[story]!!! เป็นตุ๊ดหง่ะ บัดซบจริงๆเลยยยยยย !!! โดย ตุ๊ด ตจว.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]!!! เป็นตุ๊ดหง่ะ บัดซบจริงๆเลยยยยยย !!! โดย ตุ๊ด ตจว.  (อ่าน 202481 ครั้ง)

LulLaby

  • บุคคลทั่วไป
  :เศร้า1:  :เศร้า1:  :เศร้า1:

สงสารคุณแบะจังเลย

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :monkeysad:สงสารคุณแบะเหมือนกันคับ :monkeysad:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
เข้มแข็งให้ได้ไวๆนะครับ :เศร้า1:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตามมาให้กำลังใจคับ  :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :monkeysad:  ได้แต่หวังว่าคุณเอกจะสำนึกผิดแล้วคุณแบะก็ให้อภัยนะคับ :call: :monkeysad: :call:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
===========================================

ตุ๊ด ตจว.
ขอเสนอ

ละครชีวิต

"อกกระเทยกลัดหนอง"

ตอน แล้วสอนว่า อย่าไว้ ใจมนุษย์

==========================================

อีบริทย์ อีต๋อง รู้เรื่องทั้งหมด หลังจากฉันไปทำงานดีแล้ว
มันโกรธแค้น และเป็นเดือดเป็นร้อนมาก ฉันต้องห้ามไม่ให้มันไปโวยวายกับเอกอยู่นาน ฉันไม่อยากให้เค้ารู้
และยังเชื่อว่า ความลับจะไม่มีในโลก ซักวัน ความจริงมันจะพรั่งพรูมาสู่ตัวฉัน

ที่ทำงาน เวลาจวนเจียนจะเลิกงานเต็มแก่

"พี่อุย บอกหนูมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าอีหน้าไหน ที่มันกล้ามายุ่งกะผัวหนู" เสียงนังแมรี่ เอ็ดตะโรไปทั่วออฟฟิศ คนส่วนใหญ่ที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน ก็หันมาดูกันอย่างคึกคัก สงสารแต่พี่อุย ทำตัวลำบากเชียว

"พี่ไม่รู้ ไปรู้มาจากใครก็ถามคนนั้นสิจ๊ะ" พี่อุยตอบแหยงๆ คงกลัวนังแมรี่มันจะขย้ำคอเอา

"พี่ไม่ต้องมาไม่รู้เลยนะ อีเบิ้มมันบอกว่าพี่เป็นคนยกห้องให้พวกมัน ........กัน" ยัยบ้าเสียงดังกว่าเดิมอีก ฉันเห็นอีเบิ้มสะดุ้งร้อนตัวจนก้นไม่ติดพื้น อีนังเด็กคนนั้นมันยังอยู่ไหมหนอ มีสิทธิ์ตายได้เลยนะเนี่ย (แอบห่วง)

"โห่ พี่เมาจะแย่ นอนฟุบอยู่ข้างๆ เรานั่นแหล่ะพี่จะรู้อะไร" พี่อุยคงจะเข้าตาจนแล้วสินะ ฉันเพิ่งเคยเห็นพี่แกโกหก

"ไม่ได้ๆ พี่บอกมาเดี๋ยวนี้ หนูจะไปตบมัน" ปั๊ดโถ คงเป็นอย่างนี้หล่ะมั้งนังเบิ้มมันถึงไม่ชี้ตัวว่าเป็นใคร ขืนมีเรื่องกัน จะได้พาลติดร่างแหไปด้วย ท่าทางเรื่องคงไม่จบง่ายๆ ฉันเลยกลับบ้านเองดีกว่า ลำพังตัวเองก็ยังไม่เอาไม่รอดอยู่เหมือนกัน

ฉันค่อยๆ เดินทอดน่องกลับบ้าน ระหว่างทางก็ซื้อของที่อยากกินติดไม้ติดมือกลับไป ดูภายนอกฉันอาจจะดีขึ้น แต่ความจริงฉันก็ยังคิด ถึงแม้จะรู้ว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ก็เถอะ

ถึงห้องแล้ว ฉันก็นอนฟุบบนที่นอนเหมือนทุกๆวัน ได้ยินเสียงโทรศัพท์หน่อยๆ คงจะเป็นเมสเสจ ฉันเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาดู แล้วก็ใช่ เป็นเอกที่ส่งมา

"อีกเดือนเดียว จะได้อยู่ใกล้ตัวเองแล้ว คิดถึงมาก อยากมีอะไรกัน"

ฉันเขวี้ยงมือถือใส่ผนังห้องอย่างแรง หน้ากากโทรศัพท์แตกกระจายและชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดออกจากกัน
ในใจคิดว่าพังแน่ๆ แต่ ไม่เสียดายเลย ซักกะนิด...

ปล. ไม่พังซะง้าน

…………………………………………………
อีกแค่เดือนเดียวเองหรอ

..
...
...

ไม่อยากให้ถึงเลย

ฉันไม่อยากเห็นหน้าเค้าแม้แต่น้อย ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงที่ผ่านทางโทรศัพท์มาหาด้วย
ฉันเบื่อ เบื่อที่ต้องทนฝืนพูดดีด้วย ทั้งที่ฉันอยากจะด่าๆๆๆ มันให้หายแค้น ผู้หญิงคนไหนมันอยากได้ ก็จงเอามันไปทีเถอะ...

ฉันร้องไห้ออกมาอีกแล้ว สงสารตัวเองเหลือเกิน
เพราะฉันเป็นกระเทยใช่ไหม ทุกอย่างมันถึงจบออกมาเป็นสูตรสำเร็จอย่างนี้
ถ้าใช่ ก็สมน้ำหน้าตัวเองนักแหล่ะ พ่อแม่เตือนไม่เคยฟังซักคำ :-)

หลายคืนที่ฉันกอดผ้าห่มนอนหนาวอยู่บนเตียง ลมอ่อนๆ จากพัดลมตัวเก่าพัดโกรก จนน้ำตาฉันแห้งเกรอะไปกับผิวหน้า
ฉันโทรมมากเลย หากมองตัวเองในกระจก ไม่ใช่แค่ผิวรอบดวงตาจะคล้ำ แต่มันมีคราบน้ำตาเกาะอยู่ตลอดทุกทีที่ฉันอยู่บ้าน ่พักนี้เค้าไม่ค่อยโทรมาแล้ว อาจจะยุ่งเรื่องจะมาเรียนต่อ หรืออาจจะกำลังสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนสักคน หรือจะอะไรก็ช่าง มันดีกับฉันไม่น้อย

ฉันไม่ได้ตัดใจจากเค้าเลย แม้จะทราบอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ
ฉันรักเค้า และยังจะรักเค้าอยู่ ถึงแม้ว่าสุดท้าย เค้าจะนอกใจฉันก็ตาม
ขอเพียงแค่ มาบอกกับฉันซักคำละกัน...
+ + + + + +

ที่ทำงานฉันก็วุ่นวายพอสมควร เด็กคนที่เป็นโจทย์นังแมรี่หายไปแล้วโดยปริยาย ยัยเจ๊แกนี่ก็โง่เสียจริง แค่นี้ยังเดาไม่ออกอีกว่าเป็นใคร กลับมาสงสัยยัยปอซะนี่

"แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนั้นแกอยู่ที่ไหน" ยัยแมรี่กระชากแฟ้มเอกสารที่ยัยปอกำลังตรวจงานออกมาจากมือ ยัยปอเป็นคนไม่มีพิษมีภัยกับใคร ดูมันกลัวจนลนลาน

"หนูอยู่ในครัวค่ะ" ยัยปอตอบ "อยู่กับ จักร กับเฟียซค่ะ"

"พวกแกไปทำอะไรในครัว ในครัวมีอะไร มีผู้ชายให้พวกแกหรอ" อีนังแมรี่ปากหมา ฉันอยู่ใกล้พอดี

"มันไม่มีผู้ชายในครัว ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะไม่ใช่ พวกร่านนนผู้ชาย" ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ อีแมรี่จ้องหน้าฉันเขม็ง

"ปากดีจิงๆ เลยนะหล่อน ระวังจะโดนเด้งไม่รู้ตัว" มันลุกขึ้นมา และพูดกับฉันด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะเดินฉับๆ ไปหาพวกอีเบิ้มอีกทาง (กลัวจนจิ๋มสั่นหมดแล้วเนี่ยย)

ฉันเห็นพี่อุยหัวเราะปากกว้างอยู่ไม่ไกล

"หัวเราะไรเพ่" ฉันพูดอย่างสนิทสนม

"หัวเราะเฟียซแหล่ะ เอาเรื่องเหมือนกันวุ้ย" พี่อุยตอบ แกยังเอามือกุมท้องไม่ยอมปล่อย

"โห ไม่รู้อะไรซะแล้ว แต่ก่อนหนูนักเลงนะ" ฉันพลอยได้อวด ยังจำตอนฉันตบกะอีเบนซ์ได้ไหม อร๊ายยยส์ ซาหนุก แต่ฉันก็ปากดีไปยังงั้นแหล่ะ ตอนนี้ถ้าเก่งได้ครึ่งนึงของเหมือนก่อน คงไม่ต้องมานอนร้องไห้คนเดียวอยู่แบบนี้หรอก ว่าแต่ว่ามันก็ไม่แน่นะ

ถ้าฉันจับได้จริงๆ ว่าเอกแอบคบกะ หญิงอื่น เข้าจริงๆ หล่ะก็

แม่จะตบทั้งผู้หญิง ผู้ชายเลย

.....
ความรัก ทำให้คนตาบอด

แม้บางคน จะตาไม่บอด แต่ก็อาจจะต้องแกล้งเป็นบอด เหมือนอย่างที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้

วันเวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว ฉันพรั่นพรึงในหัวใจอยู่ทุกครั้ง เพียงแค่คิดว่าความจริงกำลังจะเปิดเผย ฉันกำลังจะรู้ทุกอย่าง
จะรู้ว่าที่ผ่านมาเค้าอยู่ไหน อยู่กับใคร หรือทำอะไรกัน...

ฉันหมั่นสะสมกำลังใจให้ตัวเองไว้ทุกวัน หวังว่าถึงวันนั้น ฉันจะเข้มแข็ง และเมื่อความจริง คือสิ่งที่ฉันอยากรู้จากผู้ชายคนนี้ ฉันก็ต้องไม่ร้องไห้ แม้ในใจลึกๆ อีก 0.00001 เปอร์เซ็นต์ ฉันยังหวังให้ทั้งหมด เป็นแค่การเข้าใจผิด จากกระเทยโง่เง่าคนนึง
- - - - - - - - - - - - - - -

วันอาทิตย์ บ่ายสองสิบสองนาที ความจริงขยับเข้ามาใกล้กับฉันอีกก้าว ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูและร้องเรียกจาก อดีตคนรัก เอกเรียกฉันอยู่นาน

ฉันอยู่ในห้องและห่างจากประตูเพียงแค่ชั่งห่างสองก้าว แต่กระนั้นก็ไม่ได้เปิดประตูทันที ฉันนั่งเงียบและทิ้งเวลาไว้กว่า 5 นาที ก่อนจะกัดฟัน เดินไปเปิดประตู และต้อนรับความจริงเข้าบ้าน

"โห เค้าเรียกตั้งนาน" เอกเดินแทรกตัวผ่านฉันเข้ามา ให้ตายเหอะ ไม่อยากโดนตัวเลย

"เข้าห้องน้ำอยู่" ฉันแก้ตัว เค้าไม่ได้ติดใจอะไร ก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำ เค้ายืนฉี่โดยไม่ปิดประตูเหมือนเคย แต่คราวนี้กลับน่ารังเกียจสุดๆในสายตาฉัน นั่นแสดงว่าในใจฉันเริ่มจะต่อต้านผู้ชายคนนี้อยู่หน่อยๆ แล้ว

"ซื้อขนมมาฝาก นู่น" เอกออกมาจากห้องน้ำ แล้วชี้มือไปที่ถุงพลาสติกที่วางกองอยู่บนพื้นหลายถุง ก่อนจะหันไปเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือที่แขวนไว้ข้างตู้เย็น

มันเป็นขนมอัดเป็นรูปหัวใจสีชมพู บรรจุอยู่ในกล่องสีแดงสด ซึ่งมีประมาณ 16 ชิ้น เป็นขนมที่หาซื้อได้เฉพาะร้านค้าซอมซ่อเล็กๆ ร้านนึงในจังหวัดฉันเท่านั้น ฉันเคยซื้อมันมาเก็บไว้จนมดขึ้น เพราะถูกใจในความน่ารักของมันจนไม่กล้ากิน

"ซื้อมาทำไมเยอะแยะ" ฉันถาม พลางหิ้วถุงพลาสติกสองถุงจะไปแช่ตู้เย็น

"เอ่ออ.. ของตัวเองกล่องนึง อีกกล่องนึงเค้าซื้อฝากเพื่อน" เอกเอามือมาดึงอีกถุงออกจากมือฉัน จนมันพลาดร่วงหล่นพื้นทั้งสองกล่อง ขนมหัวใจที่เคยน่ารัก บัดนี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไส้ข้างในทะลักออกมาเปรอะเปื้อน

"ฝากเพื่อนหรอ?" ฉันทวนสิ่งที่ได้ยิน

"อื้มมม" เอกรีบพยักหน้า ก่อนเค้าจะก้มลงมาช่วยฉันเก็บขนม และเลือกกล่องที่ยังมีสภาพดีสุดออกไป ฉันจำใจเก็บเศษขนมที่เหลือไว้ก่อน ลับหลังพอเค้ากลับไป ฉันนำมันไปปาใส่ถังขยะ ทิ้งมันไปพร้อมๆ กับคำเท็จที่พึ่งได้ยิน...
……………….

