแทน กิ่งไผ่พยายามทตีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่มองแววตาวิงวอน หลบเลี่ยงโดยการล้างผมอีกครั้ง จนผมหนา ยาวสลวยเปียกชื้น ธีรเดชพยายามถ่วงเวลาให้มากที่สุด ถึงแม้รู้ดีว่าใช้วิธีไหน กิ่งไผ่ก็จากไปอยู่ดี ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์อันแสนกระอักกระอ่วนใจหรือเปล่านะ ที่ผ่านมา....ต่างฝ่ายต่างคิดอย่างไรกัน ธีรเดชกัดริมฝีปาก มองแผ่นหลังที่นั่งริมแม่น้ำ ฝ่ายกิ่งไผ่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร เมฆหมอกที่เกาะกุมจิตใจ เขาไม่อาจสลัดพ้นได้เลย ทั้งๆที่พยายามใจแข็ง แต่ก็ไม่อาจทำได้เลยจนกลายเป็นความรู้สึกที่ยากจะขจัดออกจากใจ...รู้สึกความอึดอัดที่ค่อยๆห้อมล้อม กิ่งไผ่หันมาเผชิญหน้ากับธีรเดช ทันทีที่สายตาประสานกันไม่รู้ตัว เหมือนทุกอย่างหยุดลง แววตาวิงวอน ขอให้เชื่อและไว้ใจ...กิ่งไผ่อยู่ในจุดที่หักเห ว่าจะช่วยจนสุดความสามารถหรือว่าจะปล่อยไป.....
“เอาเถอะ...ถ้าคุณไม่ยากช่วยผมก็ขอให้มันสิ้นสุดอยู่แค่นี้แต่ผมไม่อยากให้ความรู้สึกที่ผ่านมาค้างๆคาๆ....”
ธีรเดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง กิ่งไผ่จ้องมอง ชายหนุ่มยื่นผ้าขาวม้าที่เป็นของกิ่งไผ่ให้
“อะไร...”
กิ่งไผ่ถามอย่างข้องใจ ธีรเดชกำมือแน่น
“ก่อนจากกัน...พอจะบอกได้ไหมว่าจริงๆแล้วตัวคุณเป็นใครกันแน่ สิ่งที่ผมทำกับคุณและคุณก็ตอบสนองอย่างเชี่ยวชาญนั่น....คุณเป็นใคร”
กิ่งไผ่มองใบหน้าของธีรเดช ก่อนหรุบตาต่ำ
“นั่นหรือสิ่งที่ค้างๆคาๆ มันก็เป็นข้อสงสัยมากกว่า”กิ่งไผ่เล่นลิ้นไม่ยอมตอบ
“มันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ ไหนๆเราก็จะจากกันไม่มีอะไรที่ต้องกลัวนี่”
กิ่งไผ่ระแวดระวัง เขามองธีรเดชซึ่งจ้องเสี้ยวหน้าหวานเฉียบเต็มๆตา
“หน้าหตาหวานๆ ท่าทีชาญฉลาด....คณเกี่ยวข้องกับกองโจรของพม่าหรือเปล่า”
กิ่งไผ่นิ่ง เขามองดวงตาที่จ้องเขม็ง ธีรเดชเฝ้ามอง แม่หญิงกลิ่นเอื้อง...เป็นคนๆเดียวกัน.... กิ่งไผ่นิ่งเงียบ เขาจะไม่มีวันพูดต่อให้ตาย!
