[เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม  (อ่าน 67562 ครั้ง)

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #60 เมื่อ20-04-2009 20:21:35 »

  ตอน 6.2

 มันใกล้มาก ใกล้ซะจนหัวใจแทบหยุดเต้น กลิ่นตัวอ่อนๆของไอ่โยที่โชยมาติดจมูก เป็นกูคนเดียวสินะที่หวั่นไหว เมิงคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่...มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น (เคน)
 
ปึก ศอกแหลมกระทุ้งอกแกร่งเบาๆเป็นเชิงเตือน
 
“พอๆ กูเล่นเอง” โยผลักเคนออกจากตัวด้วยนิสัยที่ขี้หวง ขณะที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับเกมที่ไม่เคยเคลียร์เลยสักครั้งตั้งแต่ซื้อมา
 
“หึหึ” เคนหัวเราะอยู่ในลำคอ มองดูหลังเล็กที่อยู่ห่างจากกายตัวเองไม่ไกลนัก ก่อนจะเขยิบตามเข้าไปนั่งใกล้ๆเหมือนเดิม คนอย่างไอ่โยบ้าเกมเข้าขั้นรุนแรง ไอ่ตอนที่มันเล่นเกมต่อให้มีรถสิบล้อพุ่งมาก็ยังเดาไม่ถูกว่ามันจะหลบทันรึเปล่าเล้ยยย
 
    ไม่มีใครรู้ว่าบอลกำลังคิดอะไร ในใจตอนนี้มันว้าวุ่นและสับสน ตั้งแต่เมื่อไรที่ความรู้สึกแปลกๆหลายอย่างคืบคลานเข้ามาในหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อผู้ใดมาก่อน ยิ่งเห็นหน้าตาใสซื่อของไอ่คนที่เขาต้องเจอหน้าทุกวัน มันกลับทำให้เขาร้อนรนจนไม่เหมือนคนเก่า แค่อยากจะทำให้คนๆนั้นสนใจในตัวเขาบ้าง เพราะอะไรน่ะเหรอ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันรู้สึกหวง ทั้งๆที่เขาชอบแกล้งหมอนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไร คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ว่าความจริงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่ ทุกอาการมันเป็นไปตามความรู้สึกจนควบคุมไม่ได้อีกแล้ว
 
โป๊ะ!!!
 
    ไม่รู้ไอ่เวรตัวไหนมันปากระดาษมาติดหัวผม วาดรูปฟิวกำลังได้เลยแมร่ง ผมมองก้อนกระดาษที่ถูกขยำยู้ยี้อยู่ในมือ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเจ้าของ แต่ทุกคนในห้องก็นั่งเรียนตามปกติจนผมเดาไม่ถูกเลยว่าใครกันแน่ที่จงใจปาหัวผม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจขว้างมันลงถังขยะไปอย่างไม่ใส่ใจ
 
โป๊ะ!!!
 
    ไอ่ก้อนแรกยังพอให้อภัย แต่ไม่คิดว่าจะมีก้อนที่สองตามมา วันนี้มันเป็นเชี่ยไรว่ะเนี่ย ทุกคนในห้องนั่งนิ่งก้มๆเงยๆจดสิ่งที่อาจารย์เขียนบนกระดานอย่างเคย แล้วใครมันปามาว่ะ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด อย่าให้รู้ว่าใครปามาแมร่งจะโดนมิใช่น้อย
 
   เป็นครั้งที่สองที่ผมกำลังโยนไอ่ก้อนกระดาษลงถังขยะที่อยู่ไม่ห่างจากผมเท่าไร แต่ดูเหมือนข้างในจะมีคนเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นร่างบางจึงคลี่ก้อนกระดาษในมือออก
 
“เย็นนี้ เจอกันที่สนามบอล ไม่มามึงเจ็บ” ผมอ่านข้อความชวนสยดสยอง ไอ่ลายมือปานกิ้งกือดิ้นตายบนกระดาษ แถมประโยคที่ไม่ค่อยต่างกับการขู่เอาชีวิตแบบนี้ คงเป็นฝีมือไอ่บอลชัวร์
 
“เฮ้อ...” คนตัวเล็กถอนหายใจเบา เมื่อไรมันจะเลิกรังควานผมสักที
 
   เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เวลาคล้ายกับจะเดินไวกว่าทุกวัน ผมแค่แอบงีบได้แปบเดียวก็โรงเรียนเลิกซะแร่ะ ผมเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะสะพายมันไว้ข้างหลัง ร่างบางเดินคอตกตรงไปยังสนามบอล ไม่รู้ว่าผมต้องเจออะไรอีก
 
“ไอ่เกี๊ยว ทางนี้โว้ย” เสียงไอ่โยตะโกนแหกปากโบกไม้โบกมือมาแต่ไกล ผมมองกลุ่มคนไม่ต่ำว่า 10 คนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่กลางสนาม ยังกะว่ามันจะยกพวกไปตีกันไงงั้นแหละ ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาไอ่โยที่ยืนร่วมอยู่ในนั้นด้วย
 
   พอวิ่งไปถึงก็มีแต่คนมองหน้าผม ตัวสูงๆกันทั้งน้าน สงสัยเป็นไอ่พวกห้องอื่นที่มันมาท้าดวลบอลกันแน่ๆเลย
 
“คนครบแล้ว พวกเมิงจะเล่นกันได้รึยัง” ไอ่แห้งที่ยืนทำหน้ากวนตีนพูดกับไอ่บอล
 
“ใคร 6 ลูกก่อนชนะ” ไอ่บอลยื่นแผ่นกระดาษสีเขียวออกมาจากกระเป๋า รวมทั้งไอ่แห้งนั่นด้วย
 
“เดี๋ยว 40 ไปเลย” ไม่ทันที่ไอ่แห้งจะเขี่ยบอลไปกลางสนามไอ่บอลก็ท้วงขึ้นมาซะก่อน มันทำท่าลังเลก่อนจะควักแบงค์สีเขียวอีกใบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เท่ากับว่าเงินพนันบอลในครั้งนี้ 80 บาท ฝ่ายไหนชนะก็ได้เงินไปกินขนมสบายเลยนี่หว่า
 
   ไม่รู้วันนี้ไอ่บอลมันผีเข้าอะไรของมันถึงให้ผมเล่นบอลกับมันด้วย แถมอีกฝ่ายนั้นก็พวกไอ่ยะเจ้าพ่อบอลฝั่งตลาดซะด้วย แหงละหนึ่งในนั้นต้องมีไอ่โอมร่วมด้วยอยู่แล้ว โอกาสจะชนะเลยดูลิบหรี่เต็มที ยิ่งมีผมร่วมทีมอยู่กะพวกมันด้วยแล้ว คิดแล้วก็เสียดายเงิน 40 บาทของมันแทนจริงๆ
 
   สักพักไอ่บอลก็ปลดกระดุมเสื้อโชว์หุ่นเฟิร์มๆของมันโยนไว้ข้างสนามต่อหน้าประชาชี ตอนแรกเห็นแล้วก็แอบอิจฉานิดๆ จะโชว์อะไรนักหนา แต่ที่ไหนได้ ไอ่โย ไอ่เคน รวมทั้งไอ่เอ็มมันถอดเสื้อกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังอยู่ในสภาพนักเรียนอยู่ ใช้การถอดเสื้อแบ่งฝ่ายเพื่อจะได้ง่ายต่อการเล่นนี่เอง ผมเลยจำใจต้องโชว์หุ่นแห้งๆตามกระแสไปด้วย
 
   และแล้วเกมก็เริ่มขึ้น ท่าทางแต่ละคนดูไม่เหมือนอย่างที่ผมเคยเห็น ไอ่โยวิ่งไปประจำอยู่ที่โก ส่วนไอ่เคนคุมกองหลัง ไอ่บอลยืนเป็นกองหน้า ไอ่เอ็มปีกซ้าย ส่วนผมน่ะเหรอ ยืนเอ๋ออยู่ขอบสนามก็เคยเล่นบอลจริงๆจังๆก็เค้าที่ไหนล่ะ
 
“ไอ่เชี่ยเกี๊ยว เมิงจะเล่นมั้ย” เสียงจากซาตานก็ตะโกนดังข้ามสนามมาด่าผมถึงที่ ดูเหมือนผมกับไอ่โยจะตัวเล็กที่สุดในเกมนี้ คนตัวเล็กวิ่งไปอยู่ปีกขวาซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่เหลืออยู่ เหงื่อเม็ดใสผุดที่ดวงหน้าหวานตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม
 
   ฝ่ายไอ่ยะ ไอ่โอมมันก็ยืนกระจายๆกันอยู่ในสนาม เหรียญบาทถูกโยนขึ้นไปในอากาศก่อนจะตกลงมาที่แขนของไอ่ยะอีกครั้ง
 
“หัว” เสียงทุ้มของไอ่บอลพูด ก่อนที่ไอ่ยะจะเปิดมือออกมา ผลลัพธ์เป็นอย่างที่ไอ่บอลคิดไว้ เดาแม่นขนาดนี้ แมร่งไปใบ้หวยได้หลายตังค์เลยนะเนี่ย
 
   ร่างสูงใช้เท้าเขี่ยบอลมาหาตัวเอง ขณะที่เกมของลูกผู้ชายเริ่มขึ้นในยามเย็นที่แสงอาทิตย์รำไรสาดส่อง สายลมเอื่อยๆพัดมา ช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังแบบนี้
 
   ไอ่บอลเลี้ยงลูกได้ไม่นานก็ถูกไอ่โอมแย่งบอลไป ลีลาสุดยอดจริงๆ ผมมัวแต่ยืนอึ้งในความเทพของมันอยู่ที่เดิมจนลืมวิ่ง อันที่จริงผมก็เล่นไม่ค่อยเก่ง เดาว่าที่มันให้ผมเล่นด้วยคงเพราะคนไม่พอ ผมเลยวิ่งๆพอเป็นพิธี
 
   ไอ่ลูกกลมๆที่ทุกคนต่างวิ่งไปเพื่อแย่งมันมา สุดท้ายก็แตะทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ไม่นานแต้มมันก็วิ่งไปเรื่อยๆจนมาอยู่ที่ 5 ต่อ 5 ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้แตะบอลเลย ยืนวิ่งไปวิ่งมา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรส่วนมากจะดูพวกมันเล่นกันซะมากกว่า ไอ่เหตุผลที่ว่าคนฝ่ายไอ่บอลขาดก็เลยเริ่มเด่นชัดขึ้นทุกที
 
“เกี๊ยว” จู่ๆไอ่เอ็มก็ส่งบอลมาทางผมที่ยืนโล่งอยู่คนเดียว ก็พวกไอ่ยะดันไปแย่งบอลรุมไอ่เอ็มคนเดียวเลยนี่ บอลสีขาว-ดำที่ออกจะเก่าเล็กน้อยค่อยกลิ้งมาหาผมจนหยุดอยู่ตรงหน้า แล้วกูจะทำดีเนี่ย ไม่นานพวกไอ่ยะกะเพื่อนของมันเริ่มวิ่งกรูเข้ามาผมแต่ไกล ชริปหายแล้วมั้ยล่ะ
 
“แตะดิว่ะ” เสียงไอ่เคนตะโกนดังมาจากข้างหลังผม เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน
 
   คนตัวเล็กเริ่มเลี้ยงบอลวิ่งไปข้างหน้า แต่กลับมีเงาสูงๆเข้ามากระกบข้าง ไอ่โอมมันวิ่งมาประชิดตัวผมแถมยังวิ่งมาดักหน้าผมอีก ตายห่าแล้ว
 
   แผงอกขาวเนียนที่ไม่เคยประจักต่อสายตาใครมาก่อนจนถึงวันนี้ที่ผมได้มาเห็นใกล้ๆ ถึงมันจะตัวเล็กไปหน่อยแต่ผมว่าแบบนี้มันก็น่ารักดี กลิ่นเหงื่อที่ชโลมมันทั้งตัวทำให้ผมอดจ้องมันไม่ได้จริงๆ (โอม)
 
“เอาดิ” ไอ่โอมพูดเยาะเย้ยผมที่พยายามจะเลี้ยงลูกหลบมันอยู่ ใครจะรู้ว่าไอ่บอลลูกกลมๆนี่มันจะควบคุมทิศทางยากขนาดนี้
 
   จะเลี้ยงไปซ้ายไปขวา มันก็รู้ทันผมซะหมดแต่ติดอยู่อย่างว่ามันไม่ยอมแย่งบอลจากผมไปทั้งๆที่มันก็ทำได้ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากซะอีก
 
    ผมมองไอ่บอลที่ยืนโบกมืออยู่ไกลๆ ขืนผมเก็บบอลไว้กับตัวเองแบบนี้มีหวังโดนไอ่โอมชิงไปแน่ๆ ร่างบางหลับหูหลับตาแตะบอลไปหาคนตัวสูงที่ยืนอยู่ใกล้ตัวเองที่สุดในตอนนี้
 
“ขอบใจว่ะ” คำขอบคุณที่มาจากปากไอ่ยะ ทำเอาผมอยากจะบ้าตาย ผมตั้งใจส่งให้ไอ่บอลไหงไปอยู่ที่ไอ่ยะได้ว่ะเนี่ย แล้วมันก็ยิ้มร่าวิ่งไปพร้อมกับบอลตรงไปหาไอ่โย ขนาดโกกับตัวมันนี่ต่างกันเหลือใจชะมัด ไอ่ซีนที่ว่าไอ่ยะเตะบอลไปแล้วมันรับได้เลยมีน้อยมาก
 
   ภาพที่ไอ่ยะเตะบอลผ่านประตูเข้าไปโดยที่ไอ่โยกระโดดไปรับแต่เฉียดนิ้วมันไปนิดเดียวทำเอาผมเข่าทรุด จิ้มกับหญ้านุ่มๆ ผมเห็นไอ่โยใช้มือทุบกับสนามหญ้าอย่างบ้าคลั่ง
 
   เสียงเฮดังกับชัยชนะที่ได้มา พวกไอ่ยะกระโดดกอดคอกันก่อนจะไปฉวยเอาแบงค์สีเขียวที่เหน็บกับกิ่งไม้มาไว้กับตัวเอง
 
“คราวหน้ามาแข่งกันอีกนะเว้ย” เสียงไอ่ยะพูดเย้ยกับไอ่บอลที่ยืนกำมือแน่น แล้วพวกมันก็พากันจากไปพร้อมกับเงิน 80 บาท
 
“โธ่เว้ย” ร่างสูงเตะหญ้าแรงด้วยความโมโห
 
“ไอ่โย เมิงเฝ้าโกภาษาไรว่ะเนี่ย ถึงปล่อยให้บอลเข้าไปได้” ไอ่บอลตะคอกใส่ไอ่โยที่นั่งอย่างคนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าโก
 
“ลูกมันมาไวใครจะรับได้เล่า พวกเมิงนั่นแหละปล่อยให้บอลหลุดมาได้ไง” คนตัวเล็กตะโกนกลับ น้ำเสียงที่เจือปนด้วยความผิดหวังผสมกับเสียงหอบดังระงมทั่วบริเวณ
 
“ไอ่เกี๊ยวเมิงส่งบอลให้ไอ่ยะทำเหี้ยไรว่ะ” มือแกร่งผลักแผงอกคนตัวเล็กจนกระเด็น
 
“กูไม่ได้ตั้งใจนี่ ทำไมเมิงต้องมาผลักกูด้วยว่ะ” ตอนนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งผิดหวังพอๆกัน ทำไมมันต้องมาซ้ำเติมกันด้วย คนตัวเล็กผลักอกแกร่งที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายจนบอลเซไปข้างหลังเหมือนกัน
 
“เมิงกล้าผลักกู” ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงมันกลับ หมัดใหญ่ๆก็พุ่งเข้ามาชนหน้าผมจนหันไปตามแรงที่ไอ่บอลส่งมาแบบไม่ทันตั้งตัวล้มไปนั่งบนหญ้าผืนนิ่มที่รองรับไว้ด้านล่าง เลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากมุมปากบาง
 
“อย่ามีเรื่องกันเลย กูขอ” เสียงไอ่เคนท้วงขึ้นมา แต่สายตาคมที่ดูดุดันจนน่ากลัวของไอ่บอลมองไอ่เคนจนมันไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีก
 
   คนตัวเล็กที่ล้มกองอยู่กับพื้นยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสวนหมัดกลับด้วยแรงโทสะเช่นกัน แล้วไอ่บอลก็รับหมัดผมไปเต็มๆ ถึงแรงผมจะไม่เยอะเท่ามันแต่รับไปเต็มๆหน้าขนาดนั้นไม่เจ็บก็ให้มันรู้ไป ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกจากปลายคิ้วหนาแทบจะทันที
 
   นัยน์ตาที่ดุดันเอาเรื่องของไอ่บอลถึงกับทำให้ไอ่เคนกลัว แล้วผมล่ะ ผมที่พลั้งมือชกมันไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าผมจะมีชีวิตรอดไปจนถึงวันพรุ่งนี้ได้อีกรึเปล่า แต่ ความรู้สึกนั้นมันกลับถูกเก็บไว้ภายในไม่แสดงออกมาสงสัยผมจะได้เชื้อดิบเถื่อนมาจากมัน นัยน์ตาหวานที่แข้งกร้าวจ้องร่างสูงที่ยืนตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง มือเล็กกำข้างลำตัวแน่นคล้ายกับพร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อ
 
    คนตัวสูงง้างกำมือทำท่าว่าจะชกไอ่คนตรงหน้าให้สลบหมอบให้ได้ ด้วยแรงโทสะที่พุ่งพล่านเกินกว่าจะระงับไหว
 
“พอเหอะ” เกี๊ยวยืนนิ่งหลับตาปี๋เตรียมรับแรงประทะ แต่...กลับมีใครอีกคนที่คว้าแขนของไอ่บอลได้ทันซะก่อนที่จะมาถึงตัวผม
 
“ไอ่เชี่ยโอม เมิงไม่ต้องมายุ่ง” คนที่กำลังเดือดดานจนไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นผลักโอมจนกระเด็นไปอีกทาง
 
“นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” จู่ๆก็มีอีกเสียงดังขึ้น คุณครูฝ่ายปกครองที่วิ่งมายืนคั้นกลางระหว่างผมกับไอ่บอล ผมเลยถูกลากตัวมาที่ห้องปกครองทันที 
 
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องชกต่อยกันด้วย” คนตัวเล็กนั่งก้มหน้าเงียบ ร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆสีหน้าเรียบนิ่งหูทวนลมอย่างคนไม่รับรู้อะไร เลยไม่มีใครตอบคำถามที่ครูถามหลายนาทีก่อน
 
“ครูก็ไม่รู้ว่าพวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกันก็ต้องรัก ต้องสามัคคีกันไว้สิ ไม่ใช่มาทะเลาะตบตีกันแบบนี้” คำพูดที่ดูจะเป็นความหวังดี ใช่ว่าผมอยากจะไปมีเรื่องกะใครที่ไหนเล่า แต่มันเหลืออดแล้วจริงๆ
 
“นัฏพล เธอก็ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อนเลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ครูน่ะไม่อยากจะแจ้งเรื่องพวกนี้ให้ผู้ปกครองเธอต้องมากลุ้มใจหรอกนะ เธอก็อีกเหมือนกันภานุ ครูนึกว่าเธอจะปรับเปลี่ยนนิสัยได้แล้วซะอีก ครูสงสารแม่เธอรู้มั้ย ที่ต้องมารับทราบเพราะไอ่เรื่องไร้สาระพวกนี้ของเธอมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว” คนตัวเล็กและร่างสูงยังคงนั่งนิ่งปิดปากเงียบ ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
 
“ครูจะไม่ทำโทษและจะยังไม่แจ้งผู้ปกครองพวกเธอนะ แต่พรุ่งนี้พวกเธอสองคนต้องมาหาครูที่ห้องนี้ตอนเช้า เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงที่เอ่ยหนักแน่นดัง
 
 “ครับ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา “ครับ” บอลตอบสั้นแต่ในน้ำเสียงสั่นเครืออย่างคนสำนึกผิด
 
“เอาล่ะ ไปได้แล้ว หวังว่าพวกเธอคงเข้าใจที่ครูพูดนะ” คุณครูเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ผมรีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าไอ่บอลเพื่อทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้นั่งที่เดิมข้างๆมันอีกต่อไปแล้ว

"กะ เกี๊ยว กู...ขอโทษ" มันเป็นประโยคที่ผมได้แต่คิดในใจ แต่ตอนนี้อะไรมันคงสายไปแล้ว ไอ่เกี๊ยวมันคงเกลียดผมมากกว่าเดิม ไม่น่าอารมณ์ร้อนเลย มันก็แค่เกมที่กูจริงจังมากไป ขอโทษจริงๆ (บอล)

"โธ่เว้ย" มือแกร่งประทะกับผนังปูนแรงจนความรู้สึกปวดร้าวแล่นลิ่วมาตามแรงกระทบทันที แต่ร่างสูงกลับเหมือนคนไร้ความรู้สึกเพราะตอนนี้มันเจ็บที่หัวใจมากกว่าสิ่งอื่นใด กับเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งไปแล้วจนไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
 
“เกี๊ยวไปฟัดกะหมาที่ไหนมาเนี่ยห๊ะ” พอกลับมาบ้านเท่านั้นแหละ ผมก็โดนแม่บ่นยกใหญ่ ก็ผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกะใครมาก่อนนี่นามันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแม่
 
“โอย ไม่เอาทิงเจอร์แม่ ไม่เอา” ผมเบือนหน้าหนีไอ่สำลีชุบน้ำสีฟ้าอ่อนๆที่อยู่ในมือแม่
 
“ทิงเจอร์เนี่ยแหละ ไม่งั้นจะหายเรอะ” จะหนีได้ยังไงล่ะครับ ไอ่ตอนที่โดนชกใหม่ๆมันไม่เจ็บหรอก แต่ไอ่ตอนทายานี่สิเจ็บอย่าบอกใครเลย ซี๊ดดดด...
 
“ส่งให้ไปเรียนหนังสือกลับอยากไปเป็นนักเลง” ยิ่งบ่นแม่ก็ยิ่งกดน้ำหนักมือแรงขึ้น ไม่รู้เพราะหมั่นไส้หรืออะไรกันแน่แต่ที่รู้ๆผมเจ็บกว่าตอนที่ถูกไอ่บอลชกอีก
 
“โอยๆ เบาสิแม่ ผมเจ็บนะ” ร่างบางร้องท้วงอย่างไร้หนทาง
 
ฉอดๆๆๆๆๆ
 
“โธ่แม่ ไอ่เกี๊ยวมันเป็นเด็กผู้ชายก็ปล่อยๆมันไปเถอะ” หลังจากนั่งฟังแม่บ่นยาวเป็นหางว่าว ดูเหมือนพ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์ไม่รู้เรื่องเลยท้วงแม่เค้าสักหน่อย
 
“พ่อก็ชอบให้ท้ายลูกทุกทีแหละ มันถึงได้เกเรแบบนี้ ฉอดๆๆ” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งจะยุให้แม่แกบ่นต่อไป ผมกับพ่อเลยตัดสินใจเงียบดีกว่า
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #61 เมื่อ20-04-2009 21:57:53 »

มอบแต้ม+ ที่ 14 คร้าบบบ

**************
บอลนะบอล-ทำไปด้ายยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #62 เมื่อ21-04-2009 00:46:12 »

 :mc4: :mc4:

 :o12: :o12:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #63 เมื่อ21-04-2009 01:31:18 »

 :mc4:

prawy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #64 เมื่อ21-04-2009 03:52:47 »

สงสารเกี๊ยวจัง


 :sad4:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #65 เมื่อ21-04-2009 07:34:18 »

[โหย... เกี๊ยวน่าสงสารอะ เรื่องที่บ้านร้างก็ว่าทำร้ายจิตใจกันมากแล้วนะ นี่ถึงกับต่อยกันเลยเหรอเนี่ย  :m16:


จะว่าไป โอมก็ค่อยๆตอดเก็บคะแนนอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย หึ หึ หึ  :-[

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #66 เมื่อ21-04-2009 16:00:18 »

ตอน 7

แซ่ แซ่ แซ่ (อาบน้ำสามขันก่อนไปโรงเรียนตามปกติ)

ตึกๆๆๆ คนตัวเล็กที่ย่ำเท้าวิ่งลงบันไดด้วยอาการรีบร้อนอย่างเคย มีรอยเขียวอมม่วงเป็นจ้ำปรากฏที่มุมปากบาง บวกกับสีหน้าของเจ้าตัวที่ดูไม่ค่อยดีทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย
 
“วะ หวัดดีครับ น้าเพ็ญ” ผมยกมือไหว้แม่ไอ่โอมลวกๆก่อนจะรีบโดนขึ้นรถมอไซด์พ่ออย่างเช่นทุกวัน ไม่รู้ว่าน้าแกมีธุระอะไรสำคัญถึงได้มาหาแม่แต่เช้า
 
“อ้าว หวัดดีจ้า” น้าแกรับไหว้เก้อๆเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆมาให้ผม สงสัยคงงงที่ผมเพิ่งออกจากบ้านผิดกับลูกชายแสนดีของน้าที่ปานี้คงไปถึงครึ่งทางแล้วมั้ง
 
    รถมอไซด์ออกตัวเร็วดั่งใจคิด กระแสลมที่ประทะทวนมาก็ไม่ช่วยดับความร้อนที่มีในจิตใจของคนตัวเล็กได้เลย มันก็ไอ่เรื่องเดิมๆนั่นแหละ ชาตินี่เมื่อไรมันจะตื่นทันรถนักเรียนว่ะ
 
“พ่อๆ น้าเพ็ญเค้ามาคุยอะไรกะแม่แต่เช้าอ่ะ” ผมพูดเกริ่นๆ ก็พวกแม่ๆเค้าชอบเมาท์กัน แต่ไม่คิดว่าจะอยากเมาท์จนต้องมาหาแต่เช้าขนาดนี้ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมแค่อยากรู้เท่านั้นเอง (แถวบ้านกูเค้าเรียกเสือกว่ะ)
 
“เห็นว่าน้าเพ็ญเค้าต้องไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ พ่อก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเหมือนกัน” ผู้เป็นพ่อกึ่งพูดกึ่งตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ดังไม่แพ้กัน
 
“อืม” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจ น้าเพ็ญกะแม่นี่หาเรื่องคุยกันได้ตลอด ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันการเมือง
 
   ช่วงหลังๆผมแกล้งตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย ก็ผมไม่อยากจะขึ้นรถนักเรียนแล้ว ต่อให้ผมต้องโดนครูด่าก็ยังดีกว่าต้องไปนั่งข้างๆไอ่บอลหรือต้องเจอหน้ามันทุกเช้าแบบนี้
 
ปิ่ง ป่อง~!! ประกาศ ขอพบนักเรียนที่มีรายชื่อต่อไปนี้ที่ห้องปกครองในเวลานี้ด้วยค่ะ นัฏพล วงษ์วานิช และ ภานุ พิทักษ์สกุล ประกาศ...
 
   เสียงประกาศดังก้องทั่วอาณาบริเวณ กะจะให้ผมขายหน้าไปถึงไหนกันเนี่ย อันที่จริงผมก็ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าคุณครูฝ่ายปกครองให้ไปพบวันนี้
 
   ผมเดินตามไอ่บอลออกจากห้องไปติดๆ สภาพมันก็ไม่ค่อยต่างจากผมเท่าไร มีพลาสเตอร์สีขาวแปะที่หางคิ้วหนาของมันก็ทำเอาผมแอบภูมิใจน้อยๆกับผลงานตัวเอง แต่ที่สะดุดตาไปกว่านั้นคือมือขวามันห่อผ้าก๊อตไว้ด้วย มันต่อยผมแค่ปากแตกถึงต้องกับพันผ้าก๊อตเลยเหรอว่ะเนี่ย บอบบางกว่าที่คิดแฮ่ะ หลงนึกว่ามันทึกมาตั้งนาน
 
“มองเชี่ยไรเมิง” ไอ่บอลมองผมเคืองที่ผมเผลอไปจ้องมือมันเข้าให้ เออ...กูไม่มองก็ได้ ห่านิ ผมเดินห่างมันประมาณ 3 ก้าวได้ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าถูกจ้องเนอะ ใช่ว่าอยากจะมองสักเท่าไรหรอก
 
“อ้าว มากันแล้วสินะ ตามครูมา” ผมเดินตามครูเข้าไปในห้องทำงาน เฮ้อ...ชีวิตเด็กหลังห้องอย่างผมต้องไปจบลงที่การล้างส้วม หรือ เก็บขยะรอบโรงเรียนละทีนี้
 
“อยู่ไหนนะ” แล้วครูแกก็บ่นพึมพำคนเดียวรื้อๆค้นๆหาอะไรสักอย่างในลิ้นชัก ไอ่บอลที่ยืนอยู่ข้างๆผมทำเอาผมแทบจะไม่ขยับหัวไปไหนเลยนอกจากมองไปข้างหน้า
 
“เจอแล้ว รับไปสิ” แล้วคุณครูก็ยื่นเชือกสีขาวที่ยาวประมาณแขนหนึ่งได้มาให้ผม งงเป็นไก่ขี้แตกสิครับ จะให้เอาเชือกไปล้างส้วมก็คงไม่ใช่
 
“....” เกี๊ยวยืนทำหน้าเอ๋อกำเชือกในมือ บอลยืนกอดอกในใจก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเอาเชือกมาทำซากอะไรกันแน่
 
“อ่อ ขอโทษทีครูนึกว่าบอกพวกเธอแล้วซะอีก” แล้วคุณครูแกก็พูดเองเออเอง รีบกูลีกูจอมาทางผมกับไอ่บอลที่ยืนอีกฟากของโต๊ะทำงาน
 
     สักพักคุณครูก็จัดแจงมัดปลายเชือกด้านหนึ่งไว้ที่ข้อมือเล็กอย่างแน่นหนา เฮ๊ย...อย่าบอกว่าครูจะมัดผมไว้กับโต๊ะไม่ให้กินข้าวกินน้ำ มันจะโหดร้ายไปหน่อยนะครับ ผมแค่มีเรื่องชกต่อยกันตามประสาเด็กไม่ได้ไปฆ่าใครที่ไหนน้า... เริ่มเหงื่อตกสิครับ งานนี้มันซ่อนเงื่อนเกินไปแล้ว พอดีคุณครูแกมัดเหลายเงื่อนทั้งเงื่อนพิรอด เงื่อนขัดสมาธิ อึก (เสียงกลืนน้ำลาย)
 
“ภานุมานี่สิ” แล้วคุณครูก็กวักมือเรียกไอ่บอลที่ยืนอิงผนังอยู่ด้านหลัง ก่อนจะมัดปลายเชือกอีกข้างที่ข้อมือซ้ายของไอ่บอล หลังจากที่ปล่อยให้งงเป็นไก่ขี้แตก ความจริงก็เริ่มกระจ่าง เมื่อตัวผมติดกับไอ่บอลเพราะเชือกลูกเสือยังงี้
 
“โทษฐานที่พวกเธอทำผิด ห้ามทำเชือกเส้นนี้หลุดหรือขาดออกจากันจนกว่าโรงเรียนจะเลิก หมดเรื่องแล้วก็ไปเรียนตามปกติได้แร่ะ แล้วอย่าให้ครูรู้นะว่ายังทะเลาะกันอีก คราวหน้าครูคงต้องเอาจริงแล้วนะ” เกลียดอะไรได้ยังงั้นจริงๆ ตอนนี้ผมก็หลบหน้าไอ่บอลไม่ได้อีกแล้ว ครูครับให้ผมไปล้างส้วม 1 สัปดาห์ก็ย๊อมม ไม่ทันที่ผมจะได้ต่อลองผมก็โดนไอ่ทึกนี่มันลากแขนไปอีกแล้ว
 
“จะรีบไปไล่ควายรึไงว่ะ” คนตัวเล็กบ่นเป็นกระสัยอยู่ในลำคอ ก็ช่วงก้าวของผมกะไอ่บอลมันไม่เท่ากันนิ ไอ่นั้นมันขายาวก้าวทีแมร่งยังกะวิ่ง เจ็บข้อมือตายห่าอยู่แล้วเนี่ย
 
“ว่าอะไรนะ” จู่ๆมันก็หยุดเดิน ทำเอาผมหัวทิ่มใส่หลังแกร่งๆของมันไปตามแรงกระแทก
 
“โอย...” ผมมองหน้ามัน ก่อนจะใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ลูบหัวตัวเองอย่างไม่พอใจ ไอ่เชี่ยนิคิดจะหยุดก็หยุดคิดจะเดินก็เดิน มันลืมรึไงว่ะว่ามันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิมถึงจะได้เดินตัวปลิวตามสบาย
 
“เดินช้าว่ะสัด หัดเดินเร็วๆหน่อยได้มั้ย นี่มันคาบครูปิยะ เดี๋ยวแมร่งก็โดนด่าหูชาอีก” คราวนี้มันจับมือผมข้างที่ถูกมัดวิ่งไปด้วย ตกลงกูเป็นตัวถ่วงเมิงใช่มั้ยเนี่ย แต่ก็จริงอย่างที่มันพูด ไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงตอนที่มีคาบคณิตของครูปิยะแล้วจะเห็นนรกรำไรอยู่ตรงหน้า
 
   พอวิ่งมาถึงห้องผมนี่เข่าแทบทรุด เสียงหอบดังรัวคนตัวเล็กรีบจาบจ้วงอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด โชคดีที่ครูยังไม่เข้า แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันเลยเพราะคนทั้งห้องหันมามองผมกับไอ่บอล แถมยังไปซุบซิบหัวเราะกันคิกคักจนออกนอกหน้า ผมสะกดคำว่าอายจนจะเป็นเพื่อนสนิทกะมันอยู่แล้ว
 
“มองหาพ่อเมิงเหรอ” พอไอ่บอลตะโกนด่ากราดเท่านั้นแหละ ทั้งห้องก็กลายเป็นหมาหงอในบัดดล จะดีใจหรือเสียใจดีว่ะเนี่ย
 
“เฮ๊ย ไอ่เชี่ยบอล ทำไมเมิงถึง... วะฮ่าๆ” มีแต่ไอ่โยที่ยังขำค้างอยู่ในอารมณ์ ส่วนคนอื่นมันก็เลิกสนใจผมกับไอ่บอลไปนานแร่ะ ขนาดไอ่เคนมันยังนั่งขำ เชื่อเลยว่าครูแกเข้าใจสรรหาเรื่องให้ผมอับอายเก่งจริงๆ
 
“แมร่ง หุบปากไปเลย ไอ่เชี่ยโย” ร่างสูงเอ่ยแกมแยกเขี้ยวให้กับลูกสมุนของตนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร มือหนาข้างที่ว่างอยู่ก็พลางตบง้อนหัวเล็กๆของไอ่โยไปตามสเต็ป
 
“จับมือแน่นเชียวนะเมิง กลัวมันหายรึไงว่ะ” จู่ไอ่เคนก็พูดขึ้นมา เท่านั้นแหละผมก็รู้สึกร้อนๆที่หน้า ไม่รู้เพราะอะไร ดูเหมือนไอ่บอลก็มีอาการเดียวที่ไม่ต่างจากผมเท่าไร มันรีบปล่อยมือที่กุมผมไว้ตั้งแต่วิ่งมา ก่อนจะทำหน้ายุ่งๆ จะว่าไปไอ่นี่มันก็ไม่ค่อยเต็มเตงเหมือนกันแฮ่ะ
 
“สัด กูบอกให้หุบปากไง” มันยังมีอารมณ์ทำหน้าเนียนด่าไอ่เคนต่อได้ คิดไม่ผิดที่ยกรางวัลไอ่เนียนยอดเยี่ยมแห่งปีให้มัน
 
“เออๆ ไม่แซวก็ได้ ว่าแต่...พวกเมิงตัวติดกันยังกะตังเมขนาดนี้แล้วจะเรียนยังไงว่ะเนี่ย” แล้วไอ่เคนก็พูดเรื่องที่มีสาระขึ้นมา ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะตอนนี้ผมยืนหัวโด่คนเดียวอยู่กลางห้อง ไอ่เชี่ยบอลแมร่งก็ลืมกูอีกแร่ะ แล้วกูจะนั่งตรงไหนเรียนว่ะ
 
   ร่างสูงนั่งเกาคางแหลมอย่างคนใช้ความคิดก่อนจะลุกพรวดคว้ากระเป๋านักเรียนตัวเอง พลางลากคนตัวเล็กเดินไปหลังห้อง บอลพลักคนตัวเล็กให้เข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะเบียดตัวเข้าไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างๆกัน
 
“ยืนทำซากอะไรอีกว่ะ นั่งดิ” ร่างสูงใช้มือข้างที่ถูกมัดดึงแขนคนตัวเล็กในนั่งลงโดยแทบไม่ต้องออกแรง เออๆ รู้แร่ะแมร่ง แค่นี้ไม่รู้ว่ามันจะตะโกนหาพระแสงอะไรนักหนา
 
   การเรียนมันเลยไม่หมูอย่างที่คิด เพราะผมต้องแบกมือหนักๆของไอ่บอลตอนเขียนหนังสือนี่สิ บางครั้งผมก็ถูกมันแกล้งจนเกือบจดตามครูไม่ทัน ลบเขียนใหม่เป็นสิบๆกว่ารอบ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ยอมๆมันไป ถ้าขืนต่อล้อต่อเถียงมันได้เป็นเรื่องแน่ๆ แค่นี้ผมก็จะประสาทกินอยู่แล้ว แค้นโว้ยยยย
   
   ไม่รู้ผมเป็นโรคจิตอะไรอีกเหมือนกันมันถึงชอบมาปวดฉี่ตอนใกล้จะพักเที่ยงทุกทีสิน่า...
 