ฉันวิ่งกลับมาในห้องและนั่งลงหายใจกระหืดกระสอบ ขนาดแค่ออเดิร์ฟยังทำให้ฉันโกรธขนาดนี้ กำลังใจที่เคยใช้เวลารวบรวมอยู่นาน บัดนี้ลดฮวบลงถึงจุดต่ำสุด ฉันรู้สึกดังกลับว่าเหลือลมหายใจอยู่ได้อีกเพียงน้อยนิด ชีวิตฉันซึ่งเคยเต็มไปด้วยความสุข ความสดใส ตอนนี้ถูกผู้ชายคนเดียวทำลายไปจนหมดสิ้น ฉันนี่มันบ้าสิ้นดี

"เลิกๆกับแมร่งไปซะสิ เมิงจะทนทุกข์อยู่ทำเชี่ยอะไร อี โง่ อี ควาย"

"ไปถามมันให้รู้เรื่องไปเรย นั่งอมอะไรอยู่"

"จับมันให้ได้คาหนังคาเขา แล้วตบอีชะนีนั่นให้สาสมเลยนะ"

"...........etc.................."

โอ๊ยยยยย หลากหลายความคิดที่พลันเข้ามาในหัวฉันพร้อมๆ กัน ไม่นานมันคงจะทำให้เส้นเลือดฝอยฉันระเบิด ฉันไม่เก่งเลย ฉันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ไม่มีทางไหนเลยที่ฉันจะไม่เสียใจ ฉันไม่พร้อม ฉันขอหลอกตัวเองแบบนี้ไม่ได้หรอ..

ฉันคิดในใจ พลางน้ำตาก็ไหล นึกถึงพ่อแม่ขึ้นมา แกจะรู้ไหมหนอว่าลูกแกถูกผู้ชายมันหลอกเอาแล้ว..

* * * * * * * * * * * *
 :monkeycry4:  :monkeycry4:  :monkeycry4:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
เลิกเถอะครับ คบไปก็มีแต่ช้ำใจ

เอาให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย จะได้ไม่ต้องทนช้ำใจอยู่อย่างนี้ :monkeysad2:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :monkeycry2: :monkeycry4: :monkeycry2:  ได้แต่ภาวนาให้มันเปนเรื่องเข้าใจผิดนะคับ   :monkeycry2: :monkeycry4: :monkeycry2:  สงสารคุณแบะอีกแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ:  เข้มแข็งนะคับ :ฮึ่มม: :ฮึ่มม: :ฮึ่มม:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
เป็นกำลังใจให้คับ :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

รักตัวเองให้มากๆ นะค้าบบบบ  :โหลๆ: :โหลๆ:

LulLaby

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้เป็น 0.00001% นั้นได้มั้ย   :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ส่งกำลังใจให้คุณแบะคับ :myeye: :myeye: :myeye:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ตี 5 ของวันต่อมา เสียงหน้าประตูของฉันเคาะรัวดังกับคนเอาค้อนปอนด์มาทุบมันเสียให้พัง

"ปังๆๆๆๆ"

ฉันสะดุ้งตื่น ทั้งที่เพิ่งข่มตาหลับไปได้ไม่นาน
"ใครคะ" ฉันตะโกนถาม มือก็พลางคลำหาสวิซไฟเปิดให้แสงสว่าง

"เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ" เสียงผู้หญิงมีอายุคนนึงตะโกนออกมา นั่นทำให้ฉันตกใจไปใหญ่ ฉันตัดสินใจเปิดประตู

"ไอ้เอกอยู่ไหน" อาอี้แกโผล่หัวหันซ้ายหันขวาในห้อง

"เอกไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ" ฉันพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี อาเจ้แกเล่นไม่ฟัง แกผลักตัวฉันออกให้พ้นทาง ก่อนเดินเข้ามาค้นในห้องฉันเกือบทุกซอกทุกมุม ทั้งๆที่ยังสวมรองเท้าเปื้อนขี้โคลนอยู่

"ไม่จริงหล่ะ มันต้องอยู่กับแกที่นี่แหล่ะ แม่มันบอกว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อวานแระ" อี๊แกยังไม่วายค้นนู่นค้นนี้ไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งในตู้เย็น ( -*- ) ฉันมองพื้นห้องที่เลอะไปด้วยขี้โคลนแล้วอ่อนใจ สงสัยไม่วายต้องทำความสะอาดกันยันย่ำเช้านู่นเลยมั้ง

"หาไม่เจอ" เจ้แกบ่นให้ฉันได้ยิน "เธอน่ะเลิกยุ่งกับเอกมันได้แล้วนะ
เกิดเป็นผู้ชายก็ต้องทำตัวให้มันสมชายหน่อย ไม่ใช่มาไว้ผมยาวทำตัวดีดดิ้งแบบนี้ มันไม่ถูก" แกได้ทีเลยสั่งสอนฉันชุดใหญ่

"เอกมันหล่อ วันนึงมันก็ต้องมีเมียเป็นผู้หญิง มันไม่เลือกตุ๊ดแต๋วมาทำพันธ์หรอก เชื่อสิ" อาอี้ร่ายยาว ฉันได้แต่นิ่งไม่โต้ตอบ เพราะอยากให้กลับออกไปเร็วๆ แต่ในใจน่ะหรอ
ใครอยากได้ก็เอาไปเหอะ รีบมาเอาไปเรย แถมข้าวสารให้อีกกระสอบเลยสิ

อาอี้คงถอดใจ ฉันเห็นหล่อนกดโทรศัพท์ (หาเอก) อยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนคงจะหลับละมั้งเรยไม่รับสาย พอแกกลับไป ฉันเลยลองมั่ง

"ตื้ดดดๆๆ"

"ฮัลโหล" เอกรับ เสียงคนเพิ่งตื่น

"อยู่ไหนหรอ" ฉันถามด้วยเสียงราบเรียบเป็นระดับเดียวกัน

"อยู่บ้าน... บ้านอาอี๊"

"ตัวเอง เช้าแล้วเค้าโทรไปนะ นอนห้องเดียวกะอี๊อ่ะ เดี๋ยวแกตื่น"
เอกทำเสียงกระซิบกระซาบ ก่อนตัดสายโทรศัพท์ไปฉับ ดังกับที่เส้นความอดทนของฉันค่อยๆ ขาดไปทีละเส้น ทีละเส้น
……………….
ฉันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ในเช้าวันนั้นนั่นแหล่ะ ถึงรู้ว่าอีกไม่นานมันต้องแล่นมาหา ไม่ที่ทำงานก็ที่บ้าน ที่ใดที่หนึ่ง แต่ใครจะไปสนหล่ะ ตอนเช้าฉันนั่งง่วนกับการเม็มเบอร์หลายคนๆ ใหม่ ฉันเว้นเบอร์ไอ้เอกไว้อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่สมองฉันกลับจดจำมันได้ทุกเม็ด เกลียดตัวเองเหลือเกิน

"เฮ้ย แกผอมลงเยอะแล้วนะ ไม่ไหวม้างงี้อ่ะ" ปอยื่นขนมปังกรอบ รูปหัวใจให้ฉันหนึ่งชิ้น ทันทีที่เห็น ฉันปัดมันทิ้งกระเด็นเซ่นซ่าน

"เฮ้ย เป็นไรวะ" ปอ กับ จักรตกใจใหญ่ ดูท่าทางปอมันจะเจ็บมือ ฉันกล่าวขอโทษเพื่อน ก่อนรีบเดินลุกไปทำความสะอาด อะไรกันเนี่ย ฉันกำลังจะบ้าเข้าไปทุกที ทุกที

ปอพูดถูก ฉันควรจะกินอะไรเข้าไปบ้าง นอกเหนือจากน้ำ กับนม ฉันทำความสะอาดทั้งหมดเสร็จ ก็เดินไปขอขนมเพื่อนกินหนึ่งชิ้น ถึงแม้จะขมขื่นกับทุกคำที่กัดมันอยู่ในปาก

+ + + + + + + + + + + + + +

ตอนเย็น เอกรอฉันอยู่หน้าห้อง ฉันเห็นแล้วนะ แต่ไม่ได้ทำท่าทีสนใจเท่าไร ก่อนจะเดินไขประตูห้องอย่างเฉยเมย

"เป็นอะไร" มันถามฉันด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าตะคอก ฉันมองหน้ามันอย่างเย็นชา กรูน่ะไม่เป็นอะไรหรอก เมิงนั่นแหล่ะ

"ทำไมโทรไปไม่ติด" เอกเดินตามฉันติดๆ เข้ามาในบ้าน ก่อนจะตวาดฉันไม่เลิก ฉันเดินเลี่ยงอยู่ไกลๆ

"เปลี่ยนเบอร์แล้ว" ฉันตอบ ด้วยเสียงเยือกเย็น เอกชักสีหน้าใส่

"เปลี่ยนทำไม แล้วทำไมไม่โทรมาบอก" เค้าเริ่มจะโวยวายๆ ซึ่งฉันเองไม่ค่อยสบอารมณ์ด้วยเลย ฉันมองหน้าเค้าอย่างเคียดแค้น แต่พยายามจะข่มความคิดไม่ดีต่างๆ ไว้ให้อยู่ใต้จิตสำนึก

"ถ้าจะมาเอะอะโวยวายๆ ยังงี้หล่ะก็ กลับไปเลย" ฉันพูด หรือจะเรียกว่าไล่ก็ได้ จากนั้นฉันหันไปล้างจานหลังบ้าน โดนไม่หันกลับมามองอีก จนได้ยินเสียงรถสตาร์ทออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม

. . . . . . . . . . . .
ฉันพลาดไปแล้ว เผลอวางโทรศัพท์ไว้ตอนล้างจาน
ตั้งแต่สามทุ่มจนถึง เที่ยงคืน เอกโทรมาสลับกับส่งเมสเสจโดยตลอด

"ตัวเองเป็นอะไร เค้าทำอะไรอีกหล่ะ ไงก็ขอโทด"
"มีอะไรคุยกันดีกว่า อย่าหนีปัญหาเลย"
"ขอร้อง รับโทรศัพท์หน่อยคับ"

นี่คือเท่าที่ฉันจำได้ ฉันนอนไม่หลับ แม้จะปิดโทรศัพท์หนีเค้าด้วยความรังเกียจไปแล้ว ข่มตาเท่าไรก็ไม่ยอมหลับ ฉันเป็นคนชอบคิด คิดทั้งอดีต และปัจจุบัน สองอย่างมาเจอกัน สรุปสุดท้าย เสียน้ำตาอีกแล้ว

"กรูมันไม่ดีใช่ไหม" ฉันพูดคนเดียวพร้อมก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ฉันนอนพลิกคว่ำพลิกหงาย จนหมอนเปียกชื้นไปทั้งใบ จนสุดท้ายต้องหยุดร้องเพราะหายใจไม่ทันจริงๆ

ฉันเปิดโทรศัพท์อีกครั้งตอนตี 3 ซักพักได้เสียงเมสเสจเข้ามา

"เรื่องอาอี๊ ขอโทดด้วยนะที่ไม่ได้บอกก่อน
เค้าไม่ตั้งใจจะโกหกตัวเอง แต่ไม่อยากให้เป็นห่วง เลยบอกว่านอนบ้านอี๊ไม่ต้องห่วงนะ เค้าไม่ทำอะไรไม่ดีที่ไหน แค่เหนื่อยมากเลยไปนอน บ้านแมค มา รักตัวเองมากนะ จุ๊บๆ"

หึ ไม่ตั้งใจโกหก

แต่ไปนอน บ้านแมค มา

อย่างนี้เค้าคงเรียกว่าเป็นที่ สันดาน แล้วหล่ะ

ฉันกดโทรศัพท์ และเลือก New Message จากนั้นกดตัวอกษรเพียงไม่กี่คำ กระนั้นยังฝืนกล้ำกลืนตอนส่งอยู่นาน

สุดท้าย... ฉันส่ง

..
...
...

"อย่ามาตอแห ล"

เมสเสจถูกส่งออกไปแล้วในเวลาไม่ถึง 5 วินาที
………………………
เสียงโทรศัพท์ดังกลับมาแทบจะทันทีในตอนนั้น ฉันหายใจไม่คล่องเพราะโกรธจนอึดอัดแน่นไปหมด สายตาฉันจ้องเขม็งที่โทรศัพท์ยังกับโกรธเกลียดกันมานานแสนนาน
พอที เลิกดังเสียที ออกไปปปปป...