“เราเคยเจอกัน...”ธีรเดชรุกแล้วดึงผ้าขาวม้ามาตรงหน้า
“และนี่ก็คือหลักฐาน...เราเคยเจอกันอีกรอบ...คงจำได้”
น้ำเสียงเฉื่อยชา กิ่งไผ่กลืนน้ำลาย
“คุณเป็นหนึ่งในกองโจร อยู่ในตำแหน่งอะไรกัน”
ฝ่ายกิ่งไผ่ลุกขึ้นเมื่อีกฝ่ายพูดเสียงเย็น
“ผมขอบคุณที่ไม่ฆ่าผมเสียตั้งแต่ตอนผมป่วยและยังช่วยส่งมาถึงนี่”
แววตาสีดำสนิทราวกับนิลเป็นกังวล
“ใช่....ผมเป็นหนึ่งในนั้น”
กิ่งไผ่ตอบซึ่งผิดความคาดหมายของธีรเดช ดวงตาของกิ่งไผ่ฉายความอึดอัด
“แล้วการที่คุณบาดเจ็บนั่นเป็นเพราะอะไร ?”
กิ่งไผ่ชั่งใจ ในที่สุดเขาก็ตอบ
“ถูกตามล่า”
กิ่งไผ่ไม่ลงรายละเอียด ธีรเดชนิ่งงันกับคำตอบที่หลุดออกจากปากโดยไม่คาดคิด
“ทำไมถึงถูกตามล่า ?”
เมื่อถามต่อ กิ่งไผ่ก็ไม่ยอมพูด
“ผมบอกสิ่งที่คุณข้องใจหมดแล้วมั้ง”
ธีรเดชขัดขึ้นทันที
“ยัง....ผมยังไม่รู้เหตุผลที่คุณต้องเล่นบทเป็นผู้หญิงเลย”
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน พัดคำพูดเจือความสมเพชเข้าหู
“มันสะดวกในการทำงานดี”
“งานอะไร ?”
คนถูกซักเริ่มไม่พอใจ
“อยากจะสืบสวนรึไง ?”
ดวงตาสีดำมองแล้วบึ้งตึง ธีรเดชถอดถอนใจ
“อาจจะเป็นแบบนั้น”
กิ่งไผ่ยิ้มน้อยๆ คล้ายจะหยันเยาะ
“ถ้าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องโกหกล่ะ”
กิ่งไผ่ยอกย้อน ธีรเดชก็สวนกลับทันที
“เรื่องที่เป็นแม่หญิงกลิ่นเอื้องเป็นเรื่องเดียวที่โกหกไม่ได้...ผมไม่เคยลืมคืนนั้นหรอกนะ?”
ดวงตาธีรเดชเฉียบคม จนกิ่งไผ่สะท้าน
“แม่สาวกลิ่นเอื้องรึ...”
น้ำเสียงพลิ้วแผ่ว ธีรเดชผงกศีรษะ
“ใช่....เพราะเธอมีกลิ่นกายหอมละมุนดุจกลิ่นเอื้องน่ะสิ”
ชายหนุ่มพูดด้วยวาจาชื่นชมและใช้สายตากรุ้มกริ่มมองคนถูกมองพูดไม่ออก
“เข้าใจคิดนี่แต่ผมเป็น...”
ธีรเดชยิ้มเมื่อเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“จะผู้หญิงผู้ชายก็ช่างขอแค่สวย ดูอ่อนหวาน น่าปกป้องก็พอแล้ว”
พอคำว่า ‘น่าปกป้อง’หลุดจากปากก็สะกิดให้นึกถึงต้นธารา....กิ่งไผ่สะอึก
“รสนิยมประหลาดจริง”กิ่งไผ่เริ่มแดกดัน
“ก็คงไม่ต่างอะไรจากคุณมั้งที่ใช้หน้าหวานๆหลอกล่อคนอื่น”
กิ่งไผ่นิ่งงัน เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงเมื่อทำให้นึกถึงอดีต ธีรเดชจับจ้องสีหน้าซีดเซียวที่ปรากฏ รู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดออกไป ดวงตาที่เคยกร้าวหม่นลงอีกหน ธีรเดชที่ไม่รู้อดีตเบื้องลึกสะกิดแผลใจขึ้นมา....จนแผลนั้นลึกเกินจะรักษา
------------------------------------------------