(ต่อ)
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ผมหวังนั้นมันออกจะมากเกินไป ซินไม่ใช่คนที่จะลืมอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผม..
“กี่เรื่องแล้ว ซันนี่? กี่เรื่องแล้วที่มึงโกหกกู?” ซินเริ่มซักฟอกผมหลังจากได้หัวเราะจนพอใจแล้ว โดยมีไอ้กายคนเดิมนั่งเงียบเป็นพยานในการสอบสวนครั้งนี้
“ซิน..” ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี
“กูถาม!” มันเริ่มขึ้นเสียง
“แค่เรื่องเดียว! ..แค่เมื่อวานเรื่องเดียว” สุดท้ายผมก็ทำได้แค่สร้างเรื่องโกหกเพิ่มขึ้นมาอีก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ที่คุณจะรักษาความลับเอาไว้โดยไม่โกหก และถ้าคุณเคยโกหกหนึ่งครั้ง มันจะต้องมีครั้งที่สอง ที่สาม ตามมาอีกเรื่อยๆ นอกเสียจากว่าคุณจะยอมสารภาพความความจริงออกไป ...ซึ่งผมทำแบบนั้นไม่ได้
“เมื่อวานกูเจอ ไอ้ฟ้าประทาน ที่ห้าง.. เห็นมันลืมกุญแจรถ ลืมกระเป๋าตังค์ แล้วก็ลืมโทรศัพท์ด้วย กูก็เลยไปส่งมันเอาบุญ.. แล้วที่กูไม่ได้บอกว่าเจอมันก็เพราะเห็นว่าพวกมึงเคยมีเรื่องกัน ไม่อยากให้มึงหงุดหงิดรำคาญใจก็เลยบอกไปแบบนั้น”
“..........” ซินเงียบ
ผมเลยถือโอกาสพูดต่อ “กูเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ..เลยไม่ได้บอก ก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เองนะซิน มึงเองก็ไม่ได้บอกกูทุกเรื่องเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”
ผมพยายามยิ้มเอาใจมัน โดยไม่ได้คิดเลยว่าคำพูดพล่อยๆ ของผมจะไปกดสวิตช์ของมันเข้าให้แล้ว
“กูบอกมึงทุกเรื่อง!!!” ซินตะโกนใส่หน้าผม สายตาที่มันมองมาทั้งผิดหวังทั้งเจ็บปวดจนผมชาหนึบไปทั้งอก..
ซินเดินหนีผมไปแล้ว แต่ผมกลับไม่มีแรงจะตามมันไป ไม่มีแรงแม้แต่จะเรียกมันไว้ด้วยซ้ำ ผมได้แต่มองตามไหล่สั่นๆ และหมัดที่กำแน่นของมันอย่างไม่รู้จะทำยังไง ไอ้กายทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมโบกมือห้ามไว้ ตอนนี้ผมไม่อยากฟังเสียงใครทั้งนั้นนอกจากซิน มันเลยหอบหมอนเน่าๆ เดินตามซินไปอีกคน
ผมไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน? ทั้งที่ผมตั้งใจจะปกป้องซินจากความเจ็บปวด แล้วทำไมผมถึงกลายเป็นคนที่สร้างความเจ็บปวดให้ซินซะเองล่ะ?
ผมมันเป็นน้องแบบไหนกันแน่..?
“หือ?” ผมหยิบโทรศัพท์มากดดู ก็พบว่ามีคนส่งข้อความมาให้ ..เป็นเบอร์ที่ไม่เคยเห็น แต่ข้อความที่ส่งมาเป็นข้อความภาพ!?
“ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน!”
ไอ้นรกนั่นมันส่งภาพเปลือยของผมมาอีกแล้ว! ไอ้เวรนี่มันยังไม่เลิกทำสงครามโรคจิตกับผมสินะ! แต่คราวนี้มีข้อความสั้นๆ แนบมาด้วย เป็นชื่อสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆ กับคอนโดของมัน..
ผมไม่ลังเลใจที่จะขับรถไปที่นั่นเลย ยังไงวันนี้ผมก็ต้องได้เห็นเลือดมันสักหยดผมถึงจะนอนตาหลับ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลวร้ายไปได้ขนาดนี้ก็เพราะมันคนเดียว เพราะไอ้เอี้ยฟ้าประทานคนเดียวเลย!!
ทำไมสวรรค์ถึงยอมให้คนอย่างมันเกิดมามีชีวิตบนโลกใบนี้ด้วยวะ!? แล้วเมื่อไหร่มันจะตายๆ ไปสักที?! โธ่เว้ย!!
กว่าจะมาถึงสวนที่ว่าผมก็ใจเย็นลงไปบ้างแล้ว ผมพยายามมองหาว่าไอ้บ้าที่มีหัวสีเงินนั่นน่าจะอยู่ตรงไหน ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านมากมายยามเย็นแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แวว
หรือผมจะถูกมันแกล้งปั่นหัวเล่นเฉยๆ?
ผมเดินหาไปก็หงุดหงิดไปไม่เห็นมีใครหัวหงอกหัวเงินซักคน จนมาถึงสระบัวที่อยู่เกือบใจกลางสวนสาธารณะแห่งนี้ ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าริมสระ และพอเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมก็แน่ใจว่าต้องใช่ไอ้เอี้ยที่ผมกำลังตามหาอยู่แน่ ..แต่ที่ไม่มั่นใจในตอนแรกเพราะวันนี้ไอ้นั่นมันใส่หมวกผ้ายืดสีขาว ปกปิดผมสีหงอกอันเป็นจุดเด่นประจำตัวของมันน่ะสิ แถมยังใส่เสื้อยืดแขนยาวคอกว้างสีขาว กางเกงเดฟยีนส์สีซีดขาดเป็นริ้วๆ ผ้าใบหุ้มข้อคู่โตๆ สีขาว เรียกว่าสว่างโร่ตั้งแต่หัวจรดตีนเลยแหล่ะ
อ้อ ยกเว้นอย่างนึง ยกเว้นแว่นตากุชชี่ที่มันใส่อยู่ตอนนี้เป็นสีชา..
ผมเดินเข้าไปข้างหลังมันอย่างเงียบกริบที่สุด หมายมั่นปั้นตีนว่าจะถีบมันลงสระบัวให้สาแก่ใจสักหน่อย แต่พอเอาเข้าจริงมันเสือกนกรู้ กลิ้งตัวหลบตีนผมไปได้อย่างหวุดหวิด ทั้งที่มันยังไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ
แมร่ง! มีตาหลังหรือไงวะ?!
แต่อย่าคิดว่าคนอย่างซันชายน์จะยอมแพ้ง่ายๆ ถ้ามันจะโชคดีก็โชคดีแค่ทีแรกเท่านั้นแหล่ะโว้ย! ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมต้องเอาเลือดมันออกมาดูให้ได้!
ผมตามไปกระทืบมันต่อ แต่มันก็กลิ้งตัวหลบไปได้อีกครั้ง และอีกครั้ง..
พอผมเงื้อตีนจะกระทืบมันครั้งที่สี่ มันกลับพุ่งตัวมาคว้าขาผมได้ก่อนแล้วกระชากเต็มแรง ผมเสียหลักลื่นไถลไปบนพื้นหญ้า และล้มก้นกระแทกพื้นในที่สุด
..เจ็บ! แต่ไม่มีเวลาให้โอดครวญ ผมจะลุกขึ้นสู้ใหม่ แต่ยังไปไม่ถึงไหน ไอ้บ้านั่นก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่เหนือตัวผมแล้ว ..เร็วชิบ!
ผมพยายามจะดิ้น พยายามต่อต้านทุกวิถีทาง แต่อย่างที่เคยบอกว่าผมมันนักคาราเต้ ผมไม่ถนัดต่อสู้แบบคุกวงในแบบนี้ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นผมก็เลยถูกมันจับล็อคแขนล็อคขาจนแทบขยับไม่ได้ ..ฮึ่ย! เกลียดตัวเองว่ะ
แต่เกลียดมันมากที่สุด!
“ไม่คิดว่าเป็นการทักทายที่ประเจิดประเจ้อไปหน่อยเหรอ ซันนี่?” มันพูดเอื่อยๆ เนิบๆ ตามสไตล์ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างหยุดหายใจหอบมาพักหนึ่ง
“ดูคนพวกนั้นดิ” มันพยักพเยิดไปยังทางเท้าด้านบน ผมเลยแหงนหน้าตามไปดู
ภาพที่เห็นกลับหัวในตอนนี้ก็คือเหล่าอากงอาม่าในชุดออกกำลังกาย ในมือถือพัดเตรียมพร้อม กำลังยืนมุงดูผู้ชายวัยรุ่นสองคนด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ว่าพวกมันกำลังทำบ้าอะไร? คนหนึ่งอยู่บน คนหนึ่งอยู่ล่าง กลางที่โล่งแจ้งนี่มันหมายความว่ายังไง? คือกีฬาประเภทไหน? ...อากงกะอาม่าไม่เข้าใจ
ผมหันกลับมามองหน้าไอ้เอี้ยฟ้าตาขวาง ถึงเรื่องนี้ผมจะเป็นคนเริ่มก่อน แต่ผมไม่ยอมรับผิดหรอก! ถ้ามันยอมให้ถีบลงน้ำง่ายๆ เรื่องก็จบไปแต่แรกแล้ว! ไม่ต้องเสียแรง เสียเวลา แถมยังเสียหน้าแบบนี้หรอก ..ฮึ่ย! เจ็บใจนัก!!
“ปล่อยกู!” ผมออกคำสั่ง ซึ่งมันก็ยอมปล่อยง่ายๆ
อากงกับอาม่าค่อยๆ สลายตัวไป ผมลุกขึ้นนั่งปัดเนื้อปัดตัวโดยมีไอ้เอี้ยฟ้าประทานนั่งหัวเราะหึๆ หึๆ อยู่ถัดไป หมั่นไส้นักผมก็ใช้ตีนยันมันไปที แต่เพราะอยู่ในท่วงท่าและองศาที่ไม่ถนัดเท่าไหร่ อานุภาพทำลายล้างก็เลยไม่รุนแรงเท่าที่ควร ไอ้เอี้ยนั่นถึงยังนั่งเฉยอยู่ได้
“แล้วนี่เรียกกูมาทำเชี่ยไร? ว่างนักรึไงมึง? แล้วหายหัวไปไหนมาให้คนอื่นเค้าตามหากันทั่ว?” ผมยิงใส่มันเป็นชุด
“.........” มันไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับนั่งเงียบมองหน้าผมแทน
“อะไร?”
อะไรของมันวะ? หรือว่าผมถามมากไป ถี่ไป? ระบบมันเลยประมวลผลไม่ทัน? เครื่องค้าง?
“เปล่า”
‘เปล่า’ แค่นั้นก็จบ? ‘เปล่า’ แล้วก็นิ่งไปอีก?
นี่มึงไม่คิดจะตอบคำถามกูหน่อยหรือไงวะ?! ..ผมนึกหงุดหงิดรำคาญใจอ้าปากจะด่ามัน แต่มันกลับยื่นแผ่นอะไรบางอย่างมาตรงหน้าก่อน
“อะไร?” ผมถาม แต่ยังไม่รับมา
“คีย์การ์ด...คอนโดกู” คำตอบของมันทำให้ผมประหลาดใจ “รหัสคือ...ทะเบียนรถมึง”
“แล้วไง?” ผมจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกอีกแล้ว คีย์การ์ดคอนโดมัน? แล้วรหัสคือทะเบียนรถผม? หมายความว่าไง??
“อยากได้ไม่ใช่เหรอ...เมมโมรี่การ์ดที่บันทึกภาพกับคลิปโป๊ของมึงเอาไว้น่ะ?”
ผมเอาตีนยันมันไปอีกทีด้วยนึกโมโหกับสิ่งที่มันพูดถึง แต่มันก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ..ตอนนี้ชายเสื้อขาวๆ ของมันมีรอยรองเท้าผมสองรอย เด่นชัดเลยเหอะ
“กูเคยบอกแล้วว่ามึงต้องขึ้นไปเอาเอง...กูเอาคีย์การ์ดกับรหัสมาให้ มึงอยากขึ้นไปตอนไหนก็แล้วแต่สะดวก”
ตอนนี้ผมเริ่มกระจ่าง แต่ก็ยังไม่ยอมรับไอ้แผ่นแม่เหล็กนั่นมาอยู่ดี ก็ผมยังมีเรื่องให้สงสัยอยู่นี่นา ..เยอะด้วย
“มึงตั้งใจจะเล่นเกมกับกูรึไง?” ผมถามในสิ่งที่คิด
“ใช่” มันตอบยิ้มๆ แกว่งคีย์การ์ดตรงหน้าผมไปมา
นี่มึงจะสะกดจิตกูเหรอ?
“เป็นหนึ่งในเกมโปรดของกู...เกมหาของ”
คิดไว้แล้วเชียว คนอย่างมันคงไม่ให้เพราะแค่อยากจะให้เฉยๆ แน่ มันต้องมีอะไรแอบแฝง ..แก้เบื่อ ไงล่ะ
ถ้าผมจะเล่น ผมต้องแน่ใจซะก่อนว่าผมจะมีโอกาสชนะ เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบเสี่ยงโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน
“กูจะแน่ใจได้ยังไงว่าของมันอยู่บนห้องมึงจริงๆ? แล้วถ้ามี...มีกี่อัน? เกิดกูหาเจอแล้วปรากฏว่ามึงมีก๊อปปี้ไฟล์อื่นอีก กูไม่เหนื่อยฟรีรึไง?” ..เป็นชุด
หวังว่าเครื่องมึงจะไม่ค้างอีกนะ
“เมมโมรี่การ์ดมีแค่อันเดียว...และกูก็เก็บเอาไว้ในห้องนั้น” มันอธิบายอย่างไม่เร่งร้อน “ไฟล์อื่นกูลบทิ้งหมดแล้ว รูปที่ส่งไปให้มึงเมื่อกี๊ก็ลบทิ้งแล้วด้วย”
“กูจะเชื่อได้ยังไงว่ามึงพูดจริง?”
“เพราะกูพูดจริง”
“แค่นั้น?”
แค่มึงบอกว่า ‘จริง’ กูก็ต้องเชื่อหรือไง? มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะเอี้ยฟ้าประทาน?! เชื่อถือได้มากเลยนะมึงเนี่ย!
“แค่นั้นแหล่ะ...กูไม่บังคับให้มึงเล่นหรอก กูแค่เสนอทางเลือกให้มึงเฉยๆ ..จะรับหรือไม่รับไว้ก็แล้วแต่” มันพูดด้วยท่าทางสบายๆ
“....ก็ได้!” ผมเสียเวลาคิดนิดหน่อย ก่อนจะคว้าคีย์การ์ดของมันมากำไว้ “กูจะเล่นเกมนี้”
ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจว่าไอ้เอี้ยนี่แอบซ่อนแผนชั่วอะไรไว้หรือเปล่า แต่มันก็ยังดีกว่าผมปล่อยให้มันถือไพ่เหนือกว่าโดยที่ไม่ยอมทำอะไรเลยล่ะน่า!
เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่กู!
“แล้วกฎล่ะ?” ผมถามมันอีก เพื่อความเข้าใจตรงกัน เผื่อว่าผมตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป จะได้ไม่ถูกมันปรับแพ้ฟาล์วทีหลัง ยกตัวอย่างเช่น..เผาบ้านมันไรงี้ ทำลายทีทั้งหลักฐาน ทั้งที่ซุกหัวนอนของมันซะเลย วะฮะฮ่าฮ่า สะใจดี!
แถมยังมีโอกาสชนะอีกด้วย ..ล้ำเลิศจริงๆ ซันชายน์
ถ้าไม่มีข้อห้ามล่ะก็นะ.. มึงเสร็จกูแน่!
“...แค่ไม่เผาห้องกูก็พอ”เหยดดดด! ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน ทามิยะ นี่มึงอ่านใจคนออกด้วยเหรอวะ?!
TBC. 