ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 Facebook Fanpage - อัพเดทนิยาย รูปวาด การ์ตูน แจ้งข่าว ฯลฯ

Twitter - อัพเดทนิยาย รูปวาด(ล่อแหลมบางส่วนที่ไม่กล้าเอาลง FB) เวิ่นเว้อ คุยกับคนเขียน ทวงนิยาย สปอยล์บางโอกาสค่ะ

"รัก...ติดดิน" เป็นภาคแรก ส่วนเรื่องที่ 2 ของซีรีส์หอพักนี้คือ>>
● เล่ห์รักฤดูร้อน ● เป็นอีกคู่หนึ่งค่ะ ^o^ (อ่านแยกกันได้ แต่ถ้าอ่านเรื่องนี้ก่อนจะได้อรรถรสและรายละเอียดเรื่องความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ของตัวละครมากขึ้น)
*ชี้แจง*
เนื่องจากว่าเรื่องนี้ได้ทำการรีไรต์ ปรับปรุงเนื้อหาหลายจุด (พล็อตหลักเหมือนเดิมค่ะ) แต่เนื่องจากตามแก้ในนี้ทีละตอนไม่ไหว เลยมีเป็นไฟล์ .pdf ให้โหลดได้ที่นี่ค่ะ >> http://www.facebook.com/photo.php?fbid=519662638093624&set=a.377573748969181.85704.377484365644786&type=1&relevant_count=1
แต่ไฟล์นี้มีเฉพาะเนื้อเรื่องหลักนะคะ ตอนพิเศษยังอยู่ในนี้ หาอ่านได้เลย จากหน้าสารบัญตามทึ่บอกข้างต้นเลยค่ะ ^^
.●♥-------------------------------------------♥●.
“เทพเจ้าแห่งเงินตราและความร่ำรวย..วันนี้ก็ขอให้ผมประหยัดเงินได้เยอะ ๆ อีกเช่นเคยนะครับ”
DORMITORY BOYS - สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”
1 - ลูกเจี๊ยบหลงทาง
มีคนเดินตามมา
ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน ตั้งแต่ก้าวขาออกจากรั้วโรงเรียนแล้ว
ปิ่นหยกเหลือบมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง แสงแดดทอจาง ๆ หลังฝนตกช่วยให้บรรยากาศดูไม่น่ากลัวนักแม้ต้องเดินเพียงลำพังผ่านบริเวณอาคารเก่าซอมซ่อร้างผู้คน ถึงจะเงียบอย่างไรแต่ตอนนี้ก็ยังกลางวันแสก ๆ ไม่น่ามีโจรใจกล้าหน้าโง่ที่ไหนคิดวิ่งราวกระเป๋าที่มีเพียงหนังสือเรียนเก่ามือสองตกทอดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา หรือกระเป๋าสตางค์ซึ่งมีเงินเหลืออยู่แค่สิบบาทของเขาหรอกใช่ไหม?
ใช่แล้ว หากจะให้แนะนำตัวเอง คงต้องพูดว่า 'กระผม..นายปิ่นหยก แววสินธุ์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ฐานะยากจน ค่อนไปทางจนมาก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกระยาจกซึ่งมีสมาชิกเพียงคนเดียวคือตัวผมเอง' หรืออะไรทำนองนั้น
และให้ตายเถอะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกใครแอบตาม ไม่ว่าไอ้คนที่ย่องตามมานั้นจะหวังอะไรก็แล้วแต่ อาจยกเว้นตามทวงหนี้ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าไม่ได้ไปก่อหนี้เพิ่มไว้ที่ไหน
“เหลือตังค์แค่สิบบาทเอง” เด็กหนุ่มแสร้งพึมพำออกมาดัง ๆ ท่ามกลางความเงียบ มือยกขึ้นปัดไรผมสีน้ำตาลเข้มชื้นเม็ดฝนให้พ้นตา ขณะลอบมองไปยังเงาตะคุ่มซึ่งทอดจากมุมตึกด้านหลัง นึกหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ ได้ยินไหมไอ้โจรงี่เง่า ไม่มีตังค์ให้วิ่งราวหรอกนะเว้ย ตามไปก็เสียเวลาเปล่าน่า อยากได้เงินไปตามอาเสี่ยตู้ทองเคลื่อนที่ในตลาดดูฉลาดกว่าเยอะ โน่น ๆ
“....”
เขาก้าวขาเงียบเชียบ ฟังเสียงหยดน้ำซึ่งค้างอยู่บนกองเหล็กเก่าหยดลงพื้นเปาะแปะ
“........”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีอาจไม่ใช่โจรก็ได้
ปิ่นหยกถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจจ้ำพรวดพราดออกห่างจากบริเวณตึกร้าง เร่งฝีเท้าอีกนิดเดียวก็ถึงเขตตลาดแล้ว จะคนหรืออะไรที่ตามมาก็ช่างหัวเถอะ สายตามองเห็นร้านขายของรถเข็นอยู่ลิบ ๆ ข้างหน้า ไม่เกินอึดใจคงหลุดจากเส้นทางเปลี่ยวนี้ได้โดยสวัสดิภาพ ถ้าเพียงแต่...
โครม!จะไม่มีเสียงมวลสารขนาดใหญ่บางอย่างทิ้งตัวลงปะทะพื้นอย่างนี้
เคร้ง...งง! ตุ้บ!ตามด้วยเสียงโอดครวญของตัวต้นเหตุที่นั่งจ๋องสิ้นท่าอยู่ท่ามกลางขยะเศษเหล็กหลังกำแพงผุพัง
“โอย…ย...” ปิ่นหยกจ้องร่างสูงของใครบางคนซึ่งกำลังนั่งลูบแขนตัวเองป้อย ๆ อยู่บนพื้น ท่าทางจะสะดุดอะไรสักอย่างกลางกองเศษเล็กนั่น ฝุ่นสนิมร่วงกราวจากแผ่นสังกะสีที่วางพาดอยู่บนศีรษะ สภาพย่ำแย่เสียจนอยากมองข้ามตัวอักษรบนอกเชิ้ตขาวอันบ่งชี้ว่าคนตรงหน้าเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน
และจะว่าไปแล้ว..
เขาหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิดแต่ยังรักษาระยะห่างประมาณสองเมตรไว้ เผื่ออีกฝ่ายจะเกิดบ้าวิ่งราวเงินสิบบาทของเขาไป แฮ่ม..! ไม่ได้งกหรอกนะ แต่มันก็เงินไม่ใช่หรือ!?
...ดูดี ๆ หมอนี่หน้าคุ้นมากทีเดียว
“ช่วยหน่อย” มนุษย์เศษเหล็กบนพื้นเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรกด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วน่าจะเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าขอความช่วยเหลือ ทำเอาปิ่นหยกเริ่มปรี๊ดจนเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ ๆ
“เป็นอะไรลุกเองไม่ได้!?” เด็กหนุ่มขยับเข้าใกล้ร่างนั้นอีกนิดโดยไม่รู้ตัวเพื่อไปหยุดยืนกอดอก มีดวงอาทิตย์หลังฝนตกเป็นฉากหลัง เงาดำทอดลงไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายพอดิบพอดี คล้ายเป็นฉากหนึ่งในหนังวัยรุ่นก่อนคู่อริจะลงไม้ลงมือ
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับจ้องเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมนี่?
ปิ่นหยกเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก พยายามสู้กับแววตาเรียกร้องตรงหน้า ดูใกล้ ๆ อีกทีแล้วหมอนี่ยิ่งคุ้นมาก...มาก ๆ..
ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตัวสูง ผิวขาวจัด ผมดำขลับ คิ้วเข้ม ดวงตาที่ติดจะโศกนิดหน่อยสีเดียวกับสีผม ใบหน้าโดยรวมแล้วจัดว่า.....หล่อ.....ทีเดียว ไม่สิ...โคตรหล่อเลยต่างหาก น่าหมั่นไส้ฉิบหาย! ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ม.6 คล้าย ๆ ว่าจะเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันวันนี้.....ดูเหมือน...
