ตอนนี้เอาคู่นี้ไปก่อนนะ อีกไม่นานคู่น้องไผ่กับธีมาแน่
ขอบคุณที่เม้นต์น้า คิดถึงๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกียรติยศ กบฏหัวใจ 11 Confession/ คำสารภาพ [Part3] แสงแดดส่องลอดม่านปลุกให้สองร่างที่นอนกอดตระกองตื่นจากการหลับใหล ต้นธารากุมหน้าผากเมื่อชันตัวขึ้น ภานุยังคงงัวเงียวงแขนหน้าที่พาดทับดอกตระกองถูกมือบางจับออกจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นทั้งตัวเปลือยเปล่า ต้นธาราทรุดนั่งยังเก้าอี้ เท้าแทนลงบนโต๊ะไม้
“ธาร...”
ภานุงัวเงียตื่นขึ้นมาเห็นคนรักนั่งกุมขมับ ใบหน้าซีดเซียวเตรียมลุกขึ้นไปหาเพื่อดูอาการแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ล้มตัวนอนมองร่างขาวจัด ใบหน้าเหม่อลอย ท้ายที่สุดต้นธาราก็ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวคลุมกายเดินเข้าห้องน้ำ ภานุจึงลุกจากเตียงกุมมือตัวเองเอาไว้วางบนหน้าตัก ทบทวนเรื่องที่ผ่านมา....ว่าตัวเองเกือบกลายเป็นโง่ไปเสียแล้ว เกือบทำให้ดวงใจดวงสำคัญสูญหาย ยิ้มกับตัวเอง....กับความรักที่เริ่มต้นใหม่
ฝ่ายต้นธาราหลังจากที่ลากสังขารอันอ่อนล้าเข้าห้องน้ำได้ก็นั่งพิงผนัง ทรุดกองกับพื้นยกมือปิดปากตัวเองไว้แน่น เพราะรู้สึกอยากอาเจียน ต้นธาราพยุงตัวเองลุกขึ้นโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง หลังจากที่กดชักโครกชำระคราบสิ่งสกปรกก็ล้างปากด้วยมืออันสั่นเทา
...ระเบิดเวลาที่ฝังไว้กับตัวเอง เริ่มเดินต่อ นึกถึงยาที่ตัวเองไม่ได้ทานก็ปิดเปลือกตาลง มือบางแตะกระจก ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ใช้ไป มันค่อยๆจางหาย กลัว...กลัวกับเวลาแห่งความเศร้าโศกมันจะเดินมาเร็วกว่าที่คิดไว้
ต้นธาราพยายามปัดความรู้สึกหวาดหวั่นออกจากใจ ก้าวลงอ่างอาบน้ำ...ทว่าความรู้สึกผิดที่ผู้กองนาคีตายเพราะตัวเองยังกินลึก ต้นธาราหลับตาลง รู้สึกอ่อนล้า เขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งผู้กองนาคีตายไป.....ผู้กองใจดี คอยดูแลเขาเสมอ นึกถึงร่างใหญ่โตคล้ายกับภานุแต่ใจดี ยิ้มง่ายก็ยิ่งอยากให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ตายแทนเสีย วันนี้เขามีความสุขพอแล้ว....และความสุขที่เหลือก็จะเป็นของผู้กองนาคี ต้นธาราเอนศีรษะพิงขอบอ่างจนกระทั่งเผลอหลับไป ลำตัวไหลเลื่อนจมสู่ใต้น้ำอุ่นๆ
“ธาร....”
เสียงเรียกชื่อแผ่วๆ คุณหมอนิ่วหน้า ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้น แสงจ้าสว่าง นี่เขาตายแล้วหรือ ทำไมมันช่างอบอุ่นนักล่ะ มือหนาตบแก้มของต้นธาราเบาๆ พยายามเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ธาร”
ใครกันนะที่เรียกชื่อของเขา เขม่นมองภาพรางเลือน มองเห็นผู้กองนาคียืนอยู่ข้างหลังร่างโต
“ผู้กอง...”