ฉันคว้าโทรศัพท์กดรับมาแนบหู แล้วตะโกน
":-) ไปตายเลยไป"

ไม่ทันได้ยินเสียงตอบรับกลับมา ฉันกดวางแล้วร้องไห้โฮ เค้าโทรกลับมาอีก ฉันใช้เพียงนิ้วกดตัดสายเค้าไปเป็น 10 กว่าครั้ง จากนั้นชีวิตฉันก็อยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของตัวฉันเอง

จบๆ มันไปเสียที ไม่เอาอีกแล้ว พอแล้วววววววววววว

ฉันกอดเข่านั่งร้องไห้อยู่นาน แต่พอน้ำตาฉันเริ่มจะแห้งไปจากหน้า มันก็มาถึงหน้าบ้านฉันพอดี
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฮ้อ  เศร้าต่อปายยย  :impress3:  :impress3:  :impress3:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ทำไมเอกถึงได้โกหกซ้ำซากอยู่อย่างนี้ครับ :angry2: :angry2:  สงสารคุณแบะ  อุ๊บส์  ขอโทษคุณเฟียส :monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4:

LulLaby

  • บุคคลทั่วไป
คุณมูมู่เอามาต่อเร็วๆนะ

ตามไปอ่านที่พันทิปแล้วมันหาอันที่ต่อจากอันนี้ไม่เจออะ
แบบว่าไม่ค่อยได้เข้า
ไปเจอตอนหลังๆแล้ว ก้เลยงงๆ @_@

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
เรื่องนี้ ไม่แน่ใจว่าถึงไหนแล้วอ่า

แต่ล่าสุดที่จำได้ รู้สึกว่าคุณแบะจะคืนดีกะคุณเอกแล้วก็โทรไปเคลียร์กะผู้หญิงของคุณเอกอีกคนแล้วนะคับ

เท่าที่จำได้ก็ประมาณนั้น  :really2: :really2: :really2:

สู้ๆ ร่วมกันกอบกู้เล้า  :loveu: :loveu: :loveu:

ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ถึงตอนที่คุณแบะนั่งรถ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่..(ลืมแล้ว^^") คับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ขอโทษทีน้า  ปล่อยให้เพื่อนๆ รอ  แหะ แหะ 
เอามาต่อให้แล้วจ้า ขอบคุณที่มาช่วยกันรื้อฟื้นความหลัง  เราปลาทองอะนะ  ลืมว่าโพสไปถึงไหนแย้วว 
มาให้กำลังใจคุณแบะกันเร็ว  อย่าเพิ่งไปอ่านก่อนจิ  อิอิ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"ปังๆๆๆ เปิด" คราวนี้มันตะคอกเต็มปาก มาก็ดี กรูเบื่อเต็มทนแล้ว ฉันเดินฉับๆ ไปเปิดประตู ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว

ประตูเปิดแง้มนิดหน่อยก็ถูกกระชากจนเสียงกระแทบผนังดังสนั่น มันบีบต้นแขนสองข้างของฉัน และจ้องฉันด้วยสีหน้าเหมือนจะฆ่าฉันในประเดี๋ยวนี้ ฉันเซถอยหลังตามแรงผลักของมัน

"ปล่อยเลยนะ" ฉันขึ้นเสียง แต่มันไม่ฟัง มันดันฉันจนติดตะกร้าผ้าที่วางไว้กับพื้น และล้มลงทับข้าวของแถวนั้นกระจัดกระจาย มันใช้ช่วงนั้นเดินออกไปปิดประตู คงไม่อยากเป็นเป้าสายตาของเพื่อนบ้านที่ต่างส่ายส่องสายตามาตามเสียงโครมคราม

ฉันขว้างขวดแก้วโคลโลญน์ยี่ห้อหนึ่งใส่มันด้วยความโกรธสุดขีด เสียดายที่มันเอาสองแขนป้องเอาไว้ทัน ไม่งั้นคงได้เห็นเลือดชั่วๆ ของมันแน่ๆ

เอกมันโกรธฉันจนหน้าแดงกล่ำ ก่อนจะเข้ามาลากฉันไถลไปกับข้าวของกับพื้น ตะกร้าที่เคยใส่ผ้าพับไว้ตอนนี้แตกและคมพลาสติคก็บาดฉันเข้าแล้ว

"เป็นบ้าอะไร เฮอะ" มันตวาด สองมือมันค้ำคอฉันกดไว้ติดกับพื้น ฉันพยายามดิ้นออก ทั้งตบ ทั้งต่อย ทั้งตีที่หัวและหน้ามัน แต่ดูจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้มันซักเท่าไร กับเป็นฉันเอง ที่หายใจไม่ออกจนเกือบสุดทน ก่อนที่มันจะเหวี่ยงคอฉันออกไปจนศรีษะกระแทกพื้นดัง ปัง

มันชี้หน้าฉัน อย่างโกรธแค้น
ฉันเสียใจ หากในนี้คงจะมีหลายคนเอาใจช่วยให้ฉันสู้มันได้ แต่ฉัน...

ฉันลุกตั้งตัวขึ้นนั่ง และรีบหายใจเข้าปอดจนเหนื่อย ก่อนที่น้ำตาอันอัปยศของฉันมันจะไหนออกมา อย่างไม่ได้ตั้งใจ
สมเพชตัวเองอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถจะห้ามตัวเองได้

เอกมันเดินเกร่ไปมาอยู่ตรงหน้าฉัน มันทำสีหน้าเครียดและหน้าแดงจัดอย่างที่ฉันก็เพิ่งเคยเห็น ตาเอกแดงก่ำและมีน้ำหล่อเลี้ยงตามากกว่าปกติ มันเดินมาลากให้ฉันลุก และเหวี่ยงฉันขึ้นไปที่เตียง และฉันขอเรียกสิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้ว่า ข่มขืน

......
แขนและขาฉันถูกขึงไว้แน่นบนที่นอน เค้าพยายามจะล่วงล้ำฉัน แต่มันไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน ฉันร้องไห้และดิ้นกระเสือกกระสนอยู่ตลอดจนเค้าเสร็จกิจ มันเจ็บมาก
หากไม่รวมบาดแผลเล็กน้อย ฉันเป็นเจ็บตรงบริเวณที่เค้าสอดใส่ มันมีเลือดออกมาและเป็นแผลแสบ

เค้านอนฟุบอยู่ข้างๆฉัน และไม่ให้ฉันไปไหน แม้แต่จะชำระล้างคราบเลวทรามของเค้า เค้าเขม็งตาใส่ฉัน และดึงฉันไว้อย่างนั้น หากฉันขืน เค้าก็จะออกแรงทันที

หากฉันมีมีดอยู่ในมือ ฉันคงจะได้ทำอะไรไม่ดีลงไปแน่ๆ มันฝืนกล้ำกลืนไปหมด แม้แต่เสียงสะอื้นก็ต้องทนเก็บไว้ ได้แต่นอนหลับตาอยู่ข้างคนที่ชั่วที่สุดในสายตาฉันตอนนั้น

* * * * * * * * *

10 โมงกว่า ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนเค้า เลยได้ถือโอกาสนี้ลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำ ฉันมองตัวเองในกระจก วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงดวงตาที่แดงก่ำ แต่เป็นรอยฟกช้ำและแผลถลอกอยู่ทั่วตัว ฉันฝืนตักน้ำราดตัวเองทีละขันๆ แม้จะแสบไปหมด

ออกจากห้องน้ำ ฉันเห็นเค้าลุกขึ้นมานั่งที่เตียง ไม่รู้ตื่นมาเพราะเสียงฉันอาบน้ำหรือเปล่า แต่ก็ยังทำสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร

"อาบน้ำไปไหน" เค้าเริ่มหาเรื่อง ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบว่า

"ไปทำงาน"

เอกแหงนมองนาฬิกาฝาห้อง เค้ามองหน้าฉันอย่างตั้งใจจะยั่วโทสะ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

"ไปทำงานป่านนี้เนี่ยนะ"

ฉันไม่ตอบอะไร และไม่แม้แต่จะมองหน้า กลับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกชุดทำงานที่จะใส่ออกมา

เค้าเดินมาคว้ามันไปจากมือ คราวนี้เราจ้องหน้ากัน

"ทำงานจนบ้าไปแล้วหรอไง นี่ผัวกลับมา ก็หาเรื่องตลอด" เอกเริ่มยียวนฉัน ฉันนี่นะเป็นฝ่ายหาเรื่อง อะไรกัน ฉันกลายเป็นคนผิดไปซะแล้ว ใครจะยอม

"หาเรื่องหรอ ก็มีคนอื่นอยู่แล้ว ก็ไปอยู่กับคนอื่นสิ!!" ฉันตวาดใส่หน้า เอก เค้าดูประหลาดใจ และยืนนิ่งอยู่พักนึง ก่อนจะโยนชุดทำงานของฉันใส่ในตะกร้า

"พูดบ้าอะไรเนี่ย" มันบอก ฉันยิ้มให้อย่างสุดฝืน ต้องต้อนให้จนใช่ไหม ถึงจะยอมรับ


ได้... งั้นเตรียมตอบคำถามฉันได้เลย
…………………………
ความจริงทุกอย่างใกล้ฉันเข้ามาจนถึงปลายเท้าฉันแล้วสิ ฉันรู้สึกหนักอึ้งที่ปาก ทั้งที่มีคำถามเป็นร้อยอยากจะถามมัน ตอนนั้นฉันต่างกับทุกๆ คนในนี้ ตรงที่อยากจะถาม แต่...ไม่อยากได้ยินคำตอบเลย..

"เมื่อคืนไปไหนมา" ฉันมองหน้าเค้า แล้วถามอย่างเยือกเย็น ฉันรู้อีกนะว่ามันจะตอบว่าไร

"ก็บ้านแมค ทำไมหรอ นอนบ้านแมคก็ไม่ได้หรอ" ไอ้เอกทำคิ้วขมวดให้ฉัน ฉันปิดตู้เสื้อผ้าดัง "ปึ้งง"

"จะให้โทรถามแมคไหม.." ฉันเน้นเสียง เอกเริ่มทำหน้าไม่ค่อยดี เค้าคิดว่าฉันกับแมคเพื่อนซี้เค้าคงไม่มีโอกาสได้คุยกันหล่ะสิ

มันถอนหายใจ แล้วควักมือถือออกมาจากกระเป๋า กดโทรศัพท์อีกสองสามทีแล้วโทรออก ฉันยืนจ้องดูว่ามันจะโกหกอะไรฉันอีก

"เออ ไอ้แมคหรอ กรูเอกนะ"

"เมิงยืนยันกับแบะให้หน่อยดิ๊ ว่าเมื่อคืนกรูอยู่บ้านเมิงน่ะ" ไอ้เอกพูด ฉันเดินตรงไปคว้าโทรศัพท์มาจากมือมัน

"แมคบอกมาซิ เมื่อคืนก่อนอยู่ที่ไหนกัน" ฉันนิสัยไม่ดี เผลอตวาดเพื่อนในโทรศัพท์

แมคเหมือนอึ้ง ไม่กล้าตอบอะไรซักแอะ จนฉันอดรนทนไม่ได้

"นครปฐม หรือ กรุงเทพ พูดมาซิ" ฉันถามแมคในขณะที่สายตาก็จ้องหน้าไอ้ตัวร้ายไม่ขาด เอกมันเริ่มจะเบือนหน้าหนีฉันไปทางอื่น พอดีกับที่แมคเองก็ตัดสายและปิดโทรศัพท์ไปเลย

ฉันยื่นโทรศัพท์คืนให้เอก
มันรับไว้ และถามฉันอีกว่า

"แมคบอกว่าไงหล่ะ"


ฉันยิ้มเยาะที่มุมปากอย่างขยะแขยง ก่อนจะตอกกลับไปว่า

"แมคบอกว่า เค้าย้ายกลับไปนครปฐมมานานหลายเดือนแล้ว ไม่ทราบว่าที่อ้างว่านอนบ้านเค้า 2 ครั้งน่ะ หมายความว่ายังไงหรอ"
ฉันเป็นคนถาม และก็เจ็บปวดพอๆ กับคนที่จะต้องตอบ


"ก็ไม่มีไร อยู่ร้านเนส" (เนสคือเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยอีกคน เป็นคนละคนกับภาคที่แล้ว เค้าเปิดร้านอินเตอร์เน็ตอยู่ใกล้ๆ มหาลัย 24 ชม.)

"เอกไปเล่นเกมส์" เค้าค่อยๆ เล่า สีหน้าสลดลงไปมาก แต่ก็ยังจองหองไม่เลิก มันบอกกรัวฉันด่าเพราะติดเกมส์ (เคยด่าไปหลายครั้ง)

"ง้านโทรไป" ฉันชี้ไปที่มือถือ เอกมันต่อโทรศัพท์ ยังไม่ทันมีคนรับ มันยื่นให้ฉัน

"ฮัลโหลเนส แบะนะ" ฉันรีบพูด เมื่ออีกฟากฝั่งของโทรศัพท์รับสาย
"ดีจ้า ว่าไง สบายดีไหม" เนสพูดเสียงใสอีกเหมือนเดิม

"อื้ม" ฉันตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดเข้าประเด็น "เนส เมื่อคืนก่อนเอกอยู่กับเนสที่ร้านหรือเปล่า"


"อ้อ เอกหรอ อยู่ๆๆ มานั่งเล่นเกมส์ตั้งแต่ 4 ทุ่ม กลับไปตอนจะเช้าแล้วน่ะ" เนสตอบ ฉันอึ้งไปเหมือนกัน

"หรอ เค้าไปบ่อยไหม" ฉันถามเพราะยังมีอีกครั้งนึงที่ทะเลาะกันครั้งก่อน ที่เค้าก็อ้างว่าอยู่กับแมคเหมือนกัน


"โอ๊ย ไม่บ่อยหรอก ตั้งแต่จบมา มีมาหาอยู่ สองครั้งเองมั้ง มาทีก็เล่นทั้งคืนเลย" เนสตอบมา ฉันใจไม่ดี หลังจากวางโทรศัพท์จากเนส เอกก็ถาม


"ทีนี้หายสงสัยเค้าหรือยัง" เอกถามฉัน ฉันหันไปมองหน้าเค้า โอเค เรื่องค้างที่อื่นก็ผ่านไป แต่คุณจะอธิบายเรื่องทำโอทีของคุณมายังไง

"เค้าไปบริษัทเอก เค้าบอกที่นี่ไม่มีทำโอที" ฉันยังพูดเสียงกร้าวเหมือนเดิม

"เค้าทำ" เอกหันมาเถียง เสียงดังเช่นกัน

"สลิปเงินเดือนเอก มีใบลงเวลาตอกบัตรเข้าออก เค้าตรวจหมดแล้ว ไม่มีโอทีเลยซักบาท" ฉันเถียงสู้เช่นกัน เอกมันส่ายหัวและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


"นี่แสดงว่า ไม่เคยเชื่อใจกันเลยใช่ไหม" มันบอก ก่อนน้ำตามันจะซึมๆ


"หัวหน้าเค้ารับงานนอกด้วย เค้าเกณฑ์คนไปทำกันจนเกือบหมดแร่ะ เงินโอที เค้าก็โอนเข้าบัญชีให้ต่างหาก จะดูไหมหล่ะ จะขี่รถกลับไปเอามาให้ดู" มันตวาด ฉันไม่ได้เชื่อมันซะทีเดียว แต่เริ่มรู้สึกผิดอยู่กลายๆ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง



"เค้าเสียใจมาก ที่ตัวเองเห็นเค้าเป็นคนแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นเราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้วหล่ะ" เอกพูดจบ เค้าคว้ากุญแจรีบออกไปสตาร์ทรถออกไป ฉันยังอึ้งอยู่คนเดียวในห้องนั้น
……………………..
ในห้องอันแสนคุ้นเคย ฉันนอนอยู่บนเตียงแสนนุ่มและมีผ้านวมหนาห่มตัว
ทำไมหนาวอย่างนี้นะ หนาวเหมือนห้องนี้มันไม่เคยได้รับความอบอุ่นมาก่อน ฉันนอนกอดตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม น้ำตาที่เพิ่งไหลอาบหน้าไปไม่นานเริ่มแห้ง
ที่ผ่านมา ฉันทำผิดต่อเค้ามาตลอด ฉันไม่เคยไว้ใจและจ้องจับผิดคนรักตลอด ยิ่งคิดไปก็ยิ่งรู้สึกผิด และเค้าคงไม่รักฉันเหมือนเดิมอีกแล้ว

* * * * * * * * * * * * * *




ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
6 โมงเย็นของวันนั้น ฉันโทรถามเนสแล้วรู้ว่าเค้าอยู่ด้วยตอนนั้น เลยตัดสินใจไปขอโทดเค้าซักหน่อย พูดกับเค้าดีๆ เค้าคงจะเข้าใจ หรือไม่งั้นขอให้โกรธน้อยลง ก็ยังดี

ฉันนั่งรถเมล์ และต่อด้วยวินมอเตอร์ไซด์อีกหนึ่งต่อก็ถึง ฉันเจอเนสก่อน เราต่างทักทายกันด้วยความคิดถึง ก่อนเนสจะบอกให้ฉันไปนั่งรอเอกในร้านก่อน เอกเค้าเพิ่งออกไปข้างนอกได้ซักพัก แต่บอกเนสไว้ว่าเดี๋ยวกลับมา

ฉันนั่งรอเค้าอยู่ 1 ชม. ก็เหมือนได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ของเค้า แอบตื่นเต้นและเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ ง้อใครไม่ค่อยเป็นด้วยสิ แต่เอาวะ ครั้งนี้เราผิด ก็ต้องยอม แต่รออยู่ 10 นาทีแล้ว เค้าก็ไม่เข้ามาในร้าน ฉันใจร้อน อดไม่ไหวก็เลยไปดูเค้าหน้าร้าน ฉันเจอ...


ผู้ชายคนนึงกำลังค่อมรถมอเตอร์ไซด์เอก จอดซื้อข้าวกล่องอยู่
ฉันประหลาดใจ เพราะไม่รู้จักผู้ชายผิวดำแดง ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงวอร์มคนนั้น แต่ต้องไม่ใช่ขโมยแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่จอดรถซื้อของอย่างชะล่าใจแบบนี้

ฉันเองกะใจเดินไปถาม แต่ไม่ทัน เค้าสตาร์ทรถขับเนือยๆ ออกไปก่อน

"เนสๆ ยืมรถหน่อยสิ" ฉันตะโกนหาเพื่อนที่ยืนเก็บเงินเด็กค่าเน็ตอยู่หน้าร้าน

"อ๊ะ รถมอไซด์ไม่อยู่นะแบะ เจนเอาไป" เนสบอก แต่กระนั้นเนสก็ยังเสนอจักรยานที่พิงไว้ข้างตึกให้ฉัน 1 คัน เอาวะ ท่าทางจะไม่ไกลเท่าไรหรอก ฉันรีบเข็นจักรยานออกมา และปั่นตามมอเตอร์ไซด์คันนั้นไป เราห่างกันพอสมควร แต่ฉันยังมองเห็นได้ชัดว่าเค้าเลี้ยวตรงไหน ยังไง (เพราะชินกับพื้นที่แถวนี้ตอนเรียน)

"เอกไปไหนของเค้า แล้วเอารถมาให้ใครขี่" นี่คือคำถามต้นๆ ที่ผุดอยู่ในสมองฉันตอนนี้ ฉันขมวดคิ้วปั่นจักรยานกินลมต่อไปเรื่อยๆ ขืนให้รอเอกกลับร้านเนส ก็ไม่รู้จะอีกกี่โมงอีกใช่ไหมหล่ะ

ผู้ชายคนนั้น จอดรถหน้าฟิตเนส (นึกอยู่แระ แต่งตัวแบบนี้) ละแวกนั้น ฉันพอจะเข้าใจ เพราะตอนเรียนมหาลัย เอกมาฟิตเนสบ่อยๆ (เค้าเป็นนักกีฬา) ชอบมาออกกำลังกาย และก็ว่ายน้ำ เฮ้อ... ที่แท้ก็กลับมาระลึกความหลังที่นี่นั่นเอง หุหุ เอกเคยบอกว่าเวลาปวดหัวชอบมาว่ายน้ำ ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน แต่วันนี้จะขอแอบไปดูบางคนใส่กุงเกงว่ายน้ำซักหน่อยเหอะ...

ฉันจอดจักรยานและเดินปรี่เข้าไป สระว่ายน้ำต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก ฉันได้ยินเสียงโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน มีพ่อแม่ผู้ปกครองนั่งรออยู่ข้างสระเป็นแถว แต่มันเริ่มมืดแล้ว ฉันมองหาสุดที่รักของฉันไม่เจอเลย กลัวว่าเค้าจะขึ้นสระแล้วจัง ฉันรีบเดินลงมาข้างล่าง พอดี๊เลย เจอกับผู้ชายคนเมื่อกี้..

"น้องคะๆ เอกไปไหนแล้วอ่ะคะ" ฉันถาม เพราะคาดว่าเค้าต้องรู้จักกันแน่นอน

"พี่เอกหรอครับ เดี๋ยวแป๊ปนะครับ" น้องคนนั้นบอก ก่อนหันรีหันขวางไปถามคนแถวนั้น

"ส้มๆ เห็นพี่เอกเปล่า ไปไหนแล้ว" น้องมันตะโกน

เด็กผู้หญิงอีกคนที่ชื่อส้มขานตอบมาว่า

..
...
...


"เห็นเล่นฟิตเนสกับแฟน ไม่รู้ไปยังนะ"

.......
เหมือนเข็มเป็นร้อยเล่มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ ฉันรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวที่ได้ยินน้องหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นพูด ใช่สิ พวกมันอยู่ฟิตเนสกัน ฉันต้องไป ไปให้มันเห็นกับตา เอาให้มันแก้ตัวไม่ได้เลย...

ฉันเดินข้ามผ่านมาอีก 3 ถึง 4 ห้อง แล้วเปิดประตูกระจกกั้นติดฟิล์มสีดำเข้าไป ไหนนะ พวกมันอยู่ไหน

"หาใครหรอคะ" พนักงานสาวที่ดูแลห้องออกกำลังกายนี้ถามฉัน คงเห็นฉันยืนเก้ๆ กังๆ หันรีหันขวางจนอดรนทนไม่ไหว

"เอกค่ะ ผู้ชายสูงประมาณนี้ ผิว..." ฉันสาธยายไม่ทันจบ พนักงานสาวก็ร้องอ๋อ ออกมาทันที


"น้องเอกหรอคะ กลับไปแล้วค่ะ 5 นาทีได้แล้ว" เธอตอบอย่างมีไมตรี ผิดกับฉันที่ร้อนเหมือนไฟ

"กลับไปกับใครหรอคะ" ฉันถาม พี่คนนั้นทำหน้างง คงคิดว่าฉันจะมาเสือกอะไรด้วย แต่ก็ตอบฉันมา

...
...

"ไปกับแฟนเค้า... น้องพลอย น่ะค่ะ" พี่แกตอบ
















=========================================

ตุ๊ด ตจว.
ขอเสนอ

ละครชีวิต

"อกกระเทยกลัดหนอง"
ตอน โลกแห่งความจริง

==========================================

ฉันวิ่งไล่ตามออกมาที่ลานจอดรถด้านหน้า จักรยานที่ฉันจอดคู่ไว้กับรถของเอก ตอนนี้เหลือเพียงคันเดียว ฉันมาไม่ทัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉันก็โทรหาเค้าทันที

"ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดดดด"

20 กว่าครั้ง เค้าไม่รับ

////////////////

"อุ้ย เนสไม่รู้จริงๆ ก็รู้แค่เท่าที่บอกแร่ะ เอกเคยบอกว่าไปเจอน้องคนนึงมา น่ารักมาก ชื่อพลอย" เนสมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อย ในระหว่างที่ฉันคั้นเอาความจริงกับเพื่อนไม่มีหยุด


"เค้าเคยพามาที่นี่ไหม" ฉันถามด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ยังสะกดน้ำตาไว้ได้

"ไม่เคย" เนสตอบ

ฉันฝืนกลั้นความสงสัยไว้ในอก และขอตัวลาเพื่อนกลับบ้านไป
ฉันเชื่อว่าป่านนี้เอกคงรู้ตัวแล้ว (จากเนส) แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ก็ดี วัดใจกันไปเลย ว่าจะโทรกลับมาเคลียร์หรือเปล่า...

-----------------------------------

สองวันผ่านไป ยังไร้วี่แววว่าเค้าจะโทรมา
ฉันโทรไปเค้นจากปากเพื่อนสนิทของเค้า (เพื่อนฉันด้วย) ทุกคน ทุกคนแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน คือ "รู้มาบ้าง" และนั่นหมายถึง ฉันคือคนสุดท้าย ทั้งที่มีสิทธิกว่าใครที่จะรู้

"ลองไปดูที่ฟิตเนสสิ พวกมันอาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้" เสียงคนรอบข้างแนะนำ ฉันก็เคยคิดว่าจะทำอย่างนั้น แต่อย่าดีกว่า
สงสารตัวเอง ไม่อยากจะประจานความโง่ของตัวเองให้ใครรู้เลยจริงๆ

เลิกงาน ฉันเอาแต่นั่งร้องไห้ ต้องการความจริง ต้องการกำลังใจ แต่ที่ฉันเหลืออยู่ตอนนั้น มีเพียงความโง่ ความเงียบเหงา ไม่มีซักแอะที่เค้าจะติดต่อกลับมา


ทำไมนะ

ทำไมเค้าถึง:-)ขนาดนี้

.......
ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีดาวสักดวงที่จะส่องประกาย ฉันนอนอยู่ในห้องกำลังสะลึมสลือจะหลับ เสียงเมสเสจก็ดัง

"ฝันดีนะ อารมณ์เย็นๆ ค่อยคุยกัน"

เท่านี้แหล่ะ ที่เค้ากล้าพูดตอนนี้ ฉันตัดความอาลัยอาวรณ์จากผู้ชายคนนี้ไปได้ไม่น้อย นับวันก็จะยิ่งเห็นความเลวมากขึ้น มากขึ้น แต่จะโทษใครได้ ฉันเลือกเองทั้งนั้น....

ฉันหยิบโทรศัพท์และโทรกลับไปทันที เค้ารับ

"คับ"

"จะแก้ตัวว่ายังไง" ฉันถามแค่เสียงในลำคอ ฉันลืมตาเบิกกว้างในห้องที่มืดสนิทไร้แสงไฟ ความง่วงเหงาเมื่อกี้ หายไปหมดสิ้น

"แก้ตัวไรหรอ? "เอกยังตีหน้าซื่อ
"เป็นพี่น้องกันเฉยๆ ตัวเองอย่าคิดมากนะ" มันแก้ตัว ขอโทดนะ ไม่ทราบว่าใบสัมโนครัวบ้านแก มียัยนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร สงสัยฉันจะตกข่าวอย่างแรง


"พี่น้องแบบไหนกันหล่ะ เค้าถึงได้พูดกันให้แซ่ดว่าเป็นแฟน" ฉันเริ่มลุกขึ้นนั่งบนที่นอน และใส่อารมณ์เวลาพูด เอกดูแหยงๆ

"จริงๆ ตัวเอง คุยกันเป็นพี่เป็นน้อง ไม่เชื่อถามเป๊ปดูก็ได้" (เป๊ปคือรุ่นน้องในสระว่ายน้ำ) เอกท้า แน่นอนฉันไม่ไปถามให้เสียเวลาหรอก

"หรอ แล้วรู้จักกันได้ไง" ฉันยิงคำถาม ซึ่งอาจจะดูธรรมดาสำหรับทุกคน แต่สำหรับเอกแล้ว ตอบไม่ง่ายเลย

"เอ่อ..ก็รู้จักที่ฟิตเนส น้องเค้าไปเล่นฟิตเนท" เอกตอบ ความจริงตรงนี้ไม่ต้องพูดก็ได้นะ ไม่มีใจความสำคัญอะไรให้ฉันเลย

"เค้าถามว่า รู้จักได้ไง" ฉันย้ำคำถาม เอกเองเริ่มมีทีท่าลำบากใจ น้ำเสียงเค้าเปลี่ยนไปชัดเจน

"เป๊ปเค้ารู้จักกับพลอยน่ะ ก็เลย...." เอกพูดไม่หมด

"ก็เลยอะไร! เลยให้เค้าติดต่อให้สิ" ฉันตวาดลั่น ไม่ได้สนใจอีกต่อไปว่าตอนนั้นน่ะเกือบ ตี 3 แล้ว

"ตัวเองใจเย็นก่อนสิ.. เอกเปล่า" เค้าตอบกลับมา คิดหรอว่าใครเค้าจะเชื่อ

"คุยโทรศัพท์กันด้วยไหม" ฉันถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มีคำตอบในหัวใจของฉันอยู่แล้ว

"อื้มม" มันยอมรับ

"เอาเบอร์มาได้ไง เอกขอเบอร์น้องเค้าหรอ" ฉันถามโดยใช้น้ำเสียงเหมือนเดิม แต่คราวนี้มีน้ำตาเย็นเฉียบไหลออกมาด้วย

"เปล่า... น้องเค้ามาขอ ให้เป๊ปมาขอน่ะ" เอกพูดพร้อมถอนหายใจ ฉันแอบยิ้มเย้ยให้แต่เค้าไม่เห็น ขนาดนั้นเลยน่ะหรอ

"แล้วคุยกันบ่อยแค่ไหน" ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถามนะ แต่อย่างว่า ถึงจะรู้ว่าเจ็บและไม่มีทางแก้ไขได้ มันก็อยากรู้

"ไม่บ่อยหรอก วันละครั้ง" มันตอบ

"คุยนานไหม" ฉันเริ่มจะหมดอาลัยตายอยากลงไปทุกที อาจดูเหมือนถามเรื่อยเปื่อย แต่ใจจริงฉันตั้งใจฟังคำตอบนะ

"ชั่งโมง สองชั่วโมงได้มั้ง" มันตอบ ฉันตัดสายทิ้งไปจากนั้น

พี่น้องท้องไหนคุยกันทุกวัน วันละ 1-2 ชม. ฉันไม่ใช่ควายนะ
..........
เค้าโทรกลับมา ฉันตัดสาย เป็นอย่างนี้อยู่สองสามครั้ง ฉันจึงรับ

"......................" เอกไม่พูด เค้าร้องไห้

"เค้าก็บอกความจริงหมดแล้ว ตัวเองจะเอาอะไรอีกอ่ะ" เค้าพูด นึกหรอว่าบีบน้ำตาออกมาสองสามหยด มันจะทดแทนน้ำตาที่ฉันหลั่งไหลมาหลายเดือนได้น่ะ

"ความจริงว่าอะไร เอกคุยกันขนาดนั้นน่ะนะ บอกไม่คิดอะไร" ฉันเถียงคอเป็นเอ็น เอกเงียบ ก่อนจะบอกฉันมาว่า

"ตัวเองจะถามไอ้เป๊ปไหมหล่ะ เอกไม่คิดอะไรจริงๆ"

ฉันไม่ตอบโต้เค้าไป เพราะฉันเบื่อ ฉันเบื่อ เบื่อผู้ชายคนนี้ เกลียดมันจังเลย โอ๊ยย

"แล้วตัวเองจะเอายังไงกับเค้า" เอกมันสะอึกสะอื้นอยู่นานในโทรศัพท์ ก่อนจะพูดตัดบท


"เลิกกันไปเลย" ฉันพูดโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น แต่หาได้ปราศจากน้ำตา

....
..
.

"อื้มม" เอกรับคำเสียงเศร้า เค้าตัดสายไป

//////////////

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ที่ทำงาน

ฉันมีอาการซังกะตายมาตั้งแต่เช้า ใครจะรู้ว่านี่คือการบอกเลิกกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเราทั้งคู่ ฉันรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป แต่พอมาใช้สมองไตร่ตรองให้ดีแล้ว คิดได้ว่า ไอ้สิ่งที่ขาดไปก็คือความหลอกลวงจากผู้ชายคนนึง ทำไมเราจะต้องไปเสียดายด้วย

"กินข้าวซักหน่อยน่า" ไอ้จักรคะยั้นคะยอให้ฉันกินข้าวอยู่ได้ ฉันกลับชอบเวลาที่ฉันอดข้าวโดยไม่หิว เพราะปกติจะติดตามใจปากตลอด

"แกกินกันไปเหอะ ฉันกินน้ำก็พอ" ฉันตอบให้ได้น้ำเสียงปกติที่สุด เพื่อนๆมันก็พากันเหนื่อยหน่ายไปกับฉัน กลัวว่าฉันจะป่วยต้องหามส่งโรงหมอกันอีกรอบ

"ตามใจละกันนะ แต่คิดดูละกัน ถึงแกจะไม่กินข้าว แฟนแกเค้าก็ไม่ได้มาสนใจ มารับรู้กับแกหรอก" ไอ้ปอโพล่งขึ้นมา แต่เจ็บจัดไปถึงใจ ใช่เลย มันไม่เคยสนใจฉันมานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าความรัก หรือความโง่กันแน่ ที่ทำให้ฉันตาบอดมานาน ฉันน้ำตาซึม แต่ไม่อยากจะร้องไห้กลางร้านข้าวแบบนี้ เลยชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุยกันกระทันหัน

"ไงไอ้จักร จีบโยชิไปถึงไหนแล้วหล่ะ" ฉันเริ่มกะทู้ใหม่ ไอ้จักรเจี๊ยะก๋วยเตี๋ยวอยู่ ถึงกับทำน้ำก๋วยเตี๋ยวลวกปาก ประมาณเปลี่ยนฟีลไม่ทัน

"จีบบ้าบอคอแตกไรหล่ะ" มันวางตะเกียบลงอย่างไม่สบอารมณ์
"วันก่อนไปแซวมันเล่น บอกว่า คิดถึง แค่เนี๊ยะ รู้ไหมเกิดอะไรขึ้น" ไอ้จักรใส่อารมณ์



พวกฉันส่ายหน้า
":-)ด่าไรกรูก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง" (กรรม ฟังไม่รู้เรื่องแล้วเจือกบอกว่าเค้าด่า)

ซะง้าน

+ + + + + + + +

เอกมารับฉันที่ทำงานตอนเย็น ฉันกล้ำกลืนมากตอนต้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เค้ากลับบ้าน พี่อุยเองก็แอบเป็นห่วงฉันอยู่ห่างๆ ฉันเองก็กล้าๆ กลัวๆ กลัวว่าเค้าจะทำร้ายฉันอีก ทั้งกาย และ จิตใจ...
…………….
ถึงห้อง เราพากันเข้าไป และเค้าปิดห้องอีกตามเคย ฉันนั่งนิ่งๆ ขยับแต่เพียงเอื้อมมือวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างตัวบนเตียงเท่านั้น เอกตามมานั่งข้างฉัน ถึงตัวเราจะติดกัน แต่สายตาสองข้างของฉัน ก็ไม่ได้หันไปแลเค้าเลยซักนิด

เอกใช้มือประคองไหล่ฉันไว้ข้างนึง ก่อนจะชะโงกหน้ามาจูบแก้มฉันเบาๆ หึ จะเอาอะไรกับฉันหรอ นอกจากร่างกายปลอมๆ ของฉันแล้ว ฉันก็มีแต่น้ำตาแร่ะ ที่ให้แกได้

ฉันร้องไห้ออกมา เราเป็นโรคแพ้น้ำตาด้วยกันทั้งคู่ พอเค้าเห็นฉันร้องไห้ พลันน้ำตาเค้าก็ไหลออกมาติดๆ


"เค้าไม่มีอะไรจริงๆ นะตัวเอง" เอกจับมือของขึ้นไปแนบกับแก้มเปียกๆ ของเค้า ฉันมองตาเค้า แล้วจ้องเข้าไป ใครนะเคยบอกว่าสายตาโกหกกันไม่ได้

"น้องเค้าให้เป๊ปมาขอเบอร์เอก เอกเห็นไม่มีอะไรก็เลยให้ไป" เค้าพูด
ได้ยินแค่นั้น ฉันก็ชักมือออกมาจากเค้า ประโยชน์อะไรที่ฉันจะไปซับน้ำตาให้คนอื่น คนที่มันไม่รักดี

"ตัวเอง... เค้าขอโทด เค้าจะไม่ยุ่งกะพลอยอีกแล้ว ไม่ไปแล้ว ฟิตเนท อย่าทำแบบนี้กับเค้าเลยนะ" คราวนี้เอกซบลงกับไหล่ฉัน น้ำตาเค้าไหลจนเปียกเสื้อทำงานฉันแฉะไปหมด และยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกร้อง ตาของเค้าใสซื่อ และชื้นแฉะ แสดงถึงความเสียใจอย่างชัดเจน


"เอาหล่ะ ผ่านมาแล้วก็ช่างเถอะ" ฉันพูดพลางปาดน้ำตาตัวเองซ้ายขวา เอกเงยหน้ามองหน้าฉัน



"อย่าติดต่อกันอีกละกัน"

สำหรับฉัน รัก คือ การให้อภัย

เอกพยักหน้ารับปากฉันอย่างดีใจ เค้ากอดฉันไว้แน่น และเราจบด้วยการมีเซ็กส์กัน


...........
เมื่อเพลงรักบรรเลงจบไป เราสองคนก็นอนสลบสะไหล กอดกันอยู่บนเตียง นี่ถ้าไม่มีใครมารบกวน เราคงจะนอนกันยาวเลยนั่นแหล่ะ แต่มีคนโทรมาเสียก่อน

"กริ๊งงงง กริ๊งงงง" โทรศัพท์เอกดัง เค้าขยับตัว นั่นแร่ะ ฉันถึงได้ตื่นเอาตอนนั้นด้วยเหมือนกัน ใครโทรมานะ


"ตัวเอง พลอยโทรมาแล้ว" เอกคว้าโทรศัพท์มาดู แล้วมองฉันอย่างหน้าไม่สู้ดี ฉันลุกขึ้นเปิดไฟ และปล่อยโอกาสให้พวกเค้าเคลียร์กันโดยไม่มีฉัน น่าจะสะดวกใจกว่า ฉันเลยเดินหลบเข้าไปในห้องน้ำ รออยู่ในนั้นจนพักนึง ก็เดินออกมา


เค้าวางสายไปแล้ว ฉันมองหน้าเค้า
"เรียบร้อยแล้วครับ" เอกยิ้มให้ฉันหน่อยๆ ฉันเดินไปนั่งเทินบนตักเค้า มือข้างนึงก็กอดคอเค้าไว้

"บอกเค้าว่าไงหล่ะ" ฉันถามคนรักอย่างแผ่วเบา

"บอกว่าไม่ต้องโทรมาอีก มีแฟนแล้ว" เค้าพูด คงไม่ได้โกหก

"แล้วน้องเค้าบอกว่าไง" ฉันยังถามไม่เลิก

"ก็ไม่ว่าไงนะ ก็บอกว่าไม่เป็นไร คิดกับเอกแค่พี่ชาย" เค้าตอบ ฉันหล่ะรู้สึกโล่งอกจนบอกไม่ถูก เอกเองเห็นฉันยิ้มได้เค้าพลอยยิ้มไปด้วย ก่อนจะเอาหนวดเครามาไซร้ตามคอฉันจนแดงไปหมด

"ฮ่าๆๆ ตัวเอง จั๊กกะจี้ พอก่อนๆ" ฉันเอามือข้างหนึ่งผลักหัวเค้าออกไป ก่อนจะหยิบมือถือฉันขึ้นมา และขอเบอร์พลอยจากเค้า แน่นอนฉันอยากจะย้ำกับน้องเค้าให้เลิกกันให้จิงๆ จังๆ


เอกค่อยๆ บอกเบอร์ฉันมาทีละตัว


"ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดด"

.....
ฉันรอคอยว่าอีกฟากฝั่งของโทรศัพท์จะรับเมื่อไร และแล้วก็ไม่นานเกินรอ พลอยรับโทรศัพท์

เธอเงียบไม่พูดอะไร ฉันเลยต้องเริ่มพูดก่อน

"ดีค่ะ น้องพลอยสินะคะ" ฉันพูดด้วยความสุภาพ เพราะระลึกเสมอว่ามีวุฒิภาวะมากกว่าเค้า เอกมากอดฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอุ่น และไม่เกร็งมากเหมือนตอนแรก

"ค่ะ" น้องตอบมาสั้นๆ และงง ๆ เค้าคงเดาออกว่าฉันเป็นใคร เพราะเพิ่งวางสายจากเอกไปเมื่อกี้ เป็นฉันคงจะลำดับเหตุการณ์ได้ไม่ผิด

"พี่แฟนเอกนะ" ฉันแนะนำตัว และไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องกลัว เพราะฉันมาดี ไม่ได้มาร้าย ฉันแค่มาขอความร่วมมือเท่านั้นเอง

"เอกเค้ามีแฟนแล้ว พลอยเลิกยุ่งกับเค้าเหอะ อย่าโทรคุยกันอีก" ฉันค่อยๆ ร่ายความต้องการในใจ ต่อผู้หญิงคนนี้

"อ๋อค่ะ พี่เค้าบอกหนูแล้วเมื่อกี๊ค่ะ หนูก็ไม่คิดอะไรกับพี่เค้าอยู่แล้วด้วย" เธอพูด ฉันยังฟังเธออย่างตั้งใจ ในขณะที่ก็รู้สึกว่ารอยกอดของเอกเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนฉันแทบหายใจไม่ออก เค้าแนบหน้าไว้สนิทกับแผ่นหลังฉัน

...
....

"พี่เอกเค้าเป็นคนมาขอเบอร์หนูเอง แล้วพี่เค้าก็เป็นฝ่ายโทรหาหนูเอง หนูไม่รู้เรื่อง หนูก็มีแฟนอยู่แล้ว"


ฉันรู้สึกใจหายไปหมด หัวใจฉันสลายกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายตัดสายไปตั้งแต่เมื่อไร

ฉันถูกหลอกแล้ว...
ฉันตั้งสติได้อีกครั้ง พอๆ กับน้ำตาสองข้างเริ่มไหล เอกกอดฉันไว้แน่นมาก ฉันรีบแกะมันออกอย่างรังเกียจ

"ปล่อย" ฉันตวาด เค้าไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แต่ฉันก็ดิ้นหลุดออกมาจนได้ ไอ้คนสารเลว

"ไหนเอกว่าน้องเค้ามาขอเบอร์เอกไง ทำไมน้องบอกเอกเป็นคนไปขอเบอร์เค้า" ฉันหันหลังมาพูด เสียใจสุดๆแล้วตอนนี้

"อะไร มันบอกอย่างนั้นหรอ ไม่ใช่แล้วหล่ะ" เค้าจับแขนฉันไว้ไม่ให้ฉันถอยห่างออกไป ก่อนจะปฎิเสธเสียงแข็ง


"หรอ แล้วความจริงมันเป็นยังไง เค้าบอกมาอย่างนี้แล้ว ความจริงมันเป็นยังไงอีก" ฉันไม่ยอมให้เค้าแตะเนื้อต้องตัวฉันอีกแล้ว ก่อนจะวิ่งฉับๆ หนีเค้าเข้าไปล๊อคกลอนปิดตายตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ฉันปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร มันตั้งใจหลอกฉัน มันจะคบชู้ มันนอกใจ

"ก๊อกๆๆ ตัวเอง เปิดประตูหน่อย" เอกมาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ฉันไม่ตอบอะไรแมร่งหรอก มันเงียบไปพักนึงก่อนจะบอก


"เอกขอโทดนะ ที่พลอยพูดน่ะ ถูกแล้วครับ" ฉันได้ยินเสียงสลดๆ เข้ามากระทบหู สารภาพออกแล้วสิ คนบาป ฉันอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงให้ตายๆไปซะ แต่อย่างน้อยก็ขอบใจ ที่ยอมพูดความจริง


ฉันปาดน้ำตา แล้วยอมเปิดกลอนประตูห้องน้ำ เปิดออกไป เค้ายืนรอฉันอยู่ข้างหน้า และร้องไห้ด้วยน้ำตาที่เปียกปอนทั้งสองแก้มเหมือนกัน

เอกเดินเข้ามา จะโผกอดฉัน



"เพี๊ยะ."


ฉันตบเค้าฉาดใหญ่ เอกหน้าหงายไปตามแรงตบ ฝ่ามือฉันชาไปหมด พอๆ กับหัวใจของเราทั้งคู่ที่ดับสลายไปพร้อมๆกันตรงนี้ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้อีก....

................
ฉันไม่รับโทรศัพท์เอกอีก ไม่ว่ามันจะดังเป็นร้อยเป็นพันสาย ฉันก็จะไม่รับ
เลยกลายเป็นเนส ที่ต้องมาเป็นตัวกลาง ไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้ ฉันขอบใจเนสไว้ตรงนี้ด้วย เค้าทำให้ฉันได้รู้อะไรดีๆ หลายอย่าง อย่างเรื่องไปทำโอที ความจริงก็คือ เค้าเกณฑ์ไปทำกันจริง แต่แค่ 5 วันเท่านั้น ที่เหลือก็ตอแห ลทั้งเพ ไม่หมกหัวอยู่ฟิตเนทนู่น ทำตัวเป็นโค๊ชส่วนตัวให้น้องพลอย ซึ่งได้ข่าวว่าสวย น่ารัก ฉันเองไม่เคยเจอตัวน้องเค้าหรอกนะ และไม่คิดจะเจอด้วย ไม่คิดจะเอาอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

เอกฝากบอกเนสมาว่า ตอนแรกเค้ากะจีบน้องพลอยจริงๆ เพราะเห็นน้องเค้าน่ารัก โดยพอดีกับฝ่ายหญิงก็เล่นด้วย เลยต่างฝ่ายต่างหลอกกันว่าไม่มีแฟน คุยอ้อล้อกันอยู่เรื่องทั้งที่ฟิตเนทและในโทรศัพท์ จนใครๆ เค้าก็คิดว่าเป็นแฟนกันไปหมดแล้ว แต่ก็ยังแอบแก้ตัวมาด้วยนะ ว่าหลังๆ มา ก็ไม่คิดจะจีบแล้ว บอกว่านิสัยน้องเค้าไม่ดี ไม่ชอบบ้าง อะไรบ้าง อื้มๆๆ ฉันเองก็คิดเหมือนแกแหล่ะ ถ้าฉันจะมีคนรักซักคน ฉันก็คงมองนิสัยเค้าเป็นสิ่งแรก และนั่นคือเหตุผล ที่ฉันเลิกกับแก..

///////


"หาาา ลาออก" ป้านงประหลาดใจอย่างมาก แกรู้ว่าฉันมีปัญหาส่วนตัวอยู่ก่อนหน้า แต่คงไม่คิดว่ามันจะต้องถึงขนาดนี้ แกถอดแว่นและวางไว้บนโต๊ะทำงานที่แสนสะอาด

"คิดดีๆ นะ ชีวิตไม่ใช่เรื่องเล็กๆ" ป้าแกเดินมาหาฉัน ก่อนจะลูกศรีษะฉันเบาๆ หนูคิดดีแล้วหล่ะค่ะ ถ้าหนูอยู่ที่เดิม เห็นแต่สิ่งเดิมๆ ภาพต่างๆ คงจะหลอนหนูไม่หยุดหย่อน

"หนูเมลไปสมัครงาน บริษัท........ที่พัทยา แล้วค่ะ เค้าตอบรับแล้ว" ฉันเลือกสมัครงานบริษัทซึ่งนับว่าเป็น บริษัทลูกของที่นี่ โดยทั้งหมดคุณทวีศักดิ์รับรู้หมดแล้ว เค้าเองก็ทำงานที่นั่นด้วย

ป้านงพยักหน้า ก่อนจะเดินวนกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งตัวเดิม


"จะไปเมื่อไรหล่ะ" เสียงป้าแกดูเห็นใจฉันเป็นอย่างมาก ฉันซึ้งใจยิ่งนัก


"สิ้นเดือนนี้ค่ะ" นั่นหมายถึง นับกันจริงๆ ก็อีกแค่ 4 วันเท่านั้น ป้าแกยอมเซ็นต์ใบลาออกให้ฉันแต่โดยดี ฉันกำลังจะหมดสถานภาพการเป็นพนักงานของที่นี่แล้ว


...............
ถึงแม้ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน แต่คุณรู้ไหม ฉันเก็บข้าวของทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ ฉันพร้อมแล้วที่จะไป ตอนนี้ห้องฉันมันโล่งๆ และมีเพียงที่นอนเท่านั้นที่ฉันยังคงสภาพมันไว้เหมือนเดิม ของบางอย่างฉันก็ใส่กล่องรวมๆ กันเอาไว้ ฉันตั้งใจจะทิ้งมันไว้ที่นี่ ให้มันจากไปกับความทรงจำดีๆ บางส่วนในอดีต

ถึงแม้ว่า การข่มตาให้หลับจะเป็นเรื่องยากสำหรับฉันตอนนั้น แต่ฉันก็ยังเข้านอนตั้งแต่หกโมงเย็นเศษๆ ทุกวัน ฉันไม่มีนาฬิกา (เก็บไปแล้ว) ไม่รู้ว่าหลับ ว่าตื่นเมื่อไร ฉันรู้แต่ว่าร้องไห้เฉลี่ยวันละ 3 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่ฉันกลับถึงห้องแล้วทั้งนั้น ก่อนนอน ตอนตื่นกลางดึก และสุดท้าย ตื่นตอนเช้า เวลาที่ดีที่สุดของฉันคือตอนหลับไป แค่นั้น..

เอกไม่โทรหาฉันมาหลายวันแล้ว แต่ยังมีข้อความมาให้ทุกวัน ฉันอยากเอามาเขียนให้ทุกคนได้เห็น แต่เสียใจด้วย ฉันลบไปหมดแล้ว (ตั้งใจลบ) คร่าวๆ ส่วนใหญ่จะพูดว่า ขอโทด

ถึงกระนั้นก็นะ คุณจะเชื่อคำพูดของคนที่โกหกคุณมาตลอดได้ง่ายๆ หรือเปล่า แล้วถึงคุณจะอภัยได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรับได้ไปด้วย ฉันเองก็คงเหมือนๆ คนทั่วไปนั่นแหล่ะ ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเองมีค่าน้อย กว่าสิ่งปฎิกูลเสียอีกตอนนั้น



"พ่อ.. หนูขอโทษ" ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในห้องที่มืดสนิทตอนยังไม่หลับ หากแกรู้ แกคงจะผิดหวังในตัวฉันเป็นที่สุด...

.......
"เฮ้ออ เสร็จกันซักทีสินะ" พี่อุยปาดเหงื่อ พร้อมปิดท้ายรถลงมาดังปัง วันนี้วันหยุดของเพื่อนฉันแท้ๆ แต่ดูสิ ทุกคนมาช่วยฉันย้ายของกันจนเหงื่อตก เราลากันจริงๆ ตอนสายของวันนั้น (พี่อุยขับรถไปส่ง)

"ไปก่อนน้าาา" ฉันหันหน้ามาลา จักร กับ ปอ จากในรถ ลามิตรภาพ ลาความผูกพันธ์ ลาความหลอกลวง เพื่อไปสู่ชีวิตใหม่ ที่จะดีกว่าเดิม...

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
==========================================

ตุ๊ด ตจว.

ขอเสนอ

ละครชีวิต
"อกกระเทยกลัดหนอง"

ตอน ฟ้าหลังฝน

=============================================

บ่ายสองโมงครึ่ง ฉันกับพี่อุยยังขับรถวนไปมาอยู่แถวพัทยาเหนือ

"โอ๊ยยย อยู่ไหนของเมิงวะ" ฉันคุยกับอีต๋องในโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด ไอ้พัทยานี่มันก็มีตรอกซอกซอยเยอะเสียเหลือเกิน มีทั้งเหนือ กลาง ใต้ แล้วใครมันจะไปถูกวะเนี่ย

"ใจเย็นสิอีด...ก กรูบอกว่าพอเมิงเจอไฟแดงใช่ไหม เมิงก็เลี้ยวซ้าย" อีต๋องค่อยๆ อธิบาย เราต่างตื่นเต้นเพราะไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาใช้ชีวิตร่วมกันใกล้ชิดอีก

"ไฟแดงเชี่ยไรวะ กรูมาจนถึงรูปปั้น ปลาโลมากระโดดโก้งโคงสองตัวแล้วเนี่ย" ฉันกับพี่อุยก็พอๆ กัน ไม่รู้จักทางกันทั้งคู่


"อร๊ายส์ :-) นั่นมันถึงทะเลแล้ว พอเลยๆๆ เมิงให้เค้าจอดรถรอตรงนั้นเลย เดี๋ยวกรูนั่งมอไซด์ไปรับ" สุดท้ายอีต๋องก็เหลืออด พอดีแร่ะ ฉันกับพี่อุยจะได้จอดพักหาอะไรลงท้องหน่อย เหนื่อยจะตายแระ

จอดรถเสร็จเราเดินไปตามทางฟุตบาท มีร้านขายอาหารเป็นแพยาวอยู่ตรงข้ามกับทะเลกว้างใหญ่ ใครจะเชื่อ ว่านี่คือครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันเห็นทะเลน่ะ ลมทะเลพัดโกรกสบายพิลึก เรื่องร้ายๆ ต่างเพิ่งจะเผชิญมา ตอนนี้ถูกเสียงคลื่นที่สาดซัดชายหาดกลบไปหมดสิ้น


"กินไรดีหล่ะ" พี่อุยถาม เห็นท้องร้องมาตั้งแต่ในรถ แต่พอดีมาทางมอเตอร์เวย์ เลยไม่มีปั๊มไหนให้จอดฝากท้องได้เลย

"อะไรก็ได้พี่ หนูเลี้ยง" ฉันพูด ทีนี้ก็เลิกว่าฉันงกกันได้แล้วนะ ใครมีน้ำใจกับฉัน ฉันก็มีน้ำใจตอบ พี่อุยอุตส่าห์ขับรถมาส่งฉันถึงที่ ค่าน้ำมันซักบาท ฉันก็ไม่ต้องเสีย เลี้ยงข้าวตอบแทน ถือว่าสมควร ฉันไม่รอช้า ควักตังค์ให้พี่แกไปสี่สิบบาท ค่าข้าว (สองคน)...
ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด เราได้ทานเพียงข้าวราดแกงสองอย่าง รวมค่าข้าวค่าน้ำแล้ว เกินงบมานิดหน่อย แต่ฉันก็จ่ายให้ ถือว่าหยวนๆ
ระหว่างเรานั่งย่อยอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น อีต๋องมาถึงแระ ฉันรีบออกไปยืนหน้าร้าน หันรีหันขวางอยู่พักนึง ถึงจะเห็น

"อร๊ายยยยยส์ อีกระเทยเก็บกดดดด" อีต๋องร้องกรี๊ดวิ่งมาหาฉัน มันไว้ผมยาวและดูสวยขึ้นมาก (น้อยกว่าฉันหน่อยนึง)

"อีเชี่ย ทับถมกรูหรอเมิง" ฉันยกฝ่าเท้าขึ้นขู่ พี่อุยออกมาพอดี ฉันได้ทีเลยแนะนำสองคนให้รู้จักกัน

"พี่อุยนี่ต๋อง เพื่อนเฟียซ" อีต๋องยืนกระบิดกระบวยเมื่อได้เห็นผู้ชาย แรดไม่เคยเปลี่ยน ก่อนจะยื่นมาไปเช็คแฮนด์ทำความรู้จักกันตามธรรมเนียมฝรั่ง เฮ้อ...ไม่เสียแรง อยู่พัทยามาหลายปี

"หนูชื่อน้องต๋องค่ะ สวย และ โสดเสมอค่ะ" อีต๋องคุยใหญ่ กรูเชื่อว่าโสดเสมอ จริงๆ เมิงจะบอกว่า โสดไปจนตายก็ได้นะ 555

หลังจากพูดคุยกันหอมปากหอมคอ เราพากันไปห้องเช่าที่อีต๋องพักอาศัยกับเพื่อนสาวอีกสองคน ฉันบอกหรือยังเอ่ย ว่าฉันจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกคน ห้องมันกว้างพอสำหรับคนสี่คนจะเบียดกันได้สบายๆ ค่าน้ำค่าไฟก้ไม่ค่อยมี เพราะต่างคนก็ต้องไปทำงานกันทุกเช้า (พวกอีต๋องขายข้าว) เบ็ดเสร็จคิดค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมๆ จะถูกกว่าอยู่กรุงเทพเสียอีก

"ขอบคุณมากนะคะพี่อุย" ฉันพูดขึ้น หลังจากที่หลอกใช้ให้พี่แกยกของลงออกมาให้หมดแล้ว พี่อุยยิ้มเหนื่อยๆ

"แล้วไง เดี๋ยวพี่โทรหา ดูแลตัวเองด้วยหล่ะ มีอะไรก็ติดต่อไป" พี่แกสั่งลา กว่าจะได้กลับ ก็ 6 โมงเย็นเข้าไปแล้ว อีต๋องยังมีอาการปลาบปลื้มพี่แกไม่เลิก วึ้ยยย หมั่นไส้..

..........
ไม่น่าเชื่อเลยนะ สมัยที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ มีแต่ผู้หญิงทั้งหมด บริษัทไม่มีนโยบายรับผู้ชายทำงานเลย ทำให้พนักงานก็พากันติฉินนินทากันว่า ผู้บริหารบ้าม่อบ้างหล่ะ ก็เพิ่งจะมาเปลี่ยนความคิดเอาหลังๆ เนี่ย เริ่มจะรับเข้ามาให้เห็นบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่นาน ฮ่าๆๆ มาเป็นกาในฝูงหงส์(แดง) นี่เนอะ เรยถูกยำไป 1 : 0

ฉันขึ้นป้ายนั่งแท่นเป็นเลขาคุณทวีศักดิ์ตามเดิม เริ่มกินเงินเดือนเหมือนตอนไปสตาร์ทงานที่เก่า พนักงานที่นี่ส่วนใหญ่จะเรียกฉันว่าพี่ แม้บางทีจะอายุมากกว่าฉันเป็น 10 ปีก็ตาม (เราหน้าแก่ขนาดนั้นเรยหรอ)

"พี่เฟิร์สคะ ทานข้าวกับอะไรดีคะ" น้องคนนึง ซึ่งฉันถือว่าเป็นแรงงานเถื่อน (อายุไม่ถึง 18 และไม่ได้รับการจดทะเบียน) มาถามซื้อข้าว เธอทำอย่างนี้เป็นประจำ และฉันมักจะส่ายหัวให้ และชูข้าวกล่องที่หิ้วห่อมาจากร้านอีต๋องทุกวันให้ดู มันดูน่ากินกว่าข้าวกล่องเป็นไหนๆ ที่สำคัญ ฟรี อีกต่างหาก

เพื่อนๆ เก่าโทรมาหาฉันบ่อยครั้ง (ยกเว้นเพื่อนสมัยมหาลัย ฉันไม่รับสาย) พี่อุยเองก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดถึงฉันไม่น้อย ฉันมักเอาเมสเสจหวานๆ ไปอวดอีต๋องบ่อยๆ อิอิ ให้มันอิจฉาเล่น

พ่อกับแม่คงรู้ความเป็นไปของฉันแล้วผ่านทางอีบริทย์ แน่นอนมันปิดข่าวเรื่องโดนผู้ชายใกล้ตัวหลอกของฉัน และมันมักพูดถึงฉันแต่ในด้านดีๆ ฉันรอคอยให้มันมาเที่ยวที่นี่ จะมีไหมนะ ที่เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเพื่อนซี้ เพื่อนตาย เหมือนที่แล้วมากันสามคน

"ติ๊ดดดๆ" มีเมสเสจ ส่งมา น้องเวย์น่ารักมากอุตส่าห์เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ให้ฉัน ฉันกดดูเพียงชื่อผู้ส่ง
"เอก" แค่นั้นฉันก็กดลบทิ้ง โดยไม่อ่านเรื่องโกหกใดๆ อีกต่อไป

ฉันกำลังดีขึ้น

ฉันรู้สึก...

รู้สึกเหมือนได้เป็นคนเก่า

กระเทยที่ยังมีความหวัง (อยากรวย) ในแววตา

เหมือนความภูมิใจในตัวเอง กลับมาหาฉันอีกครั้ง


ขอบคุณพระเจ้า..

*****************************************************************

หัวค่ำ หลังจากที่ฉันจัดข้าวของเข้าที่และอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันมานั่งช่วยอีต๋อง พี่แอ๊ด และน้องเวย์ (หลังๆ เรียกเวร) เพื่อนสาวเด็ดผักไว้เตรียมทำขายเช้ามืดนี้ พวกเราทำความรู้จักและเข้ากันได้ดีอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะเป็นกระเทยเหมือนกันด้วยหล่ะมั้ง พื้นฐานเราเลยไม่ค่อยต่างกันเท่าไร

"ทำงานที่ไหนนะ อ้ออออออ บริษัท .............. นี่น่ะหรอ เหมือนจะเคยเห็น เดี๋ยวให้อีต๋องพาไป" พี่แอ๊ดพูดอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่เรากำลังคุยเรื่องงานของฉันกันอยู่ ยังอีกสองสามวัน กว่าฉันจะได้เริ่มงาน กระนั้นก็เลยว่าจะไปช่วยพวกเค้าขายของกันซักหน่อย

"พี่น่ะสวยจังเลยนะคะ ดูดิ ผมย๊าว ยาว" น้องเวย์เอามือมาลูบผมฉันใหญ่เลย (โชคดีที่ไดร์มาก่อน ไม่ง้านหัวเหมือนคนเก็บขยะเลย) ฉันยิ้มตอบ

"ยาวดิ อีนี่มันร้ายนะ แอบไว้ผมยาวตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ เค้าไว้ให้ไว้ ก็ไปแอบใส่วิก คิกๆ พูดแล้วก็ขำ หัวแมร่งยังกับแตงโมจินตรา" อีต๋องจุดไฟ ฌาปนกิจ ฉันในทันใด ฉันเองยังอดหัวเราะไม่ได้ ให้ฉันมาทำตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไปได้ไง

"เมิงก็ไปว่าเพื่อน เค้าสวยกว่ายอมไม่ได้หล่ะสิ" พี่แอ๊ดหันไปเอ็ดอีต๋อง

"อ้าวว แต่มันสวยจิง ตอนเรียนนะพี่ มีตัวผู้มาติดสองตัวสามตัว" อีต๋องคุยให้พี่แอ๊ดฟัง ไม่รู้ประชดเปล่านะ พี่แอ๊ด กับ น้องเวย์ ทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ ฉันเลยหัวเราะออกมาด้วยความอาย

"จิงหรอ น่าอิจฉาจังเลย" น้องเวย์พูด

"ทำไงหรอพี่ หนูอยากมีแฟนมั่งจังเลย" เธอพูดต่อ

ทำไงน่ะหรอ.. ก็...

อย่าไปมีมันเลยดีกว่า เชื่อพี่นะ

* * * * * * * *

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ตอนนี้เลยจากที่โพสครั้งที่แล้วไปแล้วใช่ปะ
ถ้ายังไม่ถึงบอกด้วยน้า  หุหุ   :yeb:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ถึงแล้วค้าบบบ

ตอนนี้เป็นตอนต่อจากคราวที่แล้วคับ  :yeb: :yeb:

สู้ๆ  :โหลๆ: :โหลๆ:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อิอิ โลกนี้มีความรักจริงไหมหนอ
 :11111:

ออฟไลน์ คุณหนูไฉไล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มาต่อเร็ว ๆ นะคร๊าบบบ
ลุ้นคุณแบะจนไม่มีอันเขียนเรื่องตัวเองแล้วเนี่ย

 :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เอาใจช่วยคุณแบะคร้าบบบบ

หนูพิมสู้ๆ

 :yeb:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
มาเอาใจช่วยคุณแบะด้วยคนนะคับ :impress: :impress:  หวังว่าจะผ่านพ้นปัญหาได้ไวๆ :13223: :13223: :13223:

ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สับสน นิดนึง ตกลงเจ๊แบะ  ชื่อ เฟียซ หรือ เฟิร์ส อะคับ เริ่มงง ๆ - -"

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1

สับสน นิดนึง ตกลงเจ๊แบะ  ชื่อ เฟียซ หรือ เฟิร์ส อะคับ เริ่มงง ๆ - -"

ชื่อเฟียซ คับ

มารอคับ  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

LulLaby

  • บุคคลทั่วไป
รอลุ้นคุณแบะต่อ

ฟ้าหลังฝน จะสดใสเสมอใช่มั้ยเนี่ย??? 

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Lucifer ขอบคุณคร้าบสำหรับกำลังใจ ให้เรียกว่าไรดีอะ(เรียกชื่อยากจังอ่า) เป็นแฟนคุณเฟียสตัวจริงดิเนี่ย อิอิ
เรย์  ความรักจริง ๆ ในโลกนี้ก็มีอยู่นา  อยู่ที่เราจะมองเห็นมันรึเปล่า  ใครไม่รักเรา เราก็ไม่ต้องรักจิ  มีคนที่ยังรักเรารออยู่อีกเพียบ
i-pex  ต้อนรับสมาชิกใหม่จ้า  ไว้จะไปตามเรื่องเอกับวีน้า
หมูพูห์  ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า  หมูพูห์ก็สู้สู้เหมือนกันน้า
age  ตามต่อจ้า  เราก็เอาใจช่วยคุณแบะด้วยคน (เอ่อ  ว่าแต่เค้าเปลี่ยนชื่อแล้วนา  แบะมันไม่เริ่ดนะ 555)
Shumi  รอต่อปายย  ฟ้าหลังฝนจะสดใสจริงป่าว หุหุ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เราเข้านอนกันตั้งแต่สี่ทุ่มกว่าๆ มีเสียงละครช่องเจ็ดสีที่พี่แอ๊ดชอบดูอยู่ดังระงม แต่กระนั้นทั้งอีต๋อง และน้องเวย์ก็ยังหลับกันได้ ฉันปูผ้านอนกับพื้นอยู่ข้างๆ อีต๋องเพื่อนซี้ ขอบใจมันจริงๆ ที่ไม่เคยพูดถามเรื่องเอกเลยตั้งแต่มาถึงนี่ นั่นไม่ทำให้ฉันลืมไปได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยฉันได้เยอะ

มีเมสเสจเค้ามาเหมือนทุกๆ วัน ฉันอยากจะลบมันทิ้งโดยที่ไม่อ่าน แต่ก็ทำไม่ได้ ฉันยังเข้มแข็งไม่พอ แต่ซักวัน ฉันจะทำมันให้ได้....
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอาบน้ำดังจ๊ากๆ เพิ่งตี 4 เอง แต่ทุกคนเค้าก็ตื่นกันหมดแล้ว และกำลังต่อคิวรออาบน้ำกันอยู่ ฉันเลยลุกจากที่นอน แล้วหันมาเก็บที่นอนตัวเองเข้าที่ไว้เรียบร้อย

"อ้าว รีบตื่นจังหล่ะ นอนต่อเถอะ พวกพี่จะไปขายของกัน" พี่แอ๊ดบอกฉัน แต่ฉันตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะไปช่วยขายของ ก็เลยไม่ได้นอนต่อ

อีต๋องออกมาจากห้องน้ำพอดี มันเห็นฉันลุกแล้วก็เลยถาม

"จะตามไปด้วยหรอเมิงน่ะ"

ฉันพยักหน้า และพลางหาสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เตรียมตัวเข้าห้องน้ำบ้าง ฉันทำกับข้าวไม่เป็นหรอกนะ แต่ถ้าให้พอช่วยนิดหน่อยคงจะทำได้

ตีสี่ 20 นาที ทุกคนก็อยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกไป พวกเราขนพวกเนื้อสัตว์ พวกผัก เครื่องปรุงรสต่างๆ ขึ้นรถกระบะเก่าๆ ของพี่แอ๊ด ก่อนจะโดยสารมันไปที่แผงขายของซึ่งไม่ไกลจากที่พักเท่าไรเลย

สามคนเค้า ช่วยกันขมักเขม้น ผิดกับฉัน ที่ยังไม่รู้ทิศรู้ทาง ทำอะไรก็ดูงกๆ เงิ่นๆ ไม่นาน กับข้าวก็ค่อยทยอยออกมาเทใส่หม้อ ไอร้อนของกับข้าวยังระเหยให้เห็นเป็นสีขาวๆ ตัดกับความมืดของเช้าใกล้รุ่ง มีหลายคนมาจับจ่ายหากับข้าวกันแต่เช้า ฉันดูอีต๋องสาธิตตักกับข้าวทีนึง ก่อนที่จะเป็นคนตักขายเองในลูกค้ารายหลังๆ สนุกดีเหมือนกัน

6-7 โมง กับข้าวขายดีมาก ฉันยังแปลกใจว่าทำกันแค่ 3 คนมันจะไปทันได้ยังไง แต่พี่แอ๊ดแกดูคล่องมาก ทั้งตักกับข้าว ทั้งทำกับข้าวมาเสริม สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ กว่าคนจะซา ก็เล่นเอาเหนื่อยอ่อนกันไปตามๆ กัน

"พอแระหล่ะวันนี้ กรูเหนื่อยแล้ว" พี่แอ๊ดพูดเสียงดัง อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะนั่งแผ่หราบนเก้าอี้ ต๋อง กับ เวย์ ได้ยินดังนั้น ก็พากันวางตะหลิว กับ สารพี กันดังก๊องแก๋ง..

"กับข้าวยังเหลือเลยนี่คะ" ฉันมองในหม้อ ยังมีเหลืออีกซัก เศษ 1 ส่วน 30 ได้ม้าง


"โอ๊ย เหลือแค่นั้น ปล่อยมันเหอะพี่ เอาไว้กินกัน" น้องเวย์พูด ฉันหันไปชำแลงมองดูแกงต่างๆ ด้วยความเสียดาย ตักใส่ถุงมาขายลดราคาก็ยังว่า น่าจะได้อยู่อีกหลายสิบ แต่ช่างเฮอะ เก็บก็เก็บ

ฉันทยอยตักแกงใส่ถุง ก่อนที่อีต๋องกะน้องเวย์จะขนหม้อไหไปล้าง เบ็ดเสร็จ 11 โมงครึ่ง เรากลับถึงห้องกัน หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อย แต่ละคนก็หันไปนอนแผ่หราบนฟูกของตัวเอง ผิดกับฉันที่ขอเปิดเพลงฟังต่อไปอีกซักพัก

"สุดท้าย เรื่องเราจบลงทุกอย่าง
ไม่ขัดไม่ขวาง ในเมื่อเธอจะไป
มีแค่เพียงสิ่งเดียว ยังติดค้างในใจ
อยากรู้ เรื่องใคร อีกคน..."

อีต๋องตื่นมาตอน 3 โมงเย็น มันยื้อยุดให้ฉันไปเที่ยวห้างด้วยกันกับมัน ฉันจำยอมต้องไป ในพัทยาเนี่ยมีห้างเยอะเสียจนไม่น่าเชื่อ เมืองก็เล็กแค่นี้ ฉันมาใหม่ๆ หล่ะตื่นตาตื่นใจมากเลย ไม่รู้จะเข้าห้างไหนดี แต่ครั้งแรกนี้อีต๋องพาฉันมา คาร์ฟูร์ พัทยากลาง

"อีนี่ เมิงทำไมต้องเดินบิดตรูดด้วยวะ กรูอายเค้า" ฉันเอามือสะกิดตูดอีต๋อง มันเดินนวยนาดเป็นจังหวะ

"อีนี่ โง่อีกแระ เมิงไม่เห็นหรอ ฝรั่งมองกันตาเป็นมัน อยู่พัทยาเนี่ยกระเทยเป็นหมื่น ถ้าไม่เรียกร้องความสนใจ มันจะได้เกิดไหมเนี่ย" อีต๋องมาพูดกับฉันอย่างเสียอารมณ์ มิน่าหล่ะ เมิงถึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้า มาใส่กระโปรงสั้น จั๊มแต่ดซะขนาดนี้ เสื้อก็เว้าหน้าเว้าหลัง รวมทั้งเมคอัพอาร์ตติสมาเต็มสตรีม ที่แท้ก็มีจุดประสงค์แอบแฝง

"เออ เอาเหอะ ตามใจเมิง พาลูกเขยไปฝากพ่อเมิงซักทีก็ดี" ฉันบอก อีต๋องมันรักพ่อมาก ส่งเงินให้เดือนละหลายตังค์ (มากกว่าฉันตั้งเยอะ) ถึงแม้พ่อมันจะตีโบยมันเยี่ยงกว่าทาส เมื่อสมัยหลายปีที่แล้ว ฉันยังจำได้

"เออว่ะ เมิงกลับไปบ้านมั่งเปล่าวะ พ่อกรูเป็นไงบ้าง" มันหันมาถามฉันอย่างสนอกสนใจ ฉันส่ายหัวไป แต่ก็บอกกับมันไปว่า

"อีบริทย์บอกว่าพ่อเมิงสบายดี เดี๋ยวนี้ใจเย็น ปลูกต้นไม้ต้นไร่อยู่กับบ้าน" ฉันพูด ว่าไปก็คิดถึงอีบริทย์แล้วเหมือนกัน ฉันนั่งเมาท์เรื่องเก่าๆ ของเราสามคนกันในฟู๊ดเซ็นเตอร์ มีฝรั่งมองพวกเราเยอะจริงๆ ด้วยนะ (มองว่า ตัวอะไร) เสียดายฉันไม่ชอบฝรั่ง ไม่ง้าน ว่าจะโกยเงินดอลเข้าประเทศซักกะหน่อย

55555555555555555555555555555555

เรานั่งสองแถวกลับห้องกัน พอดีกับมีรถสามล้อขนของจากตลาดมาส่งที่บ้าน (พี่แอ๊ดสั่ง) ไปถึงก็เลยช่วยกันง่วน หั่นผัก หั่นเนื้อ และเมาท์ผู้ชายกันอย่างสบายอุรา ก่อนที่จะมีเรื่องมาทำให้ฉันต้องตะขิดตะขวงใจ

เอกโทรมาหลายสายวันนี้ ฉันไม่รับ จักรบอกว่าเอกไปรับฉันที่ทำงาน และคงตามไปดูที่บ้านมาด้วย นี่ดีนะ ที่ไม่มีใครบอกว่า ฉันย้ายไปอยู่ที่ไหน ปล่อยเหอะ ปล่อยให้มันอยู่กับสิ่งที่มันเลือกเอง...

........
วันนี้ฉันเหนื่อย แต่ก็มีความสุขอยู่มาก ความเจ็บปวดที่เคยครอบงำหัวใจของฉันอยู่นาน กำลังจะจางหาย เพื่อนฉัน จะฉุดฉันขึ้นมาจากนรก..

/////////

7 โมงเช้าของวันใหม่ อยู่ที่หน้าบริษัท มีโต๊ะม้าหินอ่อนเย็นจัด และเต็มไปด้วยละอองน้ำค้าง มีเศษผ้าขี้ริ้วสีดำเลอะเทอะยัดอยู่ใต้โต๊ะ ฉันหยิบมันมาเช็ดก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง และวางกระเป๋า

มีคนหลายคนเดินผ่านเข้าออกอยู่เรื่อยๆ เค้ามองฉันแปลกๆ ตามประสาเจอคนแปลกหน้า ฉันหวังว่าจะมีใครซักคนชวนฉันเข้าไปในนั่งข้างใน แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มี 8.30 นาฬิกา ฉันเปิดประตูเข้าไปข้างใน

"ขอโทษนะคะ เป็นพนักงานใหม่นะค่ะ มาเริ่มงาน" ฉันเดินไปแจงกับเด็กผู้หญิงคนนึง ที่กำลังชงกาแฟกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เธอมองฉันอย่างประหลาดใจ ฉันไม่อยากเชื่อว่าไม่มีใครทราบเรื่องฉันจะมาทำงานที่นี่มาก่อน

"รอแป๊ปนึงนะคะ เดี๋ยวหนูไปบอกพี่นิ่มก่อน" (พี่นิ่มคือฝ่ายบุคคลของที่นี่ ฉันเคยคุยตอนสมัครงานทางโทรศัพท์ทีนึงแล้ว) พูดจบเธอก็ทิ้งแก้วกาแฟไว้ แล้ววิ่งหายเข้าไปข้างใน ฉันทำได้แค่นั่งรอตรงโซฟาสีเทาตัวใหญ่ที่มีรอยขาด ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงใหญ่

ที่ทำงานใหม่ของฉันนั้น ดูไม่โอ่โถงโอ่อ่าเหมือนที่เดิม ไม่ใช่สิ ความจริงน่าจะบอกว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบริษัทในเครือ ของใช้ของตกแต่งที่นี่เกือบทุกชิ้น ดูโบราณไม่ทันสมัย บ้างก็ชำรุดเสียหาย ขาดการซ่อมแซม ฉันนั่งมองนิตยสารที่มีไว้รองรับแขก แล้วถึงกับอดหัวเราะไม่ได้ เป็นรูปคุณแหม่ม จินตรา ขึ้นปก สวยเช้งเชียว เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

"พี่คะ พี่นิ่มให้เชิญไปข้างบนค่ะ" เด็กคนเดิมเมื่อกี้ ออกมาเรียกฉัน ฉันสะพายกระเป๋า และลุกเดินตามเธอไปตามทางเดินคดเคี้ยว ไปถึงชั้น 3 มีป้ายที่ปริ้นท์กระดาษ a4 แปะไว้ด้วยสก๊อตเทปใสเขียนว่า "สำนักงาน"
ฉันเปิดประตูเข้าไป เห็นมีคนอยู่สองสามคนกำลังนั่งดูข่าวตอนเช้าจากทีวีเก่า เล็กๆ

"หาพี่นิ่มหรอคะ เชิญข้างในค่ะ" หนึ่งในคนจำนวนนั้น ยิ้มรับทักทายฉัน ก่อนจะผายมือเธอไปอีกทาง ฉันยิ้มตอบขอบคุณ และเดินตามไป

"สวัสดีค่ะ" หญิงวัย 30 กว่าๆ ทักทายฉันอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว พี่นิ่ม ฝ่ายบุคคลของที่นี่ เธอมีใบหน้ากลมและผมสั้น ฉันมาทราบทีหลังว่าเธอป่วยเป็น SLE ทำให้ต้องหาหมอและกินยาอยู่เสมอๆ

"สวัสดีค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้ แล้วยิ้มให้เธอ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตามคำเชิญ

"หนูชื่อ..." ฉันกำลังจะแนะนำตัว แต่พี่นิ่มก็เบรคเอาไว้เสียก่อน

"ไม่ต้องบอกแล้วจ่ะ คุณทวีศักดิ์แจ้งพี่หมดแล้ว งานก็ไม่มีอะไรมาก หนูก็ช่วยคุณทวีศักดิ์เค้าเหมือนเดิมละกัน เรื่องเงินเดือน เราขอดูงาน 3 เดือนก่อน" พี่นิ่มค่อยๆ แจง

ฉันยอมรับทุกเงื่อนไข เพราะเงินไม่ใช่จุดประสงค์ที่ฉันถ่อสังขารมาที่นี่ แค่ได้พ้นจากความทุกข์มาได้ มาเจอเพื่อนรัก แค่นี้ก็สุขเกินจะประเมินได้แล้ว...



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด