ตอน 4
ผมก็ต้องนั่งรอจนกว่าไอ่บอลมันจะอาบน้ำเสร็จอีก จะว่าไปถ้าผมแอบหนีตอนนี้ก็ยังทัน คนตัวเล็กรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นที่ดวงหน้าหวานเพิ่มความท้าทายมากขึ้น แล้วผมก็ต้องทำตัวเป็นโจรย่องเข้าบ้านคนอื่นต่างกันตรงที่ผมกำลังย่องลงบันไดมาก็เท่านั้น
“ก็กูบอกให้เมิงรออยู่ในห้องไง” เอาแล้วไง วันนี้ผมโดนหักคอจิ้มน้ำพริกตาแดงชัวร์ มันเล่นมาล็อกคอผมทั้งๆที่ยืนอยู่ตรงบันไดเนี่ยนะ ตกลงไปตายห่าด้วยกันทั้งคู่
“กะ ก็...คะ คือ กูปวดฉี่” ผมแก้ตัวหน้าด้านๆ แกล้งเอามามากุมที่เป้าตัวเองทำเนียนเพื่อความสมจริง
“เออๆ รีบไปก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจไม่ไปส่งเมิง” แล้วใครใช้ให้เมิงไปส่งกูเล่า ไม่ได้ขอเลยสักนิด ผมก็เลยต้องเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง เข้าไปนั่งทำหน้าเหียกสักพัก แล้วค่อยออกไป
ความรู้สึกร้อนๆที่หน้า ปวดหัวตุบๆจนบอกไม่ถูก เวลากระพริบตาทีมันก็ร้อนๆที่เปลือกตายังไงก็ไม่รู้ จะกลืนน้ำลายทีผมแทบไม่อยากจะกลืน ก็มันเจ็บแปล๊บๆที่ในคอเหมือนมีใครเอามีดมากรีดไว้ยังงั้น ทุกอย่างตอนนี้ก็ดูเหมือนจะพร่ามัวไปหมด นี่ไข้ผมขึ้นไวขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงได้อ่อนแอยังงี้นะ ผมไม่ชอบเลย (เป็นไข้ใครมันชอบกันฟร่ะ)
“ขี้แตกรึไงว่ะ เข้าไปเป็นชั่วโมง” อันที่จริงผมเข้าไปแอบนั่งหลับในห้องน้ำต่างหาก กะแค่พักสายตาสองสามนาทีพอรู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำซะแล้ว
“เออ กูท้องเสีย” ผมตอบปัดๆ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรแล้วนอกจากจะกลับไปนอนที่นอนอุ่นๆของผมอย่างเดียว ลงบันไดผมก็แทบจะเดินหลับตาลงมาอยู่แล้ว ก็นอนในห้องน้ำมันยังไม่อิ่มดีเลย
“อ้าว เฮ๊ย ไอ่โอมวันนี้ไปดวลบอลกะใครมาอีกว่ะ” เสียงไอ่บอลที่พูดกับใครบางคนทำให้ร่างบางเบิกตาโพลง
“ก็พวกไอ่หนึ่งนั่นแหละว่ะ จะมีใครซะอีก” พวกไอ่โอมกับเพื่อนของมันยืนออกันอยู่เต็มหน้าร้านในมือ ถือขวดน้ำอัดลมเป็นเป็นแถว
“แล้วเมิงกลับไงเนี่ย” เมิงจะคุยกันอีกนานม๊ายย กูอยากกลับบ้านโว้ยยยย ก็ไอ่อาการปวดเศียรเวียนกล้าคล้ายจะเป็นลมของผมมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตาผมจะปิดเหล่ไม่ปิดเหล่แล้วเนี่ย
“กะจะให้ไอ่ยะไปส่งว่ะ มีไร” โอมถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
“งั้นดีเลย เมิงเอาไอ่ก้างนี่กลับไปด้วยแร่ะกัน แมร่ง กูจะช่วยแม่ปิดร้านว่ะ” ไอ่ก้างที่ว่านี่มันหมายถึงผมเองแหละ ผมพยายามทำตัวเนียนก็ถุงกระสอบใส่ข้าวข้างๆแล้วมันก็ดันหาเรื่องให้ผมจนได้ ไอ่ทึกนี่ก็ผลักผมไปหาไอ่โอมทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว กูไม่ใช่ของเล่นนะเว้ยจะได้ส่งไปส่งมาแบบนี้
“ก็ได้” ไอ่โอมมันมองหน้าผมแปลกๆแถมยังอมยิ้มกรุ่มกริ่มจนดูน่ากลัว คนป่วยเมิงจะไม่ละเว้นเลยรึไงฟร่ะ
“งั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย” แล้วไอ่โอมก็ล่ำลากับลูกทีมของมันเสร็จก็เหลือแต่ ผม ไอ่โอม และ ไอ่บอล ท่ามกลางความเงียบอีกครั้ง พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย
ผมก็ได้แต่เดินตามหลังไอ่โอมไปต้อยๆ ที่มันไม่ได้เอารถจักรยานก็เพราะไอ่พวกนั้นไปรับไปส่งมันถึงที่บ้านนี่ครับ ใครๆก็อยากเป็นเพื่อนมันยกเว้นผมคนหนึ่งแหละ (ความแค้นมันฝังใจ)
“เห้ย เมิงจะยืนเหม่ออีกนานมั้ย” อาศัยรถกูแล้วยังมาหลอกด่าอีก เจริญมั้ยล่ะ
มันทำยังกะว่ารถที่มันควบอยู่เป็นรถจักรยานของมันยังงั้นแหละ เดี๋ยวพ่อกระโดดก้านคอซะนิ แต่ตอนนี้ฝากไว้ก่อนเพราะผมกำลังมึนเดี๋ยวมันจะได้เปรียบ ผมก็เลยจำใจไปนั่งซ้อนท้ายมันอย่างช่วยไม่ได้
รถจักรยานสีน้ำเงินดำออกตัวไปช้าๆ ไม่รู้ไอ่โอมมันขับรถฯเป็นรึเปล่าขับช้ายิ่งกว่าเต่าซะอีก รถฯปั่นทวนกระแสลมอ่อนๆที่พัดปะทะกลับมา แสงอาทิตย์ร่ำไรในตอนเย็น ประกอบกับเสียงนกกาที่ร้องดังชวนให้ผมเคลิ้มดีจริงๆ ผมไม่ได้หลับน้า แค่พักสายตาเท่านั้นเอง
แล้วหัวก็เริ่มเอียงทีล่ะนิด หลังจากนั่งสับปะโงกได้สักพัก มันก็กลายเป็นหลับถาวร ดวงหน้าหวานเผลอโน้มไปซบกับแผ่นหลังคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว จนโอมสะดุ้งหันมาดูคนข้างหลังด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ไอ่นี่มันไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาว่ะเนี่ย” ถึงร่างสูงจะบ่นกระปอดกระแปดแต่ริมฝีปากเรียวกลับยิ้มอย่างไร้เหตุผล
“งืมๆ” เสียงครางเบาๆในลำคอทำให้ร่างสูงกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ นอนดีๆไม่พอขนาดหลับยังทำเนียนละเลงน้ำลายซะเต็มหลังผมเลย (โอมคิด)
ท้องฟ้าที่แดงค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นดำสนิท ดวงไฟนีออนสีส้มข้างถนนสว่างเป็นทาง นานๆทีจะมีรถสักคันผ่านมาก็ไม่แปลก เพราะที่นี้ค่อนข้างจะอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรแต่ก็ยังพอมีความเจริญอยู่บ้าง เรียกว่าอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงจะเหมาะกว่า แถวสี่แยกถึงจะเจอรถเยอะๆบ้าง
มือหนาเอื้อมไปจับข้อมือเล็กที่ห้อยโต่งเตงอยู่ข้างลำตัวร่างบางขึ้นมาโอบเอวแกร่งของตัวเองไว้อย่างหลวมๆ สัมผัสนุ่มนิ่มในมือมันทำให้คนตัวสูงมีความสุขกว่าครั้งไหนๆ หัวใจมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนแทบจะหลอมละลายให้ได้แล้ว
...
แต่ข้อมือเล็กๆอุ่นๆ กับสัมผัสร้อนๆที่หลังตั้งแต่เมื่อกี้ทำให้โอมเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ซบเขาอยู่ตอนนี้กำลังป่วยอยู่แน่ๆ
จากที่จะแกล้งปั่นจักรยานช้าๆเพื่อที่เขาจะได้อยู่กับคนตัวเล็กแบบนี้นานๆ กลับทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นกว่าเดิม อาการกังวลปรากฏที่ดวงหน้าคมทันที มือหนากระชับแขนคนตัวเล็กแน่น ก่อนจะกุมมือนิ่มที่อยู่บริเวณหน้าท้องของตัวเองเบาๆ ขณะที่อีกมือก็บังคับรถจักรยานแล่นลิ้วปะทะลมทำให้ร่างบางสั่นเล็กๆเพราะอากาศที่หนาวเกินกว่าร่างกายของเขาจะรับไหว
“อย่าเป็นไรนะเว้ย” คนตัวสูงเอ่ย น้ำเสียงสั่นเครือ เพราะกลัวว่าคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้
เอี๊ยดด รถจักรยานจอดหน้าร้านบะหมี่เกี๊ยวที่ปราศจากผู้คน มีเพียงผู้เป็นพ่อกับแม่ของคนที่กำลังหลับใหลนั่งอยู่เท่านั้น
“น้าพงษ์ครับ ไอ่เกี๊ยวมันเป็นไรไม่รู้ตัวร้อนจี๋เลย” ร่างสูงเอ่ยรัว ในอ้อมแขนประคองคนตัวเล็กด้วยความห่วงใย
“อุ้มขึ้นไปห้องนอนก่อนไป” คนตัวสูงพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินอุ้มคนตัวเล็กขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน
“พ่อ เอาผ้าชุบน้ำขึ้นมาด้วยนะ” ผู้เป็นแม่สั่งก่อนจะรีบเดินตามหลังโอมขึ้นไป
“สงสัยจะเป็นไข้ ไปทำอะไรมาอีกเนี่ย จริงๆเล้ย” เหมือนแม่จะบ่นแต่ในน้ำเสียงกลับเจือปนด้วยความห่วงใย แม่บรรจงซับผ้าขนหนูอุ่นๆที่ดวงหน้าหวาน พ่อที่คอยอยู่ข้างๆก็คงเป็นห่วงไม่แพ้กัน
“เกี๊ยวกินยาก่อนนะลูก” พ่อช้อนท้ายทอยคนตัวเล็กให้อยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ส่วนแม่ก็เขย่าตัวเกี๊ยวเบาๆเพื่อเรียกสติ ยาเม็ดเล็กถูกสอดเข้าไปในปากบางตามด้วยน้ำเปล่า เกี๊ยวขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลืนยาไปแต่โดยดี ดวงหน้าหวานบูดเบี้ยวทำให้รู้ว่าสิ่งที่กินเข้าไปคงไม่ถูกปากมากนัก
แล้วแม่ก็ถอดเสื้อเกี๊ยวเพื่อจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้คนที่นอนอยู่เพราะน้ำหกเลอะเสื้อที่ใส่อยู่จนเปียกหมดแล้ว ขืนให้ใส่ยังงี้ต่อไปมีหวังพาลจะทำให้ไข้ขึ้นซะเปล่าๆ
“อะ เอ่อ น้าพงษ์น้าดางั้นผมกลับก่อนนะครับ” คิดจะถอดก็ถอดกันต่อหน้ายังงี้ ก็มีหวั่นไหวมั้งสิครับ (โอมคิด)
“อืม ขอบใจมากนะโอมที่อุตส่าห์พาเจ้าเกี๊ยวมันมาส่งน่ะ” น้าพงษ์พูดพลางลูบหลังคนตัวสูงเบาๆ
“คะ ครับ ไม่เป็นไรครับ” แล้วผมก็ต้องลุกลี้ลุกลนออกจากห้องไอ่เกี๊ยวมันแทบไม่ทัน ก็น้าดาเล่นถอดซะเกือบหมดทุกชิ้น ถ้าผมยืนอยู่มีหวังเลือดกำเดาไหลน้าพงษ์กะน้าดาคงไม่ให้ผมเข้าใกล้ลูกชายเค้าแน่ๆ (โอมคิด)
อีกใจหนึ่งผมก็ห่วง แต่ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดาพักสองสามวันก็คงหาย ไอ่นี่มันไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง ต้องอยู่ให้ผมแกล้งไปอีกนาน หายไวๆนะเว้ยไอ่เกี๊ยว (โอมคิด)
“พ่อๆ เอารถออกเร็ว เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน แค่กๆ” เสียงเล็กเร่งกระเส้าอย่างกระวนกระวาย หลังจากที่นอนซมอยู่ทั้งคืน จากไข้ที่เคยขึ้นสูงเหลือทิ้งไว้เพียงไอ่น้ำเมือกใสๆในจมูกที่ไหลเยิ้มตลอดเวลาจนน่ารำคาญ
“สภาพยังงี้จะไปไหวเร้อ หยุดสักวันดีกว่ามั้ย” พ่อพูดพลางเอามืออุ่นๆเตะที่หน้าผากมนอย่างห่วงใย
“ไหวพ่อ รีบไปเหอะ” มือเล็กกระตุกชายเสื้อพ่อเบาๆ ก่อนจะสูดน้ำมูกดังฟืดฟาด
“เอ้า ไปก็ไป” เหมือนพ่อจะคิดลังเลอยู่ลักพัก สุดท้ายก็ต้องยอมคนตัวเล็กที่ยืนมองสายตาเว้าวอนอยู่ตรงหน้า
ยิ่งพ่อขับรถเร็วเท่าไรก็เหมือนผมกำลังนั่งอยู่ในตู้แช่เย็นอาเฮียร้านข้างๆซะยังงั้น ไม่นานผมก็เห็นท้ายรถนักเรียนคันเก่าๆที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ด้านหน้า แล้วค่อยๆชะลอความเร็วจนหยุดเช่นทุกคราว
“เอายาไปรึยัง” เสียงพ่อตะโกนถามตามหลังคนตัวเล็กที่เพิ่งจะก้าวขึ้นรถ เกี๊ยวเพียงแต่พยักหน้าหงึกๆ ร่างบางที่สั่นระริกกับดวงหน้าหวานที่ซีดปานกระดาษ ริมฝีบางอมชมพูระเรื่อจนเกือบไม่มีสี เสียงหอบเบาอยู่ในลำคอจนน่าสงสาร
ขาเล็กที่หมายจะก้าวไปหาที่นั่งข้างหน้า แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่รั้งกระเป๋าอันหนักอึ้งของเขาไว้อย่างกะทันหันจนเกือบเสียหลักล้มคะมำไปกองกับพื้น โชคดีที่เขาตั้งหลักทันซะก่อน
“เมิงน่ะ จะไปไหน มานั่งนี่” ไอ่คนที่ดึงกระเป๋าผมจะใครที่ไหนได้ก็มีแต่ไอ่บอลที่นั่งอยู่ตรงนั้น คนตัวเล็กมองที่ว่างข้างๆร่างสูงอย่างหวาดหวั่น ไม่รู้คราวนี้ผมจะโดนมันแกล้งอะไรอีก
“ต่อไปนี้เมิงต้องมานั่งที่นี้ทุกวัน เข้าใจมั้ย!!” ไม่รู้ไอ่บอลมันจะตะโกนหาพระแสงอะไรของมันทั้งที่ผมก็นั่งข้างๆมันแล้วแก้วหูแทบแตก
“เออ” เสียงหวานแหบพร่า เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนไอ่คนที่เพิ่งออกคำสั่งจะไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
ใครจะเชื่อกันล่ะว่ามันจะมีวันนี้ได้ วันที่ผมได้มานั่งที่เดียวกะพวกไอ่บอล ที่นั่งเบาะยาวหลังรถที่ผมได้แต่มองมันห่างๆทุกวัน สิ่งที่ทุกคนอยากมีไม่ว่าจะเป็นใคร สิ่งที่ใครๆเรียกมันว่า เพื่อน ผมไม่แน่ใจว่าในตอนนี้ผมอยู่ในฐานะไหนกันแน่ คนที่พวกมันเห็นว่าเป็นเพื่อน หรือแค่ของเล่นที่ไว้แกล้งแก้เซ็งงั้นเหรอ
ไอ่บอลนั่งนิ่งบางครั้งผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงมันฮัมเพลงเบาๆ อันนี้ผมอาจจะคิดไปเอง ตอนนี้สมองผมมันโล่งโหวงไปหมดแล้ว ก็เพราะน้ำมูกที่มันไหลไม่หยุดเนี่ยแหละ ส่วนไอ่ข้างๆผมที่นอนพิงไอ่เคนอย่างสบายอารมณ์ก็คงเป็นไอ่โยสินะ
เวลา 8 นาฬิกา ประเทศ...
อีกเช่นเคยที่พวกผมวิ่งตาลีตาเหลือกไปเข้าแถว เสียงหอบดังระงมไปทั่วบริเวณ แสงอาทิตย์อุ่นๆกับปุยเมฆสีจางๆตอนรับเช้าวันใหม่อย่างสดใส ถึงอากาศตอนนี้จะเริ่มเย็นกว่าปกติ แต่ถือได้ว่าช่วงนี้อากาศดีมากเลยทีเดียว เสียที่ผมเป็นหวัดก็เท่านั้น
“เฮ๊ย” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงขณะเดินขึ้นบันไดที่แออัดไปด้วยนักเรียนอีกหลายชีวิต ผมเดินขึ้นบันไดอยู่ดีๆ ไอ่เชี่ยที่ไหนไม่รู้มาผลักมาจากข้างหลังซะเกือบล้ม ผมก็ได้มองหาไอ่ตัวการอย่างเคืองๆ แต่ก็ไม่เจอใครที่น่าจะใช่สักคน อย่าให้จับได้นะเว้ยว่าใครแกล้ง จะโดนไม่ใช่น้อย
หมับ~!! จู่ๆไอ่บ้าไหนก็ไม่รู้เดินมากอดคอผมเฉยเลย คนยิ่งมึนๆอยู่
“หายเป็นไข้แล้วเหรอว่ะ ถึงได้หอบสังขารมาเรียนได้” ผมมองหน้าไอ่โอมที่ยืนกอดคอผมยังกะสนิทกับมันมา 10 ปียังงั้น (ประชด)
“แล้วเมิงเห็นว่ากูนอนอยู่ที่บ้านรึไงเล่า” ไอ่เสียงที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วแหบเล็กยิ่งกว่าเดิม ผมรีบมุดหัวออกจากแขนของไอ่โอมตอนมันเผลอแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนที่จะมีเรื่องซวยๆเกิดขึ้นอีก
เกือบตลอดทั้งวันที่ผมได้แต่นั่งทำหน้าเอ๋อ ส่วนไอ่สิ่งที่มันขีดเขียนบนกระดานมันก็แทบจะไม่หัวของผมเลยสักนิด นี่ผมคิดผิดคิดถูกที่หอบสังขารมาโรงเรียน บางที่ผมน่าจะหยุดเรียนสักวัน แต่ไหนๆวันนี้มันก็มาแล้วนี่ทำไงได้ล่ะ
ตุบ
“อะไร” เสียงเล็กถามพร้อมกับมองกองสมุดที่ถูกโยนมาบนโต๊ะอย่างไม่เข้าใจ
“การบ้าน ทำให้เสร็จด้วยล่ะ” ร่างสูงออกคำสั่งหนักแน่น
“แต่กู...” อะไรกันมันจะให้ผมทำหมดนี่คนเดียวจริงๆเหรอ สมุดการบ้านตั้งหลายเล่มแถมแต่ละวิชายากๆทั้งนั้น ผมเองก็ใช่ว่าจะทำเสร็จเหมือนกัน
“ถ้าเมิงทำไม่เสร็จเจอดีแน่” บอลยื่นคำขาด ร่างสูงโน้มตัวลงให้จ้องดวงหน้าหวานก่อนจะยักคิ้วเย้ยคนตัวเล็กที่นั่งไหล่ห่ออยู่ตรงหน้า
ภายในห้องที่เงียบสงัดปราศจากผู้คน ก็ใช่สิ นี่มันเวลาพัก แต่ผมกลับต้องมานั่งทำการบ้านงุดๆให้ไอ่บอล ดูมันใช้ผมอย่างทาส ถ้าไม่ติดว่ามันเคยช่วยผมไว้นะ
“เชี่ยเอ๊ย” มือเล็กทุบโต๊ะแรงระบายโทสะที่ซ้อนอยู่ภายในออกมาอย่างบ้าคลั่ง
จนในที่สุดก็ถึงคาบเรียนตอนบ่าย ผมชวดโอกาสกินข้าวเที่ยง แต่งานที่กองสูงอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องข่มความหิวเอาไว้ก่อน โชคยังดีที่ผมนั่งอยู่หลังห้อง เลยแอบทำการบ้านใต้โต๊ะได้สบายหน่อย วันนี้ครูสอนอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเลยสักวิชา แต่ถ้าการบ้านไอ่บอลไม่เสร็จผมต้องตายอย่างเขียดแน่ๆ
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเบาราวกับกระซิบดังมาจากข้างหลัง ไม่รู้ไอ่เกี๊ยวมันทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะตั้งแต่เที่ยงแล้ว ผมไม่เห็นมันไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยสิ (โอมคิด) ร่างสูงแอบมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดด้วยความสงสัย
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น พร้อมกับร่างกายที่อ่อนล้าของผมมันอยากจะพักเต็มที เหลืออีกแค่ไม่กี่หน้าผมก็เอาไปส่งครูได้แล้ว ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไรแต่ดูเหมือนภายในห้องจะเงียบลงทุกที
มือเล็กขีดเขียนบางสิ่งบางอย่างลงไปในสมุด ลมเย็นๆพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องที่เงียบงัน เสียงลมแผ่วเบาเหมือนจะกล่อมให้กับคนที่นั่งอยู่ นัยน์ตาสวยดำดิ่งสู่ความมืดมิดในที่สุด เปลือกตาที่ปิดสนิทกับเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะ สมุดหนังสือมากมายเปิดกว้างกระจายเต็มโต๊ะ
ใครบางคนกำลังทิ้งตัวนั่งข้างๆร่างบางที่นอนหมอบอยู่บนโต๊ะอย่างช้าๆ ราวกับว่ากลัวคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาซะยังงั้น
นิ้วมือเรียวเกลี่ยปอยผมที่ตกมาบดบังดวงหน้าสวยขึ้นเผยพวงแก้มเนียนที่แดงระเรื่อ กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวเล็กทำให้ริมฝีปากเรียวเผลอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ดวงหน้าคมเคลื่อนเข้าไปหาคนที่นอนอยู่เรื่อยๆ จนได้ยินเสียงหายใจของเกี๊ยวดังข้างๆหู ภายในใจกลับตื่นเต้นจนเกินกว่าจะบรรยาย คนตัวสูงจุมพิตริมฝีปากบางแผ่วเบา ริมฝีปากนุ่มนิ่มทำให้ร่างสูงเตลิดไปไกล ในใจมันล่องลอยเหมือนกับจะบินได้ สัมผัสที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันหวานหอมยิ่งกว่าสิ่งใด
“งืม” รสจูบที่เนิ่นนานต้องจบลง เพราะดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะเริ่มรู้สึกตัว ร่างสูงผละออกจากริมฝีปากบางอย่างน่าเสียดาย
“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว เมิงมานอนอะไรตรงนี้” คนตัวสูงเปลี่ยนสีหน้า พยายามข่มทำตัวให้เป็นปกติ มือหนาก็พลางเขย่าตัวคนที่นอนหมอบซะเกือบตกเก้าอี้
“หืม” เสียงหวานงัวเงียอยู่ในลำคอ มือเล็กขยี้ตา ผมยุ่งๆที่ดูน่ารักไปอีกแบบทำให้คนที่ยืนอยู่รีบชักมือกลับมา ดวงหน้าคมดูตื่นๆเล็กน้อย
“แมร่ง เมิงจะกลับบ้านมั้ยเนี่ย” ไอ่เชี่ยที่ไหนมันมาปลุกผมเนี่ย คนกำลังนอนได้ที่
“ชริปหายแล้ว” คนตัวเล็กตะโกนลั่น ผมยังไม่ได้ไปส่งการบ้านให้ไอ่บอลเลย ผมกวาดสมุดที่กองอยู่บนโต๊ะก่อนจะสะพายกระเป๋าวิ่งไปห้องพักครู
ผมเกือบส่งการบ้านไม่ทันแน่ะ เพราะคุณครูก็กำลังจะกลับบ้านพอดี แล้วผมก็ต้องรีบวิ่งขึ้นรถนักเรียนที่กำลังจะออกไปอย่างฉิวเฉียด ถ้าไอ่โอมไม่ปลุกผม ผมคงนอนยาวจนถึงเช้าแน่ๆเลย ก็บรรยากาศมันน่านอนนี่หว่า แล้วผมก็ต้องไปนั่งข้างๆไอ่บอลเหมือนเดิม
“หายหัวไปไหนมาว่ะ แล้วส่งการบ้านให้กูยัง” กูก็หายหัวไปทำการบ้านให้เมิงนั่นแหละ
“เออ” คนตัวเล็กตอบสั้นๆ แถมเอาแต่ส่งสายตาเคืองๆไปให้ร่างสูงที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักเท่าไร
ผมชอบอากาศแบบนี้จัง ไม่ร้อนไม่หนาว กำลังเย็นๆสบาย แสงอาทิตย์ตอนเย็นในช่วงปลายปีแบบนี้ ถ้าตัดไอ่บอลไปนี่ชีวิตผมคงจะเจริญขึ้นไม่น้อยเลย
“มองหน้าหาแป๊ะเมิงเหรอ” ไอ่บอลด่าผมไม่พอตบท้ายได้การตบหัวผมอีก 1 ที เออ...กูไม่มองก็ได้ว่ะ
ผมก็เลยเปลี่ยนความสนใจมาที่ไอ่โยที่มันนั่งข้างๆผม ปกติมันเจอผมมันก็จะทักผมตลอดแต่วันนี้มันนั่งเงียบก้มหน้าก้มตาเล่นเกมบอยของมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมก็เลยขอส่วนกุศลจากมันด้วยคน แค่ได้ดูมันเล่นก็มันส์แล้ว อย่างผมคงไม่มีปัญญาเล่นเกมแพงๆเหมือนมันได้ เจียมตัว
“ซ้ายๆ เออๆ ยังงั้น” ไอ่โยมันเล่นเกมแข่งรถจนผมเผลอออกเสียงเชียร์อย่างไม่รู้ตัว
ผมกำลังลุ้นจนตัวเกร็งอยู่ข้างๆไอ่โย ก็มันเล่นหวาดเสียวทำเอาหัวใจผมตกไปอยู่ตาตุ่มหายครั้ง แต่มันเล่นเก่งจนผมนับถือจริงๆ ความรู้สึกร้อนๆที่ต้นคอผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ผมกำลังสนใจเกมที่อยู่ในมือของไอ่โยมากกว่า
“เห้ย ไอ่เกี๊ยวถึงบ้านเมิงแร่ะ จะลงมั้ย” ไม่พูดเปล่าไอ่โอมคว้าคอเสื้อผมติดมือมันไปด้วย
“เออๆ รู้แล้วน่า” ทำไมผมต้องมีบ้านใกล้ไอ่เชี่ยโอมด้วยก็ไม่รู้ ส่วนไอ่บอลก็จ้องหน้าผมเขม็งเลย ถ้าตาผมไม่ฝาดผมเห็นมันหน้าแดงด้วยนี่หว่า ไม่ทันที่ผมจะได้ล่ำลาไอ่โย ก็ถูกไอ่โอมลากลงรถซะแร่ะ
“ไปนะเว้ย” ผมตะโกนบอกไอ่โย
“พรุ่งนี้เจอกัน” ไอ่โยตะโกนกลับมา พร้อมกับโบกมือให้ผมทั้งๆที่มันยังไม่ละสายตาจากเกมในมือ
ผมจัดคอเสื้อที่ยับยู้ยี้ให้เข้ารูป แล้วผมก็แกล้งเดินเหยียบเท้าไอ่โอมแรงๆ 1 ที ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าบ้านอย่างเดียวมันก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้ว
“ร้ายจริงๆเลยนะเมิงเนี่ย” โอมบ่นกับเอาตัวเอง ขาเรียวยกเท้าข้างที่โดนเหยียบขณะที่มือหนากุมเท้าตัวเองโดดหย่องๆไปทั่ว ดวงหน้าคมแหยเกเพราะความเจ็บ
หลังจากผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากินยา พอหัวตกถึงหมอนบุบผมก็แทบจะหลับทันที คนป่วยก็ต้องการพักผ่อนสิครับ ผมไม่ได้อู้งานนะเออ
อะไรบางอย่างทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเอง ตอนนี้มันก็ยังไม่เช้านี่หว่า มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายเท้าของผม ผมมองเงาตะคุ้มๆนั่นด้วยใจระทึก แสงจันทร์นวลสีเหลืองผองที่สาดส่องผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นเลือนลาง นี่ผมโดนผีหลอกเหรอเนี่ย เงามืดๆนั่นคลานเข้ามาใกล้ผมทุกที
ผมรีบหลับตาคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม มือไม้ก็ไหว้พลางสวดมนต์ไม่เป็นคำ เนื้อตัวสั่นไปหมดเพราะความกลัวแถมเหงื่อที่ออกท่วมตัว... สักพักผ้าห่มผมก็ถูกดึงออก
“นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ ...” ผมไหว้ทั้งที่หลับตาปี๋ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยแล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้นะครับ
“เกี๊ยว” เสียงทุ้มที่เย็นเยือกเรียกชื่อผม ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก
“อ้าว ไอ่เชี่ยบอลเมิงเข้ามะ...” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ จู่ๆไอ่บอลก็พุ่งเข้ามาจูบผม ลิ้นสากๆที่วนเวียนอยู่ภายในปากของผมเหมือนกับตอนนั้นที่มันช่วยผมตอนผมจมน้ำ
ร่างสูงคร่อมทับร่างบางไว้ข้างใต้ มือหนาสอดเข้าไปสัมผัสความอบอุ่นใต้เสื้อเชิ้ตผืนบางที่ปกปิดเรือนร่างของอีกฝ่าย เสียงครางเบาของคนตัวเล็กเหมือนจะยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของอีกฝ่าย นิ้วมือเรียวบดขยี้เม็ดทับทิมด้วยอารมณ์ที่พุงพล่าน
“เมิง จะ ทำ อะ ไร น่ะ แฮ่กๆ” เสียงหอบแรงพร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยกระเส้าเบา มือเล็กพยายามผลักคนตัวสูงที่ทาบทับตนอยู่ด้วยแรงอันน้อยนิด
“เฉยๆไว้เหอะน่า” ร่างสูงกระซิบที่ข้างๆหูของอีกฝ่ายก่อนจะเม้มติ่งหูเล็กๆ ลิ้นสากเลียปนดูดเม้มสลับกันไปที่ซอกคอขาวๆ
“อะ อย่า หยุด กู ขอ ...” มือเล็กปัดไปมา บอลใช้มือบีบคลึงที่สะโพกนุ่มนิ่ม พลางบดเบียดความเป็นชายของตัวเองเข้าไปหาอีกฝ่าย อีกมือก็ช้อนท้ายทอยคนตัวเล็กให้เอียงรับรสจูบที่เร้าร้อน เสียงหายใจหอบดังระงมไปทั้งห้อง
ร่างกายของทั้งสองเหมือนจะแนบชิดรวมกันเป็นเนื้อเดียวมีเพียงเสื้อผ้าบางๆที่กั้นระหว่างทั้งสองเท่านั้น บอลจัดการถอดเสื้อผมออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ความรู้สึกเย็นวาบจากบรรยากาศภายนอกถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากร่างกายอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนให้ความอบอุ่นด้วยกัน
“อ๊ะ อย่า” ร่างบางอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร มือหนาที่กำลังสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกแถมยังน่ารักเหมือนเจ้าของอีก
เกี๊ยวเบียนหน้าหนี พวงแก้มเนียนแดงกร่ำด้วยความอายกับคำขอร้องที่ไม่เป็นผล ริมฝีปากเรียวดูดเม้มไปทั่วหน้าอกเล็กที่แอ่นรับความเสียวซ่านอย่างรู้ความ
“อ๊ะ อ๊า แฮ่กๆ” ความรู้สึกที่พุงพล่านทำให้คนตัวเล็กควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป ความปรารถอย่างแรงกล้าเข้ามาแทรกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจนหมดสิ้น
ริมฝีปากบางกลับถูกประกบครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่สามารถท้วงออกมาได้ มีเพียงเสียงครางอู้อี้ในลำคอ
“บอล กู ไม่ ไหว แล้ว” คนตัวเล็กเรียกชื่อผู้กระทำอย่างเว้าวอน นิ้วเรียวจิกที่ส่วนปลายเบาๆจนร่างบางกระตุกและปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาเปรอะเต็มมือแกร่งในที่สุด
คนตัวเล็กหอบแรงอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรมาก บอลมองดูร่างบางพร้อมกับกรีดยิ้มอย่างไร้ความหมาย แผงตาคู่สวยปิดลงอย่างช้าๆ ภาพที่บอลกำลังเลียนิ้วมือเลอะๆของตัวเองเลือนลางอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจก่อนที่ความคิดของผมจะลอยเคว้งไปไกล
เสียงรถเก็บขยะที่ดังในตอนเช้าปลุกให้คนที่หลับใหลตื่นขึ้น เกี๊ยวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะหาววอด เป็นครั้งแรกที่ผมตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
“เฮ๊ย...” ร่างบางร้องเสียงหลงเพราะกางเกงที่เปียกชื่นของตัวเอง นี่ ผะ ผมเยี่ยวรดที่นอนเหรอเนี่ย แล้วทำไมฉี่มันถึงขาวๆหว่า สงสัยจะแห้งแล้วมั้ง อึย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
ร่างบางอาบน้ำอย่างลวกๆ ก่อนจะรีบหอบที่นอนไปตากไว้หลังบ้าน ถ้าเรื่องที่ผมฉี่รดที่นอนรู้ไปถึงหูพวกไอ่บอล มันคงโดนล้อไปตลอดชาติแน่ๆ ผมก็เลยต้องโกหกแม่ไปว่าที่นอนมันเหม็น ไม่ได้โกหกน้า... ก็ที่นอนมันเหม็นเพราะฉี่ประหลาดผมจริงๆนี่นา
เมื่อคืนเหมือนผมจะฝันอะไรบางอย่างแต่ผมก็จำไม่ได้ว่าฝันถึงอะไรเหมือนกัน พยายามคิดเท่าไรๆมันก็คิดไม่ออกสักที ผมนั่งคิดจนกระทั่งรถโรงเรียนมาจอดอยู่หน้าบ้านผม ต้องเจอหน้าไอ่โอมกับไอ่บอลพร้อมๆกันแต่เช้า รู้งี้ผมนอนตื่นสายแบบเดิมก็ดีหรอก
“จะไปมั้ยโรงเรียนน่ะ” ไอ่บอลตะโกนถามผมเพราะผมทำท่าเหมือนจะไม่ขึ้นรถ เสียงไอ่บอลดุทำเอาผมสะดุ้ง แถมยังรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอีกด้วย เป็นห่าอะไรอีกว่ะเนี่ยกู
ผมไปนั่งข้างๆมันเหมือนเคย ไม่รู้เพราะอะไรทำให้ผมรู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้มัน ผมเลยนั่งหันหลังให้มันทำเป็นว่าดูไอ่โยเล่นเกมแต่ที่จริงผมไม่กล้ามองหน้ามัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมกลัวมันขนาดนี้
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