ต้นธาราเอ่ยเสียงแผ่วเบา พยายามยกมือหนักอึ้งไปหา หากผู้กองนาคียังนิ่งส่งยิ้มใจดีเหมือนเคยมาให้และสั่นหน้าคลายปฏิเสธ
“ธารคุณเป็นอะไร ตื่นขึ้นมาสิครับ ตื่นขึ้นมามองผม”
ภานุเขย่าบ่ามองร่างที่นอนราบอยู่บนพื้นห้องน้ำเย็นเฉียบ แววตาหวั่นใจยิ่งนัก
“ธาร”
ภานุที่เอะใจว่าเหตุใดจ้นธาราถึงเข้าห้องน้ำนานนัก พยายามเคาะเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับจึงเคาะแรงขึ้นแล้วตัดสินใจเปิดทันทีชายหนุ่มก็ต้องพบภาพน่าหวาดหวั่นเพราะร่างของต้นธาราจมอยู่ใต้น้ำ ดวงตาปิดสนิท เรือนผมลอยเป็นแพ ภานุตัวแข็งลืมหายใจไปชั่วขณะก่อนตั้งสติได้ รีบคว้าร่างของคนรักขึ้นจากน้ำ ตรวจดูชีพจรแล้วปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันทีเมื่อต้นธารายังเหลือลมหายใจอ่อนๆ ขณะเป่าปากไปพร้อมกับปั๊มหัวใจก็ร้องเรียกชื่อไปพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน
“คุณจะทิ้งผมไปแบบนี้หรือธาร”
ต้นธาราก็ไอแค่กๆพร้อมกับคลายน้ำในท้อง มือพยายามไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่างจนภานุแปลกใจ
“ธารคุณหาใคร...คุณเรียกใครกัน”
ภานุประคองใบหน้าเล็กพร้อมกับตบเบาๆเป็นการเรียกสติ วงแขนหนากอดร่างต้นธารากระชับเมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วๆ
“ผู้กองนาคี...”
ต้นธาราเรียกชื่อเพื่อนของเขา! ดวงตาเลื่อนลอยยังไม่คลายความเจ็บปวดและความผิดที่ทำให้นาคีตายสินะ
“ธาร...ไอ้นาคีมันไม่ได้โทษคุณหรอกนะที่ทำให้มันตาย ผมเองต่างหากที่บีบคั้นคุณเกินไป ธาร...ผมขอโทษที่ผมบีบคั้นคุณจนเกินไป”
แรงกอดกระชับแน่นมากยิ่งขึ้น เขาคงคิดอะไรง่ายเกินไป...จนไม่นึกถึงผลที่จะตามมาภายหลัง ต้นธาราหายใจสม่ำเสมอ ดวงตาพร่าเลือนแจ่มชัดจับจ้องยังผิวเข้ม
“เจ็บ....”
ชายหนุ่มกอดแรงจนเจ็บแทบหายใจไม่ออกนั้นทำให้คนถูกกอดร้องอุทธรณ์
“ผม...เมื่อกี้ผมใจหายหมดเลย”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงสั่นเครือ ต้นธาราพยายามลุกขึ้นแต่ว่าก็ยังทรงตัวไม่ดีนักจนร่างใหญ่ต้องช่วยประคอง
“ผมเป็นอะไร”
ต้นธาราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าราวกับจำไม่ได้ ภานุยังไม่ให้คำตอบ ลากเก้าอี้พร้อมกับหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่างบาง ต้นธารานอนนิ่ง เพราะยังไม่ทุเลาจากอาการวิงเวียน ภานุต้มน้ำร้อนรอจนเดือดยกมาให้คุณหมอดื่ม
“อย่าเพิ่งคุยเลย ดื่มน้ำอุ่นๆก่อนเถอะ”ภานุทรุดนั่งตรงกันข้าม กับร่างบาง
“ผมทำอะไรลงไปหรือ”น้ำเสียงแหบเครือแฝงรอยอ่อนล้า
ภานุจับมือบางมากุมไว้“คุณจมน้ำ หลับในหรือ”
ต้นธาราพยายามนึก เขาจำได้ว่าแช่อ่างอยู่ดีๆก็รู้สึกเหนื่อยจนอยากนอน ค่อยๆปิดตาลงจนไม่รู้สึกอะไรอีกเลยนอกจากรู้สึกตัวเบาสบาย พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนพื้นห้องน้ำแล้ว
“อื้อ...”
ต้นธาราผงกหัวเพราะคิดอะไรไม่ออกเลยในตอนนี้ ภานุบีบมือเบาๆไม่เซ้าซี้อะไรมาก
“จะพักอีกรึเปล่า หรือคุณอยากจะกลับ?”
ต้นธาราเงยหน้ามองใบหน้าขรึม
“ภานุ...คุณจำสัญญาที่เคยบอกได้ไหม ก่อนที่คุณจะไปลาดตะเวน”
สายตาสีน้ำตาลมองใบหน้ากร้านแดน รออยู่เนิ่นนานก่อนผู้กองหนุ่มจะเอ่ยตอบ
“จำได้สิ....ผมสัญญาว่าจะพาคุณไปดูประเพณีขึ่มสึ ขิ่ทมี้ อาเผว่...”
ชายหนุ่มตอบ ต้นธาราผงกหัวเมื่อชายหนุ่มจำได้
“แล้วคุณยังจะรักษาสัญญาไหม”
ผู้กองหนุ่มนิ่งงันก่อนตอบรับไป
“ต้องทำสิ ในเมื่อผมสัญญากับคุณแล้ว แต่ว่ามันยังไม่ถึงวันที่จัดประเพณีนั่นเลยนี่”ภานุแย้ง น้ำเสียงห่วงใย
“สัญญาก็คือสัญญาไม่ใช่หรือ”ต้นธาราย้อนด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
ภานุมองหน้าต้นธาราก่อนเอ่ยถาม
“ทำไมถึงอยากไปนัก” ชายหนุ่มจ้องฟน้าต้นธาราตรงๆ... ตอนที่ต้นธาราจมน้ำ ชายหนุ่มคิดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุพอได้ยินคุณหมอเรียกชื่อเพื่อนสนิทก็แน่ใจว่าต้องเป็นการกระทำอัตวิบากกรรมตัวเองอย่างแน่นอน
“ก็ไปตามที่คุณสัญญาไว้ไง”ดวงตาไร้ซึ่งสิ่งเคลือบแฝงมองตรงๆ
“ธารแน่ใจหรือว่าคุณจะไปจริงๆ”ผู้กองหนุ่มตั้งต้นคำถาม
“แน่สิ ไหนๆคุณก็เป็นฝ่ายพาผมออกมาแล้วแท้ๆทำไมไม่ทำให้มันสุดๆไปเลยละ”
อีกฝ่ายตอบด้วยรอยยิ้ม ภานุจำต้องยอมแพ้ ยอมเก็บข้อสงสัยเอาไว้ในใจเงียบๆก่อน
“แล้วถ้าผมโดนพ่อคุณตามล่าเเน่”ภานุงึมงำ
ต้นธารายิ้มน้อยๆ“จะกลัวตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ คุณล้วงลูกเสือออกมาแล้วนี่ กล้าๆหน่อยสิ พาผมมาถึงที่นี่แล้วแท้ๆ”คุณหมอบอก
ภานุอ่อนอกอ่อนใจกับความกล้าได้กล้าเสียของต้นธาราเสียแล้ว นึกทึ่งที่ต้นธารารักเขาเสมอมา รัก....จนต้องตามหามาตลอด
“ครับๆ ผมล้วงลูกเสืออกมาแล้วผมจะปฏิบัติให้ได้ถึงที่สุดครับ”ภานุลุกขึ้น สั่งให้คุณหมอเตรียมตัวเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม คุณหมอยิ้มมองดูแผ่นหลังของนายทหารหนุ่มก่อนจะฟุ่บหน้าลงบนโต๊ะอย่างอ่อนล้า รอยยิ้มสดใสกลายเป็นเศร้าโศก
“ผมเตรียมตัวเสร็จแล้ว เดี๋ยวขอโทรหาท่านอรุณก่อนนะ”
“ครับ...”