บทที่ 4“คุณวีขา.. มีแขกมาพบค่ะ”
“แขกเจ้านายเหรอ..”
“ไม่ใช่ค่ะ เขามาขอพบคุณกานต์รวี นี่นามบัตรค่ะ”
กานต์รวีรับนามบัตรมาดู ใจหายวาบกระซิบถามแม่บ้านเสียงแผ่ว
“เขาอยู่ไหน”
“นั่งคอยที่รับแขกด้านนอกค่ะ คุณวีจะให้เชิญเข้ามาข้างในมั้ยค่ะ”
“ไม่ต้อง!!.. ผมจะออกไปพบเขาเอง โมจิหลับอยู่ใช่มั้ย..”
“ค่ะ.. ไม่รู้ตื่นรึยัง เดี๋ยวหนูเข้าไปดู..”
“อย่าให้น้องส่งเสียงนะ ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นได้ยินเสียงเด็ก”
กานตร์รวีลุกขึ้นยืนรวบรวมจิตใจให้เข้มแข็งก่อนออกไปพบกับแขกที่มาเยือน
...กิตติ สถาพร ทนายความประจำตระกูลเฉลิมวงศ์ แค่เห็นนามบัตรก็รู้แล้วว่ามาด้วยเรื่องอะไร...
ร่างเพรียวเดินงุ่นง่านอยู่หน้าห้องประธานบริษัท ...ทำไมคุณเตชิตคุยกับทีมงานสถาปนิกกลุ่มนี้นานจัง เฮ้อ... จะว่าไป.. เขาประชุมเรื่องงานกันนี่นา เราใจร้อนเองต่างหาก ...
แม่บ้านอุ้มโมจิมาส่งให้กานต์รวี เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเป็นหนูติดจั่น
“คุณวีขา.. อุ้มหลานหน่อยค่ะ”
กานต์รวีรับร่างเล็กมาอุ้มและสวมกอดไว้แน่นด้วยความรู้สึกหวงแหน
“จะไปไหนเหรอ อ้อ..”
“ไม่ได้ไปไหนค่ะ หนูอยากให้คุณวีหยุดเดิน.. เดินวนไปมาแบบนี้ไม่ปวดหัวเหรอคะ.. ”
กานต์รวีรู้สึกตัวหยุดอาการพลุ่งพล่านของตัวเองเดินไปนั่งที่โต๊ะ พยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงด้วยการพูดคุยและเล่นกับหลาน โมจิกำลังหัดคืบ ร่างเล็กกระดึ๊บตัวไปมาอยู่บนโต๊ะทำงาน วันนี้เป็นวันที่ 4 ที่เขาเอาหลานมาเลี้ยงที่ทำงาน วันแรกเจ้าตัวเล็กแทบจะไม่ได้ออกจากห้องประชุมเลย เพราะมีแขกมาพบเจ้านายเยอะมาก แต่สองสามวันนี้เขาพาออกมาเดินและนั่งเล่นข้างนอกในเวลาที่ไม่มีแขก พนักงานที่ขึ้นมาติดต่องานส่วนใหญ่เห็นโมจิแล้วก็พากันมาขออุ้ม ภายนอกยิ้มแย้มพูดคุยดี แต่ในใจคงแอบนินทาหรือเอาไปเมาท์กันน่าดู เพราะเช้าวันที่สอง คุณศักดิ์สิทธิ์ ก็โทรมาต่อว่าเขาทันที
“คลานเก่งแล้วน้า~~ โมจิของอาเก่งที่สุด.. น่ารักที่สุดเลยด้วย ” ^__^
ประตูห้องประธานเปิดออก ทีมงานออกแบบและตกแต่งภายในเดินออกจากห้องสีหน้าเคร่งเครียด กานต์รวีพยักหน้าให้แม่บ้านมาเอาหลานไป และลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้กลุ่มพนักงานที่เดินออกมา
“วันนี้เจ้านายอารมณ์เสียมาจากไหนครับ คุณวี.. เรียกพวกเรามาด่าเป็นชุดเลย..”
“เอ๊ะ!!.. ไม่นี่ครับคุณนพ.. ตอนสั่งให้เชิญพวกคุณมาประชุม อารมณ์ยังดีอยู่เลย..”
“อ้าว!!.. พูดอย่างนี้หมายความว่าพวกเราเป็นฝ่ายทำให้เจ้านายอารมณ์เสียใช่มั้ย.. คุณเป็นเลขาใหม่ล่ะซี ถึงยังไม่รู้จักนิสัยเจ้านายเตชิต.. อ้อ!!.. แล้วเด็กเมื่อกี้น่ะ เป็นลูกเหรอ.. ที่นี่มีกฎระเบียบเข้มงวดนะ เอาเด็กมาเลี้ยงในออฟฟิศได้ยังไง..”
‘เกียรติชัย’ หนุ่มใหญ่ร่างท้วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบและตกแต่งภายในย้อนกลับเลขาหนุ่มหน้าหวาน
“เอ่อ.. ผมไม่ได้หมายความว่าพวกคุณทำให้เจ้านายอารมณ์เสียนะครับ ส่วนเรื่องเด็ก ผมมีความจำเป็นต้องเอามาเลี้ยงที่ออฟฟิศชั่วคราวครับ ผมขออนุญาตท่านประธานแล้ว ”
“อะไรวะ!!.. ที่แท้ก็เป็นเด็กเส้นถึงได้สิทธิพิเศษให้เอาลูกมาเลี้ยงได้ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี่หว่า เป็นเจ้านาย.. แต่ตามใจเลขาในเรื่องที่ผิดกฎแบบนี้ได้ยังไง..”
กานต์รวียืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ตกใจที่ผู้อำนวยการหนุ่มใหญ่กล้าต่อว่าประธานบริษัท ลำพังตัวเขาถูกต่อว่าไม่เท่าไร แต่กับคุณเตชิต หมอนี่ก็ไม่เกรงเลย ...
เห็นเลขาหนุ่มหน้าหวานสีหน้าจ๋อย เกียรติชัยหัวเราะและเหน็บต่อด้วยความคะนองปาก
“หรือว่าท่านประธานของเราจะเปลี่ยนรสนิยมแล้ว มีเลขาสาวสวยไม่ชอบ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นเลขาหนุ่มหน้าหวานซะงั้น ฮะๆ ”
“เอ่อ.. ไปเถอะครับ คุณเกียรติชัย.. เรามีนัดดูงานที่ไซด์ เดี๋ยวไม่ทันนะครับ ” พนักงานหนุ่มรีบตัดบทเพราะรู้สึกเสียวสันหลังวูบ กลัวว่าประตูเปิดออกมาแล้วเขาจะโดนลูกหลงไปด้วย
... R R R R ...
เกียรติชัยรับสายมือถือ ใบหน้าระบายยิ้มเจื่อนลง
“มีปัญหากับผมเรื่องความยุติธรรมงั้นเหรอ อาเกียรติชัย.. อยากจะเอาลูกมาเลี้ยงบ้างก็ได้นะ สำหรับอา.. ผมอนุญาตให้เอาแม่มาด้วย แต่บอกผมก่อนว่าบ้านไหน ผมจะได้รายงานอาผู้หญิงถูก ไม่พอใจเรื่องงานแล้วมาพาลเลขาผมแบบนี้ไม่ใช่วิสัยของผู้ใหญ่ อาไม่เกรงใจผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ผมไม่เกรงใจอาบ้างเพราะครั้งต่อไปผมจะไม่เตือนอาทางโทรศัพท์.. รีบพาลูกน้องออกไปจากหน้าห้องทำงานผม เดี๋ยวนี้ !!!..” “ผมขอโทษครับ คุณเตชิต..”
เตชิตเรียกกานตร์รวีเข้ามาพบหลังจากพนักงานกลุ่มนั้นกลับลงไป
“ขอโทษเรื่องอะไร..”
“เอ่อ.. เรื่อง..” กานต์รวีเอ่ยขอโทษโดยลืมไปว่าเจ้านายไม่รู้เห็นเหตุการณ์ข้างนอก ในเมื่อไม่รู้ก็อย่าเล่าดีกว่า กำลังไม่สบอารมณ์เรื่องงาน เดี๋ยวจะหัวเสียมากขึ้น พนักงานกลุ่มนั้นจะหาว่าเราขี้ฟ้องด้วย
“ไม่มีอะไรครับ”
“ไม่มีอะไร? อยู่ๆ ก็ขอโทษแล้วบอกว่าไม่มีอะไรเหรอ..”
“เอ่อ..”
ใบหน้าคมยิ้มละมัย กานต์รีวีมีท่าทีอึกอัก ถ้าเขาไม่ถามคงไม่เล่าแน่...
“มีใครรังแกคุณเหรอ ”
ร่างเพรียวสะดุ้ง รีบปฏิเสธ
“เปล่าครับ ไม่มี..”
“แน่ใจนะ วี.. นอกจากปัญหาเรื่องงานแล้ว ปัญหาของคนก็เป็นเรื่องที่ผมต้องรับรู้และเป็นหน้าที่ที่คุณต้องรายงาน ไม่ใช่ให้ผมถาม”
“เอ่อ.. ก็ได้ครับ เมื่อกี้มีปัญหาหน้าห้องนิดหน่อยครับ คุณเกียรติชัย เขา___”
“หาว่าคุณว่าเขาเป็นคนทำให้ผมอารมณ์เสีย เขาว่าคุณเรื่องเอาเด็กมาเลี้ยง หาว่าเป็นเด็กเส้น และพาลต่อว่ามาถึงผม ว่าเป็นเจ้านายที่ไม่ยุติธรรม เหน็บว่าผมเปลี่ยนรสนิยมชอบเลขาหนุ่มหน้าหวานแทนเลขาสาวสวยใช่มั้ย”
กานต์รวีอ้าปากหวอ
“เจ้านายรู้ได้ไงครับ.. หรือว่า.. มีกล้องติดไว้หน้าห้อง ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้เลย..”
เตชิตหัวเราะ
“กล้อง!!.. ใช่!!.. ถึงเวลาที่ผมต้องมีกล้องจับภาพหน้าห้องแล้ว เดี๋ยวเรียกช่างเทคนิคขึ้นมาพบผมหน่อยนะ วี..”
“แปลว่าตอนนี้ยังไม่มี.. แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับ ว่าคุณเกียรติชัยพูดอะไรบ้าง..”
“รู้จากคุณไง..”
“จากผม? ผมยังไม่ได้เล่าอะไรเลยนะครับ”
“ผมได้ยินทุกคำพูดจากเครื่องนั่น”
กานต์รวีมองเครื่องอินเตอร์โฟนบนโต๊ะทำงานเจ้านาย คิ้วเรียวขมวด
“เจ้านายกดหาผมเหรอครับ.. ทำไมผมไม่ได้ยินเลย”
“ผมไม่ได้กดหาคุณ คุณต่างหากที่กดหาผมแล้วก็ไม่พูด..”
“ผมไม่ได้กดหาเจ้านายซะหน่อย..” ใบหน้าหวานฉงน สักครู่ก็นึกขึ้นได้
“นึกออกแล้ว!!.. เมื่อกี้ผมอุ้มโมจิมานั่งเล่นบนโต๊ะครับ แกกำลังหัดคลาน จับโน่นจับนี่ยุ่งไปหมด สงสัยคงไปกดถูกปุ่ม speak ที่เครื่อง.. ต้องเป็นเจ้าตัวเล็กแน่ๆ เลยครับ สงสัยคงจะรู้ว่าคุณเกียรติชัยจะมาต่อว่าผมเรื่องเอาตัวเองมาเลี้ยง ก็เลยหาทางฟ้องคุณ.. ฮะๆ ”
เตชิตระบายยิ้ม นานๆ ครั้ง ถึงจะได้เห็นใบหน้าหวานหัวเราะสนุกแบบนี้ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่คลายลงทันที
“นมใกล้หมดรึยัง”
“ทำไมเหรอครับ”
“กระป๋องใหม่ผมขอจ่ายเองนะ เป็นรางวัลที่ผมให้เจ้าตัวเล็ก ไม่เกี่ยวกับคุณเพราะงั้นห้ามปฏิเสธ”
กานต์รวีหัวเราะ
“เรื่องนายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเขามาพูดแขวะหรือมีปัญหาอะไรกับคุณอีก ขอให้บอกผม”
“ผมจะกลายเป็นเลขาขี้ฟ้องรึเปล่าครับ”
“เขาไม่ได้เรียกว่าฟ้อง นายเกียรติชัยมีคดีที่ผมต้องสะสางอีกเยอะ คุณต้องช่วยรายงานสถานการณ์และพฤติกรรมของเขาให้ผมรับรู้”
“ได้ครับ.. ผมจะคอยรายงานให้ทราบ” กานต์รวีเห็นเจ้านายหน้าเครียดเมื่อพูดถึงคนคนนี้ก็รู้สึกกังวลแทน
“คุณเกียรติชัยพูดจาไม่ดีเลยนะครับ ผมไม่ชอบเลย”
“หึ!.. คุณคงสงสัยว่าทำไมหมอนี่ถึงไม่ให้เกียรติผมใช่มั้ย..”
“เอ่อ.. ก็.. ครับ ผมไม่เข้าใจ”
“เขาเป็นอาเขยของผม เคยนั่งตำแหน่งรองประธาน พ่อผมไว้ใจเขามาก แต่เขากลับทำเรื่องทุจริตรับใต้โต๊ะจากผู้รับเหมาโครงสร้างทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้และชื่อเสียง พ่อผมเห็นแก่น้องสาวก็เลยแค่ลดตำแหน่งไปอยู่ฝ่ายตกแต่งภายใน และเรียกผมกลับจากอังกฤษให้มานั่งตำแหน่งรองประธาน หมอนั่นพยายามทำตัวดีหวังให้พ่อยกโทษและคืนตำแหน่งให้ แต่นอกจากพ่อจะไม่คืนตำแหน่งให้แล้ว ยังวางมือให้ผมบริหารงานแทน เขาเจ็บแค้นผมอยู่ในใจจึงแอบทำเรื่องทุจริตอีก ครั้งนี้ทำกันเป็นทีม ผมกำลังสืบพฤติกรรมของเขา เพราะงั้นจึงเป็นเหตุผลที่คุณต้องรายงานผมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหมอนั่น รวมถึงทีมงานของเขาด้วย.. เข้าใจมั้ย..”
กานต์รวีรู้สึกเห็นใจเจ้านายอย่างมาก นอกจากต้องบริหารบริษัทให้เติบโตแล้ว ยังต้องกำจัดพวกทุจริตด้วย
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะคอยรายงานทุกเรื่องให้ทราบ”
“แต่มีเรื่องที่ผมอยากจะเตือน อยู่ห่างๆ นายเกียรติชัยและลูกน้องไว้ด้วย อย่าไปสนิทสนมคบหาเป็นเพื่อนเด็ดขาด”
คิ้วเรียวขมวดไม่ค่อยชอบใจกับคำสั่งนี้ รู้สึกเหมือนถูกเผด็จการอีกแล้ว
“ผมเตือนเพราะเป็นห่วง ถ้ารู้จักนิสัยพวกเขา คุณจะเข้าใจความเป็นห่วงของผม”
“รับทราบครับ เจ้านาย..”
“โอเค.. ผมมีเรื่องคุยแค่นี้ กลับไปทำงานได้ อย่าลืมเรียกช่างเทคนิคให้ผมด้วย..”
“ครับ..”
กานต์รวีลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน วี..”
ร่างเพรียวชะงักหมุนตัวกลับ
“ครับ”
“โมจิหลับอยู่รึเปล่า ถ้าไม่หลับผมขออุ้มสักสองนาทีได้มั้ย..”
“ได้ครับ เดี๋ยวให้อ้อพาเข้ามา”
กานต์รวีเข้าใจความหมายของคำขอ คุณเตชิตเคยบอกว่าเวลาอุ้มโมจิ เขาสบายใจและลืมปัญหาต่างๆ ชั่วขณะ
พูดถึงหลานชายตัวน้อย กานต์รวีนึกถึงเรื่องร้อนใจของตัวเองขึ้นมาได้ ร่างเพรียวก้าวพรวดกลับไปยืนเบื้องหน้าเจ้านาย
“เอ่อ.. คุณเตชิตครับ.. เรื่องของโมจิ ตกลงเพื่อนทนายของคุณจะว่างวันไหนครับ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อกานต์รวีรีบร้อนถามถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้ากังวลและเป็นทุกข์
“เย็นวันนี้เขาจะโทรหาผม ถ้าว่างก็จะแวะมาคุยด้วย มีอะไรหรือ วี.. เป็นอะไรรึเปล่า..”
เตชิตใจหายเมื่อคำถามของเขาจี้ใจให้น้ำใสเอ่อรื้นดวงตาคู่สวย ยังไม่ทันเอ่ยถามกานต์รวีก็ยื่นจดหมายให้ เขารับมาพลิกดูเห็นเป็นซองจดหมายของสำนักกฎหมายก็พอจะเข้าใจเรื่องราว และเมื่อเปิดออกอ่านก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้าว่ากำลังทุกข์ร้อนใจเพียงใด
“นั่งลงก่อน วี.. ผมจะคุยกับเขาเดี๋ยวนี้เลย”
กานต์รวีทรุดตัวลงนั่ง เตชิตต่อโทรศัพท์หาเพื่อนทนายคุยเรื่องนัดหมายทันที
“..................................”
“เฮ้ย!.. ตกลงเรื่องคดีจะเอายังไง จะรับงานมั้ย ถ้าไม่รับฉันจะหาทนายอื่น..”
“............................................”
“ไม่ต้องมาพูดดี เมื่อคืนบอกจะเข้ามาคุยก็ไม่มา.. ถือว่าเป็นทนายดังแล้วเล่นตัวหรือวะ..”
“..........................................”
“ไม่สนโว้ย ถ้าตอนนี้นายไม่ได้อยู่หน้าบัลลังก์ รีบมาหาฉันที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้ !!..”
“..............................”
“ไม่ได้!!.. ฉันมีเรื่องด่วนต้องคุยตอนนี้ ย้ายก้นนายมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่มา.. อย่าหาว่าฉันเป็นเจ้าหนี้ใจโหดนะโว้ย เงินห้าแสนที่ยืมไป เมื่อไรจะคืน..”
“.....................”
“เออ!!.. เดี๋ยวเจอกัน..”
เตชิตวางสายเพื่อนและพยักหน้าให้กานต์รวี
“มันกำลังมา ต้องให้มีโมโห ไอ้เพื่อนบ้า!!..”
“เขาติดงานอะไรรึเปล่าครับ ถ้ายังไงรอถึงตอนเย็นก็ได้ ผมใจร้อนไปเอง..”
“ไม่ได้หรอก.. ต้องคุยตอนนี้ ไม่ใช่คุณที่ใจร้อน ผมเองก็รู้สึกร้อนใจด้วย เขาจะมาถึงในหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องห่วง วี.. ร้องขอเป็นผู้ปกครอง คดีเด็กๆ สำหรับเพื่อนผม ”
กานต์รวีลุกขึ้นยืนและยิ้มอย่างดีใจ
“ขอบคุณครับ.. เจ้านาย.. งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ.. ”
“อะฮะ”
เตชิตมองตามหลังร่างเพรียวของชายหนุ่ม เห็นใบหน้าหวานยิ้มได้แล้วก็รู้สึกดี เขาไม่อยากเห็นสีหน้าเป็นทุกข์แบบเมื่อครู่นี้เลย