พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: tanuki ที่ 15-04-2009 16:15:51

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 15-04-2009 16:15:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ยังจำภาพยนตร์ที่ตราตรึงในใจของใครหลายๆคนได้รึเปล่าครับ ? "แฟนฉัน" แล้วมันเกี่ยวไรกะเรื่อง "คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม" อยากรู้ ? อยากรู้ก็อ่านสิคับ ไม่อ่านแล้วจะรุ้มั้ยว่ะนั่น (ตูจะชวนคนอ่านเค้างงทำไม)  o13 ตั้งหัวข้อไว้ว่าเรื่องสั้นแต่ทำไมเจือกยาวงี้ฟ่ะ เหอะๆ ชอบ ไม่ชอบ ยังไงก็อย่าลืมชี้แนะผมด้วยนะคร๊าบ...

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ...

 

  ถึงเสียงนาฬิกาปลุกจะดังลั่นไปสามบ้านเจ็ดบ้าน ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อคนที่นอนหราอยู่บนเตียงได้เลยแม้แต่น้อย เผลอๆจะถูกขว้างออกไปนอกหน้าต่างซะด้วยซ้ำ เด็กชายยังคงแน่นิ่งอยู่ท่าเดิมต่อไปจนเสียงนาฬิกาปลุกเงียบไปเอง

 

   รถนักเรียนสีเหลืองเกือบหมอง มีสนิมขึ้นเล็กน้อย มาหยุดอยู่หน้าตึกแถวชั่วอึดตดหายเหม็น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะใช้บริการ เด็กชายหน้าตาหล่อเหลาก้าวขึ้นรถก่อนที่มันจะออกตัวเหลือไว้เพียงกลุ่มควันที่เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน

 

“เกี๊ยววว~!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากปลายเตียง ถึงมันจะดังสู้เจ้านาฬิกาปลุกของผมไม่ได้ ทำเอาเจ้าของชื่อที่กำลังนอนคว่ำหน้าแผ่อยู่บนเตียงอย่างมีความสุขวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

 

“ไอ่ลูกคนนี้ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน ตอนแม่เป็นเด็กไม่เห็นจะขี้เกียจขนาดนี้เลย มันไปได้เชื้อขี้เกียจจากใครมาเนี่ย ฉอดๆๆๆ” เสียงบ่นของผู้เป็นแม่เริ่มขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้ซึมซับเข้าไปในสมองของเด็กชายที่ชื่อเกี๊ยวเล้ย

 

   แสงแดดที่สาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องร่ำไรบอกให้รู้ว่าเลยเวลาตื่นนอนมามากแล้ว เด็กชายใช้ขันตักน้ำราดตั้งแต่หัวหนึ่งขัน ก่อนจะตักอีกขันเต็มๆรดช่วงไหล่ลงมาอีกที มือเล็กจับสบู่ถูตามลำตัวของตนเองอย่างลวกๆ ต่อด้วยน้ำประปาเต็มๆขันล้างฟองสบู่ออกจากตัว ชุดนักเรียนถูกสวมใส่ได้ไม่ยากนักในเวลาที่มีจำกัด

 

“พ่อๆ เร็ว เดี๋ยวไปไม่ทัน” เสียงที่ดูรีบร้อน เร่งเร้าผู้เป็นพ่อที่กำลังเข็นมอเตอไซด์คันเก่าออกประตูบ้านอย่างทุลักทุเล

 

“เป็นยังงี้ทุกที ตื่นสายแล้วก็มาเร่งพ่อแต่เช้า” เสียงผู้เป็นพ่อบ่นเป็นกระสัย ขณะสตารทรถคู่ใจที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่สมัยพ่อแกยังหนุ่ม

 

“ไปๆ” พ่อเอ่ยแบบไม่สบอารมณ์นัก

 

“เร็ว พ่อ เร็ว” ร่างบางกระโดดซ้อนท้ายอย่างชำนาญ ก่อนที่รถมอเตอไซด์จะออกตัวไปตามเส้นทางอย่างใจเย็น

 

     กระแสลมที่พัดผ่านมาปะทะกับดวงหน้าหวานตามความเร็วของรถที่แล่นไปข้างหน้า ริ้วคิ้วบางที่เริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความร้อนใจ ทางที่พ่อพาผมมามันไม่ใช่ทางไปโรงเรียน แต่มันเป็นทางลัดไปหารถโรงเรียนต่างหาก รถมอเตอไซด์คันเก่าแล่นออกมาจากซอยเล็กๆขับมาเลียบคูคลองที่เทศบาลขุดเอาไว้ แต่ก็ยังช้ากว่ารถโรงเรียนที่ยังนำหน้าอยู่อีกฟากของรถพ่อผม

   ผู้เป็นพ่อเร่งความเร็วขึ้นอีก ก่อนจะเลี้ยวรถข้ามสะพานไม้เล็กๆ รถสองคันที่เก่าไม่แพ้กัน จะต่างกันตรงที่ขนาดและจำนวนล้อขับไล่ตามกันจนทัน รถที่ขับนำอยู่ค่อยๆหยุดเหมือนจะรู้หน้าที่ เด็กชายรีบลงจากรถมอเตอไซด์ มือเล็กยกมือไว้ผู้เป็นพ่อลวกๆก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถนักเรียน

 

“เฮ๊ย ดูดิ ไอ่เกี๊ยวมันจ่ายค่ารถครึ่งเดียวรึไงว่ะ ถึงได้มาขึ้นรถกลางทางทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยปนหัวเราะกับเด็กในสังกัดของมันอีกสองคนที่นั่งเรียงกันเต็มเบาะหลัง นั่นหัวหน้าเผ่าไอ่บอลแม่มันเปิดร้านขายของชำเด็กฝังตลาด ส่วนไอ่เตี้ยผิวขาวหน้าตาดีหน่อยชื่อโยลูกคุณกิมจ๊อเจ้าของร้านทองในตลาด ในมือมันคงจะเป็นเกมบอยรุ่นล่าสุดที่ผมไม่มีวันได้แตะ ไอ่แห้งนี้ก็อีกหนึ่งคนในสังกัดของไอ่บอลมัน หน้าตาตี๋ๆเชื้อสายจีนคงเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ่เคนลูกเจ้าของกิจการส่งน้ำแข็ง

 

  ส่วนไอ่เห่ยที่ยืนอยู่ตรงนี้คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร ส่วนสูงที่ต่ำกว่าเกณฑ์ตามมาตรฐานเด็กไทย หน้าตาสวนกระแสตัวแห้งๆผิวขาวผิดกับพ่อแม่ที่ไม่ขาวมาก ผมยังสงสัยว่าพ่อแอบไปกุ๊กกิ๊กกะคนข้างบ้านรึเปล่า หน้าตาถึงไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่สักกะอย่าง แต่พ่อก็ยังยืนยันว่าคิ้วผมเหมือนปู่หน่อยหนึ่ง พ่อผมเป็นเจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายต่อหลายรุ่นจนผมจำไม่ได้แล้ว ชื่อผมเลยไปคล้ายไอ่เกี๊ยวหมาของอาเฮียร้านข้างๆแบบไม่ได้ตั้งใจ ถึงผมจะเกิดทีหลังมันก็เหอะ ผมแกล้งมันทุกวิถีทางภาวนาให้มันตายเร็วๆ ใช่ว่าผมเป็นพวกใจบาปชอบฆ่าสัตว์ แต่ที่ผมโดนล้อมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมัน (แค้น)

 

ผมมองทีว่างข้างๆไอ่บอลเหมือนเจอลูกชิ้นปิ้ง 10 ไม้ไม่ก็ปาน จะให้ทนยืนจากนี้กว่าจะไปถึงโรงเรียนก็อีกหลายสิบโล มีหวังขาชากันพอดี แถมไปถึงยังต้องไปเข้าแถวอีก ที่นั่งในตอนนี้เลยเหมือนสินค้าลดราคาที่ค้างสต๊อกจะมีคนฆ่ากันตายเพราะแย่งกันซื้อของชิ้นเดียว

 

“ตรงนี้มีคนนั่งแล้วเว้ย” ไอ่บอลรีบเอากระเป๋านักเรียนของมันมาวางตอนเห็นว่าผมทำท่าว่าจะนั่ง

 

“บอล เมิงจองให้ใครนั่งว่ะ” ไอ่คุณชายโยเงยหน้าจากเกมกดในมือของมันมองลูกพี่อย่างไม่เข้าใจ

 

“เออ กูบอกว่ามีก็มีแล้วกัน” เสียงทุ้มที่แหบพร่าของเด็กวัยแตกเนื้อหนุ่มเอ่ยดัง จะไม่ให้มันตัวโตกว่าผมได้ไง ก็มันเล่นซ้ำชั้นมา 2 ปีแล้วนี่นา ตัวสูงปานยอดมะพร้าวกับแรงควายทึกๆอย่างมัน แค่สะกิดผมนิดเดียวก็รู้ผลแล้ว ผมเลยไม่อยากไปมีเรื่องกะมันเท่าไร

 

“ก็ให้มันนั่งๆไปเหอะ ถือว่าสงสารลูกหมามัน” น้ำเสียงนิ่งเรียบของไอ่เคนทำเอาผมเดือด มันพูดทั้งๆที่ไม่หันหน้ามามองด้วยซ้ำ สงสัยมันอยู่กับน้ำแข็งมากเกินไปถึงได้เย็นชาและก็ไร้ความรู้สึกแบบนี้ มือเล็กกำข้างลำตัวแน่นพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านด้วยโทสะผิดกับอากาศเย็นๆของเช้าที่สดชื่น

 

“หึหึ เพราะเมิงทำให้พวกกูต้องเข้าแถวสายทุกวัน กูไม่ให้เมิงนั่งใครจะทำไม” ดวงหน้าคมกรีดยิ้มอย่างมีชัยเยาะเย้ยคนตัวเล็กโดยมีคุณชายโยหัวเราะเป็นกำลังหนุนร่างสูง ส่วนไอ่เคนได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้มันดูอะไรนักหนา แค่พวกมันกระดิกตัวผมก็อยากจะเข้าไปซัดหน้าพวกมันให้หายซ่าสักหมัดสองหมัดโดยเฉพาะไอ่บอล!!!

 

  เป็นไงเป็นกันไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกันว่ะ ถ้าขืนผมยังยืนตรงนั้นต่อไปมีหวังผมได้แลกหมัดหรือไม่ก็กินหมัดกับมันแต่เช้าแน่ๆ เสียงหัวเราะดังไล่หลังผมสักพักจนพวกมันเลิกสนใจผมกันไปเอง

 

   และแล้วสวรรค์ก็เข้าข้างผม ข้างหน้ามีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง ผมรีบตรงรี่ไปเหมือนกับว่าจะมีใครมาแย่งไม่ใช่ก็ใกล้เคียง แต่ไอ่สิ่งที่ทำผมเกือบสะดุดก็ไอ่คนที่นั่งตรงนั้นมันเป็นอีกคนที่ผมไม่อยากเจอพอๆกะไอ่บอลกะลูกสมุนของมัน ไอ่โอมลูกเจ้าของร้านขายพระเครื่อง หน้าตาหล่อเหลา หุ่นนักกีฬา นิสัยนิ่งๆเงียบๆแต่ก็แสบใช่ย่อย ตอนเด็กผมยังจำได้อยู่เลยว่ามันนั่นแหละเป็นคนริเริ่มเรียกชื่อไอ่เกี๊ยว(หมาร้านอาเฮียที่อยู่ตรงกลางระหว่างร้านบะหมี่พ่อผมกะร้านพระเครื่องของพ่อมัน)ทำให้ผมเข้าใจผิดบ่อยๆว่ามันเรียกผม ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าพ่อผมไปอุดหนุนพระเครื่อง(จาตุคาม)จนเป็นเพื่อนสนิทกันพ่อมันก็มากินบะหมี่เกี๊ยวร้านผมบ่อยๆ แถมร้านยังติดกันแค่คูหากั้นกลาง ทำให้ผมต้องเจอหน้ามันทุกวัน ผมงี้แทบจะบ้าตาย ผมเคยลองทำดีกะมันหลายทีเพราะว่าเด็กผู้ชายฝังศาลเจ้าก็มีแต่ผมกับมันเนี่ยแหละ สุดท้ายไม่วายที่ผมไม่มีใครคบจนได้ ส่วนมันน่ะเหรอแค่อยู่เฉยๆที่บ้านพวกเด็กฝังโน้น(ฝังตลาด)ก็แทบจะเอาราชรถมานิมนต์ขอให้มันไปเล่นบอลด้วยถึงบ้าน

 

“มีใครนั่งป่าวว่ะ” ผมถามมันก่อน ถึงผมจะไม่อยากนั่งข้างๆให้มันเสียราศีแต่ขาผมมันเรียกร้องเต็มที

 

“...” ไอ่นี่มันกวน... ถามแล้วก็ไม่ตอบ มองหน้าไม่เคยเห็นคนรึไงว่ะ แมร่ง มีไม่มีผมก็จะหน้าด้านนั่งแร่ะ

 

“ใครบอกให้นั่ง” เอ๊ะ ไอ่นี่ตอนถามก็ไม่บอก ทีจะนั่งเสือกมีอารมณ์มากวนอีก

 

“...” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเงียบบ้าง แล้วผมนั่งเบียดกะมันจนถึงโรงเรียน

 

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เวลา 8 นาฬิกา ประเทศ...

 

   เสียงเพลงที่คุ้นเคยทุกเช้าดังขึ้นพร้อมกับรถโรงเรียนที่เข้ามาจอดในโรงเรียนอย่างเฉียดฉิวพอดี นักเรียนที่ต่างตาลีตาเหลือกรีบเข้าไปอยู่ในแถวตามชั้นของตัวเองอย่างกระหืดกระหอบ ไอ่คนเตี้ยๆอย่างผมก็ต้องไปอยู่ข้างหน้าอยู่แล้ว ยังดีที่ผมสูงไล่เลี่ยกับไอ่คุณชายโย แต่ไหงผมได้ยืนอยู่หน้ามันทุกที

 

  เมื่อกิจกรรมยามเช้ากลางแสงแดดเสร็จ นักเรียนก็แยกย้ายเข้าห้องเรียนเพื่อเรียนตามปกติ หลังจากที่เพียรพยายามมาสองปีเต็มผมก็เรียนตามไอ่บอลทันจนได้มาอยู่ห้องเดียวกับมันเนี่ยแหละ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี

 

“ไอ่โย เมื่อเช้ากูเห็นโคนันตอนใหม่ในกระเป๋าเมิง เอามาอ่านดิ” ร่างสูงเอ่ยกับลูกสมุนของตนแกมสั่ง

 

“เฮ๊ย เดี๋ยวครูมาแล้วตอนกลางวันค่อยอ่าน” ไอ่โยตอบปัดไป เพราะไม่ค่อยอยากให้ไอ่บอลยืมเท่าไร

 

“ไอ่เคนวันนี้มีเสบียงไรมั้งว่ะ” เมื่อไอ่คนข้างๆไม่ได้ดั่งใจ ร่างสูงจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาคนที่นั่งข้างหลังตน

 

“...” เคนไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยื่นขนมสองสามซองใส่มืออีกฝ่าย ไอ่บอลก็ไม่ลังเลที่จะฉีดซองแล้วหยิบขนมที่อยู่ด้านในกระแทกปากไม่ยั้ง ไม่เข้าใจจริงๆบ้านมันก็ขายของชำแล้วทำไมต้องไปขอขนมจากไอ่เคนด้วย

 

“โห ไอ่บอลเมิงกินหรือว่าเมิงสูบว่ะเนี่ย ไหงหนมหมดไวงี้ว่ะ” ไอ่คุณชายโยเอ่ยขึ้นเพราะว่ามันล้วงเข้าไปในซองขนมที่ไอ่บอลถืออยู่แต่ข้างในมันโล่งยิ่งกว่าสนามหญ้าหน้าตึกซะอีก

 

“ก็เมิงมัวแต่เล่นเกมเอง ช่วยไม่ได้ เด็กกำลังโตเว้ย” จริงของมัน ไอ่คุณชายโยก็มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมใต้โต๊ะมัน ส่วนไอ่บอลเห็นมันสูบ เอ๊ย กิน เยอะขนาดนั้นหุ่นมันก็ยังเฟิร์มยังกะนักกีฬาสงสัยโดนแม่มันใช้ขนของเข้าร้านเยอะมั้ง

 

   แก๊งค์ไอ่บอลนั่งอยู่แถวหน้าได้ข่าวว่าปีนี้มันจะตั้งใจเรียนแล้วเลื่อนชั้นให้แม่มันภูมิใจให้ได้ ผมก็ขอให้มันทำได้จริงๆเหอะ ส่วนผมก็เลยต้องอพยพลงใต้มานั่งหลังห้อง ขืนเสนอหน้าไปนั่งใกล้ๆบาทามันมีหวังไม่รอดกลับบ้านแน่ๆ ถึงไอ่คนที่มันนั่งอยู่หน้าผมจะเป็นไอ่โอม คนที่ผมไม่ค่อยถูกโรคด้วยเท่าไรก็เถอะ

 

“Good morning นักเรียนทุกคน” เสียงอาจารย์ประจำวิชาที่ผมเกลียดที่สุดเดินเข้ามาห้อง ไอ่บอลนี่แทบยัดขนมไว้ใต้โต๊ะไม่ทัน แต่หลักฐานบางส่วนมันยังทำลายไม่หมด สังเกตได้จากปากของมันที่เคี้ยวตุ้ยๆอยู่

 

“Good morning teacher” เสียงนักเรียนในห้องพร้อมใจพูดพร้อมกัน ยานเนิบตามต้นฉบับที่ครูท่านอุตส่าห์สั่งสอนมา

 

“How are you?” คุณครูที่อายุแก่กว่าแม่ผมหลายสิบปีกล่าวแต่สำเนียงมันเพี้ยนๆไปเยอะเลย

 

“I’m fine thank you and you?" คราวนี้ประโยคยาวกว่าเดิมทั้งยานทั้งเนิบกว่าเก่า

 

“I’m fine. Sit down please” เสียงเลื่อนเก้าอี้เอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น สมุดถูกเปิดพร้อมที่จะถูกขีดเขียนลงไป

 

“วันนี้เราจะเรียนเรื่อง present simple tense กันนะ” คุณครูเปิดหนังสือในมือ ก่อนจะขยับแว่นเหมือนกำลังจะจับผิดใครบางคนในห้อง

 

“ปิ๊ง ป่อง ประกาศ อาจารย์เกศินี อาจารย์วันเพ็ญ อาจารย์วิชิต ขอเชิญประชุมพร้อมกัน ณ ห้องประชุมเวลานี้ด้วย ประกาศ...” เสียงประกาศที่ดังก้องทั่วทั้งโรงเรียน ใครล่ะจะไม่ได้ยิน บังเอิญที่ว่าชื่อที่ประกาศตรงกับชื่ออาจารย์ที่เพิ่งเข้ามาในห้องผมไม่ถึง 5 นาทีก่อนหน้านี้

 

“เอ่อ ครูต้องไปประชุม ให้นักเรียนอ่านหนังสือกันไปก่อนนะ” อาจารย์ยิ้มแห้งๆแต่ดูน่ากลัวพิลึก

 

“ภาณุคอยจดชื่อเพื่อนที่คุยกันแล้วเอามาส่งครูนะ” คุณครูยืนสั่งเสียอยู่กับไอ่บอลศิษย์รักที่เจอหน้ากันมาตลอดสองปี (ปีนี้จะเป็นปีที่สาม)

 

“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะและดินสอติดมือมาอีกหนึ่งแท่ง

 

   อาจารย์รีบเดินจากไปเพราะการประชุมที่มาได้ถูกเวลาจริงๆ

 

“เฮ๊ย ไอ่โยกูขอเล่นมั้งดิว่ะ” ไม่ทันที่ไอ่คุณชายโยจะทันได้พูดอะไร รู้ตัวอีกทีเกมบอยรุ่นล่าสุดที่แม่มันซื้อให้ก็ไปอยู่ในมือของไอ่บอลเรียบร้อยแล้ว

 

“อ้าว ไอ่เชี่ยบอล กูยังเล่นไม่เสร็จเอาม๊า” และแล้วสงครามเล็กๆระหว่างไอ่บอลกะไอ่คุณชายโยก็เริ่มขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว แค่ไอ่บอลใช้มือดันหัวไอ่โยไว้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมนั่งดูพวกมันเดี๋ยวทะเลาะเดี๋ยวดีกันจนน่าปวดหัว ไม่รู้มันอยู่กันได้ยังไง

 

“เกี๊ยวๆ” เสียงหวานๆของใครบางคนเรียกผมจากวังวนของตัวเอง

 

“มะ มีไรเหรอขิง” ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ จู่มันก็รู้สึกชาไปหมดทั้งตัวก็ขิง เด็กหญิงน่ารักหน้าตาจิ้มลิ้มที่ผมแอบหลงรักมาตั้งแต่ป.3 มาทักผมก่อน นี่มันไม่ใช่ฝันใช่มั้ย

 

“ขอยืมยางลบหน่อยได้มั้ย” เสียงแหลมเล็กที่ทำเอาผมใจสั่นทุกครั้ง

 

“ได้สิ” ผมรีบก้มไปควานหายางลบในกระเป๋าอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“อ๊ะ น...” (นี่ พูดไม่ทันจบ) ผมอยากจะจับไอ่โอมมาหักคอจิ้มน้ำพริกจริงๆเล้ย ก็ดูมันแย่งโอกาสทองของผมไปหน้าตาเฉย ผมมองไปทางมันอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่ดูมันไม่รู้สึกรู้สมอะไรสักนิด หนอย...ไอ่โอมจะดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้วนะเว้ย นอกจากจะชอบแกล้งผมมันยังเป็นมารหัวใจของผมอีก

 

  นัยน์ตาคู่หวานมองไปรอบๆโรงอาหารหวังจะหาที่นั่งดีๆสักที่ แต่ทำไมวันนี้คนมันเยอะขนาดนี้ฟ่ะ จะได้แดรกข้าวกันมั้ยวันนี้ หลังจากเดินวนไปวนมาหลายรอบ เกี๊ยวก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง (ประมาณว่า มีสปอตไลท์ส่องเก้าอี้ตัวนั้นท่ามกลางฝูงชน) จะได้กินข้าวแร่ะโว้ย (มีน้ำตาเล็ด)

โครมมม~!!

"โอ๊ยย"  ไม่ทันจะได้นั่ง ผมก็ล้มก้นจ้ำเป้าไปกองอยู่ที่พื้นแร่ะ ไอ่หน้าไหนไม่รู้ดึงเก้าอี้ตอนที่ผมกำลังจะนั่งพอดี แต่ที่แน่ๆคนทั้งโรงอาหารมองมาที่ผม แถมยังหัวเราะเยาะ ผมก็ได้แต่เอามือปัดก้นอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองหาตัวการที่มันปองร้ายผม

"ไอ่เชี่ยโอม" ผมพูดเบาๆอยู่ในลำคอ ทั้งแค้นทั้งเจ็บ หิวก็หิว

"เอาเก้าอี้กูมา" ร่างบางเอ่ยหนักแน่น สายตามองร่างสูงอย่างไม่พอใจ

"เก้าอี้ของเมิงเหรอ ไม่เห็นมีชื่อเลยนี่"  ไอ่โอมมันพูดหน้าตาเฉย แถมยังทำท่าพลิกเก้าอี้ไปมา เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง

"ก็กูมาก่อน กูจะนั่งตัวนี้ เอาม๊า" คราวนี้ผมฉวยโอกาสตอนที่มันเผลอกะจะดึงเก้าอี้ออกมาจากมือมัน

"ไปหาตัวอื่นนั่งไป๊"  ไหงไอ่นี่มันแรงเยอะขนาดนี้ ดึงทีผมแทบจะลอยไปกับเก้าอี้เลย แต่ผมไม่ยอมแพ้มันง่ายๆหรอก

"ไม่เว้ย กูจะนั่งตัวนี้" ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดึงเก้าอี้พลาสติกอีกครั้ง

โครมม

"เฮ๊ย.." รอบที่สองของวันนี้ที่ผมไม่กองกะพื้น แต่คราวนี้มีเก้าอี้ที่ผมแย่งมาด้วยความยากลำบากอยู่ด้วย

"เฮ้อ อยากนั่งก็เชิญ" ร่างสูงเอ่ยอย่างเนือยๆ นี่ผมผิดด้วยเรอะที่อยากนั่งเก้าอี้กินข้าวกลางวันเนี่ย

"โอมๆ มานั่งตรงนี้ก็ได้" จะใครที่ไหนได้ ขิงกวักมือเรียกไอ่โอมออกนอกหน้าซะขนาดนั้น ผมไม่หล่อ ไม่หน้าตาดีอย่างมันก็แล้วไป

   มือเล็กกำช้อนในมือแน่นก่อนจะตักข้าวพูนๆยัดเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงลำพัง ก็ผมมันไร้คนคบอยู่แล้วนี่ มันก็ต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวยังงี้แหละ

  ไม่รู้ทำไมตลอดทางที่ผมเดินจะเอาจานไปเก็บ คนทั้งโรงอาหารมองผมแปลกๆแล้วก็หันไปหัวเราะคิกคักจนน่ารำคาญ เดินคนเดียวมันน่าขำตรงไหนฟ่ะ ซิบผมก็รูดแล้วนี่หว่า

"ฮ่าๆไอ่บอลเมิงดูก้นไอ่เกี๊ยวดิว่ะ" เสียงของไอ่คุณชายโยเอ่ยกับลูกพี่ของมัน ตอนที่ผมกำลังเดินผ่านสงสัยมันกลัวผมไม่ได้ยินก็พูดซะดังขนาดนั้น แล้วทำไมมันต้องมามองก้นผมด้วยเนี่ย

"ฮ่าๆๆ"  ไอ่บอลหัวเราะจนข้าวกระเด็นติดแก้มของไอ่คุณชายโยสองสามเม็ด ถ้าใครมองก้นผมแล้วหัวเราะขนาดนี้ ผมว่าผมจะลองไปสมัครเข้าคณะตลกกะเค้าดูบ้างแล้วแหละ

"เฮ๊ย" คนตัวเล็กร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา ก็ไอ่ขาวๆที่แบนติดหนืบกับกางเกงผมน่ะดิ หมากฝรั่งของใครว่ะ ไอ่ที่โดนหัวเราะน่ะไม่เท่าไร แต่เย็นนี้กลับบ้านไปผมโดนแม่บ่นอีกแน่ๆ ล้างเท่าไรมันก็ไม่ออกสักที ผมยังสงสัยว่ามันเป็นญาติฝ่ายไหนกับกาวตราช้างรึเปล่า

"บอกแล้วว่าให้ไปหาตัวอื่นนั่งก็ไม่เชื่อ"  ร่างสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะเผลออมยิ้ม

"ว่าไรนะโอม ขิงไม่ทันฟังง่ะ" เด็กหญิงแก้มแดงเอ่ยกับคนที่กำลังยิ้มจางๆ

"อ้อ ไม่มีไร" โอมแก้ตัว ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวของตัวเองต่อไป

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-04-2009 17:08:47
เขาบอกก็ไม่เชื่อ  :laugh:


+ เป็นกำลังใจให้นะ  ว่าแต่อย่าลืมเอากฎเล้าฯ เขามาแปะด้วยนะคะ

 :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 15-04-2009 17:19:06
มอบแต้ม+ ที่ 2 ให้เรื่องใหม่
**********
จะรอตอนต่อไปคร้าบบบ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Koa-ka ที่ 15-04-2009 17:49:46
สรีสวั๊สดีปี๋ใหม่ครับ

น่ารักดีๆ เรื่องสั้นมาต่อจบเร็วๆนะครับ
+1 ให้คนแต่ง (แอะ หรือคนโพส)

ขอบคุณและจะติดตามครับ
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: jokirito ที่ 15-04-2009 18:51:37
กฎบอร์ด กดปุ่มโมดิฟายแล้วย้ายไปไว้ก่อนเริ่มเรื่องจะดีกว่านะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: woradach ที่ 15-04-2009 18:55:48
อุ๊ย ฮิฮิ เรื่องใหม่มาลง มาเมนต์ให้แล้วนะครับ ท่าทางจามันส์มีศึกชิงนางล่วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 15-04-2009 19:08:32
มาลงชื่ออ่านเรื่องใหม่ด้วยคนครับผม  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: SecondaryTrauma ที่ 15-04-2009 19:57:32
[size=120] 
โถ ........................................................................................... ส้วม

ทำไมชีวิตนายเกี๊ยวถึงรันทดได้ถึงเพียงนี้  :m15: :monkeysad: :sad11:
 [/size]
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: wiwanana ที่ 15-04-2009 21:34:38
รู้สึกว่าพอร์ตของเรื่องมันคุ้นๆน่ะคร๊าบบบบ


อิอิอิอิอิอิ


ล้อเล่นน่า....ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย


แค่มีมาให้อ่านก็ดีแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 15-04-2009 21:45:56
 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่    :mc4:

จบแบบสมหวังน้า ไม่เอาเหมือนใน....
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 15-04-2009 22:26:24
 :mc4: ฉลองเรื่องใหม่ งิงิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 15-04-2009 22:36:03
ตอน 2 วันหยุดชิว o18

“มองหาไร” คำพูดกวนๆปลุดออกมาจากริมฝีปากของโอม คนที่นั่งอยู่มองคนที่ยืนค้ำหัวตัวเองอย่างท้าทาย

 

“อ๊าว จะกินไรก็รีบๆสั่งมาดิว่ะ ถ้าไม่กินก็ออกไปเลย” เกี๊ยวตะคอกเบาอย่างไม่พอใจ  :angry2:

 
“ผัดกะเพรา” เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆราวกับเป็นเรื่องปกติ


“นี้มันร้านขายบะหมี่เกี๊ยวว้อย อยากแดรกผัดกะเพราก็ไปหาที่อื่นเลยไป๊” คนตัวเล็กตะคอกอีกครั้ง แต่ยังคงรักษาระดับเสียงไว้ให้เบาเพียงแค่สองคนได้ยิน ขืนตะโกนดังมีหวังโดนด่า มีที่ไหนบ้างไล่ลูกค้ากลางวันแสกๆ

 

“อืม ก็รู้นี่แล้วยังจะถามอีกทำไม” ร่างสูงเอ่ยขณะที่สายตาจับจ้องที่หนังสือการ์ตูนในมือ

 

   ร่างบางแยกเขี้ยวนิดๆ มือเล็กกำแน่นแบบไม่สบอารมณ์ ทำไมผมถึงซวยยังงี้ จันทร์-ศุกร์เจอหน้ากันที่โรงเรียนไม่พอ ไหงมันชอบมารังควานถึงที่ไม่เว้นวันหยุดราชการแบบนี้ด้วยฟร่ะ  จะมีใครที่ไหนได้ซะอีกหล่ะ นอกจากไอ่โอม

 

“พ่อหมี่เกี๊ยวที่หนึ่ง” เด็กหนุ่มร่างบางเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ จะให้ทำไงได้เมื่อครอบครัวทีกิจการเป็นของตัวเอง บุคคลผู้เป็นลูกก็ต้องเตรียมตัวสืบทอดกิจการจากบรรพบุรุษต่อไป

 

“เช็คบิลโต๊ะสี่ด้วย” เสียงตะโกนดังตามหลัง แต่มันก็ยังดังไม่พอที่กลบเสียงอึกทึกในร้านได้ วันปกติคนก็เข้าร้านตลอดทั้งวันอยู่แล้ว ยิ่งเป็นวันหยุดแบบนี้ เรียกว่าแทบจะไม่ได้พักกันเลยทีเดียว

 

“60 บาทครับ” เกี๊ยวรับเงินจากลูกค้าก่อนที่จะลงมือเก็บกวาดถ้วยจานที่วางเกลื่อนตรงหน้า ผ้าชุบน้ำสีขาวถูกกดลงบนโต๊ะที่เลอะ สองสามรอบให้สะอาดพร้อมใช้เช่นเดิม

 

  ผู้คนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย ทำเอาคนตัวเล็กตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ พัดลมที่ติดอยู่ข้างฝาผนังก็ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้สักเท่าไร เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นที่ดวงหน้าเล็กๆ พวงแก้มสีชมพูแดงระเรื่อเพราะความร้อนผสมกับการที่ร่างบางวิ่งไปวิ่งมา ทั้งเสิร์ฟ ทั้งเก็บโต๊ะ งานสารพัดอย่างตกเป็นหน้าที่ของเด็กหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

“เอานี่ไปเสิร์ฟโต๊ะ 10” มือเล็กถือถ้วยบะหมี่ร้อนๆไว้ในมือ 4 ใบในคราวเดียวอย่างชำนาญ ใช้ว่ามันจะไม่ร้อน โครตร้อนเลยแหละ แต่สีหน้าของกลุ่มคนที่นั่งอยู่โต๊ะที่ว่านั้น ไม่ค่อยจะน่าพิสมัยเท่าไรนัก ผมยังสงสัยว่าลูกค้าส่วนใหญ่อดข้าวกันมา 3 วันก่อนจะมากินร้านผมรึไงก็ไม่รู้ ก็อย่างว่าแหละครับ ร้านผมมีทั้งขาประจำและขาจร จะให้สั่งแล้วได้เลยมันคงเป็นไปไม่ได้

 

   ร่างบางที่ยืนหอบเล็กๆอยู่หน้าหม้อน้ำร้อน ก่อนจะคว้าถ้วยบะหมี่หลายๆชามไว้ในมือ โดยไม่รู้ว่าว่าในร้านยังมีคนๆหนึ่งนั่งมองการกระทำนั้นตลอด ชายหนุ่มมองคนตัวเล็ก เสื้อยืดที่เปียกชุ่มแนบหลังเล็กๆกับผ้ากันเปื้อนเก่าๆดูต่างจาก เกี๊ยวที่เขาเจอทุกวันที่โรงเรียน ไอ่คนที่นั่งอยู่ข้างหลังห้อง ไม่ค่อยจะเอาถ่านเอาขี้เถ้ากะใครเค้าสักเรื่อง เห็นแบบนี้แล้วมันก็... ทำเอาร่างสูงอดยิ้มไม่ได้

 

“โต๊ะ 7” เด็กชายรับถ้วยบะหมี่ที่ร้อนยังกะน้ำมันหมูที่อยู่ในกระทะมาอย่างคล่องแคล่ว

 

“...” คนตัวเล็กกระแทกถ้วยบะหมี่วางตรงหน้าลูกค้าที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าแรงจนน้ำบะหมี่แทบหก โอมเงยหน้ามองร่างบางที่ถึงจะยืนอยู่แต่ก็สูงกว่าตอนที่ตัวเองนั่งไม่เท่าไรนัก

 

   นัยน์ตาคมที่จ้องมองดวงหน้าของคนตัวเล็กเหมือนจะหาเรื่อง ทำเอาเกี๊ยวเริ่มรู้สึกหวั่นๆไม่น้อย  ถ้าเกิดไอโอมมันลุกพรวดพราดขึ้นมาชกผม ผลมันก็เห็นๆกันอยู่ตั้ง แต่ยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนแล้วล่ะ แต่ให้รู้ซะบ้างว่านี้ถิ่นใคร ยิ่งตอนบ่ายๆคนก็เริ่มบางตาลงไปแร่ะ ดูได้จากที่พ่อผมมันนั่งพักอยู่หน้าร้าน มันก็คงไม่กล้าทำอะไรผม สะใจจริงโว้ยยย

 

“มองหาไร แดรกดิ” ร่างบางเอ่ยกวนๆ พร้อมกับยักคิ้วให้กับคนที่นั่งอยู่อย่างมีชัย

 

“ขอน้ำ” คำพูดสั้นๆเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามันเป็นคำพูดที่มาจากปากของไอ่คนที่ผมไม่ชอบขี้หน้ามัน มันก็เหมือนกับเสียงแมงหวี่แมงวันที่ต่อมอยู่รอบหัวจนน่ารำคาญนั่นแหละ

 

“อยากแดรกน้ำใช่มั้ย” ผมกดน้ำเย็นใส่แก้วพลาสติกก่อนจะจุ่มมือลงไปในแก้ว ก็มือผมมันเล็กเรื่องแค่นี้สบายอยู่แล้ว จะหายาถ่ายท้องให้มันตอนนี้ก็คงไม่ทัน มือผมเนี่ยแหละยาถ่ายท้องอย่างดี เค็มๆมันๆแถมมีขี้ดินดำๆตามซอกเล็บเพิ่มรสชาติ อร่อยเหาะแน่งานนี้

 

“แดรกน้ำขี้มือกูก็แล้วกันนะ” คนตัวเล็กหัวเราะอย่างบ้าคลั่งกับตัวเอง ก่อนจะถือแก้วน้ำไปเสิร์ฟให้กับเจ้าของเสียงที่เอ่ยกับตนเมื่อกี้

 

“น้ำ” จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย (โอมคิด) พลางมองหน้าใสๆที่เปื้อนยิ้มจนผิดสังเกต

 

“เฮ๊ย” อ้า...ตกหลุมพรางผมจนได้ เป็นไงล่ะ น้ำขี้มือกูอร่อยมั้ย

 

  ร่างเล็กที่กำลังหันหลังก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะที่อยู่ห่างจากโอมไม่กี่วา แอบยิ้มกรุ่มกริ่มด้วยความสะใจ

 

“เฮ๊ย ไอเกี๊ยว น้ำตาลหมด” อ้าว อะไรฟ่ะ นึกว่ามันแดรกน้ำขี้มือผมแล้วซะอีก กำลังรอเวลาที่มันจะลงไปชักดิ้นชักงออยู่กะพื้นแล้วเชียว

 

   ผมเลยจำใจต้องไปเติมน้ำตาลที่โต๊ะมัน เมื่อเช้าผมก็เติมเครื่องปรุงทุกโต๊ะแล้วนี่นา ไหงมันหมดไวจังแฮ่ะวันนี้  พอเติมน้ำตาลเสร็จผมก็นึกว่ามันยังไม่ได้ปรุง ที่ไหนได้มันก็นั่งกินต่อหน้าตาเฉย ยังงี้ไม่เรียกว่าแกล้งแล้วจะให้ผมคิดยังไง หน๊อย แต่ช่างเหอะ ถ้ามันได้กินน้ำ(ขี้มือ)ของผมแล้วจะรู้สึก

 

“อ้าว เฮ๊ย” ร่างสูงร้องเสียงหลงทำให้คนตัวเล็กมีความหวังอีกครั้ง หึหึ ให้รู้ซะบ้างว่าไผ่เป็นไผ่

 

“เฮ๊ย” เป็นผมเองที่ต้องแหกปากร้องเสียงหลงตามมัน ก็มีน้ำหกเลอะเทอะเต็มโต๊ะไอ่โอม ให้เดาคงเป็นน้ำขี้มือผมแน่ๆ ไอ่ที่ผมร้องไม่ใช่เพราะตกใจที่น้ำหก แต่ผิดหวังมากกว่าเพราะโอกาสที่ผมจะได้เอาคืนมันมีลิบหรี่ยิ่งกว่าการที่ผมจะตื่นเช้าทันขึ้นรถโรงเรียนนะเสะ

 

“โทษทีว่ะ” คำขอโทษที่ดูเหมือนจะเป็นคำเยาะเย้ยซะมากกว่า ผมน่ะเหรอก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำที่หกอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่ที่น่าแปลกคือไอ่โอมช่วยผมเช็ดโต๊ะ คงสำนึกผิดที่ทำหก

 

   แต่ทำไมมันต้องมาจับมือผมด้วยเนี่ย ร่างบางมองคนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ ส่วนโอมที่เช็ดน้ำที่มันทำหกอย่างเอาเป็นเอาตายก็ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นผู้ชาย ผมคงคิดว่ามันแอบหลอกแต๊ะอั่งผมไปนานแล้ว ผมก็งงแตกสิครับงานนี้

 

“อะ เอ่อ” เหมือนมันจะรู้ตัวถึงได้ยอมปล่อยมือผมสักที

 

“เดี๋ยวกูไปเอาน้ำมาให้ใหม่” ยังไงวันนี้ผมก็ต้องแกล้งมันให้ได้ ให้มันรู้ไปสิว่าผมไม่มีปัญญาแกล้งคนอื่น คราวนี้หวังว่ามันคงไม่เกิดซุ่มซ่ามอะไรขึ้นมาเป็นรอบที่สองแร่ะกัน

 

  แล้วผมก็ต้องมานั่งลุ้นว่าเมื่อไรมันจะกินน้ำ(ขี้มือ)ยังกะคนที่กำลังตรวจล็อตเตอรี่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเลยล่ะ

 

“เกี๊ยวๆ มานี่หน่อย” มันจะเอาอะไรของมันอีกว่ะเนี่ย

 

“เออๆ เดี๋ยวแป๊บ” ผมตะโกนบอกมันอย่างเซ็งๆ ทั้งๆที่ไม่ได้มองเพราะกำลังเก็บจานโต๊ะ 4 อยู่

 

“มีไร” แขนเล็กบาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามพวงแก้มอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเอ่ยกับคนที่อยู่ตรงหน้า

 

“หือ อะไร” ไอ่นี้มันยังไงว่ะ เรียกผมแล้วยังมีหน้ามาถามว่าอะไรอีก ชักจะกวนบาทาไปแล้วนะเว้ย เดี๊ยวพ่อกระโดดก้านคอซะเลยนิ

 

“ก็ ตะกี้” แจ่มเลยครับ ผมรู้แล้วครับว่ามันเรียกใคร

 

“อ๊ะ กินซะ ไอ่เกี๊ยว” ร่างบางมองคนตัวสูงที่ส่งลูกชิ้นให้กับสัตว์โลกหลังเกรียนสีน้ำตาลที่สูงไม่ถึงเข่าตัวเองด้วยซ้ำ อีกแล้วเหรอเนี่ย นี่มันคิดจะแกล้งผมไปถึงไหนกันฟร่ะ

 

กรอดๆ  :serius2: :m31:

 

  คนตัวเล็กได้แต่กัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ มือเล็กกำแน่นด้วยความโมโห ต้องมีสักวันแหละน่าที่มันต้องโดนผมแกล้งจนร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องแม่ คอยดูเหอะ

 

“อ๊าว ยืนบื้ออะไรอีกแหละ กินเสร็จแล้วจะเก็บตังค์มั้ย” ดูมัน ยังมีหน้ามาว่าผมอีก ไอ่นี่มันน่ากระทืบจริงๆให้ตายสิ :z6:

 

“20 บาท” เสียงหวานเอ่ยห้วนๆ ทำให้ร่างสูงเผลอยิ้ม เวลาผมแกล้งไอ่เกี๋ยวงอนมันสนุกกว่าตอนที่ไปเตะบอลก็ไอ่พวกฝังตลาดอีก เพราะงี้ผมถึงชอบแกล้งมันไงล่ะ (โอมคิด)

 

“...” คนตัวเล็กถึงธนบัตรสีเขียวที่ถูกยื่นมาให้แล้วยัดใส่กระเป๋าเอี๊ยมอย่างลวกๆ

 

“กินเสร็จแล้วก็รีบๆลุกไปดิว่ะ” ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงชอบแกล้งผมนักหนา ถ้าไม่ได้แกล้งผมสักวันมันจะลงแดงรึไงฟ่ะ

 

   มือเล็กคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะมากินเพื่อดับกระหายและความร้อนภายในจิตใจ

 

พรวด

 

   ทันทีที่น้ำเข้าไปในปากผมมันก็กลับออกมาทางเดิมแทบจะทันที ก็ทั้งเค็มทั้งขมแถมมีอะไรขุ่นๆอยู่ในแก้วด้วยผมงี้แทบหาน้ำสะอาดมาล้างปากไม่ทัน ก็นี่มันน้ำขี้มือของผมเองแหละ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเลยน้า...จะแกล้งใครผมต้องโดนเองทุกที ทำไมไอ่โอมมันถึงดวงดีแล้วผมต้องโชคร้ายตลอดด้วย ไม่ย๊อมม~!!




“เกี๊ยวเอ๊ย... ไปซื้อบะหมี่เหลืองที่ร้านน้านวลให้พ่อที” ไม่ทันที่ผมจะได้ล้างท้องเสร็จ งานใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว ใช้แรงงานเด็ก ถ้าไม่ติดว่าเป็นพ่อนะ ผมฟ้องกรมแรงงานไปนานแล้ว พ่อนะพ่อ ยังงี้ทุกทีเล้ยย

 

“เอากี่ห่อง่ะ” เสียงหวานถามแบบขอไปที ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจอะไรหรอกนะ แต่ผมไม่อยากไปร้านนั่นนี่นา ก็มันเป็นร้านของแม่ไอ่บอลน่ะเดะ ผมคิดว่าวันนี้โชคร้ายที่ต้องเจอไอ่โอมตอนบ่าย ตกเย็นยังต้องไปเจอไอ่บอลแบบเลี่ยงไม่ได้อีก โอ้ว... พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกช้างด้วย



“เอา 15 ห่อเลยแล้วกัน พรุ่งนี้วันอาทิตย์ซะด้วยสิ” พ่อพูดเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะควักเงินในกระเป๋าส่งให้ลูกชายที่ยืนไหล่ห่อทำหน้าละห้อยจนเห็นได้ชัด

 

“รีบๆกลับนะ จะได้มาช่วยพ่อเก็บร้าน แม่แกก็ไปหาป้าในเมืองคงดึกกว่าจะกลับ ช่วยพ่อหน่อยนะเกี๊ยว” ผู้เป็นพ่อกำชับน้ำเสียงเหนื่อยๆ

 

“ครับ” เด็กชายตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินคอตกออกไปหน้าร้าน มือเล็กคว้ารถจักรยานคู่ใจก่อนจะกระโดดควบออกไปยังจุดหมายที่ไม่อยากให้ถึง

 

  ถึงผมจะเป็นเด็กเป็นเล็ก (การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย) แต่ผมพนันได้เลยว่าไอ่บอลมันต้องหาเรื่องแกล้งผมจนได้แหละน่า... แล้วยังงี้ผมจะมีชีวิตรอดกลับมาถึงบ้านมั้ยเนี่ย แค่คิดก็สยองแล้ว แต่..ถ้าผมไม่ช่วยพ่อแล้วใครจะช่วยล่ะ เงินทุกบาททุกสตางค์พ่อแม่ก็เอาไว้ใช้จุนเจือครอบครัว แล้วจะให้ผมเห็นแก่ตัวเพราะความขี้ขลาดของตัวเองไม่ได้หรอก เป็นไงเป็นกันว่ะ คงไม่ถึงตาย (มั้ง)

 

เอี๊ยดดด~!!

 

   รถจักรยานสีน้ำเงินดำค่อยๆถูกจอดไว้หน้าร้านขายของชำ คนตัวเล็กมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังเป็นผู้ร้ายหนีคดีไม่ก็ปาน ผมนี่แทบไม่ต้องมองหาเลยครับก็ไอ่คนที่ไม่อยากเจอมันดันยืนค้ำหัวอยู่หน้าร้านเป็นนางกวักตรงหน้าเลยนี่นา

 

“เมิงมาทำไม” เอาแล้วไง แค่ส่วนสูงมันก็กินขาด ใจดีสู้เสือละกันว่ะ o22

 

“มาซักผ้ามั้ง” ชริปหายแล้ว ผมลืมตัวติดนิสัยปากหมามาจากไอ่โอม แต่ตอนนี้ไอ่คนตรงหน้าผมมันไม่ใช่คนแล้ว ดูจากหน้าตามันยิ่งกว่ายมทูตที่ผมเคยดูในทีวีซะอีก

 

“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว” มือหนาเอื้อมมากระชากคอเสื้อยืดสีมอๆของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้ขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาสีนิลที่ดุดันทำเอาคนตัวเล็กยืนนิ่งดั่งต้องมนต์สะกดเพราะความกลัว

 

“น้านวลค๊าบบ” คนตัวเล็กแหกปากลั่น บอลจึงรีบเอามือปิดปากเรียวแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว :เฮ้อ:

 

“อ้าว เกี๊ยว มาซื้ออะไรลูก” เจ้าของชื่อเดินออกมาจากในร้านกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตรผิดกับไอ่ลูกชายราวฟ้ากะเหวจริงๆ ส่วนไอ่บอลนะเหรอ ถ้ามีรางวัลเนียนยอดเยี่ยมแห่งปี ผมคงยกให้มันที่ 1 เลยแหละ จากตะกี้ที่มันเกือบจะชกผมอยู่รอมร่อกลับมาเป็นโอบไหล่ แต่ก็ไม่วายตบหลังจนผมแทบจุกเหมือนกัน

 

“ไอ่เกี๊ยวมันจะมาซื้อของน่ะแม่ งั้นผมไปยกของหลังร้านก่อนนะ” ไอ่บอลทำหน้าเนียน ยิ้มฝืดๆมาทางผมแต่ก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี ตกท้ายด้วยการตบหัวผมเล่นเหมือนจะเบา แต่ไอ่หมอนี่มันมือหนักชริปเป๋งเลย

 

   คนตัวเล็กลูบหัวยุ่งๆของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะเดินตามผู้หญิงท่าทางใจดีรุ่นราวคราวดีกับแม่ตัวเองเข้าไปในร้าน โชคดีที่มีน้านวลอยู่ ไม่งั้นผมคงโดนไอ่บอลยำไม่เหลือซากแน่ๆ

 

“เอาหมี่เหลือง 15 ห่อ น้ำตาลทรายแดง 3 กิโลฯ แล้วก็ น้ำส้มสายชู 4 ขวดครับ น้ำปลา 6 ขวด” นัยน์ตาคู่หวานกวาดไปบนกระดาษแผ่นเล็กๆในมือที่พ่อจดรายการมาให้

 

“โห...รอบนี้มาซื้อเยอะเลย จะเอากลับบ้านไหวมั้ยเนี่ย” นั่นน่ะสิ ผมว่าพ่อต้องเข้าอะไรผิดแน่ๆเลย ปกติถ้าเป็นแม่ซื้อก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะแม่เอามอไซด์มา แต่ผมเอาจักรยานมานะครับ ตะกร้าหน้ารถก็ไม่มีคงได้ปั่นไปปั่นมาหลายรอบแน่ๆเลย

 

“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละครับ” ผมก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆให้กับน้านวล

 

   จะว่าร้านน้านวลมันก็เป็นร้านขายของชำทั้งปลีกและส่ง เนื่องจากผมรู้จักกะไอ่บอลซึ่งผมก็ไม่ได้อยากรู้จักกะมันเท่าไรหรอกก็เลยส่งอนิสงค์ถึงพ่อแม่ผมด้วย เวลาที่มาซื้อของเข้าร้านน้านวลก็จะลดให้เยอะเลย น้านวลใจดีมากๆผิดกับไอ่บอลที่โหดยังกะซาตาน ผมนี่ล่ะสงสารน้าแกที่มีลูกนิสัยแย่ๆแบบนี้แถมเรียนซ้ำชั้นอีกต่างหาก แมร่ง ไอ่นี่มันเก่งแต่ใช้กำลังอย่างเดียวจริงๆ

 

    หลังจากไปเอากุ้งหอยปูปลา (เปรียบเทียบ) ของที่พ่อสั่งจนได้ครบทุกอย่างแล้วเล่นเอาผมเหงื่อท่วมอีกรอบ ก็กว่าจะหาของมาได้ครบแต่ละอย่างหนักๆทั้งนั้น แถมอยู่คนละทิศละทาง ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 6 โมงกว่าแต่ไหงวันนี้มันมืดไวยังงี้ฟร่ะ ผมยังไม่อยากคิดเลย กว่าจะปั่นจักรยานกลับไปกลับมาเอาของจนหมด กว่าจะช่วยพ่อเก็บร้าน ผมไม่ได้นอนเที่ยงคืนเลยรึไงเนี่ย

 

“ขอบคุณครับ” พอจ่ายเงินเสร็จสรรพผมก็ทยอยยกของออกมาหน้าร้าน ในตลาดพ่อค้าแม่ค้าก็ทยอยเก็บของเก็บของเตรียมกลับบ้านกันหมดแล้ว

 

“เกี๊ยว น้าว่าเดี๋ยวให้บอลขับรถไปส่งดีกว่านะ” น้านวลลูบหัวผมเบาๆ

 

“อะ...อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมก็ไม่อยากจะปฏิเสธน้ำใจของผู้ใหญ่เท่าไร แต่จะให้ไอ่บอลมันขับรถไปส่งผมที่บ้าน มีหวังผมโดนฆ่าหั่นศพหมกป่าข้างทางซะมากกว่า

 

“เถอะน่า ดึกดื่นๆ รถยิ่งเยอะอยู่ด้วย ถ้าโดนรถชนจะว่าไงล่ะ พ่อแม่เราจะเป็นห่วงรู้มั้ย” ยิ่งเห็นสีหน้าน้านวลที่เป็นห่วงผม มือที่ลูบหัวร่างบางอย่างเอ็นดู จะให้ผมเถียงยังไงล่ะครับ ผมยอมโดนรถชนตายดีกว่าให้ไอ่บอลขับรถมอไซด์ไปส่งที่บ้านนะครับน้านวล

 

“อะ เอ่อ” เสียงหวานเอ่ยในลำคอตะกุกตะกักขณะกำลังคิดหาข้อแก้ตัว

 

“บอลๆ ไปส่งเกี๊ยวที่บ้านหน่อยสิ” ผู้เป็นแม่ออกคำสั่งแต่ดูเหมือนจะเป็นการขอซะมากกว่า

 

“อะไรนะแม่ ทำไมไม่ให้ไอ่เกี๊ยวมันกลับเองล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆผู้เป็นแม่ของตน มองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าอยู่

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลับเองได้” ร่างบางพยายามตอบปัดๆ เผื่อว่าน้านวลจะยอมปล่อยผมให้กลับเอง จะให้ผมปั่นจักรยานไปมากี่สิบรอบผมก็ยอม ผมแทบจะไม่กล้าเงยหน้ามองไอ่บอลเล้ยย

 

“ไม่ได้ ให้บอลไปส่งนั่นแหละดีแล้ว” ผู้เป็นแม่ดันหลังลูกชายตัวเองออกไปหน้าร้านก่อนจะใช้ให้ยกของที่ใส่ตะกร้าหน้ารถได้ อีกส่วนหนึ่งก็ให้คนตัวเล็กเป็นคนถือ

 

“พรุ่งนี้ก็ค่อยมาเอาจักรยานก็ได้ เดี๋ยวน้าเก็บให้ ไม่ต้องห่วงนะ” ผมจำใจต้องรีบกระโดดซ้อนท้ายมอไซด์ของไอ่บอล ก็มันสตราทรถรอแล้วนี่ แถมยังทำหน้ายักษ์ใส่ผมอีก

 

“...” แล้วรอยยิ้มของน้านวลก็ค่อยๆหายลับไป ลาก่อนนะครับน้านวล แล้วผมจะมาใบ้หวยให้ ฮื่อๆ

 

 ผมนั่งตัวเกร็งอยู่ที่เบาะหลัง แถมยังต้องรักษาระยะห่างระหว่างผมกะไอ่บอลด้วย ขืนไปนั่งชิดมันไม่รู้มันจะหักคอผมไปจิ้มน้ำพริกกินรึเปล่า แต่ไอ่นี่ขับรถไวยิ่งกว่ารถไฟเหอะซะอีก ถึงผมจะไม่เคยนั่งรถไฟเหอะจริงๆก็ตามที ผมเดาว่ามันคงไม่ต่างกันเท่าไร

 

  มีเพียงแสงไฟถนนสีส้มที่คอยส่องตลอดระยะทางกับเสียงลมที่ปะทะมาเท่านั้น  แขนทั้งสองข้างของผมมันหนักอึ้ง อีกข้างก็มีน้ำตาล 3 กิโลฯ ส่วนอีกข้างก็ถือหมี่เหลืองเกือบ 10 ห่อ แถมยังต้องมานั่งซ้อนท้ายกะไอ่บอลอีก จะมีอะไรที่ทรมานผมได้มากกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย

 

   สักพักความเร็วของรถก็ค่อยๆลดลงก็จะหยุดสนิทเพราะไอ่ไฟแดงที่อยู่ทุกสามแยกสี่แยกมันลอยเด่น จะว่าไประยะทางจากตลาดกับร้านผมมันก็ประมาณ 2-3 โล ผมเองก็ไม่รู้หรอก แต่ที่รู้ๆคือแขนผมมันพร้อมที่จะหลุดได้ทุกเมื่อแล้วตอนนี้

 

“ขยับเข้ามาใกล้ๆดิว่ะ เดี๋ยวแมร่งก็ตกรถตายกันพอดี กูไม่อยากแดรกข้าวต้มวันนี้โว้ย” จู่ๆไอ่บอลก็หันหน้ามาตะคอกใส่ผมฉอดๆตกลงมันห่วงผมรึมันแช่งผมกันแน่

 

  ผมก็เลยจำใจขยับเข้าไปหามันจากที่เว้นไว้ประมาณว่าคนที่สามมานั่งซ้อนตรงกลางยังได้ ก็ผมอยู่ในช่วงเว้นวรรคทางการเมืองนี่ครับ (เกี่ยวกัน?) นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังที่อยู่ใต้เสื้อยืดสีขาวชุ่มเหงื่อเล็กน้อย จะว่าไปไอ่โอมมันก็เป็นคนหน้าตาไม่เลวร้ายอะไร แต่ที่นิสัยแย่ๆของมัน ไม่รู้ว่าไอ่โยกะไอ่เคนทนคบกะมันได้ยังไง อันที่จริงนิสัยมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันชอบรุมหัวกันแกล้งผม ทั้งที่ความจริงแล้วผมอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันซะด้วยซ้ำ

 

เอี๊ยดดดด

 

  ไม่ทันที่ผมจะได้คิดชื่นชมด้านที่ดีของมันเสร็จ ไอ่นี่ก็ทำผมเจ็บตัวเป็นครั้งที่ล้านๆแล้วมั้ง ก็มันเล่นหยุดกะทันหันจนหน้าผมกระแทกกะหลังมันอย่างจัง ไอ่ดั้งของผมที่มันไม่ค่อยมีอยู่แล้วไม่รู้จะยุบเข้าไปอีกรึเปล่า

 

“ไอ่เชี่ยบอล เมิงขับรถภาษาไรว่ะ” ร่างบางบ่นเป็นกระศัยขณะที่กำลังกระโดดลงจากรถหิ้วข้าวของที่หนักอึ้งวางไว้หน้าร้าน มือบางจับดั้งเล็กๆของตัวเองก่อนจะนวดเบาๆ ส่วนไอ่บอลตัวดีก็ช่วยยกของเข้าร้านทำหน้าเนียนตามแบบฉบับที่มันถนัด

 

“เมิงนั่งไม่ดีเองต่างหากล่ะ” อ้าว กลายเป็นว่าผมผิดใช่มั้ยเนี่ย

 

“อ้าวบอล มาส่งเกี๊ยวเหรอเนี่ย มาๆ เข้ามาในร้านก่อน” เฮ้อ แล้วผมก็ยังไม่เข้าใจถึงทุกวันนี้ว่าทำไมพ่อถึงต้องไปเอ็นดูมันด้วย

 

“ครับ น้าพงษ์ยังไม่ปิดร้านอีกเหรอ” หน็อย ไอ่นี่มันตีสนิทกะพ่อผม ก็เรื่องยังงี้มันถนัดนักนี่

 

“อืม ก็รอไอ่เกี๊ยวเนี่ยแหละ แล้วกินอะไรมารึยังล่ะ” คุยกันถูกปากถูกคอเลยนะ ไม่เอามันมาเป็นลูกแทนผมเลยล่ะพ่อ

 

  เกี๊ยวทำปากขมุบขมิบบ่นพึมพำกับตัวเองขณะยกของเข้าบ้าน

 

“ยังเลยครับ” เสียงทุ้มเอ่ย

 

“อืม งั้นก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ อุตส่าห์ขับรถมาส่งไอ่เกี๊ยวมันตั้งไกล” พ่อไปชวนมันกินข้าวด้วยทำไมเนี่ย ขืนได้กินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับมันผมคงกระเดือกข้าวไม่ลงแน่ๆ

 

“จะดีเหรอครับ” เหมือนคนตัวสูงจะลังเลเล็กน้อย

 

“พ่อ ก็ให้ไอ่บอลไปกินข้าวที่บ้านกะน้านวลดิ เดี๋ยวน้านวลรอนานจริงป่ะไอ่บอล” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับยักคิ้วนิดๆ ที่แผนไล่ไอ่ตัวดีออกจากร้านกำลังจะสำเร็จ

 

“อืม เห็นแม่บอกว่าเย็นนี้จะไปธุระดึกๆจะกลับนะครับ กินที่นี้คงไม่เป็นไร” แพล๊ง ทำไมมันหน้าด้านยังงี้ฟ่ะ ไล่แล้วยังไม่ไปอีก

 

“งั้นดีเลย อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ เกี๊ยว ไปยกกลับข้าวมา พ่อเตรียมไว้ในตู้กลับข้าวแล้ว” ประโยคแรกพ่อพูดกับไอ่บอลส่วนประโยคหลังพ่อพูดกับผม เห็นความแตกต่างมั้ยครับ รักกันดีไม่ขอน้านวลให้ไอ่บอลมาเป็นลูกบุญธรรมเลยล่ะ พ่อเนี่ย

 

“เดี๋ยวผมไปช่วยเกี๊ยวนะครับ” ร่างสูงเอ่ยเป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะตามคนตัวเล็กเข้าไปในห้องครัว

 

“คนอะไรว่ะหน้าด้านชริปหน้าเลย ไล่แล้วยังไม่ไปอีก ชิ แบร่” ร่างบางที่กำลังบ่นพึมพำออกเสียงไม่ดังแต่ก็พอที่จะทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้ยิน

 

“ว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มเอ่ยดังจากข้างหลังทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ก่อนจะค่อยๆหันไปมองต้นเสียงที่ติดกวนนิดๆ

 

“อะ เอ่อ เปล่านี่” ถึงจะเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆแต่ผมก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะตอนนี้ไอ่บอลมาเดินสามขุมเข้ามาใกล้ผมจนตั้งตัวไม่ติดเลย

 

“เหรอ ก็แล้วไป” เฮ้อ โล่งอก อย่างน้อยผมก็คงไม่ถูกอัดก๊อปปี้ติดกับกำแพงในห้องครัวบ้านตัวเองวันนี้ แต่ที่แปลกๆหรือผมอาจจะคิดไปเอง เหมือนว่ามันจะอมยิ้มอยู่หน่อยๆด้วยแฮ่ะ เป็นบ้าอะไรของมันขึ้นมาอีกเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

 

  มือถือจานข้าวกับหม้อหุงข้าว ส่วนไอ่บอลก็หยิบกลับข้าวเดินตามหลังมา เสี่ยวสันหลังยังไงไม่รู้วุ้ย... ผมเลยรีบจ้ำอ้าวเดินออกห่างมันให้เร็วที่สุด แต่ไอ่นี่ขามันยาว นับถือจริงๆเลย

 

“เฮ๊ย...” จะเป็นใครไม่ได้นอกจากผมที่แหกปากดังลั่นแบบนี้ได้

 

  เกือบจะรอดตัวเลยเชียว สุดท้ายมันก็หาเรื่องให้ผมเจ็บตัวจนได้ ก็เล่นเดินมาชนผมซะกระเด็นประตูทางออกก็แคบ อีกนิดเดียวผมก็เกือบเอาหน้าไปฟาดกับบานประตูแร่ะ โชคดีที่มีไอ่บอลคว้าคอเสื้อผมไว้ได้ทัน ผมว่าไม่หน้าฟาดกับบานประตูก็จะตายกับถูกคอเสื้อรัดคอจนขาดอากาศหายใจเนี่ยแหละ

 

“ซุ่มซ่ามจริงๆเลยนะเมิงเนี่ย” อืม เอาเป็นว่าผมผิดอีก เมิงไม่เคยผิดเลยใช่มั้ยเนี่ย ผมก็ได้แต่มองตามหลังมันเคืองๆ เจอขนาดนี้ผมก็คงไม่กล้าเสนอหน้าไปเดินนำมันหรอก ดีไม่ดีโดนมันสกัดขาล้มหัวโม่งโลกตายห่ากันพอดี

 

“เออ กูผิดเอง” เสียงหวานกระแทกประชดอย่างไม่พอใจ

 

   ผมรีบโซ้ยข้าวให้หมดเร็วที่สุดแบบกินข้าวเพียวๆไม่มีน้ำเลย ไอ่บอลมันจะได้รีบๆกลับบ้านไปผมจะได้ไม่ต้องมานั่งทนเห็นหน้ามัน เจอที่โรงเรียนผมก็จะคลั่งตายอยู่แล้ว วันนี้มันวันซวยอะไรกันฟร่ะเนี่ย

 

อะ แฮ่กๆๆ

 

  เป็นผลจากการที่ผมรีบโซ้ยข้าวไปหน่อยเลยสำลักอย่างที่อ่าน

 

“ค่อยๆกินดิว่ะ ทำตัวยังกะเด็กไปได้” ร่างสูงบ่นพร้อมกับส่งน้ำมาให้คนตัวเล็ก

 

“หิวมากเลยเหรอ พ่อขอโทษทีวันนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าวทั้งวันคงหิวมากใช่มั้ยเนี่ย ค่อยๆกินนะไม่อิ่มก็เติมได้” ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มในมืออย่างห่วงใย อาจจะหิวที่ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวันก็คนเข้าร้านตลอดแต่ที่ผมรีบยัดข้าวเพราะอยากให้ไอ่บอลรีบๆกลับบ้านมันไปต่างหากล่ะ

 

  ร่างสูงเผลอมองคนตัวเล็กที่กำลังกินน้ำจนหมดแก้ว รอยยิ้มจึงเกิดขึ้นที่ริมฝีปากเรียวอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

“เอ่อ น้าพงษ์ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ” ร่างสูงเอ่ยกับชายวัยกลางคนรุ่นเดียวกับพ่อตัวเอง

 

“อืม ขับรถดีๆนะ” ผมรอเวลานี้มานานแล้ว กว่ามันจะรู้ตัว แล้วผมก็ได้กินข้าวเย็นอย่างสงบสุขกับพ่อสองคนซะที

 

   กว่าผมจะได้นอนก็ปาไปห้าทุ่มกว่าแล้ววันนี้เหนื่อยกว่าทุกวันเพราะแม่ไม่อยู่และยังแถมต้องมาเจอไอ่สองหน่อนั่นเช้า-เย็นแบบนี้มันตัดกำลังผมดีเหลือเกิน พอหัวถึงหมอนปุบผมก็หลับชนิดที่ว่าไฟไหม้ผมคงโดนไฟครอกตายคาที่นอนเลยมั้งเนี่ย...

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 15-04-2009 22:46:34
 :z13: อ่ะนี่แน่ะ จิ้มคนแต่งซ้า งิงิ มาต่อเร็วดีจิงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 16-04-2009 00:33:50
โอ้  สั้นจัง
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: N19T ที่ 16-04-2009 00:53:09
ตอนที่คุณพ่อขับรถ มีเกี้ยวนั่งซ้อนท้าย ขับอ้อมตามรถโรงเรียน มันคล้ายๆ กับหนังเรื่อง แฟนฉัน จังค่ะ
แต่ไม่เป็นไร ไว้จะตามอ่านและตามคอมเมนต์เรื่อยๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-04-2009 05:15:07
 :mc4: :mc4: :mc4:
เจิมเรื่องใหม่คราบ อิๆ
+1 ให้เป็นกำลังใจ
อ่านแล้วแบบว่า เออ แฟนฉันจริงๆด้วย เหอะๆ
พออ่านไปเรื่อยๆจนจบตอน โอมคงต้องแอบชอบเกี๊ยวอยู่ชัวอะนะ
แต่ด้วยความที่แกล้งกันมาตลอดเลยไม่รู้จะทำไง
ที่เงียบเพราะอาย ที่ไม่อยากให้เข้าใกล้ เพราะกลัว
แล้วจะรออ่านตอนต่อนะคราบ ดูแล้วเรื่องนี้ถ้ามีเวลาเขียนเป็นเรื่องยาวได้สบายเลย

นิว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 16-04-2009 07:01:58
จะเชียร์ใครดีน้า.... เชียร์โอมหรือบอลดี  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2009 10:05:05
หนูเกี๊ยว น่ารักได้อีกนะเนี่ย ชอบๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 16-04-2009 10:06:04
 :sad11:

แหม รุมแกล้งกันจริง ๆ อ่ะ

 :sad11:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 16-04-2009 10:26:44
สนุกดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 16-04-2009 14:39:04
ตอน 3 ตกปลา

ตึก ตึก ตึก
 
“อ้าว เกี๊ยวไปไหนแต่เช้าเนี่ย” เสียงของแม่ตะโกนตามหลังเล็กๆที่วิ่งสวนออกไป
 
“ไปก่อนนะแม่” คนตัวเล็กตอบทั้งๆที่ยังไม่ได้หันหน้ากลับมามองผู้เป็นแม่ที่ยืนเท้าเอวอยู่
 
“ไอ่ลูกคนนี้มันยังไงเนี่ย ทีตอนไปโรงเรียนไม่เห็นมันตื่นเช้ายังงี้เล้ยย” แม่บ่นเป็นกระสัย ส่วนพ่อก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆก่อนจะยกแก้วกาแฟร้อนๆขึ้นมาดื่ม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์ในมือ
 
   ร่างบางกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามถนนลาดยางที่ปราศจากรถแล่นผ่าน อากาศเย็นๆในตอนเช้าที่มีกระแสลมอ่อนๆพัดเฉื่อยปะทะสวนมา กลุ่มผมสีนิลที่ขยับเบาๆตามแรงลมเรียกความสดชื่นให้ร่างกายได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กที่เอาแต่จ้ำอ้าวเย็นลงได้เลย
 
“อย่าให้ไอ่บอลตื่นทีเถอะ สา...ธุ” เสียงหวานพึมพำ ริ้วคิ้วบางที่ขมวดเข้าหากันกับนัยน์ตาคู่หวานที่ดูกังวลอยู่ไม่น้อยทำให้คนตัวเล็กเร่งฝีเท้าขึ้นอีก
 
แฮ่กๆๆ
 
  คนตัวเล็กหอบแรง เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นตามดวงหน้าเนียนที่แดงกร่ำ สียืดสีฟ้าซีดเปียกชุ่มจนแนบกับแผ่นหลังเล็กๆของเกี๊ยว เรียวขาเล็กซ่อนอยู่ใต้กางเกงขาสั้นสีดำ กับเสียงรองเท้าแตะที่ดังเป็นจังหวะถี่เร็ว
 
“แฮ่กๆ” เสียงหอบเบาๆของเกี๊ยวที่กำลังก้มตัวงอ มือเล็กทั้งสองข้างทิ้งน้ำหนักเพื่อยันร่างกายไปที่เข่าของตัวเอง ก่อนจะจาบจ้วงอากาศเข้าไปเต็มปอด ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าร้านขายของชำในตลาดแล้ว
 
“อ้าวเกี๊ยว ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลย รอสายๆน้าก็กะจะให้เจ้าบอลมันเอาจักรยานไปส่งให้ที่บ้านอยู่แล้วเชียว” น้านวลรีบเดินออกมาจูงแขนเรียวเข้าไปในร้านอย่างเป็นห่วงเป็นใย
 
“คะ...คือ...ผม” ผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงบวกกับตอนนี้ผมเหนื่อยจนพูดไม่ออกแล้ว
 
“อ่ะ กินน้ำกินท่าก่อน ดูซิ เหงื่อท่วมตัวยังกะลูกหมาตกน้ำเลย” น้านวลพูดไปยิ้มไป ก่อนจะส่งแก้วน้ำเย็นๆมาให้ผมสัมผัสอ่อนโยนบนหัวของผมทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก แล้วน้านวลก็เอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม ไม่รู้ทำไมแม่ผมถึงไม่ใจดีเหมือนน้านวลมั้ง ปกติเห็นผมก็เห็นแม่บ่นตลอดศก
 
“ผมไปแล้วนะครับ” ร่างเล็กยกมือไหว้น้านวลก่อนจะรีบควบจักรยานของตนออกไป ขืนลีลาอยู่ที่นั่นนานๆไอ่บอลตื่นมาผมก็แย่สิครับ
 
“อ๊าว สงสัยจะหวงจักรยานจริงๆ” น้านวลเอ่ยพลางยิ้มพลาง สายตายังคงมองตามรถจักรยานที่หายลับไปในซอยที่อยู่ระหว่างตึกแถว
 
“ใครมาเหรอแม่” เสียงทุ้มงัวเงียเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะอ้าปากหาววอดรับวันใหม่ เปลือกตาคมที่ปรือลงทำให้รู้ว่ายังไม่ตื่นดี
 
“เราน่ะ รีบไปอาบน้ำเลยแม่ทอดปลาไว้ให้ในตู้กลับข้าวน่ะ” น้านวลพูดก่อนจะดันหลังร่างสูงเข้าไปหลังร้าน
 
 พ่อค้าแม่ค้าต่างค่อยๆทยอยกันมาพร้อมๆกับข้าวสารอาหารแห้งผักจนไปถึงผลไม้นานาชนิดตามฤดูกาล จะว่าไปตลาดที่นี่มันก็ไม่ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันตู้เย็นเลยนั่นแหละ บรรยากาศที่มีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยจนหนาตาเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่แปลกคือไอ่เด็กผู้ชายเกือบครึ่งค่อนโรงเรียนต้องมีพ่อแม่ทำงานที่ตลาดแห่งนี้ทุกคนละน่า...
 
“หวัดดีครับน้านวล ไอ่บอลอยู่มั้ยครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายที่ความสูงไม่ทิ้งห่างจากคนที่เพิ่งมาก่อนหน้านี้กับเด็กหนุ่มร่างสูงทั้งสองคนรีบยกมือไหว้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกะแม่ตัวเอง ในมือมีไม้ยาวๆกับเชือกสายบางๆระโยงระยางคล้ายกับเบ็ดตกปลา
 
“อยู่จ้า... เข้ามาในร้านกันก่อนสิ” เด็กหนุ่มสองคนเดินตามหลังน้านวลเข้าไปในร้าน “บอล!! เพื่อนมาหาน่ะลูก” ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกลูกชายที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ
 
“คร๊าบแม่ เดี๋ยวผมลงไป” บอลตะโกนตอบก่อนจะรีบตักน้ำประปาอีกสองสามขันทำความสะอาดร่างกายที่เต็มไปด้วยฟองสบู่
 
“พวกเมิงมาทำอะไรกันแต่เช้าว่ะเนี่ย” ร่างสูงเอ่ย ก่อนจะสวมเสื้อสีขาวที่มีโลโก้โค้กสีแดงขนาบหน้าหลังทำตัวเป็นสปอนเซอร์รายย่อยสนับสนุนน้ำอัดลมยี่ห้อดังไปโดยปริยาย
 
“พวกกูกะจะชวนเมิงไปตกปลาที่คลองหลังสวนมะพร้าวว่ะ เมิงจะไปป่ะ” เคนถามร่างสูงที่ยืนโด่อยู่ตรงหน้าภายในห้องนอนที่รกรุงรังไม่ต่างกับรังหนู
 
“อืมๆ ไปป่ะ” ไอ่คุณชายโยเสริมก่อนจะยัดไมโลแท่งเข้าปากจนเลอะแก้มทั้งสองข้าง
 
“กูไม่แน่ใจว่ะ ต้องช่วยแม่เอาของเข้าร้านก่อน แล้วพวกเมิงจะไปกันตอนไหนล่ะ” คนตัวสูงเอ่ย สายตาเลื่อนลอยอย่างคนใช้ความคิด
 
“พวกกูกะว่าจะไปหาไส้เดือนกันก่อนว่ะ” เคนตอบ
 
“อืม บ่ายๆเดี๋ยวกูตามไป พวกเมิงก็ตกปลากันไปก่อนแร่ะกัน” บอลนัดแนะ ก่อนจะหันไปมองไอ่โยที่นั่งเลียนิ้วตัวเอง ร่างสูงส่ายหัวเบาก่อนจะยิ้มแหยะๆ ในความ...ของลูกน้องตัวเอง
 
“เออๆ รีบไปแล้วกัน” เคนตอบปัดๆ สายตาที่เย็นชามองโยแล้วกรีดยิ้มที่มุมปากบางๆ มันยากที่จะมีใครเห็นไอ่เคนยิ้มได้เต็มปากเต็มคำต่อหน้าคนอื่น แต่ถ้าเป็นกับไอ่โย ไอ่บอลคงเห็นได้บ่อยๆ ถ้าใครโชคดีก็อาจจะได้ฟังมันหัวเราะ บ้านมันเป็นร้านส่งน้ำแข็งก็งี้
 
“ไส้เดือนหมดไม่รู้ด้วยนะเว้ย” โยเอ่ยดังก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องโดยมีเคนเดินตามหลังไปติดๆ
 
“รู้แล้วน่า” บอลใช้มือผลักหลังลูกสมุนทั้งหลายออกจากห้องนอนของตน
 
“เอ่อ ไอ่เคน แล้วจะไปหาไส้เดือนที่ไหนว่ะ” โยถามคนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับใช้มือเกาหัวแกรกๆ ดวงหน้าเล็กเอียงเล็กน้อยอย่างคนสงสัย
 
“ตามกูมา” เคนแสยะยิ้มที่มุมปาก ไม่ใช่อะไรหรอกผมแค่ขำไอ่คราบไมโลที่ติดอยู่ตามแก้มไอ่โยมันก็เท่านั้น (เคนคิด) ทิ้งให้คนตัวเล็กเดินตามพร้อมกับความงุนงงต่อไป
 
   คนตัวสูงถือคันเบ็ดไว้ในมือ ขณะควบจักรยานออกไปตามเส้นทาง ต้นมะพร้าวที่สูงตระหง่านสองข้างทางสร้างความร่มรื่นไม่น้อย สายลมพัดเอื่อยเย็นสบายตอนสายๆ
 
“เมิงมองหน้ากูทำไมว่ะ” คนตัวเล็กถามอย่างหงุดหงิดที่เห็นร่างสูงจ้องหน้าตัวเองพลางหัวเราะ โยกอดอกอย่างไม่พอใจโดยที่ขาสองข้างยังคงทำหน้าที่ปั่นจักรยานต่อไปได้ดี
 
“....” ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่ายมีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของเคนเท่านั้น
 
“ถึงแล้ว” รกจักรยานสองคันค่อยจอดอยู่ที่หลังสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง มันเป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนเข้ามาย่างกรายเพราะเจ้าของสวนเป็นลุงที่ค่อนข้างจะดุเอาเรื่อง แถวนี้เลยมีตำนานว่าคุณลุงแกจับเด็กที่เข้ามาเหยียบดอกไม้ของแกแล้วเด็กคนนั้นก็หายสาบสูญไป จนเป็นที่ร่ำลือของเด็กฝังตลาดว่าลุงแกฆ่าเด็กเอาตับไตไส้พุงของเด็กไปกิน (ออกแนวซีอุย)
 
“มะ...เมิงแน่ใจนะว่าที่นี้” คนตัวเล็กรีบเดินมาจนชิดกับร่างสูงที่กำลังจัดการกับสายเบ็ดที่พันกันจนยุ่งเหยิง นัยน์ตายังคงมองไปรอบๆอย่างหวั่นๆ เมื่อคิดถึงเรื่องที่เคยได้ยินมา
 
“เอ่อน่า... ที่เนี่ยไส้เดือนโครตเยอะ” เคนหันหลังไปพูดกับโยที่ยืนเกาะเสื้อยืดตัวเองอยู่ด้านหลัง
 
   เคนยิ้มกริ่มแอบหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอทั้งขำที่ไอ่โยมันขี้กลัวแถมไอ่คราบไมโลนั่นอีก เรื่องลุงกินเด็กบ้าบออะไรนั้นมันจริงซะที่ไหนกันเล่า ลุงแกคงแค่ดุ คงไม่ได้กินเด็กอย่างที่ไอ่พวกนั้นพูดกันหรอกมั้ง ที่นี้ดินร่วนอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ไส้เดือนมันก็ต้องมีเยอะแหละน่า
 
“เมิงขำอะไรนักหนาว่ะ คนยิ่งหวิวๆอยู่” โยทำท่าขนลุกขนพองก่อนจะส่งสายตาดุๆมาทางเคนที่ยิ้มกลั้นยิ้มอย่างทรมาน
 
“จะบอกให้ก็ได้” คนตัวสูงโน้มตัวลงก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสพวงแก้มใส แต่ภายในใจมันเต้นรัวจนผิดปกติ
 
“หือ” ส่วนไอ่คนตัวเล็กก็ยืนทำตาแป๊วอย่างงงๆ นิ้วเรียวแตะที่พวงแก้มใสก่อนจะลูบเบาๆจนมีคราบเหนอะๆสีไม่ต่างกับดินโคลนติดออกมา ลมหายใจร้อนที่รดใส่กันทำเอาร่างสูงหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวจนบอกไม่ถูก
 
ผัวะ~!!
 
 มือเล็กกวาดไปในอากาศก่อนจะปะทะกับกลุ่มผมที่อยู่ห่างจากหน้าตัวเองไม่มากนักด้วยแรงที่หนักหน่วงเอาการ
 
“เฮ๊ย ไอ่โยเมิงตบหัวกูทำไมว่ะ” ร่างสูงลูบหัวตัวเองอย่างเคืองๆก่อนจะมองคนตัวเล็กแบบไม่เข้าใจ
 
“ไอ่เชี่ยเคน เห็นไมโลเปื้อนหน้ากูก็เพิ่งมาบอกเอาตอนนี้เนอะ ปล่อยให้กูขายหน้าคนทั้งตลาดเลยนะเมิง” มือเล็กที่เช็ดหน้าตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายกลับทำให้คราบไมโลยิ่งเลอะเข้าไปอีก
 
“ฮ่าๆๆๆ มานี่เดี๋ยวกูช่วย” มือหนาดึงข้อมือของอีกฝ่ายลงก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาบรรจงเช็ดพวงแก้มใสอย่างเบามือ
 
“ระวังตัวไว้เหอะเมิง ทีใครทีมัน” ไม่วายคนตัวเล็กบ่นเป็นกระสัยจนลืมความกลัวไปชั่วขณะ
 
“รีบๆหาไส้เดือนเหอะว่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าก็ซวยกันพอดี” เคนรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะเผลอจ้องดวงหน้าเล็กที่กำลังโกรธนานไปมากกว่านี้
 
   เด็กชายทั้งสองเริ่มคุ้ยเขี่ยดินสีดำสนิทเพื่อหาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้อย่างรีบร้อน ไม่นานถังพลาสติกว่างปล่าวที่ถือติดมือมาก็เต็มไปด้วยเศษดินและไส้เดือนหลายสิบตัวคลานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แนวกุหลาบที่เคยปักเรียงรายสวยงาม บางต้นตอนนี้ก็ล้มหมอบหน้าจมดินอยู่กับพื้นไปเรียบร้อยแล้ว
 
“นั่นใครน่ะ หยุดนะ” เสียงดุดันของชายวัยกลางคนดังก้องจนทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เด็กชายทั้งสองรีบหันไปมองตามต้นเสียงที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ
 
“รีบเผ่นเหอะว่ะ” เคนคว้ามือเล็กก่อนจะออกวิ่งด้วยความเร็วไปหารถจักรยานที่จอดอยู่ไม่ห่างกัน
 
   รถสองคันออกตัวจากไปแบบเฉียดฉิว ทิ้งให้ลุงเจ้าของสวนด่าทออย่างอาฆาตที่เด็กชายทั้งสองบุกรุกเข้ามาในสวนของแกโดยไม่ได้รับอนุญาตแถมยังมาทำแปลงดอกไม้ของแกพังระเนระนาดอีกต่างหาก
 
“เกือบไม่รอดแน่ะ” โยพูดพร้อมกับหายใจหอบจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเอาชีวิตรอดมาได้อย่างวุดหวิด
 
   เสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มทั้งสองดังมาตามสายลมเย็นๆ บนถนนเลียบคูคลองที่ไร้รถสัญจรผ่านมาแถวนี้ ถือว่าเป็นถิ่นของพวกเด็กฝังตลาดเลยก็ว่าได้
 
....

“อะ...เอ่อ ไอ่โยกูขอตกปลาด้วยคนได้ป่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ สายตาสองคู่ที่กำลังจับจ้องมาทางตนยิ่งเพิ่มความกดดันกับคนตัวเล็กขึ้นไปอีก โยที่กำลังนั่งตกปลาอย่างเงียบๆกับเคนหันไปมองหน้ากันก่อนจะซุบซิบอะไรบางอย่าง
 
“อืม มาดิ” หลังจากที่ไอ่โยพูดเสร็จเท่านั้นแหละ ผมงี้แทบเหงื่อตกเลย นึกว่ามันจะไม่ให้ผมเล่นด้วยซะแล้ว
 
   วันนี้ผมไม่ได้กินอะไรผิดสำแดงมาหรอกครับ ที่ผมกล้าไปขอเล่นกับพวกมันก็เพราะว่าไม่มีไอ่บอล แล้วมันบังเอิญที่ว่าผมผ่านมาทางนี้แต่ที่แน่ๆ ผมแค่อยากมีใครสักคนที่เป็นเพื่อนกับผมบ้างก็เท่านั้น ผมไม่อยากมีความเหงาเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้ว
 
   โยยื่นคันเบ็ดที่เหลืออันสุดท้ายมาให้ร่างบางที่ยืนเก้ๆกังๆ ก็มันเป็นครั้งแรกของผมนี่นาที่จะได้เล่นสนุกๆอย่างคนอื่นเค้าบ้าง นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกับเด็กชายที่ยื่นคันเบ็ดให้ตน
 
“เงียบๆหน่อยนะเว้ย เดี๋ยวปลาตื่นกันหมด” เด็กชายร่างเล็กออกคำสั่งพร้อมกับใช้นิ้วเรียวเตะที่ริมฝีปากบาง ก่อนจะส่งเสียงชู้วว์เบาๆเป็นการเตือน เกี๊ยวพยักหน้าแทนคำตอบ
 
   ร่างสูงที่นั่งอยู่อีกข้างของเด็กชายร่างบางได้แต่แอบมองผู้มาใหม่อย่างเคืองๆแต่สีหน้ายังคงเฉยชาเช่นเดิม ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่สายตาที่เย็นชาของเขาก็ไม่เคยเผยความหมายใดๆออกมาอย่างชัดเจนสักครั้ง
 
   ถึงเราจะนั่งกันเงียบๆ เอาแต่จ้องมองสิ่งที่ลอยเคว้งอยู่นิ่งๆบนผิวน้ำอย่างใจจดใจจ่อรอว่าทันทีที่มันขยับเมื่อไร ปลาก็ติดเบ็ดของเรา มันก็เท่านั้น ผ่านไปหลายชั่วโมงเราเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น ผมหมายถึงผมกับไอ่โยน่ะ ส่วนไอ่เคนผมก็เห็นมันนั่งนิ่งๆตั้งแต่ผมมาแร่ะ
 
   ไส้เดือนตัวแล้วตัวเล่าถูกเกี่ยวที่ตะขอเล็กๆก่อนที่มันจะจมน้ำตายภายในไม่กี่นาทีต่อมา ผมโดนปลามันหลอกกินเหยื่อหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เฉพาะผมหรอก พวกไอ่โยไอ่เคนก็ด้วย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครจับปลาได้สักคน
 
“โธ่เว้ย ทำไมปลามันไม่ติดเบ็ดกูมั้งว่ะ” เสียงของเด็กชายร่างบางสบถดังอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นปลาขนาดสองนิ้วได้ติดเบ็ดของเคน ปลาตัวเล็กดิ้นพล่านอยู่ในกำมือใหญ่โดยมีคนตัวเล็กสองคนที่กำลังมุงดูมันอย่างสนอกสนใจ
 
“ปลาตัวเล็กนิดเดียวเอง กูจะตกปลาตัวใหญ่กว่าของเมิงให้ดู” โยพูดกับคนตัวสูงอย่างมุ่งมั่นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง นัยน์ตายังคงจับจ้องที่ปลายเบ็ดของตัวเองชนิดที่ไม่ละสายตาเลยทีเดียว เคนได้แต่ยิ้มบางๆอยู่ด้านหลังก่อนจะปล่อยปลาตัวน้อยกลับลงสู่ลำคลองอีกครั้ง (เหมือนบักเกี๊ยวเป็น ก ข ค.เลยวุ้ย คนเค้าจะสวีทกัน หึหึ)
 
  ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แสงแดดอ่อนๆยามบ่าย พวกผมนั่งตกปลาอยู่ริมคลองใต้ต้นมะพร้าวที่เรียงรายเป็นแนวยาวหลายสิบต้น เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การที่มีเพื่อนมันรู้สึกดีแบบนี้เองน่ะเหรอ ผมก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน
 
 สักพักผมก็รู้สึกถึงเงาของใครบางคนแทบทับเงาของผมอยู่ ขออย่าให้เป็นคนๆนั้นทีเถอะ ต้องไม่ใช่ ไม่ใช่ไอ่บอลใช่มั้ย ร่างบางค่อยหันหลังไม่มองหาเจ้าของเงาที่ยืนค้ำหัวตัวเอง แต่ดวงอาทิตย์กลมๆมันส่องแสงแยงตาผม คนตัวเล็กกระพริบตาถี่ก่อนจะเพ่งสายตาตั้งแต่ขาจรดหัวของบุคคลแปลกหน้า สิ่งที่เห็นทำให้เกี๊ยวถึงกับผงะอ้าปากค้างเลยทีเดียว
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 16-04-2009 14:40:52
“อ้าว ไอ่บอลมาแล้วเหรอว่ะ” โยทันผู้มาใหม่อย่างไม่ใส่ใจอะไร แต่นัยน์ตาคมที่ดุดันกลับมองไปที่เกี๊ยวจนทำให้รู้สึกอึกอัดจนบอกไม่ถูก
 
“ใครใช้ให้เมิงมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ ห๊ะ” ร่างสูงตะคอกดังพร้อมกับกระชากคอเสื้อของร่างบางที่นั่งอยู่จนลุกขึ้นมาตามแรงดึง
 
“เฮ๊ย ไอ่บอลใจเย็นก่อนดิว่ะ” เคนห้ามแต่ดูเหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
 
“กูให้มันอยู่ด้วยเองแหละ ก็กูสงสารมันนี่หว่า มันไม่มีเพื่อนเล่นเลยนะเว้ย” โยอธิบายทั้งๆที่คอเสื้อของผมยังอยู่ในกำมือของไอ่บอล
 
   ร่างสูงได้แต่ส่งสายตาที่เดือดดานไปมองลูกสมุนตัวเองอย่างไม่พอใจ จนไอ่โยเองก็เริ่มแสดงท่าทางสยองๆออกมาเล็กน้อย
 
“เอาเบ็ดกูมา” มือหนาผลักคนตัวเล็กจนล้มก้นจ้ำเบ้ากองอยู่กับพื้นก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงทุ้มกระแทกดังจนดูน่ากลัว อารมณ์ยังงี้ทำให้ไอ่บอลกลายเป็นซาตานขัดกับหน้าตาราวกับเทพบุตรของมันเกือบตลอดเวลาที่มันเจอหน้าผม ผมก็ไม่เข้าใจว่าผมไปพลั้งมือฆ่าญาติฝ่ายไหนของมัน มันถึงได้เกลียดผมขนาดนี้ แต่ถึงจะยังงั้นก็เถอะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมในใจลึกๆผมก็ยังอยากเล่นกะพวกมันอยู่ดี
 
 ไอ่บอลกระชากคันเบ็ดที่โยมันเคยให้ผมแล้วเดินหันหลังไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ถึงมันจะหนีออกไปนั่งตกปลาคนเดียวก็มันก็ไม่ไกลจากที่ผมกับไอ่โย ไอ่เคนเท่าไรนัก เรียกได้ว่ายังสามารถมองเห็นกันได้จากมุมนี้ ในเมื่อมันไม่อยากให้ผมอยู่ ผมคงไม่เสนอหน้าให้มันเกลียดผมไปมากกว่านี้
 
“เฮ๊ย ไปไหนว่ะ” โยรั้งข้อมือเล็กของคนที่กำลังจะลุก
 
“อะ เอ่อ กูจะกลับบ้าน” เสียงหวานตอบตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ ผมพยายามสะบัดมือของไอ่โยแต่มันกลับยิ่งกำแน่นแถมยังดึงให้ผมนั่งลงไปอีกต่างหาก
 
“จะรีบกลับไปไหนว่ะ” ไอ่โยเผลอพูดดังจนคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปหันมามองด้วยสายตาเคืองๆ แต่ไอ่โยมันคงไม่รู้สึกอะไรเพราะมันไม่เห็นแต่ผมเนี่ยสิเห็นไอ่บอลจากมุมนี้ชัดแจ๋วยิ่งกว่าเสาอากาศทีวีที่บ้านอีก
 
“คะ คือ...” ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาข้อแก้ตัวอย่างกล้ำกลืน ใจหนึ่งก็อยากอยู่แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหนีๆไปซะให้พ้น
 
“เงียบๆหน่อยดิว่ะ” เสียงตะโกนดังมาจากปากเรียว ร่างสูงที่กำลังนั่งตกปลาห่างกันประมาณ 10 ก้าวได้ บอลแสดงสีหน้าหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด ทำให้ผมต้องจำใจนั่งลงไปที่เดิมข้างๆกับไอ่โยเหมือนเดิม
 
 ร่างบางนั่งเกร็งนิ่งอย่างกล้าๆกลัวๆ นัยน์ตาคู่สวยเหลือบไปเห็นสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องตนอยู่ สายตาของไอ่บอลที่มันมองผมแบบแปลกๆ ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงก็ไม่รู้แฮ่ะ คนตัวเล็กรีบหลบสายตาคมอย่างหวาดหวั่น ผมนั่งกอดเข่าพยายามไม่มองไปทางไอ่บอล นี่มันคิดจะฆ่ากันทางสายตาเลยรึไงเนี่ย
 
“อ้าวเฮ๊ย ไอ่บอลตกปลาได้แล้วเว้ย” เสียงคนที่นั่งข้างๆผมตะโกนดังยังกะอยู่คนละอำเภอยังไงยังงั้น ทำเอาขี้หูผมเต้นระบำไม่เป็นจังหวะเลย
 
“ไอ่เชี่ยบอลเมิงเล่นของรึไงว่ะ เพิ่งมาแท้ๆเสือกตกปลาได้ตัวใหญ่กว่ากูอีก” ผมก็เพิ่งจะเห็นไอ่เคนพูดยาวๆก็วันนี้แหละ แต่ไอ่นี้มันหน้าตายด้านของจริง ขนาดบ่นยังหน้าเฉยๆเล้ยย
 
“เออ ขี้โกงนี่หว่า” เสียงแหลมเอ่ยสมทบอย่างเห็นด้วย ส่วนผมน่ะเหรอก็ได้แค่ยืนเงียบอยู่ไกลๆเท่านั้นแหละ
 
“กูระดับไหนแล้ว พวกเมิงไม่ต้องพูดมากเลย ไปหาไส้เดือนมาอีกดิ แมร่งไส้เดือนหมดถังแล้วเนี่ย” ร่างสูงบ่นเป็นกระสัยยังไม่วายใช้ลูกสมุนของตัวเองจนได้
 
   ผมเห็นไอ่โยทำหน้ามุ้ยเล็กน้อย ก่อนจะรับถังใส่ไส้เดือนไปโดยดี แล้วไอ่สองคนนั้นก็ควบจักรยานไปเฉยเลย อย่างว่านั้นแหละถ้าใครขัดคำสั่งของไอ่บอลขึ้นมา อาจจะไม่มีชีวิตรอดไปเจอหน้าพ่อหน้าแม่อีกเลยก็ได้
 
   อ้าวเฮ๊ย งั้นผมก็อยู่กะมันสองคนน่ะดิ ร่างบางที่นั่งอยู่มองตามรถจักรยานสองคันที่จากไปจนลับตาอย่างห่อเหี่ยว คอตก ไหล่บางห่อเข้าหากัน จนกระทั่งนัยน์ตาคู่หวานก็ไปสบตากับอีกคนที่เหลืออยู่เข้าอย่างจัง ผมรีบหันหน้าไปมองทางอื่นทั้งๆที่รู้ว่ามันยังจ้องผมอยู่ยังกับว่าผมทำอะไรผิดมางั้นแหละ จ้องอยู่ได้
 
   เวลาผ่านไปได้สักพักไอ่สองคนนั้นมันก็ไม่กลับมาสักที หน้าที่เฝ้าคันเบ็ดให้มันสองคนเลยตกเป็นของผมอย่างช่วยไม่ได้ แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างไอ่โยแล้ว สิ่งที่ลอยเคว้งนิ่งๆบนผิวน้ำเริ่มขยับและจมลงไปใต้น้ำ สงสัยปลาตัวนี้คงจะใหญ่น่าดู ถ้าไอ่โยกลับมาเห็นคงดีใจน่าดู ยิ่งคิดผมก็ยิ่งตื่นเต้น
 
   ถึงมันจะเป็นเบ็ดของไอ่โยแต่นี่ถือเป็นการตกปลาครั้งแรกของผมเหมือนกัน มือเล็กจับคันเบ็ดแน่นก่อนจะเริ่มหมุนตรงส่วนปลายเพื่อลากสิ่งมีชีวิตที่เคราะห์ร้ายเข้ามาอย่างใจเย็น ผมไม่เคยรู้เลยว่าในคลองนี้มันมีปลาตัวใหญ่ๆชนิดที่ว่าผมไม่มีแรงยกมันขึ้นมาจากน้ำได้เลย
 
เฮ๊ย... ตูมมมม
 
   คนตัวเล็กร้องเสียงหลงก่อนจะตกลงไปในคลอง เสียงน้ำกระเด็นทำให้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันมากนักรีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ ร่างบางที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอย่างทุรนทุราย ไม่แม้แต่จะส่งเสียงขอร้องให้ช่วย ทั้งๆที่จะตายอยู่แล้วแท้ๆ
 
   บอลยืนดูอย่างลังเลก่อนจะที่ตัดสินใจถอดเสื้อยืดของตัวเองออกลงไปกองกับพื้น ร่างสูงกระโจนลงไปในน้ำก่อนจะว่ายเข้าไปคว้าเอวบางของคนที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขน ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ยิ่งทำให้คนตัวสูงกังวลขึ้นเรื่อยๆ
 
   เขาอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานอนบนริมคลอง มือหนาตบเบาๆที่พวงแก้มเนียนสองสามที แต่คนที่นอนอยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาต่อว่าเขาอย่างก่อน นี่ไอ่เกี๊ยวมันจะตาย... มันจะตายต่อหน้าผมไม่ได้ (บอลคิด)
 
   คนตัวสูงสูดหัวใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะค่อยโน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากบางกับคนที่นอนอยู่ ตอนนี้เขาไม่สนอะไรอีก ขอแค่ได้ช่วยให้คนตรงหน้ามีชีวิตอยู่ เขาก็พร้อมที่จะยอมทำทุกอย่าง มันเป็นสิ่งที่ทุกคนจะทำอยู่แล้วถ้าคนตรงหน้าคุณกำลังจะตาย
 
   ริมฝีปากบางถูกสัมผัสหลายครั้งพร้อมกับออกซิเจนที่ถูกส่งผ่านเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า มือหนากดไปที่หน้าอกบางด้วยแรงที่มีอยู่จนในที่สุด ร่างบางที่แน่นิ่งก็สำลักน้ำออกมา คนที่นอนอยู่เริ่มได้สติ
 
 มือเล็กดันแผงอกแกร่งที่เปลือกเปล่าอย่างหมดเรี่ยวแรง เป็นเพราะที่เขาตกน้ำทำให้เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่หดหายไปจนหมด
 
“เบ็ดมันเกี่ยวกับกิ่งไม้ก็ยังจะไปดึงอยู่ได้ เจ้าโง่เอ๊ย” ร่างสูงบ่นพึมพำแต่ก็ยังพอที่จะทำให้ร่างบางที่เปียกโชกได้ยิน
 
“อะ เอ่อ” ร่างบางมองคนตัวสูงที่กำลังสวมเสื้ออย่างไม่เข้าใจ ผิวกายขาวๆตรงหน้าถูกปิดบังด้วยเสื้อผ้าอีกครั้ง แล้วทำไมผมต้องไปหวั่นไหวอะไรกับมันด้วย ที่จริงเรียกว่าอิจฉามากกว่า เพราะอยากตัวโตอย่างมันบ้าง จะได้แข็งแรงไม่ต้องอ่อนแออยุ่แบบนี้
 
“ขะ ขอบใจที่เมิงช่วยกู” คนตัวเล็กเอ่ยแผ่วเบา ถ้ามันไม่ช่วยผมป่านี้ผมคงเป็นผีเฝ้าคลองนี้ไปนานแล้ว
 
“ไอ้สมองกลวงๆของเมิงหัดคิดอะไรเป็นบ้างมั้ย กูต้องซวยไปด้วยเลย” ผมล่ะงงกับมันจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนผมปรับอารมณ์ตามไม่ถูก ถึงยังไงมันก็ได้ชื่อว่าเคยช่วยชีวิตผมไว้อยู่ดี
 
“ก็ กู...” จะให้ผมพูดอะไรได้อีกล่ะครับ ยังไงผมก็เป็นคนผิดตลอด ผมมองไอ่คนตัวสูงที่ยืนขยี้หัวตัวเองอย่างเซ็งๆ ร่างบางได้แต่ยืนก้มหน้า ร่างกายสั่นเทิ่มด้วยความหนาวที่เริ่มกัดกินร่างกายของเขาทีละน้อย
 
“ยืนบื้อทำไมอีกเล่า อยากลงไปว่ายน้ำเล่นอีกรึไง” ผมยังไม่เข้าใจว่าไอ่นี่มันสรรหาเรื่องมาว่าผมได้ตลอดเลยแหละน่า...
 
 แต่เมื่อกี้มันจูบผม ไม่ใช่สิ มันก็แค่หนึ่งในกระบวนการช่วยชีวิตคนตกน้ำก็เท่านั้น ทำไมผมต้องไปคิดวุ่นวายกับเรื่องนี้ด้วยนะ เป็นผมก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว มันก็แค่ช่วยชีวิตผม ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น แค่ผายปอดธรรมดาๆ
 
   ผมปั่นจักรยานตามหลังไอ่บอลห่างๆ แยกข้างหน้าก็ถึงแยกไปทางบ้านผมแล้ว อีกนิดเดียวผมจะได้ไม่ต้องทนฟังมันด่ามันว่าผม ไม่ต้องเป็นตัวทำให้มันเดือดร้อนอีกแล้ว จู่ๆน้ำใสๆก็เริ่มเอ่อล้นออกจากนัยน์ตาคู่สวยอย่างไร้สาเหตุ แล้วทำไมผมต้องร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้ด้วย เกี๊ยวใช้แขนเล็กบาดน้ำตาตัวเองลวกๆแต่เหมือนจะยิ่งกระตุ้นให้น้ำตามันไหลออกมามากขึ้นอีก
 
เอี๊ยดดด
 
   เมื่อไรไม่รู้ที่รถจักรยานข้างหน้าของผมหยุดการเคลื่อนที่ แต่ไวเท่าสายตาและสติที่ผมเรียกกลับคืนมาได้ทันเวลา เพราะอีกนิดเดียวผมก็จะปั่นจักรยานเสยก้นรถของไอ่บอลมันอยู่ร่อมร่อแล้วเนี่ย
 
“ปั่นจักรยานภาษาอะไรของเมิงเนี่ย” เสียงไอ่บอลบ่นดังไปสามบ้านแปดบ้าน ผมก็มองหน้าอย่างงๆ แล้วอยู่ดีๆมันหยุดรถทำไมเองทำไมล่ะ
 
“ก็ เมิง” ไม่ทันที่ผมจะอ้าปากเถียงมัน ไอ่บอลก็ส่งสายตาราวกับซาตานมาทางผมจนคำพูดทั้งหมดมันจุกอยู่ที่คอ
 
“ไอ่บอล ไอ่เกี๊ยวเมิงไปทำอะไรมาว่ะเนี่ย” แล้วคำตอบก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเมื่อเห็นหน้าตาตื่นตูมของไอ่โยวิ่งมาหาผม
 
“อะ เอ่อ” เหมือนคำพูดทุกอย่างมันจะติดที่ปลายลิ้นแต่มันไม่รู้จะอธิบายว่ายังไง แต่ที่แปลกคือผมปั่นจักรยานตามไอ่บอลมาถึงที่บ้านมันเลยเหรอเนี่ย
 
“แล้วพวกเมิงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” ไอ่บอลคุยกับไอ่เคน นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กที่สั่นเบาๆด้วยหางตา
 
“กูกลับไปแมร่งไม่มีใครอยู่สักคน” เสียงไอ่เคนตอบแบบไร้อารมณ์ ตามด้วยเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กเต็มหัว
 
“ก็มีไอ่โง่ที่ไหนไม่รู้ตกน้ำน่ะดิ กูเลยพลอยซวยไปด้วย” คนตัวสูงตอบกระแทกน้ำเสียง ทำให้ร่างบางรู้สึกผิดเข้าไปอีก
 
“เฮ๊ย ไอ่เกี๊ยวตกน้ำเหรอว่ะ เป็นไรมากมั้ยเนี่ย” ไอ่โยถามผมพร้อมเอามือเตะหน้าผากมนสวมรอยเป็นหมอชั่วคราว
 
 ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ตอนนี้ผมก็แทบไม่มีแรงยืนอยู่แล้วครับ อยากกลับบ้านๆ
 
“กูกลับก่อนนะ” เสียงหวานเอ่ยเบาคนตัวเล็กที่กำลังจะควบจักรยานกลับอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงหน้าหวานอิดโรยจนเห็นได้ชัด ขอบตาแดงกร่ำจนน่าสงสาร
 
“จะยืนยังไม่มีปัญญา ยังจะเสือกปั่นจักรยานเดี๋ยวก็รถชนตายหรอกเมิง” มือหนาคว้าแขนเล็กที่ร้อนอุ่นๆในมือด้วยกำลังที่เหนือกว่า
 
“...” ไม่รู้เรี่ยวแรงผมมันหายไปไหนหมด เหมือนโลกทั้งใบมันหมุนติ้วเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ฝืนร่างกายที่อ่อนแอนี้สะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการจับกุม
 
“เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง เมิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะว่ะ” เสียงไอ่เคนพูดกับไอ่บอล
 
“ไม่เป็นไร กูกลับเอง” จะใครผมก็ไม่ให้ไปส่งหรอก ผมกลับเองดีที่สุด เสียงหวานแหบพร่าอย่างคนเป็นไข้
 
“ไม่ต้อง กูจะไปส่งมันเอง” เสียงทุ้มกล่าวอย่างหนักแน่น นัยน์ตาคมเหมือนจะเน้นย้ำคำพูดของตัวเองได้ดี
 
“งั้น พวกกูกลับก่อนแล้วกัน” ความรู้สึกหนักหน่วงที่แขนของผมมันมากขึ้นเรื่อยๆ นิ้วเล็กๆพยายามแกะมือหนาของอีกฝ่ายอย่างไร้หนทาง
 
“นะ...” ผมงัดไม้ตายสุดท้ายของผมขึ้นมา แต่ไม่ทันจะจะได้แหกปากเรียกน้านวล ริมฝีปากนุ่มๆถูกประกบปิดอีกครั้งอย่างจงใจ คนตัวเล็กดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง รสเค็มๆที่ริมฝีปากทำให้ผมอยากจะกัดไอ่มือหนาๆของมันแต่ก็ทำไม่ได้ (ลุ้นอ่ะดิ ลุ้น)
 
“จำไว้เมิงเป็นหนี้ชีวิตกู งั้นห้ามขัดคำสั่งรู้มั้ย” เสียงทุ้มกระซิบข้างๆหู ย้ำให้รู้ว่าผมอยู่ในฐานะอะไร ดวงหน้าหวานได้แต่พยักหน้าเบาๆอย่างเชื่อฟัง แล้วมือหนาก็ค่อยๆคลายออกให้ริมฝีปากนุ่มเป็นอิสระอีกครั้ง
 
   แล้วผมก็เดินตามไอ่บอลจนไปถึงห้องๆหนึ่ง ถ้าไม่มีเตียงตรงกลางผมก็คงดูไม่ออกเลยว่ามันคือห้องนอน
 
“ไปอาบน้ำซะ แล้วกูจะไปส่งบ้าน” ไอ่บอลโยนเสื้อผ้าของมันมาให้ผมก่อนจะไล่ผมให้เข้าไปในห้องน้ำ
 
   ผมอาบน้ำช้ากว่าปกติที่เคย มันรู้สึกร้อนๆหนาวๆ แถมยังปวดหัวหนึบอีกต่างหาก ผมสวมเสื้อผ้าหลวมๆของไอ่บอล กางเกงที่ดูเหมือนจะเป็นกางเกงขาสั้นของมันก็ยาวเลยเข่าของผม เสื้อยืดที่ตัวใหญ่กว่าตัวผมหลายเท่าก็มันโตกว่าผมตั้งสองปี แถมหุ่นเฟิร์มๆอย่างมัน เมื่อเทียบกับไอ่แห้งอย่างผมผลก็เลยออกมาเป็นยังงี้ แต่ผมก็ต้องจำใจใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 16-04-2009 15:05:38
 :z13: และ +1 เป็นกำลังใจให้น้อง Tanuki
ขอเข้ามาเจิมเรื่องใหม่ด้วยคนค่ะ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใสในวัยเด็กนะคะ คงเป็นที่ชื่นชอบ
ของพวกพี่ ๆ ทั้งหลายเป็นอย่างดี ชอบค่ะ
จะรอตอนต่อไปนะคะ   :L2:
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 16-04-2009 15:09:46
 :กอด1:

มาอ่านแล้วครับบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2009 16:06:13
สงสาร เกี๊ยว  :กอด1:

ส่วนเจ้าบอลนะ  :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 16-04-2009 18:20:05
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 16-04-2009 21:15:45
มอบแต้ม+ ที่ 7 ให้คร้าบ
**********
เรื่องน่ารักๆของวัยใสๆ อิอิ ชอบคร้าบ
บอลมาแรงกว่าโอมแล้ววววววว อิอิ
ขอบคุณคร้าบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 16-04-2009 21:22:40
เรื่องนี้เคยอ่านที่ไหนหว่าาา

จำไม่ได้้อ่าาา

สนุกแต่ว่า เป็น งง ๆ พระเอกไม่ค่อยจะสนใจ นายเอก เล้ยยย

เหอๆ ๆ ๆ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 17-04-2009 08:16:15
สงสารเกี๊ยว

สงสารโอม..มัวแต่มอง
ก็มองต่อไป ๕๕

อิบอล  :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 17-04-2009 12:53:10
 o13 โอ้วยอดมากกก จูบกานแล้ววววววววววววว เริดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: [W]olf[T]ricky ที่ 17-04-2009 20:39:43
เกี๊ยววววววววววววว

จูบไปกับคุณบอลแล้ววววววว

โฮกกกกกกกก  แล้วคุณโอมอ่า ๆๆๆเชียร์โอมอ่ะ ชอบโอม รักโอม

อยากให้โอมเป็นพระเอก หุหุๆๆๆๆ

รีบๆๆๆมาต่อนะคะ o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 17-04-2009 20:43:26
เคยอ่านอยู่ แต่สงสาร :z3:
เลือกไม่ถูกจิงๆ
ขอบคุณนะค่ะที่นำมาลงอ่านที่นี่
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 17-04-2009 21:55:57
 :a5: :a5:

เป็นเด็กเป็นเล็ก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 17-04-2009 22:52:27
เคยอ่านเรื่องนี้สมัยลงเด็กดี ดีใจมากๆ ที่คนเขียนเอามาลงใหม่ คราวนี้อย่าลืมแต่งให้จบนะคะ เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 17-04-2009 23:16:37
บอลรุกเร็วเหมือนกันนะเนี่ย หึ หึ หึ

 o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 18-04-2009 05:40:29
มอบแต้ม+ ที่ 9 และรอตอนใหม่นะคร้าบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 18-04-2009 12:19:44
ตอน 4

  ผมก็ต้องนั่งรอจนกว่าไอ่บอลมันจะอาบน้ำเสร็จอีก จะว่าไปถ้าผมแอบหนีตอนนี้ก็ยังทัน คนตัวเล็กรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นที่ดวงหน้าหวานเพิ่มความท้าทายมากขึ้น แล้วผมก็ต้องทำตัวเป็นโจรย่องเข้าบ้านคนอื่นต่างกันตรงที่ผมกำลังย่องลงบันไดมาก็เท่านั้น

“ก็กูบอกให้เมิงรออยู่ในห้องไง” เอาแล้วไง วันนี้ผมโดนหักคอจิ้มน้ำพริกตาแดงชัวร์ มันเล่นมาล็อกคอผมทั้งๆที่ยืนอยู่ตรงบันไดเนี่ยนะ ตกลงไปตายห่าด้วยกันทั้งคู่
 
“กะ ก็...คะ คือ กูปวดฉี่” ผมแก้ตัวหน้าด้านๆ แกล้งเอามามากุมที่เป้าตัวเองทำเนียนเพื่อความสมจริง
 
“เออๆ รีบไปก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจไม่ไปส่งเมิง” แล้วใครใช้ให้เมิงไปส่งกูเล่า ไม่ได้ขอเลยสักนิด ผมก็เลยต้องเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง เข้าไปนั่งทำหน้าเหียกสักพัก แล้วค่อยออกไป
 
   ความรู้สึกร้อนๆที่หน้า ปวดหัวตุบๆจนบอกไม่ถูก เวลากระพริบตาทีมันก็ร้อนๆที่เปลือกตายังไงก็ไม่รู้ จะกลืนน้ำลายทีผมแทบไม่อยากจะกลืน ก็มันเจ็บแปล๊บๆที่ในคอเหมือนมีใครเอามีดมากรีดไว้ยังงั้น ทุกอย่างตอนนี้ก็ดูเหมือนจะพร่ามัวไปหมด นี่ไข้ผมขึ้นไวขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงได้อ่อนแอยังงี้นะ ผมไม่ชอบเลย (เป็นไข้ใครมันชอบกันฟร่ะ)
 
“ขี้แตกรึไงว่ะ เข้าไปเป็นชั่วโมง” อันที่จริงผมเข้าไปแอบนั่งหลับในห้องน้ำต่างหาก กะแค่พักสายตาสองสามนาทีพอรู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกร่ำซะแล้ว
 
“เออ กูท้องเสีย” ผมตอบปัดๆ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรแล้วนอกจากจะกลับไปนอนที่นอนอุ่นๆของผมอย่างเดียว ลงบันไดผมก็แทบจะเดินหลับตาลงมาอยู่แล้ว ก็นอนในห้องน้ำมันยังไม่อิ่มดีเลย
 
“อ้าว เฮ๊ย ไอ่โอมวันนี้ไปดวลบอลกะใครมาอีกว่ะ” เสียงไอ่บอลที่พูดกับใครบางคนทำให้ร่างบางเบิกตาโพลง
 
“ก็พวกไอ่หนึ่งนั่นแหละว่ะ จะมีใครซะอีก” พวกไอ่โอมกับเพื่อนของมันยืนออกันอยู่เต็มหน้าร้านในมือ ถือขวดน้ำอัดลมเป็นเป็นแถว
 
“แล้วเมิงกลับไงเนี่ย” เมิงจะคุยกันอีกนานม๊ายย กูอยากกลับบ้านโว้ยยยย ก็ไอ่อาการปวดเศียรเวียนกล้าคล้ายจะเป็นลมของผมมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตาผมจะปิดเหล่ไม่ปิดเหล่แล้วเนี่ย
 
“กะจะให้ไอ่ยะไปส่งว่ะ มีไร” โอมถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
 
“งั้นดีเลย เมิงเอาไอ่ก้างนี่กลับไปด้วยแร่ะกัน แมร่ง กูจะช่วยแม่ปิดร้านว่ะ” ไอ่ก้างที่ว่านี่มันหมายถึงผมเองแหละ ผมพยายามทำตัวเนียนก็ถุงกระสอบใส่ข้าวข้างๆแล้วมันก็ดันหาเรื่องให้ผมจนได้ ไอ่ทึกนี่ก็ผลักผมไปหาไอ่โอมทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว กูไม่ใช่ของเล่นนะเว้ยจะได้ส่งไปส่งมาแบบนี้
 
“ก็ได้” ไอ่โอมมันมองหน้าผมแปลกๆแถมยังอมยิ้มกรุ่มกริ่มจนดูน่ากลัว คนป่วยเมิงจะไม่ละเว้นเลยรึไงฟร่ะ
 
“งั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย” แล้วไอ่โอมก็ล่ำลากับลูกทีมของมันเสร็จก็เหลือแต่ ผม ไอ่โอม และ ไอ่บอล ท่ามกลางความเงียบอีกครั้ง พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย
 
 ผมก็ได้แต่เดินตามหลังไอ่โอมไปต้อยๆ ที่มันไม่ได้เอารถจักรยานก็เพราะไอ่พวกนั้นไปรับไปส่งมันถึงที่บ้านนี่ครับ ใครๆก็อยากเป็นเพื่อนมันยกเว้นผมคนหนึ่งแหละ (ความแค้นมันฝังใจ)
 
“เห้ย เมิงจะยืนเหม่ออีกนานมั้ย” อาศัยรถกูแล้วยังมาหลอกด่าอีก เจริญมั้ยล่ะ
 
   มันทำยังกะว่ารถที่มันควบอยู่เป็นรถจักรยานของมันยังงั้นแหละ เดี๋ยวพ่อกระโดดก้านคอซะนิ แต่ตอนนี้ฝากไว้ก่อนเพราะผมกำลังมึนเดี๋ยวมันจะได้เปรียบ ผมก็เลยจำใจไปนั่งซ้อนท้ายมันอย่างช่วยไม่ได้
 
   รถจักรยานสีน้ำเงินดำออกตัวไปช้าๆ ไม่รู้ไอ่โอมมันขับรถฯเป็นรึเปล่าขับช้ายิ่งกว่าเต่าซะอีก รถฯปั่นทวนกระแสลมอ่อนๆที่พัดปะทะกลับมา แสงอาทิตย์ร่ำไรในตอนเย็น ประกอบกับเสียงนกกาที่ร้องดังชวนให้ผมเคลิ้มดีจริงๆ ผมไม่ได้หลับน้า แค่พักสายตาเท่านั้นเอง
 
   แล้วหัวก็เริ่มเอียงทีล่ะนิด หลังจากนั่งสับปะโงกได้สักพัก มันก็กลายเป็นหลับถาวร ดวงหน้าหวานเผลอโน้มไปซบกับแผ่นหลังคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว จนโอมสะดุ้งหันมาดูคนข้างหลังด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
 
“ไอ่นี่มันไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาว่ะเนี่ย” ถึงร่างสูงจะบ่นกระปอดกระแปดแต่ริมฝีปากเรียวกลับยิ้มอย่างไร้เหตุผล
 
“งืมๆ” เสียงครางเบาๆในลำคอทำให้ร่างสูงกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ นอนดีๆไม่พอขนาดหลับยังทำเนียนละเลงน้ำลายซะเต็มหลังผมเลย (โอมคิด)
 
   ท้องฟ้าที่แดงค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นดำสนิท ดวงไฟนีออนสีส้มข้างถนนสว่างเป็นทาง นานๆทีจะมีรถสักคันผ่านมาก็ไม่แปลก เพราะที่นี้ค่อนข้างจะอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรแต่ก็ยังพอมีความเจริญอยู่บ้าง เรียกว่าอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงจะเหมาะกว่า แถวสี่แยกถึงจะเจอรถเยอะๆบ้าง
 
   มือหนาเอื้อมไปจับข้อมือเล็กที่ห้อยโต่งเตงอยู่ข้างลำตัวร่างบางขึ้นมาโอบเอวแกร่งของตัวเองไว้อย่างหลวมๆ สัมผัสนุ่มนิ่มในมือมันทำให้คนตัวสูงมีความสุขกว่าครั้งไหนๆ หัวใจมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนแทบจะหลอมละลายให้ได้แล้ว
 
...
 
   แต่ข้อมือเล็กๆอุ่นๆ กับสัมผัสร้อนๆที่หลังตั้งแต่เมื่อกี้ทำให้โอมเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ซบเขาอยู่ตอนนี้กำลังป่วยอยู่แน่ๆ
 
   จากที่จะแกล้งปั่นจักรยานช้าๆเพื่อที่เขาจะได้อยู่กับคนตัวเล็กแบบนี้นานๆ กลับทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นกว่าเดิม อาการกังวลปรากฏที่ดวงหน้าคมทันที มือหนากระชับแขนคนตัวเล็กแน่น ก่อนจะกุมมือนิ่มที่อยู่บริเวณหน้าท้องของตัวเองเบาๆ ขณะที่อีกมือก็บังคับรถจักรยานแล่นลิ้วปะทะลมทำให้ร่างบางสั่นเล็กๆเพราะอากาศที่หนาวเกินกว่าร่างกายของเขาจะรับไหว
 
“อย่าเป็นไรนะเว้ย” คนตัวสูงเอ่ย น้ำเสียงสั่นเครือ เพราะกลัวว่าคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้
 
เอี๊ยดด รถจักรยานจอดหน้าร้านบะหมี่เกี๊ยวที่ปราศจากผู้คน มีเพียงผู้เป็นพ่อกับแม่ของคนที่กำลังหลับใหลนั่งอยู่เท่านั้น
 
 “น้าพงษ์ครับ ไอ่เกี๊ยวมันเป็นไรไม่รู้ตัวร้อนจี๋เลย” ร่างสูงเอ่ยรัว ในอ้อมแขนประคองคนตัวเล็กด้วยความห่วงใย
 
“อุ้มขึ้นไปห้องนอนก่อนไป” คนตัวสูงพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินอุ้มคนตัวเล็กขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน
 
“พ่อ เอาผ้าชุบน้ำขึ้นมาด้วยนะ” ผู้เป็นแม่สั่งก่อนจะรีบเดินตามหลังโอมขึ้นไป
 
“สงสัยจะเป็นไข้ ไปทำอะไรมาอีกเนี่ย จริงๆเล้ย” เหมือนแม่จะบ่นแต่ในน้ำเสียงกลับเจือปนด้วยความห่วงใย แม่บรรจงซับผ้าขนหนูอุ่นๆที่ดวงหน้าหวาน พ่อที่คอยอยู่ข้างๆก็คงเป็นห่วงไม่แพ้กัน
 
“เกี๊ยวกินยาก่อนนะลูก” พ่อช้อนท้ายทอยคนตัวเล็กให้อยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ส่วนแม่ก็เขย่าตัวเกี๊ยวเบาๆเพื่อเรียกสติ ยาเม็ดเล็กถูกสอดเข้าไปในปากบางตามด้วยน้ำเปล่า เกี๊ยวขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะยอมกลืนยาไปแต่โดยดี ดวงหน้าหวานบูดเบี้ยวทำให้รู้ว่าสิ่งที่กินเข้าไปคงไม่ถูกปากมากนัก
 
 แล้วแม่ก็ถอดเสื้อเกี๊ยวเพื่อจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้คนที่นอนอยู่เพราะน้ำหกเลอะเสื้อที่ใส่อยู่จนเปียกหมดแล้ว ขืนให้ใส่ยังงี้ต่อไปมีหวังพาลจะทำให้ไข้ขึ้นซะเปล่าๆ
 
“อะ เอ่อ น้าพงษ์น้าดางั้นผมกลับก่อนนะครับ” คิดจะถอดก็ถอดกันต่อหน้ายังงี้ ก็มีหวั่นไหวมั้งสิครับ (โอมคิด)
 
“อืม ขอบใจมากนะโอมที่อุตส่าห์พาเจ้าเกี๊ยวมันมาส่งน่ะ” น้าพงษ์พูดพลางลูบหลังคนตัวสูงเบาๆ
 
“คะ ครับ ไม่เป็นไรครับ” แล้วผมก็ต้องลุกลี้ลุกลนออกจากห้องไอ่เกี๊ยวมันแทบไม่ทัน ก็น้าดาเล่นถอดซะเกือบหมดทุกชิ้น ถ้าผมยืนอยู่มีหวังเลือดกำเดาไหลน้าพงษ์กะน้าดาคงไม่ให้ผมเข้าใกล้ลูกชายเค้าแน่ๆ (โอมคิด)
 
 อีกใจหนึ่งผมก็ห่วง แต่ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดาพักสองสามวันก็คงหาย ไอ่นี่มันไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง ต้องอยู่ให้ผมแกล้งไปอีกนาน หายไวๆนะเว้ยไอ่เกี๊ยว (โอมคิด)



 “พ่อๆ เอารถออกเร็ว เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน แค่กๆ” เสียงเล็กเร่งกระเส้าอย่างกระวนกระวาย หลังจากที่นอนซมอยู่ทั้งคืน จากไข้ที่เคยขึ้นสูงเหลือทิ้งไว้เพียงไอ่น้ำเมือกใสๆในจมูกที่ไหลเยิ้มตลอดเวลาจนน่ารำคาญ
 
“สภาพยังงี้จะไปไหวเร้อ หยุดสักวันดีกว่ามั้ย” พ่อพูดพลางเอามืออุ่นๆเตะที่หน้าผากมนอย่างห่วงใย
 
“ไหวพ่อ รีบไปเหอะ” มือเล็กกระตุกชายเสื้อพ่อเบาๆ ก่อนจะสูดน้ำมูกดังฟืดฟาด
 
“เอ้า ไปก็ไป” เหมือนพ่อจะคิดลังเลอยู่ลักพัก สุดท้ายก็ต้องยอมคนตัวเล็กที่ยืนมองสายตาเว้าวอนอยู่ตรงหน้า
 
   ยิ่งพ่อขับรถเร็วเท่าไรก็เหมือนผมกำลังนั่งอยู่ในตู้แช่เย็นอาเฮียร้านข้างๆซะยังงั้น ไม่นานผมก็เห็นท้ายรถนักเรียนคันเก่าๆที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ด้านหน้า แล้วค่อยๆชะลอความเร็วจนหยุดเช่นทุกคราว
 
“เอายาไปรึยัง” เสียงพ่อตะโกนถามตามหลังคนตัวเล็กที่เพิ่งจะก้าวขึ้นรถ เกี๊ยวเพียงแต่พยักหน้าหงึกๆ ร่างบางที่สั่นระริกกับดวงหน้าหวานที่ซีดปานกระดาษ ริมฝีบางอมชมพูระเรื่อจนเกือบไม่มีสี เสียงหอบเบาอยู่ในลำคอจนน่าสงสาร
 
   ขาเล็กที่หมายจะก้าวไปหาที่นั่งข้างหน้า แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่รั้งกระเป๋าอันหนักอึ้งของเขาไว้อย่างกะทันหันจนเกือบเสียหลักล้มคะมำไปกองกับพื้น โชคดีที่เขาตั้งหลักทันซะก่อน
 
“เมิงน่ะ จะไปไหน มานั่งนี่” ไอ่คนที่ดึงกระเป๋าผมจะใครที่ไหนได้ก็มีแต่ไอ่บอลที่นั่งอยู่ตรงนั้น คนตัวเล็กมองที่ว่างข้างๆร่างสูงอย่างหวาดหวั่น ไม่รู้คราวนี้ผมจะโดนมันแกล้งอะไรอีก
 
“ต่อไปนี้เมิงต้องมานั่งที่นี้ทุกวัน เข้าใจมั้ย!!” ไม่รู้ไอ่บอลมันจะตะโกนหาพระแสงอะไรของมันทั้งที่ผมก็นั่งข้างๆมันแล้วแก้วหูแทบแตก
 
“เออ” เสียงหวานแหบพร่า เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนไอ่คนที่เพิ่งออกคำสั่งจะไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
 
   ใครจะเชื่อกันล่ะว่ามันจะมีวันนี้ได้ วันที่ผมได้มานั่งที่เดียวกะพวกไอ่บอล ที่นั่งเบาะยาวหลังรถที่ผมได้แต่มองมันห่างๆทุกวัน สิ่งที่ทุกคนอยากมีไม่ว่าจะเป็นใคร สิ่งที่ใครๆเรียกมันว่า เพื่อน ผมไม่แน่ใจว่าในตอนนี้ผมอยู่ในฐานะไหนกันแน่ คนที่พวกมันเห็นว่าเป็นเพื่อน หรือแค่ของเล่นที่ไว้แกล้งแก้เซ็งงั้นเหรอ
 
 ไอ่บอลนั่งนิ่งบางครั้งผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงมันฮัมเพลงเบาๆ อันนี้ผมอาจจะคิดไปเอง ตอนนี้สมองผมมันโล่งโหวงไปหมดแล้ว ก็เพราะน้ำมูกที่มันไหลไม่หยุดเนี่ยแหละ ส่วนไอ่ข้างๆผมที่นอนพิงไอ่เคนอย่างสบายอารมณ์ก็คงเป็นไอ่โยสินะ
 
เวลา 8 นาฬิกา ประเทศ...
 
   อีกเช่นเคยที่พวกผมวิ่งตาลีตาเหลือกไปเข้าแถว เสียงหอบดังระงมไปทั่วบริเวณ แสงอาทิตย์อุ่นๆกับปุยเมฆสีจางๆตอนรับเช้าวันใหม่อย่างสดใส ถึงอากาศตอนนี้จะเริ่มเย็นกว่าปกติ แต่ถือได้ว่าช่วงนี้อากาศดีมากเลยทีเดียว เสียที่ผมเป็นหวัดก็เท่านั้น
 
“เฮ๊ย” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงขณะเดินขึ้นบันไดที่แออัดไปด้วยนักเรียนอีกหลายชีวิต ผมเดินขึ้นบันไดอยู่ดีๆ ไอ่เชี่ยที่ไหนไม่รู้มาผลักมาจากข้างหลังซะเกือบล้ม ผมก็ได้มองหาไอ่ตัวการอย่างเคืองๆ แต่ก็ไม่เจอใครที่น่าจะใช่สักคน อย่าให้จับได้นะเว้ยว่าใครแกล้ง จะโดนไม่ใช่น้อย
 
หมับ~!! จู่ๆไอ่บ้าไหนก็ไม่รู้เดินมากอดคอผมเฉยเลย คนยิ่งมึนๆอยู่
 
“หายเป็นไข้แล้วเหรอว่ะ ถึงได้หอบสังขารมาเรียนได้” ผมมองหน้าไอ่โอมที่ยืนกอดคอผมยังกะสนิทกับมันมา 10 ปียังงั้น (ประชด)
 
“แล้วเมิงเห็นว่ากูนอนอยู่ที่บ้านรึไงเล่า” ไอ่เสียงที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วแหบเล็กยิ่งกว่าเดิม ผมรีบมุดหัวออกจากแขนของไอ่โอมตอนมันเผลอแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนที่จะมีเรื่องซวยๆเกิดขึ้นอีก
 
   เกือบตลอดทั้งวันที่ผมได้แต่นั่งทำหน้าเอ๋อ ส่วนไอ่สิ่งที่มันขีดเขียนบนกระดานมันก็แทบจะไม่หัวของผมเลยสักนิด นี่ผมคิดผิดคิดถูกที่หอบสังขารมาโรงเรียน บางที่ผมน่าจะหยุดเรียนสักวัน แต่ไหนๆวันนี้มันก็มาแล้วนี่ทำไงได้ล่ะ



ตุบ
 
“อะไร” เสียงเล็กถามพร้อมกับมองกองสมุดที่ถูกโยนมาบนโต๊ะอย่างไม่เข้าใจ
 
“การบ้าน ทำให้เสร็จด้วยล่ะ” ร่างสูงออกคำสั่งหนักแน่น
 
“แต่กู...” อะไรกันมันจะให้ผมทำหมดนี่คนเดียวจริงๆเหรอ สมุดการบ้านตั้งหลายเล่มแถมแต่ละวิชายากๆทั้งนั้น ผมเองก็ใช่ว่าจะทำเสร็จเหมือนกัน
 
“ถ้าเมิงทำไม่เสร็จเจอดีแน่” บอลยื่นคำขาด ร่างสูงโน้มตัวลงให้จ้องดวงหน้าหวานก่อนจะยักคิ้วเย้ยคนตัวเล็กที่นั่งไหล่ห่ออยู่ตรงหน้า
 
   ภายในห้องที่เงียบสงัดปราศจากผู้คน ก็ใช่สิ นี่มันเวลาพัก แต่ผมกลับต้องมานั่งทำการบ้านงุดๆให้ไอ่บอล ดูมันใช้ผมอย่างทาส ถ้าไม่ติดว่ามันเคยช่วยผมไว้นะ
 
“เชี่ยเอ๊ย” มือเล็กทุบโต๊ะแรงระบายโทสะที่ซ้อนอยู่ภายในออกมาอย่างบ้าคลั่ง
 
   จนในที่สุดก็ถึงคาบเรียนตอนบ่าย ผมชวดโอกาสกินข้าวเที่ยง แต่งานที่กองสูงอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องข่มความหิวเอาไว้ก่อน โชคยังดีที่ผมนั่งอยู่หลังห้อง เลยแอบทำการบ้านใต้โต๊ะได้สบายหน่อย วันนี้ครูสอนอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเลยสักวิชา แต่ถ้าการบ้านไอ่บอลไม่เสร็จผมต้องตายอย่างเขียดแน่ๆ
 
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเบาราวกับกระซิบดังมาจากข้างหลัง ไม่รู้ไอ่เกี๊ยวมันทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะตั้งแต่เที่ยงแล้ว ผมไม่เห็นมันไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยสิ (โอมคิด) ร่างสูงแอบมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดด้วยความสงสัย
 
   เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น พร้อมกับร่างกายที่อ่อนล้าของผมมันอยากจะพักเต็มที เหลืออีกแค่ไม่กี่หน้าผมก็เอาไปส่งครูได้แล้ว ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไรแต่ดูเหมือนภายในห้องจะเงียบลงทุกที
 
   มือเล็กขีดเขียนบางสิ่งบางอย่างลงไปในสมุด ลมเย็นๆพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องที่เงียบงัน เสียงลมแผ่วเบาเหมือนจะกล่อมให้กับคนที่นั่งอยู่ นัยน์ตาสวยดำดิ่งสู่ความมืดมิดในที่สุด เปลือกตาที่ปิดสนิทกับเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะ สมุดหนังสือมากมายเปิดกว้างกระจายเต็มโต๊ะ
 
   ใครบางคนกำลังทิ้งตัวนั่งข้างๆร่างบางที่นอนหมอบอยู่บนโต๊ะอย่างช้าๆ ราวกับว่ากลัวคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาซะยังงั้น
 
   นิ้วมือเรียวเกลี่ยปอยผมที่ตกมาบดบังดวงหน้าสวยขึ้นเผยพวงแก้มเนียนที่แดงระเรื่อ กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวเล็กทำให้ริมฝีปากเรียวเผลอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
 
   ดวงหน้าคมเคลื่อนเข้าไปหาคนที่นอนอยู่เรื่อยๆ จนได้ยินเสียงหายใจของเกี๊ยวดังข้างๆหู ภายในใจกลับตื่นเต้นจนเกินกว่าจะบรรยาย คนตัวสูงจุมพิตริมฝีปากบางแผ่วเบา ริมฝีปากนุ่มนิ่มทำให้ร่างสูงเตลิดไปไกล ในใจมันล่องลอยเหมือนกับจะบินได้ สัมผัสที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันหวานหอมยิ่งกว่าสิ่งใด
 
“งืม” รสจูบที่เนิ่นนานต้องจบลง เพราะดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะเริ่มรู้สึกตัว ร่างสูงผละออกจากริมฝีปากบางอย่างน่าเสียดาย
 
“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว เมิงมานอนอะไรตรงนี้” คนตัวสูงเปลี่ยนสีหน้า พยายามข่มทำตัวให้เป็นปกติ มือหนาก็พลางเขย่าตัวคนที่นอนหมอบซะเกือบตกเก้าอี้
 
“หืม” เสียงหวานงัวเงียอยู่ในลำคอ มือเล็กขยี้ตา ผมยุ่งๆที่ดูน่ารักไปอีกแบบทำให้คนที่ยืนอยู่รีบชักมือกลับมา ดวงหน้าคมดูตื่นๆเล็กน้อย
 
“แมร่ง เมิงจะกลับบ้านมั้ยเนี่ย” ไอ่เชี่ยที่ไหนมันมาปลุกผมเนี่ย คนกำลังนอนได้ที่
 
“ชริปหายแล้ว” คนตัวเล็กตะโกนลั่น ผมยังไม่ได้ไปส่งการบ้านให้ไอ่บอลเลย ผมกวาดสมุดที่กองอยู่บนโต๊ะก่อนจะสะพายกระเป๋าวิ่งไปห้องพักครู
 
   ผมเกือบส่งการบ้านไม่ทันแน่ะ เพราะคุณครูก็กำลังจะกลับบ้านพอดี แล้วผมก็ต้องรีบวิ่งขึ้นรถนักเรียนที่กำลังจะออกไปอย่างฉิวเฉียด ถ้าไอ่โอมไม่ปลุกผม ผมคงนอนยาวจนถึงเช้าแน่ๆเลย ก็บรรยากาศมันน่านอนนี่หว่า แล้วผมก็ต้องไปนั่งข้างๆไอ่บอลเหมือนเดิม
 
“หายหัวไปไหนมาว่ะ แล้วส่งการบ้านให้กูยัง” กูก็หายหัวไปทำการบ้านให้เมิงนั่นแหละ
 
“เออ” คนตัวเล็กตอบสั้นๆ แถมเอาแต่ส่งสายตาเคืองๆไปให้ร่างสูงที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักเท่าไร
 
   ผมชอบอากาศแบบนี้จัง ไม่ร้อนไม่หนาว กำลังเย็นๆสบาย แสงอาทิตย์ตอนเย็นในช่วงปลายปีแบบนี้ ถ้าตัดไอ่บอลไปนี่ชีวิตผมคงจะเจริญขึ้นไม่น้อยเลย
 
“มองหน้าหาแป๊ะเมิงเหรอ” ไอ่บอลด่าผมไม่พอตบท้ายได้การตบหัวผมอีก 1 ที เออ...กูไม่มองก็ได้ว่ะ
 
 ผมก็เลยเปลี่ยนความสนใจมาที่ไอ่โยที่มันนั่งข้างๆผม ปกติมันเจอผมมันก็จะทักผมตลอดแต่วันนี้มันนั่งเงียบก้มหน้าก้มตาเล่นเกมบอยของมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมก็เลยขอส่วนกุศลจากมันด้วยคน แค่ได้ดูมันเล่นก็มันส์แล้ว อย่างผมคงไม่มีปัญญาเล่นเกมแพงๆเหมือนมันได้ เจียมตัว
 
“ซ้ายๆ เออๆ ยังงั้น” ไอ่โยมันเล่นเกมแข่งรถจนผมเผลอออกเสียงเชียร์อย่างไม่รู้ตัว
 
   ผมกำลังลุ้นจนตัวเกร็งอยู่ข้างๆไอ่โย ก็มันเล่นหวาดเสียวทำเอาหัวใจผมตกไปอยู่ตาตุ่มหายครั้ง แต่มันเล่นเก่งจนผมนับถือจริงๆ ความรู้สึกร้อนๆที่ต้นคอผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ผมกำลังสนใจเกมที่อยู่ในมือของไอ่โยมากกว่า
 
“เห้ย ไอ่เกี๊ยวถึงบ้านเมิงแร่ะ จะลงมั้ย” ไม่พูดเปล่าไอ่โอมคว้าคอเสื้อผมติดมือมันไปด้วย
 
“เออๆ รู้แล้วน่า” ทำไมผมต้องมีบ้านใกล้ไอ่เชี่ยโอมด้วยก็ไม่รู้ ส่วนไอ่บอลก็จ้องหน้าผมเขม็งเลย ถ้าตาผมไม่ฝาดผมเห็นมันหน้าแดงด้วยนี่หว่า ไม่ทันที่ผมจะได้ล่ำลาไอ่โย ก็ถูกไอ่โอมลากลงรถซะแร่ะ
 
“ไปนะเว้ย” ผมตะโกนบอกไอ่โย
 
“พรุ่งนี้เจอกัน” ไอ่โยตะโกนกลับมา พร้อมกับโบกมือให้ผมทั้งๆที่มันยังไม่ละสายตาจากเกมในมือ
 
   ผมจัดคอเสื้อที่ยับยู้ยี้ให้เข้ารูป แล้วผมก็แกล้งเดินเหยียบเท้าไอ่โอมแรงๆ 1 ที ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าบ้านอย่างเดียวมันก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้ว
 
“ร้ายจริงๆเลยนะเมิงเนี่ย” โอมบ่นกับเอาตัวเอง ขาเรียวยกเท้าข้างที่โดนเหยียบขณะที่มือหนากุมเท้าตัวเองโดดหย่องๆไปทั่ว ดวงหน้าคมแหยเกเพราะความเจ็บ
 
 หลังจากผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากินยา พอหัวตกถึงหมอนบุบผมก็แทบจะหลับทันที คนป่วยก็ต้องการพักผ่อนสิครับ ผมไม่ได้อู้งานนะเออ
 
 อะไรบางอย่างทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเอง ตอนนี้มันก็ยังไม่เช้านี่หว่า มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายเท้าของผม ผมมองเงาตะคุ้มๆนั่นด้วยใจระทึก แสงจันทร์นวลสีเหลืองผองที่สาดส่องผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นเลือนลาง นี่ผมโดนผีหลอกเหรอเนี่ย เงามืดๆนั่นคลานเข้ามาใกล้ผมทุกที
 
 ผมรีบหลับตาคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม มือไม้ก็ไหว้พลางสวดมนต์ไม่เป็นคำ เนื้อตัวสั่นไปหมดเพราะความกลัวแถมเหงื่อที่ออกท่วมตัว... สักพักผ้าห่มผมก็ถูกดึงออก
 
“นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ ...” ผมไหว้ทั้งที่หลับตาปี๋ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยแล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้นะครับ
 
“เกี๊ยว” เสียงทุ้มที่เย็นเยือกเรียกชื่อผม ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก
 
“อ้าว ไอ่เชี่ยบอลเมิงเข้ามะ...” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ จู่ๆไอ่บอลก็พุ่งเข้ามาจูบผม ลิ้นสากๆที่วนเวียนอยู่ภายในปากของผมเหมือนกับตอนนั้นที่มันช่วยผมตอนผมจมน้ำ
 
   ร่างสูงคร่อมทับร่างบางไว้ข้างใต้ มือหนาสอดเข้าไปสัมผัสความอบอุ่นใต้เสื้อเชิ้ตผืนบางที่ปกปิดเรือนร่างของอีกฝ่าย เสียงครางเบาของคนตัวเล็กเหมือนจะยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของอีกฝ่าย นิ้วมือเรียวบดขยี้เม็ดทับทิมด้วยอารมณ์ที่พุงพล่าน
 
“เมิง จะ ทำ อะ ไร น่ะ แฮ่กๆ” เสียงหอบแรงพร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยกระเส้าเบา มือเล็กพยายามผลักคนตัวสูงที่ทาบทับตนอยู่ด้วยแรงอันน้อยนิด
 
“เฉยๆไว้เหอะน่า” ร่างสูงกระซิบที่ข้างๆหูของอีกฝ่ายก่อนจะเม้มติ่งหูเล็กๆ ลิ้นสากเลียปนดูดเม้มสลับกันไปที่ซอกคอขาวๆ
 
“อะ อย่า หยุด กู ขอ ...” มือเล็กปัดไปมา บอลใช้มือบีบคลึงที่สะโพกนุ่มนิ่ม พลางบดเบียดความเป็นชายของตัวเองเข้าไปหาอีกฝ่าย อีกมือก็ช้อนท้ายทอยคนตัวเล็กให้เอียงรับรสจูบที่เร้าร้อน เสียงหายใจหอบดังระงมไปทั้งห้อง
 
   ร่างกายของทั้งสองเหมือนจะแนบชิดรวมกันเป็นเนื้อเดียวมีเพียงเสื้อผ้าบางๆที่กั้นระหว่างทั้งสองเท่านั้น บอลจัดการถอดเสื้อผมออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ความรู้สึกเย็นวาบจากบรรยากาศภายนอกถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากร่างกายอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนให้ความอบอุ่นด้วยกัน
 
“อ๊ะ อย่า” ร่างบางอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร มือหนาที่กำลังสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกแถมยังน่ารักเหมือนเจ้าของอีก
 
 เกี๊ยวเบียนหน้าหนี พวงแก้มเนียนแดงกร่ำด้วยความอายกับคำขอร้องที่ไม่เป็นผล ริมฝีปากเรียวดูดเม้มไปทั่วหน้าอกเล็กที่แอ่นรับความเสียวซ่านอย่างรู้ความ
 
“อ๊ะ อ๊า แฮ่กๆ” ความรู้สึกที่พุงพล่านทำให้คนตัวเล็กควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป ความปรารถอย่างแรงกล้าเข้ามาแทรกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจนหมดสิ้น
 
 ริมฝีปากบางกลับถูกประกบครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่สามารถท้วงออกมาได้ มีเพียงเสียงครางอู้อี้ในลำคอ
 
“บอล กู ไม่ ไหว แล้ว” คนตัวเล็กเรียกชื่อผู้กระทำอย่างเว้าวอน นิ้วเรียวจิกที่ส่วนปลายเบาๆจนร่างบางกระตุกและปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาเปรอะเต็มมือแกร่งในที่สุด
 
   คนตัวเล็กหอบแรงอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรมาก บอลมองดูร่างบางพร้อมกับกรีดยิ้มอย่างไร้ความหมาย แผงตาคู่สวยปิดลงอย่างช้าๆ ภาพที่บอลกำลังเลียนิ้วมือเลอะๆของตัวเองเลือนลางอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจก่อนที่ความคิดของผมจะลอยเคว้งไปไกล
 
 เสียงรถเก็บขยะที่ดังในตอนเช้าปลุกให้คนที่หลับใหลตื่นขึ้น  เกี๊ยวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะหาววอด เป็นครั้งแรกที่ผมตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
 
“เฮ๊ย...” ร่างบางร้องเสียงหลงเพราะกางเกงที่เปียกชื่นของตัวเอง นี่ ผะ ผมเยี่ยวรดที่นอนเหรอเนี่ย แล้วทำไมฉี่มันถึงขาวๆหว่า สงสัยจะแห้งแล้วมั้ง อึย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
 
 ร่างบางอาบน้ำอย่างลวกๆ ก่อนจะรีบหอบที่นอนไปตากไว้หลังบ้าน ถ้าเรื่องที่ผมฉี่รดที่นอนรู้ไปถึงหูพวกไอ่บอล มันคงโดนล้อไปตลอดชาติแน่ๆ ผมก็เลยต้องโกหกแม่ไปว่าที่นอนมันเหม็น ไม่ได้โกหกน้า... ก็ที่นอนมันเหม็นเพราะฉี่ประหลาดผมจริงๆนี่นา
 
 เมื่อคืนเหมือนผมจะฝันอะไรบางอย่างแต่ผมก็จำไม่ได้ว่าฝันถึงอะไรเหมือนกัน พยายามคิดเท่าไรๆมันก็คิดไม่ออกสักที ผมนั่งคิดจนกระทั่งรถโรงเรียนมาจอดอยู่หน้าบ้านผม ต้องเจอหน้าไอ่โอมกับไอ่บอลพร้อมๆกันแต่เช้า รู้งี้ผมนอนตื่นสายแบบเดิมก็ดีหรอก
 
“จะไปมั้ยโรงเรียนน่ะ” ไอ่บอลตะโกนถามผมเพราะผมทำท่าเหมือนจะไม่ขึ้นรถ เสียงไอ่บอลดุทำเอาผมสะดุ้ง แถมยังรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอีกด้วย เป็นห่าอะไรอีกว่ะเนี่ยกู
 
   ผมไปนั่งข้างๆมันเหมือนเคย ไม่รู้เพราะอะไรทำให้ผมรู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้มัน ผมเลยนั่งหันหลังให้มันทำเป็นว่าดูไอ่โยเล่นเกมแต่ที่จริงผมไม่กล้ามองหน้ามัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมกลัวมันขนาดนี้

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 18-04-2009 12:30:29
อ๊าก--มีใจให้บอล อิอิอิ
*******

ขอบคุณที่มาต่อนะคร้าบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 18-04-2009 14:10:44
 :o8:

 :oo1:

 :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 18-04-2009 15:34:49
 :z1:
คริๆ นึกว่าเรื่องจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 18-04-2009 20:45:06
บอลทำคะแนนนำโอมไปแล้วสิแบบนี้

 :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 18-04-2009 21:36:15
เชียร์โอมจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: wiwanana ที่ 18-04-2009 21:50:13
แ ล้วโ อมหล่ะ??????


ตดลงเ รื่องนี้ใ ครเ ป็นพระเ อกเ นี๊ย


งงงงงงงงงงงงคร๊าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 19-04-2009 00:38:04
เฮ้อโอมเอ้ย  ช้าจังเลยอะ

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 19-04-2009 12:26:58
ตอน 5 บ้านร้าง

“เฮ๊ยๆ เร็วดิว่ะ” เสียงไอ่บอลสั่งลูกน้องมันดังลั่นทั่วห้อง
 
   วันนี้พวกไอ่บอลมันดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ ตั้งแต่เช้าแล้ว ผมเห็นมันนั่งไม่อยู่สุขเอาแต่สุ่มหัวคุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ท่าทางดูซีเรียสไม่ใช่น้อยเพราะผมเห็นไอ่โยทำท่าขนลุกหลายที
 
   พอเสียงกริ่งดังเป็นสัญญาณเลิกเรียนปุบพวกมันก็รีบเก็บข้าวเก็บของยัดใส่กระเป๋า สายตาที่ดูมุ่งมั่นจนน่ากลัวทำให้ผมอยากรู้ซะแล้วว่ามันจะไปทำอะไรกัน หรือว่าไอ่บอลจะไปตีกะใครอีกเนี่ย นิสัยวอนบาทาอย่างมันคงไม่พ้นเรื่องพวกนี้แน่ๆ
 
   ร่างบางรีบก้าวฉับเดินตามกลุ่มเด็กชายที่เพิ่งวิ่งออกไปก่อนหน้านี้ อย่างผมนี่เค้าไม่ได้เรียกว่าเสือกนะก็แค่อยากรู้ผิดด้วยเหรอ กลายเป็นว่าผมต้องเดินหลบตามเสาและสุ่มทุมพุ่มไม้ไปตลอดทาง แต่...ที่หน้าแปลกคือหนึ่งในนั้นมีไอ่โอมเดินร่วมอยู่ด้วย ผมก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าพวกมันวางแผนจะทำอะไรกันแน่
 
   เส้นทางที่คดเคี้ยว ทางเดินเล็กๆที่มีหญ้าสีเขียวขึ้นรกสองข้าง เผลอๆอาจจะมีงูตามแถวนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมมุดออกจากตัวโรงเรียนมาทางด้านหลังที่มีช่องเล็กๆให้ลอดออกมาได้ ยิ่งไกลออกไปจากโรงเรียนเท่าไรก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆชอบกล ลางสังหรณ์มันบอกให้ผมกลับไปแต่ผมมันก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถเอาชนะความอยากรู้ของตัวเองได้
 
   ต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงทึบไม่ต่างกับป่าย่อมๆ แล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลง บ้านร้างทรงไทยผสมหลังใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่ปรากฏขึ้นตรงหน้า สภาพประตูด้านหน้าที่ปิดตาย กระจกเก่าๆแตกกระจาย ใยแมงมุมระโยงรยางค์รอบๆตัวบ้าน นี่ขนาดแค่เย็นๆบ้านหลังนี้ยังดูน่ากลัวขนาดนี้ ไม่อยากคิดว่าถ้าเป็นกลางคืนมันจะน่ากลัวขนาดไหน
 
   พวกไอ่บอลเดินหายเข้าไปในบ้าน ผมควรจะเดินตามมันเข้าไปหรือเลี้ยวกลับตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่ในเมื่อพวกมันเข้าไปได้แล้วทำไมผมจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ ผมก็ลูกผู้ชายไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ผีมีจริงซะที่ไหนกัน ผมพยายามปลอบใจตัวเองแล้วก็รีบปีนหน้าต่างเข้าไปข้างในบ้านร้างหลังนั้น
 
   ข้างในมันน่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ มันทั้งมืดมีแสงสลัวๆเข้ามาเล็กน้อย แถมไอ่กลิ่นแปลกๆที่ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นธูปหรืออะไรสักอย่างชวนให้บรรยากาศมันน่าขนลุกขึ้นไปอีก ฝุ่นหนาๆที่เกาะตามโต๊ะเก้าอี้ มีธูปเก่าๆปักอยู่ที่มุมห้องแล้วก็ไอ่ยันต์แปลกๆที่ติดตามผนังอีก โอย...จะหลอนไปถึงไหน   
 
   ผมพยายามก้าวเดินแต่ขามันเหมือนจะด้านชาก้าวไม่ค่อยออก ร่างบางสั่นระริกมือเล็กกำขากางเกงแน่นก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้าเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของบันไดไม้ที่บ่งบอกอายุ เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นที่ดวงหน้าหวานทั้งที่อากาศภายในบ้านค่อนข้างจะเย็นสบายซะด้วยซ้ำ
 
   ผมว่าชั้นหนึ่งทำเอาผมแทบคลั่งแล้วนะ แต่บนชั้นสองนี่ดิเอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้ผมไม่จับไข้หัวโกร๋นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแร่ะ ผนังไม้เก่าๆที่ผุเป็นรู พอมองขึ้นไปก็มีขือไม้วางพาดสลับไปมาด้านบน ลมที่พัดลอดมาตามรูผนังพัดเอากลิ่นอับแปลกๆเหม็นคลุ้งยิ่งกว่าเก่า
 
“พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมไม่ได้มาหลบหลู่นะครับ” ผมยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียกขวัญที่มันตกไปอยู่ตาตุ่มของผมคืนมา มือเล็กสั่นยิ่งกว่าเก่า ทุกอณูขุมขนในร่างกายลุกชันจนผิดปกติ
 
    ผมตัดสินใจเดินไปจะหันกลับหลังก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก ผมมาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว จะให้พวกไอ่บอลโขกสับผมยังดีกว่าต้องอยู่คนเดียวในที่แบบนี้ อยู่คนเดียวมันเปล่าเปลี่ยวยังไงไม่รู้ ผมไม่อยากได้เพื่อนใหม่ตอนนี้ด้วย
 
    คนตัวเล็กที่ยืนลีบอยู่หลังเสาไม้ ใจหนึ่งก็กลัวว่าพวกไอ่บอลจะจับได้ว่าผมตามมา อีกใจหนึ่งก็กลัวผี นัยน์ตาหวานมองกลุ่มคนที่นั่งจับกลุ่มกันอย่างกล้าๆกลัวๆ
 
    สัมผัสเยือกเย็นแตะที่บ่าเล็กทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ร่างบางหลับตาปี๋ พร้อมกับยกมือไหว้มือไม้สั่นริมฝีปากบางเอ่ยไม่เป็นภาษา ผมไม่ได้มาร้ายนะครับ แล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย
 
“เกี๊ยวววว” เสียงยานเนิบฟังดูแล้วคุ้นเคยเอ่ยกระซิบเบาข้างๆหูคนตัวเล็กที่ยืนหันหลังเล็กให้
 
“เฮ๊ย” เกี๊ยวร้องเสียงหลง คนตัวเล็กกระเด็นออกมาจากหลังเสาด้วยความตกใจ ร่างกายอ่อนปวกเปียกอย่างคนไม่มีแรงเพราะตกใจ
 
“ฮ่าๆ ขวัญอ่อนชริปเลยว่ะ” เสียงทุ้มเย้ยยันอย่างมีความสุข ร่างบางมองคนตรงหน้าแบบไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นปัดก้นตัวเองแถมส่งสายตาค้อนไปให้ตัวการที่ทำให้เขาตกใจจนเสียฟอร์ม
 
“ไอ่เกี๊ยวเมิงตามพวกกูมาเหรอว่ะ” ผมพยักหน้าให้กับไอ่โยที่มันตะโกนถามมาจากกลุ่มที่พวกมันนั่งล้อมวงกันอยู่ ตอนแรกผมก็ลืมสังเกตไปว่าไอ่บอลมันหายไปไหน ส่วนไอ่โอมก็หันมายิ้มเหมือนจะสมเพศผมไงงั้นแหละ
 
“ไม่อยากเชื่อว่าขี้ขลาดอย่างเมิง จะกล้าตามพวกกูมา” ไม่พูดเปล่าไอ่บอลเดินมาตบไหล่ผมแรงสองสามที แถมยังต่อด้วยการลากคอผมเดินไปหาไอ่โย ไอ่เคนที่มันนั่งอยู่
 
“อะ เอ่อ กูเดินเองได้เว้ย” ผมพยายามแกะแขนที่มันล็อกคอผมแต่แรงมันทึกกว่าผมตั้งเยอะ จะสู้ไหวได้ไง
 
   แล้วสุดท้ายผมก็ได้มานั่งล้อมวงกะพวกมัน ความเงียบกลับมาอีกครั้ง ตรงกลางมีแผ่นกระดาษที่เรียงตัวอักษรและพยัญชนะไทยครบครัน ไอ่บอลควักไฟแช็คออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะจุดธูปดอกเดียวในมืออย่างชำนาญ
 
“ยะ อย่าบอกนะว่า...” พวกมันยาอะไรผิดรึเปล่า ถึงคิดจะมาเล่นผีถ้วยแก้วในที่แบบนี้
 
“ชูวว์” ไอ่โย่ส่งเสียงเตือนผม ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่ธูปในมือของไอ่บอล
 
   ไอ่โอม ผม ไอ่บอล ไอ่โย และก็ไอ่เคนนั่งนั่งล้อมกระดาษแผ่นนั้นเป็นวงกลมกลางห้องโถงที่โล่งกว้าง หน้าต่างไม้ที่ปิดทำให้กลิ่นธูปคลุ้งแรงยิ่งกว่าเดิม
 
“กูขอดูเฉยๆแล้วกันว่ะ” ผมทำท่าว่าจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกไอ่โอมดึงเสื้อไว้ทันซะก่อน
 
“ถ้าเมิงไม่เล่นก็กลับไปซะ ถ้าจะอยู่ก็ต้องเล่น” ไอ่โอมยืนคำขาดขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม กดดันนะเว้ยอย่ามองดิ
 
“ปล่อยมันไปเหอะว่ะ แมร่ง ป๊อดๆอย่างมันไม่กล้าหรอก เริ่มเลยเสียเวลา” คำพูดของไอ่บอลที่ดูถูกผม มันเหมือนโดนต่อยแล้วรุมกระทืบซ้ำ ลูกผู้ชายอย่างผมฆ่าได้หยามไม่ได้
 
“ก็ได้ กูจะเล่น” ร่างบางเอ่ยหนักแน่น แต่สีหน้ากลับซีดเผือกจนเห็นได้ชัด
 
“จะเริ่มได้รึยังว่ะ ลีลาอยู่นั่นเดี๋ยวแมร่งก็มืดพอดี” เสียงไอ่เคนบ่นเป็นกระสัยเร่งอย่างไรอารมณ์ตามแบบฉบับของมันอย่างเคย เชื่อมันเลยบรรยากาศเป็นใจขนาดนี้พวกมันดูไม่กลัวกันสักนิดยกเว้นผมกะไอ่โยที่จะแสดงอาการผวาจนออกนอกหน้ากันอยู่สองคน
 
“เอามือแตะที่แก้ว นิ้วเดียวก็พอนะเว้ย จำไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเอามือออกเด็ดขาด แต่...ถ้าเมื่อไรที่แก้วล้มระหว่างที่วิญญาณยังอยู่ในนั้น ก็...ตัวใครตัวมันแล้วกันว่ะ” เสียงไอ่บอลกดต่ำชวนขนลุก มันจะสร้างบรรยากาศไปถึงไหนแค่นี้ก็สยองพออยู่แล้ว
 
   แล้วผมก็ค่อยแตะนิ้วชี้ไปที่แก้วขนาดเล็ก ปกติก็จะเห็นแก้วแบบนี้ตามร้านเหล้าตองออกเกลื่อน ภายในห้องที่พวกผมอยู่เงียบยังกับป่าช้า แก้วใสๆวางอยู่บนกระดาษนิ่ง
 
“ขออันเชิญวิญญาณที่สิงสถิติในบ้านหลังนี้มาในแก้วนี้ด้วย พวกผมแค่อยากจะถามคุณสองสามข้อเท่านั้น ขออันเชิญวิญญาณ...” แล้วไอ่บอลก็พูดพึมพำด้วยเสียงที่เบาพอสมควรแต่ในที่เงียบแบบนี้มันเลยดังชัดเจนก้องอยู่หูของผม
 
   ไอ่บอลปักธูปไว้ที่ร่องกระดานไม้ที่พวกผมนั่งอยู่ก่อนจะใช้เข็มจิ้มนิ้วตัวเองจนมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เลือดสีแดงถูกหยดบนกระดาษก่อนที่มันจะใช้นิ้วแตะที่ถ้วยแก้วที่มีนิ้วพวกผมอยู่ก่อน กลิ่นคาวเลือดนิดๆผสมกับกลิ่นธูปแล้วคราวนี้มันก็พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา
 
ปัง~!!!
 
   เสียงบางสิ่งบางอย่างกระทบกัน หรือไม่ก็เสียงอะไรสักอย่างตกลงพื้นดังมาจากชั้นล่างทำเอาใจคอผมไม่ดียิ่งกว่าเดิม ทุกคนหันไปทางบันไดโดยอัตโนมัติ เสียงไอ่บอลพูดเร็ว จู่ๆผมรู้สึกว่ามีลมวืดผ่านหน้าไป
 
“คุณอยู่ในแก้วแล้วใช่มั้ยครับ” ไอ่บอลถาม ผมมองถ้วยแก้วที่มีนิ้วห้านิ้วแตะอยู่ด้านบนด้วยใจระทึก
 
   สักพักแก้วที่เหมือนจะแน่นิ่งก็ขยับก็จะพุ่งตรงไปที่คำว่า ใช่ บนแผ่นกระดาษ ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็ไม่เคยเจอผีตัวเป็นๆขนาดนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวผสมกันจนบอกไม่ถูก แต่ละคนมองหน้ากันเลิ่กลักจนไอ่บอลพูดทำลายความเงียบอีกครั้ง
 
“คุณชื่อว่าอะไรครับ” คราวนี้แก้วที่นิ้มผมมันหมุนวนไปมาจนไปหยุดที่ตัวอักษรบนแผ่นกระดาษทีละตัว
 
“เ” พวกผมพูดพร้อมกันชนิดที่ว่าไม่ได้นัดหมาย
 
“ม” ผมอ่านตามตัวอักษรที่ถ้วยแก้วในมือไปหยุด เลือดสูบฉีดขึ้นหน้าจนผมเกร็งไปทั้งตัว
 
“ฆ” แล้วถ้วยแก้วก็ไปหยุดอยู่ที่ตัว ฆ
 
“เมฆ” เสียงไอ่เคนพูดขึ้น คราวนี้ดูมันตื่นๆเล็กน้อย
 
“อะ เอ่อ คุณฆ่าตัวตายใช่มั้ยครับ” ไอ่บอลถามอีก ถ้วยแก้วหมุนวนอีกจนไปหยุดอยู่ที่คำว่า ไม่ใช่
 
“คุณถูกฆ่าเหรอครับ” ผมรู้สึกว่าถ้วยที่นิ้วผมแตะอยู่มันแกว่งแรงก่อนจะไปหยุดอยู่ที่คำว่า ใช่ 
 
“คุณตายยังไงครับ” เสียงไอ่บอลดูสั่นๆจนผมเองก็เริ่มหวั่นๆเพราะถ้วยแก้วนี่มันหมุนติ้วจนนิ้วผมเกือบหลุดหลายที ถ้วยแก้ววนอยู่บนกระดาษแล้วขยับไปที่ตัวอักษรทีละตัว
 
   หลังจากที่ถ้วยขยับไปขยับมาจนได้คำว่า โดนฆ่า นิ้วผมสั่นแล้วก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลิ่นธูปกลิ่นเลือดคาวคลุ้งทำเอาผมแทบจะสลบคาให้ได้ ความกลัวที่ถาโถมเข้ามาแต่ไอ่บอลก็ยังมุ่งมั่นที่จะถามต่อไป
 
“บอล พอเหอะว่ะ” เสียงไอ่โอมท้วง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นดีเห็นงามกับไอ่โอม ทุกสายตามองไปที่ไอ่บอลเหมือนจะอ้อนวอนอย่างไร้หนทาง
 
“รู้แล้วน่า กูขออีกสักคำถาม” ริ้วคิ้วคมบดเบียดเข้าหากันจนจะเป็นบม ไอ่บอลทำหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเอ่ยคำถามต่อไป
 
“คุณตายที่ไหนครับ” เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันจะแย่ลงเรื่อยๆ แสงที่ลอดผ่านเข้ามาน้อยลงทำให้รู้ว่าเวลามันล้วงเลยมาเกินมากแล้ว
 
    ถ้วยแก้วขยับเร็วจนผมแทบดูไม่ทันว่ามันไปหยุดที่ไหนบ้าง
 
“ห้องนี้” เสียงไอ่โยพูดบวกกับหน้าตาสยองๆของมันทำเอาขนลุกไปตามๆกัน ผมคิดผิดจริงๆที่ตามพวกมันมา
 
“พอเหอะว่ะ กูไม่ไหวแล้ว” ร่างบางพูด น้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนกับเหงื่อที่ไหลมาท่วมตัวจนเสื้อชุ่ม ผมอยากจะเอานิ้วของตัวเองกลับมาแล้วออกไปจากที่นี่แต่ก็ยังทำไม่ได้ตอนนี้
 
“คำถามสุดท้ายแล้วนะครับ ใครเป็นคนฆ่าคุณ” พอไอ่บอลพูดจบ ถ้วยในมือมันหมุนติ้วและแรงกว่าเดิม
 
แคร๊ง
 
“ชริปหายแล้ว” เสียงไอ่เคนอุทานเบาๆ ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
 
   แล้วสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมากที่สุดในตอนนี้ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ถ้วยแก้วเอียงกะเท่เร่กลิ้งไปมากับพื้น พวกผมลุกพรวดออกจากห้องนั้นกระจายไปคนละทิศละทาง ปัง ปัง ปัง!!! เสียงดังปึงปังเหมือนมีใครเอามือทุบกับผนังดังก้องอยู่ในหัวของผม
 
   คำถามสุดท้ายที่มันถามดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกใจพี่เมฆสักเท่าไร มันน่าจะถามว่าหวยงวดนี้ออกเลขอะไร หรือไม่ก็เลขท้ายสองตัวก็ยังดี
 
“ผะ ผมไม่ได้ มะ มาหลบหลู่จริงๆนะครับ” คำพูดที่ฟังดูไม่เป็นภาษา เสียงทุบดังระงมไปทั่วจนเหลือเพียงความเงียบอีกครั้ง ผมวิ่งเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าขาของผมมันจะพาไปที่ไหน พวกไอ่บอลมันหายไปไหนกันหมด ผมพยายามมองหาทางออกแต่วิ่งไปก็เจอแต่ทางตันทุกครั้งไป
 
“แฮ่กๆ” เสียงหอบดังท่ามกลางความเงียบ เงาอะไรบางอย่างวิ่งผ่านประตูตรงหน้าผมไป คนตัวเล็กยืนนิ่งดั่งถูกสะกด นัยน์ตาสวยเบิกกว้าง ภายในใจมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มือเล็กพนมไหว้ทั้งที่ยังสั่นๆแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
 
    จู่ๆก็มีมือใครบางคนมาคว้ามือผมไป ประมาณว่ากึ่งวิ่งกึ่งถูกลากเลยครับ ผมวิ่งตามคนที่มันลากผมไปแบบไม่คิดชีวิตเลย
 
“เจอพวกไอ่บอลมั้ยว่ะ” ไอ่โอมพาผมวิ่งมาอีกห้องหนึ่ง ผมได้แต่ยืนหอบก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ สักพักพอผมตั้งสติได้ผมก็ช่วยไอ่โอมมองหาทางออก ก็บ้านทั้งหลังมันมีห้องไม่รู้กี่สิบห้องผมเองก็จำตอนเข้ามาไม่ได้ซะด้วย
 
   อีกแล้วที่ผมเห็นเงาแว๊บๆวิ่งผ่านไป ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ผมเดินไปจนชนกับหลังของไอ่โอมพอมันมองผม ผมก็เลยต้องทำฟอร์มเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ต่างคนต่างเงียบทำไมฟ่ะ บรรยากาศมันยิ่งวังเวงอยู่
 
แกร๊ก
 
“ได้ยินอะไรมั้ย” คนตัวเล็กดึงเสื้อของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาคู่สวยมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น
 
โครมมม
 
  ร่างบางตกใจสุดขีด มือเล็กกอดคนตัวสูงตามสัญชาติญาณ นัยน์ตาหวานหลับปี๋ด้วยความกลัวที่มียวดยิ่ง สติมันกระเจิงไปไกลเกินกว่าจะเรียกกลับมาได้ทันที
 
   ผมรู้สึกสงสารไอ่คนที่มันกอดผมอยู่ตอนนี้ซะแล้วสิ ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่แผนของไอ่บอลที่มันกะจะแกล้งไอ่เกี๊ยวแท้ๆ แต่ผมบอกมันไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะเมิง (โอมคิด)
 
   โอมถือโอกาสกอดคนตัวเล็กแน่น สิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับจากคนในอ้อมแขน ถือว่าเป็นกำไรเล็กๆน้อยๆก็แล้วกัน เขาอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ อยากจะกอดคนที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวไว้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แผ่นหลังเล็กๆ เอวนุ่มนิ่มในมือกับดวงหน้าหวานที่ซุกอยู่ในอกของเขาทำเอาร่างสูงเคลิบเคลิ้ม ภายในมันร้อนรุ่มแทบจะละลายให้ได้
 
“อะ เอ่อ” คนตัวเล็กเหมือนจะรู้ตัวรีบผละมือออกจากอีกฝ่าย โอมยิ้มเขินๆแต่ด้วยความที่ร่างบางกำลังกลัวจึงไม่ทันสังเกต
 
“จะยืนรอให้เมฆมาหักคอจิ้มน้ำพริกรึไงว่ะ” จู่ๆไอ่โยก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้ ผมเลยรีบวิ่งตามมันไป ส่วนไอ่โอมก็วิ่งตามหลังมาติดๆ ผมไม่น่าไปกระโดดกอดมันเลย ถ้ามันเอาผมไปขายก็เสียหายกันหมด คงโดนล้อว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวอีกแน่
 
   ไม่นานผมก็เห็นบานหน้าต่างที่ผมปีนเข้ามาปรากฏอยู่ข้างหน้า มีไอ่เคนกับไอ่บอลยืนอยู่ก่อนแล้ว แต่ไอ่อาการที่พวกมันแสดงออกทำให้ผมสงสัย
 
“พวกเมิงหัวเราะอะไรกันว่ะ” ตอนนี้ผมทั้งหอบทั้งเหนื่อย ผมมองหน้าพวกมันที่พากันหัวเราะคิกคักเอาเป็นเอาตายกันอยู่
 
“ฮ่าๆ วิ่งตับแลบเลยดิเมิง” ผมมองไอ่บอลที่หัวเราะท้องแข็งอย่างงุนงง
 
“พวกเมิง แกล้งกูใช่มั้ย” คำพูดที่เรียบนิ่งของคนตัวเล็ก น้ำเสียงที่ดูเย็นชากับสีหน้าที่เศร้าหมอง สายตาหวานมองไปที่โยเพื่อรอฟังคำตอบ ส่วนโยได้แต่ก้มหน้างุดไม่พูดอะไร
 
“แล้วเมิงจะทำไม” บอลก้าวเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ยืนกำมือแน่น
 
   สะใจมากใช่มั้ยที่เห็นกูเป็นตัวตลก กูคิดผิดเองที่หวังจะเป็นเพื่อนกะเมิงได้ สำหรับเมิงกูคงเป็นแค่ตัวตลกที่เมิงไว้แกล้งเล่น กูมันก็เป็นได้แค่นั้นใช่มั้ย ไอ่บอล(เกี๊ยวคิด)
 
   เกี๊ยวสบตากับร่างสูงด้วยความโกรธเคืองแต่ภายในกลับซ้อนความรู้สึกเสียใจมากมายไว้เช่นนั้น คนตัวเล็กเดินชนไหล่แกร่งออกมาโดยไม่เหลียวกลับไปมอง
 
“เกี๊ยว” เสียงไอ่โยตะโกนตามหลัง ผมไม่ว่ามันหรอก มันอาจจะทำไปเพราะความจำเป็น แต่ผมไม่มีวันยกโทษให้ไอ่บอล ในเมื่อมันไม่เคยคิดว่าผมเป็นเพื่อนมัน ผมก็จะคิดซะว่าผมไม่เคยรู้จักคนอย่างมัน
 
“เฮ๊ย เมิงทำเกินไปรึเปล่าว่ะ” เสียงเคนท้วงเพราะดูท่าคราวนี้ไอ่เกี๊ยวมันคงโกรธไม่น้อย
 
“ช่างมันเหอะ เดี๋ยวมันก็หายโกรธเองแหละ ไปแดรกน้ำแข็งใสกันดีกว่าว่ะ” ร่างสูงเอ่ยปัดๆ ก่อนจะเดินหันหลังออกไปอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“ถ้าไม่มีไรแล้ว กูกลับก่อนนะ” โอมเอ่ยก่อนจะเดินแทรกไปพร้อมกับท่าทีที่ผิดจากเคย
 
“เป็นไรของมันว่ะ” บอลมองหลังแกร่งของโอมที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่เข้าใจ
 
    ตลอดทางกลับบ้านไอ่เกี๊ยวก็หายหน้าไป ไม่รู้ว่ามันไปนั่งที่ไหน ไม่รู้มันจะโกรธเรื่องตอนเย็นอยู่อีกรึเปล่า ปกติกูก็แกล้งมันออกจะบ่อยไม่เห็นมันจะว่าอะไรเลยนี่นา หรือว่าคราวนี้กูทำกับมันเกินไปจริงๆ แล้วทำไมกูต้องไปแคร์มันด้วย มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับกูสักหน่อยนี่หว่า (บอลคิด)
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 19-04-2009 12:31:22
 :z13:

 :z13:

 :z13:

จิ้มก๊าบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 19-04-2009 12:43:17
มอบแต้ม+ ที่ 10 ให้คร้าบ
***************

สงสัยนิ้ดนึงคร้าบ
ทำไมถึงเป็น-[เรื่องสั้น]คร้าบ
แม๊คว่าน่าจะยาว--ไม่อยากให้รีบจบคร้าบผม  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 19-04-2009 13:20:41
ขอให้เป็นเรื่องยาวค่ะ

เรื่องน่ารักมากๆๆ แต่ยังเดาพระเอกของเราไม่ออกเลย

หรือว่าจะหักมุมเหมือนแฟนฉันกันค่ะ ^^~

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 19-04-2009 13:56:29
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น ทุกคะแนนเสียงเลยนะครับ
ยังกะลงสมัคร สส. เลยเว่ย อิอิ  :impress2: :impress2:
ที่เป็นเรื่องสั้นเพราะมีสิบกว่าตอนก็จบแล้วครับ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์อ่านเรื่องของผมนะครับ ปลื้มคับผม  :-[

 :man1:  :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 19-04-2009 14:04:25
มอบแต้มที่ 11 ให้นะคะ สงสารเกี๊ยวจัง โดนแกล้งตลอดเลย ยิ่งครั้งนี้ด้วยแล้วดูน่ากลัว ถ้าเป็นคนจิตอ่อน ไม่เป็น
บ้าไปเลยเหรอเนี่ย แล้วเมื่อไหร่เกี๊ยวจะเอาคืนเจ้าหัวโจกพวกนี้ได้บ้างล่ะ จะรอลุ้นตอนต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 19-04-2009 14:20:17
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น ทุกคะแนนเสียงเลยนะครับ
ยังกะลงสมัคร สส. เลยเว่ย อิอิ  :impress2: :impress2:
ที่เป็นเรื่องสั้นเพราะมีสิบกว่าตอนก็จบแล้วครับ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์อ่านเรื่องของผมนะครับ ปลื้มคับผม  :-[

 :man1:  :man1: :man1: :man1:


แค่สิบกว่าตอน!!!
ป้าแดง 7 สี-สั่งยืดด่วน
เรตติ้งดี คริคริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 20-04-2009 08:26:32
สงสารเกี๊ยว
โดนแกล้งตลอด


โกรธมันไปเลยไอ่บอลอ่ะ
เดี๋ยวให้ไอ่โอมไปปลอบ หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: baros ที่ 20-04-2009 10:17:08
 :เฮ้อ:สรุปว่าใครเป็นพระเอกเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-04-2009 10:51:40
ว่าจะเชียร์ บอล สักหน่อย  แต่ดันทำตัวน่า  :beat:

ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gon_natt ที่ 20-04-2009 11:18:58
สงสารเกี๊ยว
ทำไมโดนแกล้งตลอด
 :m15:
บอลลบ้า!!~ ชริส์ :beat: :z6:

รอตอนต่อไปน้า
อยากรู้...ใครเป็นพระเอก
 :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: wiwanana ที่ 20-04-2009 11:31:58
เหอๆๆๆ


หนุกหนานๆๆๆ :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 20-04-2009 13:10:31
 :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-04-2009 18:12:50
นายเอกโนแกล้งตลอดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 20-04-2009 19:42:32
 :seng2ped:

โดนแกล้งตลอดเลยอ่ะ

 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 20-04-2009 20:19:49
 ตอน 6.1 ซวย!

 เป็นอีกวันที่ผมตื่นสายจนไม่ทันขึ้นรถโรงเรียนอย่างเคย แล้วไม่รู้พ่อแกคิดยังไงถึงไปส่งผมที่โรงเรียนสงสัยขับรถเพลินไปหน่อย แต่ไอ่แก่พ่อวันนี้มันขับช้าเกินไปจริงๆ กว่าจะไปถึงโรงเรียนก็สาย คนอื่นเค้าขึ้นเรียนกันไปหมดแล้ว ผมก็เลยโดนครูปกครองโวยยกใหญ่หูชาไปตามระเบียบ
 
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ” คนตัวเล็กยืนตัวลีบอยู่หน้าห้อง ดวงหน้าหวานถอดสีเพราะเขากลายเป็นจุดเด่นในทันที
 
“เข้ามาได้” คุณครูขยับแว่นหนาบนหน้าของแกก่อนจะหันมามองผม ร่างบางรีบจ้ำอ้าวไปที่นั่งหลังห้องของตัวเอง ตั้งแต่ที่คนตัวเล็กเดินเข้าห้อง บอลก็เอาแต่จ้องชนิดที่ว่าแทบจะไม่ละสายตาเลยทีเดียว ผิดกับเกี๊ยวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินเพราะความอายที่ท้วมท้นจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
 
   ไอ่สิ่งที่ครูสอนกระดานมันก็ไม่เคยเข้าหัวผมเลยสักนิด ตอนนี้ผมกำลังจดจ่ออยู่กับโงกุน ก็ทรงผมเท่ๆที่ผมบรรจงวาดเองกับมือมันไม่ต่างกะที่เห็นในทีวี ฉายแววแต่เด็ก ผมเป็นพวกชอบวาดรูปวาดโน้นวาดนี่ไปเรื่อยจนทุกวันนี้มันก็เลยกลายเป็นพรสวรรค์ของผมอย่างช่วยไม่ได้ อาการที่ก้มหน้าขีดๆเขียนๆวาดรูปโงกุนของผมอยู่เลยดูเหมือนว่าผมกำลังตั้งใจจดไปซะงั้น
 
“ขออนุญาตไปปัสสาวะครับ” นิ้วเรียวสะกิดหลังครูผู้สอนที่กำลังมันส์กับการเขียนสูตรเลขบนกระดาน ส่วนอีกมือก็กุมเป้าตัวเองแถมยังซอยเท้าหย่องๆอยู่กับที่เล็กน้อย
 
“รีบไปรีบมา” ครูทำเสียงดุก่อนจะหันหลังให้ผม ร่างเล็กก้มเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ อีกไม่กี่สิบนาทีก็จะพักแล้วแต่ถ้าจะให้ทนถึงตอนนั้นผมคงเยี่ยวราดกางเกงแน่ๆ
 
   ขณะที่ผมกำลังจดจ่อกับการทำธุระส่วนตัวอย่างมีความสุข จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนเข้ามาในห้องน้ำ คงเป็นเวลาพักแล้วมั้งผมก็เลยไม่ได้หันไปดูว่าใครเข้ามาบ้าง หลังจากที่ยืนเยี่ยวจนหมดก๊อกไอ่ที่ปวดๆเมื่อกี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
 
“ใช่ย่อยนี่หว่า” เสียงทุ้มดังเรียบ ไอ่โย่งที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ทำเอาผมเก็บอาวุธแทบไม่ทัน ไม่รู้มันยืนดูนานเท่าไรแต่ไอ่เชี่ยนี่มันต้องโรคจิตอ่อนๆชัวร์ แกล้งกูอยู่ได้
 
“...” ผมมองหน้าไอ่บอล ก่อนจะเดินไปล้างมือทำเหมือนกับว่าไม่เห็นมัน ผมไม่อยากจะเอาชีวิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับมันอีกต่อไปแล้ว ต่างคนต่างอยู่เหอะว่ะ
 
   คนตัวเล็กล้างมือลวกๆ ก่อนจะเช็ดมือเปียกๆกับกางเกงนักเรียนอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่กำลังจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำแต่ก็มีมารมาขัดขว้างอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เจอหน้าไอ่บอลถ้าไม่โดนมันแกล้งผมคงถูกหวยรางวัลที่หนึ่งแร่ะ
 
   ไอ่บอลใช้แขนยาวๆของมันกั้นทางออกที่กว้างประมาณประตูปกติได้เอาไว้ ผมมองหน้ามันแทนคำว่า หลีก มันกลับยักคิ้วมาให้ ผมเลยทำท่าว่าจะมุดแขนมันออกไป แต่มันกลับมายืนบังทางออกซะมิดจนหัวผมไปชนกับหน้าท้องมันอย่างจัง
 
“ถอยดิ กูจะออกไป” สุดท้ายผมก็ต้องยอมพูดกับมันจนได้ ถึงยังงั้นผมก็พูดไปทั้งที่ไม่ได้มองหน้ามัน
 
“ไม่” มันตอบสั้นๆแถมยังทำหน้ากวนตีนใส่ผมอีก
 
“หลบไปสิว่ะ” คราวนี้ผมผลักมันสุดแรงเกิด
 
    วืด...มันเบียงตัวหลบต่อหน้าต่อตาผมแบบสโลโมชั่น ชริปหายแล้วไง แล้วมือผมก็เลยจมดินเปียกๆหน้าห้องน้ำซะมิดทั้งสองมือ เสียงหัวเราะร่าแบบสะใจของมันดังขึ้นตามหลังทันทีที่เห็นผมอยู่ในสภาพไม่ต่างกับคนที่กำลังจับกบ
 
“ได้กี่ตัวว่ะนั่น” ” คำเย้ยยันตอกย้ำจากปากมันที่ผมได้ยินจนชิน ทำเอาผมเลือดขึ้นหน้า
 
“สัดเอ๊ย” ผมด่ามันแต่มือก็พยายามจะเอาโคลนเปียกๆที่ติดมือแปะใส่เสื้อนักเรียนขาวๆของไอ่บอล ไม่รู้ไปอยู่อีท่าไหน ผมถูกมันรวบข้อมือด้วยมือหนาๆของมันข้างเดียว และเสื้อผ้ามันก็ไม่เปื้อนเลยสักนิด กูจะบ้าตาย นี่ผมจะทำอะไรมันไม่ได้เลยรึไง
 
    มือก็ใช้ไม่ได้งั้นก็เหลือแต่ปากล่ะว่ะ ผมกะจะงับไอ่มือที่มันจับผมซะแน่น แต่มือควายๆที่ไหนไม่รู้ก็ดันไหล่ผมจนไปติดกับกำแพง หมดทางสู้จริงๆแล้วตอนนี้ อยากจะฆ่าตัวตายวันละหลายร้อยครั้งจริงๆเลยกู ผมทั้งสะบัดมือ ทั้งเตะ แต่มันก็ยังไม่ปล่อยผมแถมบีบแน่นกว่าเดิมอีก
 
“ปล่อยกูนะเว้ย” ผมแหกปากลั่นแต่เลเวลเสียงมันก็ดูเบาๆอยู่ดี
 
“ทำไมวันนี้เมิงถึงมาสาย” กูมาสายแล้วไปหนักส่วนไหนของเมิงว่ะ ไอ่เชี่ยนิ
 
“กูบอกให้ปล่อย” ผมไม่ตอบคำถามงี่เง่าของมันหรอก เรื่องอะไรผมต้องตอบ ในเมื่อมันก็ไม่ใช่พ่อผมสักหน่อย ผมยังใช้ความพยายามในการดิ้นและเตะมันต่อไป
 
“กูถามว่าวันนี้ทำไมเมิงมาสาย” คนตัวสูงกดน้ำเสียงต่ำดูหนักแน่นจนน่ากลัว มือหนาที่บีบไหล่เล็กเปลี่ยนมาบีบคางเรียวแทน
 
 
“สัด เรื่องของกูเว้ย” ร่างบางพยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างยากเย็น ก็ถูกบีบคางซะแทบจะขยับปากพูดไม่ได้ ท่าทางมันดูเหมือนจะโมโหไม่น้อย แล้วกูมาสายเมื่อเดือดร้อนอะไรเนี่ย
 
“ลืมไปแล้วเหรอ ว่าเมิงอยู่ในฐานะอะไร ห๊ะ” คนตัวสูงกระแทกเสียงแรง ทำให้เกี๊ยวเริ่มกลัวขึ้นบ้างแล้ว
 
“อะ เอ่อ” พอมันเอาเรื่องนี้มาอ้างผมถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เรื่องท้วงบุญคุณนี่เก่งนักนะเมิง
 
“กูจะแกล้งเมิงเท่าไรก็ได้จนกว่ากูจะพอใจ แล้วเมิงก็ไม่มีสิทธิโกรธด้วย เข้าใจมั้ย” อ้าว กูก็คนนะเว้ย เมิงทำยังกะกูเป็นแค่ของเล่นสนุกที่เมิงจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ยังงั้น
 
“...” ร่างบางปิดปากเงียบ ขณะที่ดวงหน้าหวานเบือนหนีคนตรงหน้าอย่างหมดหนทาง การที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่นมันไม่สนุกสักนิด
 
“ต่อไปนี้เมิงต้องทำตามที่กูสั่งเท่านั้น” ร่างสูงออกคำสั่งเสียงแข็ง มือหนาดึงดวงหน้าเล็กให้หันมาสบตากับตัวเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ยิ่งมองสายตาที่ดูเศร้าของคนตรงหน้ามันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย  
 
“...” แล้วเมื่อไรมันจะถึงวันนั้น วันที่เมิงพอใจ
 
   ผมอาศัยตอนมันเผลอกระทุ้งเข่าไปที่ท้องมันเต็มๆ ต่อให้ทึกแค่ไหนมันก็ต้องมีจุกบ้างแหละ เป็นอย่างที่คิดไอ่บอลรีบชักมือกลับไปกุมหน้าท้องแน่น ดวงหน้าคมบิดเบี้ยวเพราะความจุก ขณะที่เหยื่อเล็กๆหลุดหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
 
“แสบนะเมิง” ร่างสูงกรีดเจื่อนๆยิ้มขณะที่มือหนายังกุมท้องตัวเองอยู่
 
    เกี๊ยวล้างโคลนเหนียวที่เกาะมือเล็กหนืบเป็นตังเมออกด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบบ่นเป็นกระสัยกับตัวเองเบาๆ ขืนไปโรงอาหารตอนนี้ผมเดาว่าไอ่บอลมันคงไปดักรอผมที่นั่นแล้วแน่ๆ ไอ่ผมก็เลยจำเป็นต้องหิ้วไส้แห้งๆมานั่งใต้ต้นไม้ข้างสนามบอลแทน
 
   พอนั่งดูพวกมันเล่นเตะไอ่ลูกกลมๆที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนสนามหญ้าสีเขียว เลือดนักกีฬาของผมมันก็สูบฉีดใหญ่เลย แต่ผมก็ทำได้แค่ดูมันมาตลอด ร่างบางนั่งคอตกจมอยู่กับความคิดของตัวเองท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังไกลๆ นี่ผมต้องถูกมันแกล้งเท่าไรมันถึงจะพอใจ แล้ววันนั้นที่มันว่ามันคือวันไหน จ๊อก จ๊อก (เสียงท้องร้องดังขัดจังหวะ)
 
อึก (เสียงกลืนน้ำลาย) หิวนี่ครับ
 
    หลังจากที่นั่งตาลายหิวข้าวจนเสียงกริ่งสัญญาณดังเตือนว่าถึงเวลาเรียนคาบบ่าย นักเรียนที่เคยเกลือนกลาดอยู่เต็มสนามก็ทยอยกันขึ้นตึกรวมถึงตัวผม ทำยังไงไอ่อาการปวดแสบปวดร้อนเจ็บแปล๊บๆที่ท้องมันก็ไม่หายสักที อุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ชวนน้ำลายส่อ แต่มันก็ยังหิวอยู่ดี
 
    ร่างบางหิ้วท้องมาจนถึงห้องคนตัวเล็กที่พยายามเดินเลียบๆเคียงๆฝาผนังตลอดทาง เพราะสงครามเตะบอลกระดาษบนทางเดินกำลังเข้มข้นกินพื้นที่เกือบร้อยเปอร์เซ็นบนทางเดินที่ดูคับแคบไปถนัดตา เด็กนักเรียนที่เดินแข่งกันพลุกพล่านยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการเอาชีวิตรอดเข้าไปในห้องเรียนด้วยความยากลำบาก
 
ปึก
 
“โอ๊ย...” อีกนิดเดียวก็จะถึงประตูหน้าห้องผมอยู่แล้ว จู่ๆไอ่พวกที่มันเตะบอลกระดาษกันนัวเต็มทางเดินก็เสยศอกเข้าเต็มๆกลางหลังเล็ก ศอกแหลมโครต จุกสิครับ ศอกเฉยๆไม่พอผมยังไปสะดุดขาพวกมันอีกกี่ตีนละนั้น เจ็บหน้าแข้งชริป จะหันไปด่าพวกมันมีหวังผมคงได้เจ็บหนักกว่าตอนนี้แน่
 
    ไอ่ที่ผมว่าซวยแล้ว มันยังไม่เท่ากับที่มือทั้งสองข้างผมดันไปจับหน้าอกของไอ่โอมที่มันเสือกยืนตรงหน้าห้องพอดี เต็มไม้เต็มมือเลยงานนี้ ร่างบางหน้าซีดเผือก ไม่มีอารมณ์ได้ไปขอโทษขอโพยหรืออั้มอึ้งอะไรทั้งสิ้น หน้าแข้งผมตอนนี้คงเขียวตายห่าแล้ว
 
“เฮ๊ย เป็นไรป่ะว่ะ” คนตัวสูงมองร่างเล็กที่กำลังลูบหน้าแข้งตัวเอง ดวงหน้าหวานซีดเซียว รอยสีม่วงอมเขียวจางๆเป็นจ้ำปรากฏที่หน้าแข้งสวยในบัดดล
 
“...” ผมมองหน้ามันเฉยๆ ก็มันจุกจนกว่าจะพูดได้ ไม่รู้ศอกใครแทงหลังผมงี้แทบกระอักเลือด คนตัวเล็กเดินกะแพล๊กๆเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
 
“ทำ หน้า เหมือน คน ขี้ ไม่ ออก เลย เมิง” พอผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เสียงจากโต๊ะข้างๆดังขึ้น ไอ่เนี่ยมันเป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยอนุบาลแร่ะ มันเป็นคนไม่ค่อยพูด เรียนเก่ง เล่นบอลเก่ง แต่แสดงความรู้สึกไม่เก่งสักเท่าไร
 
“ก็เอ้อ... ช่างเหอะว่ะ” ผมตอบปัดๆ มือเล็กก็ยังลูบหน้าแข้งตัวเองไม่เลิก หิวข้าวก็หิวยังเจือกหาเรื่องเจ็บตัวอีกจนได้  
 
“ของใครว่ะ” แล้วนัยน์ตาหวานก็เหลือบไปเห็นขนมปังกับนมที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความงุนงง จะตะโกนถามก็ไม่ใช่นิสัยของผม ผมเลยถามไอ่เอ็มว่าเป็นของใครกันแน่
 
“ของเมิงป่ะ” ผมหันไปถามไอ่เอ็ม หน้าตาซีดๆไร้อารมณ์ของมันทำผมจิตตกหลายที
 
“ไม่ รู้ ว่ะ” ไอ่เอ็มตอบเสียงยานเนิบทีละคำ ก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยเพื่อจ้องไอ่สิ่งที่อยู่ในมือผม คนยิ่งหิวๆอยู่ไม่มีใครเป็นเจ้าของจะแดรกแล้วนะโว้ย
 
   ไอ่เอ็มก็บอกว่าไม่ใช่ของมัน ส่วนไอ่โอมก็คงไม่ใช่แน่ๆ รอบโต๊ะผมก็มีมันสองคนที่ใกล้ที่สุด ไอ่หน้าไหนที่มันมาลืมขนมปังกะนมไว้ที่โต๊ะผมก็ไม่สนแล้ว ถือว่าเป็นลาภลอยก็แล้วกัน ไม่ไหวๆ หิวจัด
 
   ผมแอบคิดอยู่ในใจก่อนจะเลียปากเลียคออย่างคนไม่ได้กินข้าวมาสามวันยังไงยังงั้น ครูก็ยังไม่เข้าผมเลยจัดแจงแกะซองพลาสติกที่ห่อขนมปังไว้หมูหยองออกก่อนจะยัดมันเข้าปากโดยไม่รีรอ อีกมือก็ยัดหลอดนมเข้าไปในปาก ถึงมันจะไม่อิ่มเท่ากับกินข้าว แต่ก็ช่วยปะทังความหิวของผมได้บ้าง หารู้ไม่ว่าไอ่สิ่งที่ตัวเองกำลังยัดเข้าปากนั่น มีคนจงใจซื้อให้ต่างหากเล่า
 
   เสียงกริ่งดังเตือนเป็นรอบที่สองแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าครูประจำวิชาที่ผมต้องเรียนตอนนี้จะเข้ามาสักที ผมก็เลยใช้เวลาไปกับการนั่งเขี่ยรูปบนเศษกระดาษเหมือนอย่างเคย
 
“อ๊ะ” ระหว่างที่ร่างบางกำลังวาดรูปเล่นเพลินๆ ไอ่โอมมันก็ยื่นตลับยาหม่องตราลิงถือลูกท้อมาให้คนตัวเล็ก พลางกับมองมาที่หน้าแข้งเรียวที่ช้ำเป็นจ้ำๆ
 
“อะไร” ผมรู้ว่ามันเอายาหม่องมาให้ผมทำไม แต่ไม่รู้ผีอะไรมาเข้าสิงมันถึงได้มาทำดีกะผม ทีเมื่อวานมันยังรวมหัวกับไอ่บอลแกล้งผมอยู่เลย
 
“ยาหม่องสิ ฟาย ตาบอดรึไง ตกลงจะเอามั้ย” แค่นี้ก็ด่ากูซะ
 
“...” ถึงตอนนี้ผมก็ยังมึนอยู่ดีว่ามันคิดยังไงถึงได้มาทำดีกับผม
 
“มานี่ กูทาให้ก็ได้ว่ะ” ไม่ว่าเปล่า มือหนาคว้าท่อนขาเรียวออกมา ก่อนจะใช้นิ้วเรียวบรรจงทายาหม่องที่หน้าแข้งสวยอย่างเบามือ
 
“เชี่ย เบาๆดิว่ะ คนนะเว้ย” ร่างบางมองมือหนาขณะที่กำลังลูบที่รอยช้ำอย่างใจจดใจจ่อ เสียงหวานสบถออกมาเบาๆ
 
“ก็อยู่นิ่งๆดิว่ะ กระตุกอยู่ได้” มือแกร่งยึดขาเรียวแน่นก่อนจะบรรจงแต้มยาหม่องไปที่บริเวณรอยช้ำ เกี๊ยวเผลองับริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 
“พอๆ” ร่างบางรีบชักขาของตัวเองกลับก่อนจะส่งเสียงซี๊ดเบาๆในลำคอ
 
“อ๊ะ เผื่อได้ใช้” แล้วไอ่โอมก็โยนตลับยาหม่องมาให้ผม นี่มันหวังดีหรือแช่งให้ผมเจ็บตัวอีกกันแน่ ยังดูคลุมเครือ รอยยิ้มบางๆเปื้อนที่ดวงหน้าคม โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีใครอีกคนที่ยืนมองทุกการกระทำอยู่นานแล้ว
 


   ร่างสูงเดินวนไปวนมาท่าทางที่ดูเหมือนกระวนกระวายนิดๆ ดวงหน้าคมคล้ายกับครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ในหัว ริ้วคิ้วหนาเริ่มขยับเข้าหากัน มือแกร่งซุกอยู่ในกางเกงทั้งสองข้าง
 
“เฮ๊ย ไอ่บอลมันเป็นเชี่ยไรว่ะนั่น” โยกระตุกแขนเสื้อคนข้างๆก่อนจะสะกิดให้มองคนที่เดินไปมาจนดูน่าปวดหัว
 
“ไม่รู้” เคนส่ายหน้าเบาๆสองสามที
 
“ขอกูเล่นมั้งดิว่ะ” เคนเอ่ยขอเพราะเขานั่งมองโยเล่นเกมบอยมาเกือบร่วมชั่วโมงแล้ว
 
“ไม่เอา กูเคลียร์ก่อนแล้วเมิงค่อยเล่น” ร่างบางพูดเชิงเอาแต่ใจ ก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายไปซุ่มเล่นคนเดียว
 
“ใครบอกให้เมิงทำยังงั้นเล่า มานี่เดี๋ยวกูเล่นให้ดู” เคนโน้มตัวโอบโยจากด้านหลัง ก็เล่นนั่งหันหลังให้ยังงั้นเองนี่หว่า มือหนากุมมือเล็กขณะที่นิ้วเรียวประจำอยู่ที่ปุ่มกดทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว คางแหลมเกยที่ไหล่มน นัยน์คมคมก็จ้องอยู่ที่สกรีนหน้าจอสีเหลี่ยมขนาดเล็ก โยนั่งนิ่งในอ้อมแขนของเคน นัยน์ตาคู่สวยเองก็จ้องสิ่งที่วิ่งไปมาในสกรีนจอช่องสี่เหลี่ยมชนิดที่ว่าลุ้นตัวโก่งกันเลยทีเดียว  
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 20-04-2009 20:21:35
  ตอน 6.2

 มันใกล้มาก ใกล้ซะจนหัวใจแทบหยุดเต้น กลิ่นตัวอ่อนๆของไอ่โยที่โชยมาติดจมูก เป็นกูคนเดียวสินะที่หวั่นไหว เมิงคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่...มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น (เคน)
 
ปึก ศอกแหลมกระทุ้งอกแกร่งเบาๆเป็นเชิงเตือน
 
“พอๆ กูเล่นเอง” โยผลักเคนออกจากตัวด้วยนิสัยที่ขี้หวง ขณะที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับเกมที่ไม่เคยเคลียร์เลยสักครั้งตั้งแต่ซื้อมา
 
“หึหึ” เคนหัวเราะอยู่ในลำคอ มองดูหลังเล็กที่อยู่ห่างจากกายตัวเองไม่ไกลนัก ก่อนจะเขยิบตามเข้าไปนั่งใกล้ๆเหมือนเดิม คนอย่างไอ่โยบ้าเกมเข้าขั้นรุนแรง ไอ่ตอนที่มันเล่นเกมต่อให้มีรถสิบล้อพุ่งมาก็ยังเดาไม่ถูกว่ามันจะหลบทันรึเปล่าเล้ยยย
 
    ไม่มีใครรู้ว่าบอลกำลังคิดอะไร ในใจตอนนี้มันว้าวุ่นและสับสน ตั้งแต่เมื่อไรที่ความรู้สึกแปลกๆหลายอย่างคืบคลานเข้ามาในหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อผู้ใดมาก่อน ยิ่งเห็นหน้าตาใสซื่อของไอ่คนที่เขาต้องเจอหน้าทุกวัน มันกลับทำให้เขาร้อนรนจนไม่เหมือนคนเก่า แค่อยากจะทำให้คนๆนั้นสนใจในตัวเขาบ้าง เพราะอะไรน่ะเหรอ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันรู้สึกหวง ทั้งๆที่เขาชอบแกล้งหมอนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไร คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ว่าความจริงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่ ทุกอาการมันเป็นไปตามความรู้สึกจนควบคุมไม่ได้อีกแล้ว
 
โป๊ะ!!!
 
    ไม่รู้ไอ่เวรตัวไหนมันปากระดาษมาติดหัวผม วาดรูปฟิวกำลังได้เลยแมร่ง ผมมองก้อนกระดาษที่ถูกขยำยู้ยี้อยู่ในมือ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเจ้าของ แต่ทุกคนในห้องก็นั่งเรียนตามปกติจนผมเดาไม่ถูกเลยว่าใครกันแน่ที่จงใจปาหัวผม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจขว้างมันลงถังขยะไปอย่างไม่ใส่ใจ
 
โป๊ะ!!!
 
    ไอ่ก้อนแรกยังพอให้อภัย แต่ไม่คิดว่าจะมีก้อนที่สองตามมา วันนี้มันเป็นเชี่ยไรว่ะเนี่ย ทุกคนในห้องนั่งนิ่งก้มๆเงยๆจดสิ่งที่อาจารย์เขียนบนกระดานอย่างเคย แล้วใครมันปามาว่ะ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด อย่าให้รู้ว่าใครปามาแมร่งจะโดนมิใช่น้อย
 
   เป็นครั้งที่สองที่ผมกำลังโยนไอ่ก้อนกระดาษลงถังขยะที่อยู่ไม่ห่างจากผมเท่าไร แต่ดูเหมือนข้างในจะมีคนเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นร่างบางจึงคลี่ก้อนกระดาษในมือออก
 
“เย็นนี้ เจอกันที่สนามบอล ไม่มามึงเจ็บ” ผมอ่านข้อความชวนสยดสยอง ไอ่ลายมือปานกิ้งกือดิ้นตายบนกระดาษ แถมประโยคที่ไม่ค่อยต่างกับการขู่เอาชีวิตแบบนี้ คงเป็นฝีมือไอ่บอลชัวร์
 
“เฮ้อ...” คนตัวเล็กถอนหายใจเบา เมื่อไรมันจะเลิกรังควานผมสักที
 
   เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เวลาคล้ายกับจะเดินไวกว่าทุกวัน ผมแค่แอบงีบได้แปบเดียวก็โรงเรียนเลิกซะแร่ะ ผมเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะสะพายมันไว้ข้างหลัง ร่างบางเดินคอตกตรงไปยังสนามบอล ไม่รู้ว่าผมต้องเจออะไรอีก
 
“ไอ่เกี๊ยว ทางนี้โว้ย” เสียงไอ่โยตะโกนแหกปากโบกไม้โบกมือมาแต่ไกล ผมมองกลุ่มคนไม่ต่ำว่า 10 คนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่กลางสนาม ยังกะว่ามันจะยกพวกไปตีกันไงงั้นแหละ ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาไอ่โยที่ยืนร่วมอยู่ในนั้นด้วย
 
   พอวิ่งไปถึงก็มีแต่คนมองหน้าผม ตัวสูงๆกันทั้งน้าน สงสัยเป็นไอ่พวกห้องอื่นที่มันมาท้าดวลบอลกันแน่ๆเลย
 
“คนครบแล้ว พวกเมิงจะเล่นกันได้รึยัง” ไอ่แห้งที่ยืนทำหน้ากวนตีนพูดกับไอ่บอล
 
“ใคร 6 ลูกก่อนชนะ” ไอ่บอลยื่นแผ่นกระดาษสีเขียวออกมาจากกระเป๋า รวมทั้งไอ่แห้งนั่นด้วย
 
“เดี๋ยว 40 ไปเลย” ไม่ทันที่ไอ่แห้งจะเขี่ยบอลไปกลางสนามไอ่บอลก็ท้วงขึ้นมาซะก่อน มันทำท่าลังเลก่อนจะควักแบงค์สีเขียวอีกใบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เท่ากับว่าเงินพนันบอลในครั้งนี้ 80 บาท ฝ่ายไหนชนะก็ได้เงินไปกินขนมสบายเลยนี่หว่า
 
   ไม่รู้วันนี้ไอ่บอลมันผีเข้าอะไรของมันถึงให้ผมเล่นบอลกับมันด้วย แถมอีกฝ่ายนั้นก็พวกไอ่ยะเจ้าพ่อบอลฝั่งตลาดซะด้วย แหงละหนึ่งในนั้นต้องมีไอ่โอมร่วมด้วยอยู่แล้ว โอกาสจะชนะเลยดูลิบหรี่เต็มที ยิ่งมีผมร่วมทีมอยู่กะพวกมันด้วยแล้ว คิดแล้วก็เสียดายเงิน 40 บาทของมันแทนจริงๆ
 
   สักพักไอ่บอลก็ปลดกระดุมเสื้อโชว์หุ่นเฟิร์มๆของมันโยนไว้ข้างสนามต่อหน้าประชาชี ตอนแรกเห็นแล้วก็แอบอิจฉานิดๆ จะโชว์อะไรนักหนา แต่ที่ไหนได้ ไอ่โย ไอ่เคน รวมทั้งไอ่เอ็มมันถอดเสื้อกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังอยู่ในสภาพนักเรียนอยู่ ใช้การถอดเสื้อแบ่งฝ่ายเพื่อจะได้ง่ายต่อการเล่นนี่เอง ผมเลยจำใจต้องโชว์หุ่นแห้งๆตามกระแสไปด้วย
 
   และแล้วเกมก็เริ่มขึ้น ท่าทางแต่ละคนดูไม่เหมือนอย่างที่ผมเคยเห็น ไอ่โยวิ่งไปประจำอยู่ที่โก ส่วนไอ่เคนคุมกองหลัง ไอ่บอลยืนเป็นกองหน้า ไอ่เอ็มปีกซ้าย ส่วนผมน่ะเหรอ ยืนเอ๋ออยู่ขอบสนามก็เคยเล่นบอลจริงๆจังๆก็เค้าที่ไหนล่ะ
 
“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว เมิงจะเล่นมั้ย” เสียงจากซาตานก็ตะโกนดังข้ามสนามมาด่าผมถึงที่ ดูเหมือนผมกับไอ่โยจะตัวเล็กที่สุดในเกมนี้ คนตัวเล็กวิ่งไปอยู่ปีกขวาซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่เหลืออยู่ เหงื่อเม็ดใสผุดที่ดวงหน้าหวานตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม
 
   ฝ่ายไอ่ยะ ไอ่โอมมันก็ยืนกระจายๆกันอยู่ในสนาม เหรียญบาทถูกโยนขึ้นไปในอากาศก่อนจะตกลงมาที่แขนของไอ่ยะอีกครั้ง
 
“หัว” เสียงทุ้มของไอ่บอลพูด ก่อนที่ไอ่ยะจะเปิดมือออกมา ผลลัพธ์เป็นอย่างที่ไอ่บอลคิดไว้ เดาแม่นขนาดนี้ แมร่งไปใบ้หวยได้หลายตังค์เลยนะเนี่ย
 
   ร่างสูงใช้เท้าเขี่ยบอลมาหาตัวเอง ขณะที่เกมของลูกผู้ชายเริ่มขึ้นในยามเย็นที่แสงอาทิตย์รำไรสาดส่อง สายลมเอื่อยๆพัดมา ช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังแบบนี้
 
   ไอ่บอลเลี้ยงลูกได้ไม่นานก็ถูกไอ่โอมแย่งบอลไป ลีลาสุดยอดจริงๆ ผมมัวแต่ยืนอึ้งในความเทพของมันอยู่ที่เดิมจนลืมวิ่ง อันที่จริงผมก็เล่นไม่ค่อยเก่ง เดาว่าที่มันให้ผมเล่นด้วยคงเพราะคนไม่พอ ผมเลยวิ่งๆพอเป็นพิธี
 
   ไอ่ลูกกลมๆที่ทุกคนต่างวิ่งไปเพื่อแย่งมันมา สุดท้ายก็แตะทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ไม่นานแต้มมันก็วิ่งไปเรื่อยๆจนมาอยู่ที่ 5 ต่อ 5 ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้แตะบอลเลย ยืนวิ่งไปวิ่งมา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรส่วนมากจะดูพวกมันเล่นกันซะมากกว่า ไอ่เหตุผลที่ว่าคนฝ่ายไอ่บอลขาดก็เลยเริ่มเด่นชัดขึ้นทุกที
 
“เกี๊ยว” จู่ๆไอ่เอ็มก็ส่งบอลมาทางผมที่ยืนโล่งอยู่คนเดียว ก็พวกไอ่ยะดันไปแย่งบอลรุมไอ่เอ็มคนเดียวเลยนี่ บอลสีขาว-ดำที่ออกจะเก่าเล็กน้อยค่อยกลิ้งมาหาผมจนหยุดอยู่ตรงหน้า แล้วกูจะทำดีเนี่ย ไม่นานพวกไอ่ยะกะเพื่อนของมันเริ่มวิ่งกรูเข้ามาผมแต่ไกล ชริปหายแล้วมั้ยล่ะ
 
“แตะดิว่ะ” เสียงไอ่เคนตะโกนดังมาจากข้างหลังผม เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน
 
   คนตัวเล็กเริ่มเลี้ยงบอลวิ่งไปข้างหน้า แต่กลับมีเงาสูงๆเข้ามากระกบข้าง ไอ่โอมมันวิ่งมาประชิดตัวผมแถมยังวิ่งมาดักหน้าผมอีก ตายห่าแล้ว
 
   แผงอกขาวเนียนที่ไม่เคยประจักต่อสายตาใครมาก่อนจนถึงวันนี้ที่ผมได้มาเห็นใกล้ๆ ถึงมันจะตัวเล็กไปหน่อยแต่ผมว่าแบบนี้มันก็น่ารักดี กลิ่นเหงื่อที่ชโลมมันทั้งตัวทำให้ผมอดจ้องมันไม่ได้จริงๆ (โอม)
 
“เอาดิ” ไอ่โอมพูดเยาะเย้ยผมที่พยายามจะเลี้ยงลูกหลบมันอยู่ ใครจะรู้ว่าไอ่บอลลูกกลมๆนี่มันจะควบคุมทิศทางยากขนาดนี้
 
   จะเลี้ยงไปซ้ายไปขวา มันก็รู้ทันผมซะหมดแต่ติดอยู่อย่างว่ามันไม่ยอมแย่งบอลจากผมไปทั้งๆที่มันก็ทำได้ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากซะอีก
 
    ผมมองไอ่บอลที่ยืนโบกมืออยู่ไกลๆ ขืนผมเก็บบอลไว้กับตัวเองแบบนี้มีหวังโดนไอ่โอมชิงไปแน่ๆ ร่างบางหลับหูหลับตาแตะบอลไปหาคนตัวสูงที่ยืนอยู่ใกล้ตัวเองที่สุดในตอนนี้
 
“ขอบใจว่ะ” คำขอบคุณที่มาจากปากไอ่ยะ ทำเอาผมอยากจะบ้าตาย ผมตั้งใจส่งให้ไอ่บอลไหงไปอยู่ที่ไอ่ยะได้ว่ะเนี่ย แล้วมันก็ยิ้มร่าวิ่งไปพร้อมกับบอลตรงไปหาไอ่โย ขนาดโกกับตัวมันนี่ต่างกันเหลือใจชะมัด ไอ่ซีนที่ว่าไอ่ยะเตะบอลไปแล้วมันรับได้เลยมีน้อยมาก
 
   ภาพที่ไอ่ยะเตะบอลผ่านประตูเข้าไปโดยที่ไอ่โยกระโดดไปรับแต่เฉียดนิ้วมันไปนิดเดียวทำเอาผมเข่าทรุด จิ้มกับหญ้านุ่มๆ ผมเห็นไอ่โยใช้มือทุบกับสนามหญ้าอย่างบ้าคลั่ง
 
   เสียงเฮดังกับชัยชนะที่ได้มา พวกไอ่ยะกระโดดกอดคอกันก่อนจะไปฉวยเอาแบงค์สีเขียวที่เหน็บกับกิ่งไม้มาไว้กับตัวเอง
 
“คราวหน้ามาแข่งกันอีกนะเว้ย” เสียงไอ่ยะพูดเย้ยกับไอ่บอลที่ยืนกำมือแน่น แล้วพวกมันก็พากันจากไปพร้อมกับเงิน 80 บาท
 
“โธ่เว้ย” ร่างสูงเตะหญ้าแรงด้วยความโมโห
 
“ไอ่โย เมิงเฝ้าโกภาษาไรว่ะเนี่ย ถึงปล่อยให้บอลเข้าไปได้” ไอ่บอลตะคอกใส่ไอ่โยที่นั่งอย่างคนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าโก
 
“ลูกมันมาไวใครจะรับได้เล่า พวกเมิงนั่นแหละปล่อยให้บอลหลุดมาได้ไง” คนตัวเล็กตะโกนกลับ น้ำเสียงที่เจือปนด้วยความผิดหวังผสมกับเสียงหอบดังระงมทั่วบริเวณ
 
“ไอ่เกี๊ยวเมิงส่งบอลให้ไอ่ยะทำเหี้ยไรว่ะ” มือแกร่งผลักแผงอกคนตัวเล็กจนกระเด็น
 
“กูไม่ได้ตั้งใจนี่ ทำไมเมิงต้องมาผลักกูด้วยว่ะ” ตอนนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งผิดหวังพอๆกัน ทำไมมันต้องมาซ้ำเติมกันด้วย คนตัวเล็กผลักอกแกร่งที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายจนบอลเซไปข้างหลังเหมือนกัน
 
“เมิงกล้าผลักกู” ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงมันกลับ หมัดใหญ่ๆก็พุ่งเข้ามาชนหน้าผมจนหันไปตามแรงที่ไอ่บอลส่งมาแบบไม่ทันตั้งตัวล้มไปนั่งบนหญ้าผืนนิ่มที่รองรับไว้ด้านล่าง เลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากมุมปากบาง
 
“อย่ามีเรื่องกันเลย กูขอ” เสียงไอ่เคนท้วงขึ้นมา แต่สายตาคมที่ดูดุดันจนน่ากลัวของไอ่บอลมองไอ่เคนจนมันไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีก
 
   คนตัวเล็กที่ล้มกองอยู่กับพื้นยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสวนหมัดกลับด้วยแรงโทสะเช่นกัน แล้วไอ่บอลก็รับหมัดผมไปเต็มๆ ถึงแรงผมจะไม่เยอะเท่ามันแต่รับไปเต็มๆหน้าขนาดนั้นไม่เจ็บก็ให้มันรู้ไป ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกจากปลายคิ้วหนาแทบจะทันที
 
   นัยน์ตาที่ดุดันเอาเรื่องของไอ่บอลถึงกับทำให้ไอ่เคนกลัว แล้วผมล่ะ ผมที่พลั้งมือชกมันไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าผมจะมีชีวิตรอดไปจนถึงวันพรุ่งนี้ได้อีกรึเปล่า แต่ ความรู้สึกนั้นมันกลับถูกเก็บไว้ภายในไม่แสดงออกมาสงสัยผมจะได้เชื้อดิบเถื่อนมาจากมัน นัยน์ตาหวานที่แข้งกร้าวจ้องร่างสูงที่ยืนตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง มือเล็กกำข้างลำตัวแน่นคล้ายกับพร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อ
 
    คนตัวสูงง้างกำมือทำท่าว่าจะชกไอ่คนตรงหน้าให้สลบหมอบให้ได้ ด้วยแรงโทสะที่พุ่งพล่านเกินกว่าจะระงับไหว
 
“พอเหอะ” เกี๊ยวยืนนิ่งหลับตาปี๋เตรียมรับแรงประทะ แต่...กลับมีใครอีกคนที่คว้าแขนของไอ่บอลได้ทันซะก่อนที่จะมาถึงตัวผม
 
“ไอ่เชี่ยโอม เมิงไม่ต้องมายุ่ง” คนที่กำลังเดือดดานจนไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นผลักโอมจนกระเด็นไปอีกทาง
 
“นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” จู่ๆก็มีอีกเสียงดังขึ้น คุณครูฝ่ายปกครองที่วิ่งมายืนคั้นกลางระหว่างผมกับไอ่บอล ผมเลยถูกลากตัวมาที่ห้องปกครองทันที 
 
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องชกต่อยกันด้วย” คนตัวเล็กนั่งก้มหน้าเงียบ ร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆสีหน้าเรียบนิ่งหูทวนลมอย่างคนไม่รับรู้อะไร เลยไม่มีใครตอบคำถามที่ครูถามหลายนาทีก่อน
 
“ครูก็ไม่รู้ว่าพวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกันก็ต้องรัก ต้องสามัคคีกันไว้สิ ไม่ใช่มาทะเลาะตบตีกันแบบนี้” คำพูดที่ดูจะเป็นความหวังดี ใช่ว่าผมอยากจะไปมีเรื่องกะใครที่ไหนเล่า แต่มันเหลืออดแล้วจริงๆ
 
“นัฏพล เธอก็ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อนเลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ครูน่ะไม่อยากจะแจ้งเรื่องพวกนี้ให้ผู้ปกครองเธอต้องมากลุ้มใจหรอกนะ เธอก็อีกเหมือนกันภานุ ครูนึกว่าเธอจะปรับเปลี่ยนนิสัยได้แล้วซะอีก ครูสงสารแม่เธอรู้มั้ย ที่ต้องมารับทราบเพราะไอ่เรื่องไร้สาระพวกนี้ของเธอมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว” คนตัวเล็กและร่างสูงยังคงนั่งนิ่งปิดปากเงียบ ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
 
“ครูจะไม่ทำโทษและจะยังไม่แจ้งผู้ปกครองพวกเธอนะ แต่พรุ่งนี้พวกเธอสองคนต้องมาหาครูที่ห้องนี้ตอนเช้า เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงที่เอ่ยหนักแน่นดัง
 
 “ครับ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา “ครับ” บอลตอบสั้นแต่ในน้ำเสียงสั่นเครืออย่างคนสำนึกผิด
 
“เอาล่ะ ไปได้แล้ว หวังว่าพวกเธอคงเข้าใจที่ครูพูดนะ” คุณครูเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ผมรีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าไอ่บอลเพื่อทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้นั่งที่เดิมข้างๆมันอีกต่อไปแล้ว

"กะ เกี๊ยว กู...ขอโทษ" มันเป็นประโยคที่ผมได้แต่คิดในใจ แต่ตอนนี้อะไรมันคงสายไปแล้ว ไอ่เกี๊ยวมันคงเกลียดผมมากกว่าเดิม ไม่น่าอารมณ์ร้อนเลย มันก็แค่เกมที่กูจริงจังมากไป ขอโทษจริงๆ (บอล)

"โธ่เว้ย" มือแกร่งประทะกับผนังปูนแรงจนความรู้สึกปวดร้าวแล่นลิ่วมาตามแรงกระทบทันที แต่ร่างสูงกลับเหมือนคนไร้ความรู้สึกเพราะตอนนี้มันเจ็บที่หัวใจมากกว่าสิ่งอื่นใด กับเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งไปแล้วจนไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
 
“เกี๊ยวไปฟัดกะหมาที่ไหนมาเนี่ยห๊ะ” พอกลับมาบ้านเท่านั้นแหละ ผมก็โดนแม่บ่นยกใหญ่ ก็ผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกะใครมาก่อนนี่นามันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแม่
 
“โอย ไม่เอาทิงเจอร์แม่ ไม่เอา” ผมเบือนหน้าหนีไอ่สำลีชุบน้ำสีฟ้าอ่อนๆที่อยู่ในมือแม่
 
“ทิงเจอร์เนี่ยแหละ ไม่งั้นจะหายเรอะ” จะหนีได้ยังไงล่ะครับ ไอ่ตอนที่โดนชกใหม่ๆมันไม่เจ็บหรอก แต่ไอ่ตอนทายานี่สิเจ็บอย่าบอกใครเลย ซี๊ดดดด...
 
“ส่งให้ไปเรียนหนังสือกลับอยากไปเป็นนักเลง” ยิ่งบ่นแม่ก็ยิ่งกดน้ำหนักมือแรงขึ้น ไม่รู้เพราะหมั่นไส้หรืออะไรกันแน่แต่ที่รู้ๆผมเจ็บกว่าตอนที่ถูกไอ่บอลชกอีก
 
“โอยๆ เบาสิแม่ ผมเจ็บนะ” ร่างบางร้องท้วงอย่างไร้หนทาง
 
ฉอดๆๆๆๆๆ
 
“โธ่แม่ ไอ่เกี๊ยวมันเป็นเด็กผู้ชายก็ปล่อยๆมันไปเถอะ” หลังจากนั่งฟังแม่บ่นยาวเป็นหางว่าว ดูเหมือนพ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์ไม่รู้เรื่องเลยท้วงแม่เค้าสักหน่อย
 
“พ่อก็ชอบให้ท้ายลูกทุกทีแหละ มันถึงได้เกเรแบบนี้ ฉอดๆๆ” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งจะยุให้แม่แกบ่นต่อไป ผมกับพ่อเลยตัดสินใจเงียบดีกว่า
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 20-04-2009 21:57:53
มอบแต้ม+ ที่ 14 คร้าบบบ

**************
บอลนะบอล-ทำไปด้ายยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 21-04-2009 00:46:12
 :mc4: :mc4:

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 21-04-2009 01:31:18
 :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: prawy ที่ 21-04-2009 03:52:47
สงสารเกี๊ยวจัง


 :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 21-04-2009 07:34:18
[โหย... เกี๊ยวน่าสงสารอะ เรื่องที่บ้านร้างก็ว่าทำร้ายจิตใจกันมากแล้วนะ นี่ถึงกับต่อยกันเลยเหรอเนี่ย  :m16:


จะว่าไป โอมก็ค่อยๆตอดเก็บคะแนนอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย หึ หึ หึ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 21-04-2009 16:00:18
ตอน 7

แซ่ แซ่ แซ่ (อาบน้ำสามขันก่อนไปโรงเรียนตามปกติ)

ตึกๆๆๆ คนตัวเล็กที่ย่ำเท้าวิ่งลงบันไดด้วยอาการรีบร้อนอย่างเคย มีรอยเขียวอมม่วงเป็นจ้ำปรากฏที่มุมปากบาง บวกกับสีหน้าของเจ้าตัวที่ดูไม่ค่อยดีทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย
 
“วะ หวัดดีครับ น้าเพ็ญ” ผมยกมือไหว้แม่ไอ่โอมลวกๆก่อนจะรีบโดนขึ้นรถมอไซด์พ่ออย่างเช่นทุกวัน ไม่รู้ว่าน้าแกมีธุระอะไรสำคัญถึงได้มาหาแม่แต่เช้า
 
“อ้าว หวัดดีจ้า” น้าแกรับไหว้เก้อๆเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆมาให้ผม สงสัยคงงงที่ผมเพิ่งออกจากบ้านผิดกับลูกชายแสนดีของน้าที่ปานี้คงไปถึงครึ่งทางแล้วมั้ง
 
    รถมอไซด์ออกตัวเร็วดั่งใจคิด กระแสลมที่ประทะทวนมาก็ไม่ช่วยดับความร้อนที่มีในจิตใจของคนตัวเล็กได้เลย มันก็ไอ่เรื่องเดิมๆนั่นแหละ ชาตินี่เมื่อไรมันจะตื่นทันรถนักเรียนว่ะ
 
“พ่อๆ น้าเพ็ญเค้ามาคุยอะไรกะแม่แต่เช้าอ่ะ” ผมพูดเกริ่นๆ ก็พวกแม่ๆเค้าชอบเมาท์กัน แต่ไม่คิดว่าจะอยากเมาท์จนต้องมาหาแต่เช้าขนาดนี้ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมแค่อยากรู้เท่านั้นเอง (แถวบ้านกูเค้าเรียกเสือกว่ะ)
 
“เห็นว่าน้าเพ็ญเค้าต้องไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ พ่อก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเหมือนกัน” ผู้เป็นพ่อกึ่งพูดกึ่งตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ดังไม่แพ้กัน
 
“อืม” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจ น้าเพ็ญกะแม่นี่หาเรื่องคุยกันได้ตลอด ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันการเมือง
 
   ช่วงหลังๆผมแกล้งตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย ก็ผมไม่อยากจะขึ้นรถนักเรียนแล้ว ต่อให้ผมต้องโดนครูด่าก็ยังดีกว่าต้องไปนั่งข้างๆไอ่บอลหรือต้องเจอหน้ามันทุกเช้าแบบนี้
 
ปิ่ง ป่อง~!! ประกาศ ขอพบนักเรียนที่มีรายชื่อต่อไปนี้ที่ห้องปกครองในเวลานี้ด้วยค่ะ นัฏพล วงษ์วานิช และ ภานุ พิทักษ์สกุล ประกาศ...
 
   เสียงประกาศดังก้องทั่วอาณาบริเวณ กะจะให้ผมขายหน้าไปถึงไหนกันเนี่ย อันที่จริงผมก็ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าคุณครูฝ่ายปกครองให้ไปพบวันนี้
 
   ผมเดินตามไอ่บอลออกจากห้องไปติดๆ สภาพมันก็ไม่ค่อยต่างจากผมเท่าไร มีพลาสเตอร์สีขาวแปะที่หางคิ้วหนาของมันก็ทำเอาผมแอบภูมิใจน้อยๆกับผลงานตัวเอง แต่ที่สะดุดตาไปกว่านั้นคือมือขวามันห่อผ้าก๊อตไว้ด้วย มันต่อยผมแค่ปากแตกถึงต้องกับพันผ้าก๊อตเลยเหรอว่ะเนี่ย บอบบางกว่าที่คิดแฮ่ะ หลงนึกว่ามันทึกมาตั้งนาน
 
“มองเชี่ยไรเมิง” ไอ่บอลมองผมเคืองที่ผมเผลอไปจ้องมือมันเข้าให้ เออ...กูไม่มองก็ได้ ห่านิ ผมเดินห่างมันประมาณ 3 ก้าวได้ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าถูกจ้องเนอะ ใช่ว่าอยากจะมองสักเท่าไรหรอก
 
“อ้าว มากันแล้วสินะ ตามครูมา” ผมเดินตามครูเข้าไปในห้องทำงาน เฮ้อ...ชีวิตเด็กหลังห้องอย่างผมต้องไปจบลงที่การล้างส้วม หรือ เก็บขยะรอบโรงเรียนละทีนี้
 
“อยู่ไหนนะ” แล้วครูแกก็บ่นพึมพำคนเดียวรื้อๆค้นๆหาอะไรสักอย่างในลิ้นชัก ไอ่บอลที่ยืนอยู่ข้างๆผมทำเอาผมแทบจะไม่ขยับหัวไปไหนเลยนอกจากมองไปข้างหน้า
 
“เจอแล้ว รับไปสิ” แล้วคุณครูก็ยื่นเชือกสีขาวที่ยาวประมาณแขนหนึ่งได้มาให้ผม งงเป็นไก่ขี้แตกสิครับ จะให้เอาเชือกไปล้างส้วมก็คงไม่ใช่
 
“....” เกี๊ยวยืนทำหน้าเอ๋อกำเชือกในมือ บอลยืนกอดอกในใจก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเอาเชือกมาทำซากอะไรกันแน่
 
“อ่อ ขอโทษทีครูนึกว่าบอกพวกเธอแล้วซะอีก” แล้วคุณครูแกก็พูดเองเออเอง รีบกูลีกูจอมาทางผมกับไอ่บอลที่ยืนอีกฟากของโต๊ะทำงาน
 
     สักพักคุณครูก็จัดแจงมัดปลายเชือกด้านหนึ่งไว้ที่ข้อมือเล็กอย่างแน่นหนา เฮ๊ย...อย่าบอกว่าครูจะมัดผมไว้กับโต๊ะไม่ให้กินข้าวกินน้ำ มันจะโหดร้ายไปหน่อยนะครับ ผมแค่มีเรื่องชกต่อยกันตามประสาเด็กไม่ได้ไปฆ่าใครที่ไหนน้า... เริ่มเหงื่อตกสิครับ งานนี้มันซ่อนเงื่อนเกินไปแล้ว พอดีคุณครูแกมัดเหลายเงื่อนทั้งเงื่อนพิรอด เงื่อนขัดสมาธิ อึก (เสียงกลืนน้ำลาย)
 
“ภานุมานี่สิ” แล้วคุณครูก็กวักมือเรียกไอ่บอลที่ยืนอิงผนังอยู่ด้านหลัง ก่อนจะมัดปลายเชือกอีกข้างที่ข้อมือซ้ายของไอ่บอล หลังจากที่ปล่อยให้งงเป็นไก่ขี้แตก ความจริงก็เริ่มกระจ่าง เมื่อตัวผมติดกับไอ่บอลเพราะเชือกลูกเสือยังงี้
 
“โทษฐานที่พวกเธอทำผิด ห้ามทำเชือกเส้นนี้หลุดหรือขาดออกจากันจนกว่าโรงเรียนจะเลิก หมดเรื่องแล้วก็ไปเรียนตามปกติได้แร่ะ แล้วอย่าให้ครูรู้นะว่ายังทะเลาะกันอีก คราวหน้าครูคงต้องเอาจริงแล้วนะ” เกลียดอะไรได้ยังงั้นจริงๆ ตอนนี้ผมก็หลบหน้าไอ่บอลไม่ได้อีกแล้ว ครูครับให้ผมไปล้างส้วม 1 สัปดาห์ก็ย๊อมม ไม่ทันที่ผมจะได้ต่อลองผมก็โดนไอ่ทึกนี่มันลากแขนไปอีกแล้ว
 
“จะรีบไปไล่ควายรึไงว่ะ” คนตัวเล็กบ่นเป็นกระสัยอยู่ในลำคอ ก็ช่วงก้าวของผมกะไอ่บอลมันไม่เท่ากันนิ ไอ่นั้นมันขายาวก้าวทีแมร่งยังกะวิ่ง เจ็บข้อมือตายห่าอยู่แล้วเนี่ย
 
“ว่าอะไรนะ” จู่ๆมันก็หยุดเดิน ทำเอาผมหัวทิ่มใส่หลังแกร่งๆของมันไปตามแรงกระแทก
 
“โอย...” ผมมองหน้ามัน ก่อนจะใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ลูบหัวตัวเองอย่างไม่พอใจ ไอ่เชี่ยนิคิดจะหยุดก็หยุดคิดจะเดินก็เดิน มันลืมรึไงว่ะว่ามันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิมถึงจะได้เดินตัวปลิวตามสบาย
 
“เดินช้าว่ะสัด หัดเดินเร็วๆหน่อยได้มั้ย นี่มันคาบครูปิยะ เดี๋ยวแมร่งก็โดนด่าหูชาอีก” คราวนี้มันจับมือผมข้างที่ถูกมัดวิ่งไปด้วย ตกลงกูเป็นตัวถ่วงเมิงใช่มั้ยเนี่ย แต่ก็จริงอย่างที่มันพูด ไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงตอนที่มีคาบคณิตของครูปิยะแล้วจะเห็นนรกรำไรอยู่ตรงหน้า
 
   พอวิ่งมาถึงห้องผมนี่เข่าแทบทรุด เสียงหอบดังรัวคนตัวเล็กรีบจาบจ้วงอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด โชคดีที่ครูยังไม่เข้า แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันเลยเพราะคนทั้งห้องหันมามองผมกับไอ่บอล แถมยังไปซุบซิบหัวเราะกันคิกคักจนออกนอกหน้า ผมสะกดคำว่าอายจนจะเป็นเพื่อนสนิทกะมันอยู่แล้ว
 
“มองหาพ่อเมิงเหรอ” พอไอ่บอลตะโกนด่ากราดเท่านั้นแหละ ทั้งห้องก็กลายเป็นหมาหงอในบัดดล จะดีใจหรือเสียใจดีว่ะเนี่ย
 
“เฮ๊ย ไอ่เชี่ยบอล ทำไมเมิงถึง... วะฮ่าๆ” มีแต่ไอ่โยที่ยังขำค้างอยู่ในอารมณ์ ส่วนคนอื่นมันก็เลิกสนใจผมกับไอ่บอลไปนานแร่ะ ขนาดไอ่เคนมันยังนั่งขำ เชื่อเลยว่าครูแกเข้าใจสรรหาเรื่องให้ผมอับอายเก่งจริงๆ
 
“แมร่ง หุบปากไปเลย ไอ่เชี่ยโย” ร่างสูงเอ่ยแกมแยกเขี้ยวให้กับลูกสมุนของตนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร มือหนาข้างที่ว่างอยู่ก็พลางตบง้อนหัวเล็กๆของไอ่โยไปตามสเต็ป
 
“จับมือแน่นเชียวนะเมิง กลัวมันหายรึไงว่ะ” จู่ไอ่เคนก็พูดขึ้นมา เท่านั้นแหละผมก็รู้สึกร้อนๆที่หน้า ไม่รู้เพราะอะไร ดูเหมือนไอ่บอลก็มีอาการเดียวที่ไม่ต่างจากผมเท่าไร มันรีบปล่อยมือที่กุมผมไว้ตั้งแต่วิ่งมา ก่อนจะทำหน้ายุ่งๆ จะว่าไปไอ่นี่มันก็ไม่ค่อยเต็มเตงเหมือนกันแฮ่ะ
 
“สัด กูบอกให้หุบปากไง” มันยังมีอารมณ์ทำหน้าเนียนด่าไอ่เคนต่อได้ คิดไม่ผิดที่ยกรางวัลไอ่เนียนยอดเยี่ยมแห่งปีให้มัน
 
“เออๆ ไม่แซวก็ได้ ว่าแต่...พวกเมิงตัวติดกันยังกะตังเมขนาดนี้แล้วจะเรียนยังไงว่ะเนี่ย” แล้วไอ่เคนก็พูดเรื่องที่มีสาระขึ้นมา ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะตอนนี้ผมยืนหัวโด่คนเดียวอยู่กลางห้อง ไอ่เชี่ยบอลแมร่งก็ลืมกูอีกแร่ะ แล้วกูจะนั่งตรงไหนเรียนว่ะ
 
   ร่างสูงนั่งเกาคางแหลมอย่างคนใช้ความคิดก่อนจะลุกพรวดคว้ากระเป๋านักเรียนตัวเอง พลางลากคนตัวเล็กเดินไปหลังห้อง บอลพลักคนตัวเล็กให้เข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะเบียดตัวเข้าไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างๆกัน
 
“ยืนทำซากอะไรอีกว่ะ นั่งดิ” ร่างสูงใช้มือข้างที่ถูกมัดดึงแขนคนตัวเล็กในนั่งลงโดยแทบไม่ต้องออกแรง เออๆ รู้แร่ะแมร่ง แค่นี้ไม่รู้ว่ามันจะตะโกนหาพระแสงอะไรนักหนา
 
   การเรียนมันเลยไม่หมูอย่างที่คิด เพราะผมต้องแบกมือหนักๆของไอ่บอลตอนเขียนหนังสือนี่สิ บางครั้งผมก็ถูกมันแกล้งจนเกือบจดตามครูไม่ทัน ลบเขียนใหม่เป็นสิบๆกว่ารอบ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ยอมๆมันไป ถ้าขืนต่อล้อต่อเถียงมันได้เป็นเรื่องแน่ๆ แค่นี้ผมก็จะประสาทกินอยู่แล้ว แค้นโว้ยยยย
   
   ไม่รู้ผมเป็นโรคจิตอะไรอีกเหมือนกันมันถึงชอบมาปวดฉี่ตอนใกล้จะพักเที่ยงทุกทีสิน่า...
 
“ครูครับ ขออนุญาตไปปัสสาวะครับ” หลังจากที่ทนนั่งบิดไปบิดมานานร่วมชั่วโมงความอดทนของผมมันใกล้จะสิ้นสุดเต็มที่
 
“ครูให้ไปได้แค่คนเดียวนะ” อ้าว ครูครับมันติดกันยังงี้ จะให้ไปคนเดียวได้ไงว่ะ
 
“อะ เอ่อ ครูครับ คือ...” ปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว อนุญาตเร็วๆสิ
 
“ครูก็ดูสิ มือมันติดกันแบบนี้แล้วจะให้ไปคนเดียวได้ไง” แล้วไอ่บอลก็ทำตัวเป็นประโยชน์สักที
 
“...” คุณครูแกขยับแว่นพันปีก่อนจะโบกมือไล่ ผมแนะนำให้ไปเปลี่ยนแว่นได้แล้วครับ คราวนี้ผมก็ใส่เกี๊ยะหมาวิ่งไม่คิดชีวิตเลย
 
    แต่เหมือนสวรรค์ชอบกลั่นแกล้งคนดีๆอย่างผมไอ่บอลมันไม่ต่างกับกระสอบทรายดีๆในตอนนี้ ปล่อยให้ผมวิ่งแทบตายแต่มันกลับเดินแถมกว่ามันจะก้าวแต่ละก้าวได้นี่ล่อไปเกือบชั่วโมง (ประชด)
 
“วิ่งเร็วๆหน่อยดิว่ะ เยี่ยวจะราดแล้วโว้ย” ผมอดไม่ได้จริงๆ กะจะไม่พูดกับมันแล้วแท้ๆแต่ก็ทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ผลเพราะมันเป็นฝ่ายวิ่งนำผมไปซะงั้น ตกลงใครปวดเยี่ยวกันแน่ว่ะ
 
    พอถึงโถฉี่แบบยืนเท่านั้นแหละ ผมก็รีบรูดซิบกางเกงแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะความเคยชิน มือทั้งสองข้างผมที่กำลังกุมเป้าตัวเองอยู่ก็เลยกลายเป็นว่ามีมือที่สามมาร่วมด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเลยรีบเขยิบตัวออกห่างมือขวาของตัวเองที่มีมือไอ่บอลติดอยู่ มือซ้ายก็พยายามรูดซิบด้วยความทุลักทุเล เยี่ยวซึมแล้วมั้งเนี่ย
 
“กูช่วยมั้ย” จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบทำเอาคนตัวเล็กทำกับสะดุ้งเล็กๆ
 
“มะ ไม่ต้องเว้ย เมิงอย่าจ้องได้มั้ยกูเยี่ยวไม่ออก” อีกแล้ว รู้สึกร้อนๆที่หน้าจนบอกไม่ถูก ไอ่ห่านิแมร่งก็จ้องอยู่ได้
 
“จะทำอะไรก็รีบๆทำ กูเหม็นส้วมว้อย ถ้ากูนับ 1 ถึง 3 แล้วเมิงยังเยี่ยวไม่เสร็จ กูจะช่วยเมิง” เรื่องบังคับคนนี่เก่งชริปหายเลยเมิง
 
 ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อย่างน้อยมันก็รู้สึกปลอดภัยกว่ายืนฉี่โต้งๆอวดน้องชายผมให้ชาวบ้านดู ถึงมันจะต้องเปิดประตูแง้มๆไว้ก็ตามเหอะ
 
“1...” ไอ่เชี่ยบอลยืนแหกปากห้องส้วมกดดันร่างบาง มือเล็กรีบปลดซิปอย่างลุกลีลุกลน ไม่ว่าจะเหตุผลที่ธรรมชาติมันเรียกร้องหรือว่ากลัวไอ่คนที่มันยืนอยู่หน้าห้องน้ำจะเข้ามาช่วยทำธุระก็ตามที
 
“2...” กูรู้แล้วว่าเมิงเก่งคณิต ไม่ต้องนับเลขอวดกูตอนนี้ได้ม๊ายยย
 
“3...” โชคดีที่ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จพอดีประจวบกับที่มันผลักประตูห้องน้ำเข้ามาชนกับหลังผมเข้าอย่างจัง
 
“โอ๊ยย” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง เพราะไอ่บานประตูไม้ที่มากระทบแผ่นหลังบางซะแอ่น
 
“เหม็นส้วมโว้ย สัด ใครขี้แล้วไม่ราดว่ะ แล้วเมิงจะลีลาในนี้อีกนานมั้ย” แล้วมันยังมีหน้ามาบ่นผมยาวเหยียด ไม่น่าเสือกปวดเยี่ยวเลยกู
 
    ลางสงหรณ์มันบอกผมทะแมร่งๆตั้งแต่นั่งเรียนในห้องแล้ว ถ้ามันไม่แกล้งทำให้ผมเขียนหนังสือไม่ได้ มันก็ใช้ผมแทนหมอนที่บ้านของมัน ประกอบกับมุมหลังห้องดีๆคุณครูก็แทบไม่ได้สนใจเลยว่ามีไอ่บอลมันแอบหลับคาไหล่ผม มารู้ตัวอีกทีไหล่ผมมันก็ชาจนไร้ความรู้สึกไปแร่ะ ขนาดตอนที่ผมไม่ได้ตัวติดกะมันยังโดนรังควานไม่เลิก แล้วยิ่งมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ
 
   เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะมานั่งแดรกข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับไอ่บอล กลับข้าวมื้อนี้มันคงเป็นมื้อที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม เชื่อเหอะ
 
“เกี๊ยวกูขอลูกชิ้นเมิงได้ป่ะ” ไอ่โยเอ่ยปากขอลูกชิ้นในถ้วยก๋วยเตี๋ยวของผม ที่ลอยตุบป่องลูกก้อน ยิ่งมีน้อยๆเมิงก็ยังอยากได้เนอะ
 
“อือ เอาดิ” มันรีบเอาตะเกียบมาคีบลูกชิ้นจากถ้วยผมไป ถ้าเป็นไอ่โยขอผมก็ยินดีให้มันอยู่แล้ว ยังไงผมก็แทบยัดเส้นกับผักเข้าปากไม่ได้เลยสักคำ
 
   จะใช้มือขวาก็เสือกโดนมัดติดกับมือไอ่บอล จะคีบเส้นเข้าปากทีก็ต้องแบกมือหนักๆของมันหรือมันตั้งใจกดมือลงผมก็ไม่สามารถบอกได้ พอใช้ความพยายามสุดๆจะเข้าปากอยู่รอมร่อมันก็แกล้งชักมือกลับ ไอ่เส้นก๋วยเตี๋ยวก็เลยไม่เคยถึงปากผมสักที ไอ่ผมก็เลยจำใจต้องใช้มือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดกินก๋วยเตี๋ยวไปตามเวรตามกรรม มื้อกลางวันที่ผมกินเลยแทบจะนับคำได้
 
   จนถึงคาบสุดท้ายที่ผมรอคอย อีกคาบเดียวเท่านั้นชีวิตกูก็จะเป็นอิสระสักที
 
“นักเรียนค่ะ วันนี้เราจะไปสเกตภาพนอกห้องกันนะ เตรียมดินสอสเกตภาพแล้วมารับกระดาษที่ครูคนละแผ่นนะจ๊ะ” คุณครูสาวเอ่ยเสียงใส พร้อมกับโปรยยิ้มหวานๆที่ทำเอานักเรียนชายกว่าครึ่งห้องใจละลายตามกันไปเป็นแถบ
 
“ขอบคุณครับ” ผมรับกระดาษ 100 ปอนด์จากคุณครูน้ำผึ้งสุดสวย แถมได้รอยยิ้มพิมพ์ใจกลับคืนมาด้วย แต่ก็ไม่มีเวลาได้มานั่งทำซึ้งหรอก ไอ่เชี่ยบอลมันก็ลากแขนผมเดินออกจากห้องไปเฉยเลย
 
   ถือว่าคาบศิลปะเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด เหตุผลหนึ่งก็มาจากการที่ผมชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว แต่อีกเหตุผลก็คือครูน้ำผึ้งน่านแหละ ยาชูกำลังใจอย่างดีเลยที่ทำให้ผมตั้งใจเรียนคาบศิลปะไม่เคยขาด
 
“ไอ่บอลพวกเมิงจะไปวาดรูปกันตรงไหนว่ะ” ไอ่โยถามพร้อมกับใช้มือเกาหัวเกรียนของมันแกรกๆ เชื้อราขึ้นหัวสิเมิง
 
“ไม่รู้ว่ะ” ไอ่ห่าบอลก็ติดโรคเชื้อราบนหนังศีรษะตามไอ่โยไปอีกคน เป็นโรคติดต่อที่ติดได้ง่ายจริงๆ เกาหัวกันใหญ่
 
“ไอ่โยกูว่าไปหามุมวาดแถวๆแปลงเกษตรดีกว่าแมร่ง ปล่อยผัวเมียคู่นั้นจู๋จี๋กันสองต่อสองเหอะว่ะ” เคนเอ่ยพลางขยิบตามาให้ร่างสูงอย่างมีเล่ห์นัย แต่ที่แปลกคือ ไอ่บอลมันกลับยืนนิ่งผิดวิสัยซาดิสม์ของมัน
 
“เห้ย ไอ่เชี่ยเคน ฝากไว้ก่อนเหอะเมิง” ไอ่เคนมันวิ่งไปนู้นแล้วครับ แต่ไอ่ห่านิมันเพิ่งจะรู้สึกตัว
 
“มองไรว่ะ วาดให้กูด้วย ไม่เสร็จเมิงเจ็บ” แล้วมันก็ยัดเหยียดกระดาษอีกแผ่นมาให้ผม ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นหน้ามันแดงๆด้วย เป็นเชี่ยไรของมันว่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
 
   หลังจากเลือกสถานที่มาเกือบสิบกว่านาที ผมเลยได้มานั่งวาดรูปข้างบึงเลี้ยงปลาที่มีดอกบัวลอยบนน้ำสีเขียวมรกต แสงอาทิตย์ยามบ่ายเกือบเย็นกำลังดีสาดส่องทั่วบริเวณ มีลมอ่อนๆพัดมาเป็นระรอก ผมก็นั่งปักหลักปักฐานกับผืนหญ้าเขียวชอุ่มขอบสระ ส่วนไอ่ตัวถ่วงมันก็นั่งพิงหลังผม ประมาณว่าทิ้งน้ำหนักแอนหลังนอนเต็มที่ ให้กูวาดรูปแล้วยังมากินแรงกูอีก ผมก็เลยพิงหลังมันบ้างสบายดีเหมือนกันแฮ่ะ
 
   แล้วทำไมไม่มีใครมานั่งวาดรูปแถวนี้มั้งหว้า อยู่กะไอ่บอลสองคนแล้วมันรู้สึกหยองๆยังไงก็ไม่รู้ คนตัวเล็กนั่งเงียบตั้งหน้าตั้งตาวาดรูป เสียงดินสอที่ขูดขีดกับกระดาษดังท่ามกลางความเงียบสงัดคล้ายเป็นบทเพลงรักที่บรรเลงมากับสายลมเย็นๆ
 
“เสร็จยังว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยดังทำลายความเงียบที่กัดกร่อนหัวใจไม่ให้เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกับคนข้างกายเขาตอนนี้
 
“เออๆ เอาไป” แล้วคนตัวเล็กก็โยนแผ่นกระดาษสเกตรูปบึ้งน้ำตรงหน้าที่ไม่ต่างกับภาพถ่ายดีๆให้บอลที่นั่งข้างหลัง
 
   แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับผลงานของเจ้าตัวที่เป็นรูปดอกบัวกลางน้ำ ถ้าเอามาเปรียบเทียบกันรูปของคนตัวเล็กก็สวยกว่ารูปที่วาดให้กับร่างสูงลิบลับ
 
“ไม่เห็นสวยเลย สัด เอารูปนั้นมา” แล้วไอ่เชี่ยบอลมันก็อยากได้รูปดอกบัวที่ผมอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งวาดมา กว่าจะได้ขนาดนี้
 
“เอ๊า ก็กูวาดรูปนั้นให้เมิงแล้วไง นี่มันของกูเว้ย” ผมใช้มือซ้ายถือรูปภาพของผมไว้ให้ห่างจากมือยาวๆของไอ่บอลเท่าที่จะทำได้
 
“กูจะเอารูปนั้น” คนตัวสูงเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะจ้องเขม็งมาที่ร่างบาง เกี๊ยวซ่อนรูปวาดของตัวเองไว้ด้านหลัง พลางขยับตัวออกห่างจากร่างสูงทั้งๆที่ข้อมือขวายังติดกับมือซ้ายของอีกฝ่ายอยู่
 
“อย่าหนีนะเว้ย” แล้วคนตัวสูงก็เริ่มวิ่งไล่ล่าหลังเล็กๆที่วิ่งนำตัวเองไม่ห่าง จนดูเหมือนว่ากำลังวิ่งเล่นกันอยู่ซะยังงั้น
 
“ไม่หนีก็ควายสิ แบร่” คนตัวเล็กหันไปหาร่างสูงที่วิ่งตามหลังก่อนจะแลบลิ้นเยาะเย้ยอย่างสะใจ ก็กูแค่อ่อนให้เฉยๆจะวิ่งไปตะครุบเมิงตอนนี้ก็ยังทัน คิดเหรอว่ากูจะยอมปล่อยเมิงไปง่ายๆ ไม่มีวันซะหรอก (บอล) ดวงหน้าหวานที่เปื้อนรอยยิ้มจางๆทำเอาคนตัวสูงเองก็เผลอยิ้มออกมาไม่ได้ จะยั่วกันไปถึงไหน
 
เห้ย ตุบ
 
    เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คนตัวเล็กสะดุดขาตัวเองล้มคมำไปกองที่พื้นทำให้ร่างสูงล้มลงมาติดกันๆกันเพราะถูกมัดติดกันไว้อยู่ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา
 
    คนตัวสูงทาบทับคนตัวเล็กที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงหน้าคมที่ห่างจากใบหน้าหวานไม่ถึงคืบทำเอาหัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ มือแกร่งยันกายตัวเองไว้กับพื้นได้ทันก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะได้สัมผัสกัน เล่นเอาหัวใจของบอลตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเหมือนกัน
 
“จะให้กูดีๆ หรือต้องให้กูบังคับ” ร่างสูงกดน้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบากับคนที่อยู่ภายใต้อ้อมแขนแกร่งคล้ายกับจะยั่วให้คนข้างใต้คลั่งซะมากกว่า
 
“อะ เอ่อ” ร่างบางดูลังเล ขณะเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายเพราะไม่กล้าจ้องนัยน์ตาคมสีนิลที่รู้ว่ากำลังมองตนอยู่ พวงแก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างไร้สาเหตุ
 
“หึ” บอลแสยะยิ้มก่อนจะยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมมองแผ่นกระดาษที่ไอ่บอลถืออยู่ในมืออย่างเสียดาย ในที่สุดมันก็แย่งงานที่ผมกะเอาส่งครูน้ำผึ้งไปจนได้
 
“กูถามเมิงอย่าง ได้ป่ะ” ร่างบางเอ่ยถามคนข้างๆที่นั่งชันเข่าเหม่อมองแผ่นน้ำระยิบระยับอย่างสบายอารมณ์
 
“เออ” คนตัวสูงหันมามองร่างบางที่นั่งกอดเข่าตัวเอง ข้างกายของตนเพื่อรอฟังคำถาม
 
“มือเมิงไปโดนอะไรมาว่ะ” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมือแกร่งที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อตด้วยความสงสัยอย่างยวดยิ่ง
 
“เรื่องของกู เมิงเสือกไรด้วย” เออ...เรื่องของเมิงรู้งี้กูไม่ถามซะดีกว่า
 
“ไปส่งงานเหอะว่ะ กูรอคะแนนเต็มจากครูน้ำผึ้งไม่ไหวแร่ะ” ร่างสูงเอ่ยพลางกรีดยิ้มเจื่อนๆให้กับคนตัวเล็กอย่างมีชัย
 
“เชี่ยเอ๊ย” ร่างบางพึมพำในลำคออย่างไม่พอใจ ขณะถูกลากแขนเดินเข้าไปที่ห้องศิลปะ
 
“ว่าไงนะ” เสือกหูดีอีกนะเมิง
 
“อะ เอ่อ เปล่ารีบๆส่งดิ กูอยากเอาไอ่เชือกเวรนี่ออกเต็มทีแล้ว” คนตัวเล็กบ่นเป็นกระสับพร้อมทำหน้าบูดจนร่างสูงแอบยิ้มในความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย
 
    ไม่นานเสียงจากสรรค์ก็ดังเป็นสัญญาณแห่งอิสระ โรงเรียนเลิกบุปเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังรอบกายก็ไม่ต่างกับนกกระจอกแตกรังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
 
“เมิงจะไปไหน” ทั้งที่พยายามจะทำตัวเนียนเผื่อไอ่เชี่ยนิมันจะไม่เห็นผม พอก้าวขึ้นรถโรงเรียนเท่านั้นแหละ มันก็รั้งกระเป๋านักเรียนผมซะหงายหลังเลย
 
   ไอ่บอลมองหน้าไอ่โยเป็นเชิงสั่งว่าให้ขยับไป ที่ว่างข้างๆไอ่บอลก็มีพอที่อีกคนจะนั่งได้ในทันที ไอ่ผมก็เลยจำใจต้องนั่งข้างๆมันอีกจนได้
 
“กูสั่งให้เมิงนั่งตรงนี้ทุกวันไง รึเมิงกล้าขัดคำสั่งกู” ดวงหน้าคมยื่นมาหาคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตาคนตัวสูง
 
“...” ร่างบางสั่นหัวเบาๆ ก่อนจะเขยิบตัวไปนั่งชิดกับโย
 
“เมิงจะเขยิบมานั่งข้างกูดีๆหรือจะมานั่งบนตักกู” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเล็กเบาๆเกี๊ยวที่นั่งตัวลีบติดกับโยถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ
 
    เกี๊ยวค่อยๆขยับตัวเองออกจากโยที่นอนคอพับอยู่ซบไหล่เคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทันจะได้ตั้งตัวมือหนาๆก็จับกุมเอวนุ่มนิ่มลากเข้าไปหาตนอย่างง่ายดาย ร่างบางได้แต่นั่งตัวเกร็ง ผิดกับร่างสูงที่โอบเอวเล็กมาตลอดทาง
 
   ไม่รู้ไอ่บอลมันคิดยังไงกับผมกันแน่ บางครั้งมันก็แกล้งผมจนแทบทนไม่ไหวแต่บางครั้งมันก็อ่อนโยนจนผมรู้สึกอบอุ่นและอยากอยู่ข้างๆมัน เป็นความรู้สึกที่สับสนจนผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: SJ ที่ 21-04-2009 16:30:14
^
^
^
อุ๊ย จิ้ม จิ้ม จิ้ม

ก่อนแว๊บไปอ่านนนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 21-04-2009 19:05:03
เอ่ออ..อ่านแล้วงงๆคร้าบ...
เหมือนมันแหว่งๆ...
****
ประมาณว่าโดนลงโทษผูกติดกัน อ่ะเปล่าคร้าบผม

***
ขอบคุณที่มาต่อคร้าบบบบ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 21-04-2009 21:32:31
ตอนที่ 8

    ไม่ทันที่รถคันใหญ่จะได้จอดสนิทดี ร่างบางก็รีบกระเด้งตัวขึ้นออกจากอ้อมแขนแกร่ง ที่ถูกจับกุมสะโพกมนเล็กๆมาตลอดทาง คนตัวสูงได้แต่ยิ้มกรุ่มกริ่มปนกับความเก้อเขินเล็กน้อย ไม่นานบอลก็ปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อโดนโยทักเข้า
 
“ผีเข้าเรอะเมิง นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้” โยพูดน้ำเสียงยังคงงัวเงีย ก็เล่นนั่งหลับซบคนข้างๆจนไหล่ชามาตลอดทางแล้วนิ เคนไหวไหล่เล็กน้อยเพราะอาการด้านชาที่กัดกินไหล่ซ้ายของเขาไปหมดแล้ว
 
“แล้วเมิงเสือกอะไรด้วย” ไม่พูดเปล่ามือหนาก็ตบที่ง้อนเล็กๆของอีกฝ่ายทันที ไวเท่ากับความคิดโยหลบได้ทันซะก่อนอย่างรู้ทัน แต่คนที่รับไปเต็มๆคือเคนที่รับศอกและตัวของโยที่เอี้ยวหลบฝ่ามืออรหันของบอลไปเต็มประตู ถึงจะจุแต่เคนก็ฝืนยิ้มแห้งๆก่อนจะตบที่ง้อนของคนตัวเล็กแทนบอล
 
“ไอ่เชี่ยโย แมร่ง หลบมาไม่ดูเลยนะเมิง” เคนพูดดุร่างบาง ก่อนจะมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าบูดบึ้ง มือเล็กพลางลูบท้ายทอยตัวเองอย่างไม่พอใจ โยส่งเสียงบ่นเบาๆอยู่ในลำคอ ทำให้เคนอดอมยิ้มไม่ได้
 
“ฮ่าๆ ขอบใจว่ะไอ่เคน เมิงนี่รู้ใจกูจริงๆ” ทั้งบอลและเคนต่างพร้อมใจหัวเราะร่าอย่างมีความสุข นัยน์ตาคมมองเหม่อออกไปนอกกระจก ปล่อยให้ความคิดที่ลอยเคว้งไปไกล มีเพียงรอยยิ้มจางๆที่มุมปากเรียวเท่านั้น
 
    เคนลูบปุยผมสีนิลเบาอย่างห่วงใย ก็คนที่นั่งอยู่ข้างกายขี้งอนไม่ต่างกะลูกแมวตัวเล็กๆเลยสักนิด ถ้าโยมันรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วในใจเขาคิดยังไงกับคนตรงหน้านี้เกินกว่าเพื่อน แล้วมันจะทำยังไง มันจะยอมรับหรือปฏิเสธเขาก็ไม่อาจะเดาได้เลย แต่ถ้าเป็นอย่างหลังเขาก็ขอเลือกที่จะเป็นคนแอบรักฝ่ายเดียวตลอดไปดีกว่าต้องเห็นโยจากเขาไป
 
     รถคันใหญ่จากไปทิ้งเหลือไว้แต่ฝุ่นควันสีเทากับเด็กหนุ่มสองคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถไม่กี่นาทีที่ผ่านมา คนตัวเล็กบิดตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยเป็นพิษจากที่นั่งเกร็งมาตลอดทางนั้นเอง เกี๊ยวมุ่งหน้าเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ลงรถไม่กี่สิบก้าว เพราะมัวแต่เผลอใจคิดถึงใครบางคนจนลืมสังเกตไปว่ามีคนๆหนึ่งที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง
 
“หวัดดีแม่ พ่อ” ร่างบางที่เหนื่อยอ่อนยกมือไหว้เร็วก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้กลมตัวเล็ก พลางก้มหน้าก้มตาถอดถุงเท้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา
 
“หวัดดีครับน้าดา น้าพงษ์” เสียงทุ้มที่คุ้นหูกับน้ำเสียงที่เน้นหนักตรงชื่อของบุคคลที่เอ่ยเรียกทำให้คนตัวเล็กรีบเงยหน้า หันควับไปหาต้นเสียง
 
“อ้าว โอมแม่เราบอกแล้วสินะ เข้ามาก่อนๆ” แล้วแม่ก็กวักมือเรียกไอ่โอมเข้ามาในร้าน นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ่โอมมันมาทำอะไรที่บ้านผมอีกล่ะเนี่ย แถมตะกี้มันยังหลอกล้อชื่อพ่อชื่อแม่ผมต่อหน้าต่อตา
 
“เห็นว่าแม่เค้าจะไปสองสามวันใช่มั้ย” ร่างสูงพยักหน้าหงึกๆ ขณะที่หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของตนเอามือแตะหลังโอมอย่างเอ็นดู
 
“พ่อ ไอ่โอมมันมาทำไรที่บ้านเราง่ะ” มือเล็กกระตุกชายเสื้อผู้เป็นพ่อเบาๆ ก่อนจะกระซิบถามด้วยความสงสัย สายตาก็ยังคงไม่ละจากร่างสูงที่ยืนคุยกับแม่ของตนอย่างออกรส
 
“อ้าว ยังไม่รู้อีกเหรอ น้าเพ็ญเค้าไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัดสองสามวันกว่าจะกลับ ก็เลยฝากลูกชายเค้าไว้ที่บ้านเราไง” พ่อพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
 
“อะไรน๊า” ร่างบางเผลอร้องเสียงลั่น จนแม่กับไอ่โอมที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามอง
 
“ตกอกตกใจอะไรนักหนา ไป๊ๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้มากินข้าว” พ่อดันหลังเล็กที่ลุกขึ้นอย่างอิดออด คนตัวเล็กทำหน้ามุ้ยส่งเสียงกะฟืดกะฟัดอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่กระทืบบันไดขึ้นไปทำให้รู้ว่าเจ้าตัวคงจะไม่พอใจเท่าไรที่มีแขกมาร่วมอาศัยที่บ้านด้วย
 
“ไอ่ลูกคนนี้ จริงๆเลยน่า เฮ้อ... อย่าไปสนใจเลยเกี๊ยวมันก็เป็นยังงี้แหละ แม่เราเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วนะ ขนเอาไปไว้ที่ห้องเกี๊ยวมันได้เลย ห้องหับมันมีน้อยคงต้องนอนห้องเดียวก็ลูกน้าไปก่อน อยู่ได้ใช่มั้ยน่ะเรา” แค่อยู่บ้านเดียวกะไอ่โอมผมก็ว่าชริปหายแล้วยังจะให้ผมนอนห้องเดียวกับมันอีก แม่นะแม่ คนตัวเล็กที่แอบฟังอยู่ด้านบนแอบน้อยใจนิดๆที่จู่ๆก็โดนแย่งความสำคัญไป
 
“ครับ บ้านน้าก็เหมือนบ้านผมอยู่ได้อยู่แล้ว” โอมก้มหัวให้ก่อนจะยิ้มบางๆ มือหนาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของตนก้าวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเกี๊ยว บ้านไม่เหมือนกันได้ไงก็มันเป็นตึกแถวก็ต้องเหมือนกันนี่เนอะ
 
“ทำไมถึงได้ซวยยังงี้ว้า...จะอยู่สงบๆไม่ได้เล้ย บ้านช่องอยู่คนเดียวไม่ได้รึไงว่ะถึงต้องมาเกาะบ้านคนอื่นอยู่เนี่ย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดตามลำพังภายในห้องนอนที่เปิดประตูแง้มไว้
 
“ว่าไง มีอะไรไม่พอใจรึเปล่า” นัยน์ตาคู่สวยมองผู้มาใหม่ที่หอบข้าวของเข้ามาในห้องตัวเอง ก็ถึงกับแอบขนลุกเล็กน้อยกับสายตาที่ดูคลุมเครือของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมาทางตน
 
“อะ เอ่อ ก็ไม่มีไรนิ” เสียงหวานดูสั่นเครือเล็กน้อยอย่างคนประหม่า ร่างบางรีบคว้าเสื้อยืดที่แขวนหน้าตู้เสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว จะยืนอวดก้างให้ไอ่โอมมันดูผมก็คงไม่กล้าไปเทียบของมันหรอก ขาเล็กรีบก้าวเร็วออกจากห้อง เกี๊ยวแทรกตัวผ่านร่างสูงที่ยืนขวางหน้าประตูออกมา เล่นเอาเสียวไปตามๆกัน
 
“หึหึ” โอมยิ้มกริ่มพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะหันไปจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ในเมื่อได้มาอยู่ในห้องนอนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มาเยือนอีกครั้ง ภายในใจมันก็พองโตจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว
 
   ร่างสูงเดินสำรวจรอบๆห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ข้าวของที่รกรุงรังกระจัดกระจายเต็มห้องทำให้ห้องนี้ดูไม่ต่างจากห้องเก็บของสักเท่าไร บนโต๊ะเขียนหนังสือก็มีแต่แผ่นกระดาษวางเกลื้อนเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปการ์ตูนหรือรูปเหมือนจริงก็ทำเอาคนที่ถือวิสาสะค้นเผลอชื่นชมในฝีมือของเจ้าของห้องไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูสะดุดตากว่าเศษกระดาษที่กองถมบนโต๊ะ มันเป็นสมุดเล่มเดียวที่วางอยู่
 
   ยังไงก็เสียมรรยาทค้นห้องมันแล้ว จะกลัวอะไรอีก ร่างสูงหยิบสมุดเล่มนั้นมาก่อนจะเอนหลังพิงหมอนใบโตบนที่นอนนุ่มๆ พอคิดว่าตรงนี้เป็นที่ๆร่างบางนอนอยู่ทุกวันก็อดตื่นเต้นไม่ได้ มือหนาพลิกหน้ากระดาษเพื่อสำรวจดูภายในมันก็เป็นสมุดวาดเล่นธรรมดา แต่ภายในนั้นเป็นรูปคนๆหนึ่งซ้ำกันแทบจะทุกหน้า รูปเด็กผู้หญิงถักเปียผมยาวทำให้เดาไม่ยากว่านี่คงเป็นขิง เพื่อนร่วมชั้นที่ไอ่เกี๊ยวมันแอบชอบอยู่ รู้ก็ทั้งรู้ว่าไอ่เกี๊ยวมันชอบแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะแกล้งให้มันผิดหวัง ก็เพราะไม่ชอบเวลาที่มันมองขิงด้วยสายตาที่ผมไม่เคยได้จากมัน จนตอนนี้ก็แทบจะไม่เห็นมันคุยกับขิงเท่าไร ไอ่เกี๊ยวไม่รู้หรอกว่าความรักมันเป็นแบบไหน กูจะสอนให้เมิงรู้เองว่าความรักที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง (โอม)
 
   ร่างสูงที่กำลังเปิดสมุดดูจนลืมเวลา ในที่สุดก็มาถึงหน้าสุดท้ายที่เดาว่าต้องเป็นรูปขิงไม่ก็ตัวการ์ตูนแน่ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเพราะมันกลับเป็นรูปใครบางคนที่ถูกวาดจากด้านหลัง ผู้ชายในรูปนี้เป็นใคร ยิ่งดูรูปนี้นานเท่าไรความสงสัยก็เพิ่มพูนขึ้นในจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะรูปภาพที่คล้ายกับยังวาดไม่เสร็จก็เลยดูไม่ออกว่าเป็นรูปของใครกันแน่
 
ตึก ตึก ตึก
 
   เสียงฝีเท้ากับเสียงบ่นอุบอิบของคนที่คุ้นเคยที่ดังทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องกำลังขึ้นบันไดมาแน่ๆ คนตัวสูงรีบวางสมุดไว้เช่นเดิมก่อนจะเอนตัวลงนอนแสร้งทำเป็นหลับก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้ามาภายใน
 
“ไอ่เชี่ยโอมโว้ย ไปแดรกข้าว” ผมแหกปากสุดเสียงตะโกนเรียกไอ่โอมที่มันนอนสบายอยู่บนเตียงผม ทำยังกะอยู่บ้านตัวเองเลยไอ่นิ คำว่า เกรงใจ น่ะสะกดเป็นมั้ยว่ะ ต้องลำบากผมขึ้นมาตามมันอีก ชักจะเกินไปแล้วนะว้อย
 
“เหี้ย หลับเป็นตายเลยนะเมิง จะแดรกข้าวมั้ย” มือเล็กเขย่าตัวคนที่นอนอยู่ ผมแหกปากขนาดนั้นมันยังไม่ตื่น ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนว่ะเนี่ย
 
หวืด~!!
 
    ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวก็จะไอ่โอมมันกระชากคอเสื้อลงไปจนล้มไปนอนจมกับเตียง แถมไอ่นิมันยังโดดมานั่งคร่อมผมอีก
 
“ไอ่เชี่ยโอม ลุกไปนะโว้ย” ผมแหกปากลั่น พยายามผลักอกมันออกไปแต่มันก็ไม่เห็นจะขยับเขยื้อนเลยสักนิด
 
“เมิงกล้าหาเรื่องกูเหรอ” มือหนากำคอเสื้อยืดของอีกฝ่ายแน่น นัยน์ตาคมที่ประสานกับอีกฝ่ายใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
 
“อะ เอ่อ” มันเป็นเชี่ยไรของมันอีกว่ะเนี่ย สายตาคมที่มองลึกเข้ามาที่นัยน์ตาของอีกฝ่ายก็เริ่มทำเอาหัวใจอ่อนยวบลงทุกที
       

“กูบอกให้เลี้ยงซ้ายๆ เห็นมั้ยหนึ่งศูนย์แล้วเนี่ย เวร” อ้าว ไอ่ห่านิละเมอน่ากลัวพอๆกะตอนมันตื่นเลย แถมมันจ้องผมตาไม่กระพริบยังงี้ใครจะไปรู้ว่ามันละเมอเล่า มือหนากระชากคอเสื้อร่างบางแรงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ


“งั้นต้อง... ย๊ากกก” ผมก็เลยเข่าไปที่ท้องมันเต็มที่ จะใส่เบาๆเดี๋ยวมันจะไม่ตื่นผมเลยออกแรงเยอะหน่อยขอกำไรด้วยเล็กน้อย ก๊ากๆเจอเตะฟรี
 
“โอ๊ยย” ผมมองไอ่เชี่ยโอมนอนงอขดอยู่ข้างๆ สงสัยจะรู้สึกตัวแร่ะสินะเมิง
 
“ไอ่เชี่ยเตะกูไมว่ะ” ดวงหน้าคมบูดเบี้ยวก่อนจะเอ่ยปากด่าร่างบางที่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างๆเตียง
 
“ก็กูเรียกเมิงแล้วเสือกไม่ตื่นเองนี่หว่าช่วยไม่ได้ ข้าวนะจะแดรกมั้ย จะแดรกก็รีบๆลงไป หิวเว้ย” คนตัวเล็กพูดยาวเหยียดจนอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้เถียงต่อก็ทิ้งให้ร่างสูงนอนจุอยู่คนเดียว
 
“กะจะแกล้งซะหน่อย ไหงเป็นงี้ไปได้ว่ะ” โอมพึมพำกับตัวเองพลางอมยิ้มก่อนจะเดินตามร่างบางไปแต่โดยดี
 
“กลับข้าวอร่อยมั้ยล่ะ ไม่รู้จะสู้ฝีมือแม่เราได้รึเปล่า” ผู้หญิงคนเดียวของบ้านตอนนี้เอ่ยกับแขกที่ไม่เคยร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันมาก่อน
 
“อร่อยเหมือนๆกันครับ ถ้ามาอยู่ที่นี้หลายวันผมต้องอ้วนแน่ๆ เหอะๆ” โอมพูดแกมหัวเราะ มีเพียงแต่ร่างบางที่นั่งเงียบตักข้าวเข้าปากอย่างคนไม่ได้กินข้าวมา 3 วัน ถ้ามาอยู่ที่นี้หลายวันผมต้องอ้วนแน่ๆ เชอะ คนตัวเล็กแอบทำเสียงล้อเลียนอยู่ในใจ นัยน์ตาคู่สวยมองร่างสูงแบบไม่พอใจ
 
“พ่อ!!!ขอข้าวอีก” เกี๊ยวเอ่ยปากหนักแน่น ก่อนจะยื่นจานข้าวที่เบาโหวงไปให้ผู้เป็นพ่อ
 
“แหะ วันนี้มาแปลกกินข้าวไม่พูดไม่จาแถมขอเติมด้วย ปกติเห็นกินข้าวเท่าแมวดมนี่” พ่อพูดแซวพลางยื่นจานข้าวใบเดิมที่เต็มไปด้วยข้าวสวยพูนๆมาให้คนตัวเล็ก
 
   คนตัวเล็กยังคงไม่สนใจ(เพราะน้อยใจ)จ้วงข้าวเข้าปากอย่างต่อเนื่องชนิดที่ว่าหายใจทางผิวหนังกันไปเลย ไม่ได้ไปแข่งกินทีวีแชมป์เปี้ยนนะเว้ย ใช่สิ ตอนนี้ผมมันก็แค่หมาหัวเน่าพอลูกคนอื่นมาค้างที่บ้านแค่สองสามวันก็ลืมผมแล้วใช่มั้ยล่ะ



   พอกินข้าวเสร็จหน้าที่เก็บจานไปล้างก็ตกเป็นของผมเช่นทุกๆวัน ต่างกันตรงที่วันนี้มีไอ่โอมมานั่งกินด้วย กับข้าวก็เพิ่มขึ้นแล้วจานก็เลยเยอะตามไปด้วย ผมหอบถ้วยจานกองเบ้อเริ่มไปไว้ที่อ่างล้างจานอย่างทุลักทุเล เพราะมันคนเดียวเลยงานผมเลยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
 
“กูช่วย” อยู่ดีๆไอ่โอมก็เดินมาช่วยผมยกจานไปไว้หลังบ้าน จะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแล้วทำไมผมถึงไม่ชอบขี้หน้ามันก็ไม่รู้
 
“ไม่ต้อง กูทำเองได้” น้อยครั้งที่จะเห็นมันทำดีด้วย ผมเลยรู้สึกขัดๆทำตัวไม่ค่อยถูกเลยแฮ่ะ
 
“เอ่อน่า... จานเยอะขนาดนี้เมิงล้างคนเดียวไม่ไหวหรอก” คนตัวสูงเอ่ยขณะบีบน้ำยาล้างจานใส่ในน้ำ แล้วตีมือเบาๆจนเกิดฟองสบู่ฟูฟ่อง
 
“...” ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพราะปกติผมก็ไม่ค่อยได้คุยกะมันเท่าไร มือหนึ่งถือสก๊อตไบท์อีกมือหนึ่งถือจานผมขัดๆถูๆจานจนสะอาดหวังใจว่าจะล้างจานให้เสร็จเร็วๆ อยู่เงียบๆกับไอ่โอมสองคนยังงี้มันอึดอัดไงก็ไม่รู้
 
“นี่...” สองเสียงที่ดังประสานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมก็กะจะชวนมันคุยสักหน่อยไอ่นี่มันก็ดันพูดขึ้นมา ทีตะกี้เงียบตั้งนานทำไมไม่พูดว่ะ
 
“เมิงพูดก่อนเหอะ” ผมบอกไอ่โอม ทั้งทีไม่ได้มองหน้าในมือก็กำลังล้างจานอย่างเมามัน
 
“มะ ไม่มีไร ว่าแต่... ตะกี้เมิงจะพูดอะไรนะ” แล้วมันก็ถามผมกลับจนได้ กูก็ไม่รู้จะชวนเมิงพูดอะไรเหมือนกัน
 
“อะ อ้อ กูกะจะถามว่าแม่เมิงไปงานศพใครเหรอ เออ ใช่ๆๆ แม่เมิงไปงานศพใคร” ผมพยายามทำหน้าอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่รู้จะเนียนรึเปล่า มือก็พยายามควานหาจานในกะละมังที่เหลือน้อยเต็มที จานตั้งเยอะไม่น่าเชื่อว่าผมเพิ่งล้างได้แปบเดียวก็จะหมดแล้ว
   
“ญาติห่างๆของแม่เค้ามั้ง กูก็ไม่รู้ว่ะ” ไอ่โอมตอบสายตาเหม่อลอยเหมือนกำลังใช้ความคิด
 
“เหรอ เออ” ถ้ามันตอบว่างานศพพี่ ป้า น้า อา ผมก็พอจะเนียนถามต่อได้อีก แต่ขนาดงานศพใครมันยังไม่รู้ผมก็หมดหนทางแล้ว
 
    แล้วความเงียบก็กลับมาครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง ผมรีบควานหาจานในกะละมังที่มีฟองน้ำยาล้างจานลอยอยู่เต็มไปหมด คงเป็นจังหวะเดียวกันที่ไอ่โอมมันควานหาจานด้วยมั้ง ผมเลยไปจับโดนมือมันเข้า พอมันหันมามองหน้าผมเท่านั้นแหละรีบชักมือออกมาแทบไม่ทัน ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจนี่เออ
 
“มะ เมิงเคยเล่นฟองสบู่มั้ย” ผมพยายามชวนมันคุยเรื่องอื่น
 
“ห๋า ฟองสบู่เชี่ยไรของเมิง” ดูท่ามันคงจะไม่เคยเล่นจริงๆแฮ่ะ
 
“เกิดมาได้ไงว่ะเนี่ยไม่เคยเล่นฟองสบู่” ร่างบางบ่นอุบอิบ มือเล็กก็ตีฟองสบู่ในกะละมังเล่น
 
“ว่าไงนะ” แล้วคนตัวสูงก็เอียงตัวมาหาร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักเชิงว่าได้ยินไม่ถนัด
 
“อะ อ่อ กูจะสอนเมิงให้ก็ได้” ผมใช้ปลายนิ้วชี้แตะกับปลายนิ้วโป้งให้มันดูเป็นรูปวงกลม ไม่เหมือนก็คล้าย แล้วก็จุ่มมือลงไปในกะละมังที่มีน้ำผสมกับน้ำยาล้างจานอยู่ก่อน พอยกมือขึ้นมาตรงช่วงนิ้วชี้กะนิ้วโป้งที่มันเป็นวงกลมมันก็จะมีฟองใสๆติดขึ้นมาเป็นแผ่นบางๆด้วย
 
“เป่าดูดิ” ผมยื่นมือข้างที่จุ่มในกะละมังไปทางมัน ไอ่โอมทำหน้างงเล็กน้อยแล้วก็โน้มตัวลงมาเป่าตรงรูวงกลมระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งที่ผมทำไว้
 
“เวร เป่าเบาๆดิว่ะ เป่าแรงมันก็แตกหมด” ร่างเล็กบ่นเป็นกระสัยก่อนจะจุ่มมือลงไปในกะละมังอีกครั้ง
 
“ก็เมิงบอกให้เป่า กูก็เป่าไม่ได้บอกว่าให้เป่าเบาๆนี่หว่า” โอมแก้ตัวพลางฉีกยิ้มทะเล้นให้กับคนตัวเล็ก
 
“เดี๋ยวโปรทำให้ดูเอง” ริมฝีปากบางอ้าออกนิดๆก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาทางปากเบาๆ เป็นผลให้ฟองสบู่วงกลมลอยละล่องขึ้นไปในอากาศแต่แค่เพียงไม่ถึงอึกใจมันก็แตกสลายไปอย่างน่าเสียดาย
 
“ยังงี้เหรอ” โอมยื่นมือไปให้คนตัวเล็กดู แต่มันก็ดูไม่ค่อยจะเป็นวงกลมตามที่เจ้าตัวอยากจะให้เป็นเท่าไร
 
“ไม่ใช่ยังง๊าน แบบนี้โว้ย” ว่าแล้วร่างบางก็จับมือแกร่งให้เข้ารูปโดยที่หารู้ไม่ว่า อันที่จริงก็เป็นแผนของโอมนั่นแหละแค่อยากจะสัมผัสมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายก็เท่านั้น แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันเป่าฟองสบู่เล่นจนลืมเวลา
 
“โอ๊ย...” ไม่รู้ไปเป่าอีท่าไหนฟองน้ำยาล้างจานมันถึงกระเด็นเข้าตาผมได้ แสบชริปจะตาบอดมั้ยเนี่ย
 
“เฮ๊ย เข้าตาเหรอ อย่าเอามือไปขยี้ดิ เดี๋ยวแมร่งได้แสบตากว่าเดิมหรอก” ร่างสูงปัดมือเล็กที่กำลังจะขยี้ตาตัวเอง โอมรีบล้างมือจนสะอาดก่อนจะหันมาหาคนตัวเล็กอย่างรีบร้อน
 
“เอามือออกดิว่ะ” โอมส่งเสียงดุเบาๆ ก่อนจะใช่มือแกร่งเชยคางแหลมขึ้นมา ร่างสูงโน้มตัวลงต่ำก่อนจะจ้องดวงหน้ามนที่หลับตาปี๋ มือเล็กที่สะกิดแขนเขาเป็นระยะทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเองคงจะแสบตาอยู่ไม่น้อย
 
“แสบ” คนตัวเล็กเอ่ย น้ำเสียงที่แผ่วเบาทวีคุณความกังวลให้อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
 
“มานี่” โอมคว้าข้อมือเล็กมา ขณะที่อีกมือก็วักน้ำสะอาดเพื่อล้างที่ตาของอีกฝ่ายอย่างห่วงใย
 
“ไหนลืมตาดิ” โอมออกคำสั่ง พลางยื่นหน้าเข้าไปไกลร่างบางจนแทบจะชนกัน มือหนาเชยคางของอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มงุดให้เงยขึ้นเพื่อจะได้เห็นชัดๆ แผงขนตาสีดำสนิทกระพริบถี่ก่อนจะค่อยๆลืมขึ้น ดูเหมือนร่างบางจะตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้เขาเกินไปแล้ว แต่คนตัวเล็กกลับไม่ไหวติ่งเหมือนถูกสะกดให้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หัวใจมันเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ
 
“อะ เอ่อ เมิงไม่ต้องทำแร่ะ รีบๆไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวกูทำเอง” ร่างสูงเองก็เผลอใจจ้องคนตัวเล็กอยู่นาน ก่อนจะรีบผลักเกี๊ยวออกห่างกายเพราะขอบตาที่แดงระเรื่อทำให้เขารู้สึกสงสารคนตรงหน้า เกี๊ยวที่ดูตื่นๆเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆแล้วรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้โอมยืนอยู่คนเดียว
 
“ทำบ้าอะไรเนี่ย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะล้างจานที่เหลืออยู่จนเสร็จ โอมยิ้มที่มุมปากอย่างเก้อเขินเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เมื่อกี้ก็ทำเอาหัวใจของเขาแทบหยุดเต้น เพราะคนซุ่มซ่ามแท้ๆที่ทำให้เขาเป็นได้มากถึงขนาดนี้
 
    พอขึ้นไปในห้องผมจะทำยังไงดี ควรจะทำตัวแบบไหนถึงจะเป็นปกติมากที่สุด ในเมื่อคืนนี้ผมต้องนอนเตียงเดียวกับเจ้ากระต่ายน้อยนั่นมันก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ มันรู้สึกอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงเกี๊ยวมันจะไม่รู้สึกอะไรเลยแค่นี้ผมก็สุขใจมากเกินพอแล้ว (โอม)
 
   เสียงเปิดประตูที่ดังทำลายความเงียบทำให้ร่างบางที่นั่งหันหลังอยู่กับโต๊ะเขียนการบ้านหันมามองก่อนจะรีบหันควับกลับไปที่เดิม ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไร้สาเหตุ คงจะอายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้เสียฟอร์มซะมากกว่า ผิดกับอีกฝ่ายที่ดีใจจนเนื้อเต้นทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
 
   ต่างคนก็ต่างไม่พูดอะไร โอมเลยคว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักเสียงเปิดน้ำที่ดังทำให้คนข้างนอกรู้ว่าคนข้างในคงกำลังอาบน้ำอยู่แน่ๆ
 
“เฮ้อ...” ร่างบางแอบถอนหายใจแรง คืนนี้หนีไปนอนห้องพ่อกับแม่ดีกว่า ให้นอนกับไอ่โอมผมไม่เอาด้วยหรอก
 
ปังๆๆ
 
“พ่อเปิดประตูหน่อย” เสียงหวานที่ตะโกนเรียก มือเล็กทุบประตูตรงหน้ารัวขณะที่แขนเล็กอีกข้างก็หอบหมอนกับผ้าห่มมาพะรุงพะรัง
 
“อ้าว เกี๊ยว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยงัวเงีย แต่พอเปิดประตูมาเท่านั้นร่างบางก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที
 
“เฮ๊ยๆ จะไปไหน” แต่ก็ไม่เร็วเท่ากับมือของพ่อที่คว้าคอเสื้อเล็กได้ทัน
 
“ก็จะมานอนกะพ่อกะแม่ไง ไม่ได้เหรอ” ร่างบางเอ่ยพลางชักสีหน้าเตรียมจะงอน
 
“ไม่ได้ๆ โตแล้วก็ต้องไปนอนห้องตัวเองนู้น” แล้วพ่อก็ดันหลังเล็กไล่ออกมาจากห้อง แต่ก็ต้องออกแรงกว่าจะลากลูกชายของตนออกไปได้
 
“ไม่เอา ผมจะนอนกับพ่อ” คนตัวเล็กยังดื้อดึง พยายามดันตัวเองเข้าไปในห้องให้ได้
 
“เอ๊ะ ยังไงเนี่ย พ่อกับแม่จะจู๋จี๋กันเอ็งไม่อยากมีน้องก็คนอื่นบ้างรึไง” ผู้เป็นพ่องัดไม้ตายออกมาใช้แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไร
 
“ค่อยมีน้องวันอื่นก็ได้ ผมรอได้” ผมพยายามดันตัวเองเข้าไปในห้องแต่ก็สู้แรงของพ่อที่ดันหน้าผากผมไว้ไม่ได้
 
“แต่พ่อรอไม่ไหว ไปนอนห้องตัวเองไป๊” ผู้เป็นพ่อออกปากไล่ก่อนจะรีบปิดประตูทิ้งให้คนตัวเล็กยืนลำพังอยู่ภายนอก
 
“พ่อก็ผมขอนอนด้วยคนซี่” คนตัวเล็กทุบประตูอีกครั้ง พลางพูดจาหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้าแต่ดูเหมือนคนในห้องจะไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายคนตัวเล็กก็ต้องเดินคอตกกลับไปที่ห้องตัวเองพร้อมกับความผิดหวัง
 
“อ้าว นึกว่าหนีไปนอนกะน้าพงษ์แล้วซะอีก” เสียงทุ้มเอ่ยเย้ยยันคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาในห้อง ผมสีนิลที่เปียกชื้นมีน้ำเม็ดใสเกาะประปรายทำให้รู้ว่าคนที่นั่งบนเตียงคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
 
“ปะ เปล่าซะหน่อยกูแค่ไปเอาหมอนมาเพิ่มต่างหากเล่า” ทั้งๆที่รู้ว่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ผมไม่ยอมเสียฟอร์มต่อหน้ามันหรอก ผมเปล่ากลัวมันซะหน่อย
 
“เหรอ” ร่างสูงลอบมองคนตัวเล็กที่ทำหน้ายุ่งๆแต่กลับน่ารักไปอีกแบบ รู้มั้ยว่าทำใครเค้าใจสั่นจนจะคลั่งอยู่แล้ว (โอม)
 
“แล้วนั่นเมิงจะทำอะไร” คนตัวสูงเอ่ยถามเพราะอดสงสัยไม่ได้ก็ที่อีกฝ่ายกำลังปูที่นอนกับพื้นนี่มันหมายความว่ายังไงกัน
 
“กะ ก็กูจะนอนข้างล่างไง เมิงจะได้นอนสบายๆ เตียงมันเล็ก อะ เออ ดูดิเตียงเล็กขนาดนี้จะนอนเบียดกันได้ไง” คนตัวเล็กในชุดนอนที่เบาสบายยืนอยู่กลางที่นอนของตัวเอง ในมือเล็กก็ถือหมอนใบโตแน่น ฝืนสีหน้าให้เป็นปกติ
 
“ไม่เห็นมันจะเล็กตรงไหน กูว่า...เมิงกลัว เลยไม่กล้านอนกะกูมากกว่า ใช่มั้ยล่ะ” ยิ่งกดดันก็ทำให้อีกฝ่ายเดือดปุดๆ เรื่องยังงี้ดูถูกกันไม่ได้ ผมกลัวมันซะที่ไหน แล้วทำไมต้องกลัวด้วย
 
“เปล่าซะหน่อย” ร่างสูงจ้องคนตัวเล็กเขม็งอย่างแน่วแน่ ยิ่งมองผ่านเสื้อผ้าบางๆนั่นก็ทำให้เอาชักอยากจะสัมผัสเนื้อตัวนิ่มๆของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“งั้นถ้าเมิงแน่จริงก็นอนเตียงของเมิงสิ” คำท้าทายดูเหมือนจะใช้ได้ผลกับนิสัยไม่ยอมแพ้ใครของร่างบาง
 
“ก็ได้” ร่างบางพลั้งปากตอบตกลงแบบไม่ทันคิดเพราะอารมณ์วูบวามไม่ยอมใครแท้ๆที่ทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบากอยู่หลายต่อหลายครั้ง
 
“หึหึ” พอเกี๊ยวตอบตกลงก็ทำเอาโอมอดหัวเราะไม่ได้ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
 
“ขำอะไรของเมิง” ยิ่งมองหน้าที่ทะเล้นๆของอีกฝ่าย ก็ทำเอาคนตัวเล็กโมโหขึ้นมาง่ายๆ
 
“เปล่านิ ไม่ต้องกลัวหรอก กูจะบอกว่า กูนอนข้างล่างเองก็ได้” โอมพูดแกมหัวเราะ ไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าหัวเราะนักหนา
 
“ก็ดี๊ ตามใจเมิงละกัน” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ซุกตัวเองไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบปิดตาหลับไม่สนใจอีกคนที่อยู่ในห้อง
 
พรึบ~!!
 
   ไม่นานแสงไฟที่เคยสว่างก็ถูกปิดลง มีเพียงแสงจันทร์เลือนลางที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องถึงจะมองเห็นไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ แต่ก็พอเดาได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
 
    ร่างสูงเอนหลังนอนกับฟูกที่นอนที่ปูกับพื้น ผิดกับอีกคนที่เบิกตาโพลงในความมืดเฝ้าดูการกระทำของอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้
 
“ฝันดีนะ” โอมเอ่ยกับคนตัวเล็ก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมองเขาอยู่
 
     เกี๊ยวรีบมุดตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความตกใจ ไอ่โอมมันรู้ได้ไงว่าผมแอบมองมันอยู่ (แล้วไปแอบมองคนอื่นเค้าทำไมก็ชวนขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันเลยสิ)
 
    ทำไมผมถึงยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับมันทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ผมเองก็นึกเสียดายอยู่ในใจ แต่จะทำไงได้ ผมกลัวว่าจะเผลอทำอะไรมันเข้า ผมคงทนไม่ได้จะจะเห็นมันเกลียดผม ไม่มองหน้าผม ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า ถึงตอนนี้ผมจะทรมานแทบคลั่งเพราะทำได้แค่นอนห้องเดียวกับมัน แต่กลับไม่สามารถทำตามที่หัวใจต้องการได้เลย (โอม)
 
    โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ผมเลยนอนสบายโดยไร้เสียงปลุกมารบกวน พอตื่นมาไอ่โอมมันก็หายไปแล้ว ผ้าห่มที่เคยนอนซุกเมื่อคืนก็ไปตกอยู่ปลายเตียง ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะหาววอดรับเช้าวันใหม่หนึ่งที พอตื่นปุบไอ่ท้องเจ้ากรรมมันก็ส่งเสียงร้องทันที เมื่องานกินข้าวเย็นไปเยอะเหมือนกัน ไหงวันนี้มันหิวแต่เช้าเลยว่ะเนี่ย
 
    ผมเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันตามปกติ แต่ด้วยความที่ใช้ห้องน้ำข้างบนคนเดียวเลยลืมล็อกกลอนประตูห้องน้ำเพราะความเคยตัว
 
“เฮ๊ย” ร่างบางที่กำลังสระผมพริ้มตาฮัมเพลงอย่างมีความสุข ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะเสียงของใครบางคนที่จู่ๆก็โผงผางเข้ามาในห้องน้ำแบบไม่ได้รับอนุญาต
 
   ภาพตรงหน้าที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาทั้งสองฝ่ายถึงกับยืนอึ้งไปตามๆกันก่อนที่ร่างบางจะรู้ตัวแล้วรีบดันอีกฝ่ายออกจากบริเวณห้องน้ำตามด้วยเสียงกระแทกประตูดัง หัวใจดวงน้อยที่เต้นตึกตัก พร้อมกับดวงหน้ามนที่แดงระเรื่อทันที ใครจะไปรู้ว่าไอ่โอมมันจะพรวดพลาดเข้ามาในห้องน้ำแบบนั้น
 
“เกี๊ยว เอามาเถอะกูไม่ไหวแล้ว” คนตัวสูงที่ยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกพลางส่งเสียงเว้าว้อน น้ำเสียงที่แหบพร่ากระเส้าทำเอาคนฟังถึงกับรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลุกลี้ลุกลัน
 
   ไอ่โอมมันเห็นอะไรต่ออะไรของผมหมดเลย แล้วยังงี้ผมจะท้องมั้ยเนี่ย (ถ้าจะท้องคงท้องกะไอ่บอลไปนอนแร่ะ รายนั้นเห็นบ่อยกว่า) เสือกเข้ามาในห้องน้ำอะไรตอนนี้ว่ะ เสียงทุบประตูด้านหน้ายังคงดังไม่หยุดหย่อนจนในที่สุดร่างบางก็ยอมเปิดประตูให้กับอีกฝ่าย
 
“เชี่ย กว่าจะเปิดได้ ไม่รอให้กูเยี่ยวราดหน้าห้องน้ำเลยว่ะ” คนตัวสูงเอ่ยรัวก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
 
“เสือกมาปวดเยี่ยวตอนกูอาบน้ำเองนี่หว่า ห้องน้ำข้างล่างก็มีทำไมไม่ใช้เล่า” แล้วร่างบางก็บ่นอุบอย่างไม่พอใจ มือเล็กถือผ้าขนหนูผืนใหญ่ขยี้ผมที่เปียกชื้นของตัวเอง
 
    แล้วโอมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ นัยน์ตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงนุ่ม ขายาวก้าวออกไปจากห้องโดยทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งงงกับการกระทำนั้น ไอ่เชี่ยนิ... โพล่มาก็เล่นเอาใจหาย จะไปทีก็ทำยังกะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอโทษกูสักคำก็ไม่มี เดี๋ยว พ่อทนไม่ไหวก็ก้านคอให้ซะหรอก
 


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 21-04-2009 21:45:12
ขอบคุณคร้าบที่มาต่อตอนใหม่
และแก้ไขตอนที่แหว่งไป(จริงๆด้วย)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 22-04-2009 03:39:20
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 22-04-2009 07:05:59
โอม รุกเลย รุกเลย รุกเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gon_natt ที่ 22-04-2009 14:14:31
หง่ะ...ยังคงเดาไม่ออกต่อไปว่าใครเป็นพระเอก :really2:
แต่ขอเชียร์โอมนะ  :m1:

มาต่อไวๆนะค้าบบบ รออยู่ๆ  :call:




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-04-2009 14:17:15
บอล เอ๋ย  จะสู้โอมไหวมั้ยเนี่ย  ดีแต่แกล้ง เกี๊ยว อย่างเดียวเลย   :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 22-04-2009 18:53:39
มาทสองคนเลย

เลือกใครดีหว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 22-04-2009 20:11:37
มอบแต้ม+ ที่ 16 คร้าบ
***
รอติดตามตอนต่อไป ขอบคุณคร้าบ  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 23-04-2009 20:31:34
อยากจะกริ๊ดดีใจถ้าเป็น 3พี  :m25:

เกี๊ยว เอามาเถอะกูไม่ไหวแล้ว อันนี้พิมพ์ผิดใช่ป่ะ หรืออย่างนั้นจริง ยอมไม่ได้นะต้องเรียกบอลมาด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 24-04-2009 12:59:18
เชียร์บอลอ่ะ

บอลอย่าแกล้งเกี๊ยวมากนักดิ

เดี๋ยวก็ได้ท่องปีนักษัตรกันหรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 24-04-2009 22:01:42
มอบแต้ม+ ที่ 17 ระหว่างรอตอนใหม่นะคร้าบ  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 25-04-2009 13:36:38
ตอน 9

“ไอ่เคน แล้วไมเราไม่ชวนไอ่บอลมาด้วยว่ะ” ร่างเล็กถามเสียงใส
 
“อะ อ่อ ไอ่บอลมันต้องเฝ้าร้านไง” เคนตอบตะกุกตะกัก ขณะที่กำลังปั่นจักรยานไปตามทางโดยที่ร่างเล็กนั่งอยู่ข้างหลัง
 
“เอ่อ จริงแฮ่ะ แล้วเมิงจะพากูไปไหนเนี่ย” แทนที่คนข้างหลังจะนั่งอยู่เฉยๆ แต่กลับยืนขึ้นพร้อมกับกางแขน แผงตาคู่สวยหลับพริ้มเงี่ยหูฟังเสียงลมที่โชยมาอย่างสงบ
 
“ไปเรื่อยๆ” เคนตอบติดตลกโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนข้างหลัง ร่างสูงหลบซ่อนสายตาของความรักที่ท่วมท้นจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ ผิดกับอีกคนที่เอาแต่สนุกไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซะเลย
 
“เห้ยๆ ไอ่เชี่ยเคนจอดดิ” ร่างบางแหกปากลั่นทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆหยุดรถกะทันหัน โยที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล้มไปข้างหน้าทับกับหลังแกร่งของอีกฝ่าย แขนเล็กก็ไปล็อกคอของเคนเพื่อยึดตัวเองไม่ให้ตกจากจักรยานโดยอัตโนมัติ พวงแก้มนุ่มนิ่มจึงไปสัมผัสกับหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 
“เชี่ย หยุดรถภาษาไรของเมิงว่ะ” คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะลงจากรถจักรยานพลางออกแรงตบหัวเคนอย่างไม่พอใจ
 
“เอ๊า ก็เมิงบอกให้กูหยุดเองนี่หว่า” เคนไม่สบตากับอีกฝ่าย มือแกร่งก็ลูบหน้าตัวเองข้างที่สัมผัสโดนแก้มของโยเมื่อตะกี้ ความรู้สึกอุ่นๆนุ่มยังตราตรึงไม่จางหายแต่ทว่าโยมันก็ไม่ได้ยืนฟังข้อแก้ตัวของอีกฝ่าย ร่างเล็กไปยืนแหงนคอมองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บนต้นไม้
 
“อะไรว่ะ” เคนจอดจักรยานไว้ข้างทางก่อนจะวิ่งไปหาคนตัวเล็ก
 
“แมว เมี๊ยวๆ” โยเอ่ยพลางทำเสียงแมวซะเหมือน ก่อนจะชี้มือให้อีกฝ่ายดูลูกแมวตัวเล็กที่เกาะอยู่บนต้นไม้
 
“เห๊ย มะ แมวเหรอ” เคนกรีดยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยๆถอยหลังเพื่อทิ้งระยะห่างของตัวเองกับต้นไม้ ก็เขาเองถูกโรคกับแมวซะที่ไหนกัน
 
“รอแปบนะ เจ้าแมวเมี๊ยว ชั้นจะไปช่วยแกเอง” ไม่ว่าเปล่าร่างบางจัดแจงดันตัวเองขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ความจริงก็กลัวความสูงอยู่ แต่เมื่อมองเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เกาะด้านบนแน่นก็เกิดสงสารขึ้นมาซะอย่างงั้น
 
“เฮ๊ย ไอ่โยอย่าขึ้นไปนะเว้ย” ร่างสูงตะโกนบอกคนตัวเล็กที่ขึ้นไปบนต้นไม้เรียบร้อยแล้ว
 
“อีกนิดเดียว” มือเล็กเอื้อมไปข้างหน้าหมายที่จะจับลูกแมวน้อยที่เกาะหนืบกับกิ่งไม้ซึ่งสูงจากพื้นพอสมควร
 
เมี๊ยว ลูกแมวครางเบาๆพร้อมกับขู่ฟ่อ ก่อนจะฝากรอยข่วนไว้ที่มือของโย
 
“โอ๊ย” ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยความความแสบจากรอยข่วนสีแดงที่เริ่มปรากฏที่มือขวาแต่แค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของคนตัวเล็กลดลงเลยแม้แต่น้อย
 
“ไอ่โยเป็นไรรึเปล่าว่ะ” เคนตะโกนถามคนที่อยู่ด้านบนด้วยอาการร้อนรนเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะตกลงมา
 
“ไม่ต้องกลัวนะ โอ๋ๆๆๆ” แล้วโยก็อุ้มลูกแมวที่สั่นเทาไว้ในอ้อมกอดพลางปลอบประโลมอย่างเอ็นดูทั้งที่ยังนั่งอยู่บนต้นไม้สูง
 
“ถ้าเมิงไม่ลงมากูจะขึ้นไปเตะเมิงเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างสูงออกคำสั่ง ขณะเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้
 
“เชี่ย เมิงจะขึ้นมาทำไมว่ะ กูจะลงไปแล้วเนี่ย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะค่อยไต่ลงมาจากต้นไม้ด้วยมือข้างเดียว
 
“เมิงก็รีบๆลงมาดิว่ะ” ร่างสูงดุคนตัวเล็ก ทั้งที่รู้ว่าโยกลัวความสูงก็เลยห่วงมาก
 
“เออๆ พูดอยู่นั่นแหละ ก็กำลังลงอยู่เนี่ย” เพราะว่าอีกมือหนึ่งไม่ว่างทำให้ร่างบางไต่ลงต้นไม้ลงมาได้ไม่ถนัดนัก
 
แกรก (เสียงกิ่งไม้หัก)
 
“เฮ๊ย...” โยร้องเสียงหลง เพราะกิ่งที่ตนเหยียบอยู่นั้นเกิดหักขึ้นมา ทำให้พลาดท่าตกลงมาสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
 
ปึก~!!
 
“โอ๊ย...” ความปวดราวแล่นลิ่วไปทั่วทั้งร่างกาย แล้วอะไรนิ่มๆข้างล่างว่ะ โชคดีที่ตกลงมาตอนใกล้จะถึงพื้นแล้วไม่งั้นได้มีขาหัก แขนหักแน่ๆ (โย)
 
“กูบอกแล้วไง เชี่ย ตกลงมาจนได้” เสียงทุ้มของคนที่ถูกทับอยู่ข้างล่างดังขึ้น ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงกลมคู่สวยมองลึกเข้าไปที่นัยน์ตาคมของอีกฝ่าย พวงแก้มสีชมพูขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่รู้สาเหตุ
 
เมี๊ยว แล้วลูกแมวก็มุดออกมาจาก ?? พลางใช้ลิ้นเลียแก้มของเคน
 
“เห๊ย” เคนร้องลั่นเพราะความตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นเลยทำให้โยที่นอนทับอยู่ด้านบนหงายหลังไปตามๆกัน
 
“ไอ่เชี่ยเคนนนน กูเจ็บน้าเว้ย” โยลากเสียงยาว ขณะใช้มือบีบเนื้อตัวของตนพร้อมกับดวงหน้าหวานที่บูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
 
“อ้าว ไหนดูดิ” เคนรีบตรงไปหาโยที่นั่งจมอยู่กับหญ้าที่พื้น ก่อนจะช่วยพยุงร่างบางให้ยืนขึ้น
 
“โอย... เจ็บ” โยพึมพำอยู่ข้างหูของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว มือเล็กก็เกาะร่างสูงเพราะว่าไม่สามารถยืนด้วยตัวเองได้
 
“สงสัยขาจะแพงว่ะ” เคนก้มไปดูข้อเท้าของโยที่เริ่มจะบวมนิดๆ
 
“ขากูแพงอยู่แล้วเว้ย ไม่ถูกอย่างของเมิง ฮ่าๆ” ร่างบางรู้ว่าตัวเองต้องโดนดุอีกแน่เลยหาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อน
 
“โหย เจ็บตัวขนาดนี้ยังจะปากดีอีก” เคนดุคนตัวเล็กด้วยสีหน้าที่จริงจังจนโยเองไม่กล้าพูดอะไร
 
“เอ๊า รีบๆโดดขึ้นมาดิว่ะ” เคนนั่งยองๆหันหลังให้กับโยที่ยืนอยู่ด้านหลัง
 
“ไม่ต้อง กูเดินเองได้ เมี๊ยวๆ” ร่างบางเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะออกเดินกะแพล๊กๆไปด้วยตัวเอง พลางส่งเสียงเรียกลูกแมวที่ตัวเองลงทุ่นปีนไปช่วยลงมาแต่ตอนนี้กลับหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ โดยไม่สนใจเคนที่เริ่มจะหัวเสีย
 
ฮึบ~!! เมื่อไม่ได้อย่างใจเคนเลยหันไปอุ้มโยแทน ก็คนตัวเล็กดื้อซะยังงั้นเองนี่นา
 
“เห้ย เชี่ยเคน ปล่อยกูนะเว้ย” ร่างบางดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนตัวสูง
 
“จะยอมขี่หลังกูดีๆหรืออยากจะให้กูอุ้มเมิงไปทั้งแบบนี้ ห๊ะ” เคนยิ้มกริ่มอย่างมีชัยเพราะตอนนี้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ
 
“พ่อกูก็ไม่ใช่ ดุยังกะหมาบ้าเลยแมร่ง” โยบ่นเป็นกระสัยขณะที่เบือนดวงหน้าหวานไปทางอื่นอย่างไม่พอใจในข้อเสนอสักเท่าไร
 
“ว่าไงนะ” เคนกระชับแขนแน่นพลางยื่นหน้าเข้าไปหาโยที่กำลังงอนตุบป่องอยู่
 
“ก็ได้ๆ งั้นก็รีบปล่อยกูลงสักทีสิว่ะ” โยตอบตกลงอย่างตื่นๆ พลางใช้มือเล็กดันอกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
 
“ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อย...” (ค่อยน่ารัก)เคนกลืนคำที่เกือบหลุดออกไปได้ทันก่อนที่จะลืมตัวพูดมันออกมา มีผู้ชายที่ไหนบ้างชมกันว่าน่ารักล่ะ (เคน)
 
“อะไรบอกมานะโว้ย” ยิ่งทำเหมือนมีลับลมคมนัยก็ทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากขึ้น
 
“ปะ เปล่านิ เอ่อ ว่าแต่ไอ่แมวของเมิงเหอะ หายไปไหนซะล่ะ” เคนหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของคนตัวเล็ก
 
“เออ น่านดิ แมร่งหายไปไหนแล้วเนี่ย เมี๊ยวๆๆๆ” โยบ่นอุบอิบ พลางส่งเสียงเลียนแบบลูกแมวน้อย ทำให้ยิ่งเหมือนแมวไปเองเข้าทุกที
 
“ฮ่าๆ พอเหอะว่ะ กูว่าแมวมันคงกลัวเมิงแหละ สงสัยหนีไปแล้วมั้ง” เคนหัวเราะเบาๆ ในท่าทางของโยที่ไม่ต่างจากแมวที่พูดถึงเท่าไรถึงเขาจะไม่ชอบแมวเพราะเรื่องในอดีตที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเกิดว่าเป็นแมวอย่างโยเขาก็คงเกลียดไม่ลงกลับจะชอบซะด้วยซ้ำ
 
“เชี่ย แมวมันกลัวเมิงมากกว่า” โยเอ่ย ก่อนจะยืนกอดอกหันหลังให้กับเคน
 
“เออๆ กูผิดเอง ว่าแต่...จะยืนอีกนานมั้ยเนี่ย รึให้กูต้องอุ้มแบบเมื่อกี้” พอเคนทำท่าจะว่าทำอย่างที่พูด ร่างบางก็รีบกระโดดขี่หลังของอีกฝ่ายแต่โดยดี
 
    โยทิ้งน้ำหนักตัวเองไปที่หลังแกร่งของเคน แต่ด้วยรูปร่างที่ผอมแห้งจึงไม่เป็นอุปสรรคในเวลานี้เท่าไรนัก แขนเล็กก็โอบรอบคอของเคนก่อนจะซบดวงหน้าหวานไปที่บ่าของร่างสูงอย่างเหนื่อยอ่อน
 
“โย แขนเมิงก็โดนข่วนด้วยนี่หว่า” คนตัวสูงเอ่ยหลังจากที่เหลือบไปเห็นรอยข่วนเล็กๆสีแดงที่ปรากฏเต็มข้อมือของโย
 
“เอ่อ แสบชริปหายเลยแมร่ง” โยพูดทั้งๆที่ซบหน้าอยู่กับไหล่ของเคนอยู่
 
“เจ็บมากมั้ย” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
 
“อือ” โยตอบเบาอยู่ในลำคอ อะไรว่ะ ตะกี้ยังปากดีอยู่เลย พอขึ้นมาบนหลังกูเท่านั้นแหละ ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงเลยเหรอเนี่ย (เคน)
 
“อ้าว ไอ่เกี๊ยวเมิงมาทำไรแถวนี้ว่ะ” เคนที่แบกโยมาจนถึงตลาด เอ่ยทักเกี๊ยวที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงหน้า
 
“อะ อ่อ กูมาซื้อกาแฟให้พ่อ โก กาแฟถุง” เกี๊ยวตอบแบบตะกุกตะกักเล็กน้อยพร้อมกับหันไปเรียกอาโกในร้าน ก่อนจะมองโยที่ขี่หลังเคนมาด้วยความสงสัย
 
“...” เคนไม่ได้พูดอะไรอีก พลางแบกโยที่แอบงีบบนหลังตนเข้าไปในร้านของบอลที่อยู่ข้างๆกัน
 
“ไอ่เคน เชี่ยโยมันเป็นไรว่ะนั่น” บอลเอ่ยถามเคนที่แบกโยเข้ามาในร้าน
 
“มันตกต้นไม้มาว่ะ เมิงพอจะมียาหม่องมั้ย” เคนค่อยๆวางโยไว้ที่เก้าอี้อย่างเบามือ
 
“ไอ่เคนกูเจ็บว้อย เบาๆไม่ได้รึไงว่ะ” โยบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจ เพราความเจ็บปวดที่มันเริ่มจะรู้สึกชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“แล้วไปทำอีท่าไหนว่ะ แมร่ง เดือดร้อนกูอีกแร่ะ เออๆ ยาหม่องมีอยู่เดี๋ยวไปเอาให้” บอลพล่ามยาวก่อนจะหายไปหลังร้าน
 
“หูย ซี๊ดดด แสบนะโว้ย กูทาเอง เมิงไม่ต้องทำเลย” โยแย่งยาหม่องจากมือของเคนอย่างไม่พอใจนิดๆ คนไรว่ะมือหนักชริปแป่ง (โย)
 
“อ้าว กูไม่ได้ตั้งใจนิ” เคนตอบกลับ นัยน์ตาคมก็จ้องร่างบางด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใครมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตแววตานั้นเลย
 
“สองผัวเมียนั่นจะทะเลาะกันอีกนานมั้ย กูชักจะหมั่นไส้แล้วนะโว้ย” บอลแซวเป็นเชิงเล่น ถือเป็นการเอาคืนเพราะว่าตัวเองก็เคยถูกสองคนนั้นแซวแบบนี้เหมือนกัน
 
“ปะ เปล่าซะหน่อย” โยแก้ตัวอย่างเขินๆจนดูออก ก่อนจะรีบหันตัวไปทางอื่น
 
“อะ เอ่อ ตะกี้กูเจอไอ่เกี๊ยวที่หน้าร้านโกด้วยว่ะ มันมาหาเมิงเหรอ” ไอ่หาวิธีเปลี่ยนเรื่องนี่ของถนัดเลย
 
“ไอ่เกี๊ยว มันมาเหรอ ก็เปล่านิ” บอลเองก็ดูแปลกใจที่รู้ว่าเกี๊ยวมาแถวนี้ แต่ทำไมภายในใจลึกๆกลับรู้สึกลิงโลดดีใจจนบอกไม่ถูกนะ (บอล)    
 
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” เกี๊ยวพึมพำกับตัวเอง
 
“อ้าวอาเกี๊ยว ทำไมวังลี้ถึงมาซื้อกาแฟตั้งไกลขนาดนี้ล่ะ ร้านอาเฮียข้างๆร้านลื้อไม่มีกาแฟขายรึไง” ชายที่ดูมีอายุรุ่นๆเดียวกับปู่ของเขาเอ่ยทักด้วยสำเนียงจีนๆ
 
 “อะ อ้อ พ่อบอกอยากจะชิมกาแฟร้านอาโกดูอ่ะ ผมไปล่ะนะ” ร่างบางแก้ตัวน้ำขุ่นๆ มือเล็กก็รับถุงกาแฟเย็นมาโดยใช้อีกมือไขว้นิ้วกันไว้ด้านหลังเพราะว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่
 
“เฮ้อ...” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะดูดกาแฟเย็นที่ตนซื้อมาด้วยความจำใจ ขณะที่ปั่นจักรยานกินลมไปเรื่อยๆตามสายทางที่แสงอาทิตย์กลายเป็นสีส้ม ปุยเมฆบางๆลอยละล่องน่าสัมผัส ร่างบางพริ้มตาความคิดที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับเสียงลมกับเสียงนกร้องที่ถูกพัดพามาตามกระแสลมในยามเย็น
 
“เกี๊ยว ไหนล่ะบะหมี่ที่พ่อให้ไปซื้อมา” เฮ๊ย!!! จริงด้วย พ่อใช้ให้ไปซื้อบะหมี่นี่หว่า ลืมสนิทเลย แล้วไอ่เงินที่พ่อให้มาก็ดันเอาไปซื้อกาแฟร้านโกแล้วด้วยสิ เอาไงดีว่ะ
 
“อะ อ้อ บะหมี่ แหะๆ บะหมี่ที่พ่อให้ไปซื้อน่ะเหรอ” เอาไงดีๆๆๆเพิ่งนึกได้ว่าพ่อให้ไปซื้อบะหมี่ก็ตอนนี้แหละ
 
“เออ ก็บะหมี่นะสิว่ะ พ่อใช้ให้เอ็งไปซื้อมา 10 ห่อ แล้วทำไมกลับมาตัวเปล่าล่ะ” พ่อเน้นเสียงกดดันลูกชายตนเองมากขึ้น
 
“คะ คือ คือว่า... อะ อ้อ บะหมี่ร้านน้านวลเค้าหมดน่ะพ่อ ของจะมาใหม่ก็...วันพรุ่งนี้นู้น พ่อค่อยไปซื้อเองล่ะกันนะ” ไม่ทันที่จะพูดจบร่างบางก็วิ่งหนีขึ้นบันไดไปซะแล้ว
 
“เอ๊ะ ไอ่ลูกคนนี้ จะใช้งานใช้การไม่ได้เรื่องสักอย่าง” ผู้เป็นพ่อกุมขมับแล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอา
 
“ดีนะเนี่ยที่เป็นพ่อ ถ้าเป็นแม่ละก็... อึย” คนตัวเล็กเดินเข้าห้องของตัวเอง ก่อนจะทำท่าขนลุกขนพอง คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนา นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าไกลๆกลายเป็นสีเทา
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 25-04-2009 13:38:13
พรึบ~!!
 
   อยู่ดีๆไอ่เชี่ยโอมมันก็โผล่หัวมาบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นของผมไปหมด มาจากหลุมไหนของมันว่ะเนี่ย เหงื่อชโลมท่วมตัวขนาดนี้อย่างกะคนที่เพิ่งอาบน้ำมายังงั้นแหละ กลิ่นเหงื่อของร่างสูงกระจายคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ผมรีบยันตัวเองให้ลุกขึ้น ผิดกับไอ่โอมที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงผมจนยุบฮวบไปในทันที
 
   คนตัวเล็กมองแผ่นหลังแกร่งอย่างหวาดๆ เสื้อยืดที่ชุ่มเหงื่อแนบราบไปกับแผ่นหลังของโอมเผยให้เห็นรูปร่างที่ดูแข็งแรงอย่างคนสุขภาพดี ทำเอาร่างเล็กที่แอบมองจนเพลินเกิดอิจฉาขึ้นมานิดๆ
 
“เป็นเชี่ยไรของเมิง จ้องอยู่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยดังทำลายความคิดของร่างเล็กที่นั่งติดกับผนัง ดวงหน้าคมหันมาสบตากับอีกฝ่าย พลางกระดกขวดน้ำเย็นๆที่ริมฝีปากเรียว น้ำสะอาดไหลลงมาตามลำคอช่วยให้คนที่กำลังดื่มน้ำอย่างหิวกระหายดับความร้อนภายในร่างกายหลังจากที่ออกกำลังมาอย่างหนัก
 
อึก~!! นัยน์ตาคู่สวยมองคนตรงหน้าก่อนจะกลืนน้ำลายของตัวเองเข้าไปอึกใหญ่   
 
“เกี๊ยว” ร่างสูงกดน้ำเสียงต่ำทุ้ม นัยน์ตาคมปรือมองร่างเล็กที่นั่งนิ่งด้วยสายตาชวนฝัน คนตัวสูงดันตัวเองขึ้นไปบนเตียงก่อนจะค่อยๆคลานไปหาร่างบางที่อยู่ไม่ห่างกาย
 
“อะ... อะไร อื้ม...ม... อือ...ม...” คนตัวเล็กที่นั่งสนิทกับฝาผนังถูกประกบจูบอย่างวดเร็ว มือเล็กปัดบ่ายไปมาที่แผงอกแกร่ง แต่ตอนนี้มันกลับเปลือยเปล่า
 
   ลิ้นสากที่ชอนไชเข้ามาในโพรงปากเล็ก สร้างความเสียวซ่านให้คนที่ถูกกระทำไม่น้อย ยิ่งพยายามดิ้นมากเท่าไรกลับถูกโอบกอดแน่นมากเท่านั้น
 
“คะ คิดจะทำอะไรน่ะ แฮ่กๆ” ร่างบางที่ถูกทาบทับไว้ดานล่างเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เสียงหอบที่ดังแผ่วเบาเนื่องจากขาดอากาศหายใจจากรสจูบที่นุ่มนวลที่ผ่านมา แผงเล็กกระเพื่อมถี่ มือหนาลูบไล้เข้าไปใต้สาปเสื้อยืดตัวเล็ก
 
   ร่างสูงไม่เอ่ยสิ่งใดเอาแต่มองคนข้างล่าง ก่อนจะประทับโน้มตัวลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากนิ่มอีกครั้ง คนตัวเล็กดิ้นพล่านอย่างต่อต้าน เพราะมือใหญ่รุกเข้าไปในกางเกงของเขา แต่ส่วนอ่อนไหวของเขามันกลับต่อการสัมผัสผิดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในจิตใจของเขาตอนนี้
 
“อ๊ะ อย่า อือ...ม...” ร่างบางครางกระเส้า กระตุ้นให้อีกฝ่ายบีบเคล้นส่วนนั้นแรงขึ้น
 
“เกี๊ยว แฮ่กๆ” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของเขาที่ข้างหู ร่างบางบิดเร้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่ลดละ
 
“เกี๊ยว เกี๊ยว” น้ำเสียงที่ยานเนิบ แหบพร่า ร่างกายของเขาแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มือใหญ่ที่บีบเคล้นผสมกับรูดเบาๆจนสติของคนข้างล่างหลุดลอยไปไกล
 
“เกี๊ยว~!! ไอ่เกี๊ยว” เสียงที่คุ้นเคยตะโกนดัง มือหนาจับที่ไหล่มนทั้งสองข้างเขย่าแรง แผงขนตาสวยกระพริบเร็วก่อนจะลืมตามองคนตรงหน้า
 
“เฮ๊ย...” ผมรีบผลักไอ่โอมจนมันกระเด็นไปอยู่อีกฟากของห้อง
 
“เชี่ย มาผลักกูทำไมว่ะ” ร่างสูงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทำท่าคล้ายกับจะชกคนที่นั่งจมอยู่บนเตียงหนา
 
“ก็ๆ เมิง” คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกัก เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ดวงตากลมก็จ้องคนตรงหน้าที่เปลือยท่อนบนอวดผิวกาย
 
“คนอุตส่าห์หวังดี กูเห็นเมิงละเมอบ้าอะไรไม่รู้ นึกว่าฝันร้าย ไม่น่าปลุกเลยแมร่ง” ความจริงโอมเองก็ตกใจเหมือนกัน เลยแกล้งหัวเสียไปยังงั้น
 
“อะ เออ กูฝันร้าย แล้วทำไม มะ เมิงถอดเสื้อล่ะ” ถ้าตะกี้เป็นความฝันแล้วทำไมไอ่โอมมันถอดเสื้อ อะ เอ่อ เหมือนในฝันผมล่ะ แต่ความรู้สึกมันชัดเจนมากจนผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความฝันความรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าทำเอา พวงแก้มเนียนขึ้นสีแดงกร่ำ
 
“สัด จะให้กูใส่เสื้อผ้าอาบน้ำรึไงว่ะ” ร่างสูงตอบพลางสวมเสื้อยืดโดยไม่หันไปมองคนตัวเล็กแล้วทำไมไอ่เกี๊ยวมันต้องหน้าแดงขนาดนั้นด้วย ชักอยากจะรู้แล้วสิว่ามันฝันอะไรกันแน่
 
“เออๆ กูผิดเอง” ร่างบางใช้แขนเล็กปาดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง จนตอนนี้เขาเพิ่งมาสังเกตว่าร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
 
“กี่โมงแล้วว่ะ” ร่างเล็กถามคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงที่ดูแผ่วเบาอย่างคนไม่มีแรง
 
“4 ทุ่มแล้วมั้ง” โอมตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหนังสือการ์ตูนในมือ ร่างสูงนอนเหยียดแผ่หลาบนที่นอนของตนนัยน์ตาคมลอบมองหลังเล็กของร่างบางที่หายลับเข้าไปในห้องน้ำ
 
    น้ำเย็นๆชำระร่างกายบอบบาง คนตัวเล็กตักน้ำราดตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อหวังว่ามันจะช่วยลบความฝันที่เขาไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แต่ภาพของร่างสูงและสัมผัสต่างๆมันยังคงเด่นชัดถึงแม้มันจะเป็นความฝันก็ตามเหอะ
 
   มือเล็กขยี้หัวตัวเองที่เปียกชื้นแรง พอออกมาจากห้องน้ำไอ่โอมมันก็หลับไปแล้ว นี่ ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ผมเห็นหน้าไอ่โอมมาตั้งแต่เด็กแต่ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลกๆเวลามองหน้ามันด้วย เพราะไอ่ฝันบ้าๆนั่นเหรอ มันก็แค่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงหรอกน่า...
 
    ร่างเล็กทิ้งตัวเองลงไปนอนบนเตียงของตน ก่อนจะฝืนเปลือกตาให้ปิดลงอย่างยากเย็น ไม่รู้เพราะฤทธิ์ของกาแฟที่กินไปเมื่อตอนเย็น หรือเพราะที่เขานอนไปแล้วก่อนหน้านั้นที่ทำให้เขานอนไม่หลับ นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลงในความมืด คนตัวเล็กนอนคว่ำหน้าเอาหมอนมาทับก็แล้ว จะนอนตะแคง นอนหงายก็แล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่หลับซะทีว้า..
 
    คนที่นอนบนเตียงก็แอบมองร่างสูงที่นอนอยู่กับพื้นข้างล่าง ดูเหมือนไอ่โอมมันจะนอนไม่หลับเหมือนกันกับผม
 
“นอนรึยังว่ะ” ร่างบางเอ่ยเบาท่ามกลางความเงียบและแสงสว่างสลัวๆจากแสงจันทร์ภายนอกแต่มันก็น้อยจนแทบมองไม่เห็นอะไร
 
“...” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
 
   มีเพียงความเงียบที่ปล่อยทิ้งไว้ให้กับคนตัวเล็กที่นอนพลิกตัวไปมาอยู่นาน อากาศที่เย็นสบายชวนให้นอนบนฟูกนุ่มอุ่นๆ แต่ข่มตาให้หลับเท่าไรมันก็ไม่เป็นอย่างใจคิดสักที
 
แกะตัวที่ 1 แกะตัวที่ 2 แกะตัวที่ 3 แกะตัวที่ 4 แกะตัวที่ 5 ... ... ... แกะตัวที่ 1,268 ร่างบางเอ่ยพึมพำเบาๆกับตัวเองหวังว่าไอ่วิธีที่เขาเคยได้ยินมาอาจจะใช้ได้ผลกับเขา
 
“นอนไม่หลับเหรอว่ะ” จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยถามคนตัวเล็กที่นอนดิ้นไปดิ้นมาข้างบน
 
“อ้อ อืม” พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็นอนไม่หลับเหมือนกัน คนตัวเล็กก็เลยนอนนิ่งๆพยายามไม่ส่งเสียง
 
“มีเรื่องกลุ้มใจรึเปล่า บอกกูได้นะเว้ย” ไอ่เชี่ยโอมมันโดนผีอะไรเข้าสิงว่ะ อยู่ดีๆก็มาทำตัวเป็นที่ปรึกษาผมเฉยเลย
 
“มะ ไม่มีไรหรอก กูแค่แดรกกาแฟ มันเลยนอนไม่หลับ อืมๆ ไม่มีไรจริงๆ” ถ้าเป็นเพราะฤทธิ์กาแฟแล้วไอ่ตอนเย็นที่ผมหลับฝันเป็นเรื่องเป็นราวก็คงไม่ใช่แล้ว
 
“แล้วตอน...” ไอ่นี่มันจะทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย
 
“กูบอกว่าไม่มีไรก็ไม่มีดิว่ะ ยิ่งเมิงชวนคุยกูยิ่งนอนไม่หลับ” ร่างบางสบถเบาๆ ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับต่อไป
 
“เกี๊ยวกูขอถามเมิงอย่างได้มั้ย” ร่างสูงเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา คล้ายกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง
 
“อะ อื้ม” ร่างบางเองก็นอนนิ่งรอฟังอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ
 
“เอ่อ คือ... ทำไมเมิงถึงไม่เคยคุยกับกูดีๆบ้าง” คนตัวสูงเอ่ยถามอย่างคนน้อยใจนิดๆ แต่เขาก็พยายามข่มน้ำเสียงให้เหมือนปกติจนร่างบางเองก็ไม่ได้สังเกต
 
“ก็เมิงชอบแกล้งกูนิ แล้วเมิงเคยคุยกับกูดีๆบ้างรึเปล่าล่ะ” ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่นุ่มนวลแบบนี้จากปากไอ่โอมมาก่อน
 
“ก็...” โอมเงียบไป ทำเอาคนที่อยู่บนเตียงเกิดคาใจซะยังงั้น
 
“ว่าไง” คนตัวเล็กขยับกายไปที่ขอบเตียงพลางลอบมองคนตัวสูงที่นอนอยู่เบื้องล่างเป็นระยะ
 
หมับ~!! มือหนาจับข้อมือเล็กแน่นก่อนจะดึงคนตัวเล็กที่นอนอยู่ด้วยแรงมหาศาล
 
“เห้ย จะไปไหนว่ะ” คนตัวเล็กโวยวายเพราะตัวเองกึ่งถูกดึงถูกลากให้ลุกขึ้น
 
“ไหนๆก็นอนไม่หลับแล้วนิ ตามกูมาเหอะน่า...” มือแกร่งกระชับแขนคนตัวเล็ก โอมมองดวงหน้าหวานก่อนจะเอ่ยหนักแน่น
 
“เออๆ จะรีบไปไหนว้า” ถึงปากจะบ่นแต่ร่างบางก็ยอมเดินตามคนตัวสูงไปแต่โดยดี
 
    แล้วโอมกับเกี๊ยวก็ค่อยย่องลงบันไดไป มันนานเท่าไรแล้วที่ผมไม่เคยทำอะไรพิเรนๆแบบนี้มาก่อน จะใช้คำว่าหนีออกจากบ้านได้มั้ยนะ ดูจากท้องฟ้าที่ดำสนิทกับถนนที่โล่งไร้พาหนะสัญจรไปมา จะให้เดาตอนนี้มันก็คงเที่ยงคืนแล้วมั้ง
 
“เฮ๊ยๆ จะไปไหน บอกกูมาก่อนดิว่ะ” เสียงหวานบ่นเสียงหอบดังเบาๆอยู่ข้างหลังโอมที่จูงมือของอีกฝ่ายเดินไกลจากบ้านไปเรื่อยๆ
 
“จะถึงแล้วเนี่ย” ร่างสูงกุมมือเล็กแน่นก่อนจะลากร่างบางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
 
    แล้วไอ่โอมมันก็ลากผมมาในที่ๆผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นสนามหญ้าโล่งกว้างมีดอกอะไรไม่รู้ขึ้นสูงประมาณเข่าผมได้ รองเท้าจมลงไปในผืนหญ้านุ่มทุกครั้งที่วิ่ง มีลมเย็นๆพัดมากับอากาศบริสุทธิ์ที่น้อยคนนักจะได้สูดดม เสียงลมแผ่วเบาพัดมาราวกับเสียงกระซิบ
 
    ร่างสูงปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระแล้วโอมก็ทิ้งตัวนอนจมกลางผืนหญ้าที่นุ่มไม่ต่างกับปุยนุ่น มือหนารองศีรษะแทนหมอน ก่อนที่เปลือกตาหลุบลงมาปิดบังนัยน์ตาคมที่ดูอ่อนโยนในเวลานี้
 
“สวยจัง” เสียงหวานเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่กำลังทิ้งตัวลงนอนใกล้กับร่างสูงที่นอนอยู่ก่อนแล้ว
 
“สวยมากใช่มั้ยล่ะ” คนตัวสูงหันมาพูดกับคนข้างๆที่นอนอยู่ในระดับเดียวกัน
 
“อื้ม กูไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยว่ะเพิ่งจะรู้ว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่แถวนี้ด้วยแฮ่ะ” ดวงหน้าสวยแหงนมองบนท้องฟ้าที่มีแสงดาวพรั่งพราวระยิบระยับ ข้างกายมีโอมนอนอยู่ ล้อมรอบด้วยต้นดอกอะไรสักอย่างที่ดูสูงไปถนัดตาในมุมนี้
 
“อืม” โอมส่งเสียงเบาในลำคอ ดวงหน้าคมหันไปจ้องคนตัวเล็กผิดกับอีกฝ่ายที่กำลังเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้า
 
“กูว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่ แมร่ง โชคดีชริปหาย ได้มานอนดูดาวยังงี้ทุกวัน” คนตัวเล็กตั้งใจจะหันมาคุยกับอีกฝ่ายแต่เพราะว่าโอมที่เผลอจ้องร่างบางซะนานทำให้ริมฝีปากเฉียดๆกัน โชคดีที่ร่างสูงรีบหันหน้าไปมองท้องฟ้าได้ทันซะก่อน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร
 
“หืม เมิงชอบที่นี่รึเปล่าล่ะ” โอมพูดกับคนๆที่นอนข้างๆกายด้วยน้ำเสียงที่เบาเฉพาะได้ยินกันสองคนนัยน์ตาคมก็ยังคงไม่ละจากท้องฟ้ากว้าง
 
“อืม ชอบดิว่ะ” กลับเป็นผมคนเดียวที่คิดอกุศลกับไอ่โอมมาตลอด แววตาคู่นั้นที่ดูอ่อนโยนกับน้ำเสียงที่ดูสุภาพนุ่มนวลอย่างที่ผมไม่เคยได้ยิน มันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
 
“กูก็ชอบเมิงว่ะ” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
 
“ห๊ะ ตะกี้เมิงว่าไรนะ กูไม่ทันฟัง” คนตัวเล็กหันไปมองดวงหน้าคมที่ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
 
“อ่อ กูจะบอกว่า เมิงรู้มั้ยว่าดาวลูกไก่อยู่ตรงไหน” ชริปหายแล้ว ความรู้เรื่องดวงดงดวงดาวผมยิ่งไม่ค่อยจะเอาถ่านซะด้วยสิ เคยเรียนๆในวิชาวิทยาศาสตร์แต่ผมก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร
 
“อยู่ตรงไหนว่ะ” ร่างบางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหรี่ตาทำท่าว่าหากลุ่มดาวที่มีป้ายเขียนว่าลูกไก่ติดอยู่
 
“ตรงนั่นไง” ไอ่โอมชี้นิ้วไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า มันก็กี่ล้านดวงล่ะนั่นใครจะไปเห็น
 
“ตรงไหนว่ะ ไม่เห็นมีเลย” คนตัวเล็กพยายามมองตามมือของอีกฝ่าย พลางขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว
 
“ก็ตรงนี้ไงเล่า ดูดีๆดิว่ะ” ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของร่างบางที่มีอยู่ทุนเดิมทำให้คนตัวเล็กขยับกายเข้าไปใกล้จนแทบจะไปทับกับร่างสูง ร่างบางเลยถือโอกาสหนุนไหล่แกร่งของอีกคนไปโดยปริยาย
 
“ไหนว้า... ไม่เห็นจะมีเลย” โอมหลอกให้ร่างบางมองตามนิ้วของตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างสูงยิ้มกริ่มในความน่ารักของอีกฝ่าย ที่มานอนเกยอยู่ใกล้จนแทบได้ยินเสียงหายใจ ทำเอาหัวใจของเขาเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของคนตัวเล็กทำเอาร่างสูงเคลิบเคลิ้มจนเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่
 
 พวงแก้มเนียนขาวน่าสัมผัสอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก คนตัวเล็กที่มาปั่นป่วนหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาได้มอบความรักให้กับคนๆนี้จนหมดใจไปแล้วโดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้เลยสินะ
 
“ไม่เห็น...” ไม่ทันจะได้พูดจบ พวงแก้มใสก็สัมผัสกับริมฝีปากเรียวโดยบังเอิญเพราะร่างบางที่ตั้งใจจะหันหน้ามาคุยกับอีกฝ่าย
 
“อะ เอ่อ ขอโทษว่ะ” โอมรีบยันตัวขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนภายในใจมันเต้นรัวเพราะความตื่นเต้น อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกเกลียดตลอดไป แต่อีกใจหนึ่งมันกลับมีความสุขจนเอ่อล้น
 
“ชะ ช่างมันเหอะ กูไม่ถือ” ร่างบางดูเหมือนจะอึ้งไปเหมือนกัน มือเล็กก็ลูบแก้มตัวเองข้างที่ถูกหอมเบาๆ
 
“เอ่อ... กลับกันเหอะว่ะ ข้างนอกนี่มันหนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัด” ว่าแล้วร่างสูงก็รีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงแขนเล็กของเกี๊ยวให้ลุกขึ้นตาม
 
“อื้ม” คนตัวเล็กก้มหน้างุด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ มือเล็กถูกคนด้านหน้าจับกุมไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าร่างสูงเองจงใจจะจับมือของเขาไว้หรือแค่ลืมตัว
 
“ไอ่โอม เอ่อ กูว่าเมิงมานอนข้างบนก็ได้ นอนข้างล่างไม่หนาวรึไงว่ะ” ร่างบางที่นอนอยู่ด้านบนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เพิ่งเข้ามาถึงในห้องได้สักพัก
 
“ก็เมิงบอกเองนี่ว่าไม่อยากนอนเบียดกับกูไม่ใช่รึไง” แล้วน้ำเสียงโหดๆตามฉบับไอ่โอมผสมความกวนตีนของมันก็กลับมา คนเค้าอุตส่าห์หวังดีนะโว้ยยย
 
“เออ... ตามใจเมิงละกัน” คนตัวเล็กกระแทกเสียง ทำให้รู้ว่าคนด้านบนคงจะงอนไม่น้อย
 
“กูคงไม่โง่นอนแข็งตายอยู่ข้างล่างหรอกว่ะ” ไม่พูดเปล่า โอมก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงนุ่มอย่างรวดเร็วก่อนจะเบียดกายเข้าไปชิดกับคนตัวเล็กที่นอนข้างๆ
 
“อย่ากินที่เด๊ะว่ะ ไม่งั้นกูถีบเมิงตกเตียงจริงด้วย” ร่างบางดันไหล่แกร่งที่นอนเบียดตนให้ออกห่างแต่เหมือนยิ่งดันออกไปร่างสูงก็ขยับเข้ามาหายิ่งกว่าเดิม
 
“หนาวยังงี้ต้องนอนเบียดกันสิว่ะจะได้อุ่นๆ รีบนอนไปเลยเมิงไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน” ไอ่โอมออกคำสั่งหนักแน่น นี่เตียงกูน้าโว้ย ไม่ใช่เตียงเมิง นอนกินที่โครตๆ แต่ผมไม่อยากจะวางมวยกับมันตอนนี้เพราะผมเองก็เริ่มง่วงๆบ้างแล้ว ฝากไว้ก่อนเหอะเมิง
 
   ร่างบางนอนหันหลังให้กับอีกฝ่าย เพียงแค่หลับตาก็ทำเอาคนตัวเล็กหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องรู้ราวซะแล้ว ไอ่บทจะนอนไม่หลับก็ไม่หลับสักที พอง่วงนิดหนึ่งก็หลับง่ายจริงๆเลยแฮ่ะ ไอ่ที่บอกว่าอย่าหาว่าไม่เตือนน่ะ ก็เพราะกลัวจะปล้ำไอ่คนน่ารักข้างๆนี่ซะก่อนน่ะสิ พอได้มาอยู่ใกล้ๆมือไม้มันก็อ่อนยวบแล้ว (โอม)
 
    มือหนาดึงผ้าห่มให้ปกคลุมร่างกายของตนและคนตัวเล็กที่นอนงอข้างๆ พลางดึงเอวเล็กเข้ามาหาตัวจนชิดกัน เนื้อตัวอุ่นๆนุ่มนิ่มของคนที่หลับสนิททำให้ร่างสูงอดที่จะกอดแน่นไม่ได้เหมือนร่างบางจะรู้ความต้องการของอีกฝ่าย คนตัวเล็กขยับตัวเข้าใกล้โอม ขณะที่เกี๊ยวซุกอกแกร่งเพื่อหาไออุ่นจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
 
   แค่ได้อยู่ใกล้แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ไม่ขออะไรมากมายก็แค่ได้รักคนๆนี้ได้อย่างใจหวัง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น (โอม) ร่างสูงหลับตา ขณะที่เกยคางแหลมไว้ที่กลุ่มผมนุ่มนิ่ม

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: White..BroccO ที่ 25-04-2009 14:11:21
อร๊ายยยย โอมสู้ๆ โอมสู้ตาย

 :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 25-04-2009 14:59:17
อ๊ากกกก บอลโดนโอมทำคะแนนนำไปแล้วววว
***
ขอบคุณมากคร้าบ  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gon_natt ที่ 25-04-2009 15:07:09
กีสสสสสสสสสสสสส

น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอเชียร์โอมได้ม้ายยยยยยยยยยย

>__________<



 :L2:รอตอนต่อไปเน้อ ^^ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 25-04-2009 15:47:59
โอมนี่ รุกหนักขนาดนี้แล้วนะ

บอลมีไหนคะแนนตกแล้วรู้ตัวบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 25-04-2009 18:20:22
มารอรอรอรอรอโอนน่ารัก


แต่เชียบอล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 25-04-2009 22:48:46
 :z1:
แอบบเชียร์โอมเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: SJ ที่ 26-04-2009 00:23:19
บอลอ่ะ โดนทำคะแนนนำแล้วเนี่ย  :เฮ้อ:


เอิ่ม แบบว่าเชียร์บอลอ่ะ :impress3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 26-04-2009 02:27:14
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 26-04-2009 13:27:32
โอมรุกหนัก ทำคะแนนนำไปเรื่อยๆแล้ว
ส่วนบอลดันพลาด ไปมีเรื่องฟาดปากกันในตอนก่อนโน้น ให้โดนหักคะแนนไปซะงั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: wiwanana ที่ 26-04-2009 13:32:29
กรี๊ดๆๆๆๆ


เค้านอเตียงเดี๋ยวกันแล้วแหละ :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 26-04-2009 21:31:18
 ตอนที่ 10

  ตะวันโด่งยามสายท่อแสงประกาย ถึงเวลาที่คนขี้เซาจะตื่นขึ้นจากหลับใหลอันยาวนาน ร่างเล็กชันตัวเองขึ้นบนที่นอนหนาเพียงลำพัง สงสัยว่าคนที่เคยนอนข้างๆกายคงจะตื่นไปก่อนแล้ว นัยน์ตาคู่สวยที่ปรือตามประสาคนเพิ่งคืนมองรอบๆตัว ก่อนจะลุกจากเตียงหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่นานสองนาน
 
“อ่า... แม่มีไรกินบ้าง” ร่างเล็กยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ลึก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังลงมาจนถึงชั้นล่าง
 
“หน็อย ตื่นมาก็จะกินท่าเดียวเลยนะเรา” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี ปกติจะโดนดุไปแล้วนะเนี่ย ไอ่เรื่องขี้เซาละไม่มีใครเกิน
 
“เอ... ทำไมวันนี้แม่อารมณ์ดีจัง” คนตัวเล็กนั่งลงที่เก้าอี้ มือเล็กสองข้างเท้าคางมนของตัวเองไว้ สายตายังคงมองแม่ของตนด้วยความใคร่รู้
 
“...” ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย มีเพียงแต่เสียงฮัมเพลงเบาๆเท่านั้น
 
“อารมณ์ดีแบบนี้ ไปได้เลขเด็ดมาจากที่ไหนอีกเนี่ย” ร่างบางเอ่ยแซวอย่างรู้ทัน
 
“ก็นิดหน่อย แม่เพิ่งไปได้เลขเด็ดสดๆร้อนๆมาจากป้าจันนะสิ แกละย้ำนักย้ำหนาว่าถูกชัวร์ ถ้าไม่ถูกละก็ หื้ม... น่าดู” แล้วรอยยิ้มบนหน้าแม่ก็หายไปเปลี่ยนเป็นญาติๆของนางผีเสื้อสมุทรในบัดดล แต่แม่ผมไม่ลงพุงนะเออ
 
“ฮ่าๆ ผมก็ว่าถูกชัวร์ แต่จะถูกหวยหรือถูกกินก็อีกเรื่องหนึ่งนะแม่” เวลาเห็นวิญญาณนักเล่นหวยเข้าสิงแม่ผมก็อดปากพร้อยเป็นตัวขัดลาภไม่ได้จริงๆ ความสุขส่วนตัว แหะๆ
 
“อ้าว ไอ่ลูกคนนี่ ถ้างวดนี้ชวดอีกละก็ อย่าหวังว่าจะได้ค่าขนมสัปดาห์นี้แล้วกัน” แม่พูดพร้อมกับกรีดยิ้มมาทางผม ค่าขนมโผมมม
 
“แม่อ๊ะ อย่าเอาเรื่องเงินๆทองๆมาล้อเล่นสิ” ไมน่าเลย ปากหมาพาซวยแต่เช้าอีกแล้วมั้ยล่ะ
 
“ไม่ต้องพูดมากรีบๆกินไป เสร็จแล้วก็ไปซื้อที่ตรวจล็อตตารี่มาให้แม่ด้วย” แม่วางต้มปลาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอาเงินจำนวนหนึ่งมาให้ผม คราวนี้ก็คงเป็นผมที่ต้องมานั่งภาวนาขอให้แม่ถูกหวยอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่งั้นค่าขนมสัปดาห์นี้ก็หมดกัน
 
“ค๊าบบ” ผมขานเสียงยาว ก่อนจะจ้วงอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แต่ไอ่ตัวขัดหูขัดตาก็โผล่หัวมาให้เห็นหน้าแต่เช้า
 
“ขอบใจนะ อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องล้างเลย เดี๋ยวเพ็ญจะหาว่าใช้งานลูกชายเค้าหนักอีก” โหย ทีกะไอ่โอมละแม่พูดซะหวานเลย
 
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” ร่างสูงเอ่ย พลางโค้งตัวนิดๆอย่างเก้อเขิน
 
“ดูสิ ลูกน้าทำไมไม่เป็นอย่างลูกคนอื่นเค้าบ้างนะ วันๆเอาแต่เล่นเป็นเด็ก” กูว่าแล้ว แม่ต้องวกกลับมาดุผมอีกจนได้
 
“โธ่ แม่ก็...” คนตัวเล็กท้วงเสียงอ่อย อยู่บ้านไอ่โอมก็ใช่ว่าจะช่วยแม่มันทำงานบ้านสักหน่อย เชอะ ทำดีเอาหน้าสิเมิง แม่หันมาส่งสายตาเป็นเชิงว่า ทำตัวดีๆเหมือนลูกเค้าบ้างสิ ทำไมไอ่นี่มันสรรหาเรื่องให้ผมเดือดร้อนเก่งจังเลยว่ะ
 
“เมิงจะไปตลาดใช่มั้ย” ผมกำลังรีบโซ้ยข้าวอย่างหนักเพราะหลังบ้านมีแต่ผมกับไอ่โอม แล้วมันก็เอาแต่จ้องเวลาผมกินข้าว กูกระเดือกข้าวไม่ลงโว้ย
 
“อะ เออ” พักนี้มันทำตัวแปลกๆ ก็ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่มันผีเข้าผีออกมาพูดดีๆกับชาวบ้านเค้าก็เป็นด้วย
 
“ดี งั้นกูไปด้วย” แล้วมันก็พูดเองเออเองใครให้เมิงไปด้วยกันว่ะ
 
“เมิงจะไปทำไมให้หนักรถว่ะ” ผมพยายามจะพูดดีๆกับมันแล้วนะ แต่ไอ่ความที่เคยชินกับภาษาเถื่อนๆมากกว่าการจะที่ผมพูดดีๆกับมันไปแล้ว
 
“กูนัดพวกไอ่ยะไว้ แค่นี้ขอไปด้วยไม่ได้ไงว่ะ” ร่างสูงขึ้นเสียงอย่างคนหาเรื่อง ของขึ้นอีกแล้วนั่น
 
“ก็ได้ กูแค่ถามเฉยๆ ผิดรึไงว่ะ” ร่างบางพูดเสียงค่อย พลางก้มหน้างุดทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มจางๆของอีกคนที่อยู่ในห้อง
 
“ก็แค่นั่น” โอมพูดกับคนตัวเล็ก ก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้แบบสบายๆรอคนที่กินข้าว
 
     ผมว่าคงต้องไปสูบลมยางเพิ่มอีกโขเลย ไอ่โอมมันก็ไม่ได้อ้วนอะไรแต่แมร่งเสือกตัวหนักหาป้อเต๊อะ เกาะรถคนอื่นไปมันยังมากินแรงผมอีก ดูม๊านน กว่าจะไปถึงตลาดก็เลยกินเวลาไปร่วมชั่วโมง ขาผมแทบทรุด ไอ่ห่านิถ้าไม่เห็นว่ามันตัวสูงกว่าผม (แมนกว่าเว้ย) นะผมซัดหน้ามันไปนานละ แต่กลัวว่ามันจะได้เปรียบเฉยๆถึงต้องทนกล้ำกลืนจนถึงทุกวันนี้ไง ถือว่าเป็นโชคดีของมันไปที่ไม่ได้กินหมัดผม
 
   ผมจอดรถจักรยานไว้อีกฟากของถนน ร้านขายล็อตเตอรี่ก็อยู่ตรงข้ามกัน เพราะแถวนั้นมันไม่มีที่จอดรถผมเลยต้องหาทางซุกๆไว้แถวนี้ก่อน เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้วันนี้คนก็เยอะพอสมควร รถที่วิ่งไปมาบนถนนเลยเยอะตามไปด้วย
 
    ผมยืนนวดแข้งนวดขาของตัวเองไปพลางๆระหว่างที่รอจังหวะข้ามถนน ในใจก็นึกบ่นไอ่คนที่ทำให้ผมต้องเหนื่อยเป็นสองเท่า
 
เอี๊ยด~!!
 
    เสียงเบรกรถที่ดังทำให้คนเกือบครึ่งตลอดหันมามองร่างบางที่ล้มขมำอยู่ที่พื้นตอนนี้ วัยรุ่นที่แต่งตัวตามสมัยนิยม มีผู้ชายที่เป็นคนขับมองดูร่างบางที่ล้มอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยชาผิดกับผู้หญิงที่ซ้อนมาด้วยเล่นกริ๊ดซะลั่น กลัวว่าคนในตลาดจะไม่หันมามองชุดวาบหวิวที่เจ้าตัวใส่มามั้ง ขับรถภาษาอะไรว่ะ แมร่ง คนกำลังเดินข้ามถนนไม่เห็นรึไงฟร่ะ (แอบด่าในใจ)
 
    ไม่ทันที่ผมจะได้มองหน้าตัวการที่มันทำให้ผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเป็นผีเฝ้าตลาด ไอ่เลวนั่นมันก็บึ่งรถมอเตอไซด์หนีฝุ่นตลบไปไกลซะแล้ว
 
“ไอ่เกี๊ยวมะ เมิง เจ็บตรงไหนมั้ยว่ะ ไปโรงพยาบาลกันเหอะ เมิงอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเว้ย ทำใจดีๆเอาไว้ก่อน” ผมได้ยินเสียงใครบางคนกรอกดังอยู่ข้างหู น้ำเสียงที่สั่นเครือย่างคนห่วงใยแต่มันนั่นแหละที่ทำให้ผมเจ็บเหมือนกัน มือหนากุมมือคนตัวเล็กแน่นเพราะความกังวลและห่วงใยคนในอ้อมแขนมากมายเหลือเกิน
 
“เห้ย กูแค่โดนรถเฉี่ยวโว้ย ไม่ได้เป็นไรซะหน่อย” มือเล็กลูบก้นตัวเองเบาๆเนื่องจากแรงฉุดมหาศาลที่ทำให้เขาหงายหลังก้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง
 
“ไม่เป็นไรแน่นะเว้ย แต่ตะกี้” ร่างสูงพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้
 
“เออๆ กูจะเป็นก็เพราะเมิงนั้นแหละ จะช่วยก็ไม่ช่วยให้ดีๆหน่อย ก้นกูช้ำหมดแล้วเนี่ย” ร่างบางบ่นอุบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
 
“ไอ่เหี้ยนั่นแมร่ง อย่าให้กูรู้ว่ามันไปใครนะเว้ย กูจะไปเอาเลือดหัวมันออกทั้งสองคนเลย ไอ่เวรเอ๊ย” ร่างสูงเอ่ยอย่างเดือดดาน ในน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธแค้นอย่างลืมตัว ตกลงมันหรือว่าผมกันแน่ที่โดนรถเฉี่ยวเนี่ย
 
“เหี้ยเอ๊ย สัด ขับรถบ้าน...เมิงสอนให้ขับยังงั้น แมร่ง บลาๆ” (เถื่อนสุดตีน) แล้วผมกับไอ่โอมกับช่วยกันปล่อยตัวเหี้ยออกมาวิ่งพล่านกันเต็มถนนได้สักพัก คนในตลาดก็เลิกสนใจผมที่เป็นจุดเด่นชั่วครู่ในที่สุด
 
“ว่าแต่เมิงไม่เป็นอะไรแน่นะเว้ย” จู่ๆร่างสูงก็หันมาพูดกับคนตัวเล็ก นัยน์ตาคมมองร่างบางอย่างจริงจังจนรู้สึกได้
 
“อะ เออๆ ไงก็ขอบใจเมิงละกันที่ช่วยกูไว้” สีหน้าของไอ่โอมทำให้ผมคิดถึงหน้าไอ่บอลขึ้นมาซะยังงั้น แล้วทำไมผมต้องคิดถึงมันด้วยเนี่ย อาการที่แสดงออกมาเหมือนกับตอนที่ไอ่บอลเคยช่วยผมไว้ตอนจมน้ำไม่มีผิด
 
“ละ แล้วเมิงละข้ามถนนทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือก่อนว่ะ ถ้ากูมาช่วยเมิงไม่ทันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นหัดคิดมั้งดิว่ะ” ไอ่นิ ไม่ต้องมาเทศน์กูได้มั้ย
 
“ก็กูดูแล้ว แต่ไอ่เหี้ยนั่นมันขับรถมาชนกูเองนี่หว่า” ไม่วายปล่อยเหี้ยออกมาวิ่งเล่นอีก 1 ตัวจนได้ มือเล็กก็ลูบก้นตัวเองที่ปวดแปล๊บๆเพราะความเจ็บ
 
“แล้วเจ็บมากมั้ยล่ะนั่น” ร่างสูงคล้ายกับจะรู้ตัวที่เขาแสดงออกจนเกินไป ก็คนมันห่วงนิ ห้ามกันได้ไง
 
“เจ็บดิว่ะ แมร่ง ช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย” ร่างเล็กบ่นประปอดกระแปด เรื่องที่เล่นเอาใจหายใจคว่ำเมื่อกี้จนผมลืมสนใจไปเลยว่าไอ่โอมมันมากับผมด้วยเหตุผลอะไร
 
“กลับบ้านกันเหอะ เดี๋ยวก็ได้ซวยขึ้นมาอีก เมิงยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” นี่มันห่วงผมหรือว่ามันหลอกด่าผมกันแน่เนี่ย แอบงง
 
“เห้ย กูยังไม่ได้ซื้อที่ตรวจหวยให้แม่เลย” ไอ่นี่มันมือปลาหมึกชัดๆ ไม่พูดเปล่าคว้ามือผมไปเฉยเลย ผมรั้งไว้ก่อนจะท้วงมันเพราะภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ
 
“เชี่ยนิ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมิงยังจะห่วงเรื่องโพยหวยบ้าบอนั่นอีก” อะไรว่ะ กูไม่ใช่ลูกเมิงนะโว้ย ถึงได้ปล่อยให้เมิงดุด่าได้ฟรีๆแบบนี้
 
“เรื่องของกู กูจะไปซื้อก่อน” ผมพยายามสะบัดมือมันที่จับแน่นยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกออก
 
“งั้น เมิงรออยู่ตรงนี้กูจะไปซื้อให้เอง เอาเงินมา” ร่างบางทำท่าคิดก่อนจะส่งล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกงให้อีกฝ่ายไปตามคำขอ รึคำสั่งว่ะ
 
“รออยู่ตรงนี้นะเว้ย อย่าไปไหน” โอมเอ่ยกระชับแน่น ด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง แววตาที่มองอีกฝ่ายไม่สามารถหลบซ่อนความห่วงใยที่มีให้คนตัวเล็กจนเอ่อล้นไว้ได้
 
“อืม” ยิ่งมองสายตาที่ร่างสูงมองมาก็ทำให้คนตัวเล็กเริ่มจะใจอ่อน คนที่กุมมือเขาเห็นเขาสำคัญถึงขนาดนี้เลยเหรอ
 
“โอม” ไม่ทันที่คนตัวสูงจะได้ข้ามถนน มือเล็กก็เอื้อมไปจับมือแกร่งของอีกฝ่าย เสียงหวานที่เอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อใจเต้นโครมครามจนทำตัวไม่ถูก
 
“อะ อะไรเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับอย่างอ่อนนุ่มคล้ายกับเป็นคนละคนที่เคยแกล้งเขาทุกวัน
 
“เมิงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่กูได้มั้ย” คนตัวเล็กอ้อนวอนพร้อมกระชับมือหนาแน่นเพื่อเน้นย้ำ ขืนเรื่องนี้ถึงหูแม่ผมต้องโดนฟาดซ้ำอีกแน่ๆ เผลอๆอาจจะอดมาฝังตลาดอีกเลยก็ได้
 
“อะ เออ รู้แล้วน่า” พอได้ยินอย่างนั้น ร่างเล็กก็รีบปล่อยมืออีกฝ่ายทันที โอมหันมายิ้มบางๆให้อีกฝ่ายก่อนจะข้ามถนนไป
 
    ไม่นานทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมโพยหวย แล้วความซวยก็บังเกิดอีกจนได้เมื่อหวยที่แม่ซื้อถูกกิน คนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนเพราะนั่งไม่ได้เลยพลอยโดนตัดค่าขนมไปซะยังงั้น แต่ดูท่างานนี้ป้าจันคงโดนไม่น้อยแน่ๆ คิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้ (แต่ในใจหัวเราะคิกคักสะใจ)
 
“ไอ่เชี่ยโอม วันนี้แม่เมิงก็กลับมาแล้วดิ” เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้จากน้อยครั้งที่ผมกล้าเปิดบทสนทนาคุยกับมันก่อน
 
“เออ แม่กูกลับมาวันนี้ แต่ทำไมเมิงไม่ถามกูดีๆมั้งว่ะ” ทีเมิงยังขึ้นเสียงกะกูได้เลย อะไรกันว่ะ พูดแค่นี้ก็ปกติของผมที่ถือว่าดีแล้วน้า
 
“คนอุตส่าห์ช่วย” ร่างสูงพึมพำเบาๆแต่ก็ตั้งใจที่จะให้ร่างบางที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ได้ยิน
 
“รู้ค๊าบ ไม่ต้องทวงบุญคุณก็ได้” ผมแกล้งพูดเพราะประชดมันไป แต่ถ้าเกิดมันไม่ช่วยผมไว้ ไม่รู้ผมจะไปนอนอยู่ที่ศาลาไหนแล้วตอนนี้ นึกแล้วก็แค้นไอ่เวรนั่นที่ขับรถเฉี่ยวผม
 
“เชื่องยังงี้ค่อยน่าเลี้ยงหน่อย ว่างๆเดี๋ยวกูจะตบรางวัลเป็นกระดูกให้เมิงเป็นไง ฮ่าๆ” เห้ย กูไม่ใช่หมานะโว้ย ว่าแล้วคนตัวสูงก็ยักคิ้วให้ร่างเล็กอย่างอารมณ์ดี
 
“เวร เดี่ยเหอะเมิง” ร่างบางสบถอย่างไม่สบอารมณ์
 
“เกี๊ยว” เรียกชื่อกูทำไมว่ะ กลัวลืมรึไง
 
“อะไร” เจ้าของชื่อขานรับ ร่างกายที่บอบช้ำโดยเฉพาะส่วนที่เอาไว้นั่งกับเอาไว้... (ใช้ปลดทุกข์สิเอ้อ) คนตัวเล็กเบ้ปากเพราะความเจ็บเป็นครั้งคราวเงยหน้ามาสบตากับอีกฝ่าย
 
“เอ่อ ต่อไปนี้สัญญาได้มั้ยว่าจะคุยดีๆกับกู” มันคิดอะไรของมันถึงได้มาทำดีกับผมเนี่ย
 
“ทำไม” ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากคุยดีๆกับมันหรอก แต่แค่อยากรู้เฉยๆ
 
“สัญญาสิ” ร่างสูงเน้นเสียงหนักแน่น แววตาที่ดูเอาจริงเอาจังทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดเล่น
 
“อืม งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ป่ะ” ผมถามมันเพื่อความมั่นใจ
 
“ไอ่เชี่ยนิ กูก็เป็นเพื่อนกับเมิงตั้งนานแล้ว ทุกวันนี่เห็นกูเป็นศัตรูรึไงเล่า” เพิ่งจะรู้ก็วันนี้แหละว่าเมิงนับกูเป็นเพื่อนด้วย ทีเมิงไม่เห็นจะพูดดีๆกับกูเล้ย บังคับกันดีจริงดีตัวเองไม่ยักทำ ไอ่ห่านิ (แอบด่าในใจ)
 
    แล้วเย็นวันนั้นก็ก็นั่งคุยกับมันจนแม่มันมารับกลับบ้าน
 
“ไปแล้วนะเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน” ร่างสูงโบกมือลาคนตัวเล็ก โดยไม่ลืมที่จะไหว้ผู้ใหญ่ก่อนกลับ (พ่อตาแม่ยายลืมได้ไง)
 
“อืมๆ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมก็โบกมือลาให้มัน ตามมรรยาทครับ มรรยาทจริงๆ คืนนั้นผมแทบไม่กล้าอาบน้ำก็ก้นผมมันช้ำซะ มีรอยม่วงๆเป็นจ้ำๆที่แก้มก้นทั้งสองข้างของผมอ่ะเด๊ะ เลยได้แต่นอนคว่ำ ทรมานชริปเป้งเลย ซี๊ดดด
 
   หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ่โอมก็เปลี่ยนไปจนดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรต่ออะไรด้วยกันมากมายขนาดนี้มาก่อนกลับเป็นว่าเวลาคุยก็แทบจะแย่งกันพูดไม่ทันอยู่แล้ว มันมีน้ำใจกับผมมาตลอด ช่วยผมทุกเรื่อง ผมไม่เคยคิดเลยว่าเนื้อแท้ของไอ่โอมจะดีขนาดนี้ได้จริงๆ
 
    จนตอนนี้ผมกลายเป็นเพื่อนสนิทของมัน แถมบ้านอยู่ใกล้กันเพียงแค่คูหากั้นกลาง คงไม่ต้องบอกเลยว่า เช้าเย็นผมไปคลุ่กอยู่บ้านมันบ้าง มันก็มาคลุ่กอยู่ที่บ้านผมชนิดที่ว่าแทบจะนอนค้าง คืนไหนที่นอนไม่หลับมันก็ชอบพาผมไปที่ทุ่งกว้างนั้น ผมเลยได้รับอนิสงค์ความรู้เรื่องดวงดาวบนท้องฟ้าเยอะเลย ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจก็เหอะ
 
   เป็นเรื่องไม่แปลกถ้าใครๆเห็นผมเดินอยู่กับไอ่โอมเกือบจะตลอดเวลา ตัวนี่ติดกันหนืบยังกะปาท่องโก๋อะไรประมาณนั้นเลย ผมไม่เคยปฏิเสธมิตรภาพที่คนอื่นมอบให้อยู่แล้ว กลับต้องการมันมากซะด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมอบความสัมพันธ์อย่างที่ไอ่โอมมีให้ผมเลยสักคน ก็แค่รู้จักผิวเผินทั้งที่อยู่ในห้องเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ต่างกับธาตุอากาศที่ทุกคนมองข้าม พยายามทำดีเท่าไรก็ไม่เคยมีใครสนใจ จนถึงวันนี้วันที่คนๆหนึ่งหยิบยื่นคำว่า “เพื่อนแท้” มาให้กับผม ทุกอย่างที่มันทำให้กับผม เป็นสิ่งที่เพื่อนเพิ่งกระทำต่อเพื่อนด้วยกัน ถึงจะมีไอ่โอมเป็นเพื่อนคนเดียว ผมก็ไม่หวังอะไรเกินตัวไปมากกว่านี้แล้ว
 
“อ๊ะ กินของกูก็ได้” โอมดันจานข้าวไปให้ร่างบางที่นั่งกุมหน้าท้องตัวเองอยู่ตรงหน้า
 
“แล้วเมิงล่ะ” ร่างบางอั้มอึ้ง เพราะความเกรงใจคนตัวสูง
 
“เดี๋ยวกูไปซื้อใหม่เอง แดรกไปเหอะ” เออ แดรกก็แดรก แถวบ้านนี่มันเรียกว่าพูดดีๆแล้วรึไงว่ะ (แถวบ้านมันก็บ้านผมนั่นแหละ) แล้วมันก็เดินหายไปกับคลื่นมนุษย์ที่หลั่งไหลมาเติมพลังช่วงพักกลางวันก่อนจะไปเจอศึกหนักในห้องเรียนต่อ
 
    แต่ทว่าร่างบางที่ไปทำหัวใจของอีกคนสั่นไหวอย่างไม่ได้ตั้งใจ กลับลืมความทรงจำดีๆระหว่างเขากับบอลจนหมดสิ้น ทิ้งให้บอลได้แต่มองคนตัวเล็กเดินคู่ไปกับโอมห่างๆ ภายในใจมันเหมือนถูกบับรัดแน่นจนแทบจะไม่อยากมองเวลาที่เห็นหน้าใสๆที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นเป็นของคนอื่นไม่ใช่เขา!!
 
    นัยน์ตาคมที่เหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ไม่ห่างเขาเยื้องๆอยู่เกือบตลอดเวลา ข้าวในจานที่ยังคงเหลือปริมาณเท่าเดิม ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้แตะอาหารตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มันแปลกที่เขาต้องรู้สึกเจ็บปวดเวลาที่เห็นคนตัวเล็กทั้งพูดคุย รอยยิ้มแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง ความรู้สึกต้องการและโหยหาแต่ไม่สามารถครอบครองได้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
“เห้ย ไอ่บอลเป็นเชี่ยไรว่ะ ทำไมไม่กินข้าว” เสียงเคนที่ทักขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เขาละสายตาจากคนตัวเล็กที่นั่งกินข้าวเพียงลำพังในเวลานี้ แล้ววันนี้หมอนั้นก็ไม่ได้มานั่งข้างกายเขา แล้วไง มันไม่ได้มีค่ากับเขามากขนาดนั้นซะหน่อย ไม่เห็นจะต้องแคร์อะไรเลยนี่ แต่ทำไม... (บอล)
 
“ไอ่บอล เมิงเป็นอะไรรึเปล่าว่ะ” เคนเปลี่ยนน้ำเสียงเพราะเริ่มจะห่วงบอลขึ้นมาจริงๆ ดูจากสีหน้าของเพื่อนของเขา สีหน้าที่ดูโศกเศร้าปานจะขาดใจถึงแม้ร่างสูงจะไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา แต่เขารู้จักคนตรงหน้านี่มาตั้งแต่เด็กย่อมรู้อยู่แล้วว่า คนที่แข็งแกร่งดั่งผาหินตรงหน้าเขาต้องกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ในใจแน่ๆ แต่ว่ามันอะไรกันละ ที่ทำให้คนอย่างไอ่บอลเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ (เคน)
 
“เออ ไอ่เคน ไอ่โอมกับไอ่เกี๊ยวมันญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไร เห็นไปไหนด้วยกันตลอดเลยว่ะ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคำถามนั้นเหมือนกับกรีดแทงหัวใจของอีกคนที่ฟังอยู่ทั้งเป็น บอลกำมือแน่น ภาพตรงหน้าที่ปรากฏ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง คนสองคนกำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
 
“ไม่รู้ว่ะ” เคนส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันไปมองบอลอย่างห่วงๆ อย่างไอ่โยมันก็คงไม่สังเกตหรอก ก็ไอ่บอลมันเก็บอารมณ์เก่งยิ่งกว่าใครซะอีก หน้าตายยังงั้นถ้าไม่รู้จักมันจริงก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
 
“ไอ่บอล เมิงเป็นอะไรว่ะ เห็นนั่งเงียบตั้งนานแล้วนะเว้ย” สายตาเย็นชาแต่ภายในมันกลับเจือปนด้วยความเศร้าหมองอย่างคนสิ้นหวัง ทำเอาโยอดถามเพื่อนของตนด้วยความห่วงใยไม่ได้เหมือนกัน   
 
“...” ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย ร่างสูงยืนขึ้นแล้วลุกออกจากที่นั่งไปเฉยๆโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
 
“เฮ๊ย...ไอ่บอลเดี๋ยวก่อน” โยทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไปตาม แต่เคนรั้งแขนไว้ก่อน
 
“ปล่อยมันไปก่อนเหอะว่ะ” เคนพูดพลางมองตามแผ่นหลังแกร่งที่หายลับกับไปฝูงชน โยมองหน้าเคนอย่างรับรู้ ถึงจะเป็นห่วงเพื่อนของตนที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมากแค่ไหน แต่การปล่อยให้เจ้าตัวอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะคนอย่างบอลมันคงจะทำให้อะไรดีขึ้น
 
    นัยน์ตาสีนิลจมอยู่กับความมืดมิดที่ไร้ทางออก ดวงหน้าคมซบกับมือแกร่งของตัวเอง ตอนนี้เขาเหนื่อยเต็มที ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาแทบจะควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ เสียงพูดคุยที่ดังอยู่รอบกายแต่ภายในใจของเขามันกลับเงียบงันและอ่อนล้าจนไม่อยากจะเดิน จะพูด หรือแม้แต่จะลืมตา เพื่อมองภาพของคนที่เขาเคยได้ใกล้ชิดไปมีความสุขกับคนอื่นงั้นเหรอ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเผลอใจไปกับหน้าหวานๆนั้น ตั้งแต่เมื่อไรที่เขากลายเป็นคนอ่อนแบบนี้
 
   ร่างสูงหลับตาลึกเพียงเพื่ออยากจะลืมความปวดร้าวที่ถาโถมเข้ามาไม่ยั้ง แต่ภาพของคนตัวเล็กยังคงเด่นชัดภายในจิตใต้สำนึกของเขา ก็เพิ่งจะรู้ว่าที่เขาชอบแกล้งคนตัวเล็กนักหนา มันไม่ใช่เพราะความสะใจที่เขาคิดมาตลอดแต่มันกลับเป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นมา เวลานี้มันก็คงสายเกินไปแล้ว

"สำหรับเมิง กูก็เป็นแค่ไอ่เลวที่เมิงเกลียดมากใช่มั้ย" เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคมถูกเคลือบได้น้ำสีใส แต่คนตัวสูงกลับยังข่มความเสียใจเอาไว้ได้ดี แม้ในตอนที่กำลังเจ็บจนร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาก็ไม่มีวันแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ถึงข้างในมันจะเปราะบางเพียงใดก็ตาม

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 26-04-2009 22:04:22
เฮ้อ....

ชีวิต
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 26-04-2009 22:17:13
ส่อแววรักสามเส้าซะแล้ว

เศร้าจริงๆ ไม่รูจะเชียร์ใครดี


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 26-04-2009 22:31:56
มอบแต้ม+ ที่ 19 แทนคำขอบคุณคร้าบ
***
สงสารบอลคร้าบ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 26-04-2009 22:48:49
ยังงัยก้เดาไม่ออกอยู่ดีว่าใครจะเป็นพระเอกของเรื่องนี้

เอ๊ะ....หรือว่าเราจะคิดมากไปหน้อ....

ปล. แอบสงสารบอลอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้เชียร์โอมซะทีเดียว...

อย่างงี้เรียกจับปลา 2 มือได้รึป่าวค้า...สรุปเลือกไม่ได้ขอ 3p เลยดีกว่า ^^~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 26-04-2009 23:01:15
ยังสามเส้าอยู่เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 26-04-2009 23:20:51
นายบอลอย่ายอมแพ้นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-04-2009 15:01:27
บอล เอาใหม่นะ สู้ๆๆ ทำตัวดีๆ นะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 27-04-2009 16:37:00
ก็นะ ชอบเค้าแต่ก็ไปแกล้งเค้าซะหนักเลยนี่บอล

เข้าใจคนอย่างเกี๊ยวนะ ปกติก็เป็นคนที่ต้องการเพื่อนอยู่แล้ว ยิ่งมีใครมาทำดีด้วย มาแสดงตัวว่าอยากเป็นเพื่อนด้วยเนี่ย ก็ย่อมสนใจคนๆนั้นมากขึ้นเป็นธรรมดาอะิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 27-04-2009 18:18:43
บอลสู้ๆๆ...............
ใช่ฉากตบจูบเลยๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 27-04-2009 20:33:53
เด๋วบอลมันลากเกี๊ยวไปทำเมียแน่ๆ ชัวร์  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mazinga ที่ 28-04-2009 11:03:20
เชียร์โอมๆๆ   :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 28-04-2009 21:34:34
สามพีไปเลย อ้าากกกกกก

อยากได้สามพี  :jul1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 30-04-2009 00:48:32
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 01-05-2009 14:16:35
 :call:
มอบแต้ม+ ที่ 21 ...
โอม...จงมาต่อ
***
ขอบคุณคร้าบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 01-05-2009 16:19:32
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 01-05-2009 18:22:09
ตอน 11
พลั่ก... ตุบ ~!!
 
“เหี้ย ใครถีบกูว่ะ” ผมด่ากราดไปก่อน ก็ไอ่เชี่ยไหนไม่รู้มาถีบผมตกเตียง คนกำลังหลับสบายๆทำไมต้องมาเป็นมารคอหอยกูด้วยว่ะเนี่ย
 
“เออ กูเนี่ยแหละถีบเมิง” ผมมองไอ่เปรตที่ยืนคุมเชิงอยู่บนเตียงของผมด้วยสายตาเคืองๆ มือก็ลูบหลังตัวเองที่เอาลงมาจากเตียงชนิดที่ว่าไม่ได้ตั้งตัว มันก็เลยเจ็บโครตๆ ไม่เอาให้หลังกูหักไปเลยว่ะไอ่ห่านิ
 
“เวรเอ๊ย ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วยว่ะ” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปด ก็มันถีบผมตกเตียงซะหลังแทบแอ่นขนาดนี้ ผมไม่เผลอชกหน้ามันก็ดีเท่าไรแล้ว
 
“กูเรียกเป็นชาติก็ไม่เห็นเมิงตื่นสักที ไม่ต้องพูดมาก รีบไปอาบน้ำ ถ้า 5 นาทีเมิงยังไม่เสร็จ รับรองว่าเมิงเจ็บตัวยิ่งกว่าตอนตกเตียงแน่” แล้วมันก็กรีดยิ้มตามฉบับตัวร้ายในละครมาให้ผม นี่เมิงเป็นพ่อกูรึไงว่ะ
 
“เออๆ รู้แล้วน่า” ร่างเล็กเดินอิดออดเข้าไปในห้องน้ำโดยดี เจ็บตัวแต่เช้าเลยกู
 
    แล้ววันนี้ก็นับเป็นครั้งแรกในรอบประสบการณ์หายใจ 11 ปี ที่ผมแหกขี้ตาตื่นมาทันขึ้นรถ ท้องฟ้าสีเทาอมส้มทำเอาคนมองด้วยตาละห้อยถึงกับคอตกก่อนจะหาววอดด้วยความง่วง มันต้องมีใครเคลือบยานอนหลับที่เปลือกตาผมแน่ๆเลย ตอนนี้ผมก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว
 
“นี่ขนาดยืนเมิงก็ยังหลับได้เนอะ นับถือจริงๆเลยว่ะ” มือหนาขยี้หัวคนตัวเล็กจนยุ่ง ก่อนจะลากคอเล็กขึ้นรถนักเรียนคันใหญ่ที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า
 
   คนตัวเล็กที่กำลังงัวเงียอย่างคนไม่ตื่นดี แล้วยังจะแขนหนักของโอมที่พาดบ่าของเขาอีก เจ้าตัวก็เลยลืมไปว่า มีใครอีกคนหมายหัวเขาอยู่
 
“เดี๋ยว ไอ่ก้าง” เสียงทุ้มต่ำที่เยือกเย็นเอ่ยเรียกใครบางคน ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก ดวงหน้าหวานค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่ยืนผงาดอยู่ด้านหลัง กูชื่อเกี๊ยวว้อย ทำไมชอบเรียกว่า ก้าง ฟ่ะ
 
“อะ...อะไร” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น ผมละกลัวจริงๆสายตาที่เย็นชาแบบนั้น
 
 “รู้ไม่ใช่เหรอว่าเมิงต้องนั่งตรงไหน” หึ ถึงเมิงมันจะสนิทกับไอ่โอมแค่ไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องกูอยู่แล้ว แต่กูไม่ยอมให้ใครเหยียบหน้ากูง่ายๆหรอก อะไรที่กูเคยพูดไปแล้วก็ไม่มีใครขัดได้ทั้งนั้น (บอล) /เข้าใจว่าลูกผู้ชายหยามกันไม่ได้ แต่ที่ทำไปเพราะหึงด้วยรึเปล่า?/
 
“ก็...” ไม่ทันที่จะได้เถียงอะไร ผมก็โดนฉุดลงไปนั่งข้างๆไอ่บอล
 
“เฮ๊ย ไอ่เชี่ยบอล ไอ่เกี๊ยวไม่อยากนั่งทำไมต้องบังคับมันด้วยว่ะ” ไอ่โอมขึ้นเสียงจนคนทั้งรถหันมามอง ผมยังไม่เคยเห็นมันบ้าเลือดขนาดนี้มาก่อนเลย น่ากลัวชริปหาย
 
“เมิงไม่รู้อะไร ก็อย่าเสือก” ร่างสูงเอ่ยสั้น น้ำเสียงทุ้มยังคงเรียบนิ่ง ท่าทางยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม
 
   มีเพียงเสียงลมพัดมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่เท่านั้น คนตัวเล็กมองหน้าโอมพลางขอร้องให้เขาไปก่อนที่จะได้นองเลือดขึ้นมา ยิ่งไอ่บอลแมร่งเลือดร้อนอยู่ด้วย ความอดทนต่ำๆอย่างมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกมาเมื่อไร
 
“เมิงไปนั่งข้างหน้าเหอะว่ะ” ผมพูดอ้อมๆ หวังว่าไอ่โอมมันคงเข้าใจ
 
“ล่ำลากันเสร็จรึยังล่ะ” ไอ่บอลพูดประชดประชันคนตัวเล็ก ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าบอลใช้มือรั้งเอวเล็กของอีกฝ่ายแน่น จนแทบไม่กล้าขยับไปไหน 
 
   สุดท้ายไอ่โอมมันก็ทิ้งผมให้นั่งกับไอ่เชี่ยบอลที่เบาะหลังจนได้ ไม่คิดจะช่วยกูจริงๆอ่ะ ไม่รู้ไอ่บอลมันเป็นอะไรของมัน กอดเอวผมซะแน่นกลัวกูจะหนีขนาดนั้นเลยรึไงว่ะ ร่างบางได้แต่นั่งหน้าบึ้งมาตลอดทาง บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบเอามากที่ถูกกระทำแบบนั้น
 
ปึก... ก่อนลงรถไอ่บอลมันก็โยนกระเป๋านักเรียนหนักๆของมันมาให้ผมอีก 1 ใบ แค่แบกกระเป๋าของตัวเองผมก็แทบจะหลังหักอยู่แล้วต้องมาแบกกระเป๋าของมันด้วย คิดดูสิ ไอ่แห้งอย่างผมมันก็ไม่ต่างจากมดงานที่แบกน้ำตาลเลยสักนิด ทำไงได้ ผมเป็นเบ้ของมันนิ ผมรู้ดีว่าผมอยู่ในฐานะอะไร คงไม่อาจหาญไปตีเสมอเป็นเพื่อนมันหรอก
 
“ไมเมิงต้องไปแบกกระเป๋าให้ไอ่บอลด้วย กูไม่เห็นเข้าใจเลย” จู่ๆไอ่โอมมันก็ยิงคำถามที่ผมไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไรนัก
 
“เรื่องมันยาวว่ะ กูขี้เกียจเล่า” ผมตอบปัดๆ เหนื่อยก็เหนื่อย แถมตะกี้ยืนตากแดดเข้าแถวตั้งนาน ตัดกำลังผมไปเยอะเลยแหละ ไม่มีอารมณ์มาอธิบายอะไรให้มันฟังตอนนี้แล้ว
 
ปึก... รอบที่สองที่ผมโดนประทะอย่างแรง คนตัวสูงเดินผ่ากลางชนิดที่ผมกับไอ่โอมเซกันไปคนละทางเลย กระเป๋ามันก็เลยหลุดมือหนังสงหนังสือตกกระจายเกลื่อน ซิปกระเป๋ารั่วรึไงว่ะเนี่ย เจ็บตัวอีกจนได้
 
“เฮ๊ย ไอ่บอลเมิงเดินยังไงของเมิงว่ะ” ไอ่โอมเดินไปกระชากคอเสื้อของไอ่บอล ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย ผิดกับอีกคนที่มีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
 
“หึ” ร่างสูงแสยะยิ้มคล้ายกับจะเยาะเย้ย ก่อนจะใช้มือแกร่งปัดมือของอีกคนที่ดึงคอเสื้อของเขาออกอย่างง่ายดาย บอลหันหลังกลับไปอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“เดี๋ยว เมิงต้องขอโทษพวกกูก่อน” ชริปหายแล้ว ไอ่โอมแมร่งก็ดันทุรังไปยืนขว้างไอ่บอลอีก กูไม่อยากเห็นใครวางมวยตอนนี้ว้อย
 
“กูก็ไม่เห็นว่าไอ่ก้างนั่นมันจะว่าอะไรนิ” สรรพนามที่ไอ่บอลมันใช้เรียกผมดูขัดๆหูไปบ้าง แต่ระยะหลังๆไม่ก็ไม่เคยได้ยินมันเรียกชื่อผมจริงๆสักครั้ง กูคงไร้ค่าสำหรับเมิงมากเลยใช่มั้ย
 
   ร่างบางได้แต่ก้มหน้างุดพลางสั่นหัวเบาๆ ตอนนี้ผมก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของไอ่บอล มันจะบีบผมให้ตายคามือมันแล้วไง ผมก็ขัดขืนมันไม่ได้อยู่แล้วนิ ผมไม่เคยลืมบุญคุณคนอยู่แล้ว
 
“เห็นมั้ย ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไรเลยนิ เมิงอย่ามาขว้างทางกูดีกว่า” บอลผลักหน้าอกโอมที่ยืนตรงหน้า ก่อนจะแทรกตัวผ่านไปอย่างไม่ใยดี
 
   ไอ่บอลคนเดิมที่ผมรู้จักมันหายไปไหน มีแต่คนที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ ผมยอมรับว่าแต่ก่อนมันชอบแกล้งผม ก็แค่การแกล้งเล่นธรรมดาที่ผมชินไปแล้ว ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่ามันเกลียดผมมากกว่าเดิมล่ะ เพราะทุกอย่างที่มันทำเหมือนกับมันไม่เคยแคร์ผม เรื่องดีๆของมันกับผมเหมือนกลับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ผมยังจำได้ดีว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผิดกับตอนนี้สายตาที่มันมองคล้ายกับว่าผมเป็นตัวอะไรสักอย่างสำหรับมัน
 
“มันเกิดอะไรกันแน่ บอกกูมานะเว้ย” ไอ่โอมจับมือผมแน่นก่อนจะเขย่าตัวแรง ร่างบางไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นเอาแต่เก็บสมุดที่กระจายเต็มพื้นเข้ากระเป๋าอย่างคนที่ไร้สติ
 
“ตอบมาดิว่ะ เออ...ใช่สิกูไม่ใช่เพื่อนเมิงนิ เมิงถึงไม่ยอมบอกกู” อย่าเอาเรื่องปมด้อยกูมาเป็นประเด็นสิว่ะ กูก็มีเมิงเนี่ยแหละเป็นเพื่อนคนเดียว
 
“เห้ย เดี๋ยวดิว่ะ บอกก็ได้” คนตัวเล็กรีบคว้าแขนของร่างสูงที่ทำท่าเหมือนกับว่าจะเดินจากไป โอมหันมาจ้องอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบที่ค้างคาใจมานาน ดูเหมือนจะสร้างความกดดันให้ร่างเล็กอยู่ไม่น้อย
 
“คือว่า... วันนั้นกูไปตกปลากับไอ่โยแล้วตกน้ำ ไอ่บอลมันก็ช่วยกูไว้ กูก็เลย...” พอคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นก็พาลเอาคนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นมาซะดื้อๆ
 
“ก็เลยยอมให้มันโขกสับยังไงก็ได้งั้นเหรอ” ไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรต่ออีก คนตัวสูงกลับพูดขึ้นแทรกแต่น้ำเสียงดูเปลี่ยนไปคล้ายกับว่ากำลังโมโหอยู่มาก
 
“...” คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาเพื่อนของตน
 
“นี่มึงโง่รึว่ามึงบ้ากันแน่ว่ะ ถ้ามันสั่งให้มึงไปตายมึงจะทำมั้ยล่ะ” แล้วทำไมมันต้องมาโกรธใส่ผมด้วย ถ้ามันสั่งให้ผมไปตาย ถ้ามันต้องการยังงั้น ผมคงจะทำ จริงอย่างที่ไอ่โอมมันบอกผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
 
“อย่าลืม ว่ากูก็เคยช่วยมึงเหมือนกัน” ร่างสูงเอ่ยเน้นทุกถ้อยคำหนักแน่น ขณะที่มือหนาดึงกระเป๋าของคนตัวเล็กไปแบกไว้เองก่อนจะเดินหนีไปทิ้งให้ร่างบางยืนนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
 
   ใช่สิ ไอ่โอมมันก็เคยช่วยผมไว้ที่ตลาดครั้งหนึ่งแต่มันไม่เหมือนกับตอนที่ไอ่บอลช่วยผมเลยสักนิด มันไม่เหมือนกัน คล้ายกับร่างบางจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจความรู้สึกของตนเองในตอนนี้ ที่เขาทำได้ก็แค่ทำตามที่หัวใจของเขาบอกเท่านั้น
 
“ไอ่เคน มึงเห็นไอ่ก้างป่ะว่ะ” บอลถามเคนด้วยน้ำเสียงที่ดูฉุนเฉียวเล็กน้อย
 
“ไม่เห็นว่ะ” เคนตอบ พลางจ้องหน้าร่างสูงไม่วางตา เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
 
“สัด แมร่งหายหัวไปไหนว่ะ ไอ่โยแล้วมึงอ่ะ เห็นไอ่แห้งนั่นมั้ย” เมื่อถามอีกคนก็ไม่ได้เรื่องเขาจึงหันมาถามโยที่นั่งกินลูกชิ้นอยู่ด้านหลัง
 
“กูเห็นมันเดินไปทางห้องสมุดอ่ะ” โยตอบ พลางยัดลูกชิ้นใหญ่ๆเข้าปากอย่างชำนาญ
 
“เออๆ” มารู้สึกตัวอีกทีว่าตนกำลังถูกลูกน้องจ้องตาไม่กระพริบ ร่างสูงจึงทำท่าคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจร่างบางที่พูดถึง ทั้งที่ภายในใจเขาอยากจะออกไปตามหาเกี๊ยวเต็มที
 
   ตั้งแต่ที่ไอ่โอมมันเริ่มสนิทกับไอ่เกี๊ยว ท่าทางของไอ่บอลมันก็ดูแปลกไป ถ้าสังเกตดีๆผมเห็นมันชอบมองไอ่เกี๊ยวเกือบจะตลอดเวลา ไอ่อาการแบบนี้มันเดากันไม่ยากหรอก อยู่ที่ว่าไอ่บอลมันจะเก็บอาการได้ดีแค่ไหน คำว่า หึง คงน้อยไปสำหรับมันแล้วล่ะ มันเป็นอาการที่ว่า หวง ด้วยมากกว่า (เคน) เคนนั่งคิดไปไกลจนเผลออมยิ้มบางๆออกมา
 
“มึงยิ้มอะไรว่ะ อะ เอ่อ เดี๋ยวกูไปเยี่ยวแปบ” คนที่ถูกจ้องแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ สายตาคมก็เอาแต่มองไปข้างนอก ร่างสูงพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้ ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากห้องเรียนในช่วงพักกลางวัน
 
   ถ้าไอ่เกี๊ยวมันไปอยู่ที่ห้องสมุดตอนนี้ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะผมเอาการบ้านของผมไปให้มันทำทั้งหมดนิ ตอนนั้นเป็นห่าอะไรไม่รู้ เผลอขู่มันไปว่าให้ทำให้เสร็จวันนี้ ไม่รู้ว่าผมจะบังคับมันเกินไปรึเปล่า เพราะงานที่ผมเอาไปให้มันทำมีทั้งของไอ่เคนกับไอ่โยรวมอยู่ด้วย ป่านี้จะเป็นลมเป็นแล้งตายคาห้องสมุดแล้วมั้งเนี่ย (บอล)
 
   ยิ่งคิดกลับทำเอาคนตัวสูงใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ เขาพาตัวเองตรงไปยังห้องสมุดไวเท่าความคิดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงห่วงร่างบางได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนหยิบยื่นความเจ็บปวดนั้นไปให้คนตัวเล็กแท้ๆ

 
   เขาใช้เวลาไม่นานนักจนพาตัวเองมาถึงห้องสมุดได้ กลิ่นหนังสือที่คลุ้งกระจายอยู่ทั่วไป ไม่ค่อยถูกจมูกของคนตัวสูงเท่าไรนัก เสียงหอบดังในลำคอที่แห้งผาดจากการวิ่ง ร่างสูงหยุดมองบรรณารักษ์ที่สวมแว่นหนาเตอะตรงหน้า ซึ่งกำลังต่อว่าเขาด้วยสายตา
 
   บอลหยุดหายใจก่อนจะก้าวฉับเข้าไปในห้องสมุด กองหนังสือมากมายที่วางอยู่บนชั้นหนังสือสูงจนติดเพดาน ช่องทางเดินที่แคบมากจนสามารถเดินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำเขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย นัยน์ตาคมกวาดไปรอบๆ หวังใจว่าจะเจอคนที่เขาตามหาสักที
 
“โอ๊ย... เมื่อยโว้ย” เสียงพึมพำดังไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ ร่างสูงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินคับแคบ แถมยังต้องคอยหลบกองหนังสือที่วางเกลื่อนบนพื้นที่แทบจะไม่มีทางสำหรับให้เท้าของเขาก้าวผ่านไป เขาจำเสียงนั้นได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะเบามากก็ตามเถอะ
 
    คนตัวสูงซ่อนตัวเองไว้ข้างหลังชั้นหนังสือที่สูงตระหง่าน นัยน์ตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ระหว่างซอกชั้นหนังสือ เกี๊ยวก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่หนังสือหลายเล่มถูกกางเปิดรอบๆกาย อากาศในนี้ร้อนแล้วก็เหม็นอับนิดๆ พัดลมเพดานเก่าที่ทำงานอยู่ด้านบนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ที่พอจะทำให้อากาศถ่ายเทได้บ้างก็ตรงที่มีหน้าต่างนั่นแหละ
 
   ความจริงเขาอยากจะเดินไปหาเกี๊ยว อยากจะพูดให้เข้าใจว่าที่เขาทำไปทั้งหมด มันก็แค่เรื่องไร้สาระที่เขาไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบที่เขาปล่อยให้มันทำลายความสัมพันธ์ของเขา มันโง่มากใช่มั้ยที่ทำแบบนั้น มันก็แค่ทำให้เกี๊ยวเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้นเอง
 
“เอ๊ะ” ตะกี้เหมือนผมจะเห็นอะไรแว๊บๆตรงหัวมุมชั้นวางหนังสือแฮ่ะ สงสัยจะทำการบ้านเยอะจนตาลายละมั้ง ผมจัดการหักนิ้วของตัวเองเพื่อคลายความเมื่อยล้า ล่อนั่งเขียนมาเกือบ 3-4 ชั่วโมงถ้านับที่แอบทำในห้องอีกนะ นิ้วมือผมแทบจะยืดกลับออกมาเหมือนเดิมไม่ได้เลย
 
   หลังจากนั่งหักนิ้วตัวเองเล่นเพลินๆไปได้สักพัก ผมก็ต้องกลับมามุ่งมั่นทำงานให้เสร็จเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าไอ่บอลมันจงเกลียดจงชังอะไรผมนักหนาถึงได้รังควานกันไม่เลิกยังงี้ ขนาดหมาที่บ้านผมยังมรรยาทดีกว่ามันด้วยซ้ำ ชิ คิดแล้วมันก็น่าโมโห คนอะไรเดาใจยากชะมัด
 
   ต่างคนก็ต่างคิดว่าเป็นฝ่ายถูกรังเกลียดทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ บอลได้แต่ซ่อนตัวอยู่หลังชั้นหนังสือ ถึงเกี๊ยวจะไม่รู้ว่าเขาไม่เคยเกลียดคนตัวเล็กได้เลยสักนิด ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งเงียบๆโดยมีแค่ตู้ไม้ที่มีหนังสือวางเรียงกั้นกลางระหว่างเขากับเกี๊ยว แม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่ามีใครอีกคนที่ยังคอยนั่งเป็นเพื่อนเขาในตอนนี้ก็ตาม         
 
“เหี้ยบอล เมิงไปเยี่ยวรึว่าเมิงไปทำส้วมใหม่ให้โรงเรียนว่ะ” โยด่ารับขวัญตั้งแต่เห็นหน้าร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
 
“ทำส้วมบ้านมึงเด๊ะ” บอลไม่พูดเปล่าพลางตบง่อน (ท้ายทอย) โยซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะนักเรียน 1 ที
 
“อะไรว๊า...” โยตัดพ้อ ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ บอลนั่งลงตรงเก้าอี้ของตน สักพัก นัยน์ตาคมก็เหลือบเห็นเกี๊ยวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอิดโรย
 
   เขารีบเดินออกมาตอนเกี๊ยวกำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยถ้าเกี๊ยวจะเดินตามเขามาติดๆ แขนเล็กหอบสมุดหลายเล่มพะรุงพะรัง ปอยผมสีนิลเปียกชุ่มลู้ลงมาตามโครงหน้าเนียนเป็นกลีบๆเนื่องจากความร้อนจนเกิดเหงื่อมากมาย
 
“ไอ่เอ็ม กูฝากส่งการบ้านเลขด้วย” ผมปล่อยกองหนังสือที่หอบมาจากห้องสมุดลงบนโต๊ะไอ่เอ็มอย่างแรง ก็แขนผมตอนนี้มันก็แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว
 
“ได้...” ไอ่เอ็มตอบกลับมาน้ำเสียงเย็นและยานเนิบอย่างเคย ผมนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง โชคยังดีว่ามีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่งั้นผมต้องร้อนตับแตกตายโหง บอลลอบมองร่างบางด้วยหางตาเป็นระยะๆ อาการแสดงออกมาว่าไม่สนใจแต่ลึกๆแล้วเขากลับห่วงเกี๊ยวอยู่มาก
 
   ตั้งแต่ตอนเช้าผมก็ยังไม่ได้คุยกับไอ่โอมอีกเลย ตลอดคาบมันก็เอาแต่นั่งเงียบ ผมก็ไม่รู้จะชวนมันคุยอะไรดี หรือมันอาจจะโกรธผมก็ได้ แล้วกูจะง้อยังไงว่ะ เกิดมาก็เพิ่งจะมีมันคนแรกเนี่ยแหละที่ผมต้องเป็นฝ่ายไปง้อมัน ก่อนนั้นมันจะนั่งข้างหน้าผม แต่ตอนนี้มันย้ายมานั่งข้างๆผมแล้ว
 
   กลายเป็นว่าผมเป็นพวกถ้ำมองไปซะยังงั้น ผมก็แอบมองมันบ่อยๆหาจังหวะที่มันอารมณ์ดี แต่ไอ่เชี่ยนิมันก็ไม่ยอมหันมามองผมมั้งเล้ย เอาแต่มองกระดาน กูเพื่อนมึงนั่งอยู่ตรงนี่นะโว้ยย จะงอนไปถึงไหน แล้วผมก็พยายามนั่งคิดอยู่ว่ามันโกรธผมเรื่องอะไรกันแน่?
 
“โอมๆ เก็บยางลบให้กูหน่อย” ผมเอานิ้มจิ้มแขนสะกิดมัน ไอ่โอมก็หันมาจริงๆแต่มันกลับทำหน้าตาย เหมือนยังจะโกรธผมจริงแฮ่ะ
 
“เก็บยางลบให้กูหน่อย ใต้โต๊ะมึงอ่ะ” พอมันมองผมเยอะเข้ามันรู้สึกแปลกๆไงก็ไม่รู้ แต่มันก็ยอมก้มลงไปใต้โต๊ะเพื่อเก็บยางลบให้ผม โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
 
“ไหนว่ะ” จนแล้วจนรอดมันก็ยอมพูดกับผม ฮ่าๆ ดีใจเหมือนถูกหวย มันเงยหน้ามาพูดกับผมขณะที่กำลังคลานหายางลบให้ผมอยู่ที่พื้น
 
“อ้าว ตะกี้กูเห็นอยู่ใต้โต๊ะมึงเลยนิ ตาถั่วรึไงว่ะ” ผมเลยแกล้งบ่นมันไป แล้วก็ลงไปช่วยมันหาอีกแรง ไอ่ห่านี่มันเงียบอีกแร่ะ
 
“ไอ่โอม มึงโกรธกูเหรอ” สุดจะทนแล้วครับ ผมเลยถามมันไป เราทั้งสองคนอยู่ในท่าคลานใต้โต๊ะไม้
 
“...” มันไม่ตอบ แล้วก็ทำท่ามองหายางลบของผมต่อไป
 
“เฮ๊ย ถามก็ตอบดิว่ะ” ผมคว้าเศษกระดาษแถวนั่นมาปาใส่มัน โดนหัวด้วย ถือเป็นกำไรเล็กๆน้อยๆไปในตัว
 
“เปล่า” มันมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะตอบ
 
“เปล่า ถ้าเปล่าแล้วทำไมมึงถึงไม่พูดกับกู” ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ผมไม่ยอมเสียเพื่อนดีๆไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก
 
“มึงห่วงความรู้สึกคนอื่นด้วยเหรอ” มันพูดประมาณว่าประชด
 
“ก็เพราะเป็นมึงไง ไอ่ฟายเอ๊ย” ว่าแล้วผมก็หลอกด่ามันอีก 1 ทีเพื่อความสะใจ กูไม่ห่วงมึงแล้วจะให้ไปห่วงหมาที่ไหนเล่า ก็มันเป็นเพื่อนคนเดียวของผมในตอนนี้นิ   
 
“...” มันเงียบไปสักพัก
 
“ไหนยางลบมึงว่ะ แมร่ง หาเท่าไรไม่เห็นจะเจอเลย” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้ มันรู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ ก็เพราะเป็นผม ไอ่เกี๊ยวมันห่วงความรู้สึกของผมจริงๆใช่มั้ย (โอม)
 
“น่านดิ หายไปไหนแล้วว่ะ” อันที่จริงผมไม่ได้ทำยางลบตกมาหรอก ก็แค่กะจะหาเรื่องคุยกับมันเท่านั้นแหละ มุขตื้นๆที่อยู่ในช่วงทดลองใช้   
 
“นี่ เธอสองคนน่ะ ลงไปทำอะไรข้างล่างห๊ะ” ผมเงยหน้าหันไปตามเสียงดุๆ คุณครูแกยืนโด่อยู่ข้างหลังผมกับไอ่โอมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
 
“ปะ เปล่าครับ” คำแก้ตัวสั้นง่ายได้ใจความมักหลุดจากปากผมไปก่อนเสมอ มันพูดบ่อยจนติดปากไปแล้ว
 
“ครูว่าพวกเธอน่าจะตั้งใจเรียนได้แล้วนะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบอยู่แล้ว พวกเธอก็น่าจะรู้” แล้วผมกับไอ่โอมก็โดนครูเทศน์ยาว ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปตามระเบียบ
 
“ครับ” ผมกับไอ่โอมตอบพร้อมกัน ผมหันไปมองหน้าไอ่โอมแล้วก็ขำเบาๆกับมันสองคน ไม่รู้ว่าขำอะไรเหมือนกันแฮ่ะ
 
   จริงสิ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบแล้วก็ปิดเทอม ผมก็จะได้ตื่นสายๆซะที ในหัวคิดแต่เรื่องยังงี้ จะนอนแช่อยู่แต่ทั้งนอนจนถึงบ่ายเลยให้ดู ปิดเทอมก็มีแต่นั่งกินนอนกินไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องการบ้าน ที่แน่ๆผมไม่ต้องทนเจอหน้าไอ่บอลทุกวันด้วย
 
“คิดถึงสาวแก้ผ้าอยู่รึไงว่ะ นั่งอมยิ้มอยู่ได้” จู่ๆไอ่โอมมันทักขึ้นมาทำลายความสงบที่ผมกำลังคิดเพลินๆ
 
“เออ จะบ้าเหรอมึง กูก็แค่อยากให้ปิดเทอมไวๆเว้ย” ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
 
“ฮ่าๆ เออๆ เชื่อก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ไปหาไรแดรกดีกว่าป่ะ กูหิวจนตาลายแล้วเนี่ย” ไอ่โอมสะพายกระเป๋ายืนค้ำหัวรอผม
 
“กูก็กำลังรีบอยู่นี่ไงเล่า” ผมรีบยัดสมุดหนังสือเข้ากระเป๋า
 
    ผมกับไอ่โอมไปนั่งแดรกลูกชิ้น ข้าวเหนียวหมูปิ้งข้างหนามบอลรอเวลารถนักเรียนออก นับตั้งแต่ที่มันเดินเข้ามาในชีวิตผม (อย่างเป็นมิตร) อะไรๆมันก็ดูจะดีขึ้น ผมรู้สึกอบอุ่นไม่ว้าเหว่แบบแต่ก่อน
 
“เห้ย พ่อมึงมาว่ะ” ผมเห็นพ่อไอ่โอมควบมอไซด์มาแต่ไกล หนวดเฟริ้มๆกับรถมอไซด์คันโครตใหญ่ของพ่อมันนี่ เห็นแว๊บแรกก็ไม่ต้องเดาแล้ว ผมละนับถือพ่อมันจริงๆ คิดถึงสภาพตอนที่พ่อมันกำลังดูพระแล้วมันขัดๆกันแฮ่ะ
 
“เออ กูลืมไป วันนี้พ่อกูมาหาลูกค้าในเมือง” มันบ่นพึมพำห่าไรของมันไม่รู้ ผมก็ไม่ได้สนใจมัวแต่มองรถแต่งที่พ่อมันขับเพลินไปนิด
 
“โอม กลับบ้านลูก” แล้วพ่อมันก็กวักมือเรียกไอ่โอมที่นั่งข้างๆผม
 
“แล้วเจอกัน” ผมพูดกับมันพลางมองมอไซด์ของพ่อมันอย่างชื่นชมต่อไป ดูเหมือนคนแถวๆนั่นก็มองแบบเดียวกับผม เด่นซะขนาดนั้นนี่นา...
 
“อะไร มึงต้องกลับกับกูด้วย” แล้วมันก็ฉุดผมให้ยืนขึ้นด้วย เล่นเอาผมตกใจเหมือน
 
“ไม่ดีกว่าม้าง รถพ่อเมิงกูไม่กล้านั่งว่ะ กลัวโดนดักรุมยำตีน” แหม่ ดูหน้าพ่อมันกับรถก็กินขาดแล้ว วัยรุ่นเห็นมันคงเขม่นลูกหูลูกกะตามันน่าดู
 
“จะกลัวเหี้ยไรว่ะ มีกูอยู่ทั้งคน” มันพูดแล้วก็ลากผมเดินดุ่มๆไปหาพ่อมัน เห้ย กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปกับมึงอ่ะ
 
“พ่อ วันนี้ให้ไอ่เกี๊ยวมันกลับด้วยคนนะ” ไอ่โอมมันพูดกับพ่อมันครับ รู้ๆกันอยู่ว่ามันได้ความหล่อมาจากใคร
 
“อืม ขึ้นมาเลย” แล้วพ่อมันก็สวมหมวกกันน๊อคสีดำ ผมเห็นแล้วยังหมั่นไส้เล้ย... คันไม้คันมือซะเอง แต่พ่อมันแนวดีครับ ไม่เหมือนพ่อผม อยู่แต่ร้านไม่อยู่ร้านก็ตลาด เฮ้อ...
 
“ขึ้นไปดิ” ผมยังไม่ทันได้เถียงอะไร ก็ดันหลังผมปีนขึ้นรถ ไอ่โอมมันก็โดดขึ้นรถตามมา ด้วยความที่เป็นรถแต่งที่นั่งมันเลยดูแคบคับไปถนัดตา ยิ่งซ้อน 3 โอย...กูจะบ้าตาย ไอ่ผมก็ไม่กล้าไปนั่งเบียดพ่อไปโอมมันเยอะ น้าเค้าเป็นผู้ใหญ่ผมก็เกรงใจ นั่งรถเค้าไม่พอยังจะเบียดเค้าอีก มันคงรู้ว่าเย็นนี้ผมก็ต้องนั่งกับไอ่บอลอยู่ดี ผมก็นึกขอบใจมันเหมือนกันที่ชวนผม ขอบใจมากๆเลยว่ะ
 
   เสียงรถมอไซด์สตาร์ทดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เด่นโครตๆ แล้วพ่อไอ่โอมก็โชว์ลีลาควบรถมอไซด์ชั้นครูออกไป ผมหันไปมองหันฝุ่นตลบไกลๆอยู่ด้านหลัง ผมนั่งชิดจนหลังผมติดกับอกของไอ่โอมคิดดูเบียดกันแค่ไหน เสียงลมประทะผ่านมาจนผมชักจะเริ่มหูอือ ผมใช้มือจับข้างๆเบาะนั่งแน่น กลัวตกรถตายห่า จะกอดเอวพ่อไอ่โอมก็ใช่เรื่อง
 
   เหมือนไอ่โอมมันจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยิน สักพักมันก็เอามือมากอดเอวผม สงสัยมันคงจะกลัวเหมือนอย่างที่ผมกลัวล่ะมั้ง รักเพื่อนดีจังนะเมิง ประมาณว่าถ้ากูตกมึงต้องตกไปกับกูด้วย
 
“ขะ ขอบคุณครับ” ผมรีบกระโดดลงจากรถ ก่อนจะยกมือไหว้พ่อไอ่โอม นี่ผมคิดผิดคิดถูกที่ยอมซ้อนรถพ่อมันมาว่ะเนี่ย เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด
 
“เป็นเหี้ยไร หน้าซีดเชียวนะมึง” มันยังมีหน้ามาเยาะเย้ยผม มึงก็กลัวเหมือนกันละว่ะ กอดกูซะแน่นเลยนิ
 
“…” ผมแลบลิ้นให้มัน ขี้เกียจเถียงไม่งั้นยาวแน่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าบ้าน บ้านผมกับบ้านไอ่โอมอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวเลยมั้ง
 
   ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินข้าวตามปกติสุขเช่นทุกวัน แต่ไหงวันนี้พ่อกับแม่ดูเงียบๆแถมยังทำหน้าเคร่งยังกะคนหนีหนี้ไงงั้นแหละ
 
“พ่อวันนี้ไมตักข้าวให้เยอะจัง จะกินหมดมั้ยเนี่ย” ผมก็บ่นไปตามประสา แต่วันนี้พ่อตักข้าวให้ผมพูนจานเลย กระเพาะคนไม่ใช่กระเพาะควายนิหว่า...ผมว่าต้องเหลือชัวร์
 
“กินเยอะๆจะได้โตไวๆไง” พ่อพูดพลางเอามือลูบหัวผม
 
“หัดกินผักบ้างนะเรา” แล้วแม่ก็ตักต้มจืดใส่ในจานข้าวผม กลิ่นชักไม่ค่อยดีแล้วสิ (ใครตดว่ะ) พ่อกับแม่ต้องปิดบังอะไรผมอยู่แน่ๆเลย
 
   ผมก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าพ่อกับแม่มีเรื่องอะไรกัน ถามไปผมคงไม่ได้คำตอบอยู่ดี ก็พ่อกับแม่ลื่นไปเรื่อยๆยิ่งกว่าปลาไหลซะอีก รอจนกว่าใครสักคนหลุดปากบอกผมมาเองดีกว่า โดนเฉพาะแม่ ก็แกขาเมาท์เลยนี่นา... ไม่นานเกินรอแหงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้โว้ย
 
แกร็ก แกร็ก
 
   ผมขยี้ขี้หูขี้ตาลุกไปเปิดหน้าต่าง ก็ไอ่เวรที่ไหนไม่รู้มันปาหินใส่หน้าต่างห้องผม ถ้าหน้าต่างกูแตกมึงเจ็บ แสงไฟนีออนสีส้มๆจากถนนทำให้ผมเห็นไอ่โอมที่ยืนอยู่ข้างล่างทำท่าว่าจะปาหินมาอีก ซวยแล้วไง
 
“เห้ย” ผมเผลอร้องเบาๆ ก็ไอ่เชี่ยนิมันยังไม่ยอมหยุดปา เฉียดคิ้วผมไปนิดเดียวเอง
 
“สัด ปาไม่ดูกูเลยนะ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเกิดโดนหัวกูขึ้นมาจะทำไงว่ะ” ผมย่องลงบันได้ไปหามันที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
 
“เออๆ กูขอโทษมันมืดนี่หว่า กูมองไม่เห็นอ่ะ” เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกู ไม่เป็นไรหล่อให้อภัย เอ๊ย หล่อน้อยกว่าผมละกัน
 
“แล้วมึงเรียกกูทำไมว่ะ กำลังฝันหวานเลยแมร่ง” ผมเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับหาววอดบอกให้รู้ว่ากูง่วงจริง
 
“โด่ กูอุตส่าห์มาชวนมึงไปดูดาวตก ตกลงจะไปมั้ย” ไอ่โอมมันพูดแกมขู่
 
“ไปดิว่ะ แมร่ง ของงี้พลาดได้ไง” ไอ่เนี่ยมันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าเปิด วันไหนฟ้าปิด คืนไหนฝนตกแดดออกมันรู้หมด ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่มีมันเป็นเพื่อน ผมเลยได้เห็นของดี? ทั้งดาวตกและดาวที่ไม่รู้จักอยู่ บ่อยๆ
 
   ไปนอนรอสักพักก็มีดาวตกอย่างที่มันว่าจริง ผมเห็นแค่แปบเดียวเอง แต่ก็สวยดี ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆดาวดวงเล็กๆมันก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกันที่นอนดูมันส่องแสงแพรวพราวบนฟากฟ้าไกลๆแบบนี้
 
“เมื่อกี้มึงขอพรว่าอะไรว่ะ” ไอ่โอมมันหันมาถามผม
 
“เห้ย กูลืมขอพรว่ะ ดูจนเพลิน เสียดายเว้ย” แล้วผมก็เกิดอาการชักดิ้นชักงออยู่พักใหญ่
 
“ฮ่าๆ ไว้วันอื่นก็ได้ ช่วงนี้มีดาวตกบ่อย” แล้วมันก็หันหน้ากลับไปมองท้องฟ้าไกลๆเหมือนเดิม
 
“ว่าแต่มึงขอพรอะไรว่ะ บอกกูมั้งดิ” ผมถามมันอย่างอยากรู้อยากเห็นที่ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่าเสือกนั่นแหละ
 
“ไม่บอก ถ้าบอกพรกูก็ไม่เป็นความจริงสิว่ะ” อันนี้ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าอธิษฐานอะไรห้ามบอกกัน แต่อยากรู้นี่เอ้อ ห้ามกันได้ที่ไหน ถ้าขอพรกับดาวแล้วเป็นจริง ผมก็ชักอยากจะลองบ้างซะแล้วสิ
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 01-05-2009 19:16:14
 :3123:
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่คร้าบผม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 01-05-2009 19:20:14
ท่าทางโอมจะได้แค่ใกล้ตัว
แต่ไม่ได้ใกล้ใจอ่ะ


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 01-05-2009 20:21:39
โอมเอ้ย อดกินเกี๊ยวแหงๆ

ว่าแล้วก็ไปกินเกี๊ยวทอดดีฝ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: piggie ที่ 01-05-2009 21:10:10
พออ่านตอนนี้แล้วก็แอบเดาได้นิดนึงว่าไผ๋เป็นไผ๋ หุหุ

โอม.....ทำใจไว้แต่เนิ่นๆน้า

เด๋วไม่สมหวังแล้วจะเจ็บมากเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 01-05-2009 21:27:39
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gon_natt ที่ 02-05-2009 00:30:13
แง
เค้าอยากเชียร์โอมอ่ะ
แต่อ่านตอนนี้แล้ว.......
 :monkeysad:

รอตอนต่อไปนะค่ะ ^^ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: LoveNineTeen ที่ 02-05-2009 03:55:40
โอมเพี้ยง...สิ่งใดที่โอมขอพรไป ขอให้เป็นจริงที่เถอะ...สาาาาาาาาาธุ

ยกมือว่าเชียร์โอมเหมือนกัน...เค้าปลื่มมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-05-2009 10:34:12
อีกคนเขาชวนออกไปนอนดูดาวแล้ว

แต่อีกคน  ....... ไม่ได้ดั่งใจเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 02-05-2009 16:58:55
เชียร์ๆ บอล อ่ะ แหะๆ   :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 02-05-2009 20:00:36
เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆๆ


ใครกันหนาจะเป็นผู้ครอบครองเกี๊ยว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 02-05-2009 22:06:43
 :z3:'ง่ะ ...โอม
จะม่สิทธิ ลุ้นไหมเนี่ย  :z10: :z10:

น่าฉงฉาน จัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 03-05-2009 08:17:18
เหมือนโอมจะไม่มีหวังแล้วด้วยคน เพราะดูๆแล้วเกี๊ยวจะคิดกับโอมแค่เพื่อนที่ขาดไม่ได้อะ

สงสารโอมจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 03-05-2009 12:24:46
 :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 03-05-2009 18:23:47
มารอปลอบโอม และพร้อมที่จะชิงโอมมาจากคนแถวนี้ 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 03-05-2009 20:12:00
ตอนที่ 12
 เวลามักผ่านไปรวดเร็วคล้ายกับสายลมที่พัดผ่านเราไปโดยไม่มีวันหวนกลับมา จากก่อนนี้เคยขี้เกียจ แอบหลับ แอบกินขนม อ่านการ์ตูน สารพัดอย่างที่จะทำในเวลาเรียน ตอนนี้กว่าค่อนห้องต้องเปลี่ยนมานั่งปั่นงานกันจนหัวยุ่ง ไม่มีเวลาได้พูดคุยหรือเล่นกันเหมือนเดิม แต่ผมก็ชินแล้วล่ะ ก็เพราะมันเป็นยังงี้ตั้งแต่ผมอยู่ ป.3 แล้วมั้งนั่น
 
“กู ยืม ปาก กา หน่อย” สัมผัสหนักๆกดที่บ่าผมพร้อมกับเสียงเย็นๆโทนเดียวกับที่พระในวัดสวดของไอ่เอ็มดังขึ้น
 
“มาเรียนยังไงของมึงไม่พกปากกาว่ะ” ผมชักจะรำคาญมันนิดหน่อยที่มาขัดเวลาปั่นงานอันมีค่าของผม มือซ้ายผมลวกไปในกระเป๋าควาญหาปากกาให้มัน อีกมือก็ยังคงลอกงานจากต้นฉบับตรงหน้าอย่างรีบเร่ง
 
“อ๊ะ” ผมยัดปากกาใส่มือไอ่เอ็มไปโดยไม่ได้มอง
 
“ปาก กา กู นิ หว่า” ชิบหายแล้ว ผมลืมไปว่าแอบจิ๊กปากกามันมาใช้เมื่อหลายวันก่อน
 
“ของมึงที่ไหนล่ะ กูเพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้เอง จำผิดแล้วมั้ง” ไอ่เอ็มเกาหัวเลยครับ แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมเห็นมันเล็งซ้ายเล็งขวาปากกาเจ้าปัญหาอยู่หลายที อันที่จริงผมกะจะคืนมันหลายทีแล้ว แต่ลืม...
 
“เกี๊ยวๆ ช่วยขิงหน่อยสิ” เสียงเล็กๆลอยแว่วดังเข้าโสตประสาทของผม เสียงที่ทำให้ผมอ่อนยวบทุกครั้งเมื่อได้ยิน
 
“ห๋า” ผมเงยหน้ามองหน้าเด็กหญิงผมเปีย หน้าตาน่ารักที่มายืนข้างๆ ทำเอาอึ้งไปพักใหญ่ คำพูดเหมือนจะอุดตันอยู่ที่ลำคอจนไม่สามารถเรียบเรียงคำออกมาได้ในตอนนี้
 
    คล้ายกับสวรรค์จะเข้าข้างคนดีอย่างผม ไอ่โอมมันไปส่งการบ้านห้องพักครูพอดีเลยกำจัดก้างชิ้นโตออกไปจากคอหอยผมไปโดยปริยาย น้อยครั้งนักที่ผมจะได้คุยกับขิงแบบใกล้ชิดขนาดนี้ คนมันเขินนี่หว่าไม่กล้าเข้าไปจีบตรงๆสักกะที
 
“เอ่อ คือว่าช่วยขิงหักคัตเตอร์ให้หน่อยสิ” ผมรับคัตเตอร์มาจากมือของขิง กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากคนที่ยืนอยู่เล่นเอาผมเคลิ้ม มือไม้มันสั่น เนื้อตัวมันรู้สึกหวิวๆยังไงก็ไม่รู้แฮ่ะ
 
“โอ๊ย” แต่แล้วเศษคัตเตอร์ดันกระเด็นมาโดนมือผมซะยังงั้น ผมรีบเอามืออีกข้างกุมหลังมือตัวเองแน่น เลือดสีแดงสดเริ่มไหลรินออกมาจากปากแผลมากขึ้นเรื่อยๆที่ร้องไม่ใช่เจ็บหรอกครับ เพราะตกใจมากกว่า แอบมองขิงจนเพลินไปหน่อย
 
“มาให้ขิงดูหน่อย” เสียงของขิงตะโกนดังดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเลือดของผม แต่เจ้าตัวยังใจกล้าดึงมืออาบเลือดของผมไปดูมือเล็กนุ่มนิ่มของขิงจับมือผมแน่น ไม่ไหวๆ จะละลายแล้วนะ ผงแผลอะไรตอนนี้ผมก็แทบไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
 
 
“ไปทำแผลห้องพยาบาลเถอะ” ขิงรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันแผลห้ามเลือดให้ผม สีหน้าที่ซีดเผือกดูเป็นกังวลมาก ผิดกลับเกี๊ยวที่เผลอยิ้มบางๆ ดีใจน่ะสิครับ ดีใจมากๆเลยด้วยที่รู้ว่าขิงห่วงผมถึงขนาดนี้ตอนที่ถูกขิงจูงมือออกไปห้องพยาบาล รู้สึกว่าจะถูกสายตาคนทั้งห้องมองอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใครเลยนอกจากขิง
 
“ไปโดนอะไรมาอีกล่ะเนี่ย เลือดออกเยอะมากเลยนะ” คุณครูประจำห้องพยาบาลจัดแจงทำแผลให้ผม โดยที่ขิงนั่งรออยู่ห่างๆ
 
“โดนคัตเตอร์ปาดค่ะ” ขิงตอบแทน เพราะผมมัวแต่อึ้งขวดทิงเจอร์สีฟ้าที่วางตรงหน้า นี่ครูจะราดทิงเจอร์ใส่แผลผมสดๆเนี่ยนะ ให้ขิงออกไปก่อนได้มั้ย ถ้าผมแหกปากร้องออกไปตอนนี้ขิงต้องหาว่าผมปวดแหกชัวร์   
 
   น้ำทิงเจอร์ถูกทาที่แผลบนมือผม ซี๊ด...ด.. ทันทีที่ครูซับสำลีชุบทิงเจอร์ที่แผลของผม ความรู้สึกแสบจิ๊ดแล่นลิ่วถึงขั้วหัวใจในบัดดล ผมได้แต่กัดฟันแน่นก็ไม่อยากเสียฟอร์มตรงหน้าขิงนี่ครับ ไอ่ผมก็เพิ่งจะมาสังเกตว่าเลือดไหลออกมาเยอะมาก หลังจากการทรมานที่แสนยาวนาน ก็ต่อด้วยยาแดงที่มีสีไม่ต่างกับเลือดผมเท่าไร
 
“คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยนะ” ว่าแล้วคุณครูก็พันผ้าก๊อตให้ผม โล่งใจไปเปราะหนึ่งแล้วกู ยังแสบๆแผลไม่หายเลยเนี่ย
 
“ครับ” ผมตอบเสียงแห้ง ก่อนจะยกมือไหว้ครู ผมไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดหน้าของขิงยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเดินไปหาเจ้าตัวที่ยืนรอผมอยู่
 
“เจ็บมั้ย” สายตาคู่สวยมองที่มือของผม พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย (คิดไปเองรึเปล่า)
 
“....” ผมส่ายหัวเบาๆ โรคเก่ากำเริบอีกแล้ว หืดขึ้นคอพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ทั้งที่ในใจมีเป็นร้อยล้านคำที่อยากจะพูดกับคนๆนี้แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
 
   พอมาถึงห้องขิงก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่ที่เป็นต้นเหตุให้ผมเจ็บตัว แค่เห็นหน้าตาน่ารักๆของขิงก็ทำเอาผมเข่าอ่อนแล้ว แน่ล่ะผมไม่เคยโทษขิง ผมมันซุ่มซ่ามเองต่างหากล่ะ
 
“เหนื่อยชะมัด กูโผล่หน้าไปส่งการบ้านหน่อยโดนใช้ยาวเลยแมร่ง” ไอ่โอมปล่อยน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนเก้าอี้ ปากก็บ่นห่าอะไรไม่รู้ของมัน
 
“เห้ย ไอ่เกี๊ยว มือมึงไปโดนอะไรมาว่ะ” ไอ่นี่ก็ตะโกนซะดังจนผมสะดุ้ง แถมยังถือวิสาสะดึงมือกูไปดูอีก
 
“คัตเตอร์บาด” ร่างเล็กตอบมันสั้นๆ พลางชักมือกลับ โชคดีที่มือซ้ายเกี๊ยวยังใช้การได้ดีอยู่ การลอกการบ้านต่อจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
 
“แล้วมึงเป็นไรมากมั้ย ทายารึยังแล้ว...” ไอ่โอมมันยังเซ้าซี่ถามผมต่อ
 
“กูจะรีบทำงานมึงอย่าพึ่งกวนได้ป่ะ” กูไม่ได้ว่างงานนะโว้ย ถึงจะได้มีเวลามานั่ง 108 คำถามของมึง มือผมก็เจ็บ แถมงานกองเท่าภูเขาก็ต้องส่งเย็นนี้ ชีวิตเข้าขั้นวิกฤตและก็ใกล้จะบรรลัยแล้วด้วยผมเลยเผลอตะคอกใส่มันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
 
“...” ไอ่โอมดูเหมือนจะเงียบไปในทันที ผมก็ไม่ได้สนใจมันหรอกมัวแต่ยุ่งกะงานจนลืมไปว่า ความจริงผมเองเป็นฝ่ายผิดที่ตะคอกมันไปแบบนั้นทั้งที่มันอุตส่าห์ห่วงแท้ๆ
 
“กูขอโทษล่ะกันที่กวนมึง” คนตัวสูงเอ่ยเบาราวกับเสียงกระซิบอย่างคนน้อยใจ
 
    งานของผมถูกส่งถึงมือครูได้ทันแบบเฉียดฉิว ร่างเล็กฟุบหมอบอยู่กับโต๊ะอย่างคนหมดแรง แผงขนตาสวยหลับพริ้มเพื่อพักสายตาซึ่งอ่อนล้าจากการจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือมานานหลายชั่วโมง แต่มีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป...
 
“เห้ย มึงเห็นไอ่โอมป่ะว่ะ” ไวเท่าความคิด ผมเพิ่งสังเกตว่าไอ่โอมไม่ได้อยู่ในห้อง มันต้องโกรธที่ผมตะคอกใส่มันแน่ๆเลยคำถามเดิมถูกถามซ้ำๆ แต่ร่างเล็กกลับต้องผิดหวังทุกครั้งไป
 
   เขาตามหาโอมไปในทุกที่ที่คิดว่าจะเจอ กลับไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขาตามหา คนตัวเล็กทั้งเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที ร่างบางวิ่งตรงไปยังห้องศิลปะด้วยความหวังสุดท้ายแต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับว่างเปล่า ปราศจากผู้คนหรือแม้แต่อาจารย์ มีเพียงภาพวาดหลายชิ้นวางอยู่เท่านั้น
 
“แฮ่ก แฮ่ก มึงอยู่ที่ไหนกันแน่” เสียงหอบถี่ดังเร็ว เกี๊ยวทรุดลงก่อนจะใช้แขนยันตัวเองกับพื้น เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปกับการวิ่ง เหงื่อเม็ดใสไหลมาตามโครงหน้าเรียว แผ่นหลังเล็กเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อนักเรียนสีบริสุทธิ์ผืนบางราบลู่แนบกายที่กระเพื่อมเร็ว
 
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” คำพูดที่เขาพร่ำขอโทษหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับฟังไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนหรือแค่จงใจหลบหน้าผม ผมก็ต้องพูดกับมันให้รู้เรื่อง
 
“อ้าว ไอ่โอมไปไหนซะล่ะถึงได้มาอยู่คนเดียวยังงี้” น้ำเสียงที่เยาะเย้ยดังขึ้นมาจากด้านหลัง ร่างเล็กหันควับไปตามต้นเสียง คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดตอนนี้กำลังเดินเข้ามาในห้องศิลปะ มุมปากเรียวยกแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า
 
“...” เกี๊ยวไม่ตอบอะไร เขาได้แต่มองคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาขุ่นเคือง ร่างเล็กรีบลุกขึ้น ก่อนจะก้าวฉับหวังใจว่าจะเดินหนีคนตรงหน้าไปให้ซะพ้นๆ
 
“โอ๊ย” แต่ก็ยังช้ากว่าคนตัวสูงซึ่งเอื้อมมือมาคว้าแขนเล็กไว้ได้ทัน บอลบีบแขนของเกี๊ยวแน่น ขณะที่นัยน์ตาคมจ้องดวงหน้าหวานไม่กระพริบด้วยสายตาที่เฉยชา
 
“ปล่อยนะเว้ย” เกี๊ยวส่งเสียงต่อต้าน ก่อนจะพยายามแกะแขนที่อยู่ในกำมือของบอลออก ยิ่งดิ้นเท่าไรก็ดูเหมือนร่างสูงจะกำแน่นมากเท่านั้น
 
“หึ ไม่มีใครมาช่วยมึงแล้วสินะ” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเยือกเย็น พลางสบตากับคนที่ห่างกันไม่ถึงฟุต
 
“กูปล่อยให้ปล่อยไง” ผมชักจะเหลืออดแล้วนะ ต่อให้ต้องเจ็บตัวผมก็จะไม่ยอมมันอีกแล้ว วันนี้ขอซัดหน้ามันสักเปรี้ยงเหอะ
 
หมับ~!!
 
   ด้วยส่วนสูงและร่างกายที่ได้เปรียบกว่าทำให้บอลหลบหมัดตรงของเกี๊ยวได้ไม่ยาก มือเล็กที่พุ่งไปข้างหน้ากลับถูกดึงเข้าไปหาร่างสูง เกี๊ยวจึงเสียหลักล้มไปอยู่ในอ้อมแขนของบอลโดยไม่ได้ตั้งใจ
 
“เฮ๊ย ปะ อุบ” ร่างสูงไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กได้โวยวายอีกต่อไป ริมฝีปากนุ่มถูกประกบอย่างรวดเร็วจนเกี๊ยวตั้งตัวไม่ติด
 
   ร่างเล็กดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง พลางส่งเสียงครางอู้อี้อยู่ในลำคอ จึงเปิดโอกาสให้ลิ้นสากลวนลามภายในโพรงปากหวานอย่างง่ายดาย ลิ้นเล็กถูกตวัดเกี่ยวพันอย่างอ่อนประสบการณ์
 
“อื้ม...ม...” บอลคลายมือจากการจับกุมเปลี่ยนเป็นประคองศีรษะเล็กให้เอียงรับรสจูบที่ยังอ่อนหัดเกี๊ยวทุบหน้าอกแกร่งท้วง แต่บอลก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
 
“มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอว่ะ” แรงไม่น้อยที่เกี๊ยวใช้ผลักบอล ทำให้เขาเป็นอิสระในที่สุด ร่างบางใช้มือถูปากตัวเองแรงจนบวมเจ่อ อาการที่แสดงออกมาคล้ายกับว่ารังเกียจมากมาย กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบของอีกฝ่ายให้รุนแรงยิ่งขึ้น
 
“ทำไม รังเกียจกูมากขนาดนั้นเลยเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้า นัยน์ตาคมจับจ้องดวงหน้าหวานที่ออกสีแดงระเรื่อ ราวกับสิงโตมองดูกวางน้อยที่สามารถตะครุบกินเมื่อไรก็ได้
 
“แต่... กูเป็นผู้ชาย” ผมทั้งสับสนทั้งงงไปหมด เรื่องเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่
 
“แล้วทำไมล่ะ กูก็เคยจูบมึงมาก่อนแล้วนิ ทำไมจะทำอีกไม่ได้” ร่างเล็กยืนนิ่งดั่งกับว่าถูกสะกดไว้อยู่อย่างนั้นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากบอลกรีดลึกเข้าไปข้างในหัวใจของร่างบาง นี่เขาเป็นอะไรสำหรับคนๆนี้กันแน่ แค่ของเล่นงั้นเหรอ
 
   แม้ว่าจะเคยพร่ำบอกตัวเองว่า เขามันก็แค่ของเล่นสำหรับคนอย่างบอลเท่านั้น ทั้งที่สั่งให้หัวใจยอมรับมันไปแล้วแต่ทว่า แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆ มันกลับเจ็บปวดกว่าที่เขาคิดไว้ ทำไมต้องแคร์คนที่ไม่เคยใยดีเขาได้มากถึงขนาดนี้ ทำไมเขากลายเป็นคนอ่อนแอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆนี้อีกแล้วนะ!!!
 
“กูเกลียดมึง” คนตัวเล็กก้มหน้างุด มือเล็กกำแน่นไว้ข้างลำตัว คำพูดไม่กี่พยางค์ที่เอ่ยเบา ทำให้บอลถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
 
“เกี๊ยว กู...” ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมเกิดหน้ามืดอะไรขึ้นมา แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นกับไอ่เกี๊ยวแท้ๆ แต่ว่า... (บอล)
 
“นี่ มึงร้องไห้เหรอ” บอลมองร่างบางที่ก้มหน้านิ่ง ไหล่เล็กไหวนิดๆ น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูนุ่มนวลเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน บอลเอื้อมมือไปแตะบ่าของเกี๊ยวเบาๆแทนคำขอโทษที่เขายังไม่กล้าพูดมันออกมา
 
“...” เกี๊ยวปัดมือของบอลออก ก่อนจะวิ่งหนีไป ทิ้งให้ร่างสูงยืนอยู่เพียงลำพัง
 
“กูขอโทษ” บอลพึมพำแผ่วเบา มือหนาแตะที่ริมฝีปากของตนเอง สัมผัสนุ่มนิ่มอันหอมหวนจากรสจูบที่ไม่ค่อยชำนาญ ยังคงตราตรึงชัดเจนภายใต้จิตสำนึกของเขา ความจริงเขาไม่เคยเกลียดร่างบางเลยสักนิด แต่แค่แสดงออกมาให้ตรงกับใจคิดไม่เก่งนัก
 
“ไอ่ เกี๊ยว ปาก มึง ไป โดน ไร ต่อย มา ว่ะ นั่น” เสียงยานเนิบของเอ็มที่แทรกเข้ามาทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย มือเล็กเผลอจับที่ปากของตัวเองทำให้นึกถึงหน้าของบอลขึ้นมาทันที
 
“อะ อ้อ เปล่าๆ ไม่มีไร” ร่างเล็กตอบปฏิเสธ พลางลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ
 
“เอ้อ ไอ่เอ็ม มึงเห็นไอ่โอมเข้ามาในห้องรึยังว่ะ” เขาถามเด็กหนุ่มใส่แว่นอย่างกระวนกระวายใจ
 
“มัน เพิ่ง ออก ไป เมื่อ กี้” เอ็มตอบช้าแต่มันก็ทำให้ร่างบางกระตือรือร้นขึ้นทันตาเห็น
 
“ขอบใจว่ะ” ถ้ามันเพิ่งออกไปเมื่อกี้ มันก็คงยังไปไหนไม่ได้ไกล ผมทนให้มันโกรธผมยังงี้ไม่ได้หรอก ก็มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่สำคัญกับผมนิ
 
“เฮ๊ย มัน ฝาก จด มะ (หมาย)...” เอ็มมองตามหลังเล็กที่หายลับจากประตูหน้าห้องไป ก่อนจะก้มดูกระดาษจดหมายสีขาวที่อยู่ในมือ

 

“คืนนี้เจอกันที่เดิม มาให้ได้นะ ถ้ามึงไม่มาแสดงว่ามึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกูอีกต่อไป”
 
ข้อความในจดหมายบอกชัดเจน แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครมาตามนัด ร่างสูงเดินวนไปวนมาในทุ่งกว้าง ถึงจะมีแสงดาวระยิบระยับอยู่เต็มฟากฟ้าแต่ตอนนี้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน
 
   อากาศเย็นพัดมากับกระแสลมโชยอ่อนๆ ทำให้คนที่มีแต่เสื้อยืดบางๆกอดตัวเองเพราะความหนาวที่กัดกินเขาทีละน้อย นัยน์ตาคมเฝ้าแต่มองหาว่าคนที่เขารอจะมาสักที
 
    ในหัวของเขามีแต่เกี๊ยวที่วนเวียนไปมาจนบางครั้งมันก็ทำเอาเขาแทบคลั่ง เวลาผ่านไปบรรยากาศตอนกลางคืนก็เย็นลงเรื่อยๆ ความเย็นที่เสียดสีกับผิวเนื้อโดยตรงมันหนาวจนโอมสั่นน้อยๆ เขายืนรออยู่ตรงนี้มาประมาณสองสามชั่วโมงได้ตั้งแต่เที่ยงคืน
 
    หรือเกี๊ยวจะไม่แคร์เขาแล้ว ทั้งที่คืนนี้เขาตั้งใจแล้วว่าจะสารภาพความในใจที่มีอยู่ทั้งหมดให้เกี๊ยวรับรู้แล้วแท้ๆ แต่ทำไม... มันเจ็บปวดเหลือเกิน เกินกว่าที่หัวใจของเขาจะรับไหว ความหนาวรอบๆกายตอนนี้ก็ยังดูอบอุ่นยิ่งกว่าความเย็นที่จับขั้วหัวใจของเขา 
 
   อุตส่าห์ฝากจดหมายให้ไปแล้ว เขียนไปแบบนั้น ตามนิสัยของไอ่เกี๊ยวมันต้องมาแน่ๆ ผมรู้... แต่ทำไมถึงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ จะทิ้งให้กูยืนรออีกนานเท่าไรมึงถึงจะพอใจ กูทำอะไรผิดช่วยบอกทีได้มั้ย อย่าทรมานกูแบบนี้อีกเลย (โอม)
 
   อันที่จริงเขาอยากจะเจอเกี๊ยวตั้งแต่ตอนเย็นซะด้วยซ้ำ ติดที่ว่าพ่อเขามารับไวกว่าปกติ เลยฝากจดหมายให้ไอ่เอ็มไปแทนมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันแน่ เราเคยเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ แต่แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ตะคอกใส่ ไม่ยอมมาเจอหน้ากัน
 
   ถ้าเราเลือกไปแล้วที่จะรักใครก็ต้องพร้อมที่จะเจ็บปวดด้วยเหมือนกัน แต่ผมไม่พร้อมเลยสักนิด หัวใจมันเรียกร้องแต่มึงคนเดียวนะ เกี๊ยว!!
 
“กูรักมึงนะ” กลุ่มไอสีขาวพ่นออกมาจากปากเรียวที่ซีดเซียว แค๊ก แค๊ก โอมไอเบาๆ ก่อนจะเดินกลับบ้านอย่างอ่อนล้า
 
 แสงไฟสีส้มข้างถนนส่องสว่างทำให้พอเห็นทางได้บ้าง โอมเงยหน้ามองหน้าต่างของตึกแถวที่อยู่ห่างจากหน้าต่างห้องของเขาเพียงแค่คูหากั้นกลาง ตอนนี้เกี๊ยวคงนอนอยู่บนเตียง คงลืมไปแล้วว่ามีใครที่กำลังรอมึงอยู่ แม้ความหวังมันดูจะเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นก็ตามที
 
“ฝันดีนะ คนดีของผม” ถึงอยากจะเจอหน้าแค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่ฝากความคิดถึงไปกับสายลมเท่านั้น

 
   ผมตั้งนาฬิกาปลุก 5 ตัวไว้บนหัวเตียง ดัดสันดานตัวเองไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไป ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วมายืนรอรถข้างนอก แต่ไหงไอ่โอมมันยังไม่มายืนรอรถอีกนะ เดี๋ยวรถก็จะมาแล้วเนี่ย ร่างบางก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือย่างกระวนกระวายก่อนจะค่อยๆเนียนขยับไปยืนอยู่หน้าบ้านของคนตัวสูง
 
   ไม่นานรถนักเรียนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า แต่ไอ่โอมมันก็ยังไม่ลงมาสักทีหรือว่ามันยังไม่หายโกรธผมที่ไปตะคอกใส่มันเมื่อวาน ผมพยายามมองเขาไปในบ้านแต่ก็ไม่เห็นทีท่าว่าไอ่โอมจะออกมาสักที จะงอนกูไปถึงไหนว่ะเนี่ย ไอ่ผมก็ง้อคนไม่เก่งซะด้วย เครียดโว้ยยย ง้อมันยังไงดี
 
    จะว่าไปแล้วผมก็แอบเคืองมันนิดๆที่มันงอนผม ผมเลยต้องไปนั่งข้างไอ่บอลอีกแล้ว ปกติถ้ามีไอ่โอมไปด้วยผมก็ได้นั่งกับมัน ถ้ามันไม่โกรธผมผมคงไม่ต้องมานั่งอมทุกข์อยู่แบบนี้หรอก ตกลงใครผิดกันแน่ว่ะเนี่ย เริ่มงงซะเอง
 
“ไอ่โย ได้ข่าวว่าบ้านมึงมีเพย์สเตชั่นทูด้วยเหรอว่ะ” ผมคุยกับไอ่โยมาตลอดทาง บ้านใครมีสเตชั่นทูก็ถือว่าโครตรวยสำหรับผมล่ะครับ ส่วนไอ่บอลมันก็ไม่พูดอะไรกับผม ผมก็ไม่กล้ามองหน้ามัน ไม่อยากจะคุยด้วย
 
“อื้ม เสาร์-ทิต มึงมาเล่นก็ได้นิ” ชวนยังงี้ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก
 
“จริงดิ กูจะได้ชวนไอ่โอมไปด้วย” ผมพูดไปตามที่คิดถือโอกาสง้อมันไปในตัว
 
ปึก!! ศอกไอ่บอลเสียบชายโครงผมเต็มเม็ดเต็มหน่วยทันทีที่พูดจบ แต่มันทำหน้าเนียนมองไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้างซ้ายผมก็มีแต่มัน ไอ่เชี่ยนิไม่ทำแล้วผีที่ไหนจะทำล่ะว่ะ
 
   สรุปว่าวันนี้ไอ่โอมมันไม่มาโรงเรียน มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่าถึงขาดเรียนทั้งๆที่พรุ่งนี้จะสอบ วันนี้ผมก็เลยนั่งปั่นงานคนเดียว โค้งสุดท้ายของการส่งงานแล้วนี่ครับ เย็นนี้ผมเลยกะว่าจะไปหามันที่บ้านสักหน่อย อยากจะรู้ว่ามันตั้งใจหลบหน้าผม หรือว่ามันเป็นอะไรกันแน่
 
   ร่างบางตกอยู่ในอาการที่ว่าน้ำลายเน่า ไม่ได้พูดหรือสุ่งสิงกะใคร มัวแต่นั่งนับนิ้วทำรายงานคณิตเนี่ยแหละ นิ้วมือนิ้วเท้ารวมกันก็แทบจะไม่พอ ในใจก็ภาวนาว่าให้เลิกเรียนเร็วๆ ผมจะได้กลับบ้าน ไปหาไอ่โอมสักที
 
“สวัสดีครับน้าเพ็ญ” ผมยกมือไหว้แม่ไอ่โอม
 
“อ้าว มาหาโอมเหรอ โอมไปโรงบาลในเมืองกับพ่อแกเดี๋ยวสักพักก็คงกลับมาน่ะ” น้าเพ็ญพูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้ผม
 
“ไอ่ เอ๊ย... โอมมันเป็นอะไรเหรอครับ” ผมตกใจเหมือนกัน ถึงกับต้องเข้าโรงบาล มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอไวๆ
 
“เป็นไข้หวัดธรรมดานั่นแหละ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ๊ะ” ไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะครับ เพื่อนทั้งคน
 
“อืม... งั้นฝากบอกโอมด้วยนะครับว่าผมมาหา” น้าเพ็ญพยักหน้า ก่อนผมจะเดินผิดหวังกลับบ้านตามเคย
 
   ไอ่โอมมันจะเป็นยังไงบ้างนะ จะปวดหัวตัวร้อน มันจะโดนฉีดยาด้วยรึเปล่า คำถามมากมายคั่งค้างอยู่ในหัว หนังสือเรียนที่กางอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้เข้าสมองผมเลยสักนิด สองวันแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับมัน ผมอยากเจอมันจริงๆนะ
 
“เกี๊ยวกินข้าวลูก” เสียงแม่ตะโกนเรียกผมให้ไปกินข้าวอย่างเช่นทุกวัน
 
“คร๊าบ” ร่างบางปิดสมุดพลางถอนหายใจเบา จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย
 
  เท่าที่สังเกตมาพักหลังๆพ่อกับแม่ทำตัวแปลกไป อย่างผมทำจานแตกแม่ก็ไม่บ่นสักคำ ปกติแม่จะบ่นได้ทุกเรื่องนี่นา แต่กลับไม่ว่าผมเลย
 
“แม่ พ่อ มีเรื่องไรปิดผมไว้รึเปล่า” ผมตัดสินใจถามไปกลางวงกินข้าวนี่ล่ะครับ พ่อกับแม่คล้ายกับจะนิ่งไปทั้งสองคน ก่อนจะหันมามองหน้ากัน น่าน ว่าแล้วต้องมีอะไรแน่ๆเลย
 
“เอ่อ... เกี๊ยว พอมีเรื่องสำคัญจะบอกลูกเหมือนกัน แต่เอาไว้หลังสอบดีกว่ามั้ย” แล้วพ่อก็พูดอ้อมโลก สุดท้ายก็จะไม่ยอมบอกผมใช่ป่ะ
 
“ถ้าไม่บอกผมจะอดข้าว 3 วันเลยอ่ะ” มุขนี้ผมใช้ขู่พ่อกับแม่บ่อยแต่ก็ได้ผลทุกครั้ง
 
“โธ่ลูก...” เสียงแม่ตัดพ้อ ยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของผมมากขึ้นไปอีก
 
“นะแม่นะบอกมาเหอะ” ผมคะยั้นคะยอแม่สุดชีพ
 
“พ่อบอกลูกไปสิ” เริ่มโยนไปให้พ่อแล้ว ยังไงกันหว่า
 
“แม่นั่นแหละ พ่อไม่ถนัดเรื่องแบบนี้” เรื่องแบบนี้มันเรื่องแบบไหนล่ะเนี่ยรอฟังอยู่น้า...
 
“คือ... พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่า... เทอมหน้าจะให้ลูกไปเรียนที่กรุงเทพน่ะ” พอผู้เป็นแม่พูดจบ ทำเอาร่างบางถึงกับนั่งเงียบ
 
“แต่ แม่...” คนตัวเล็กรวมรวบสติที่คล้ายจะหลุดวูบไปกลับคืนมา
 
“ฟังก่อนนะเกี๊ยว ที่พ่อกับแม่ทำไปยังงั้นก็เพราะหวังดีกับลูก อยากให้ลูกได้เรียนที่ดีๆนะ แล้วไปอยู่ที่โน้นมันดีกว่าเรียนอยู่ที่นี้ตั้งเยอะ” เหตุผลต่างๆนานาที่พ่อกับแม่หยิบยื่นให้ผม มันก็ไม่ต่างกับการผลักไส้ให้ผมไปไกลๆ
 
”พ่อกับแม่ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาใสๆไหลพรากออกจากดวงตากลมอย่างง่ายดาย
 
 
“เพราะรักลูกไงพ่อกับแม่ถึงอยากให้ลูกไปอยู่กับป้านิ่มที่กรุงเทพ” ผู้เป็นพ่อกอดลูกชายที่ร้องไห้สะอึกสะเอื้อนแน่นในอ้อมแขน พลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน มีพ่อแม่ที่ไหนบ้างไม่รักลูก แต่ถ้ามีอะไรที่ดีกว่าก็ต้องยอมเสียสละเพื่อลูกชายของตน
 
  คืนนั้นผมร้องไห้อย่างหนัก ตื่นมาตอนเช้าก็เลยตาบวมๆ ผมเข้าใจดีที่พ่อแม่ทำไปเพราะรักและหวังดีกับผมมากแค่ไหน แต่ผมไม่อยากไปอยู่กับคนอื่น ไม่อยากไปเลยจริงๆ
 
   อาจารย์แจกข้อสอบวางไว้บนโต๊ะ ผมจำสิ่งที่เคยอ่านแทบจะไม่ได้เลย นัยน์ตาคู่สวนลอบมองโอมที่นั่งอยู่ห่างกันคนละมุมห้อง สีหน้าที่ซีดเซียวทำให้คนตัวเล็กเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
 
   ผมทำข้อสอบได้ไม่ดีนัก ถึงไอ่โอมจะมาโรงเรียนด้วยแต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสพูดกับมันเลย ในใจมันว้าวุ่นและสับสนจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ทำไมต้องเป็นผมด้วย ผมไม่อยากอยู่ตัวคนเดียว ผมอยากมีพ่อ มีแม่ และก็เพื่อน ขอแค่นั้นมันมากไปเหรอ
 
“ไอ่ เกี๊ยว เป็น ไร ว่ะ เห็น เงียบๆ” ผมกามั่วๆเสร็จก็เลยออกมานั่งรออยู่หน้าห้อง
 
“อ่อ ไม่มีไร” ร่างเล็กส่ายหน้าเบา ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ริ้วคิ้วสวยก็แทบจะเบียดมาอยู่รวมกันแล้ว
 
“ข้อ สอบ ยาก เนอะ กู ล่ะ ปวด หัว” ถึงไอ่เอ็มมันจะนั่งบ่นข้างๆร่างบาง แต่เขากลับไม่ได้ฟังมันเลย เรื่องราวหลายอย่างมารุมเร้าคนตัวเล็กในคราวเดียว มันหนักเกินไปสำหรับเด็กอายุ 11 ขวบอย่างเกี๊ยว
 
   จะหาทางคุยกับไอ่โอมยังไงดี อีกไม่กี่วันก็ต้องไปแล้ว เรื่องที่พ่อกับแม่บอกผมมันเร็วจนตั้งตัวไม่ติด คงจะดีถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกนิด
 
“โอม...” ผมเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง แต่มันกลับไม่หันมามองผมเลยสักนิด
 
“เฮ๊ย เดี๋ยวรอกูก่อน” ผมรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนมันไว้ ทำให้คนตัวสูงหยุดเดิน
 
“...” ไอ่โอมจ้องหน้าผมเขม็งด้วยสายตาแปลกๆจนผมเดาไม่ถูกว่ามันกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ หายโกรธผมหรือว่ายังโกรธอยู่
 
“มึงโกรธกูเหรอ” ร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างกล้าๆกลัวๆ มือก็ยังจับแขนของคนตัวสูงแน่น
 
“เปล่า” รู้มั้ยว่ากูต้องฝืนแค่ไหน อย่ามาแกล้งกันแบบนี้ได้มั้ย แค่กูฝืนไม่ให้เข้าไปกอดมึงตอนนี้ก็ยากเต็มทีแล้วนะ อย่ามาสนใจกูอีกถ้ามึงไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงอยากจะพูดออกไป แต่ปากมันกลับขยับไม่ได้เลยสักนิด (โอม)
 
แค๊ก แค๊ก ร่างสูงเอามือปิดปาก ขณะไอเบาๆ เพราะอากาศหนาวในคืนนั้นทำพิษจึงทำให้คนแข็งแรงอย่างโอมไข้ขึ้นสูงอย่างง่ายดาย
 
“กินยารึยัง” ร่างเล็กเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของโอม พลางถามด้วยความห่วงใยที่เอ่อล้นออกมาจากความรู้สึกของเขา
 
“...” โอมจับมือเล็กที่แตะหน้าผากตนออก นัยน์ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของอีกฝ่าย มือแกร่งดึงเอวนิ่มเข้ามาหาตัวก่อนจะกอดแน่น คล้ายกับว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกแล้ว
 
   ความร้อนจากตัวโอมทำให้คนที่ถูกกอดรู้สึกได้ ถึงจะยังงงอยู่ว่าถูกกอดทำไม แต่เกี๊ยวเองก็ไม่ได้ขัดขืน มือเล็กค่อยๆโอบรอบเอวของโอม เขาสับสนไปหมดแล้ว เพื่อนของเขาคนนี้รู้สึกยังไงกันแน่ เขาไม่รู้เลยจริงๆ เกี๊ยวกอดร่างสูงที่ซุกหน้ากับไหล่เล็กของเขาโดยไม่มีคำพูดใดๆ
 
“เฮ๊ย...” เสียงหวานเผลออุทานดัง จู่ๆโอมก็หมดสติไปแถมยังทิ้งน้ำหนักตัวไปหาร่างเล็กทั้งหมด ทำเอาเกี๊ยวเซเล็กน้อย
 
“ไอ่โอมๆ ทำใจดีๆก่อนนะเว้ย” คนตัวเล็กประคองร่างสูงโดยเอาแขนข้างหนึ่งของโอมพาดคอตัวเองไว้ เกี๊ยวรวบรวมกำลังทั้งหมดที่ตัวเองมีพยุงโอมจนไปถึงห้องพยาบาล ความร้อนมากมายถูกส่งผ่านร่างกายของโอมมาหาคนตัวเล็ก
 
“ครูครับ วายุไม่สบาย ผมก็เลย” ร่างบางพูดตะกุกตะกัก เขาเรียงคำพูดไม่ถูก โอมตัวร้อนมากจนน่าเป็นห่วง
 
“ไข้ขึ้นสูงมากเลย สงสัยต้องโทรตามผู้ปกครองให้มารับกลับบ้านแล้วล่ะ” ผมไม่รู้ว่าไอ่โอมจะรู้สึกยังไงบ้าง แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย มันคงทรมานน่าดู
 
“เดี๋ยวผมไปเอาเบอร์โทรให้ครับ” พูดจบผมก็รีบวิ่งกลับห้องเพื่อไปเอาเบอร์โทรพ่อไอ่โอมไปให้ครู

ตึก ตึก ตึก
 
“เธอเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” คุณครูมองร่างสูงที่เดินเงียบๆเข้ามาในห้อง
 
“เอ่อ... ผมเป็นเพื่อนกับวายุ นี่เบอร์โทรผู้ปกครองครับ” บอลเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะยื่นเศษกระดาษที่มีเบอร์โทรของพ่อโอมเขียนไว้บนนั้น
 
“อ่อ งั้นครูฝากดูแลวายุเดี๋ยวนะ” คุณครูรับเบอร์โทร ก่อนจะเดินออกไปจากห้องบอลมองดูโอมที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
 
“ไอ่เกี๊ยวมันคงจะชอบมึงมาก ถึงได้เป็นห่วงขนาดนั้น” บอลพูดกับคนที่นอนอยู่ น้ำเสียงต่ำทุ้มและแผ่วเบาเจือปนเสียใจจนสังเกตได้ น้อยคนนักที่จะเห็นบอลพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เสียแต่ว่าโอมกลับไม่ได้ยินมัน
 
“กูล่ะอิจฉามึงจริงๆ ทุกครั้งที่ไอ่เกี๊ยวพูดถึงมึง ทุกครั้งที่มันอยู่กับมึง รู้มั้ย กูอยากจะชกหน้ามึงชริป ให้ตายเหอะ” บอลพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนที่นอนอยู่เลยสักนิด
 
“แต่ช่างมันเหอะ กูไม่ยอมแพ้มึงง่ายๆหรอก” ใบหน้าคมดูจริงจังอย่างมุ่งมั่นอย่างเคยอีกครั้ง
 
“หายไวๆนะเว้ย มานอนซมยังงี้จะสู้อะไรกูได้ล่ะ” บอลพูดติดตลก ริมฝีปากเรียวยกยิ้มอย่างอ่อนโยน ยังไงไอ่โอมมันก็เพื่อนผม ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย รีบๆหายล่ะ เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน (บอล)
 
   ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไป ประจวบเหมาะกับที่คุณครูเดินสวนเข้ามาพอดี ยังไงซะเขาก็เกลียดไอ่คนที่มันนอนไม่รู้เรื่องอยู่ไม่ลงหรอก อย่างมากก็แค่หมั่นไส้(มั้ง) ตอนนี้ถือว่าต่อให้มึงไปก่อนละกัน แต่ถ้ามึงหายดีเมื่อไร กูขอไอ่เกี๊ยวคืนล่ะกันนะ (บอล)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 03-05-2009 20:15:12
มอบแต้ม+ ที่ 24
***
ขอบคุณที่มาต่อคร้าบ  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 04-05-2009 00:08:53
งอนกันทุกคนเลย  มั่วหมดแว้ว  จะรักกันตอนไหนละเนี่ย

 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 04-05-2009 00:47:13
โอ๊ะๆๆๆๆๆ  ขยันจัง 
แต่เอ......นี่ป.3 แน่เหรอเนี่ย
เออ  แล้วมันจะยังไงต่อละ จะไปกทม ซะและ
เหนื่อยแทนโอมจัง
แต่ไม่เป็นไรนะโอม  ป้ายังว่าง  (ว่างกินเด็กเสมอ)  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 04-05-2009 11:02:11
อูย... แล้วอย่างงี้ ถ้าบอลรู้ว่า เกี๊ยวต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ก็คงอึ้งไปเหมือนกันล่ะสิเนี่ย


แต่ก็สงสัยอีกอย่าง โอมจะรู้รึยัง ว่าเกี๊ยวต้องไปอยู่กรุงเทพเนี่ย อาจจะรู้แล้วรึเปล่า ถึงได้นัดออกไปเพื่อบอกความในใจอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 04-05-2009 20:58:14
เกี๊ยวเอาไอ้บอลแหงๆ

โอมเอ้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 04-05-2009 22:00:03
เชียบอลลลลลลลลลลลลล :ped149: :110011:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 05-05-2009 10:30:31
คิดแล้วปวดตับ ตอนที่จะย้ายไปเรียนกรุงเทพ

มันต้องเศร้าแน่เลยอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 05-05-2009 11:59:07
ไปดีก่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Love Is All Around ที่ 05-05-2009 16:39:27
เพิ่งอ่านทันคะ

มาให้กำลังใจ  :L2:

คนแต่งเป็นคนเหนือป่าวคะ

พอดีเห็น "ง่อน กะ หาป้อเต๊อะ" อ่ะคะ

เรื่องเริ่มเศร้า ดูเหมือนบอลจะเป็นพระเอกป่าวอ่ะ

โอมน่าสงสารแหะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม {END}
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 05-05-2009 19:40:00
ตอนที่ 13 Last memory

 ในที่สุดผมก็สร่างไข้ หลังจากที่นอนเก็บตัวอยู่แต่บนเตียงมาร่วมสามวันยังกะนักกีฬาเก็บตัวก่อนลงแข่งขัน เพราะไอ่ไข้ที่ขึ้นสูงปรี๊ดดดด... จนทำให้ผมไม่สามารถหอบสังขารไปสอบวันที่สองได้ ครูแกเลยอนุญาตให้มาสอบทีหลัง อย่างน้อยก็ต่อชีวิตผมไปได้อีกนิดล่ะว่ะ
 
  ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ตามหลักทฤษฏีตอนนี้ก็ต้องปิดเทอมสินะ รู้สึกร่างกายมันกระปรี้กระเปร่าจนบอกไม่ถูกเลยแฮ่ะ จะว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอไอ่เกี๊ยว ไม่สิ มันน่ะเจอผมแต่ผมไม่เจอมันเพราะหลับอยู่ แม่บอกว่ามันมาเยี่ยมผมทุกวัน แต่ดันมาตอนผมหลับทุกที คิดแล้วแอบเสียดายนิดๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้พ่อจะบุกไปถึงห้องเลย (คิดไรของเอ็งว่ะ)
 
“อ้าวเฮ๊ย~!!” คิดเพลินไปหน่อย สบู่มันเลยลื่นตกลงไปในโอ่ง
 
    ร่างสูงเริ่มกดท่อนบนที่เปลือยเปล่า มุดหัวลงไปในโอ่งมังกรขนาดใหญ่ โอมใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานก่อนจะรีบทำความสะอาดร่างกายของตน
 
   กลิ่นหอม(ฉุน?)ชนิดที่แม้จะยืนอยู่ห่างโอมสัก 10 เมตรก็ยังบอกได้ว่ามันใช้สบู่ยี่ห้ออะไร โชยออกมาจากผิวกายของคนที่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำอย่างรุนแรง ร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาว มีตราโค้กสีแดงขนาบหน้า-หลัง แสดงตัวเป็นสปอนเซอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร เผลอๆถ้าเอาฝาจีบ 5 ฝามาแลกกะไอ่โอมคงได้โค้กฟรีกลับมา 1 ขวด
 
“จะรีบไปไหนอีกล่ะ เพิ่งหายไข้ไม่ใช่เหรอ” ไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินพ้นหน้าบ้านก็ต้องหยุดชะงักเพราะน้ำเสียงขึงขังของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยทั้งๆยังก้มดูพระเครื่องในมือ
 
“อะ อ่อ ไปบ้านไอ่เกี๊ยวมันน่ะพ่อ แค่นี้เอง” ร่างสูงกล่าวพลางยิ้มแห้งๆให้กับพ่อของตน
 
“ไอ่เกี๊ยวมันไม่อยู่หรอก” พ่อพูดน้ำเสียงเรียบนิ่งยังกับมันเป็นเรื่องปกติ
 
“อะ เอ่อ” ร่างสูงเริ่มสับสนเล็กน้อยเพราะร้อยวันพันปีก็ไม่ค่อยเห็นพ่อของเขาพูดถึงเรื่องบ้านโน้นเท่าไร ก็พ่อแกไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน โอมเลยตกใจเล็กน้อยที่พ่อรู้เรื่องไอ่เกี๊ยวทั้งๆที่ตนยังไม่รู้
 
“เห็นว่าพ่อแม่ไอ่เกี๊ยวมันให้ไปเรียนกรุงเทพฯ สงสัยขึ้นรถไปตั้งแต่เช้าแล้วมั้ง” เพียงแค่ประโยคสั้นๆที่เหมือนจะบดขยี้หัวใจของเขาให้แหลกอยู่ตรงนั้น ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
 
“ไม่จริง ทำไมพ่อไม่ปลุกผมล่ะ ทำไมๆๆ” ร่างสูงตะโกนอย่างบ้าคลั่งเขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ร่างกายสั่นเทิมเพราะความเสียใจที่เกินกว่าจะรับไหว มันเร็วเกินไป เขายังไม่พร้อมที่จะสูญเสียคนๆนั้น โลกทั้งใบคล้ายกับว่าจะหยุดนิ่ง ท้องฟ้าไม่สดใสเหมือนอย่างเคย ลมหายใจของเขามันรวยระรินราวกับว่าจะขาดอากาศไปซะดื้อๆ ทั้งมึนงงและสับสนไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
 
“โอม จะไปไหนน่ะ” พ่อตะโกนตามแผ่นหลังแกร่ง มีเพียงเสียงฝีเท้ากำลังย้ำลงไปบนถนน ความเงียบก่อตัวขึ้นภายในใจของเขาทีละน้อย มันเจ็บแปล๊บที่หัวใจแปลกๆ น้ำใสๆเอ่อล้นออกจากนัยน์ตาสีนิล ทำไม ทำไมเกี๊ยวไม่เคยจะบอกเรื่องนี้ให้เขาฟังสักครั้ง อย่างน้อยให้เขาได้ทำใจก่อนก็ยังดีกว่าตอนนี้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน เมื่อคนที่เขารักต้องจากไปทั้งๆที่ยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกทั้งหมดให้คนตัวเล็กได้รับรู้ เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บอกลา แล้วเมื่อไรที่เขาจะได้เจอกันอีก หรือว่ามันจะจบเพียงเท่านี้งั้นเหรอ
 
แฮ่ก แฮ่ก คนตัวสูงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เร็วเท่าที่ขาของเขาจะทนไหว เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ จะไม่ได้เจอเกี๊ยวอีกต่อไปแล้วจริงๆ เขาจะทำยังไงเมื่อไม่มีร่างเล็กอยู่ข้างกายแล้ว ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
 
แฮ่ก แฮ่ก ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ไปโดยไม่บอกกันสักคำ คิดจะแกล้งทรมานกูไปถึงไหน กลับมาเถอะนะ ตอนนี้กูเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามมึง ช่วยหยุดแล้วฟังคำสารภาพของกูก่อนได้มั้ย กูก็แค่... รักมึง
 
หัวใจของเขาเต้นถี่เร็วไม่เป็นจังหวะ มันอ่อนล้าจนแทบจะขาดใจ ร่างสูงวิ่งไปตามเส้นทาง หวังใจว่าจะเจอคนตัวเล็กยืนรอเขาอยู่เบื้องหน้า แต่กลับมีเพียงเส้นทางที่เขาวิ่งอยู่คนเดียว
 
“กลับมาฟังกูก่อนได้ม๊าย...” คนตัวสูงตะโกนสุดเสียง เข่าแกร่งทรุดฮวบกับพื้นยางมะตอย น้ำตาใสๆฉาบเคลือบดวงตาคมจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ขอแค่ครั้งสุดท้าย ให้โอกาสกู อีก สักครั้ง เถอะ
 
“ตะโกนเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย เอาซะขี้หูกูเต้นระบำเลย แม่ง” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยด่าทอร่างสูงอย่างไม่พอใจ มือเล็กปิดแนบหูทั้งสองข้าง คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกแล้วกำลังเดินมาหาผม
 
“ไอ่เกี๊ยว” ร่างสูงลุกพรวดตรงเข้าไปกอดคนตัวเล็กแน่น คิดถึงจริงๆ แค่เสี้ยววินาทีก็ไม่อยากจากคนๆนี้ไปไหน
 
“เป็นห่าอะไรของมึงอีกเนี่ย กูหายใจไม่ออกโว้ยยย แค่กๆ” ผมกอดไอ่เกี๊ยวนานจนลืมตัวไปหน่อย ผมกลัวว่ามันจะหายไปจากอ้อมกอดของผม กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก
 
“เอ่อ โทษที” ผมตอบอย่างเขินๆ ร่างสูงลอบมองคนตัวเล็กที่ยืนกอดอกทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างกาย ผมรีบใช้มือเช็ดคราบน้ำตา น้ำมูกแบบลวกๆ
 
“แล้วมึงวิ่งมาทำซากอะไรแถวนี้ว่ะ” ไอ่เกี๊ยวบ่นไม่หยุดปากตามสไตล์ของมัน
 
“ก็ กู... เออๆ ช่างมันเหอะ” ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี มีคำพูดมากมายที่ผมอยากจะพูดตอนนี้ แต่มันกลับพูดออกมาไม่ตรงตามใจคิดได้เลยสักอย่าง
 
“เอ่อ เกี๊ยว กู มะ มีเรื่องจะบอกมึงว่ะ” ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง เสียงทุ้มสั่นเครือเพราะความตื่นเต้น แล้วทำไมกูต้องมาเป็นโรคติดอ่างตอนนี้ด้วยว่ะ
 
“อืม ว่ามาดิ” ไอ่เกี๊ยวจ้องหน้าผมเขม็ง มึงไม่ต้องตั้งใจฟังขนาดนั้นก็ได้เว้ย กูเขิน ยิ่งมันมองมาทางผม ใจผมก็ยิ่งสั่น กดดันกูเก่งจริงเลยนะมึง
 
“กู เอ่อ กู...” ติดอ่าง โธ่เว้ย พอเอาเข้าจริงๆทำไมพูดไม่ออกว่ะ
 
“เฮ้อ... ตกลงจะพูดมั้ยเนี่ย ไปหาอะไรกระแทกปากดีกว่าว่ะ แมร่ง รำคาญ” น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ เวร...กูกำลังบิ้วอารมณ์อยู่เนี๊ยะ สัด รอฟังสักหน่อยก็ไม่ได้
 
หมับ ว่าแล้วคนตัวเล็กก็คว้ามือแกร่งก่อนจะออกแรงดึงเล็กน้อยให้คนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเดินตามมาในสภาพกึ่งลากกึ่งจูง สัมผัสนุ่มนิ่มจากมือของอีกฝ่ายที่มอบให้ด้วยความจริงใจ เพราะมึงช่างแสนดี หมดทั้งหัวใจกูก็ยอมให้ แล้วมึงล่ะคิดยังไง กูอยากรู้...
 
“รอยู่นี่นะ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้” ไอ่เกี๊ยวคุยจ้อมาตลอดทางผิดกับผมที่เงียบยังกะคนใบ้ ผมจะบอกกับมันยังไงดีล่ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันต้องเตือนตัวเองข้อนั้นผมก็รู้ แต่ว่าขืนเก็บไว้ยังงี้ ผมคง...
 
“…” ร่างสูงพยักหน้าสองสามครั้งพลางค่อยๆคลายมือเล็กออก โอมจ้องมองรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เกี๊ยวมอบให้ ก่อนจะยิ้มตอบกลับ
 
เอี๊ยดดดดด โครมมม!!!
 
   ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งชั่วขณะ เรือนร่างบอบบางถูกปะทะกับรถบรรทุกซึ่งพุ่งมาชนอย่างแรง ทำให้เกี๊ยวกระเด็นไปอีกฟากของถนน
 
“เกี๊ยวววว...แฮ่กๆ” โอมลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอน เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นทั่วร่างกายของเขา ร่างสูงหอบแรง หายใจถี่ไม่เป็นจังหวะยังกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายมา
 
“ขวัญเอ๋ยขวัญมา ลูกแม่” ผู้เป็นแม่รีบปลอบประโลมลูกชายของตนด้วยความห่วงใย
 
“แม่ แล้วเกี๊ยวล่ะ ไอ่เกี๊ยวมัน...” ภายในลำคอมันแห้งผาด ทั้งที่เหงื่อออกท่วมตัวขนาดนั้น แต่คนตัวสูงกลับหนาวมาก หนาวซะจนเนื้อตัวสั่นระริกยิ่งกว่าเจ้าเข้า
 
“โถ่...ลูกแม่ แม่ว่าลูกนอนพักก่อนดีกว่า ไปเป็นลมเป็นแล้งข้างถนนแบบนั้น รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน” แม่เอ่ยพลางลูบศีรษะโอมด้วยความห่วงใย
 
“แต่ว่า” ไม่จริง ทั้งหมดผมไม่ได้ฝันไปเองใช่มั้ย รอยยิ้มอ่อนโยนที่ปรากฏบนดวงหน้าหวานครั้งสุดท้ายยังคงตราตรึงและเด่นชัดจนเกินกว่าจะเป็นแค่ความฝัน
 
“เกี๊ยวน่ะ ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯแล้วนะ แม่รู้ว่าลูกเสียใจ แต่ถ้าลูกเป็นอะไรไปแม่ก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน” ผู้เป็นแม่ป้อนยาลดไข้ตามด้วยน้ำ ก่อนจะห่มผ้าให้คนที่ล้มตัวนอนลงอย่างว่าง่าย สีหน้าของแม่ดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
 
   ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ขอให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่ความฝัน พอตื่นมาไอ่เกี๊ยวมันจะมานั่งอยู่ข้างๆผม แล้วบอกว่า ให้ผมหายไวๆ เราคงไปเตะบอลในสวนมะพร้าวด้วยกันเหมือนเดิม ผมคงจะลืมเรื่องในวันนี้ มันก็แค่ฝันร้ายที่เมื่อตื่นขึ้นผมก็จะจำไม่ได้อีก ผมเฝ้าภาวนาขอให้มันเป็นอย่างนั้น (โอมคิด)
 
   และแล้วร่างสูงก็พริ้มตาจนหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ความจริงที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ คนตัวเล็กจะรู้บ้างรึเปล่าว่าร่างสูงต้องเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อไม่มีเกี๊ยวอยู่แล้ว...
 
 
“เฮ๊ย พวกมึงรู้เรื่องไอ่เกี๊ยวยัง?” โยหันไปพูดกับบอลที่นั่งเอาแรงอยู่ข้างสนามบอล หลังจากที่เล่นกันมาได้สักพัก
 
“เรื่องอะไรว่ะ” ร่างสูงเอ่ย พลางกรอกน้ำเย็นเข้าปากเพื่อดับกระหาย
 
“มันย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯอ่ะ แล้วทีนี้พวกเราจะไปแกล้งใครว่ะ” โยพูด ก่อนจะทำท่าเสียดายเล็กน้อย
 
พรวด แค่กๆๆ บอลสำลักน้ำแทบจะทันทีที่ได้ฟัง
 
“มึงว่าไรนะ” ร่างสูงกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ก่อนจะเผลอตะคอกใส่โยอย่างลืมตัว
 
“กะ ก็…” โยพูดตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ เพราะความกลัวจับใจจนไม่กล้าจ้องตาคนตัวสูง
 
“ไอ่เกี๊ยวมันไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว มึงจะปล่อยได้รึยัง ไอ่โยมันเจ็บนะเว้ย” เคนพูดดัง ขณะผลักแผงอกแกร่งของบอลแรงจนร่างสูงยอมผละจากโยแต่โดยดี
 
“อะ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ” บอลกล่าว ในหัวพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ฟังเมื่อกี้ ทำเอาเขาอึ้งไปเหมือนกันที่รู้ว่า จะไม่ได้เจอเกี๊ยวอีกต่อไป
 
“นี่มันก็เย็นมากแล้ว กลับกันเหอะ” เคนพูดกับคนตัวสูงที่นั่งนิ่งมาเป็นชั่วโมงตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เกี๊ยวจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว
 
“อืม... ไปก่อนเหอะว่ะ กูขอเล่นอีกหน่อย” ว่าแล้ว ร่างสูงก็ลงไปเตะบอลอยู่ในสนามหญ้าสีเขียวคนเดียว
 
“งั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย” โยตะโกนบอกร่างสูงที่อยู่ในสนาม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากคนที่อยู่ในสนามหญ้าเลย
 
   มันยากที่จะตอบหัวใจของเขาได้ว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ไอ่เกี๊ยวจะอยู่รึจะไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด ผิดกลับภายในใจของเขาที่มันว้าวุ่นและสับสน ถ้าเขาไม่ได้แอบมองคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่หลังห้อง ไม่ได้แกล้งเกี๊ยวเพราะคิดว่าเวลาร่างเล็กงอนมันดูออกจะน่ารักดี ไม่ได้อยากนั่งข้างๆกันบนรถทุกวัน ไม่รู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้ๆ เขาคงไม่ต้องทรมานแบบนี้
 
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ว่ะ!!” บอลตะโกนออกมาอย่างคนเสียสติ
 
   ร่างสูงเตะบอลอัดกับโคนต้นมะพร้าวที่สูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเพื่อระบายอารมณ์ เขาเสียใจงั้นเหรอ คิดถึง หรือว่าดีใจกันแน่ที่กำจัดคนตัวเล็กไปได้พ้นๆโดยไม่ต้องเปลื้องแรง ที่แล้วๆมาทั้งแกล้งทั้งทรมานสารพัด ที่ทำไปก็เพราะไม่ชอบขี้หน้า หรือเพราะแค่อยากจะใกล้ชิด เขาไม่รู้ใจตัวเองเลยจริงๆ
 
“อย่าคิดนะว่าจะหนีกูพ้น กูไม่ยอมปล่อยมึงไปง่ายๆหรอก” ยิ่งคิด ร่างสูงก็ยิ่งเตะลูกบอลกลมๆอัดกับต้นมะพร้าวแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
“โธ่เว้ย!!” เกลียด เกลียดตัวเองที่ไม่เคยทำดีกับคนตัวเล็กเลยสักครั้ง อยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อขอโทษ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะว่าอะไร ยอมซ้ำชั้นถึงสองปีก็เพียงเพื่อต้องการจะอยู่ใกล้ๆ พยายามแกล้งเพียงเพื่อหาทางเจอหน้า แต่แล้ววันนี้คนตัวเล็กกลับมาทิ้งเขาไป ทำแบบนี้มันเอาเปรียบกันรู้มั้ย
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม{END}
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 05-05-2009 19:42:05
   ร่างสูงหวนนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่กับเกี๊ยว ริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เขาได้สัมผัส เขายังจำมันได้ดี อันที่จริงเขาก็ไม่เคยลืมมันได้เลยตั้งแต่วันนั้น คิดถึงเกี๊ยวมากซะจนแทบจะทนไม่ไหว เหมือนกับว่ามีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
   
    ถึงจะเคยพร่ำเพ้อกับตัวเองมาตลอดว่า คนตัวเล็กอยู่ในกำมือของเขา จะบีบให้แหลกคามือเมื่อไรก็ได้ แต่บอลกลับคิดผิดถนัด เขาเองต่างหากที่ยื่นหัวใจของตนให้เกี๊ยวไปโดยไม่ลังเลและตอนนี้ เกี๊ยวก็เป็นฝ่ายที่กำลังกุมหัวใจของเขาอยู่...


 
“ฝากดูแลลูกดาด้วยนะพี่” แม่ของเกี๊ยวเอ่ยกับหญิงสาววัยกลางคน โดยมีเด็กหนุ่มตัวเล็กสะพายกระเป๋าเป้ใบโตยืนหลบอยู่หลังผู้เป็นพ่อ ร่างบางก้มหน้างุดไม่ยอมพูดอะไร ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้มันก็ไร้ความหมาย เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องไป
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเอกมันก็บ่นว่าอยากมีน้อง พี่น่ะก็อยากให้ลูกเธอได้เรียนดีๆกับเค้าบ้าง ยังไงซะก็เหมือนเป็นลูกเป็นหลานของพี่อีกคน วางใจเถอะดา” ผู้หญิงที่ดูมีอายุมากกว่าแม่ท่าทางใจดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ในฐานะพี่สาวแท้ๆของแม่ผม
 
“ไงก็...ต้องรบกวนดูแลเจ้าเกี๊ยวมันด้วยนะ” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมแต่กลับเจือปนด้วยความห่วงใยลูกชายคนเดียวของตนอย่างเหลือล้น
 
“...” ป้าพยักหน้าอย่างรับรู้
 
“ตั้งใจเรียนนะ แม่จะรอ” นัยน์ตาของแม่ถูกฉาบด้วยน้ำตาใสๆ แม่พูดก่อนจะหอมผมฟอดใหญ่
 
“เกี๊ยว ไปอยู่ที่โน้นต้องเป็นเด็กดีนะรู้มั้ย อย่าดื้ออย่าซนล่ะ” ผู้เป็นพ่อนั่งยองๆก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางดึงตัวของเกี๊ยวเข้าไปกอดแน่นด้วยความรัก
 
“ครับ” ผมจะตั้งใจเรียนไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวผม จะไม่เกเรเหมือนแต่ก่อนให้แม่ต้องเสียใจ ถ้านั่นคิดสิ่งที่ผมสามารถทำได้ในตอนนี้
 
“พ่อกับแม่รักลูกนะ” ถึงแม้จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้งจนเกินกว่าจะหาคำใดมาอธิบาย ไม่มีใครเข้าใจความหมายของมันจริงๆก็ได้แต่บอกไปตามความรู้สึกอย่างนั้น คุณเคยรักใครตั้งแต่แรกพบมั้ย รักจนหมดหัวใจ ผมคิดว่านั่นแหละคือความรู้สึกที่พ่อแม่ทุกคนมอบให้ลูกของตัวเองตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
 
“ผมก็รักพ่อกับแม่” ร่างเล็กพูดอู้อี้อยู่ในลำคอพลางซบหน้าตรงบ่าของผู้เป็นพ่อ แขนเล็กโอบกอดระหว่างสองบุคคลที่ให้กำเนิดเขามา
 
     พ่อจูงมือผมเดินไปหาป้าซึ่งยืนรออยู่ห่างๆ ถึงจะเห็นว่าแม่ร้องไห้แต่แม่ก็ยังยิ้มให้ผมพลางโบกมือลาเบาๆ สักพักคนที่จับมือผมกลับไม่ใช่พ่ออีกต่อไป ผมถูกจูงมือเดินห่างจากพ่อกับแม่ไปไกลเรื่อยๆ คนตัวเล็กหันมองดูพ่อกับแม่ที่โบกมือลาอยู่เบื้องหลัง ไกล และไกลห่างออกมาจนไม่สามารถมองเห็นคนสองคนที่ผมรักมากที่สุดอยู่ในสายตาได้อีก
 
   วิวข้างทางที่ไม่คุ้ยเคยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้นไม้สีเขียวๆดูเหมือนจะน้อยลงทุกที มีแต่ตึกสูงๆขึ้นแข่งกันแทน เสียงอึกทึกของเครื่องยนต์บนท้องถนนพร้อมกับฝุ่นควันที่ลอยเข้ามาในจมูก ทำให้ผมทั้งอึดอัดและหายใจไม่ค่อยออก นั่งรถมานานเท่าไรผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน
 
    นัยน์ตาคู่สวยเหม่อลอยออกไปนอกกระจกรถซึ่งจอดมานานร่วมชั่วโมงได้ รถยนต์หลายสิบคันจอดเรียงยาวบนถนนที่แม้กว้างเพียงใดก็ดูคับแคบไปถนัดตา
 
“เฮ้อ... คงเหนื่อยสินะนั่งรถมาทั้งวันเลย ป่ะๆ เอาข้าวเอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวป้าจะทำอะไรให้กิน” ป้าพูดก่อนจะลูบหัวคนตัวเล็กที่ดูอิดโรยอย่างเอ็นดู
 
“ครับ” ร่างเล็กพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้าไปใบบ้านของป้า ที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่ถ้าเทียบกับบ้านเกี๊ยวแล้วที่นี้ถือว่าดีกว่าเยอะ     
 
“อืม ยังจำพี่เอกได้มั้ย ตอนนี้พี่เค้าไปเรียนพิเศษอยู่ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับแล้วล่ะ” ผมถือกระเป๋าเดินตามหลังป้าเข้าไปในห้องนอนของที่ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าของแล้ว
 
“...” คนตัวเล็กส่ายหัวแรง ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขาก็แทบไม่ได้พูดอะไรเลย ถามคำก็ตอบคำ
 
“นั่นสิเนอะ ตอนนั้นเกี๊ยวแค่สองสามขวบเอง เหอะๆ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงอดีต
 
“ตามสบายเลยนะ จะดูทีวีรอก่อนก็ได้” บ้านป้าดูจะต่างจากที่ผมคิดเล็กน้อย ที่นี้มีต้นไม้เยอะ แถมยังเงียบสงบกว่าข้างนอก ไม่มีกลิ่นควัน หรือแม้แต่เสียงอึกทึกของผู้คนให้ปวดหัว ป้าเค้าใจดีกับผมมาก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมชอบที่นี่ขึ้นมาได้เลย
 
   เกี๊ยวทิ้งตัวนั่งตรงเก้าอี้นุ่ม สายตาเสมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีแดงอมส้ม เห็นก้อนเมฆเบาบางลอยอยู่ไกลๆ มันเหงาจนคล้ายกับว่าโลกทั้งใบถูกบีบเข้ามาจนเหลือแต่ตัวผมคนเดียว ผมไม่มีใครแล้วจริงๆ มือเล็กล้วงไปในกระเป๋ากางเกง ในมือถือรูปของพ่อกับแม่ออกมา มันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องรออีกนานเท่าไรผมถึงจะได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่
 
   ไหล่เล็กสั่นไหวระริก น้ำตาใสๆอาบท่วมพวงแก้มเนียน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่เบาราวกับกระซิบ เกี๊ยวจ้องมองบุคคลที่อยู่ในรูปอยู่นาน คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน น้ำตาไหลรินออกมามากขึ้นตามความรู้สึกที่ยากจะห้ามไว้ได้
 
   ร่างเล็กร้องไห้จนกระทั่งพล่อยหลับไปในที่สุด ในอ้อมแขนก็โอบกอดรูปพ่อกับแม่ไว้แน่นอย่างหวงแหน คราบน้ำตาที่เลอะดวงหน้าหวานจนดูน่าสงสาร เด็กชายนอนนิ่งขดอยู่บนเก้าอี้น่วมในห้องนอนที่แสนสงบ มีลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ช่วยให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลายบ้าง มันเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ เรื่องราวต่างๆที่ถาโถมเข้ามาใส่อาจจะดูโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มในวัยนี้ แต่ยังไงเขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้ ไม่แน่มันอาจจะทำให้เด็กหนุ่มได้โตเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
 
“นี่ ตื่นได้แล้ว ตื่นสิ ตื่นๆๆ” มือหนาจับไหล่เล็กก่อนจะเขย่าเบาๆ เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับจ้องมองบุคคลแปลกหน้าที่ถือวิสาสะนอนในห้องของเขา
 
“งืม... แม่เหรอ ขออีกแปบน่า” ร่างเล็กเอ่ยงึมงำอยู่ในลำคอ
 
“ไม่ยอมตื่นใช่มั้ย” นัยน์ตาคมลอบมองดวงหน้าหวานก่อนจะเผลออมยิ้มเล็กๆ
 
“เห้ยฮ่าๆ พะ พอ แล้วฮ่าๆๆ” คนตัวเล็กพูดไปหัวเราะไป เพราะถูกใครบางคนจี้เอว ขัดจังหวะเข้าเฝ้าพระอินทร์ของเขา
 
“ยังบ้าจี้เหมือนเดิมเลยนะเรา” คนตัวสูงยิ้มกว้างให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่ก่อนจะขยี้หัวแรงๆ ทำเอาเกี๊ยวงงไปเหมือนกัน เพราะคำพูดที่ใช้ดูเหมือนว่าจะสนิทกันมากกว่าคนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก เออ... ลืมไปว่าผมกับพี่เค้าเคยเจอกันสมัยเด็กๆแต่ผมยังจำความไม่ได้
 
“อะ เอ่อ...” ร่างบางมองตามหลังชายหนุ่มที่ตัวโตกว่าเขาหลายเท่า ร่างสูงโยนกระเป๋าวางไว้บนเตียง ก่อนจะหันหน้ามามองเกี๊ยวอีกครั้ง ดวงหน้าคมเรียว ผิวสีไข่อย่างคนสุขภาพดี ดวงตาสีนิลจ้องมองมาทางผม รูปร่างสัดทัดไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป สวมอยู่ในชุดนักเรียนที่ชายเสื้อเริ่มหลุดรุยออกมาบ้างแล้ว
 
“หิวข้าวรึยังล่ะ รีบล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยไปกินข้าวกัน ห้องน้ำอยู่ทางนู้นน่ะ” ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าผมอยู่ 3-4 ปีเอ่ยพลางชี้นิ้วไปที่ประตูบานสีขาวซึ่งอยู่ภายในห้อง (ห้องน้ำส่วนตัว) ผมพยักหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเชื่อฟัง คนตัวเล็กล้างคราบน้ำตาด้วยน้ำสะอาด เรียกความสดชื่นกลับคืนมาได้บ้าง แต่มันกลับไม่สามารถลบความเศร้าในใจของเกี๊ยวได้เลยแม้แต่น้อย
 
“เอ่อ... พี่...” เกี๊ยวมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเอื้อมมือไปดึงบานหน้าต่างเข้ามา ดูเหมือนว่าลมเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆท้องฟ้าสีเทามืดครึ้มบ่งบอกว่าฝนใกล้จะตก ร่างเล็กยืนลังเลก่อนจะตัดสินใจเรียกชายหนุ่มเบื้องหน้า
 
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ไปกินข้าวกัน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ
 
   ร่างสูงกอดคอเกี๊ยวเดินลงบันไดมาอย่างเงียบๆ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันอยู่มากทำให้เกี๊ยวดูยังเด็กถึงแม้เจ้าตัวจะคิดว่าตัวเองโตแล้วก็ตาม ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเกี๊ยวยังคงปรับตัวไม่ได้ อาจจะคิดถึงบ้านก็เป็นเรื่องธรรมดา เด็กขนาดนี้จากบ้านมาคงทำใจลำบากเอาการ เอกลอบมองร่างบางด้วยความเอ็นดู
 
“แม่ครับมีอะไรกินมั้งเนี่ย” ร่างสูงเดินตรงรี่เข้าไปในห้องครัว โดยไม่ลืมล็อกคอเกี๊ยวเขาไปด้วย จะว่าไปแล้วผมเองก็เริ่มหิวเหมือนกันแหละ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว
 
“ผัดหอยลาย กับผัดผักรวมมิตรจ้า อ่ะ ช่วยยกนี่ไปวางบนโต๊ะให้แม่หน่อยสิ” ป้าตอบแล้วก็ยิ้มๆมาให้ผม จะว่าไปแล้วผมก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกันนะเวลาที่ป้ากับพี่เค้ายิ้มมาให้ผม
 
“เกี๊ยวนั่งตรงนี่สิ” ร่างสูงลากเก้าอี้ออกมาขณะกวักมือเรียกร่างเล็กที่ยืนนิ่งเป็นสากเบือเพราะทำตัวไม่ถูกเกี๊ยวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างกับเอก ก่อนป้าจะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยอีกคน โต๊ะไม้กลมๆเต็มไปด้วยอาหารสองสามอย่างกับข้าวสวยร้อนๆที่มีควันฉุยขึ้นมาชวนให้น้ำลายส่อทันที
 
“เป็นไง บ้านป้าพออยู่ได้มั้ย” ป้าพูด ขณะเดียวกันท้องฟ้าสีเทาก็มืดสนิท สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักในไม่ช้า ภายในห้องครัวมีประตูกระจกบานใหญ่ติดอยู่ที่ผนังทำให้เกี๊ยวเผลอมองออกไปข้างนอกหลายครั้งด้วยใจเหม่อลอย พอมองเม็ดฝนที่กระทบกับบานประตูกระจกมันทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวพิกล
 
“อะ อ่อ อยู่ได้ครับ” เสียงเรียกของป้าเรียกสติของเกี๊ยวกลับคืนมา ถึงตอนนี้มันหิวจนไส้จะขาด แต่ทว่าเขาแทบจะกลืนข้าวไม่ลง
 
“มานี่ เดี๋ยวพี่แกะให้” เอกมองเกี๊ยวที่พยายามแกะหอยลายในจานตัวเองอยู่นานก่อนจะออกปากช่วย ร่างสูงแอบหัวเราะเล็กๆเพราะความไม่ประสีประสาของร่างบาง
 
“ขอบคุณครับ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา เรี่ยวแรงที่มีมันเหมือนจะหดหายไปกับการเดินทางที่แสนยาวนาน
 
“กินผักเยอะด้วยล่ะ จะได้โตไวๆ” เอกพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตัวเล็ก
 
“ครับ” นั่นทำให้เอกได้รับรอยยิ้มจางๆจากเกี๊ยวเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึง
 
    เม็ดฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อาหารเย็นมื้อแรกในบ้านใหม่ของเขาดูเรียบง่ายและอบอุ่นถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อแม่นั่งข้างๆผมเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ต้องขอบคุณทั้งป้าและพี่ชายที่คอยให้กำลังใจผม ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแต่ผมก็รับรู้ได้
 
“ขึ้นไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวพี่จะช่วยแม่ล้างจานแปบหนึ่ง ไปคนเดียวได้รึเปล่า” พี่เอกถามผม มือก็พลางเก็บจานบนโต๊ะไปด้วย
 
“เอ่อ เดี๋ยวผมช่วยล้างก็ได้” มาอยู่บ้านคนอื่นแถมยังไม่ช่วยงานบ้านเค้าอีกมันก็ออกจะนิสัยไม่ดีเกินไปหน่อย
 
“ไม่ต้องหรอก เราน่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ รีบๆไปอาบน้ำเหอะ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็ดันหลังเล็กออกมาจากห้องครัวชนิดที่ว่าแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
 
“แต่ว่า... ผมอยากช่วย” ร่างบางยืนยันที่จะช่วยอยู่ดี
 
“อื้ม ตามใจงั้นยกจานตรงนั้นมาให้พี่หน่อยสิ” โหย... ทำไมเปลี่ยนใจง่ายจังแหะ พูดปุบก็ใช้ปับเลย
 
   พี่เอกเป็นคนถูซัลไลต์ส่วนผมเป็นคนล้างจานในน้ำสะอาด พี่เอกชวนคุยจนทำให้ผมหัวเราะและลืมเรื่องที่บ้านได้สักพัก แต่นั่นมันทำให้ผมคิดถึงไอ่โอมขึ้นมาซะดื้อๆ ตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้างนะ กูขอโทษที่กูไม่ได้บอกมึงก่อนหน้านี้ หวังว่ามึงจะยกโทษให้กูนะ โอม...
 
“เอ้า ไปอาบน้ำได้แล้ว” พี่เอกก็ดันหลังผมขึ้นบันได เสียงหัวเราะของเราดังท่ามกลางเสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมาเรื่อยๆ
 
   จากที่เคยตักน้ำอาบจากในโอ่งตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นฝักบัวแทน แต่ว่ามันใช้ยังไงว่ะเนี่ย ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยใช้เป็นครั้งแรก
 
“พี่เอก อันนี้มันใช้ยังไงอ่ะ” ร่างเล็กโผล่ศีรษะออกมาจากหลังบานประตูห้องน้ำ ภายในห้องมีพี่เอกกับป้ากำลังยืนคุยกันอยู่
 
“อืม แม่ฝากด้วยนะ” ป้าพูดเสร็จแล้วก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
 
“ไหน ก็หมุนตรงนี้ อันนี้เป็นน้ำเย็นส่วนอันนี้น้ำอุ่น ลองเปิดดูสิ” ไอ่ที่พี่เอกพูดมาผมก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะกล้าลองใช้เท่าไร มือเล็กเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำเย็นจนสุด ด้วยความไม่รู้แถมยังหันฝักบัวไปทางพี่เอกพอดีร่างสูงเลยโดนน้ำเย็นไปเต็มประตู
 
“พี่เอก ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ร่างบางรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ เพราะถูกน้ำเสื้อนักเรียนผืนบางเลยแนบไปกับแผงอกแกร่งเผยให้เห็นกล้ามอกนิดๆของเอกที่เริ่มแตกหนุ่ม
 
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะกัน” พี่เอกเอามือลูบหน้าตัวเอง พลางยิ้มจางๆมาให้ผม สุดท้ายพี่เอกก็หมุนก๊อกนั้นทีก๊อกนี้ทีจนอุณหภูมิของน้ำไม่ร้อนและเย็นจนเกินไป ดวงหน้าหวานซีดเซียวเพราะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
 
“แม่ฝากน้องนอนด้วยไปก่อนนะ สงสารน้อง นอนคนเดียวแกอาจจะกลัวน่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยหลังจากที่คนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
 
“อ่อ ได้ครับแม่ เอกก็ไม่ได้ว่าอะไร” ร่างสูงเอ่ยทันทีที่เกี๊ยวเปิดประตูออกมาพอดี
 
“พี่เอก อันนี้มันใช้ยังไงอ่ะ” ร่างเล็กโผล่ศีรษะออกมาจากหลังบานประตูห้องน้ำ ภายในห้องมีพี่เอกกับป้ากำลังยืนคุยกันอยู่(ย้อนไปอ่าน)
 
   หลังจากที่ผมกับพี่เอกสลับกันอาบน้ำเสร็จ เราก็นั่งดูทีวีกันสักพัก พี่เอกเค้าก็ชวนผมคุย ถามโน้นถามนี้ จะว่าไปแล้วพี่เอกก็เป็นคนที่คุยสนุกดีเหมือนกันแฮ่ะ ถึงตอนเด็กๆผมจะจำพี่เค้าไม่ได้ก็เหอะ
 
ฟรึบ~!! จู่ๆไฟมันก็ดับขึ้นมาซะยังงั้น ทำให้ทั้งผมและพี่เอกต่างเงียบไปตามๆกัน
 
“กลัวเหรอ” พี่เอกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป
 
“ผะ ผมเปล่ากลัว” แต่ผมขยับตัวไม่ออกเลย ถึงแม้ว่าจะมีแสงนีออนจากไฟข้างถนนส่องเข้ามาทำให้พอเห็นล่างๆ แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดีนี่ครับ ฝนก็ตก แถมไม่รู้บ้านนี่มีผีรึเปล่า
 
แบร่ ...
 
เย้ย~!!  สองเสียงที่ประสานดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของพี่เอกคนเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว ก็พี่เอกเล่นโผล่หน้าเข้ามาใกล้ๆแถมแลบลิ้นปลิ้นตา เล่นเอาผมใจหายวูบไปอยู่ตาตุ่ม
 
“ฮ่าๆ ไหนว่าไม่กลัวไง” หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวผมเอาคืนมั้งไอ่ผมก็เงียบพูดอะไรไม่ออกเลย
 
“นอนดีกว่า เรานอนบนเตียงนี่แหละ เดี๋ยวพี่นอนที่โซฟาเอง” พี่เอกก็หอบผ้าห่มกับหมอนไปที่โซฟาหน้าทีวี (ในห้องนอนเดียวกันนั่นแหละ) เห้ย ทำไมยังงั้นล่ะ ผมชักจะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที มานอนเบียดกับพี่เอกจนพี่ต้องไปนอนที่โซฟาแทน เตียงพี่เอกมันเป็นเตียงเดี่ยวนอนได้คนเดียว ถ้านอนเบียดกันสองคนดึกๆก็คงมีใครคนหนึ่งตกลงมาแหงๆ
 
“ไม่ต้อง ผมนอนที่โซฟาก็ได้” เกรงใจสิครับ เกรงใจมากๆเลยด้วย
 
“อย่าดื้อสิ” พี่เอกดึงผ้าห่มกับหมอนที่ผมพยายามแย่งอยู่
 
“แต่ผม...กลัว” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทั้งกลัวทั้งเกรงใจที่มารบกวนพี่เอกถึงขนาดนี้
 
“อืม เหรอ งั้นนอนด้วยก็ได้ ว่าแต่เราไม่นอนดิ้นใช่มั้ย” พี่เอกพูดกึ่งทีเล่นทีจริงแล้วก็ยิ้มๆให้ผม รอยยิ้มเหมือนกับป้าไม่มีผิด ก็แม่ลูกกันนี่เนอะ มือหนาขยี้ผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
 
   ถึงผมจะไม่เคยนอนเบียดเตียงกับคนแปลกหน้า ไม่สิ ญาติห่างๆ แต่ว่ากับพี่เอกผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด เพราะพี่เอกใจดีกับผมมากจนบางครั้งผมคิดว่ามันมากเกินไปแล้ว ผมว่าเตียงมันเล็กแล้วนะแต่ผมกลับนอนได้อย่างสบายๆไม่ใช่เพราะผมตัวเล็กแต่พี่เอกเค้านอนจนเกือบตกเตียงเพราะกลัวว่าจะมานอนเบียดกับผมซะมากกว่าในห้องนอนที่มืดมิด มีเพียงคนตัวเล็กที่ยังคงเบิกตากว้างในความมืด ความเงียบที่มีแต่เสียงฝนเป็นเพื่อนในยามนี้ ทำให้เกี๊ยวเริ่มเข้มแข็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว จะมามัวร้องไห้เป็นเด็กๆไม่ได้อีกแล้ว
 
   ความทรงจำสีจางๆผมจะเก็บมันไว้ที่ส่วนลึกของหัวใจและจะไม่มีวันลืม เรื่องราวที่ผ่านมาผมจะจดจำมันเอาไว้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร อีก 1 ปี 2 ปี หรือ 5 ปีต่อจากนี้ไป เราจะเป็นยังไงเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เป็นทหาร หรือเป็นครู ถึงแม้ว่าวันนี้กูจะมองไม่เห็นว่าตัวเองเป็นยังไง แต่ทุกครั้งที่หลับตาลงเมื่อไร กูก็จะเห็นมึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปนะเพื่อน

END.
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และคอยคอมเม้นให้ผมมาตลอดนะครับ ตอนสุดท้ายฟังเพลงซื่อสัตย์ของบอดี้ไปด้วยก็ซึ้งดี เหอะๆ ขอบคุณครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 05-05-2009 19:44:38
^
^

 :z13:

จบแล้วววววววว

ตกลงว่า...
เป็นได้แค่ความทรงจำดีๆของกันและกัน

เข้าใจอ่ะนะ..น้องยังเด็กๆกันอยู่เลย
แต่แหมมมมมมม...ลุ้นอ่ะลุ้นมาตลอดเลย ๕๕
(หรือว่าจริงๆแล้วพี่เอกเป็นพระเอก หุหุ)

 :pig4: และ +1 สำหรับเรื่องราวน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mackerel ที่ 05-05-2009 19:49:58
มอบแต้ม+ ที่ 25  คร้าบ
***
โชคดีนะเกี๊ยว  :impress3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Greenkub ที่ 05-05-2009 20:21:48
เอ๊า เวง แห้วทั้งบอล แห้วทั้งโอม

ขอบคุณครับ สนุกมากคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 05-05-2009 20:43:43
ใสๆๆ ดีอ่ะ น่ารัก :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Zadao ที่ 05-05-2009 23:51:04
และสุดท้าย  เรื่องราวก็จบลงประการละ ฉะนี้.

ใสค่ะ น่ารัก ^_^ ยิ้ม ๆ เนาะ
ให้ความหมายดีนะ


ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่เขียน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 06-05-2009 06:44:08
จบแล้วเหรอครับเนี่ย


สงสารโอมจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gon_natt ที่ 06-05-2009 08:42:34
...ทุกครั้งที่หลับตาลงเมื่อไร กูก็จะเห็นมึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปนะเพื่อน  

ซึ้งอ่า...คิดถึงเพื่อนเลย  :m15:

ขอบคะณนะค่ะ สำหรับเรื่องราวน่ารักๆ ^^  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 06-05-2009 09:40:36
ตกลงคนไหนอะ


จบแบบความทรงจำแต่ก็น่ารักดี ชอบพี่เอก เชียบอล รักโอม


หน้ามีต่อภาค2ตอนอายุ19นะ


....................................

มา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-05-2009 10:56:07
จบแล้วเหรอ  แล้ว บอล ล่ะ

แอร๊ยยยยยยยย บอล โฮฮฮฮฮฮฮฮ  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 06-05-2009 11:10:15
จบแล้วเหรอเนี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 06-05-2009 11:20:53
ง่า  :a5: :a5: :a5:

จบแล้วหรอ


????????

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 06-05-2009 12:11:39
มาให้่กอมซะดีๆ ถ฿กใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 06-05-2009 18:26:53
ชอบมากกกกกกกกกกกกก o13

น้ำตาคลอเลย คิดถึงเพื่อน อยากให้มีภาคสองตอนโตๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับมารักกันก็ได้ แค่อยู่ในความทรงจำสีจางๆ ก็พอแล้วละ ฮือๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 07-05-2009 13:09:46
หลังจากที่อ่านจบไปแล้ว ก็กลับไปนอนคิดต่ออะครับ ว่า "คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม" เป็นคำพูดของใคร เกี๊ยว บอล โอม หรือ พี่เอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 15-05-2009 07:36:36
เกี๊ยวเอ๊ยยยยยยยยยยยย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: nbee ที่ 15-05-2009 12:41:47
ตกลงคนไหนอะ


จบแบบความทรงจำแต่ก็น่ารักดี ชอบพี่เอก เชียบอล รักโอม


หน้ามีต่อภาค2ตอนอายุ19นะ


....................................

มา


จบงี้เลยเหรอ

น่าจะมีต่อเรื่องสั้น ภาค 2 นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 27-05-2009 20:11:36
แอบเห็นด้วยกับคห.บน

เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: « ‡± ÚêKí ±‡ » ที่ 29-05-2009 00:55:21
             อ่าาาา ทำน้ำตาเล็ดเลย  :m15:
                              ตอนแรกกะจะอ่านผ่านๆคับ แต่พออ่านแล้ว ก้อเลยมาถึงจบเลย ^^"  :z10:
                                            อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนอ่ะคับ
                      นี่อยู่ ม.6 แล้วด้วย เศร้าโคตรอ่ะคับ
ปล.ทำภาค 2 ออกมาต่อก้อดีนะคับ ... ติดตามแน่ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: สายเลือดY ที่ 31-05-2009 22:22:05
คุณคับ ทำงี้ได้ไงอ่านรวดเดียวเลย

มาหักมุมกันงี้ 

  :a5: :a5: :a5:

แต่ก็ดีที่จบแบบนี้ แบบว่า รักพี่เสียดายน้อง อ่ะนะ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: mk_restaurant ที่ 02-06-2009 21:24:37
จบแล้วเหรอ
แล้วคนไหนอ่ะแฟน
5555555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 05-06-2009 23:48:04
ชอบครับ :L2: เเต่ค้างอย่างเเรง

ภาค2อ่ะ จะเอาๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 12-06-2009 19:13:31
ชอบ

แต่ในเรื่องมันเด็กไปอะ  :pighaun:

จบงี้แหละดีแล้ว มันเด็กไป

แหะๆ  :a5: o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 21-03-2010 23:04:25
 :z3:

จบเเบบนี้จิงอ่ะ...

ค้างคายังไงไม่รุดิ...

 :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-03-2010 20:12:41
ทำไมจบแบบนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 24-03-2010 10:46:09
Narak dee na but I request second part dai mai ka nia..
Want to see happy ending a' ka  :call:

PS. I wanna read Yo and Ken's part too na.. plz
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 25-03-2010 19:17:34
ทำไมจบแบบนี้  :z3:

ใช่ครับ จบเหมือนไม่จบแบบนี้ ค้างมากครับ ผมว่าเนื้อเรื่องไม่จบนะ

การจบของเรื่องนี้อยู่ที่คำว่า END คำเดียวอะ

ไม่ยอมมมมม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Milan ที่ 26-03-2010 16:46:35
 :z13: :z13:

 จิ้ม ๆๆ

จบเฉยเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: panuwattew ที่ 27-03-2010 16:12:00
 :z3: เศร้า

น้ำตาคลอเลย

ความทรงจำสีจาง ๆ ๆ

อ่านแล้วนึกๆๆๆๆๆ ที่สุด  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: ๋JEFF ที่ 27-03-2010 18:04:42
ห้าา ชอบอ่ะ

แต่ แอบคล้าย หนัง แฟนฉัน เลยย บางส่วนน


แต่สนุกกก ชอบบบ


สุดท้ายก็ไมไ่ด้คู่ใครเลย ย

แต่เอาเหอะะ   เชียร์สองคนเลยอ่ะ  เฉพาะเรื่องนี้เลยย
ชอบทั้งคู่ไม่ คู่ใครก็ดีแล้ว     o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: nanny_js_js ที่ 15-07-2010 20:32:27
รู้สึกดีที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สู้ๆๆ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 16-07-2010 13:43:59
แต่ไงก็ขอบคุณนค๊าบบบบ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 18-07-2010 14:10:40
 o13 o13 o1
ชอบมากเลย
ถ้ามีต่อภาคตอนโตจะดีมากเลย
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: gtower ที่ 18-07-2010 21:12:30
เง้อ มิน่าไมแค่ 6 หน้า จบแบบคาติ่งเลยเนี่ย 555 หักมุมแบบทันหันเยย  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 08-09-2011 16:32:06
 :a5: :a5: :a5: น่าจะมีต่ออีกสักหน่อยอ่า  :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 08-09-2011 19:39:15
ภาคสอง http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28673.0 ตามไปอ่านต่อได้เลยครับ อันนี้ตอนมหาวิทยาลัย กำลังจะแต่งต่อ ขอโทษที่ให้รอนานน่ะครับ   :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: IKeaw ที่ 09-09-2011 02:33:31
มาอ่านแบบรวดเดียวจบ

แรกๆก็ลุ้นให้แต่ละคนทำแต้ม

แต่ไหงไปๆมาๆ โอมทำแต้มอยู่คนเดียวหว่า?

แล้วบอล..จะโหดอะไรมากมาย ให้เกี๊ยวได้พักหายใจบ้างเห้อ!!

อีกอย่าง แอบลุ้น นึกว่าจะมีตัวใหม่อีกตัว หุหุ

แต่ก็นะ ยังไงก็จบด้วยความอบอุ่นของเกี๊ยว(และคนอ่าน)

ก็ขอติดตามภาคสองต่อเลยแล้วกัน(ชะแว๊บบบบ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma2009 ที่ 09-09-2011 20:18:52
 :bye2:

 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 11-09-2011 06:11:59
 :pig4: เขียนได้ดีนะฮ๊าฟฟฟ
ขอบคุณฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-09-2011 13:58:24
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่ารักมากๆๆๆ และกำลังตามไปอ่านภาค 2 อย่างเร่งด่วน o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 11-09-2011 16:50:05
เชียร์โอมจ้า :-[
เราว่าโอมชัวร์  ไอ้บอลนี่ยังไงๆอยู่
ไม่เอาสามพี  โอมเท่านั้น
แล้วไหนจะพี่เอกที่มาหยอดไว้อีก
ตกลงใครคือพระเอกของเกี๊ยวกันแน่ :serius2:
(พอดีไปอ่านภาคสองมาแล้วอ่ะ)
ตอนจบนี่ ใช่เลย แฟนฉัน
ค้างนะจ๊ะ ยังดีที่มีภาคต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 19-03-2012 23:58:05
อ่ากลับมาอ่านจาเรื่องบอกหน่อยได้ไหม
อ่อที่แท้มันเป็นยังงี๊นี้เอง
ไปอ่านภาพโตก่อนสะแล้วเรา 555+
น่ารักมากๆเลย ทั้งบอลทั้ง โอม
ไปอ่านตอนปัจจุบันต่อละ 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 20-03-2012 17:33:31
 :กอด1:มากอดคนแต่ง :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 21-03-2012 16:59:20
จบแบบ.... เห้อ!!!! มีต่อ นะๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 21-03-2012 19:54:06
 :z3: รุ้สึกว่าจบแบบค้างคามากๆ แต่โชคดีที่เห่นว่ามาต่อตอนใหม่อีกที :) :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 15-09-2012 23:31:30
ลุ้นมาก สงสารน้องเกี๊ยวจังถูกแกล้งอยู่เรื่อยเลย

ตามไปอ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 16-09-2012 17:20:27
มิตรภาพ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: k_roro ที่ 22-09-2012 22:59:59
คนไหนแฟนเกี้ยวอ่ะคะะ. ชอบมากอ่านรวดเดียวเลย

มีต่ออีกเถอะนะคะ ตอนพ้เศษแบบว่า5-6ปีต่อมาอ่ะค่ะ อยากรุต่อจิงๆ

สนุกมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-10-2013 12:24:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 28-10-2013 11:44:31
 :katai1: ง่าส์ จบซะแระ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: HappyItim ที่ 28-10-2013 14:01:46
 แอบสมน้ำหน้าทั้งบอลและโอมเล็กน้อย... เป็นไงล่ะมัวแต่ปากหนักอยู่ได้

 สุดท้ายน้องเกี๊ยวก็โดนพี่เอกก็คาบไปแดรก! กร๊ากกกกกก  :laugh:
 
 Ps.คนเขียนทำร้ายจิตใจ...  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: knockknock ที่ 28-10-2013 16:31:37
ได้ อยาก ได้ part 2 ค๊าบบบบ  :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 29-10-2013 23:07:37
อ้าววว...แง่มๆๆ
จบซะงั้น รู้สึกเหมือนไม่สุดอ่ะ
ตอนพิเศษอีกสักหน่อยม๊ะ?? อิอิ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 21-12-2013 00:57:49
อ้าววว...แง่มๆๆ
จบซะงั้น รู้สึกเหมือนไม่สุดอ่ะ
ตอนพิเศษอีกสักหน่อยม๊ะ?? อิอิ
 :mew2:
ได้ อยาก ได้ part 2 ค๊าบบบบ  :m15:

เพิ่งรู้ว่าภาคต่อถูกลบไปแล้ว ผมคงไม่แต่งต่อแล้ว ยุ่งมากจริงๆ ขอโทษมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 21-12-2013 04:19:31
เพิ่งรู้ว่าภาคต่อถูกลบไปแล้ว ผมคงไม่แต่งต่อแล้ว ยุ่งมากจริงๆ ขอโทษมากๆเลยครับ

หาไม่เจอเหมือนกันครับภาคโตแล้ว ที่สำคัญคือมันยังไม่จบด้วย
ถูกลบไปแล้วหรอครับ แล้วจะไม่ต่อจริงๆหรอ
อยากบอกว่าชอบมากๆเลยนะ กำของเวร
ไม่น่าเราหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ กดลิ๊งค์เข้าไปก็ไม่ได้แล้ว
อยากไห้ต่อจังเลย เอาตอนที่มีเวลาก็ได้นะ เศร้า
ค้างคาใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: okuni4734 ที่ 21-12-2013 17:03:35
สรุปคือไม่มีใครได้บอกสักคน :katai1:
แต่ก็น่ารักมากเลย แนวใสๆน่ารักอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 22-12-2013 00:12:17
เอ่อ....  จบแบบนี้ ฆ่ากันชัดๆ   


กระซิกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 23-12-2013 12:01:07
เราว่าต่อเถอะ อยู่ดีๆก็มีพี่เอกมาเพิ่มในตอนเดียวสุดท้ายคนที่ลุ้นมาตั้งนานก็ไม่ใช่ตัวจริง

ต่อในภาคที่เพื่อนมาเจอกันใหม่ก็ได้ คือแบบนี้มันยังไม่สุดจริงๆค่ะ

และชื่อตอนก็เหมือนจะไม่เข้ากับเรื่องเท่าไหร่นะคะ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2013 02:56:38
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยิ่งรู้สึกว่า อยากให้มีภาคสองจริงๆ :katai1: