มาแว้ววววว
ตอนพิเศษอดีตกาล My Annabelle…
รอยยิ้มกว้างๆชวนให้ผมยิ้มตามไปกับเธอจนได้...ถึงแม้ว่าผมจะเห็นเธอไกลๆก็เถอะ
สาวหมวยที่เป็นที่สนใจของคนรอบข้างเสียเหลือเกิน...
เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากฮ่องกง.....มาเรียนร่วมกับผมและเหล่าผองเพื่อนเป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา....
ต้องยอมรับเลยว่าเธอเป็นคนน่ารักมากๆครับ น่ารักขนาดที่ว่าดึงความสนใจจากเกมเพลย์สเตชั่นไปจากผมได้นี่ถือว่าเยี่ยมมาก (สมัยนั้นก็เป็นเพลย์ 1 แล...ทันเล่นกันมั้ย หุหุ)
เรียกง่ายๆว่าเด็ก ม.ต้นหัวเกรียนคนหนึ่งที่วันๆนั่งเล่นแต่เกม กับอ่านการ์ตูนอย่างผมหันมาสนใจเรื่องรักๆได้เลยแหล่ะ...
สาวๆอยากเข้าไปคุยกับเธอ....หนุ่มๆนี่ยิ่งอยากเข้าไปใหญ่....แต่ก็โดนกำแพงสาวๆไม่ให้เข้าใกล้
เธอบอกว่าให้เรียกเธอว่า....เบลล์
ด้วยความที่เป็นคนขี้อายแต่กำเนิด ผมก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆ....นานๆทีเธอหันมาสบตากับผม ใจก็เต้นแรง....
นี่ล่ะมั้ง.....รักครั้งแรก (แฮะๆ)
“มองอย่างเดียวคงไม่ได้แดกหรอกมึง....” ไอ่ทินในยุคหัวเกรียน (จริงๆก็เกรียนกันหมดละว้า) เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกวนตีนตามสไตล์....สไตล์กวนประสาทนั่นแหล่ะ แต่มันก็เป็นคนที่ถือว่ามีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดในกลุ่มแล้วล่ะ
มองไปรอบวงผองเพื่อนที่นั่งเล่นไพ่ Circus กันอย่างสนุกสนาน เพราะเพิ่งโดนยึดไพ่ไป เลยมานั่งเล่นเกมไพ่แบบนี้ไปก่อนแก้เซ็ง ผมลุกออกจากวงโดยคว้าแขนไอ่ทินตามมาด้วย เสียงโห่ฮาของสภาเด็กเกรียนดังขึ้นเป็นทำนองว่าแอบมีความล้งความลับ....โธ่ไอ่พวกเวร ขืนบอกพวกมึงทั้งกลุ่มเรื่องแม่งกระจายแน่ๆ ไอ่พวกนี้มันโทรโข่งชั้นดี -*-
“ชอบเบลล์อะดิ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร....ไอ่ห่านี่ชิงก่อนเรียบร้อย ผมพยักหน้าตอบมันแบบเซ็งๆ มันก็หัวเราะใหญ่ เออดิ....ไม่ได้เชี่ยวเหมือนมันนี่หว่า
“ทำไงดีวะ....”
“เอ้า......มันก็ต้องเริ่มจากเข้าไปคุยก่อนสิวะ.....มึงอยู่เฉยๆหมาตัวไหนจะสนใจมึง....เออ แต่ก็ไม่แน่…ถ้าหมาตัวผู้ก็ไม่แน่....ฮึๆ” ว่าแล้วมันก็มองผมหัวจรดเท้าแล้วหัวเราะซะงั้น
“ไอ่เวร.....เอาดีๆสัดนี่...”
“เออ....อะๆๆๆ เอางี้ มึงก็เข้าไปคุยกับเบลล์ก่อน...อยากรู้จักนั่นแหล่ะ บอกไปตรงๆเลย”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“เออ...เอางี้แหล่ะ.......เดี๋ยวกูช่วย....”
แผนของมันไม่ได้มีอะไรมากเลยครับ.....อาศัยเวลาพักเที่ยงนี่ล่ะ สาวๆนั่งกันเป็นกลุ่ม ไอ่ทินก็อาศัยหนังหน้ามันที่พ่อแม่สร้างมาให้แหวกวงสาวๆเข้าไปจนได้โดยลากผมมาด้วย สายตาเพื่อนผู้หญิงหลายๆคนมองมาที่ผมกับไอ่ทินยิ้มๆ ผมแอบงงว่ามองอะไรกันหว่า (ตอนนั้นนังหนูยังไม่รู้จักพลังวาย 555+)
(ขออนุญาตพิมพ์บทสนทนาเป็นภาษาไทยทั้งหมดเช่นเดิมเน้อ)
“สวัสดีครับ.....ผมทิน ส่วนนี่เชนทร์.....อยากเข้ามาคุยด้วยน่ะครับ...” วงล้อมรอบๆอื้ออึงขึ้นคงเพราะตกใจในทักษะการพูดภาษาอังกฤษที่ฉะฉานเอาการสำหรับเด็กม.ต้นของไอ่ทิน มันกับผมสังกัดชมรมภาษาอังกฤษครับ....มันเป็นประธานนะ แต่ผมอะ GB เจเนอรัลเบ๊ เหอะๆ
เบลล์ยิ้มให้พวกผมสองคน ทักทายตอบไอ่ทินและตัวผมด้วย โอย~ น่ารักชิบเป๋งเลย ผมอดเขินไม่ได้ ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตา เวลาเบลล์หันมาถามอะไรผมก็ตอบนิดๆหน่อยๆ ภาษาอังกฤษที่เรียนมาเหมือนกระเด็นหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
เหมือนเธอจะรู้ว่าผมเขิน......ได้แต่เกาหัวตัวเองแกรกๆ เสียฟอร์มชิบเป๋งเล๊ย~
นั่งคุยกันผ่านไปซักสิบนาทีนี่ล่ะครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันนานมากกกกกก เหงื่อซึมเลยแหล่ะ ไอ่ทินหันมามองผมแล้ว พูดแบบไม่มีเสียงว่า…
‘ไก่อ่อน…’ สาดดดดดดดดด อ่านปากมันรู้เรื่องปุ๊บของขึ้นปั๊บ.....เป็นพวกยุง่าย 5555+ ผมเริ่มต้นคุยกับเบลล์ทันที เธอก็หันมาคุยกับผมนะครับ แต่ไม่ได้มีทีท่าอะไรเป็นพิเศษ....แต่ไอ่ยิ้มหวานๆกับตาหมวยๆนี่ได้ใจไปเต็มๆ เอิ๊กๆๆๆ
คุยได้ซักพักก็ขอตัวออกมาครับ หลังจากวันนั้นผมก็หาเรื่องเข้าไปคุยกับเบลล์ตลอด เรียกว่าเจอตอนไหนก็คุยเลยแหล่ะ จนวันหนึ่งผมก็เดินเข้าไปบอกเธอว่าผมชอบเค้า....
ง่ายๆซะอย่างนั้นแหล่ะครับ ตอนนั้นไม่ทันคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป คิดแต่ว่าก็ชอบอะ....ไรงี้
เบลล์ดูตกใจมากครับ...แต่เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มตอบกลับมาและประสาเด็ก....(ที่เด็กโคตรๆ) เหมาครับ.....เหมาทันทีว่าเค้าก็ชอบ ซะอย่างนั้น....ง่ายๆอย่างนั้นเลย....
ผมตามไปรับไปส่งเธอที่บ้านโฮสซึ่งเป็นเพื่อนผู้หญิงในห้องผมนี่แหล่ะ ไปจนรู้จักเค้ากันทั้งบ้าน เบลล์ก็ดูร่าเริงตามปกติครับ เวลาผมชวนไปเที่ยวเธอก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง บางทีก็บอกว่าติดธุระบ้าง ต้องทำการบ้านบ้าง....
แต่เคยกันมั้ยครับ ‘ความรักทำให้คนตาบอด’…
ผมยังคงทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้ว่าเบลล์จะทำตัวห่างเหินกับผมบ้างในบางครั้ง อย่าเข้าใจผิดนะครับ....เธอไม่ได้มีใครหรอก....
ผมมารู้สึกถึงสัญญาณอันตรายเอาเมื่อ......อีก 3 วันจะเป็นงานเลี้ยงอำลาเบลล์....
แวบแรกที่เพื่อนบอกผมยังนึกค้านในใจ.....อำลาเหรอ....???
แต่พอคิดไปคิดมา....อ้าว.....เบลล์.....เบลล์ต้องกลับบ้านนี่นา กลับบ้านของเค้า.....ที่ฮ่องกง....
‘รักทางไกล’ ผมคิดขึ้นมาทันที ตอนนั้นรีบไปห้องสมุด ไปหาวิธีโทรศัพท์ข้ามประเทศ หาวิธีเขียนจดหมาย (สมัยนั้นอินเตอร์เนทยังไม่แพร่หลายน่ะ) หากระทั่งข้อมูลการเรียนต่อ....
นึกย้อนดูแล้วอายตัวเองเป็นบ้า....ทำไปได้ขนาดนั้นน่ะคนเรา....
เย็นวันนั้นผมไปส่งเบลล์ที่บ้านตามปกติ บอกเธอเรื่องที่ผมไปค้นมา เรื่องจดหมาย เรื่องต่างๆ สีหน้าเธอดูอึดอัดมาก.....เริ่มทำให้ผมรู้สึกแย่...
ผมตัดสินใจถามเธอว่าเป็นอะไร และคำตอบที่กลับมามันก็ฝังใจผมมาจนทุกวันนี้...
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ....?”อึ้งครับ.........เอกสารในมือร่วงลงพื้นเกือบหมด จนผ่านไปซัก 10 วินาทีผมจึงก้มลงไปเก็บด้วยความรู้สึกที่เกินบรรยาย....
มันไม่ใช่ ‘รักห่างไกล’ ......แต่มันเป็น ‘รักข้างเดียวแถมยังห่างไกล’ ต่างหากล่ะ....
เบลล์เองก็ดูจะเสียใจเหมือนกัน พอผมเงยหน้าขึ้นเธอก็ขอโทษผมเป็นทำนองว่าขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด..... แต่ตอนนั้นผมแทบจะฟังอะไรไม่ออกแล้วล่ะ....
ผมเดินกลับบ้านทั้งๆที่ทุกครั้งจะนั่งรถเมล์ เดินไปให้ความคิดที่ฟุ้งซ่านได้สงบลงบ้าง....
แต่มันก็ไม่สงบ... พอกลับไปถึงบ้านผมโยนทุกอย่างทิ้ง คว่ำหน้ากับหมอน ทบทวนเรื่องต่างๆที่ผ่านมา.....แล้วก็สรุปได้ว่าตัวเองโคตรจะงี่เง่า....
ผมไม่โทษเบลล์หรอก....พอนึกย้อนไปจริงๆ เธอไม่ได้รับรักผมซักหน่อยนี่นะ....
ผมไปโรงเรียนอีกวันด้วยอาการเซ็งสุดชีวิต แต่ขามันก็พาไปหาเบลล์ด้วยความเคยชิน.....ยังไงผมก็ยังอยากเห็นหน้าเธออยู่ดี....
ผมตัดสินใจทักเธอว่า ‘เพื่อน’ ซึ่งทำให้ใบหน้าลำบากใจของเธอแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าแห่งความสดใสทันที...
อย่างน้อย.....แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ.....
วันเลี้ยงอำลาเบลล์ผ่านไปได้ด้วยดี ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เข้าไปหาเธอมาก ก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่อยากจะบอกลาเธอล่ะนะ....
ก็มีเพื่อนหลายคนที่เดินมาทักผมบ้าง แซวบ้างว่าอกหักอะไรแบบนั้น....ก็ขำดี เหอะๆ
จะว่าทำใจเร็วมั้ย......จริงๆยังไม่ได้ทำใจเลยครับ....
แต่พอนึกว่าตัวเองผิดเองมันก็......ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้สิ จริงมะ?
ไอ่ทินเดินเข้ามาตบบ่าผมเป็นทำนองให้กำลังใจ....มันไม่พูดอะไรซักคำแต่ผมสัมผัสได้ว่ามันก็เป็นห่วงความรู้สึกของผม....
ในที่สุดก็ถึงวันที่เบลล์จะต้องขึ้นเครื่องกลับ ยกโขยงกันไปส่งซะเยอะแยะเลยล่ะ กอดอำลากันในหมู่เพื่อนผู้หญิง ส่วนเพื่อนผู้ชายก็ยื่น
ข้างๆ ให้ของขวัญบ้าง บางคนก็ทำอัลบั้มรูปให้...
ผมไม่ได้เตรียมอะไรให้เบลล์ซักอย่างครับ.....ไม่รู้สิ ไม่ใช่ว่าพอไม่สมหวังแล้วเลยไม่ให้ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย.....แต่ผมไม่รู้จะให้อะไรจริงๆ
มันไม่มีอะไรแทนได้นี่ครับ...
เสียงประกาศเรียกดังขึ้น เบลล์เริ่มบอกลาทุกคนอย่างรวมๆ ผมยืนข้างไอ่ทิน มองเธอห่างๆ
แต่แล้วเธอก็วางข้าวของลงแล้วเดินมาหาผมครับ...
*ฟอด....
เบลล์ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม...เหล่าผองเพื่อนโห่ฮากันลั่น ไอ่ทินนี่ขำท้องแข็งเชียว....เบลล์ยิ้มเขินๆ บอกผมที่กำลังอึ้งสุดชีวิตที่ได้รับการหอมแก้มที่ไม่ได้คาดหมายว่า...
“เราชอบเชนทร์นะ.....เชนทร์เป็นเพื่อนที่ดีกับเรามากๆ....เราจะคิดถึงเธอ” แล้วเธอก็โบกมือลาเพื่อนๆทุกคนแล้วไปที่ประตูขาออกทันทีครับ
ผมยังอึ้งอยู่จนกระทั่งไอ่ทินตบหลังผมดังอั๊ก! อูยยยยย~
“จะอึ้งอีกนานมั้ยสาด.....” เหล่าผองเพื่อนยกโขยงมาแซวผมกันใหญ่....ผมลูบแก้มตัวเองข้างที่เพิ่งโดนหอมแก้มมาหมาดๆด้วยความ....ยังไงดีล่ะ จะว่าดีใจก็คงได้มั้ง....
เอาน่ะ.....เพื่อนก็เพื่อน....
ไม่สมหวังก็ไม่สมหวัง.....อย่างน้อยได้รักใครซักคนก็พอ.....
ถึงจะจบลงอย่างไม่สวยนัก....ไม่ดิ มันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำไป....ก็ต้องจบลงซะแล้ว....
อ่อ.....จำไว้ด้วยล่ะ...
‘ความรักทำให้คนตาบอด’จำจนตายแน่กู.....เอิ๊กๆๆๆๆๆ
จบตอนพิเศษอดีตกาล My Annabelle…
***********************************
เครียด คิดงานมะออกกกกกกกกกกกกกก