“ครูครับ ขออนุญาตไปปัสสาวะครับ” หลังจากที่ทนนั่งบิดไปบิดมานานร่วมชั่วโมงความอดทนของผมมันใกล้จะสิ้นสุดเต็มที่
 
“ครูให้ไปได้แค่คนเดียวนะ” อ้าว ครูครับมันติดกันยังงี้ จะให้ไปคนเดียวได้ไงว่ะ
 
“อะ เอ่อ ครูครับ คือ...” ปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว อนุญาตเร็วๆสิ
 
“ครูก็ดูสิ มือมันติดกันแบบนี้แล้วจะให้ไปคนเดียวได้ไง” แล้วไอ่บอลก็ทำตัวเป็นประโยชน์สักที
 
“...” คุณครูแกขยับแว่นพันปีก่อนจะโบกมือไล่ ผมแนะนำให้ไปเปลี่ยนแว่นได้แล้วครับ คราวนี้ผมก็ใส่เกี๊ยะหมาวิ่งไม่คิดชีวิตเลย
 
    แต่เหมือนสวรรค์ชอบกลั่นแกล้งคนดีๆอย่างผมไอ่บอลมันไม่ต่างกับกระสอบทรายดีๆในตอนนี้ ปล่อยให้ผมวิ่งแทบตายแต่มันกลับเดินแถมกว่ามันจะก้าวแต่ละก้าวได้นี่ล่อไปเกือบชั่วโมง (ประชด)
 
“วิ่งเร็วๆหน่อยดิว่ะ เยี่ยวจะราดแล้วโว้ย” ผมอดไม่ได้จริงๆ กะจะไม่พูดกับมันแล้วแท้ๆแต่ก็ทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ผลเพราะมันเป็นฝ่ายวิ่งนำผมไปซะงั้น ตกลงใครปวดเยี่ยวกันแน่ว่ะ
 
    พอถึงโถฉี่แบบยืนเท่านั้นแหละ ผมก็รีบรูดซิบกางเกงแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะความเคยชิน มือทั้งสองข้างผมที่กำลังกุมเป้าตัวเองอยู่ก็เลยกลายเป็นว่ามีมือที่สามมาร่วมด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเลยรีบเขยิบตัวออกห่างมือขวาของตัวเองที่มีมือไอ่บอลติดอยู่ มือซ้ายก็พยายามรูดซิบด้วยความทุลักทุเล เยี่ยวซึมแล้วมั้งเนี่ย
 
“กูช่วยมั้ย” จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบทำเอาคนตัวเล็กทำกับสะดุ้งเล็กๆ
 
“มะ ไม่ต้องเว้ย เมิงอย่าจ้องได้มั้ยกูเยี่ยวไม่ออก” อีกแล้ว รู้สึกร้อนๆที่หน้าจนบอกไม่ถูก ไอ่ห่านิแมร่งก็จ้องอยู่ได้
 
“จะทำอะไรก็รีบๆทำ กูเหม็นส้วมว้อย ถ้ากูนับ 1 ถึง 3 แล้วเมิงยังเยี่ยวไม่เสร็จ กูจะช่วยเมิง” เรื่องบังคับคนนี่เก่งชริปหายเลยเมิง
 
 ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อย่างน้อยมันก็รู้สึกปลอดภัยกว่ายืนฉี่โต้งๆอวดน้องชายผมให้ชาวบ้านดู ถึงมันจะต้องเปิดประตูแง้มๆไว้ก็ตามเหอะ
 
“1...” ไอ่เชี่ยบอลยืนแหกปากห้องส้วมกดดันร่างบาง มือเล็กรีบปลดซิปอย่างลุกลีลุกลน ไม่ว่าจะเหตุผลที่ธรรมชาติมันเรียกร้องหรือว่ากลัวไอ่คนที่มันยืนอยู่หน้าห้องน้ำจะเข้ามาช่วยทำธุระก็ตามที
 
“2...” กูรู้แล้วว่าเมิงเก่งคณิต ไม่ต้องนับเลขอวดกูตอนนี้ได้ม๊ายยย
 
“3...” โชคดีที่ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จพอดีประจวบกับที่มันผลักประตูห้องน้ำเข้ามาชนกับหลังผมเข้าอย่างจัง
 
“โอ๊ยย” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง เพราะไอ่บานประตูไม้ที่มากระทบแผ่นหลังบางซะแอ่น
 
“เหม็นส้วมโว้ย สัด ใครขี้แล้วไม่ราดว่ะ แล้วเมิงจะลีลาในนี้อีกนานมั้ย” แล้วมันยังมีหน้ามาบ่นผมยาวเหยียด ไม่น่าเสือกปวดเยี่ยวเลยกู
 
    ลางสงหรณ์มันบอกผมทะแมร่งๆตั้งแต่นั่งเรียนในห้องแล้ว ถ้ามันไม่แกล้งทำให้ผมเขียนหนังสือไม่ได้ มันก็ใช้ผมแทนหมอนที่บ้านของมัน ประกอบกับมุมหลังห้องดีๆคุณครูก็แทบไม่ได้สนใจเลยว่ามีไอ่บอลมันแอบหลับคาไหล่ผม มารู้ตัวอีกทีไหล่ผมมันก็ชาจนไร้ความรู้สึกไปแร่ะ ขนาดตอนที่ผมไม่ได้ตัวติดกะมันยังโดนรังควานไม่เลิก แล้วยิ่งมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ
 
   เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะมานั่งแดรกข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับไอ่บอล กลับข้าวมื้อนี้มันคงเป็นมื้อที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม เชื่อเหอะ
 
“เกี๊ยวกูขอลูกชิ้นเมิงได้ป่ะ” ไอ่โยเอ่ยปากขอลูกชิ้นในถ้วยก๋วยเตี๋ยวของผม ที่ลอยตุบป่องลูกก้อน ยิ่งมีน้อยๆเมิงก็ยังอยากได้เนอะ
 
“อือ เอาดิ” มันรีบเอาตะเกียบมาคีบลูกชิ้นจากถ้วยผมไป ถ้าเป็นไอ่โยขอผมก็ยินดีให้มันอยู่แล้ว ยังไงผมก็แทบยัดเส้นกับผักเข้าปากไม่ได้เลยสักคำ
 
   จะใช้มือขวาก็เสือกโดนมัดติดกับมือไอ่บอล จะคีบเส้นเข้าปากทีก็ต้องแบกมือหนักๆของมันหรือมันตั้งใจกดมือลงผมก็ไม่สามารถบอกได้ พอใช้ความพยายามสุดๆจะเข้าปากอยู่รอมร่อมันก็แกล้งชักมือกลับ ไอ่เส้นก๋วยเตี๋ยวก็เลยไม่เคยถึงปากผมสักที ไอ่ผมก็เลยจำใจต้องใช้มือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดกินก๋วยเตี๋ยวไปตามเวรตามกรรม มื้อกลางวันที่ผมกินเลยแทบจะนับคำได้
 
   จนถึงคาบสุดท้ายที่ผมรอคอย อีกคาบเดียวเท่านั้นชีวิตกูก็จะเป็นอิสระสักที
 
“นักเรียนค่ะ วันนี้เราจะไปสเกตภาพนอกห้องกันนะ เตรียมดินสอสเกตภาพแล้วมารับกระดาษที่ครูคนละแผ่นนะจ๊ะ” คุณครูสาวเอ่ยเสียงใส พร้อมกับโปรยยิ้มหวานๆที่ทำเอานักเรียนชายกว่าครึ่งห้องใจละลายตามกันไปเป็นแถบ
 
“ขอบคุณครับ” ผมรับกระดาษ 100 ปอนด์จากคุณครูน้ำผึ้งสุดสวย แถมได้รอยยิ้มพิมพ์ใจกลับคืนมาด้วย แต่ก็ไม่มีเวลาได้มานั่งทำซึ้งหรอก ไอ่เชี่ยบอลมันก็ลากแขนผมเดินออกจากห้องไปเฉยเลย
 
   ถือว่าคาบศิลปะเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด เหตุผลหนึ่งก็มาจากการที่ผมชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว แต่อีกเหตุผลก็คือครูน้ำผึ้งน่านแหละ ยาชูกำลังใจอย่างดีเลยที่ทำให้ผมตั้งใจเรียนคาบศิลปะไม่เคยขาด
 
“ไอ่บอลพวกเมิงจะไปวาดรูปกันตรงไหนว่ะ” ไอ่โยถามพร้อมกับใช้มือเกาหัวเกรียนของมันแกรกๆ เชื้อราขึ้นหัวสิเมิง
 
“ไม่รู้ว่ะ” ไอ่ห่าบอลก็ติดโรคเชื้อราบนหนังศีรษะตามไอ่โยไปอีกคน เป็นโรคติดต่อที่ติดได้ง่ายจริงๆ เกาหัวกันใหญ่
 
“ไอ่โยกูว่าไปหามุมวาดแถวๆแปลงเกษตรดีกว่าแมร่ง ปล่อยผัวเมียคู่นั้นจู๋จี๋กันสองต่อสองเหอะว่ะ” เคนเอ่ยพลางขยิบตามาให้ร่างสูงอย่างมีเล่ห์นัย แต่ที่แปลกคือ ไอ่บอลมันกลับยืนนิ่งผิดวิสัยซาดิสม์ของมัน
 
“เห้ย ไอ่เชี่ยเคน ฝากไว้ก่อนเหอะเมิง” ไอ่เคนมันวิ่งไปนู้นแล้วครับ แต่ไอ่ห่านิมันเพิ่งจะรู้สึกตัว
 
“มองไรว่ะ วาดให้กูด้วย ไม่เสร็จเมิงเจ็บ” แล้วมันก็ยัดเหยียดกระดาษอีกแผ่นมาให้ผม ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นหน้ามันแดงๆด้วย เป็นเชี่ยไรของมันว่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
 
   หลังจากเลือกสถานที่มาเกือบสิบกว่านาที ผมเลยได้มานั่งวาดรูปข้างบึงเลี้ยงปลาที่มีดอกบัวลอยบนน้ำสีเขียวมรกต แสงอาทิตย์ยามบ่ายเกือบเย็นกำลังดีสาดส่องทั่วบริเวณ มีลมอ่อนๆพัดมาเป็นระรอก ผมก็นั่งปักหลักปักฐานกับผืนหญ้าเขียวชอุ่มขอบสระ ส่วนไอ่ตัวถ่วงมันก็นั่งพิงหลังผม ประมาณว่าทิ้งน้ำหนักแอนหลังนอนเต็มที่ ให้กูวาดรูปแล้วยังมากินแรงกูอีก ผมก็เลยพิงหลังมันบ้างสบายดีเหมือนกันแฮ่ะ
 
   แล้วทำไมไม่มีใครมานั่งวาดรูปแถวนี้มั้งหว้า อยู่กะไอ่บอลสองคนแล้วมันรู้สึกหยองๆยังไงก็ไม่รู้ คนตัวเล็กนั่งเงียบตั้งหน้าตั้งตาวาดรูป เสียงดินสอที่ขูดขีดกับกระดาษดังท่ามกลางความเงียบสงัดคล้ายเป็นบทเพลงรักที่บรรเลงมากับสายลมเย็นๆ
 
“เสร็จยังว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยดังทำลายความเงียบที่กัดกร่อนหัวใจไม่ให้เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกับคนข้างกายเขาตอนนี้
 
“เออๆ เอาไป” แล้วคนตัวเล็กก็โยนแผ่นกระดาษสเกตรูปบึ้งน้ำตรงหน้าที่ไม่ต่างกับภาพถ่ายดีๆให้บอลที่นั่งข้างหลัง
 
   แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับผลงานของเจ้าตัวที่เป็นรูปดอกบัวกลางน้ำ ถ้าเอามาเปรียบเทียบกันรูปของคนตัวเล็กก็สวยกว่ารูปที่วาดให้กับร่างสูงลิบลับ
 
“ไม่เห็นสวยเลย สัด เอารูปนั้นมา” แล้วไอ่เชี่ยบอลมันก็อยากได้รูปดอกบัวที่ผมอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งวาดมา กว่าจะได้ขนาดนี้
 
“เอ๊า ก็กูวาดรูปนั้นให้เมิงแล้วไง นี่มันของกูเว้ย” ผมใช้มือซ้ายถือรูปภาพของผมไว้ให้ห่างจากมือยาวๆของไอ่บอลเท่าที่จะทำได้
 
“กูจะเอารูปนั้น” คนตัวสูงเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะจ้องเขม็งมาที่ร่างบาง เกี๊ยวซ่อนรูปวาดของตัวเองไว้ด้านหลัง พลางขยับตัวออกห่างจากร่างสูงทั้งๆที่ข้อมือขวายังติดกับมือซ้ายของอีกฝ่ายอยู่
 
“อย่าหนีนะเว้ย” แล้วคนตัวสูงก็เริ่มวิ่งไล่ล่าหลังเล็กๆที่วิ่งนำตัวเองไม่ห่าง จนดูเหมือนว่ากำลังวิ่งเล่นกันอยู่ซะยังงั้น
 
“ไม่หนีก็ควายสิ แบร่” คนตัวเล็กหันไปหาร่างสูงที่วิ่งตามหลังก่อนจะแลบลิ้นเยาะเย้ยอย่างสะใจ ก็กูแค่อ่อนให้เฉยๆจะวิ่งไปตะครุบเมิงตอนนี้ก็ยังทัน คิดเหรอว่ากูจะยอมปล่อยเมิงไปง่ายๆ ไม่มีวันซะหรอก (บอล) ดวงหน้าหวานที่เปื้อนรอยยิ้มจางๆทำเอาคนตัวสูงเองก็เผลอยิ้มออกมาไม่ได้ จะยั่วกันไปถึงไหน
 
เห้ย ตุบ
 
    เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คนตัวเล็กสะดุดขาตัวเองล้มคมำไปกองที่พื้นทำให้ร่างสูงล้มลงมาติดกันๆกันเพราะถูกมัดติดกันไว้อยู่ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา
 
    คนตัวสูงทาบทับคนตัวเล็กที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงหน้าคมที่ห่างจากใบหน้าหวานไม่ถึงคืบทำเอาหัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ มือแกร่งยันกายตัวเองไว้กับพื้นได้ทันก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะได้สัมผัสกัน เล่นเอาหัวใจของบอลตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเหมือนกัน
 
“จะให้กูดีๆ หรือต้องให้กูบังคับ” ร่างสูงกดน้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบากับคนที่อยู่ภายใต้อ้อมแขนแกร่งคล้ายกับจะยั่วให้คนข้างใต้คลั่งซะมากกว่า
 
“อะ เอ่อ” ร่างบางดูลังเล ขณะเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายเพราะไม่กล้าจ้องนัยน์ตาคมสีนิลที่รู้ว่ากำลังมองตนอยู่ พวงแก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างไร้สาเหตุ
 
“หึ” บอลแสยะยิ้มก่อนจะยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมมองแผ่นกระดาษที่ไอ่บอลถืออยู่ในมืออย่างเสียดาย ในที่สุดมันก็แย่งงานที่ผมกะเอาส่งครูน้ำผึ้งไปจนได้
 
“กูถามเมิงอย่าง ได้ป่ะ” ร่างบางเอ่ยถามคนข้างๆที่นั่งชันเข่าเหม่อมองแผ่นน้ำระยิบระยับอย่างสบายอารมณ์
 
“เออ” คนตัวสูงหันมามองร่างบางที่นั่งกอดเข่าตัวเอง ข้างกายของตนเพื่อรอฟังคำถาม
 
“มือเมิงไปโดนอะไรมาว่ะ” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมือแกร่งที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อตด้วยความสงสัยอย่างยวดยิ่ง
 
“เรื่องของกู เมิงเสือกไรด้วย” เออ...เรื่องของเมิงรู้งี้กูไม่ถามซะดีกว่า
 
“ไปส่งงานเหอะว่ะ กูรอคะแนนเต็มจากครูน้ำผึ้งไม่ไหวแร่ะ” ร่างสูงเอ่ยพลางกรีดยิ้มเจื่อนๆให้กับคนตัวเล็กอย่างมีชัย
 
“เชี่ยเอ๊ย” ร่างบางพึมพำในลำคออย่างไม่พอใจ ขณะถูกลากแขนเดินเข้าไปที่ห้องศิลปะ
 
“ว่าไงนะ” เสือกหูดีอีกนะเมิง
 
“อะ เอ่อ เปล่ารีบๆส่งดิ กูอยากเอาไอ่เชือกเวรนี่ออกเต็มทีแล้ว” คนตัวเล็กบ่นเป็นกระสับพร้อมทำหน้าบูดจนร่างสูงแอบยิ้มในความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย
 
    ไม่นานเสียงจากสรรค์ก็ดังเป็นสัญญาณแห่งอิสระ โรงเรียนเลิกบุปเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังรอบกายก็ไม่ต่างกับนกกระจอกแตกรังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ
 
“เมิงจะไปไหน” ทั้งที่พยายามจะทำตัวเนียนเผื่อไอ่เชี่ยนิมันจะไม่เห็นผม พอก้าวขึ้นรถโรงเรียนเท่านั้นแหละ มันก็รั้งกระเป๋านักเรียนผมซะหงายหลังเลย
 
   ไอ่บอลมองหน้าไอ่โยเป็นเชิงสั่งว่าให้ขยับไป ที่ว่างข้างๆไอ่บอลก็มีพอที่อีกคนจะนั่งได้ในทันที ไอ่ผมก็เลยจำใจต้องนั่งข้างๆมันอีกจนได้
 
“กูสั่งให้เมิงนั่งตรงนี้ทุกวันไง รึเมิงกล้าขัดคำสั่งกู” ดวงหน้าคมยื่นมาหาคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตาคนตัวสูง
 
“...” ร่างบางสั่นหัวเบาๆ ก่อนจะเขยิบตัวไปนั่งชิดกับโย
 
“เมิงจะเขยิบมานั่งข้างกูดีๆหรือจะมานั่งบนตักกู” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเล็กเบาๆเกี๊ยวที่นั่งตัวลีบติดกับโยถึงกับเสี่ยวสันหลังวาบ
 
    เกี๊ยวค่อยๆขยับตัวเองออกจากโยที่นอนคอพับอยู่ซบไหล่เคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทันจะได้ตั้งตัวมือหนาๆก็จับกุมเอวนุ่มนิ่มลากเข้าไปหาตนอย่างง่ายดาย ร่างบางได้แต่นั่งตัวเกร็ง ผิดกับร่างสูงที่โอบเอวเล็กมาตลอดทาง
 
   ไม่รู้ไอ่บอลมันคิดยังไงกับผมกันแน่ บางครั้งมันก็แกล้งผมจนแทบทนไม่ไหวแต่บางครั้งมันก็อ่อนโยนจนผมรู้สึกอบอุ่นและอยากอยู่ข้างๆมัน เป็นความรู้สึกที่สับสนจนผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2009 21:25:01 โดย tanuki »

SJ

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #67 เมื่อ21-04-2009 16:30:14 »

^
^
^
อุ๊ย จิ้ม จิ้ม จิ้ม

ก่อนแว๊บไปอ่านนนนนน

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #68 เมื่อ21-04-2009 19:05:03 »

เอ่ออ..อ่านแล้วงงๆคร้าบ...
เหมือนมันแหว่งๆ...
****
ประมาณว่าโดนลงโทษผูกติดกัน อ่ะเปล่าคร้าบผม

***
ขอบคุณที่มาต่อคร้าบบบบ  :pig4:

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #69 เมื่อ21-04-2009 21:32:31 »

ตอนที่ 8

    ไม่ทันที่รถคันใหญ่จะได้จอดสนิทดี ร่างบางก็รีบกระเด้งตัวขึ้นออกจากอ้อมแขนแกร่ง ที่ถูกจับกุมสะโพกมนเล็กๆมาตลอดทาง คนตัวสูงได้แต่ยิ้มกรุ่มกริ่มปนกับความเก้อเขินเล็กน้อย ไม่นานบอลก็ปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อโดนโยทักเข้า
 
“ผีเข้าเรอะเมิง นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้” โยพูดน้ำเสียงยังคงงัวเงีย ก็เล่นนั่งหลับซบคนข้างๆจนไหล่ชามาตลอดทางแล้วนิ เคนไหวไหล่เล็กน้อยเพราะอาการด้านชาที่กัดกินไหล่ซ้ายของเขาไปหมดแล้ว
 
“แล้วเมิงเสือกอะไรด้วย” ไม่พูดเปล่ามือหนาก็ตบที่ง้อนเล็กๆของอีกฝ่ายทันที ไวเท่ากับความคิดโยหลบได้ทันซะก่อนอย่างรู้ทัน แต่คนที่รับไปเต็มๆคือเคนที่รับศอกและตัวของโยที่เอี้ยวหลบฝ่ามืออรหันของบอลไปเต็มประตู ถึงจะจุแต่เคนก็ฝืนยิ้มแห้งๆก่อนจะตบที่ง้อนของคนตัวเล็กแทนบอล
 
“ไอ่เชี่ยโย แมร่ง หลบมาไม่ดูเลยนะเมิง” เคนพูดดุร่างบาง ก่อนจะมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าบูดบึ้ง มือเล็กพลางลูบท้ายทอยตัวเองอย่างไม่พอใจ โยส่งเสียงบ่นเบาๆอยู่ในลำคอ ทำให้เคนอดอมยิ้มไม่ได้
 
“ฮ่าๆ ขอบใจว่ะไอ่เคน เมิงนี่รู้ใจกูจริงๆ” ทั้งบอลและเคนต่างพร้อมใจหัวเราะร่าอย่างมีความสุข นัยน์ตาคมมองเหม่อออกไปนอกกระจก ปล่อยให้ความคิดที่ลอยเคว้งไปไกล มีเพียงรอยยิ้มจางๆที่มุมปากเรียวเท่านั้น
 
    เคนลูบปุยผมสีนิลเบาอย่างห่วงใย ก็คนที่นั่งอยู่ข้างกายขี้งอนไม่ต่างกะลูกแมวตัวเล็กๆเลยสักนิด ถ้าโยมันรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วในใจเขาคิดยังไงกับคนตรงหน้านี้เกินกว่าเพื่อน แล้วมันจะทำยังไง มันจะยอมรับหรือปฏิเสธเขาก็ไม่อาจะเดาได้เลย แต่ถ้าเป็นอย่างหลังเขาก็ขอเลือกที่จะเป็นคนแอบรักฝ่ายเดียวตลอดไปดีกว่าต้องเห็นโยจากเขาไป
 
     รถคันใหญ่จากไปทิ้งเหลือไว้แต่ฝุ่นควันสีเทากับเด็กหนุ่มสองคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถไม่กี่นาทีที่ผ่านมา คนตัวเล็กบิดตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยเป็นพิษจากที่นั่งเกร็งมาตลอดทางนั้นเอง เกี๊ยวมุ่งหน้าเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ลงรถไม่กี่สิบก้าว เพราะมัวแต่เผลอใจคิดถึงใครบางคนจนลืมสังเกตไปว่ามีคนๆหนึ่งที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง
 
“หวัดดีแม่ พ่อ” ร่างบางที่เหนื่อยอ่อนยกมือไหว้เร็วก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้กลมตัวเล็ก พลางก้มหน้าก้มตาถอดถุงเท้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา
 
“หวัดดีครับน้าดา น้าพงษ์” เสียงทุ้มที่คุ้นหูกับน้ำเสียงที่เน้นหนักตรงชื่อของบุคคลที่เอ่ยเรียกทำให้คนตัวเล็กรีบเงยหน้า หันควับไปหาต้นเสียง
 
“อ้าว โอมแม่เราบอกแล้วสินะ เข้ามาก่อนๆ” แล้วแม่ก็กวักมือเรียกไอ่โอมเข้ามาในร้าน นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ่โอมมันมาทำอะไรที่บ้านผมอีกล่ะเนี่ย แถมตะกี้มันยังหลอกล้อชื่อพ่อชื่อแม่ผมต่อหน้าต่อตา
 
“เห็นว่าแม่เค้าจะไปสองสามวันใช่มั้ย” ร่างสูงพยักหน้าหงึกๆ ขณะที่หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของตนเอามือแตะหลังโอมอย่างเอ็นดู
 
“พ่อ ไอ่โอมมันมาทำไรที่บ้านเราง่ะ” มือเล็กกระตุกชายเสื้อผู้เป็นพ่อเบาๆ ก่อนจะกระซิบถามด้วยความสงสัย สายตาก็ยังคงไม่ละจากร่างสูงที่ยืนคุยกับแม่ของตนอย่างออกรส
 
“อ้าว ยังไม่รู้อีกเหรอ น้าเพ็ญเค้าไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัดสองสามวันกว่าจะกลับ ก็เลยฝากลูกชายเค้าไว้ที่บ้านเราไง” พ่อพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
 
“อะไรน๊า” ร่างบางเผลอร้องเสียงลั่น จนแม่กับไอ่โอมที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามอง
 
“ตกอกตกใจอะไรนักหนา ไป๊ๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้มากินข้าว” พ่อดันหลังเล็กที่ลุกขึ้นอย่างอิดออด คนตัวเล็กทำหน้ามุ้ยส่งเสียงกะฟืดกะฟัดอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่กระทืบบันไดขึ้นไปทำให้รู้ว่าเจ้าตัวคงจะไม่พอใจเท่าไรที่มีแขกมาร่วมอาศัยที่บ้านด้วย
 
“ไอ่ลูกคนนี้ จริงๆเลยน่า เฮ้อ... อย่าไปสนใจเลยเกี๊ยวมันก็เป็นยังงี้แหละ แม่เราเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วนะ ขนเอาไปไว้ที่ห้องเกี๊ยวมันได้เลย ห้องหับมันมีน้อยคงต้องนอนห้องเดียวก็ลูกน้าไปก่อน อยู่ได้ใช่มั้ยน่ะเรา” แค่อยู่บ้านเดียวกะไอ่โอมผมก็ว่าชริปหายแล้วยังจะให้ผมนอนห้องเดียวกับมันอีก แม่นะแม่ คนตัวเล็กที่แอบฟังอยู่ด้านบนแอบน้อยใจนิดๆที่จู่ๆก็โดนแย่งความสำคัญไป
 
“ครับ บ้านน้าก็เหมือนบ้านผมอยู่ได้อยู่แล้ว” โอมก้มหัวให้ก่อนจะยิ้มบางๆ มือหนาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของตนก้าวขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเกี๊ยว บ้านไม่เหมือนกันได้ไงก็มันเป็นตึกแถวก็ต้องเหมือนกันนี่เนอะ
 
“ทำไมถึงได้ซวยยังงี้ว้า...จะอยู่สงบๆไม่ได้เล้ย บ้านช่องอยู่คนเดียวไม่ได้รึไงว่ะถึงต้องมาเกาะบ้านคนอื่นอยู่เนี่ย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดตามลำพังภายในห้องนอนที่เปิดประตูแง้มไว้
 
“ว่าไง มีอะไรไม่พอใจรึเปล่า” นัยน์ตาคู่สวยมองผู้มาใหม่ที่หอบข้าวของเข้ามาในห้องตัวเอง ก็ถึงกับแอบขนลุกเล็กน้อยกับสายตาที่ดูคลุมเครือของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมาทางตน
 
“อะ เอ่อ ก็ไม่มีไรนิ” เสียงหวานดูสั่นเครือเล็กน้อยอย่างคนประหม่า ร่างบางรีบคว้าเสื้อยืดที่แขวนหน้าตู้เสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว จะยืนอวดก้างให้ไอ่โอมมันดูผมก็คงไม่กล้าไปเทียบของมันหรอก ขาเล็กรีบก้าวเร็วออกจากห้อง เกี๊ยวแทรกตัวผ่านร่างสูงที่ยืนขวางหน้าประตูออกมา เล่นเอาเสียวไปตามๆกัน
 
“หึหึ” โอมยิ้มกริ่มพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะหันไปจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ในเมื่อได้มาอยู่ในห้องนอนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มาเยือนอีกครั้ง ภายในใจมันก็พองโตจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว
 
   ร่างสูงเดินสำรวจรอบๆห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ข้าวของที่รกรุงรังกระจัดกระจายเต็มห้องทำให้ห้องนี้ดูไม่ต่างจากห้องเก็บของสักเท่าไร บนโต๊ะเขียนหนังสือก็มีแต่แผ่นกระดาษวางเกลื้อนเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปการ์ตูนหรือรูปเหมือนจริงก็ทำเอาคนที่ถือวิสาสะค้นเผลอชื่นชมในฝีมือของเจ้าของห้องไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูสะดุดตากว่าเศษกระดาษที่กองถมบนโต๊ะ มันเป็นสมุดเล่มเดียวที่วางอยู่
 
   ยังไงก็เสียมรรยาทค้นห้องมันแล้ว จะกลัวอะไรอีก ร่างสูงหยิบสมุดเล่มนั้นมาก่อนจะเอนหลังพิงหมอนใบโตบนที่นอนนุ่มๆ พอคิดว่าตรงนี้เป็นที่ๆร่างบางนอนอยู่ทุกวันก็อดตื่นเต้นไม่ได้ มือหนาพลิกหน้ากระดาษเพื่อสำรวจดูภายในมันก็เป็นสมุดวาดเล่นธรรมดา แต่ภายในนั้นเป็นรูปคนๆหนึ่งซ้ำกันแทบจะทุกหน้า รูปเด็กผู้หญิงถักเปียผมยาวทำให้เดาไม่ยากว่านี่คงเป็นขิง เพื่อนร่วมชั้นที่ไอ่เกี๊ยวมันแอบชอบอยู่ รู้ก็ทั้งรู้ว่าไอ่เกี๊ยวมันชอบแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะแกล้งให้มันผิดหวัง ก็เพราะไม่ชอบเวลาที่มันมองขิงด้วยสายตาที่ผมไม่เคยได้จากมัน จนตอนนี้ก็แทบจะไม่เห็นมันคุยกับขิงเท่าไร ไอ่เกี๊ยวไม่รู้หรอกว่าความรักมันเป็นแบบไหน กูจะสอนให้เมิงรู้เองว่าความรักที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง (โอม)
 
   ร่างสูงที่กำลังเปิดสมุดดูจนลืมเวลา ในที่สุดก็มาถึงหน้าสุดท้ายที่เดาว่าต้องเป็นรูปขิงไม่ก็ตัวการ์ตูนแน่ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเพราะมันกลับเป็นรูปใครบางคนที่ถูกวาดจากด้านหลัง ผู้ชายในรูปนี้เป็นใคร ยิ่งดูรูปนี้นานเท่าไรความสงสัยก็เพิ่มพูนขึ้นในจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะรูปภาพที่คล้ายกับยังวาดไม่เสร็จก็เลยดูไม่ออกว่าเป็นรูปของใครกันแน่
 
ตึก ตึก ตึก
 
   เสียงฝีเท้ากับเสียงบ่นอุบอิบของคนที่คุ้นเคยที่ดังทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องกำลังขึ้นบันไดมาแน่ๆ คนตัวสูงรีบวางสมุดไว้เช่นเดิมก่อนจะเอนตัวลงนอนแสร้งทำเป็นหลับก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้ามาภายใน
 
“ไอ่เชี่ยโอมโว้ย ไปแดรกข้าว” ผมแหกปากสุดเสียงตะโกนเรียกไอ่โอมที่มันนอนสบายอยู่บนเตียงผม ทำยังกะอยู่บ้านตัวเองเลยไอ่นิ คำว่า เกรงใจ น่ะสะกดเป็นมั้ยว่ะ ต้องลำบากผมขึ้นมาตามมันอีก ชักจะเกินไปแล้วนะว้อย
 
“เหี้ย หลับเป็นตายเลยนะเมิง จะแดรกข้าวมั้ย” มือเล็กเขย่าตัวคนที่นอนอยู่ ผมแหกปากขนาดนั้นมันยังไม่ตื่น ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนว่ะเนี่ย
 
หวืด~!!
 
    ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวก็จะไอ่โอมมันกระชากคอเสื้อลงไปจนล้มไปนอนจมกับเตียง แถมไอ่นิมันยังโดดมานั่งคร่อมผมอีก
 
“ไอ่เชี่ยโอม ลุกไปนะโว้ย” ผมแหกปากลั่น พยายามผลักอกมันออกไปแต่มันก็ไม่เห็นจะขยับเขยื้อนเลยสักนิด
 
“เมิงกล้าหาเรื่องกูเหรอ” มือหนากำคอเสื้อยืดของอีกฝ่ายแน่น นัยน์ตาคมที่ประสานกับอีกฝ่ายใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
 
“อะ เอ่อ” มันเป็นเชี่ยไรของมันอีกว่ะเนี่ย สายตาคมที่มองลึกเข้ามาที่นัยน์ตาของอีกฝ่ายก็เริ่มทำเอาหัวใจอ่อนยวบลงทุกที
       

“กูบอกให้เลี้ยงซ้ายๆ เห็นมั้ยหนึ่งศูนย์แล้วเนี่ย เวร” อ้าว ไอ่ห่านิละเมอน่ากลัวพอๆกะตอนมันตื่นเลย แถมมันจ้องผมตาไม่กระพริบยังงี้ใครจะไปรู้ว่ามันละเมอเล่า มือหนากระชากคอเสื้อร่างบางแรงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ


“งั้นต้อง... ย๊ากกก” ผมก็เลยเข่าไปที่ท้องมันเต็มที่ จะใส่เบาๆเดี๋ยวมันจะไม่ตื่นผมเลยออกแรงเยอะหน่อยขอกำไรด้วยเล็กน้อย ก๊ากๆเจอเตะฟรี
 
“โอ๊ยย” ผมมองไอ่เชี่ยโอมนอนงอขดอยู่ข้างๆ สงสัยจะรู้สึกตัวแร่ะสินะเมิง
 
“ไอ่เชี่ยเตะกูไมว่ะ” ดวงหน้าคมบูดเบี้ยวก่อนจะเอ่ยปากด่าร่างบางที่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างๆเตียง
 
“ก็กูเรียกเมิงแล้วเสือกไม่ตื่นเองนี่หว่าช่วยไม่ได้ ข้าวนะจะแดรกมั้ย จะแดรกก็รีบๆลงไป หิวเว้ย” คนตัวเล็กพูดยาวเหยียดจนอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้เถียงต่อก็ทิ้งให้ร่างสูงนอนจุอยู่คนเดียว
 
“กะจะแกล้งซะหน่อย ไหงเป็นงี้ไปได้ว่ะ” โอมพึมพำกับตัวเองพลางอมยิ้มก่อนจะเดินตามร่างบางไปแต่โดยดี
 
“กลับข้าวอร่อยมั้ยล่ะ ไม่รู้จะสู้ฝีมือแม่เราได้รึเปล่า” ผู้หญิงคนเดียวของบ้านตอนนี้เอ่ยกับแขกที่ไม่เคยร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันมาก่อน
 
“อร่อยเหมือนๆกันครับ ถ้ามาอยู่ที่นี้หลายวันผมต้องอ้วนแน่ๆ เหอะๆ” โอมพูดแกมหัวเราะ มีเพียงแต่ร่างบางที่นั่งเงียบตักข้าวเข้าปากอย่างคนไม่ได้กินข้าวมา 3 วัน ถ้ามาอยู่ที่นี้หลายวันผมต้องอ้วนแน่ๆ เชอะ คนตัวเล็กแอบทำเสียงล้อเลียนอยู่ในใจ นัยน์ตาคู่สวยมองร่างสูงแบบไม่พอใจ
 
“พ่อ!!!ขอข้าวอีก” เกี๊ยวเอ่ยปากหนักแน่น ก่อนจะยื่นจานข้าวที่เบาโหวงไปให้ผู้เป็นพ่อ
 
“แหะ วันนี้มาแปลกกินข้าวไม่พูดไม่จาแถมขอเติมด้วย ปกติเห็นกินข้าวเท่าแมวดมนี่” พ่อพูดแซวพลางยื่นจานข้าวใบเดิมที่เต็มไปด้วยข้าวสวยพูนๆมาให้คนตัวเล็ก
 
   คนตัวเล็กยังคงไม่สนใจ(เพราะน้อยใจ)จ้วงข้าวเข้าปากอย่างต่อเนื่องชนิดที่ว่าหายใจทางผิวหนังกันไปเลย ไม่ได้ไปแข่งกินทีวีแชมป์เปี้ยนนะเว้ย ใช่สิ ตอนนี้ผมมันก็แค่หมาหัวเน่าพอลูกคนอื่นมาค้างที่บ้านแค่สองสามวันก็ลืมผมแล้วใช่มั้ยล่ะ



   พอกินข้าวเสร็จหน้าที่เก็บจานไปล้างก็ตกเป็นของผมเช่นทุกๆวัน ต่างกันตรงที่วันนี้มีไอ่โอมมานั่งกินด้วย กับข้าวก็เพิ่มขึ้นแล้วจานก็เลยเยอะตามไปด้วย ผมหอบถ้วยจานกองเบ้อเริ่มไปไว้ที่อ่างล้างจานอย่างทุลักทุเล เพราะมันคนเดียวเลยงานผมเลยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
 
“กูช่วย” อยู่ดีๆไอ่โอมก็เดินมาช่วยผมยกจานไปไว้หลังบ้าน จะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแล้วทำไมผมถึงไม่ชอบขี้หน้ามันก็ไม่รู้
 
“ไม่ต้อง กูทำเองได้” น้อยครั้งที่จะเห็นมันทำดีด้วย ผมเลยรู้สึกขัดๆทำตัวไม่ค่อยถูกเลยแฮ่ะ
 
“เอ่อน่า... จานเยอะขนาดนี้เมิงล้างคนเดียวไม่ไหวหรอก” คนตัวสูงเอ่ยขณะบีบน้ำยาล้างจานใส่ในน้ำ แล้วตีมือเบาๆจนเกิดฟองสบู่ฟูฟ่อง
 
“...” ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพราะปกติผมก็ไม่ค่อยได้คุยกะมันเท่าไร มือหนึ่งถือสก๊อตไบท์อีกมือหนึ่งถือจานผมขัดๆถูๆจานจนสะอาดหวังใจว่าจะล้างจานให้เสร็จเร็วๆ อยู่เงียบๆกับไอ่โอมสองคนยังงี้มันอึดอัดไงก็ไม่รู้
 
“นี่...” สองเสียงที่ดังประสานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมก็กะจะชวนมันคุยสักหน่อยไอ่นี่มันก็ดันพูดขึ้นมา ทีตะกี้เงียบตั้งนานทำไมไม่พูดว่ะ
 
“เมิงพูดก่อนเหอะ” ผมบอกไอ่โอม ทั้งทีไม่ได้มองหน้าในมือก็กำลังล้างจานอย่างเมามัน
 
“มะ ไม่มีไร ว่าแต่... ตะกี้เมิงจะพูดอะไรนะ” แล้วมันก็ถามผมกลับจนได้ กูก็ไม่รู้จะชวนเมิงพูดอะไรเหมือนกัน
 
“อะ อ้อ กูกะจะถามว่าแม่เมิงไปงานศพใครเหรอ เออ ใช่ๆๆ แม่เมิงไปงานศพใคร” ผมพยายามทำหน้าอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่รู้จะเนียนรึเปล่า มือก็พยายามควานหาจานในกะละมังที่เหลือน้อยเต็มที จานตั้งเยอะไม่น่าเชื่อว่าผมเพิ่งล้างได้แปบเดียวก็จะหมดแล้ว
   
“ญาติห่างๆของแม่เค้ามั้ง กูก็ไม่รู้ว่ะ” ไอ่โอมตอบสายตาเหม่อลอยเหมือนกำลังใช้ความคิด
 
“เหรอ เออ” ถ้ามันตอบว่างานศพพี่ ป้า น้า อา ผมก็พอจะเนียนถามต่อได้อีก แต่ขนาดงานศพใครมันยังไม่รู้ผมก็หมดหนทางแล้ว
 
    แล้วความเงียบก็กลับมาครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง ผมรีบควานหาจานในกะละมังที่มีฟองน้ำยาล้างจานลอยอยู่เต็มไปหมด คงเป็นจังหวะเดียวกันที่ไอ่โอมมันควานหาจานด้วยมั้ง ผมเลยไปจับโดนมือมันเข้า พอมันหันมามองหน้าผมเท่านั้นแหละรีบชักมือออกมาแทบไม่ทัน ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจนี่เออ
 
“มะ เมิงเคยเล่นฟองสบู่มั้ย” ผมพยายามชวนมันคุยเรื่องอื่น
 
“ห๋า ฟองสบู่เชี่ยไรของเมิง” ดูท่ามันคงจะไม่เคยเล่นจริงๆแฮ่ะ
 
“เกิดมาได้ไงว่ะเนี่ยไม่เคยเล่นฟองสบู่” ร่างบางบ่นอุบอิบ มือเล็กก็ตีฟองสบู่ในกะละมังเล่น
 
“ว่าไงนะ” แล้วคนตัวสูงก็เอียงตัวมาหาร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักเชิงว่าได้ยินไม่ถนัด
 
“อะ อ่อ กูจะสอนเมิงให้ก็ได้” ผมใช้ปลายนิ้วชี้แตะกับปลายนิ้วโป้งให้มันดูเป็นรูปวงกลม ไม่เหมือนก็คล้าย แล้วก็จุ่มมือลงไปในกะละมังที่มีน้ำผสมกับน้ำยาล้างจานอยู่ก่อน พอยกมือขึ้นมาตรงช่วงนิ้วชี้กะนิ้วโป้งที่มันเป็นวงกลมมันก็จะมีฟองใสๆติดขึ้นมาเป็นแผ่นบางๆด้วย
 
“เป่าดูดิ” ผมยื่นมือข้างที่จุ่มในกะละมังไปทางมัน ไอ่โอมทำหน้างงเล็กน้อยแล้วก็โน้มตัวลงมาเป่าตรงรูวงกลมระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งที่ผมทำไว้
 
“เวร เป่าเบาๆดิว่ะ เป่าแรงมันก็แตกหมด” ร่างเล็กบ่นเป็นกระสัยก่อนจะจุ่มมือลงไปในกะละมังอีกครั้ง
 
“ก็เมิงบอกให้เป่า กูก็เป่าไม่ได้บอกว่าให้เป่าเบาๆนี่หว่า” โอมแก้ตัวพลางฉีกยิ้มทะเล้นให้กับคนตัวเล็ก
 
“เดี๋ยวโปรทำให้ดูเอง” ริมฝีปากบางอ้าออกนิดๆก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาทางปากเบาๆ เป็นผลให้ฟองสบู่วงกลมลอยละล่องขึ้นไปในอากาศแต่แค่เพียงไม่ถึงอึกใจมันก็แตกสลายไปอย่างน่าเสียดาย
 
“ยังงี้เหรอ” โอมยื่นมือไปให้คนตัวเล็กดู แต่มันก็ดูไม่ค่อยจะเป็นวงกลมตามที่เจ้าตัวอยากจะให้เป็นเท่าไร
 
“ไม่ใช่ยังง๊าน แบบนี้โว้ย” ว่าแล้วร่างบางก็จับมือแกร่งให้เข้ารูปโดยที่หารู้ไม่ว่า อันที่จริงก็เป็นแผนของโอมนั่นแหละแค่อยากจะสัมผัสมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายก็เท่านั้น แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันเป่าฟองสบู่เล่นจนลืมเวลา
 
“โอ๊ย...” ไม่รู้ไปเป่าอีท่าไหนฟองน้ำยาล้างจานมันถึงกระเด็นเข้าตาผมได้ แสบชริปจะตาบอดมั้ยเนี่ย
 
“เฮ๊ย เข้าตาเหรอ อย่าเอามือไปขยี้ดิ เดี๋ยวแมร่งได้แสบตากว่าเดิมหรอก” ร่างสูงปัดมือเล็กที่กำลังจะขยี้ตาตัวเอง โอมรีบล้างมือจนสะอาดก่อนจะหันมาหาคนตัวเล็กอย่างรีบร้อน
 
“เอามือออกดิว่ะ” โอมส่งเสียงดุเบาๆ ก่อนจะใช่มือแกร่งเชยคางแหลมขึ้นมา ร่างสูงโน้มตัวลงต่ำก่อนจะจ้องดวงหน้ามนที่หลับตาปี๋ มือเล็กที่สะกิดแขนเขาเป็นระยะทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเองคงจะแสบตาอยู่ไม่น้อย
 
“แสบ” คนตัวเล็กเอ่ย น้ำเสียงที่แผ่วเบาทวีคุณความกังวลให้อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
 
“มานี่” โอมคว้าข้อมือเล็กมา ขณะที่อีกมือก็วักน้ำสะอาดเพื่อล้างที่ตาของอีกฝ่ายอย่างห่วงใย
 
“ไหนลืมตาดิ” โอมออกคำสั่ง พลางยื่นหน้าเข้าไปไกลร่างบางจนแทบจะชนกัน มือหนาเชยคางของอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มงุดให้เงยขึ้นเพื่อจะได้เห็นชัดๆ แผงขนตาสีดำสนิทกระพริบถี่ก่อนจะค่อยๆลืมขึ้น ดูเหมือนร่างบางจะตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้เขาเกินไปแล้ว แต่คนตัวเล็กกลับไม่ไหวติ่งเหมือนถูกสะกดให้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หัวใจมันเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ
 
“อะ เอ่อ เมิงไม่ต้องทำแร่ะ รีบๆไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวกูทำเอง” ร่างสูงเองก็เผลอใจจ้องคนตัวเล็กอยู่นาน ก่อนจะรีบผลักเกี๊ยวออกห่างกายเพราะขอบตาที่แดงระเรื่อทำให้เขารู้สึกสงสารคนตรงหน้า เกี๊ยวที่ดูตื่นๆเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆแล้วรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้โอมยืนอยู่คนเดียว
 
“ทำบ้าอะไรเนี่ย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะล้างจานที่เหลืออยู่จนเสร็จ โอมยิ้มที่มุมปากอย่างเก้อเขินเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เมื่อกี้ก็ทำเอาหัวใจของเขาแทบหยุดเต้น เพราะคนซุ่มซ่ามแท้ๆที่ทำให้เขาเป็นได้มากถึงขนาดนี้
 
    พอขึ้นไปในห้องผมจะทำยังไงดี ควรจะทำตัวแบบไหนถึงจะเป็นปกติมากที่สุด ในเมื่อคืนนี้ผมต้องนอนเตียงเดียวกับเจ้ากระต่ายน้อยนั่นมันก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ มันรู้สึกอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงเกี๊ยวมันจะไม่รู้สึกอะไรเลยแค่นี้ผมก็สุขใจมากเกินพอแล้ว (โอม)
 
   เสียงเปิดประตูที่ดังทำลายความเงียบทำให้ร่างบางที่นั่งหันหลังอยู่กับโต๊ะเขียนการบ้านหันมามองก่อนจะรีบหันควับกลับไปที่เดิม ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไร้สาเหตุ คงจะอายเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้เสียฟอร์มซะมากกว่า ผิดกับอีกฝ่ายที่ดีใจจนเนื้อเต้นทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
 
   ต่างคนก็ต่างไม่พูดอะไร โอมเลยคว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักเสียงเปิดน้ำที่ดังทำให้คนข้างนอกรู้ว่าคนข้างในคงกำลังอาบน้ำอยู่แน่ๆ
 
“เฮ้อ...” ร่างบางแอบถอนหายใจแรง คืนนี้หนีไปนอนห้องพ่อกับแม่ดีกว่า ให้นอนกับไอ่โอมผมไม่เอาด้วยหรอก
 
ปังๆๆ
 
“พ่อเปิดประตูหน่อย” เสียงหวานที่ตะโกนเรียก มือเล็กทุบประตูตรงหน้ารัวขณะที่แขนเล็กอีกข้างก็หอบหมอนกับผ้าห่มมาพะรุงพะรัง
 
“อ้าว เกี๊ยว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยงัวเงีย แต่พอเปิดประตูมาเท่านั้นร่างบางก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที
 
“เฮ๊ยๆ จะไปไหน” แต่ก็ไม่เร็วเท่ากับมือของพ่อที่คว้าคอเสื้อเล็กได้ทัน
 
“ก็จะมานอนกะพ่อกะแม่ไง ไม่ได้เหรอ” ร่างบางเอ่ยพลางชักสีหน้าเตรียมจะงอน
 
“ไม่ได้ๆ โตแล้วก็ต้องไปนอนห้องตัวเองนู้น” แล้วพ่อก็ดันหลังเล็กไล่ออกมาจากห้อง แต่ก็ต้องออกแรงกว่าจะลากลูกชายของตนออกไปได้
 
“ไม่เอา ผมจะนอนกับพ่อ” คนตัวเล็กยังดื้อดึง พยายามดันตัวเองเข้าไปในห้องให้ได้
 
“เอ๊ะ ยังไงเนี่ย พ่อกับแม่จะจู๋จี๋กันเอ็งไม่อยากมีน้องก็คนอื่นบ้างรึไง” ผู้เป็นพ่องัดไม้ตายออกมาใช้แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไร
 
“ค่อยมีน้องวันอื่นก็ได้ ผมรอได้” ผมพยายามดันตัวเองเข้าไปในห้องแต่ก็สู้แรงของพ่อที่ดันหน้าผากผมไว้ไม่ได้
 
“แต่พ่อรอไม่ไหว ไปนอนห้องตัวเองไป๊” ผู้เป็นพ่อออกปากไล่ก่อนจะรีบปิดประตูทิ้งให้คนตัวเล็กยืนลำพังอยู่ภายนอก
 
“พ่อก็ผมขอนอนด้วยคนซี่” คนตัวเล็กทุบประตูอีกครั้ง พลางพูดจาหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้าแต่ดูเหมือนคนในห้องจะไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายคนตัวเล็กก็ต้องเดินคอตกกลับไปที่ห้องตัวเองพร้อมกับความผิดหวัง
 
“อ้าว นึกว่าหนีไปนอนกะน้าพงษ์แล้วซะอีก” เสียงทุ้มเอ่ยเย้ยยันคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาในห้อง ผมสีนิลที่เปียกชื้นมีน้ำเม็ดใสเกาะประปรายทำให้รู้ว่าคนที่นั่งบนเตียงคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
 
“ปะ เปล่าซะหน่อยกูแค่ไปเอาหมอนมาเพิ่มต่างหากเล่า” ทั้งๆที่รู้ว่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ผมไม่ยอมเสียฟอร์มต่อหน้ามันหรอก ผมเปล่ากลัวมันซะหน่อย
 
“เหรอ” ร่างสูงลอบมองคนตัวเล็กที่ทำหน้ายุ่งๆแต่กลับน่ารักไปอีกแบบ รู้มั้ยว่าทำใครเค้าใจสั่นจนจะคลั่งอยู่แล้ว (โอม)
 
“แล้วนั่นเมิงจะทำอะไร” คนตัวสูงเอ่ยถามเพราะอดสงสัยไม่ได้ก็ที่อีกฝ่ายกำลังปูที่นอนกับพื้นนี่มันหมายความว่ายังไงกัน
 
“กะ ก็กูจะนอนข้างล่างไง เมิงจะได้นอนสบายๆ เตียงมันเล็ก อะ เออ ดูดิเตียงเล็กขนาดนี้จะนอนเบียดกันได้ไง” คนตัวเล็กในชุดนอนที่เบาสบายยืนอยู่กลางที่นอนของตัวเอง ในมือเล็กก็ถือหมอนใบโตแน่น ฝืนสีหน้าให้เป็นปกติ
 
“ไม่เห็นมันจะเล็กตรงไหน กูว่า...เมิงกลัว เลยไม่กล้านอนกะกูมากกว่า ใช่มั้ยล่ะ” ยิ่งกดดันก็ทำให้อีกฝ่ายเดือดปุดๆ เรื่องยังงี้ดูถูกกันไม่ได้ ผมกลัวมันซะที่ไหน แล้วทำไมต้องกลัวด้วย
 
“เปล่าซะหน่อย” ร่างสูงจ้องคนตัวเล็กเขม็งอย่างแน่วแน่ ยิ่งมองผ่านเสื้อผ้าบางๆนั่นก็ทำให้เอาชักอยากจะสัมผัสเนื้อตัวนิ่มๆของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“งั้นถ้าเมิงแน่จริงก็นอนเตียงของเมิงสิ” คำท้าทายดูเหมือนจะใช้ได้ผลกับนิสัยไม่ยอมแพ้ใครของร่างบาง
 
“ก็ได้” ร่างบางพลั้งปากตอบตกลงแบบไม่ทันคิดเพราะอารมณ์วูบวามไม่ยอมใครแท้ๆที่ทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบากอยู่หลายต่อหลายครั้ง
 
“หึหึ” พอเกี๊ยวตอบตกลงก็ทำเอาโอมอดหัวเราะไม่ได้ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
 
“ขำอะไรของเมิง” ยิ่งมองหน้าที่ทะเล้นๆของอีกฝ่าย ก็ทำเอาคนตัวเล็กโมโหขึ้นมาง่ายๆ
 
“เปล่านิ ไม่ต้องกลัวหรอก กูจะบอกว่า กูนอนข้างล่างเองก็ได้” โอมพูดแกมหัวเราะ ไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าหัวเราะนักหนา
 
“ก็ดี๊ ตามใจเมิงละกัน” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ซุกตัวเองไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบปิดตาหลับไม่สนใจอีกคนที่อยู่ในห้อง
 
พรึบ~!!
 
   ไม่นานแสงไฟที่เคยสว่างก็ถูกปิดลง มีเพียงแสงจันทร์เลือนลางที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องถึงจะมองเห็นไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ แต่ก็พอเดาได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
 
    ร่างสูงเอนหลังนอนกับฟูกที่นอนที่ปูกับพื้น ผิดกับอีกคนที่เบิกตาโพลงในความมืดเฝ้าดูการกระทำของอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้
 
“ฝันดีนะ” โอมเอ่ยกับคนตัวเล็ก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมองเขาอยู่
 
     เกี๊ยวรีบมุดตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความตกใจ ไอ่โอมมันรู้ได้ไงว่าผมแอบมองมันอยู่ (แล้วไปแอบมองคนอื่นเค้าทำไมก็ชวนขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันเลยสิ)
 
    ทำไมผมถึงยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับมันทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ผมเองก็นึกเสียดายอยู่ในใจ แต่จะทำไงได้ ผมกลัวว่าจะเผลอทำอะไรมันเข้า ผมคงทนไม่ได้จะจะเห็นมันเกลียดผม ไม่มองหน้าผม ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า ถึงตอนนี้ผมจะทรมานแทบคลั่งเพราะทำได้แค่นอนห้องเดียวกับมัน แต่กลับไม่สามารถทำตามที่หัวใจต้องการได้เลย (โอม)
 
    โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ผมเลยนอนสบายโดยไร้เสียงปลุกมารบกวน พอตื่นมาไอ่โอมมันก็หายไปแล้ว ผ้าห่มที่เคยนอนซุกเมื่อคืนก็ไปตกอยู่ปลายเตียง ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะหาววอดรับเช้าวันใหม่หนึ่งที พอตื่นปุบไอ่ท้องเจ้ากรรมมันก็ส่งเสียงร้องทันที เมื่องานกินข้าวเย็นไปเยอะเหมือนกัน ไหงวันนี้มันหิวแต่เช้าเลยว่ะเนี่ย
 
    ผมเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันตามปกติ แต่ด้วยความที่ใช้ห้องน้ำข้างบนคนเดียวเลยลืมล็อกกลอนประตูห้องน้ำเพราะความเคยตัว
 
“เฮ๊ย” ร่างบางที่กำลังสระผมพริ้มตาฮัมเพลงอย่างมีความสุข ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะเสียงของใครบางคนที่จู่ๆก็โผงผางเข้ามาในห้องน้ำแบบไม่ได้รับอนุญาต
 
   ภาพตรงหน้าที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาทั้งสองฝ่ายถึงกับยืนอึ้งไปตามๆกันก่อนที่ร่างบางจะรู้ตัวแล้วรีบดันอีกฝ่ายออกจากบริเวณห้องน้ำตามด้วยเสียงกระแทกประตูดัง หัวใจดวงน้อยที่เต้นตึกตัก พร้อมกับดวงหน้ามนที่แดงระเรื่อทันที ใครจะไปรู้ว่าไอ่โอมมันจะพรวดพลาดเข้ามาในห้องน้ำแบบนั้น
 
“เกี๊ยว เอามาเถอะกูไม่ไหวแล้ว” คนตัวสูงที่ยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกพลางส่งเสียงเว้าว้อน น้ำเสียงที่แหบพร่ากระเส้าทำเอาคนฟังถึงกับรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลุกลี้ลุกลัน
 
   ไอ่โอมมันเห็นอะไรต่ออะไรของผมหมดเลย แล้วยังงี้ผมจะท้องมั้ยเนี่ย (ถ้าจะท้องคงท้องกะไอ่บอลไปนอนแร่ะ รายนั้นเห็นบ่อยกว่า) เสือกเข้ามาในห้องน้ำอะไรตอนนี้ว่ะ เสียงทุบประตูด้านหน้ายังคงดังไม่หยุดหย่อนจนในที่สุดร่างบางก็ยอมเปิดประตูให้กับอีกฝ่าย
 
“เชี่ย กว่าจะเปิดได้ ไม่รอให้กูเยี่ยวราดหน้าห้องน้ำเลยว่ะ” คนตัวสูงเอ่ยรัวก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
 
“เสือกมาปวดเยี่ยวตอนกูอาบน้ำเองนี่หว่า ห้องน้ำข้างล่างก็มีทำไมไม่ใช้เล่า” แล้วร่างบางก็บ่นอุบอย่างไม่พอใจ มือเล็กถือผ้าขนหนูผืนใหญ่ขยี้ผมที่เปียกชื้นของตัวเอง
 
    แล้วโอมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ นัยน์ตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงนุ่ม ขายาวก้าวออกไปจากห้องโดยทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งงงกับการกระทำนั้น ไอ่เชี่ยนิ... โพล่มาก็เล่นเอาใจหาย จะไปทีก็ทำยังกะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอโทษกูสักคำก็ไม่มี เดี๋ยว พ่อทนไม่ไหวก็ก้านคอให้ซะหรอก
 


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #69 เมื่อ: 21-04-2009 21:32:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #70 เมื่อ21-04-2009 21:45:12 »

ขอบคุณคร้าบที่มาต่อตอนใหม่
และแก้ไขตอนที่แหว่งไป(จริงๆด้วย)
 :pig4:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #71 เมื่อ22-04-2009 03:39:20 »

 :laugh:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #72 เมื่อ22-04-2009 07:05:59 »

โอม รุกเลย รุกเลย รุกเลย  :haun4:

gon_natt

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #73 เมื่อ22-04-2009 14:14:31 »

หง่ะ...ยังคงเดาไม่ออกต่อไปว่าใครเป็นพระเอก :really2:
แต่ขอเชียร์โอมนะ  :m1:

มาต่อไวๆนะค้าบบบ รออยู่ๆ  :call:





ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #74 เมื่อ22-04-2009 14:17:15 »

บอล เอ๋ย  จะสู้โอมไหวมั้ยเนี่ย  ดีแต่แกล้ง เกี๊ยว อย่างเดียวเลย   :beat:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #75 เมื่อ22-04-2009 18:53:39 »

มาทสองคนเลย

เลือกใครดีหว่า

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #76 เมื่อ22-04-2009 20:11:37 »

มอบแต้ม+ ที่ 16 คร้าบ
***
รอติดตามตอนต่อไป ขอบคุณคร้าบ  :3123:

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #77 เมื่อ23-04-2009 20:31:34 »

อยากจะกริ๊ดดีใจถ้าเป็น 3พี  :m25:

เกี๊ยว เอามาเถอะกูไม่ไหวแล้ว อันนี้พิมพ์ผิดใช่ป่ะ หรืออย่างนั้นจริง ยอมไม่ได้นะต้องเรียกบอลมาด้วย

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #78 เมื่อ24-04-2009 12:59:18 »

เชียร์บอลอ่ะ

บอลอย่าแกล้งเกี๊ยวมากนักดิ

เดี๋ยวก็ได้ท่องปีนักษัตรกันหรอก

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #79 เมื่อ24-04-2009 22:01:42 »

มอบแต้ม+ ที่ 17 ระหว่างรอตอนใหม่นะคร้าบ  :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #79 เมื่อ: 24-04-2009 22:01:42 »





tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #80 เมื่อ25-04-2009 13:36:38 »

ตอน 9

“ไอ่เคน แล้วไมเราไม่ชวนไอ่บอลมาด้วยว่ะ” ร่างเล็กถามเสียงใส
 
“อะ อ่อ ไอ่บอลมันต้องเฝ้าร้านไง” เคนตอบตะกุกตะกัก ขณะที่กำลังปั่นจักรยานไปตามทางโดยที่ร่างเล็กนั่งอยู่ข้างหลัง
 
“เอ่อ จริงแฮ่ะ แล้วเมิงจะพากูไปไหนเนี่ย” แทนที่คนข้างหลังจะนั่งอยู่เฉยๆ แต่กลับยืนขึ้นพร้อมกับกางแขน แผงตาคู่สวยหลับพริ้มเงี่ยหูฟังเสียงลมที่โชยมาอย่างสงบ
 
“ไปเรื่อยๆ” เคนตอบติดตลกโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนข้างหลัง ร่างสูงหลบซ่อนสายตาของความรักที่ท่วมท้นจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ ผิดกับอีกคนที่เอาแต่สนุกไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซะเลย
 
“เห้ยๆ ไอ่เชี่ยเคนจอดดิ” ร่างบางแหกปากลั่นทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆหยุดรถกะทันหัน โยที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล้มไปข้างหน้าทับกับหลังแกร่งของอีกฝ่าย แขนเล็กก็ไปล็อกคอของเคนเพื่อยึดตัวเองไม่ให้ตกจากจักรยานโดยอัตโนมัติ พวงแก้มนุ่มนิ่มจึงไปสัมผัสกับหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 
“เชี่ย หยุดรถภาษาไรของเมิงว่ะ” คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะลงจากรถจักรยานพลางออกแรงตบหัวเคนอย่างไม่พอใจ
 
“เอ๊า ก็เมิงบอกให้กูหยุดเองนี่หว่า” เคนไม่สบตากับอีกฝ่าย มือแกร่งก็ลูบหน้าตัวเองข้างที่สัมผัสโดนแก้มของโยเมื่อตะกี้ ความรู้สึกอุ่นๆนุ่มยังตราตรึงไม่จางหายแต่ทว่าโยมันก็ไม่ได้ยืนฟังข้อแก้ตัวของอีกฝ่าย ร่างเล็กไปยืนแหงนคอมองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บนต้นไม้
 
“อะไรว่ะ” เคนจอดจักรยานไว้ข้างทางก่อนจะวิ่งไปหาคนตัวเล็ก
 
“แมว เมี๊ยวๆ” โยเอ่ยพลางทำเสียงแมวซะเหมือน ก่อนจะชี้มือให้อีกฝ่ายดูลูกแมวตัวเล็กที่เกาะอยู่บนต้นไม้
 
“เห๊ย มะ แมวเหรอ” เคนกรีดยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยๆถอยหลังเพื่อทิ้งระยะห่างของตัวเองกับต้นไม้ ก็เขาเองถูกโรคกับแมวซะที่ไหนกัน
 
“รอแปบนะ เจ้าแมวเมี๊ยว ชั้นจะไปช่วยแกเอง” ไม่ว่าเปล่าร่างบางจัดแจงดันตัวเองขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่ความจริงก็กลัวความสูงอยู่ แต่เมื่อมองเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เกาะด้านบนแน่นก็เกิดสงสารขึ้นมาซะอย่างงั้น
 
“เฮ๊ย ไอ่โยอย่าขึ้นไปนะเว้ย” ร่างสูงตะโกนบอกคนตัวเล็กที่ขึ้นไปบนต้นไม้เรียบร้อยแล้ว
 
“อีกนิดเดียว” มือเล็กเอื้อมไปข้างหน้าหมายที่จะจับลูกแมวน้อยที่เกาะหนืบกับกิ่งไม้ซึ่งสูงจากพื้นพอสมควร
 
เมี๊ยว ลูกแมวครางเบาๆพร้อมกับขู่ฟ่อ ก่อนจะฝากรอยข่วนไว้ที่มือของโย
 
“โอ๊ย” ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยความความแสบจากรอยข่วนสีแดงที่เริ่มปรากฏที่มือขวาแต่แค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของคนตัวเล็กลดลงเลยแม้แต่น้อย
 
“ไอ่โยเป็นไรรึเปล่าว่ะ” เคนตะโกนถามคนที่อยู่ด้านบนด้วยอาการร้อนรนเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะตกลงมา
 
“ไม่ต้องกลัวนะ โอ๋ๆๆๆ” แล้วโยก็อุ้มลูกแมวที่สั่นเทาไว้ในอ้อมกอดพลางปลอบประโลมอย่างเอ็นดูทั้งที่ยังนั่งอยู่บนต้นไม้สูง
 
“ถ้าเมิงไม่ลงมากูจะขึ้นไปเตะเมิงเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างสูงออกคำสั่ง ขณะเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้
 
“เชี่ย เมิงจะขึ้นมาทำไมว่ะ กูจะลงไปแล้วเนี่ย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะค่อยไต่ลงมาจากต้นไม้ด้วยมือข้างเดียว
 
“เมิงก็รีบๆลงมาดิว่ะ” ร่างสูงดุคนตัวเล็ก ทั้งที่รู้ว่าโยกลัวความสูงก็เลยห่วงมาก
 
“เออๆ พูดอยู่นั่นแหละ ก็กำลังลงอยู่เนี่ย” เพราะว่าอีกมือหนึ่งไม่ว่างทำให้ร่างบางไต่ลงต้นไม้ลงมาได้ไม่ถนัดนัก
 
แกรก (เสียงกิ่งไม้หัก)
 
“เฮ๊ย...” โยร้องเสียงหลง เพราะกิ่งที่ตนเหยียบอยู่นั้นเกิดหักขึ้นมา ทำให้พลาดท่าตกลงมาสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
 
ปึก~!!
 
“โอ๊ย...” ความปวดราวแล่นลิ่วไปทั่วทั้งร่างกาย แล้วอะไรนิ่มๆข้างล่างว่ะ โชคดีที่ตกลงมาตอนใกล้จะถึงพื้นแล้วไม่งั้นได้มีขาหัก แขนหักแน่ๆ (โย)
 
“กูบอกแล้วไง เชี่ย ตกลงมาจนได้” เสียงทุ้มของคนที่ถูกทับอยู่ข้างล่างดังขึ้น ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงกลมคู่สวยมองลึกเข้าไปที่นัยน์ตาคมของอีกฝ่าย พวงแก้มสีชมพูขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่รู้สาเหตุ
 
เมี๊ยว แล้วลูกแมวก็มุดออกมาจาก ?? พลางใช้ลิ้นเลียแก้มของเคน
 
“เห๊ย” เคนร้องลั่นเพราะความตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นเลยทำให้โยที่นอนทับอยู่ด้านบนหงายหลังไปตามๆกัน
 
“ไอ่เชี่ยเคนนนน กูเจ็บน้าเว้ย” โยลากเสียงยาว ขณะใช้มือบีบเนื้อตัวของตนพร้อมกับดวงหน้าหวานที่บูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
 
“อ้าว ไหนดูดิ” เคนรีบตรงไปหาโยที่นั่งจมอยู่กับหญ้าที่พื้น ก่อนจะช่วยพยุงร่างบางให้ยืนขึ้น
 
“โอย... เจ็บ” โยพึมพำอยู่ข้างหูของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว มือเล็กก็เกาะร่างสูงเพราะว่าไม่สามารถยืนด้วยตัวเองได้
 
“สงสัยขาจะแพงว่ะ” เคนก้มไปดูข้อเท้าของโยที่เริ่มจะบวมนิดๆ
 
“ขากูแพงอยู่แล้วเว้ย ไม่ถูกอย่างของเมิง ฮ่าๆ” ร่างบางรู้ว่าตัวเองต้องโดนดุอีกแน่เลยหาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อน
 
“โหย เจ็บตัวขนาดนี้ยังจะปากดีอีก” เคนดุคนตัวเล็กด้วยสีหน้าที่จริงจังจนโยเองไม่กล้าพูดอะไร
 
“เอ๊า รีบๆโดดขึ้นมาดิว่ะ” เคนนั่งยองๆหันหลังให้กับโยที่ยืนอยู่ด้านหลัง
 
“ไม่ต้อง กูเดินเองได้ เมี๊ยวๆ” ร่างบางเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะออกเดินกะแพล๊กๆไปด้วยตัวเอง พลางส่งเสียงเรียกลูกแมวที่ตัวเองลงทุ่นปีนไปช่วยลงมาแต่ตอนนี้กลับหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ โดยไม่สนใจเคนที่เริ่มจะหัวเสีย
 
ฮึบ~!! เมื่อไม่ได้อย่างใจเคนเลยหันไปอุ้มโยแทน ก็คนตัวเล็กดื้อซะยังงั้นเองนี่นา
 
“เห้ย เชี่ยเคน ปล่อยกูนะเว้ย” ร่างบางดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนตัวสูง
 
“จะยอมขี่หลังกูดีๆหรืออยากจะให้กูอุ้มเมิงไปทั้งแบบนี้ ห๊ะ” เคนยิ้มกริ่มอย่างมีชัยเพราะตอนนี้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ
 
“พ่อกูก็ไม่ใช่ ดุยังกะหมาบ้าเลยแมร่ง” โยบ่นเป็นกระสัยขณะที่เบือนดวงหน้าหวานไปทางอื่นอย่างไม่พอใจในข้อเสนอสักเท่าไร
 
“ว่าไงนะ” เคนกระชับแขนแน่นพลางยื่นหน้าเข้าไปหาโยที่กำลังงอนตุบป่องอยู่
 
“ก็ได้ๆ งั้นก็รีบปล่อยกูลงสักทีสิว่ะ” โยตอบตกลงอย่างตื่นๆ พลางใช้มือเล็กดันอกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
 
“ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อย...” (ค่อยน่ารัก)เคนกลืนคำที่เกือบหลุดออกไปได้ทันก่อนที่จะลืมตัวพูดมันออกมา มีผู้ชายที่ไหนบ้างชมกันว่าน่ารักล่ะ (เคน)
 
“อะไรบอกมานะโว้ย” ยิ่งทำเหมือนมีลับลมคมนัยก็ทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากขึ้น
 
“ปะ เปล่านิ เอ่อ ว่าแต่ไอ่แมวของเมิงเหอะ หายไปไหนซะล่ะ” เคนหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของคนตัวเล็ก
 
“เออ น่านดิ แมร่งหายไปไหนแล้วเนี่ย เมี๊ยวๆๆๆ” โยบ่นอุบอิบ พลางส่งเสียงเลียนแบบลูกแมวน้อย ทำให้ยิ่งเหมือนแมวไปเองเข้าทุกที
 
“ฮ่าๆ พอเหอะว่ะ กูว่าแมวมันคงกลัวเมิงแหละ สงสัยหนีไปแล้วมั้ง” เคนหัวเราะเบาๆ ในท่าทางของโยที่ไม่ต่างจากแมวที่พูดถึงเท่าไรถึงเขาจะไม่ชอบแมวเพราะเรื่องในอดีตที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเกิดว่าเป็นแมวอย่างโยเขาก็คงเกลียดไม่ลงกลับจะชอบซะด้วยซ้ำ
 
“เชี่ย แมวมันกลัวเมิงมากกว่า” โยเอ่ย ก่อนจะยืนกอดอกหันหลังให้กับเคน
 
“เออๆ กูผิดเอง ว่าแต่...จะยืนอีกนานมั้ยเนี่ย รึให้กูต้องอุ้มแบบเมื่อกี้” พอเคนทำท่าจะว่าทำอย่างที่พูด ร่างบางก็รีบกระโดดขี่หลังของอีกฝ่ายแต่โดยดี
 
    โยทิ้งน้ำหนักตัวเองไปที่หลังแกร่งของเคน แต่ด้วยรูปร่างที่ผอมแห้งจึงไม่เป็นอุปสรรคในเวลานี้เท่าไรนัก แขนเล็กก็โอบรอบคอของเคนก่อนจะซบดวงหน้าหวานไปที่บ่าของร่างสูงอย่างเหนื่อยอ่อน
 
“โย แขนเมิงก็โดนข่วนด้วยนี่หว่า” คนตัวสูงเอ่ยหลังจากที่เหลือบไปเห็นรอยข่วนเล็กๆสีแดงที่ปรากฏเต็มข้อมือของโย
 
“เอ่อ แสบชริปหายเลยแมร่ง” โยพูดทั้งๆที่ซบหน้าอยู่กับไหล่ของเคนอยู่
 
“เจ็บมากมั้ย” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
 
“อือ” โยตอบเบาอยู่ในลำคอ อะไรว่ะ ตะกี้ยังปากดีอยู่เลย พอขึ้นมาบนหลังกูเท่านั้นแหละ ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงเลยเหรอเนี่ย (เคน)
 
“อ้าว ไอ่เกี๊ยวเมิงมาทำไรแถวนี้ว่ะ” เคนที่แบกโยมาจนถึงตลาด เอ่ยทักเกี๊ยวที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงหน้า
 
“อะ อ่อ กูมาซื้อกาแฟให้พ่อ โก กาแฟถุง” เกี๊ยวตอบแบบตะกุกตะกักเล็กน้อยพร้อมกับหันไปเรียกอาโกในร้าน ก่อนจะมองโยที่ขี่หลังเคนมาด้วยความสงสัย
 
“...” เคนไม่ได้พูดอะไรอีก พลางแบกโยที่แอบงีบบนหลังตนเข้าไปในร้านของบอลที่อยู่ข้างๆกัน
 
“ไอ่เคน เชี่ยโยมันเป็นไรว่ะนั่น” บอลเอ่ยถามเคนที่แบกโยเข้ามาในร้าน
 
“มันตกต้นไม้มาว่ะ เมิงพอจะมียาหม่องมั้ย” เคนค่อยๆวางโยไว้ที่เก้าอี้อย่างเบามือ
 
“ไอ่เคนกูเจ็บว้อย เบาๆไม่ได้รึไงว่ะ” โยบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจ เพราความเจ็บปวดที่มันเริ่มจะรู้สึกชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“แล้วไปทำอีท่าไหนว่ะ แมร่ง เดือดร้อนกูอีกแร่ะ เออๆ ยาหม่องมีอยู่เดี๋ยวไปเอาให้” บอลพล่ามยาวก่อนจะหายไปหลังร้าน
 
“หูย ซี๊ดดด แสบนะโว้ย กูทาเอง เมิงไม่ต้องทำเลย” โยแย่งยาหม่องจากมือของเคนอย่างไม่พอใจนิดๆ คนไรว่ะมือหนักชริปแป่ง (โย)
 
“อ้าว กูไม่ได้ตั้งใจนิ” เคนตอบกลับ นัยน์ตาคมก็จ้องร่างบางด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใครมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตแววตานั้นเลย
 
“สองผัวเมียนั่นจะทะเลาะกันอีกนานมั้ย กูชักจะหมั่นไส้แล้วนะโว้ย” บอลแซวเป็นเชิงเล่น ถือเป็นการเอาคืนเพราะว่าตัวเองก็เคยถูกสองคนนั้นแซวแบบนี้เหมือนกัน
 
“ปะ เปล่าซะหน่อย” โยแก้ตัวอย่างเขินๆจนดูออก ก่อนจะรีบหันตัวไปทางอื่น
 
“อะ เอ่อ ตะกี้กูเจอไอ่เกี๊ยวที่หน้าร้านโกด้วยว่ะ มันมาหาเมิงเหรอ” ไอ่หาวิธีเปลี่ยนเรื่องนี่ของถนัดเลย
 
“ไอ่เกี๊ยว มันมาเหรอ ก็เปล่านิ” บอลเองก็ดูแปลกใจที่รู้ว่าเกี๊ยวมาแถวนี้ แต่ทำไมภายในใจลึกๆกลับรู้สึกลิงโลดดีใจจนบอกไม่ถูกนะ (บอล)    
 
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ” เกี๊ยวพึมพำกับตัวเอง
 
“อ้าวอาเกี๊ยว ทำไมวังลี้ถึงมาซื้อกาแฟตั้งไกลขนาดนี้ล่ะ ร้านอาเฮียข้างๆร้านลื้อไม่มีกาแฟขายรึไง” ชายที่ดูมีอายุรุ่นๆเดียวกับปู่ของเขาเอ่ยทักด้วยสำเนียงจีนๆ
 
 “อะ อ้อ พ่อบอกอยากจะชิมกาแฟร้านอาโกดูอ่ะ ผมไปล่ะนะ” ร่างบางแก้ตัวน้ำขุ่นๆ มือเล็กก็รับถุงกาแฟเย็นมาโดยใช้อีกมือไขว้นิ้วกันไว้ด้านหลังเพราะว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่
 
“เฮ้อ...” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะดูดกาแฟเย็นที่ตนซื้อมาด้วยความจำใจ ขณะที่ปั่นจักรยานกินลมไปเรื่อยๆตามสายทางที่แสงอาทิตย์กลายเป็นสีส้ม ปุยเมฆบางๆลอยละล่องน่าสัมผัส ร่างบางพริ้มตาความคิดที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับเสียงลมกับเสียงนกร้องที่ถูกพัดพามาตามกระแสลมในยามเย็น
 
“เกี๊ยว ไหนล่ะบะหมี่ที่พ่อให้ไปซื้อมา” เฮ๊ย!!! จริงด้วย พ่อใช้ให้ไปซื้อบะหมี่นี่หว่า ลืมสนิทเลย แล้วไอ่เงินที่พ่อให้มาก็ดันเอาไปซื้อกาแฟร้านโกแล้วด้วยสิ เอาไงดีว่ะ
 
“อะ อ้อ บะหมี่ แหะๆ บะหมี่ที่พ่อให้ไปซื้อน่ะเหรอ” เอาไงดีๆๆๆเพิ่งนึกได้ว่าพ่อให้ไปซื้อบะหมี่ก็ตอนนี้แหละ
 
“เออ ก็บะหมี่นะสิว่ะ พ่อใช้ให้เอ็งไปซื้อมา 10 ห่อ แล้วทำไมกลับมาตัวเปล่าล่ะ” พ่อเน้นเสียงกดดันลูกชายตนเองมากขึ้น
 
“คะ คือ คือว่า... อะ อ้อ บะหมี่ร้านน้านวลเค้าหมดน่ะพ่อ ของจะมาใหม่ก็...วันพรุ่งนี้นู้น พ่อค่อยไปซื้อเองล่ะกันนะ” ไม่ทันที่จะพูดจบร่างบางก็วิ่งหนีขึ้นบันไดไปซะแล้ว
 
“เอ๊ะ ไอ่ลูกคนนี้ จะใช้งานใช้การไม่ได้เรื่องสักอย่าง” ผู้เป็นพ่อกุมขมับแล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอา
 
“ดีนะเนี่ยที่เป็นพ่อ ถ้าเป็นแม่ละก็... อึย” คนตัวเล็กเดินเข้าห้องของตัวเอง ก่อนจะทำท่าขนลุกขนพอง คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนา นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าไกลๆกลายเป็นสีเทา
 

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #81 เมื่อ25-04-2009 13:38:13 »

พรึบ~!!
 
   อยู่ดีๆไอ่เชี่ยโอมมันก็โผล่หัวมาบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นของผมไปหมด มาจากหลุมไหนของมันว่ะเนี่ย เหงื่อชโลมท่วมตัวขนาดนี้อย่างกะคนที่เพิ่งอาบน้ำมายังงั้นแหละ กลิ่นเหงื่อของร่างสูงกระจายคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ผมรีบยันตัวเองให้ลุกขึ้น ผิดกับไอ่โอมที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงผมจนยุบฮวบไปในทันที
 
   คนตัวเล็กมองแผ่นหลังแกร่งอย่างหวาดๆ เสื้อยืดที่ชุ่มเหงื่อแนบราบไปกับแผ่นหลังของโอมเผยให้เห็นรูปร่างที่ดูแข็งแรงอย่างคนสุขภาพดี ทำเอาร่างเล็กที่แอบมองจนเพลินเกิดอิจฉาขึ้นมานิดๆ
 
“เป็นเชี่ยไรของเมิง จ้องอยู่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยดังทำลายความคิดของร่างเล็กที่นั่งติดกับผนัง ดวงหน้าคมหันมาสบตากับอีกฝ่าย พลางกระดกขวดน้ำเย็นๆที่ริมฝีปากเรียว น้ำสะอาดไหลลงมาตามลำคอช่วยให้คนที่กำลังดื่มน้ำอย่างหิวกระหายดับความร้อนภายในร่างกายหลังจากที่ออกกำลังมาอย่างหนัก
 
อึก~!! นัยน์ตาคู่สวยมองคนตรงหน้าก่อนจะกลืนน้ำลายของตัวเองเข้าไปอึกใหญ่   
 
“เกี๊ยว” ร่างสูงกดน้ำเสียงต่ำทุ้ม นัยน์ตาคมปรือมองร่างเล็กที่นั่งนิ่งด้วยสายตาชวนฝัน คนตัวสูงดันตัวเองขึ้นไปบนเตียงก่อนจะค่อยๆคลานไปหาร่างบางที่อยู่ไม่ห่างกาย
 
“อะ... อะไร อื้ม...ม... อือ...ม...” คนตัวเล็กที่นั่งสนิทกับฝาผนังถูกประกบจูบอย่างวดเร็ว มือเล็กปัดบ่ายไปมาที่แผงอกแกร่ง แต่ตอนนี้มันกลับเปลือยเปล่า
 
   ลิ้นสากที่ชอนไชเข้ามาในโพรงปากเล็ก สร้างความเสียวซ่านให้คนที่ถูกกระทำไม่น้อย ยิ่งพยายามดิ้นมากเท่าไรกลับถูกโอบกอดแน่นมากเท่านั้น
 
“คะ คิดจะทำอะไรน่ะ แฮ่กๆ” ร่างบางที่ถูกทาบทับไว้ดานล่างเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เสียงหอบที่ดังแผ่วเบาเนื่องจากขาดอากาศหายใจจากรสจูบที่นุ่มนวลที่ผ่านมา แผงเล็กกระเพื่อมถี่ มือหนาลูบไล้เข้าไปใต้สาปเสื้อยืดตัวเล็ก
 
   ร่างสูงไม่เอ่ยสิ่งใดเอาแต่มองคนข้างล่าง ก่อนจะประทับโน้มตัวลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากนิ่มอีกครั้ง คนตัวเล็กดิ้นพล่านอย่างต่อต้าน เพราะมือใหญ่รุกเข้าไปในกางเกงของเขา แต่ส่วนอ่อนไหวของเขามันกลับต่อการสัมผัสผิดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในจิตใจของเขาตอนนี้
 
“อ๊ะ อย่า อือ...ม...” ร่างบางครางกระเส้า กระตุ้นให้อีกฝ่ายบีบเคล้นส่วนนั้นแรงขึ้น
 
“เกี๊ยว แฮ่กๆ” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของเขาที่ข้างหู ร่างบางบิดเร้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่ลดละ
 
“เกี๊ยว เกี๊ยว” น้ำเสียงที่ยานเนิบ แหบพร่า ร่างกายของเขาแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มือใหญ่ที่บีบเคล้นผสมกับรูดเบาๆจนสติของคนข้างล่างหลุดลอยไปไกล
 
“เกี๊ยว~!! ไอ่เกี๊ยว” เสียงที่คุ้นเคยตะโกนดัง มือหนาจับที่ไหล่มนทั้งสองข้างเขย่าแรง แผงขนตาสวยกระพริบเร็วก่อนจะลืมตามองคนตรงหน้า
 
“เฮ๊ย...” ผมรีบผลักไอ่โอมจนมันกระเด็นไปอยู่อีกฟากของห้อง
 
“เชี่ย มาผลักกูทำไมว่ะ” ร่างสูงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะทำท่าคล้ายกับจะชกคนที่นั่งจมอยู่บนเตียงหนา
 
“ก็ๆ เมิง” คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกัก เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ดวงตากลมก็จ้องคนตรงหน้าที่เปลือยท่อนบนอวดผิวกาย
 
“คนอุตส่าห์หวังดี กูเห็นเมิงละเมอบ้าอะไรไม่รู้ นึกว่าฝันร้าย ไม่น่าปลุกเลยแมร่ง” ความจริงโอมเองก็ตกใจเหมือนกัน เลยแกล้งหัวเสียไปยังงั้น
 
“อะ เออ กูฝันร้าย แล้วทำไม มะ เมิงถอดเสื้อล่ะ” ถ้าตะกี้เป็นความฝันแล้วทำไมไอ่โอมมันถอดเสื้อ อะ เอ่อ เหมือนในฝันผมล่ะ แต่ความรู้สึกมันชัดเจนมากจนผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความฝันความรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าทำเอา พวงแก้มเนียนขึ้นสีแดงกร่ำ
 
“สัด จะให้กูใส่เสื้อผ้าอาบน้ำรึไงว่ะ” ร่างสูงตอบพลางสวมเสื้อยืดโดยไม่หันไปมองคนตัวเล็กแล้วทำไมไอ่เกี๊ยวมันต้องหน้าแดงขนาดนั้นด้วย ชักอยากจะรู้แล้วสิว่ามันฝันอะไรกันแน่
 
“เออๆ กูผิดเอง” ร่างบางใช้แขนเล็กปาดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง จนตอนนี้เขาเพิ่งมาสังเกตว่าร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
 
“กี่โมงแล้วว่ะ” ร่างเล็กถามคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงที่ดูแผ่วเบาอย่างคนไม่มีแรง
 
“4 ทุ่มแล้วมั้ง” โอมตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหนังสือการ์ตูนในมือ ร่างสูงนอนเหยียดแผ่หลาบนที่นอนของตนนัยน์ตาคมลอบมองหลังเล็กของร่างบางที่หายลับเข้าไปในห้องน้ำ
 
    น้ำเย็นๆชำระร่างกายบอบบาง คนตัวเล็กตักน้ำราดตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อหวังว่ามันจะช่วยลบความฝันที่เขาไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แต่ภาพของร่างสูงและสัมผัสต่างๆมันยังคงเด่นชัดถึงแม้มันจะเป็นความฝันก็ตามเหอะ
 
   มือเล็กขยี้หัวตัวเองที่เปียกชื้นแรง พอออกมาจากห้องน้ำไอ่โอมมันก็หลับไปแล้ว นี่ ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ผมเห็นหน้าไอ่โอมมาตั้งแต่เด็กแต่ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลกๆเวลามองหน้ามันด้วย เพราะไอ่ฝันบ้าๆนั่นเหรอ มันก็แค่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงหรอกน่า...
 
    ร่างเล็กทิ้งตัวเองลงไปนอนบนเตียงของตน ก่อนจะฝืนเปลือกตาให้ปิดลงอย่างยากเย็น ไม่รู้เพราะฤทธิ์ของกาแฟที่กินไปเมื่อตอนเย็น หรือเพราะที่เขานอนไปแล้วก่อนหน้านั้นที่ทำให้เขานอนไม่หลับ นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลงในความมืด คนตัวเล็กนอนคว่ำหน้าเอาหมอนมาทับก็แล้ว จะนอนตะแคง นอนหงายก็แล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่หลับซะทีว้า..
 
    คนที่นอนบนเตียงก็แอบมองร่างสูงที่นอนอยู่กับพื้นข้างล่าง ดูเหมือนไอ่โอมมันจะนอนไม่หลับเหมือนกันกับผม
 
“นอนรึยังว่ะ” ร่างบางเอ่ยเบาท่ามกลางความเงียบและแสงสว่างสลัวๆจากแสงจันทร์ภายนอกแต่มันก็น้อยจนแทบมองไม่เห็นอะไร
 
“...” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
 
   มีเพียงความเงียบที่ปล่อยทิ้งไว้ให้กับคนตัวเล็กที่นอนพลิกตัวไปมาอยู่นาน อากาศที่เย็นสบายชวนให้นอนบนฟูกนุ่มอุ่นๆ แต่ข่มตาให้หลับเท่าไรมันก็ไม่เป็นอย่างใจคิดสักที
 
แกะตัวที่ 1 แกะตัวที่ 2 แกะตัวที่ 3 แกะตัวที่ 4 แกะตัวที่ 5 ... ... ... แกะตัวที่ 1,268 ร่างบางเอ่ยพึมพำเบาๆกับตัวเองหวังว่าไอ่วิธีที่เขาเคยได้ยินมาอาจจะใช้ได้ผลกับเขา
 
“นอนไม่หลับเหรอว่ะ” จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยถามคนตัวเล็กที่นอนดิ้นไปดิ้นมาข้างบน
 
“อ้อ อืม” พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็นอนไม่หลับเหมือนกัน คนตัวเล็กก็เลยนอนนิ่งๆพยายามไม่ส่งเสียง
 
“มีเรื่องกลุ้มใจรึเปล่า บอกกูได้นะเว้ย” ไอ่เชี่ยโอมมันโดนผีอะไรเข้าสิงว่ะ อยู่ดีๆก็มาทำตัวเป็นที่ปรึกษาผมเฉยเลย
 
“มะ ไม่มีไรหรอก กูแค่แดรกกาแฟ มันเลยนอนไม่หลับ อืมๆ ไม่มีไรจริงๆ” ถ้าเป็นเพราะฤทธิ์กาแฟแล้วไอ่ตอนเย็นที่ผมหลับฝันเป็นเรื่องเป็นราวก็คงไม่ใช่แล้ว
 
“แล้วตอน...” ไอ่นี่มันจะทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย
 
“กูบอกว่าไม่มีไรก็ไม่มีดิว่ะ ยิ่งเมิงชวนคุยกูยิ่งนอนไม่หลับ” ร่างบางสบถเบาๆ ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับต่อไป
 
“เกี๊ยวกูขอถามเมิงอย่างได้มั้ย” ร่างสูงเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา คล้ายกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง
 
“อะ อื้ม” ร่างบางเองก็นอนนิ่งรอฟังอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ
 
“เอ่อ คือ... ทำไมเมิงถึงไม่เคยคุยกับกูดีๆบ้าง” คนตัวสูงเอ่ยถามอย่างคนน้อยใจนิดๆ แต่เขาก็พยายามข่มน้ำเสียงให้เหมือนปกติจนร่างบางเองก็ไม่ได้สังเกต
 
“ก็เมิงชอบแกล้งกูนิ แล้วเมิงเคยคุยกับกูดีๆบ้างรึเปล่าล่ะ” ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่นุ่มนวลแบบนี้จากปากไอ่โอมมาก่อน
 
“ก็...” โอมเงียบไป ทำเอาคนที่อยู่บนเตียงเกิดคาใจซะยังงั้น
 
“ว่าไง” คนตัวเล็กขยับกายไปที่ขอบเตียงพลางลอบมองคนตัวสูงที่นอนอยู่เบื้องล่างเป็นระยะ
 
หมับ~!! มือหนาจับข้อมือเล็กแน่นก่อนจะดึงคนตัวเล็กที่นอนอยู่ด้วยแรงมหาศาล
 
“เห้ย จะไปไหนว่ะ” คนตัวเล็กโวยวายเพราะตัวเองกึ่งถูกดึงถูกลากให้ลุกขึ้น
 
“ไหนๆก็นอนไม่หลับแล้วนิ ตามกูมาเหอะน่า...” มือแกร่งกระชับแขนคนตัวเล็ก โอมมองดวงหน้าหวานก่อนจะเอ่ยหนักแน่น
 
“เออๆ จะรีบไปไหนว้า” ถึงปากจะบ่นแต่ร่างบางก็ยอมเดินตามคนตัวสูงไปแต่โดยดี
 
    แล้วโอมกับเกี๊ยวก็ค่อยย่องลงบันไดไป มันนานเท่าไรแล้วที่ผมไม่เคยทำอะไรพิเรนๆแบบนี้มาก่อน จะใช้คำว่าหนีออกจากบ้านได้มั้ยนะ ดูจากท้องฟ้าที่ดำสนิทกับถนนที่โล่งไร้พาหนะสัญจรไปมา จะให้เดาตอนนี้มันก็คงเที่ยงคืนแล้วมั้ง
 
“เฮ๊ยๆ จะไปไหน บอกกูมาก่อนดิว่ะ” เสียงหวานบ่นเสียงหอบดังเบาๆอยู่ข้างหลังโอมที่จูงมือของอีกฝ่ายเดินไกลจากบ้านไปเรื่อยๆ
 
“จะถึงแล้วเนี่ย” ร่างสูงกุมมือเล็กแน่นก่อนจะลากร่างบางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
 
    แล้วไอ่โอมมันก็ลากผมมาในที่ๆผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นสนามหญ้าโล่งกว้างมีดอกอะไรไม่รู้ขึ้นสูงประมาณเข่าผมได้ รองเท้าจมลงไปในผืนหญ้านุ่มทุกครั้งที่วิ่ง มีลมเย็นๆพัดมากับอากาศบริสุทธิ์ที่น้อยคนนักจะได้สูดดม เสียงลมแผ่วเบาพัดมาราวกับเสียงกระซิบ
 
    ร่างสูงปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระแล้วโอมก็ทิ้งตัวนอนจมกลางผืนหญ้าที่นุ่มไม่ต่างกับปุยนุ่น มือหนารองศีรษะแทนหมอน ก่อนที่เปลือกตาหลุบลงมาปิดบังนัยน์ตาคมที่ดูอ่อนโยนในเวลานี้
 
“สวยจัง” เสียงหวานเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่กำลังทิ้งตัวลงนอนใกล้กับร่างสูงที่นอนอยู่ก่อนแล้ว
 
“สวยมากใช่มั้ยล่ะ” คนตัวสูงหันมาพูดกับคนข้างๆที่นอนอยู่ในระดับเดียวกัน
 
“อื้ม กูไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยว่ะเพิ่งจะรู้ว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่แถวนี้ด้วยแฮ่ะ” ดวงหน้าสวยแหงนมองบนท้องฟ้าที่มีแสงดาวพรั่งพราวระยิบระยับ ข้างกายมีโอมนอนอยู่ ล้อมรอบด้วยต้นดอกอะไรสักอย่างที่ดูสูงไปถนัดตาในมุมนี้
 
“อืม” โอมส่งเสียงเบาในลำคอ ดวงหน้าคมหันไปจ้องคนตัวเล็กผิดกับอีกฝ่ายที่กำลังเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้า
 
“กูว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่ แมร่ง โชคดีชริปหาย ได้มานอนดูดาวยังงี้ทุกวัน” คนตัวเล็กตั้งใจจะหันมาคุยกับอีกฝ่ายแต่เพราะว่าโอมที่เผลอจ้องร่างบางซะนานทำให้ริมฝีปากเฉียดๆกัน โชคดีที่ร่างสูงรีบหันหน้าไปมองท้องฟ้าได้ทันซะก่อน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร
 
“หืม เมิงชอบที่นี่รึเปล่าล่ะ” โอมพูดกับคนๆที่นอนข้างๆกายด้วยน้ำเสียงที่เบาเฉพาะได้ยินกันสองคนนัยน์ตาคมก็ยังคงไม่ละจากท้องฟ้ากว้าง
 
“อืม ชอบดิว่ะ” กลับเป็นผมคนเดียวที่คิดอกุศลกับไอ่โอมมาตลอด แววตาคู่นั้นที่ดูอ่อนโยนกับน้ำเสียงที่ดูสุภาพนุ่มนวลอย่างที่ผมไม่เคยได้ยิน มันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
 
“กูก็ชอบเมิงว่ะ” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
 
“ห๊ะ ตะกี้เมิงว่าไรนะ กูไม่ทันฟัง” คนตัวเล็กหันไปมองดวงหน้าคมที่ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
 
“อ่อ กูจะบอกว่า เมิงรู้มั้ยว่าดาวลูกไก่อยู่ตรงไหน” ชริปหายแล้ว ความรู้เรื่องดวงดงดวงดาวผมยิ่งไม่ค่อยจะเอาถ่านซะด้วยสิ เคยเรียนๆในวิชาวิทยาศาสตร์แต่ผมก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร
 
“อยู่ตรงไหนว่ะ” ร่างบางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหรี่ตาทำท่าว่าหากลุ่มดาวที่มีป้ายเขียนว่าลูกไก่ติดอยู่
 
“ตรงนั่นไง” ไอ่โอมชี้นิ้วไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า มันก็กี่ล้านดวงล่ะนั่นใครจะไปเห็น
 
“ตรงไหนว่ะ ไม่เห็นมีเลย” คนตัวเล็กพยายามมองตามมือของอีกฝ่าย พลางขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว
 
“ก็ตรงนี้ไงเล่า ดูดีๆดิว่ะ” ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของร่างบางที่มีอยู่ทุนเดิมทำให้คนตัวเล็กขยับกายเข้าไปใกล้จนแทบจะไปทับกับร่างสูง ร่างบางเลยถือโอกาสหนุนไหล่แกร่งของอีกคนไปโดยปริยาย
 
“ไหนว้า... ไม่เห็นจะมีเลย” โอมหลอกให้ร่างบางมองตามนิ้วของตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างสูงยิ้มกริ่มในความน่ารักของอีกฝ่าย ที่มานอนเกยอยู่ใกล้จนแทบได้ยินเสียงหายใจ ทำเอาหัวใจของเขาเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของคนตัวเล็กทำเอาร่างสูงเคลิบเคลิ้มจนเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่
 
 พวงแก้มเนียนขาวน่าสัมผัสอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก คนตัวเล็กที่มาปั่นป่วนหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาได้มอบความรักให้กับคนๆนี้จนหมดใจไปแล้วโดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้เลยสินะ
 
“ไม่เห็น...” ไม่ทันจะได้พูดจบ พวงแก้มใสก็สัมผัสกับริมฝีปากเรียวโดยบังเอิญเพราะร่างบางที่ตั้งใจจะหันหน้ามาคุยกับอีกฝ่าย
 
“อะ เอ่อ ขอโทษว่ะ” โอมรีบยันตัวขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนภายในใจมันเต้นรัวเพราะความตื่นเต้น อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกเกลียดตลอดไป แต่อีกใจหนึ่งมันกลับมีความสุขจนเอ่อล้น
 
“ชะ ช่างมันเหอะ กูไม่ถือ” ร่างบางดูเหมือนจะอึ้งไปเหมือนกัน มือเล็กก็ลูบแก้มตัวเองข้างที่ถูกหอมเบาๆ
 
“เอ่อ... กลับกันเหอะว่ะ ข้างนอกนี่มันหนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัด” ว่าแล้วร่างสูงก็รีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงแขนเล็กของเกี๊ยวให้ลุกขึ้นตาม
 
“อื้ม” คนตัวเล็กก้มหน้างุด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ มือเล็กถูกคนด้านหน้าจับกุมไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าร่างสูงเองจงใจจะจับมือของเขาไว้หรือแค่ลืมตัว
 
“ไอ่โอม เอ่อ กูว่าเมิงมานอนข้างบนก็ได้ นอนข้างล่างไม่หนาวรึไงว่ะ” ร่างบางที่นอนอยู่ด้านบนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เพิ่งเข้ามาถึงในห้องได้สักพัก
 
“ก็เมิงบอกเองนี่ว่าไม่อยากนอนเบียดกับกูไม่ใช่รึไง” แล้วน้ำเสียงโหดๆตามฉบับไอ่โอมผสมความกวนตีนของมันก็กลับมา คนเค้าอุตส่าห์หวังดีนะโว้ยยย
 
“เออ... ตามใจเมิงละกัน” คนตัวเล็กกระแทกเสียง ทำให้รู้ว่าคนด้านบนคงจะงอนไม่น้อย
 
“กูคงไม่โง่นอนแข็งตายอยู่ข้างล่างหรอกว่ะ” ไม่พูดเปล่า โอมก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงนุ่มอย่างรวดเร็วก่อนจะเบียดกายเข้าไปชิดกับคนตัวเล็กที่นอนข้างๆ
 
“อย่ากินที่เด๊ะว่ะ ไม่งั้นกูถีบเมิงตกเตียงจริงด้วย” ร่างบางดันไหล่แกร่งที่นอนเบียดตนให้ออกห่างแต่เหมือนยิ่งดันออกไปร่างสูงก็ขยับเข้ามาหายิ่งกว่าเดิม
 
“หนาวยังงี้ต้องนอนเบียดกันสิว่ะจะได้อุ่นๆ รีบนอนไปเลยเมิงไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน” ไอ่โอมออกคำสั่งหนักแน่น นี่เตียงกูน้าโว้ย ไม่ใช่เตียงเมิง นอนกินที่โครตๆ แต่ผมไม่อยากจะวางมวยกับมันตอนนี้เพราะผมเองก็เริ่มง่วงๆบ้างแล้ว ฝากไว้ก่อนเหอะเมิง
 
   ร่างบางนอนหันหลังให้กับอีกฝ่าย เพียงแค่หลับตาก็ทำเอาคนตัวเล็กหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องรู้ราวซะแล้ว ไอ่บทจะนอนไม่หลับก็ไม่หลับสักที พอง่วงนิดหนึ่งก็หลับง่ายจริงๆเลยแฮ่ะ ไอ่ที่บอกว่าอย่าหาว่าไม่เตือนน่ะ ก็เพราะกลัวจะปล้ำไอ่คนน่ารักข้างๆนี่ซะก่อนน่ะสิ พอได้มาอยู่ใกล้ๆมือไม้มันก็อ่อนยวบแล้ว (โอม)
 
    มือหนาดึงผ้าห่มให้ปกคลุมร่างกายของตนและคนตัวเล็กที่นอนงอข้างๆ พลางดึงเอวเล็กเข้ามาหาตัวจนชิดกัน เนื้อตัวอุ่นๆนุ่มนิ่มของคนที่หลับสนิททำให้ร่างสูงอดที่จะกอดแน่นไม่ได้เหมือนร่างบางจะรู้ความต้องการของอีกฝ่าย คนตัวเล็กขยับตัวเข้าใกล้โอม ขณะที่เกี๊ยวซุกอกแกร่งเพื่อหาไออุ่นจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
 
   แค่ได้อยู่ใกล้แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ไม่ขออะไรมากมายก็แค่ได้รักคนๆนี้ได้อย่างใจหวัง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น (โอม) ร่างสูงหลับตา ขณะที่เกยคางแหลมไว้ที่กลุ่มผมนุ่มนิ่ม


White..BroccO

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #82 เมื่อ25-04-2009 14:11:21 »

อร๊ายยยย โอมสู้ๆ โอมสู้ตาย

 :impress2:

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #83 เมื่อ25-04-2009 14:59:17 »

อ๊ากกกก บอลโดนโอมทำคะแนนนำไปแล้วววว
***
ขอบคุณมากคร้าบ  :3123:

gon_natt

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #84 เมื่อ25-04-2009 15:07:09 »

กีสสสสสสสสสสสสส

น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอเชียร์โอมได้ม้ายยยยยยยยยยย

>__________<



 :L2:รอตอนต่อไปเน้อ ^^ :L2:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #85 เมื่อ25-04-2009 15:47:59 »

โอมนี่ รุกหนักขนาดนี้แล้วนะ

บอลมีไหนคะแนนตกแล้วรู้ตัวบ้าง

yee

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #86 เมื่อ25-04-2009 18:20:22 »

มารอรอรอรอรอโอนน่ารัก


แต่เชียบอล

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #87 เมื่อ25-04-2009 22:48:46 »

 :z1:
แอบบเชียร์โอมเล็กน้อย

SJ

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #88 เมื่อ26-04-2009 00:23:19 »

บอลอ่ะ โดนทำคะแนนนำแล้วเนี่ย  :เฮ้อ:


เอิ่ม แบบว่าเชียร์บอลอ่ะ :impress3:


ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #89 เมื่อ26-04-2009 02:27:14 »

 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด