(ต่อ)
“กูเคยเห็นแต่ในละครกับในการ์ตูน” มันพูดทั้งที่อมจูปาจุ๊บไว้ในปาก
คำตอบของมันทำให้ผมอึ้งอีกรอบ.. โหยยย มึงเป็นมนุษย์จากดาวดวงไหนเนี่ย เอี้ยฟ้าประทาน?! พูดจริงป่ะวะ?
“เด็กๆ มักจะมากับแม่ ถ้าโตๆ หน่อยก็มากับเมีย.. กูไม่มีทั้งแม่ทั้งเมียก็เลยไม่รู้จะมากับใคร?” มันยังคงรักษาระดับความเฉื่อยชาได้คงที่ยิ่งนัก
“ถามจริง?” ผมมองมันอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
สื่อแบบไหนที่ปลูกฝังเยาวชนให้กลายมาเป็นคนแบบนี้วะ? เวลามาซุปเปอร์ต้องมากับแม่หรือเมียแค่นั้นเนี่ยนะ? ..คิดได้ไง? ข้อมูลมันประมวลผลโดยสมองหรือไส้ติ่งแน่เนี่ย? ..โอยยย เครียดแทนคนเลี้ยงมันมาว่ะ
“ตอบตรง” มันว่างั้น
“กูล่ะเชื่อเลย.. แล้วที่มึงเดินตามกูเข้ามาวันนี้ในฐานะไหนวะ?” ผมหัวเราะลงคอหึหึอย่างมันบ้าง อยู่ใกล้มันนานๆ ชักจะบ้าไปตามมันแล้วว่ะ “แต่แม่กับเมียกูไม่เป็นนะเว้ย”
“..พี่เลี้ยง” มันนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มันเลยพูดต่อ “บางครั้งเด็กก็มากับพี่เลี้ยงเด็ก”
เหรอวะ? กูก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหล่ะ แต่ผมก็พยักหน้า ก่อนว่า “งั้นวันนี้มึงก็เป็นเด็กสินะ ..กูไม่แปลกใจเลยจริงๆ”
ผมเดินต่อก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วหันไปบอกไอ้เด็กโข่งหัวหงอกที่กำลังเดินตามหลังมา “เด็กชายฟ้าประทาน.. ยังไงกว่าจะซื้อของเสร็จมึงก็ช่วยเป็นเด็กดีหน่อยแล้วกัน ไม่งั้นพี่ฟาดไม่เลี้ยงแน่ หึหึ หึหึ”
แล้วตลอดการซื้อของนั้นไอ้เด็กโข่งเอี้ยฟ้าประทานก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอีก ยกเว้นคำถามเซ่อๆ ของมันที่มีมาให้ผมต้องเพื่อแสดงความรอบรู้(ที่ใครๆ ก็รู้ ..ยกเว้นไอ้เอี้ยฟ้าประทาน)เป็นพักๆ เท่านั้น จนกระทั่งถึงตอนแยกย้ายทางใครทางมัน ผมนึกว่าจะได้ไปพ้นๆ มันซักที แต่มันกลับมาดึงชายเสื้อของผมเอาไว้
“กูจำไม่ได้ว่าเอากุญแจรถไปไว้ไหน?” มันบอกผมโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากทุกที
“แล้วไง?” ผมถามอย่างไร้น้ำใจ
อย่าหวังว่าผมจะถามว่า ‘ไปส่งมั้ย?’ อะไรทำนองนั้นนะ ก็ไอ้เวรนี่มันไม่ใช่คนที่ผมจะต้องทำดีด้วยสักหน่อยนี่หว่า เวลาชั่วโมงกว่าๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรมัน ปล่อยให้มันเดินตามต้อยๆ อย่างสบายใจ ไม่ได้หมายความว่าผมลืมความแค้นที่มันทำกับผมไว้หรอกนะ
“แล้ว..กูก็กลับบ้านไม่ได้ไง”
“ก็ขึ้นรถเมล์ไปดิ แท็กซี่ก็ได้”
“กูไม่เคยขึ้นรถเมล์ แท็กซี่อันตราย...กูเห็นในข่าวบ่อยๆ”
มึงนี่ท่าจะบริโภคสื่อเป็นนิตย์..แต่ไม่เคยมีวิจารณญาณสินะ เอี้ยฟ้าประทาน กูว่ามึงนั่นแหล่ะ! มึงนั่นแหล่ะที่อันตรายกว่าแท็กซี่! เกิดเขาเข้าโค้งไม่โดนใจหรือพูดมากน่ารำคาญเกินไป มึงอาจจะลากเขาลงไปกระทืบข้างทางก็ได้ ตัวอันตรายน่ะมันมึงต่างหาก!
“งั้นมึงก็โทรให้เพื่อนมารับดิ” แต่ผมก็ยังใจดีช่วยหาทางออกให้มัน
“โทรศัพท์กูคงอยู่กับกุญแจรถแหล่ะ ..ไม่มีเลย” มันล้วงกระเป๋าให้ผมดู
“แล้วไง? จะให้กูไปส่งงั้นเหรอ?” ผมรำคาญเต็มแก่ อยากจะกลับบ้านเต็มทนแล้ว มือก็ถือของพะรุงพะรังหนักจะตายห่า!
“ถ้ามึงไม่ใจร้ายเกินไป”
“กู-ใจ-ร้าย” ผมพูดชัดเจน แล้วหันหลังเดินจากมาแบบไม่มีเยื่อใย
เคยบอกแล้วไงว่าถึงกูจะหน้าตาดีแต่ไม่ได้แปลว่ากูต้องใจดีเว้ย! กูไม่ช่วยคนเอี้ยๆ อย่างมึงหรอก! ถ้าโง่จนกลับไม่ได้ก็นอนให้ยุงแดกอยู่แถวนี้แหล่ะ!
“ซันนี่” แต่มันก็ยังเดินตามผมมาอยู่ดี
“กูบอกแล้วไงว่ากูชื่อ ซันชายน์!” ผมพูดโดยไม่ได้หยุดเดิน
“ซันนี่” มันยังไม่ยอมลดละ
“ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน! มึงพูดไม่รู้ภาษาคนรึไงวะ?”
“ซันนี่”
ตั้งใจจะกวนตีนกูไปถึงไหนเนี่ย!? แมร่ง!!
“อย่ามาเรียกว่า ซันนี่!”
“ซันนี่” ยัง.. มันยังหน้ามึน
“ซันชายน์โว้ย!”
“ซันนี่”
“ซันชายน์!”
“ซันนี่”
“ซันนี่!”
“ก็ ซันนี่ ไง”
..แป่ว นึกว่ามันจะหลงกลมุขดักควาย แล้วเถียงกลับว่า ‘ซันชายน์’ ซะอีก เฮอะ! ทีงี้ล่ะฉลาดเชียวนะมึง!
ผมเหนื่อยจะเถียงกับมันเลยเดินจ้ำพรวดๆ มาจนถึงรถ เปิดประตู ยัดของเข้าไป แต่พอจะมานั่งที่คนขับก็เห็นไอ้นรกนั่นนั่งประจำที่ข้างๆ เรียบร้อยแล้ว ..มันมาไงวะ?! กริบมาก!
“เอี้ยฟ้า...?” ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับมันดีแล้ว ..เหนื่อย ก็เลยปล่อยให้มันนั่งไป ..เอ้า! อยากทำอะไรก็ทำ! กูยอมละ กูเหนื่อย!
แต่แมร่ง! แล้วทำไมผู้ชายตัวควายๆ สองคนถึงต้องมานั่งด้วยกันในรถเต่าคันเล็กๆ แบบนี้ด้วยวะ? ขนาดผมกับซินยังแทบไม่เคยนั่งในรถคันนี้ด้วยกันเลยนะ ถึงมันจะไม่ได้คับแคบอะไรขนาดนั้นก็เหอะ แต่มันไม่เข้ากันว่ะ ปกติถ้าต้องไปไหนมาไหนด้วยกันเราจะเอาบีเอ็มของซินไปมากกว่า
“รถมึง..มีกลิ่นของมึงเต็มไปหมด” แล้วมันก็ยังไม่วายมีปัญหาเรื่องกลิ่น
คนหรือหมาวะเนี่ย? จมูกดีชิบ! ผมนี่คันตีนยิบๆ อยากจะถีบมันให้กลิ้งออกไปนอกรถจริงๆ
“ถ้ามึงเหม็นนักก็ลงไปซะ! หรือจะให้กูถีบลงไป?”
“กูก็ไม่ได้บอกว่าเหม็นนี่...แค่บอกว่ามีกลิ่นเฉยๆ”
แล้วมันกลิ่นยังไงวะ? ...โอยย ปวดหัว
“หยุดกวนประสาทกูซักสี่ซ้าห้าวิได้มั้ย เอี้ยฟ้า? ขอร้อง..” ผมถึงกับต้องขอร้องมันแล้ว เอาเถิด..
หลังจากที่มันบอกที่อยู่ของมันเรียบร้อยเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
แน่นอน! เพราะผมไม่ต้องการจะได้ยินเสียงของมัน และมันก็นั่งนิ่งเงียบมาตลอดไม่สร้างปัญหาอะไรอีก หรือจะหลับผมก็ไม่รู้ ไม่ได้สนใจ จนมาถึงหน้าคอนโดมันนั่นแหล่ะ มันถึงเริ่มขยับตัวอีกครั้ง
“ลงไป ด่วนๆ” ผมรีบไล่ แต่ก็ไม่วายแอบสำรวจคอนโดของมัน
จริงๆ ตั้งแต่ที่มันบอกชื่อก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าเป็นคอนโดหรู ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มองจากคอนโดของผมก็เห็นตึกหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เหมือนกัน ..แต่กี่ชั้นวะเนี่ย? สูงชะมัด..
“มึงไม่ขึ้นไปเอาเมมโมรี่การ์ดก่อนเหรอ?” มันยังไม่มีท่าทีจะลงไป แถมยังถามคำถามที่ทำให้ผมตาโตอีก
“มึงจะให้กูเหรอ?” แต่ผมยังไม่เชื่อมันหรอก อยู่ๆ ก็จะให้เมมโมรี่การ์ดผมมาง่ายๆ เนี่ยนะ? ..เป็นไปได้เหรอวะ?
“ถ้ามึงขึ้นไปเอา” มันพยักหน้าช้าๆ
“มีแผนชั่วอะไรอีกดิ? มึงไม่คิดจะคืนให้กูจริงๆ หรอกใช่มั้ย” ผมดักอย่างรู้ทัน ..ให้ผมขึ้นไปบนคอนโดมันเนี่ยนะ? แล้วจะมีอะไรมารับประกันว่าผมจะได้กลับลงมาอย่างปลอดภัย? แน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่ทำระยำอะไรกับผมอีก?
“กูบอกจะให้ก็คือให้ ..แต่กูไม่เอามาให้หรอกนะ อยากได้ก็ขึ้นไปเอาเอง”
“กูไม่ขึ้นไป ..มึงนั่นแหล่ะต้องไปเอามาให้กู” ยังไงผมก็ต้องเลือกความปลอดภัยของตัวเองเป็นอย่างแรกก่อน
กูไม่หลงกลมึงง่ายๆ หรอกเว้ย ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน!
“ตามใจ..” มันยักไหล่
“.........” แต่ผมชักลังเลแล้วสิ
ผมอยากได้นะ(แหงล่ะ) แต่ผมไม่อยากขึ้นไป.. เอายังไงดี?
“มึงอยู่ชั้นไหน?”
“บนสุด”
ผมมองตามไปอย่างที่มันบอก ...โหยยย ปีนหนีทางระเบียงนี่เป็นไปไม่ได้แน่
“บนนั้นมีกี่ห้อง? แล้วมึงอยู่กับใคร?” ผมพยายามมองหาทางหนีทีไล่ในกรณีฉุกเฉิน
“ห้องกูห้องเดียว ..กูอยู่คนเดียว”
แล้วจะเหลือทางรอดอะไรให้กูวะ? เพื่อนบ้านก็ไม่มีสักคน ขึ้นไปบนนั้นกูคงต้องร้องให้เทวดาช่วยแล้วมั้ง?
“...กูไม่ไป” ผมต้องตัดใจตอบคำตอบสุดท้ายออกไป
แง่ง! ใครจะหาว่าผมป๊อดก็ป๊อดเหอะ บ้านมัน ห้องมัน อุปกรณ์มันพร้อม เหลือแค่รอให้ผมไปขึ้นเขียงเท่านั้น เกิดมันฆ่าหั่นศพผมขึ้นมา แล้วใครจะกลับไปเป็นฝาแฝดกับซินวะ? ไม่เอาอ่ะ ยังไงผมก็ไม่ขึ้นไปบนนั้นเด็ดขาด
“ก็คิดอยู่แล้ว” มันว่างั้นแล้วเปิดประตูเตรียมลงไป “เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”
ผมเห็นว่ามันลงไปตัวเปล่าก็เลยหันไปค้นถุงข้าวของข้างหลัง ก่อนจะคว้ากระป๋องจูปาจุ๊บมายื่นให้มัน
“เอาของมึงไปด้วย” แล้วก็แบมือ กระดิกนิ้วตรงหน้ามัน “จ่ายตังค์ด้วย”
กูไม่คิดจะซื้อขนมให้มึงกินฟรีหรอกนะ อย่าดีใจไป แค่ขับรถมาส่งมึงถึงนี่ก็เปลืองน้ำมันกูจะแย่แล้ว จ่ายมาซะดีๆ ไอ้หัวหงอกฟ้าประทาน
“แปะโป้งไว้ก่อน” มันกดนิ้วโป้งลงกลางฝ่ามือผม “กระเป๋าตังค์กูคงอยู่กับกุญแจรถและโทรศัพท์แหล่ะ”
“ตกลงว่ามึงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง? ..ทำไมมึงไม่ลืมหายใจไปซะเลยวะ เอี้ยฟ้า?” ผมบ่นเซ็งๆ ..สติสตังมึงยังอยู่ดีไหมเนี่ย? อัลไซเมอร์แดกตั้งแต่ยังเด็กหรือไง? จะขี้ลืมไปไหนวะ?
“งั้นกูก็ตายดิ”
“เออไง! ตายๆ ไปซะ แผ่นดินจะได้สูงขึ้นอีกนิด”
“โอ๊ะยะๆ... ตอนเจอก็แช่ง ตอนจากก็แช่งอีก” มันพูดเนิบๆ “ท่าทางมึงจะอยากให้กูตายมากเลยนะ”
“มาก-ที่-สุด! ..ยิ่งเร็วยิ่งดี” ผมเน้นย้ำชัดถ้อยชัดคำให้มันกระจ่างใจ
“งั้น..กูจะอยู่นานๆ แล้วกัน” มันพูดยิ้มๆ “ไปนะ..” ก่อนลงจากรถพร้อมกับกระป๋องจูปาจุ๊บ แล้วก็เดินเข้าคอนโดไปแบบไม่เหลียวหลังเลย..
“...!!...” เมื่อกี๊มันยิ้มเหรอวะ?
เออเว้ย! ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน ทามิยะ มันก็ยิ้มเหมือนมนุษย์ทั่วไปเป็น?
..เอ่อ แล้วนี่ต้องทำยังไงผมถึงจะได้ไอ้เมมโมรี่นรกนั่นวะ?!
TBC. ตอนนี้เบาๆ ไม่เครียดๆ อิอิ