นี่มันไอ้คนที่นั่งข้างหลังเขาวันนี้นี่หว่า!“อาทิตย์!?" / “ปิ่นหยก” เป็นการประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย
นิ่งกันไปราวสามวินาที หรือพูดให้ถูกคือเป็นเขาคนเดียวซึ่งออกอาการเหวอ ขณะที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าตกใจเท่าไรนัก แหงสิ...หมอนี่เป็นคนเดินเกาะติดมาเอง ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ากำลังตามใครอยู่
เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก นี่เรื่องบ้าอะไรกัน?
ไม่แปลกเลยที่เขาจะจำเพื่อนร่วมชั้นตรงหน้าไม่ได้ในแวบแรก ในเมื่อเพิ่งมีการเปลี่ยนย้ายห้องเรียนกันวันนี้เอง เป็นเรื่องปกติในโรงเรียนของพวกเขาซึ่งมีการเปลี่ยนห้องทุกครั้งที่มีการเลื่อนชั้น ทั้งนี้เพื่อคัดเด็กหัวกะทิเข้ามาเรียนรวมกันในห้องคิง และกระตุ้นให้นักเรียนขยันทำคะแนนในทุก ๆ ปีการศึกษา การสอบแบ่งห้องจะมีขึ้นตามหลังการสอบปลายภาคเรียนที่สอง และประกาศห้องเรียนในวันแรกของภาคเรียนถัดไป
ด้วยเหตุนี้ นาย
'แสงอรุณ วิจิตรนิรันดร์' หรือนายอาทิตย์ที่ว่า ก็เพิ่งได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาวันนี้เป็นวันแรกนั่นเอง
“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?” เป็นปิ่นหยกที่สิ้นความอดทน ส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“ใจร้าย” อีกฝ่ายบ่นงึมงำตัดพ้อ มือใหญ่ยกขึ้นคว้าหมับเข้าที่ข้อมือคนตรงหน้าเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้นทรงตัวบนขา หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วว่านั่งรออยู่เฉย ๆ คงไม่มีนางฟ้าที่ไหนใจดียื่นมามือช่วยพยุงเป็นแน่ “มีตังค์แค่สิบบาทแถมยังแล้งน้ำใจอีก”
คนฟังรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ขมับเริ่มเต้นเป็นจังหวะร็อคหนักหน่วงกว่าเก่า คิ้วขมวดแทบผูกกันเป็นปม อ้อ ตกลงเมื่อกี้ได้ยินสินะ สิบบาทแล้วมันผิดเรอะ!? น่าเตะปลายคางสักทีดีไหม มุมนี้กำลังเหมาะ
..ไม่เอาน่า...สติฝ่ายดียังรั้งตัวเองเอาไว้บ้าง เขาพ่นลมหายใจพรืดด้วยความหงุดหงิด สะบัดมือเบา ๆ พอให้อีกคนรู้ว่าลุกเสร็จก็ปล่อยได้แล้ว ส่ายหน้าไล่ความคิดอยากทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้นออกจากหัวด้วยกลัวไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหาย ก่อนจะยิงคำถามตรงประเด็น
“ตามมาทำไม?”
พ่อยอดชายนายอาทิตย์ไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามง่าย ๆ แถมนอกจากไม่ตอบแล้วยังหันไปเอามือปัดฝุ่นที่เลอะตามกางเกงและกระเป๋า......เสื้อผ้า...อีก...?
..กระเป๋าเสื้อผ้า!?
ปกติใครเขาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตอย่างนั้นมาเรียนกัน(วะ)!?“แล้วนั่นอะไร?” ปิ่นหยกชี้ไปที่วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว “ย้ายบ้านเรอะ!?”
“อือ”
คำตอบแรกที่ได้รับตั้งแต่ถามมาทำเอาเด็กหนุ่มงงไปพักใหญ่ ย้ายบ้าน? ควรต้องบอกไหมว่าเขาถามประชด แล้วช่างตอบมาได้ว่าว่าย้ายบ้านจริง ๆ
“ที่จริงโดนคุณพ่อไล่ออกมาน่ะ” อีกฝ่ายชี้แจงเพิ่มเติม
“อ้อ..เข้าใจละ” เขาทำหน้าเออออเข้าใจอยู่ได้แวบเดียวจึงนึกขึ้นมาได้ เดี๋ยวสิ..นั่นไม่ช่วยให้กระจ่างขึ้นสักนิด! "เพ้อเจ้อว่ะ" ปิ่นหยกส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ ตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อทิ้งตัวปัญหาเอาไว้ที่เดิม
ถึงเรื่องของเจ้านี่จะฟังดูประหลาด แต่ความจริงมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมตอนนี้ฟ้าเริ่มจะครึ้มอีกรอบ หากไม่รีบเห็นทีคงได้วิ่งลุยฝน เขาแหวงนมองฟ้าครึ้ม ขาพาตัวเองก้าวออกจากที่ตรงนั้นและไม่คิดหันกลับไปมองอีก
ปิ่นหยกควรเอะใจสักนิด
เรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิตในวันฝนตก กับสิ่งที่คิดว่า
‘ไม่เกี่ยวกับตัวเอง’ เพราะแน่นอนว่าปิ่นหยกคิดผิด
มันเกี่ยวกับเขาแน่ ๆ
เกี่ยวอย่างมากเสียด้วย.●♥-------------------------------------------♥●.
“กลับมาแล้วครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงอ่อนระโหยเมื่อก้าวขาเข้าธรณีประตูร้านเค้กที่อยู่ชั้นล่างสุดของหอพัก เป็นใครก็คงพาลหมดแรงเอาง่าย ๆ หากมีปลิงเผือกตัวใหญ่เกาะหลังมาด้วยตลอดทางอย่างนี้
“กลับมาแล้วหรือ” เสียงทุ้มทักทายขึ้นมาจากหลังเคาน์เตอร์ เจ้าของเสียงกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จัดเค้กชิ้นโตลงกล่องตามออเดอร์ลูกค้า เงยหน้าขึ้นมาอีกทีจึงได้เห็นเด็กหนุ่มที่เป็นทั้งลูกจ้างและเป็นเสมือนคนในครอบครัวกำลังยืนทำหน้าเซ็งโลกเหลือจะกล่าว
“วันนี้ยุ่งไหมพี่เอม” ปิ่นหยกถามเสียงโมโนโทนแล้วหันไปตวาดคนข้างหลัง “ปล่อยเว้ย!”
“เดี๋ยวนายหนีอีก”
“หนีป๊ะอะไร ถึงหอแล้วนี่ไง”
“เพื่อนหรือ?” เอมจิตถามพร้อมส่งรอยยิ้มที่หากสาว ๆ เห็นคงละลายตายกลายเป็นช็อกโกแลตฟองดูอยู่ตรงหน้านั่นเอง ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีผู้เป็นเจ้าของหอพักพร้อมกับเปิดร้านเค้ก ณ ชั้นล่างสุดของหอไปด้วยคนนี้เรียกกลุ่มลูกค้าผู้หญิงได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาเกือบตอบไปแล้วว่าไอ้นี่ปลิงเผือกครับไม่ใช่เพื่อน แต่ก็ตัดสินใจพยักหน้าอย่างเสียมิได้พร้อมกับเอ่ยอ้อมแอ้ม “..อ่า..เรื่องมันยาวอะครับพี่เอม คือว่าเจ้านี่จะขอมาค้างด้วยซักคืนนึงเพราะว่า...จะทำรายงาน”
“สวัสดีครับ ชื่ออาทิตย์ครับ” เด็กหนุ่มร่างสูงยกมือไหว้ท่าทางสุภาพเรียบร้อย และเป็นครั้งแรกที่ยอมปล่อยมือจากคอของคนข้าง ๆ หลังจากเกาะหนึบมาตลอดทาง “ต้องขอรบกวนแล้วครับ”
ภาพที่เห็นจากหางตาทำปิ่นหยกต้องหันขวับไปจ้องเขม็งอย่างขัดอกขัดใจ เกิดจะนอบน้อมเป็นคนละคนขึ้นมาเชียวนะไอ้เบื๊อกนี่! ส่วนเอมจิตเพียงแต่เลิกคิ้วแล้วจ้องคนทั้งสองราวกับจะส่องให้ทะลุปรุโปร่ง สุดท้ายก็พยักหน้ายิ้ม ๆ
ปิ่นหยกนึกหวั่นกับท่าทีนิ่ง ๆ ของนายจ้างอยู่นิดหน่อย เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ทำไมผู้ใหญ่คนนี้จะไม่รู้ว่าเขาโกหก เพียงแต่เอมจิตใจดีและสุขุมพอจะเลือกวิธีจัดการกับเด็กวัยรุ่นอย่างคนที่เคยผ่านโลกมามากกว่า ชายหนุ่มรู้ว่าที่ได้ฟังนั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด รู้ว่าอีกไม่นานปิ่นหยกคงเป็นคนเล่าให้ฟังเอง และรู้ว่าถึงปิ่นหยกไม่พูด เขาก็มีวิธีบังคับให้เจ้าตัวพูดออกมาได้ไม่ยากเย็น
ถึงตรงนี้ปิ่นหยกรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ“ยินดีต้อนรับนะ หอพักตอนนี้ไม่มีห้องว่าง แต่คงนอนห้องปิ่นใช่ไหมคืนนี้” เอมจิตก้มลงมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่อาทิตย์หิ้วติดมือมาด้วยแล้วพยักเพยิดไปทางบันไดพร้อมกับคำอนุญาต “เอาของขึ้นไปเก็บก่อนสิ”
.●♥-------------------------------------------♥●.
“...เฮ่ออออ”สิ่งที่ปิ่นหยกบอกกับเอมจิตว่า
‘เรื่องมันยาว’ แท้จริงแล้วสั้นนิดเดียว
แค่หลังจากพบกันเมื่อเย็น เขาเดินหันหลังกลับ ตัดสินใจทิ้งสิ่งที่ดูท่าทางจะเป็นตัวปัญหา (ซึ่งอาทิตย์เถียงมาตลอดทางว่าเขาไม่ใช่) ไว้กับกองขยะเศษเหล็ก แต่แน่นอน..ถ้ายอมง่าย ๆ จะเรียกว่าตัวปัญหาได้อย่างไร
ผลลัพธ์จึงกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงอาศัยความได้เปรียบทางกายภาพ เกาะแขนตีซี้ขอมาค้างด้วยเพราะเพิ่งถูกพ่อไล่ออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ยังไม่เปิดเผย เพราะเจ้าตัวบอกยังไม่มีอารมณ์จะเล่า....ดูมัน...
หลังจากแกล้งทำเป็นเดินหลงทางสองครั้ง สลัดออกสามครั้ง พยายามทำอะไรสักอย่างที่คล้ายจะเร่งฝีเท้าหนีแต่ไม่ทันสี่ครั้ง ปิ่นหยกจึงยอมรับความพ่ายแพ้ว่าที่เสียแรงทำไปนั้นช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะนอกจากหลุดออกมาไม่ได้กลับกลายเป็นยิ่งโดนเกาะหนึบหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกที จนสุดท้ายกว่าจะเดินกลับถึงหอพักก็แทบจะกอดรัดกันเป็นโคอาล่าเกาะต้นไม้..ไม่สิ ปลิงเผือกเหมาะกว่า เรียกโคอาล่ามันน่ารักไป
ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่มานั่งทอดถอนใจกับตะกร้าผ้าเพิ่งซักเสร็จเตรียมเอาไปตาก ปล่อยให้รูมเมทเฉพาะกิจคนใหม่จัดการรื้อข้าวของตัวเองออกมาวางตรงที่ชอบ ๆ ในห้องเขา ปราศจากอาการรู้สึกรู้สาสักแม้นิดว่ากำลังทำตัวเป็นภาระชิ้นโต
ราวกับจะรับรู้ได้ถึงสายตากดดันซึ่งถูกส่งมาทิ่มหลัง อาทิตย์ขยับตัวยุกยิก แต่ไม่ใช่เพื่อแสดงความลำบากใจแน่นอน ชิงพูดขึ้นมาก่อนท่ามกลางความเงียบ "พี่เอมเป็นพี่ชายนายหรือ?"
"เปล่า” ปิ่นหยกตอบด้วยสีหน้าเซ็งโลก “เป็นนายจ้าง" ว่าพลางเอาเท้าเขี่ย ๆ เสื้อผ้าอีกฝ่ายที่ขนมาวางบนเตียงเขาอย่างกับตั้งใจจะอยู่ห้องนี้สักชาติเศษหล่นลงพื้นไปบางส่วนด้วยความหมั่นไส้
"อ้อ" เด็กหนุ่มร่างสูงพยักหน้า เก็บเสื้อผ้าที่ร่วงไปขึ้นมาท่วงท่าเนิบนาบ
ปิ่นหยกลองระรานด้วยการเขี่ยมันหล่นดูอีกครั้ง อาทิตย์เก็บขึ้นมาอีกรอบ เขาลองดูอีกที อาทิตย์ก็เก็บเสื้อผ้าขึ้นมาวางอีกที ไม่มีวี่แววจะหงุดหงิดอะไรออกมาแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มถึงกับเผลอแสดงสีหน้าขยาดออกมาไม่รู้ตัว หมอนี่อาจจะเป็นคนบ้าจริง ๆ ก็ได้
“..ประสาท!”
ปิ่นหยกเลิกสนใจ หันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ยังมีอะไรต้องจัดการอีกมากให้คุ้มกับที่ได้รับความเอ็นดูจากนายจ้าง ตัวเขาไม่ใช่น้องแท้ ๆ ของเอมจิต แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นแค่เด็กทำงานพิเศษ แต่เพราะอยู่มานานจนเป็นที่ไว้ใจ แถมยังเป็นเด็กดีช่วยงานทุกอย่างตั้งแต่ในร้านไปจนถึงงานบ้านทั้งหลายแหล่ สุดท้ายเลยกลายเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งซึ่งมีเอมจิตเป็นหัวหน้าครอบครัว มีน้องชายของเอมจิตอีกคนชื่ออุ่นใจ และตัวเขาเองที่แก่กว่าอุ่นใจสองปี
โชคดีจริง ๆ พี่น้องคู่นี้น่ารักทั้งสองคน นอกจากจะอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างอบอุ่น ค่าเช่าห้องก็ไม่ต้องเสีย แลกกับการทำงานบ้านและช่วยงานที่ร้าน เป็นการดีกับสถานะทางการเงินของตัวเองไม่น้อยทีเดียว
งกหรือ? ก็บอกว่าไม่ได้งกไง..แค่รู้จักใช้เงิน!
ระหว่างทาง เด็กหนุ่มแวะหยิบพายไก่ที่ได้มาฟรีจากลูกค้าประจำของเอมจิตคาบไว้ สองมือยกตะกร้าผ้าขึ้นข้างละใบค้ำไว้กับเอวเดินดุ่ม ๆ ไปยังลานซักล้างด้านหลังเตรียมจะตากผ้า แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรก็ถูกร่างสูงของใครบางคนโผล่พรวดเข้ามายืนขวางทาง
“อีอะไอ!!?” (มีอะไร) เขาถามเสียงอู้อี้ พายไก่ยังคาบอยู่เต็มปาก
“นี่ปิ่นหยก มาคิดดูแล้ว” อีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิดแล้วเอ่ยเสียงเรียบ..เรียบเกินไปจนไม่เข้ากับประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาหลังจากนั้นแม้แต่น้อย
“ฉันเสนอร่างกายให้นายเป็นไง?”
ตะกร้าผ้าหล่นโครม เมื่ออยู่ ๆ มนุษย์หน้ามึนก็โพล่งขึ้นมาไม่มีปีมีขลุ่ย ปิ่นหยกทำท่าเหมือนอยากตะโกนให้ลั่นโลกว่ารู้ตัวไหมพูดอะไรออกมา ติดอยู่ตรงถ้าแหกปากไปตอนนี้พายไก่ได้ฟรีที่คาบอยู่อาจจะหล่นลงพื้นเสียของได้
“จากนี้ก็ไม่รู้จะไปนอนไหนแล้ว ขอเอาร่างกายแลกกับที่พักและอาหารเถอะนะ”
ไม่พูดเปล่า มือยังยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองอย่างใจเย็นกลางลานซักล้างชนิดไม่อายผีสางนางไม้
“เฮ่ย!” พร้อมกับที่พายไก่แสนรักของเขาทิ้งตัวลงพื้นอย่างสวยงามด้วยลีลาราวนักกระโดดน้ำระดับชาติ
“จะบ้าเรอะ!!!?” เสียพายอย่าเสียสติ ถึงจะอาลัยอาวรณ์ของกินขนาดไหน แต่เรื่องไอ้คนตรงหน้าซึ่งกำลังแกะกระดุมเสื้อโชว์แผงอกและกล้ามท้องจนถึงเม็ดสุดท้ายแล้วช่างบ้ายิ่งกว่าจนไม่มีเวลาไปสนใจ หากไม่รีบห้ามไว้มันคงกะแก้ผ้าล่อนจ้อนแน่ ๆ เขาตวาดต่อทันทีที่หายจากอาการสำลัก “ใครจะอยากได้ตัวผู้อย่างแกเป็นเมีย!?”
อาทิตย์ช้อนสายตาใสแจ๋วขึ้นมอง แต่หลังจากประเมินแล้วว่าหุ่นใหญ่สูงชะลูดของตัวเองช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลยจึงเปลี่ยนเป็นโน้มตัวมาหาด้วยท่าทางราวกับเด็กอ่อนโลกแทน ซึ่งแน่นอนว่าขัดกับประโยคที่เอ่ยออกมาแบบสุดติ่ง!
“ตกลงจะให้เป็นเมียเลยหรือ? ตอนแรกก็กะว่าจะแค่มอบร่างกายให้เฉย ๆ เสียอีก”
“.....”
ถัดจากตะกร้าผ้า พายไก่ เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ไม่เหลืออะไรให้ทำร่วงลงพื้นได้อีก แต่สีหน้าและปากที่อ้าค้างอยู่ตอนนี้ก็ชัดเจนว่าหากเขาทำขากรรไกรล่างร่วงตามลงไปได้คงทำแล้ว ไอ้หน้าหล่อพ่อทิ้งนี่มันบ้า! บ้ากู่ไม่กลับหมอไม่รับรักษา หน้าตาดีแต่สติไม่เต็มเต็งช่างน่าสงสารสิ้นดี
“..ห..หยุดเลย!! ติดกระดุมนั่นด้วยแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องที่นายตามสตอล์กคนอื่นมาถึงบ้าน สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนด้วยคำพูดสองแง่สามง่ามและฆาตกรรมพายไก่ของฉันอย่างเลือดเย็นแบบนี้!” ปิ่นหยกยัดข้อหาให้สามกระทงซ้อน ตามด้วยชี้ไปยังเสื้อผ้าซักแล้วที่บัดนี้เทกระจาดออกมากองอเนจอนาถอยู่บนพื้น “ไหนจะผ้าพวกนี้อีก แล้วยังมีหน้ามาทำท่าจะเปิดโชว์ของลับกลางที่แจ้ง! เป็นพวกโรคจิตชอบอวดของเรอะ!?”
อาทิตย์ยืนทำหน้ามึน ขณะที่เด็กหนุ่มโวยวายฉอด ๆ อยากแปลงร่างเป็นก็อดซิลล่าพ่นไฟทำลายเมืองขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น ได้ยินเสียงงึมงำเถียงกลับมาว่ายังไม่ทันได้โชว์อะไรเลยยิ่งพาลจะทำให้ปรอทแตก ที่สุดแล้วเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีทีท่าอยากติดกระดุมเสื้อกลับให้เรียบร้อยสักทีจึงได้กระชากเสื้อเชิ้ตตรงหน้าเอามาติดให้เสียเอง ไม่ทันสังเกตเลยว่าระยะระหว่างปลายจมูกตอนนี้ช่างเป็นความใกล้อันน่าหวาดเสียว
“หน้าแดงด้วยแน่ะ”
“ห๊ะ!?”
จังหวะเดียวกับที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดขึ้นมาจนชิดลำคอ ปิ่นหยกจึงได้เงยขึ้นมองตามเสียงทัก
ฉิบหาย...ใกล้เกินไปแล้ว!ใกล้เสียจนรู้สึกได้เลยว่าลมหายใจร้อนผ่าวของอีกฝ่ายกำลังพ่นปะทะหน้าใบหน้าเขา ขณะที่เจ้าตัวกำลัง....หัวเราะ? ไอ้ตูดหมึก! กล้าหัวเราะเยาะเขาเรอะ!?
“ยิ่งแดงใหญ่เลย ตกลงว่ารับฉันเป็นภรรยาแล้วใช่ไหมที่รัก”
ไม่พูดเปล่า มือใหญ่ยังจัดการปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทั้งที่เขาเพิ่งติดให้เรียบร้อยไปเมื่อครู่แท้ ๆ ปิ่นหยกรู้สึกหน้ามืด ถูกโจมตีจากความขาวของแผงอกกว้างซึ่งพุ่งเข้ากระแทกตาด้วยพลังทำลายล้างสูง เมื่อรวมกับคำว่า 'ที่รัก' เสียงทุ้มต่ำห้อยอยู่ท้ายประโยคยิ่งฟังดูโรคจิตบัดซบ เพราะดันออกมาจากปากมนุษย์เพศเดียวกัน
รู้ตัวอีกที หมัดลุ่น ๆ ของเด็กหนุ่มก็พุ่งตรงเข้าจมูกคนที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นศรีภริยาอย่างงดงาม.●♥-------------------------------------------♥●.
To be continued...================================
สวัสดีค่ะ เรนนี่ค่า ^o^
ลงครั้งแรกค่ะ เขินจัง ขอฝากนายอาทิตย์และปิ่นหยกไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
เรื่องนี้เป็น อาทิตย์ x ปิ่นหยก ค่ะถึงแม้ว่าพระเอกของเรื่องดูจะสับสนเกี่ยวกับสถานะสามีภรรยาอะไรนิดหน่อย แต่ดูจากความมือไวใจเร็วแล้วอีกไม่นานตาคนนี้คงรู้เรื่องรู้ราวอะไรมากขึ้น 555
เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอย่างไร ทำไมอาทิตย์ถึงโดนพ่อไล่ออกจากบ้าน แล้วก็เรื่องราวพื้นหลังของปิ่นหยก เอมจิต อุ่นใจ และหนุ่ม ๆ คนอื่นที่ยังไม่ออก เดี๋ยวจะค่อย ๆ เฉลยค่ะ
ที่จริงเรื่องนี้มีหลายคู่ แต่ตั้งใจจะเขียนไปทีละคู่ เพราะถ้าเขียนพร้อมกันแล้วเราจะลำเอียง อาจจะมีรักคู่นั้นคู่นี้เยอะกว่า ไม่อยากให้มาแย่งซีนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะได้เขียนต่อหรือไม่ต้องดูว่ามีคนอ่านรึเปล่าด้วยค่ะ แอบกังวล (ฮาาา)
แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ ^^