[เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม  (อ่าน 67575 ครั้ง)

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #90 เมื่อ26-04-2009 13:27:32 »

โอมรุกหนัก ทำคะแนนนำไปเรื่อยๆแล้ว
ส่วนบอลดันพลาด ไปมีเรื่องฟาดปากกันในตอนก่อนโน้น ให้โดนหักคะแนนไปซะงั้น

wiwanana

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #91 เมื่อ26-04-2009 13:32:29 »

กรี๊ดๆๆๆๆ


เค้านอเตียงเดี๋ยวกันแล้วแหละ :z1: :z1: :z1: :z1:

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #92 เมื่อ26-04-2009 21:31:18 »

 ตอนที่ 10

  ตะวันโด่งยามสายท่อแสงประกาย ถึงเวลาที่คนขี้เซาจะตื่นขึ้นจากหลับใหลอันยาวนาน ร่างเล็กชันตัวเองขึ้นบนที่นอนหนาเพียงลำพัง สงสัยว่าคนที่เคยนอนข้างๆกายคงจะตื่นไปก่อนแล้ว นัยน์ตาคู่สวยที่ปรือตามประสาคนเพิ่งคืนมองรอบๆตัว ก่อนจะลุกจากเตียงหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่นานสองนาน
 
“อ่า... แม่มีไรกินบ้าง” ร่างเล็กยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ลึก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังลงมาจนถึงชั้นล่าง
 
“หน็อย ตื่นมาก็จะกินท่าเดียวเลยนะเรา” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี ปกติจะโดนดุไปแล้วนะเนี่ย ไอ่เรื่องขี้เซาละไม่มีใครเกิน
 
“เอ... ทำไมวันนี้แม่อารมณ์ดีจัง” คนตัวเล็กนั่งลงที่เก้าอี้ มือเล็กสองข้างเท้าคางมนของตัวเองไว้ สายตายังคงมองแม่ของตนด้วยความใคร่รู้
 
“...” ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย มีเพียงแต่เสียงฮัมเพลงเบาๆเท่านั้น
 
“อารมณ์ดีแบบนี้ ไปได้เลขเด็ดมาจากที่ไหนอีกเนี่ย” ร่างบางเอ่ยแซวอย่างรู้ทัน
 
“ก็นิดหน่อย แม่เพิ่งไปได้เลขเด็ดสดๆร้อนๆมาจากป้าจันนะสิ แกละย้ำนักย้ำหนาว่าถูกชัวร์ ถ้าไม่ถูกละก็ หื้ม... น่าดู” แล้วรอยยิ้มบนหน้าแม่ก็หายไปเปลี่ยนเป็นญาติๆของนางผีเสื้อสมุทรในบัดดล แต่แม่ผมไม่ลงพุงนะเออ
 
“ฮ่าๆ ผมก็ว่าถูกชัวร์ แต่จะถูกหวยหรือถูกกินก็อีกเรื่องหนึ่งนะแม่” เวลาเห็นวิญญาณนักเล่นหวยเข้าสิงแม่ผมก็อดปากพร้อยเป็นตัวขัดลาภไม่ได้จริงๆ ความสุขส่วนตัว แหะๆ
 
“อ้าว ไอ่ลูกคนนี่ ถ้างวดนี้ชวดอีกละก็ อย่าหวังว่าจะได้ค่าขนมสัปดาห์นี้แล้วกัน” แม่พูดพร้อมกับกรีดยิ้มมาทางผม ค่าขนมโผมมม
 
“แม่อ๊ะ อย่าเอาเรื่องเงินๆทองๆมาล้อเล่นสิ” ไมน่าเลย ปากหมาพาซวยแต่เช้าอีกแล้วมั้ยล่ะ
 
“ไม่ต้องพูดมากรีบๆกินไป เสร็จแล้วก็ไปซื้อที่ตรวจล็อตตารี่มาให้แม่ด้วย” แม่วางต้มปลาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอาเงินจำนวนหนึ่งมาให้ผม คราวนี้ก็คงเป็นผมที่ต้องมานั่งภาวนาขอให้แม่ถูกหวยอย่างที่ว่าจริงๆ ไม่งั้นค่าขนมสัปดาห์นี้ก็หมดกัน
 
“ค๊าบบ” ผมขานเสียงยาว ก่อนจะจ้วงอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แต่ไอ่ตัวขัดหูขัดตาก็โผล่หัวมาให้เห็นหน้าแต่เช้า
 
“ขอบใจนะ อันที่จริงก็ไม่เห็นต้องล้างเลย เดี๋ยวเพ็ญจะหาว่าใช้งานลูกชายเค้าหนักอีก” โหย ทีกะไอ่โอมละแม่พูดซะหวานเลย
 
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” ร่างสูงเอ่ย พลางโค้งตัวนิดๆอย่างเก้อเขิน
 
“ดูสิ ลูกน้าทำไมไม่เป็นอย่างลูกคนอื่นเค้าบ้างนะ วันๆเอาแต่เล่นเป็นเด็ก” กูว่าแล้ว แม่ต้องวกกลับมาดุผมอีกจนได้
 
“โธ่ แม่ก็...” คนตัวเล็กท้วงเสียงอ่อย อยู่บ้านไอ่โอมก็ใช่ว่าจะช่วยแม่มันทำงานบ้านสักหน่อย เชอะ ทำดีเอาหน้าสิเมิง แม่หันมาส่งสายตาเป็นเชิงว่า ทำตัวดีๆเหมือนลูกเค้าบ้างสิ ทำไมไอ่นี่มันสรรหาเรื่องให้ผมเดือดร้อนเก่งจังเลยว่ะ
 
“เมิงจะไปตลาดใช่มั้ย” ผมกำลังรีบโซ้ยข้าวอย่างหนักเพราะหลังบ้านมีแต่ผมกับไอ่โอม แล้วมันก็เอาแต่จ้องเวลาผมกินข้าว กูกระเดือกข้าวไม่ลงโว้ย
 
“อะ เออ” พักนี้มันทำตัวแปลกๆ ก็ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่มันผีเข้าผีออกมาพูดดีๆกับชาวบ้านเค้าก็เป็นด้วย
 
“ดี งั้นกูไปด้วย” แล้วมันก็พูดเองเออเองใครให้เมิงไปด้วยกันว่ะ
 
“เมิงจะไปทำไมให้หนักรถว่ะ” ผมพยายามจะพูดดีๆกับมันแล้วนะ แต่ไอ่ความที่เคยชินกับภาษาเถื่อนๆมากกว่าการจะที่ผมพูดดีๆกับมันไปแล้ว
 
“กูนัดพวกไอ่ยะไว้ แค่นี้ขอไปด้วยไม่ได้ไงว่ะ” ร่างสูงขึ้นเสียงอย่างคนหาเรื่อง ของขึ้นอีกแล้วนั่น
 
“ก็ได้ กูแค่ถามเฉยๆ ผิดรึไงว่ะ” ร่างบางพูดเสียงค่อย พลางก้มหน้างุดทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มจางๆของอีกคนที่อยู่ในห้อง
 
“ก็แค่นั่น” โอมพูดกับคนตัวเล็ก ก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้แบบสบายๆรอคนที่กินข้าว
 
     ผมว่าคงต้องไปสูบลมยางเพิ่มอีกโขเลย ไอ่โอมมันก็ไม่ได้อ้วนอะไรแต่แมร่งเสือกตัวหนักหาป้อเต๊อะ เกาะรถคนอื่นไปมันยังมากินแรงผมอีก ดูม๊านน กว่าจะไปถึงตลาดก็เลยกินเวลาไปร่วมชั่วโมง ขาผมแทบทรุด ไอ่ห่านิถ้าไม่เห็นว่ามันตัวสูงกว่าผม (แมนกว่าเว้ย) นะผมซัดหน้ามันไปนานละ แต่กลัวว่ามันจะได้เปรียบเฉยๆถึงต้องทนกล้ำกลืนจนถึงทุกวันนี้ไง ถือว่าเป็นโชคดีของมันไปที่ไม่ได้กินหมัดผม
 
   ผมจอดรถจักรยานไว้อีกฟากของถนน ร้านขายล็อตเตอรี่ก็อยู่ตรงข้ามกัน เพราะแถวนั้นมันไม่มีที่จอดรถผมเลยต้องหาทางซุกๆไว้แถวนี้ก่อน เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้วันนี้คนก็เยอะพอสมควร รถที่วิ่งไปมาบนถนนเลยเยอะตามไปด้วย
 
    ผมยืนนวดแข้งนวดขาของตัวเองไปพลางๆระหว่างที่รอจังหวะข้ามถนน ในใจก็นึกบ่นไอ่คนที่ทำให้ผมต้องเหนื่อยเป็นสองเท่า
 
เอี๊ยด~!!
 
    เสียงเบรกรถที่ดังทำให้คนเกือบครึ่งตลอดหันมามองร่างบางที่ล้มขมำอยู่ที่พื้นตอนนี้ วัยรุ่นที่แต่งตัวตามสมัยนิยม มีผู้ชายที่เป็นคนขับมองดูร่างบางที่ล้มอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยชาผิดกับผู้หญิงที่ซ้อนมาด้วยเล่นกริ๊ดซะลั่น กลัวว่าคนในตลาดจะไม่หันมามองชุดวาบหวิวที่เจ้าตัวใส่มามั้ง ขับรถภาษาอะไรว่ะ แมร่ง คนกำลังเดินข้ามถนนไม่เห็นรึไงฟร่ะ (แอบด่าในใจ)
 
    ไม่ทันที่ผมจะได้มองหน้าตัวการที่มันทำให้ผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเป็นผีเฝ้าตลาด ไอ่เลวนั่นมันก็บึ่งรถมอเตอไซด์หนีฝุ่นตลบไปไกลซะแล้ว
 
“ไอ่เกี๊ยวมะ เมิง เจ็บตรงไหนมั้ยว่ะ ไปโรงพยาบาลกันเหอะ เมิงอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเว้ย ทำใจดีๆเอาไว้ก่อน” ผมได้ยินเสียงใครบางคนกรอกดังอยู่ข้างหู น้ำเสียงที่สั่นเครือย่างคนห่วงใยแต่มันนั่นแหละที่ทำให้ผมเจ็บเหมือนกัน มือหนากุมมือคนตัวเล็กแน่นเพราะความกังวลและห่วงใยคนในอ้อมแขนมากมายเหลือเกิน
 
“เห้ย กูแค่โดนรถเฉี่ยวโว้ย ไม่ได้เป็นไรซะหน่อย” มือเล็กลูบก้นตัวเองเบาๆเนื่องจากแรงฉุดมหาศาลที่ทำให้เขาหงายหลังก้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง
 
“ไม่เป็นไรแน่นะเว้ย แต่ตะกี้” ร่างสูงพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้
 
“เออๆ กูจะเป็นก็เพราะเมิงนั้นแหละ จะช่วยก็ไม่ช่วยให้ดีๆหน่อย ก้นกูช้ำหมดแล้วเนี่ย” ร่างบางบ่นอุบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
 
“ไอ่เหี้ยนั่นแมร่ง อย่าให้กูรู้ว่ามันไปใครนะเว้ย กูจะไปเอาเลือดหัวมันออกทั้งสองคนเลย ไอ่เวรเอ๊ย” ร่างสูงเอ่ยอย่างเดือดดาน ในน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธแค้นอย่างลืมตัว ตกลงมันหรือว่าผมกันแน่ที่โดนรถเฉี่ยวเนี่ย
 
“เหี้ยเอ๊ย สัด ขับรถบ้าน...เมิงสอนให้ขับยังงั้น แมร่ง บลาๆ” (เถื่อนสุดตีน) แล้วผมกับไอ่โอมกับช่วยกันปล่อยตัวเหี้ยออกมาวิ่งพล่านกันเต็มถนนได้สักพัก คนในตลาดก็เลิกสนใจผมที่เป็นจุดเด่นชั่วครู่ในที่สุด
 
“ว่าแต่เมิงไม่เป็นอะไรแน่นะเว้ย” จู่ๆร่างสูงก็หันมาพูดกับคนตัวเล็ก นัยน์ตาคมมองร่างบางอย่างจริงจังจนรู้สึกได้
 
“อะ เออๆ ไงก็ขอบใจเมิงละกันที่ช่วยกูไว้” สีหน้าของไอ่โอมทำให้ผมคิดถึงหน้าไอ่บอลขึ้นมาซะยังงั้น แล้วทำไมผมต้องคิดถึงมันด้วยเนี่ย อาการที่แสดงออกมาเหมือนกับตอนที่ไอ่บอลเคยช่วยผมไว้ตอนจมน้ำไม่มีผิด
 
“ละ แล้วเมิงละข้ามถนนทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือก่อนว่ะ ถ้ากูมาช่วยเมิงไม่ทันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นหัดคิดมั้งดิว่ะ” ไอ่นิ ไม่ต้องมาเทศน์กูได้มั้ย
 
“ก็กูดูแล้ว แต่ไอ่เหี้ยนั่นมันขับรถมาชนกูเองนี่หว่า” ไม่วายปล่อยเหี้ยออกมาวิ่งเล่นอีก 1 ตัวจนได้ มือเล็กก็ลูบก้นตัวเองที่ปวดแปล๊บๆเพราะความเจ็บ
 
“แล้วเจ็บมากมั้ยล่ะนั่น” ร่างสูงคล้ายกับจะรู้ตัวที่เขาแสดงออกจนเกินไป ก็คนมันห่วงนิ ห้ามกันได้ไง
 
“เจ็บดิว่ะ แมร่ง ช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย” ร่างเล็กบ่นประปอดกระแปด เรื่องที่เล่นเอาใจหายใจคว่ำเมื่อกี้จนผมลืมสนใจไปเลยว่าไอ่โอมมันมากับผมด้วยเหตุผลอะไร
 
“กลับบ้านกันเหอะ เดี๋ยวก็ได้ซวยขึ้นมาอีก เมิงยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” นี่มันห่วงผมหรือว่ามันหลอกด่าผมกันแน่เนี่ย แอบงง
 
“เห้ย กูยังไม่ได้ซื้อที่ตรวจหวยให้แม่เลย” ไอ่นี่มันมือปลาหมึกชัดๆ ไม่พูดเปล่าคว้ามือผมไปเฉยเลย ผมรั้งไว้ก่อนจะท้วงมันเพราะภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ
 
“เชี่ยนิ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมิงยังจะห่วงเรื่องโพยหวยบ้าบอนั่นอีก” อะไรว่ะ กูไม่ใช่ลูกเมิงนะโว้ย ถึงได้ปล่อยให้เมิงดุด่าได้ฟรีๆแบบนี้
 
“เรื่องของกู กูจะไปซื้อก่อน” ผมพยายามสะบัดมือมันที่จับแน่นยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกออก
 
“งั้น เมิงรออยู่ตรงนี้กูจะไปซื้อให้เอง เอาเงินมา” ร่างบางทำท่าคิดก่อนจะส่งล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกงให้อีกฝ่ายไปตามคำขอ รึคำสั่งว่ะ
 
“รออยู่ตรงนี้นะเว้ย อย่าไปไหน” โอมเอ่ยกระชับแน่น ด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง แววตาที่มองอีกฝ่ายไม่สามารถหลบซ่อนความห่วงใยที่มีให้คนตัวเล็กจนเอ่อล้นไว้ได้
 
“อืม” ยิ่งมองสายตาที่ร่างสูงมองมาก็ทำให้คนตัวเล็กเริ่มจะใจอ่อน คนที่กุมมือเขาเห็นเขาสำคัญถึงขนาดนี้เลยเหรอ
 
“โอม” ไม่ทันที่คนตัวสูงจะได้ข้ามถนน มือเล็กก็เอื้อมไปจับมือแกร่งของอีกฝ่าย เสียงหวานที่เอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อใจเต้นโครมครามจนทำตัวไม่ถูก
 
“อะ อะไรเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับอย่างอ่อนนุ่มคล้ายกับเป็นคนละคนที่เคยแกล้งเขาทุกวัน
 
“เมิงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่กูได้มั้ย” คนตัวเล็กอ้อนวอนพร้อมกระชับมือหนาแน่นเพื่อเน้นย้ำ ขืนเรื่องนี้ถึงหูแม่ผมต้องโดนฟาดซ้ำอีกแน่ๆ เผลอๆอาจจะอดมาฝังตลาดอีกเลยก็ได้
 
“อะ เออ รู้แล้วน่า” พอได้ยินอย่างนั้น ร่างเล็กก็รีบปล่อยมืออีกฝ่ายทันที โอมหันมายิ้มบางๆให้อีกฝ่ายก่อนจะข้ามถนนไป
 
    ไม่นานทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมโพยหวย แล้วความซวยก็บังเกิดอีกจนได้เมื่อหวยที่แม่ซื้อถูกกิน คนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนเพราะนั่งไม่ได้เลยพลอยโดนตัดค่าขนมไปซะยังงั้น แต่ดูท่างานนี้ป้าจันคงโดนไม่น้อยแน่ๆ คิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้ (แต่ในใจหัวเราะคิกคักสะใจ)
 
“ไอ่เชี่ยโอม วันนี้แม่เมิงก็กลับมาแล้วดิ” เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้จากน้อยครั้งที่ผมกล้าเปิดบทสนทนาคุยกับมันก่อน
 
“เออ แม่กูกลับมาวันนี้ แต่ทำไมเมิงไม่ถามกูดีๆมั้งว่ะ” ทีเมิงยังขึ้นเสียงกะกูได้เลย อะไรกันว่ะ พูดแค่นี้ก็ปกติของผมที่ถือว่าดีแล้วน้า
 
“คนอุตส่าห์ช่วย” ร่างสูงพึมพำเบาๆแต่ก็ตั้งใจที่จะให้ร่างบางที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ได้ยิน
 
“รู้ค๊าบ ไม่ต้องทวงบุญคุณก็ได้” ผมแกล้งพูดเพราะประชดมันไป แต่ถ้าเกิดมันไม่ช่วยผมไว้ ไม่รู้ผมจะไปนอนอยู่ที่ศาลาไหนแล้วตอนนี้ นึกแล้วก็แค้นไอ่เวรนั่นที่ขับรถเฉี่ยวผม
 
“เชื่องยังงี้ค่อยน่าเลี้ยงหน่อย ว่างๆเดี๋ยวกูจะตบรางวัลเป็นกระดูกให้เมิงเป็นไง ฮ่าๆ” เห้ย กูไม่ใช่หมานะโว้ย ว่าแล้วคนตัวสูงก็ยักคิ้วให้ร่างเล็กอย่างอารมณ์ดี
 
“เวร เดี่ยเหอะเมิง” ร่างบางสบถอย่างไม่สบอารมณ์
 
“เกี๊ยว” เรียกชื่อกูทำไมว่ะ กลัวลืมรึไง
 
“อะไร” เจ้าของชื่อขานรับ ร่างกายที่บอบช้ำโดยเฉพาะส่วนที่เอาไว้นั่งกับเอาไว้... (ใช้ปลดทุกข์สิเอ้อ) คนตัวเล็กเบ้ปากเพราะความเจ็บเป็นครั้งคราวเงยหน้ามาสบตากับอีกฝ่าย
 
“เอ่อ ต่อไปนี้สัญญาได้มั้ยว่าจะคุยดีๆกับกู” มันคิดอะไรของมันถึงได้มาทำดีกับผมเนี่ย
 
“ทำไม” ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากคุยดีๆกับมันหรอก แต่แค่อยากรู้เฉยๆ
 
“สัญญาสิ” ร่างสูงเน้นเสียงหนักแน่น แววตาที่ดูเอาจริงเอาจังทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดเล่น
 
“อืม งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ป่ะ” ผมถามมันเพื่อความมั่นใจ
 
“ไอ่เชี่ยนิ กูก็เป็นเพื่อนกับเมิงตั้งนานแล้ว ทุกวันนี่เห็นกูเป็นศัตรูรึไงเล่า” เพิ่งจะรู้ก็วันนี้แหละว่าเมิงนับกูเป็นเพื่อนด้วย ทีเมิงไม่เห็นจะพูดดีๆกับกูเล้ย บังคับกันดีจริงดีตัวเองไม่ยักทำ ไอ่ห่านิ (แอบด่าในใจ)
 
    แล้วเย็นวันนั้นก็ก็นั่งคุยกับมันจนแม่มันมารับกลับบ้าน
 
“ไปแล้วนะเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน” ร่างสูงโบกมือลาคนตัวเล็ก โดยไม่ลืมที่จะไหว้ผู้ใหญ่ก่อนกลับ (พ่อตาแม่ยายลืมได้ไง)
 
“อืมๆ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมก็โบกมือลาให้มัน ตามมรรยาทครับ มรรยาทจริงๆ คืนนั้นผมแทบไม่กล้าอาบน้ำก็ก้นผมมันช้ำซะ มีรอยม่วงๆเป็นจ้ำๆที่แก้มก้นทั้งสองข้างของผมอ่ะเด๊ะ เลยได้แต่นอนคว่ำ ทรมานชริปเป้งเลย ซี๊ดดด
 
   หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ่โอมก็เปลี่ยนไปจนดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรต่ออะไรด้วยกันมากมายขนาดนี้มาก่อนกลับเป็นว่าเวลาคุยก็แทบจะแย่งกันพูดไม่ทันอยู่แล้ว มันมีน้ำใจกับผมมาตลอด ช่วยผมทุกเรื่อง ผมไม่เคยคิดเลยว่าเนื้อแท้ของไอ่โอมจะดีขนาดนี้ได้จริงๆ
 
    จนตอนนี้ผมกลายเป็นเพื่อนสนิทของมัน แถมบ้านอยู่ใกล้กันเพียงแค่คูหากั้นกลาง คงไม่ต้องบอกเลยว่า เช้าเย็นผมไปคลุ่กอยู่บ้านมันบ้าง มันก็มาคลุ่กอยู่ที่บ้านผมชนิดที่ว่าแทบจะนอนค้าง คืนไหนที่นอนไม่หลับมันก็ชอบพาผมไปที่ทุ่งกว้างนั้น ผมเลยได้รับอนิสงค์ความรู้เรื่องดวงดาวบนท้องฟ้าเยอะเลย ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจก็เหอะ
 
   เป็นเรื่องไม่แปลกถ้าใครๆเห็นผมเดินอยู่กับไอ่โอมเกือบจะตลอดเวลา ตัวนี่ติดกันหนืบยังกะปาท่องโก๋อะไรประมาณนั้นเลย ผมไม่เคยปฏิเสธมิตรภาพที่คนอื่นมอบให้อยู่แล้ว กลับต้องการมันมากซะด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมอบความสัมพันธ์อย่างที่ไอ่โอมมีให้ผมเลยสักคน ก็แค่รู้จักผิวเผินทั้งที่อยู่ในห้องเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ต่างกับธาตุอากาศที่ทุกคนมองข้าม พยายามทำดีเท่าไรก็ไม่เคยมีใครสนใจ จนถึงวันนี้วันที่คนๆหนึ่งหยิบยื่นคำว่า “เพื่อนแท้” มาให้กับผม ทุกอย่างที่มันทำให้กับผม เป็นสิ่งที่เพื่อนเพิ่งกระทำต่อเพื่อนด้วยกัน ถึงจะมีไอ่โอมเป็นเพื่อนคนเดียว ผมก็ไม่หวังอะไรเกินตัวไปมากกว่านี้แล้ว
 
“อ๊ะ กินของกูก็ได้” โอมดันจานข้าวไปให้ร่างบางที่นั่งกุมหน้าท้องตัวเองอยู่ตรงหน้า
 
“แล้วเมิงล่ะ” ร่างบางอั้มอึ้ง เพราะความเกรงใจคนตัวสูง
 
“เดี๋ยวกูไปซื้อใหม่เอง แดรกไปเหอะ” เออ แดรกก็แดรก แถวบ้านนี่มันเรียกว่าพูดดีๆแล้วรึไงว่ะ (แถวบ้านมันก็บ้านผมนั่นแหละ) แล้วมันก็เดินหายไปกับคลื่นมนุษย์ที่หลั่งไหลมาเติมพลังช่วงพักกลางวันก่อนจะไปเจอศึกหนักในห้องเรียนต่อ
 
    แต่ทว่าร่างบางที่ไปทำหัวใจของอีกคนสั่นไหวอย่างไม่ได้ตั้งใจ กลับลืมความทรงจำดีๆระหว่างเขากับบอลจนหมดสิ้น ทิ้งให้บอลได้แต่มองคนตัวเล็กเดินคู่ไปกับโอมห่างๆ ภายในใจมันเหมือนถูกบับรัดแน่นจนแทบจะไม่อยากมองเวลาที่เห็นหน้าใสๆที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นเป็นของคนอื่นไม่ใช่เขา!!
 
    นัยน์ตาคมที่เหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ไม่ห่างเขาเยื้องๆอยู่เกือบตลอดเวลา ข้าวในจานที่ยังคงเหลือปริมาณเท่าเดิม ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้แตะอาหารตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มันแปลกที่เขาต้องรู้สึกเจ็บปวดเวลาที่เห็นคนตัวเล็กทั้งพูดคุย รอยยิ้มแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง ความรู้สึกต้องการและโหยหาแต่ไม่สามารถครอบครองได้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
“เห้ย ไอ่บอลเป็นเชี่ยไรว่ะ ทำไมไม่กินข้าว” เสียงเคนที่ทักขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เขาละสายตาจากคนตัวเล็กที่นั่งกินข้าวเพียงลำพังในเวลานี้ แล้ววันนี้หมอนั้นก็ไม่ได้มานั่งข้างกายเขา แล้วไง มันไม่ได้มีค่ากับเขามากขนาดนั้นซะหน่อย ไม่เห็นจะต้องแคร์อะไรเลยนี่ แต่ทำไม... (บอล)
 
“ไอ่บอล เมิงเป็นอะไรรึเปล่าว่ะ” เคนเปลี่ยนน้ำเสียงเพราะเริ่มจะห่วงบอลขึ้นมาจริงๆ ดูจากสีหน้าของเพื่อนของเขา สีหน้าที่ดูโศกเศร้าปานจะขาดใจถึงแม้ร่างสูงจะไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา แต่เขารู้จักคนตรงหน้านี่มาตั้งแต่เด็กย่อมรู้อยู่แล้วว่า คนที่แข็งแกร่งดั่งผาหินตรงหน้าเขาต้องกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ในใจแน่ๆ แต่ว่ามันอะไรกันละ ที่ทำให้คนอย่างไอ่บอลเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ (เคน)
 
“เออ ไอ่เคน ไอ่โอมกับไอ่เกี๊ยวมันญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไร เห็นไปไหนด้วยกันตลอดเลยว่ะ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคำถามนั้นเหมือนกับกรีดแทงหัวใจของอีกคนที่ฟังอยู่ทั้งเป็น บอลกำมือแน่น ภาพตรงหน้าที่ปรากฏ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง คนสองคนกำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
 
“ไม่รู้ว่ะ” เคนส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันไปมองบอลอย่างห่วงๆ อย่างไอ่โยมันก็คงไม่สังเกตหรอก ก็ไอ่บอลมันเก็บอารมณ์เก่งยิ่งกว่าใครซะอีก หน้าตายยังงั้นถ้าไม่รู้จักมันจริงก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
 
“ไอ่บอล เมิงเป็นอะไรว่ะ เห็นนั่งเงียบตั้งนานแล้วนะเว้ย” สายตาเย็นชาแต่ภายในมันกลับเจือปนด้วยความเศร้าหมองอย่างคนสิ้นหวัง ทำเอาโยอดถามเพื่อนของตนด้วยความห่วงใยไม่ได้เหมือนกัน   
 
“...” ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย ร่างสูงยืนขึ้นแล้วลุกออกจากที่นั่งไปเฉยๆโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
 
“เฮ๊ย...ไอ่บอลเดี๋ยวก่อน” โยทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไปตาม แต่เคนรั้งแขนไว้ก่อน
 
“ปล่อยมันไปก่อนเหอะว่ะ” เคนพูดพลางมองตามแผ่นหลังแกร่งที่หายลับกับไปฝูงชน โยมองหน้าเคนอย่างรับรู้ ถึงจะเป็นห่วงเพื่อนของตนที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมากแค่ไหน แต่การปล่อยให้เจ้าตัวอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะคนอย่างบอลมันคงจะทำให้อะไรดีขึ้น
 
    นัยน์ตาสีนิลจมอยู่กับความมืดมิดที่ไร้ทางออก ดวงหน้าคมซบกับมือแกร่งของตัวเอง ตอนนี้เขาเหนื่อยเต็มที ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาแทบจะควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ เสียงพูดคุยที่ดังอยู่รอบกายแต่ภายในใจของเขามันกลับเงียบงันและอ่อนล้าจนไม่อยากจะเดิน จะพูด หรือแม้แต่จะลืมตา เพื่อมองภาพของคนที่เขาเคยได้ใกล้ชิดไปมีความสุขกับคนอื่นงั้นเหรอ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเผลอใจไปกับหน้าหวานๆนั้น ตั้งแต่เมื่อไรที่เขากลายเป็นคนอ่อนแบบนี้
 
   ร่างสูงหลับตาลึกเพียงเพื่ออยากจะลืมความปวดร้าวที่ถาโถมเข้ามาไม่ยั้ง แต่ภาพของคนตัวเล็กยังคงเด่นชัดภายในจิตใต้สำนึกของเขา ก็เพิ่งจะรู้ว่าที่เขาชอบแกล้งคนตัวเล็กนักหนา มันไม่ใช่เพราะความสะใจที่เขาคิดมาตลอดแต่มันกลับเป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นมา เวลานี้มันก็คงสายเกินไปแล้ว

"สำหรับเมิง กูก็เป็นแค่ไอ่เลวที่เมิงเกลียดมากใช่มั้ย" เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคมถูกเคลือบได้น้ำสีใส แต่คนตัวสูงกลับยังข่มความเสียใจเอาไว้ได้ดี แม้ในตอนที่กำลังเจ็บจนร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาก็ไม่มีวันแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ถึงข้างในมันจะเปราะบางเพียงใดก็ตาม


YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #93 เมื่อ26-04-2009 22:04:22 »

เฮ้อ....

ชีวิต
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #94 เมื่อ26-04-2009 22:17:13 »

ส่อแววรักสามเส้าซะแล้ว

เศร้าจริงๆ ไม่รูจะเชียร์ใครดี



mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #95 เมื่อ26-04-2009 22:31:56 »

มอบแต้ม+ ที่ 19 แทนคำขอบคุณคร้าบ
***
สงสารบอลคร้าบ อิอิ

ออฟไลน์ piggie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #96 เมื่อ26-04-2009 22:48:49 »

ยังงัยก้เดาไม่ออกอยู่ดีว่าใครจะเป็นพระเอกของเรื่องนี้

เอ๊ะ....หรือว่าเราจะคิดมากไปหน้อ....

ปล. แอบสงสารบอลอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้เชียร์โอมซะทีเดียว...

อย่างงี้เรียกจับปลา 2 มือได้รึป่าวค้า...สรุปเลือกไม่ได้ขอ 3p เลยดีกว่า ^^~

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #97 เมื่อ26-04-2009 23:01:15 »

ยังสามเส้าอยู่เลยเนี่ย

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #98 เมื่อ26-04-2009 23:20:51 »

นายบอลอย่ายอมแพ้นะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #99 เมื่อ27-04-2009 15:01:27 »

บอล เอาใหม่นะ สู้ๆๆ ทำตัวดีๆ นะ   :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #99 เมื่อ: 27-04-2009 15:01:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #100 เมื่อ27-04-2009 16:37:00 »

ก็นะ ชอบเค้าแต่ก็ไปแกล้งเค้าซะหนักเลยนี่บอล

เข้าใจคนอย่างเกี๊ยวนะ ปกติก็เป็นคนที่ต้องการเพื่อนอยู่แล้ว ยิ่งมีใครมาทำดีด้วย มาแสดงตัวว่าอยากเป็นเพื่อนด้วยเนี่ย ก็ย่อมสนใจคนๆนั้นมากขึ้นเป็นธรรมดาอะิ

yee

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #101 เมื่อ27-04-2009 18:18:43 »

บอลสู้ๆๆ...............
ใช่ฉากตบจูบเลยๆๆ

Greenkub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #102 เมื่อ27-04-2009 20:33:53 »

เด๋วบอลมันลากเกี๊ยวไปทำเมียแน่ๆ ชัวร์  :z1:

mazinga

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #103 เมื่อ28-04-2009 11:03:20 »

เชียร์โอมๆๆ   :impress2:

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #104 เมื่อ28-04-2009 21:34:34 »

สามพีไปเลย อ้าากกกกกก

อยากได้สามพี  :jul1:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #105 เมื่อ30-04-2009 00:48:32 »

 o13

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #106 เมื่อ01-05-2009 14:16:35 »

 :call:
มอบแต้ม+ ที่ 21 ...
โอม...จงมาต่อ
***
ขอบคุณคร้าบ

ออฟไลน์ «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™»

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #107 เมื่อ01-05-2009 16:19:32 »

 :z2: :z2:

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #108 เมื่อ01-05-2009 18:22:09 »

ตอน 11
พลั่ก... ตุบ ~!!
 
“เหี้ย ใครถีบกูว่ะ” ผมด่ากราดไปก่อน ก็ไอ่เชี่ยไหนไม่รู้มาถีบผมตกเตียง คนกำลังหลับสบายๆทำไมต้องมาเป็นมารคอหอยกูด้วยว่ะเนี่ย
 
“เออ กูเนี่ยแหละถีบเมิง” ผมมองไอ่เปรตที่ยืนคุมเชิงอยู่บนเตียงของผมด้วยสายตาเคืองๆ มือก็ลูบหลังตัวเองที่เอาลงมาจากเตียงชนิดที่ว่าไม่ได้ตั้งตัว มันก็เลยเจ็บโครตๆ ไม่เอาให้หลังกูหักไปเลยว่ะไอ่ห่านิ
 
“เวรเอ๊ย ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วยว่ะ” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปด ก็มันถีบผมตกเตียงซะหลังแทบแอ่นขนาดนี้ ผมไม่เผลอชกหน้ามันก็ดีเท่าไรแล้ว
 
“กูเรียกเป็นชาติก็ไม่เห็นเมิงตื่นสักที ไม่ต้องพูดมาก รีบไปอาบน้ำ ถ้า 5 นาทีเมิงยังไม่เสร็จ รับรองว่าเมิงเจ็บตัวยิ่งกว่าตอนตกเตียงแน่” แล้วมันก็กรีดยิ้มตามฉบับตัวร้ายในละครมาให้ผม นี่เมิงเป็นพ่อกูรึไงว่ะ
 
“เออๆ รู้แล้วน่า” ร่างเล็กเดินอิดออดเข้าไปในห้องน้ำโดยดี เจ็บตัวแต่เช้าเลยกู
 
    แล้ววันนี้ก็นับเป็นครั้งแรกในรอบประสบการณ์หายใจ 11 ปี ที่ผมแหกขี้ตาตื่นมาทันขึ้นรถ ท้องฟ้าสีเทาอมส้มทำเอาคนมองด้วยตาละห้อยถึงกับคอตกก่อนจะหาววอดด้วยความง่วง มันต้องมีใครเคลือบยานอนหลับที่เปลือกตาผมแน่ๆเลย ตอนนี้ผมก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว
 
“นี่ขนาดยืนเมิงก็ยังหลับได้เนอะ นับถือจริงๆเลยว่ะ” มือหนาขยี้หัวคนตัวเล็กจนยุ่ง ก่อนจะลากคอเล็กขึ้นรถนักเรียนคันใหญ่ที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า
 
   คนตัวเล็กที่กำลังงัวเงียอย่างคนไม่ตื่นดี แล้วยังจะแขนหนักของโอมที่พาดบ่าของเขาอีก เจ้าตัวก็เลยลืมไปว่า มีใครอีกคนหมายหัวเขาอยู่
 
“เดี๋ยว ไอ่ก้าง” เสียงทุ้มต่ำที่เยือกเย็นเอ่ยเรียกใครบางคน ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก ดวงหน้าหวานค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่ยืนผงาดอยู่ด้านหลัง กูชื่อเกี๊ยวว้อย ทำไมชอบเรียกว่า ก้าง ฟ่ะ
 
“อะ...อะไร” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น ผมละกลัวจริงๆสายตาที่เย็นชาแบบนั้น
 
 “รู้ไม่ใช่เหรอว่าเมิงต้องนั่งตรงไหน” หึ ถึงเมิงมันจะสนิทกับไอ่โอมแค่ไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องกูอยู่แล้ว แต่กูไม่ยอมให้ใครเหยียบหน้ากูง่ายๆหรอก อะไรที่กูเคยพูดไปแล้วก็ไม่มีใครขัดได้ทั้งนั้น (บอล) /เข้าใจว่าลูกผู้ชายหยามกันไม่ได้ แต่ที่ทำไปเพราะหึงด้วยรึเปล่า?/
 
“ก็...” ไม่ทันที่จะได้เถียงอะไร ผมก็โดนฉุดลงไปนั่งข้างๆไอ่บอล
 
“เฮ๊ย ไอ่เชี่ยบอล ไอ่เกี๊ยวไม่อยากนั่งทำไมต้องบังคับมันด้วยว่ะ” ไอ่โอมขึ้นเสียงจนคนทั้งรถหันมามอง ผมยังไม่เคยเห็นมันบ้าเลือดขนาดนี้มาก่อนเลย น่ากลัวชริปหาย
 
“เมิงไม่รู้อะไร ก็อย่าเสือก” ร่างสูงเอ่ยสั้น น้ำเสียงทุ้มยังคงเรียบนิ่ง ท่าทางยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม
 
   มีเพียงเสียงลมพัดมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่เท่านั้น คนตัวเล็กมองหน้าโอมพลางขอร้องให้เขาไปก่อนที่จะได้นองเลือดขึ้นมา ยิ่งไอ่บอลแมร่งเลือดร้อนอยู่ด้วย ความอดทนต่ำๆอย่างมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกมาเมื่อไร
 
“เมิงไปนั่งข้างหน้าเหอะว่ะ” ผมพูดอ้อมๆ หวังว่าไอ่โอมมันคงเข้าใจ
 
“ล่ำลากันเสร็จรึยังล่ะ” ไอ่บอลพูดประชดประชันคนตัวเล็ก ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าบอลใช้มือรั้งเอวเล็กของอีกฝ่ายแน่น จนแทบไม่กล้าขยับไปไหน 
 
   สุดท้ายไอ่โอมมันก็ทิ้งผมให้นั่งกับไอ่เชี่ยบอลที่เบาะหลังจนได้ ไม่คิดจะช่วยกูจริงๆอ่ะ ไม่รู้ไอ่บอลมันเป็นอะไรของมัน กอดเอวผมซะแน่นกลัวกูจะหนีขนาดนั้นเลยรึไงว่ะ ร่างบางได้แต่นั่งหน้าบึ้งมาตลอดทาง บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบเอามากที่ถูกกระทำแบบนั้น
 
ปึก... ก่อนลงรถไอ่บอลมันก็โยนกระเป๋านักเรียนหนักๆของมันมาให้ผมอีก 1 ใบ แค่แบกกระเป๋าของตัวเองผมก็แทบจะหลังหักอยู่แล้วต้องมาแบกกระเป๋าของมันด้วย คิดดูสิ ไอ่แห้งอย่างผมมันก็ไม่ต่างจากมดงานที่แบกน้ำตาลเลยสักนิด ทำไงได้ ผมเป็นเบ้ของมันนิ ผมรู้ดีว่าผมอยู่ในฐานะอะไร คงไม่อาจหาญไปตีเสมอเป็นเพื่อนมันหรอก
 
“ไมเมิงต้องไปแบกกระเป๋าให้ไอ่บอลด้วย กูไม่เห็นเข้าใจเลย” จู่ๆไอ่โอมมันก็ยิงคำถามที่ผมไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไรนัก
 
“เรื่องมันยาวว่ะ กูขี้เกียจเล่า” ผมตอบปัดๆ เหนื่อยก็เหนื่อย แถมตะกี้ยืนตากแดดเข้าแถวตั้งนาน ตัดกำลังผมไปเยอะเลยแหละ ไม่มีอารมณ์มาอธิบายอะไรให้มันฟังตอนนี้แล้ว
 
ปึก... รอบที่สองที่ผมโดนประทะอย่างแรง คนตัวสูงเดินผ่ากลางชนิดที่ผมกับไอ่โอมเซกันไปคนละทางเลย กระเป๋ามันก็เลยหลุดมือหนังสงหนังสือตกกระจายเกลื่อน ซิปกระเป๋ารั่วรึไงว่ะเนี่ย เจ็บตัวอีกจนได้
 
“เฮ๊ย ไอ่บอลเมิงเดินยังไงของเมิงว่ะ” ไอ่โอมเดินไปกระชากคอเสื้อของไอ่บอล ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย ผิดกับอีกคนที่มีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
 
“หึ” ร่างสูงแสยะยิ้มคล้ายกับจะเยาะเย้ย ก่อนจะใช้มือแกร่งปัดมือของอีกคนที่ดึงคอเสื้อของเขาออกอย่างง่ายดาย บอลหันหลังกลับไปอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“เดี๋ยว เมิงต้องขอโทษพวกกูก่อน” ชริปหายแล้ว ไอ่โอมแมร่งก็ดันทุรังไปยืนขว้างไอ่บอลอีก กูไม่อยากเห็นใครวางมวยตอนนี้ว้อย
 
“กูก็ไม่เห็นว่าไอ่ก้างนั่นมันจะว่าอะไรนิ” สรรพนามที่ไอ่บอลมันใช้เรียกผมดูขัดๆหูไปบ้าง แต่ระยะหลังๆไม่ก็ไม่เคยได้ยินมันเรียกชื่อผมจริงๆสักครั้ง กูคงไร้ค่าสำหรับเมิงมากเลยใช่มั้ย
 
   ร่างบางได้แต่ก้มหน้างุดพลางสั่นหัวเบาๆ ตอนนี้ผมก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของไอ่บอล มันจะบีบผมให้ตายคามือมันแล้วไง ผมก็ขัดขืนมันไม่ได้อยู่แล้วนิ ผมไม่เคยลืมบุญคุณคนอยู่แล้ว
 
“เห็นมั้ย ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไรเลยนิ เมิงอย่ามาขว้างทางกูดีกว่า” บอลผลักหน้าอกโอมที่ยืนตรงหน้า ก่อนจะแทรกตัวผ่านไปอย่างไม่ใยดี
 
   ไอ่บอลคนเดิมที่ผมรู้จักมันหายไปไหน มีแต่คนที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ ผมยอมรับว่าแต่ก่อนมันชอบแกล้งผม ก็แค่การแกล้งเล่นธรรมดาที่ผมชินไปแล้ว ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่ามันเกลียดผมมากกว่าเดิมล่ะ เพราะทุกอย่างที่มันทำเหมือนกับมันไม่เคยแคร์ผม เรื่องดีๆของมันกับผมเหมือนกลับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ผมยังจำได้ดีว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผิดกับตอนนี้สายตาที่มันมองคล้ายกับว่าผมเป็นตัวอะไรสักอย่างสำหรับมัน
 
“มันเกิดอะไรกันแน่ บอกกูมานะเว้ย” ไอ่โอมจับมือผมแน่นก่อนจะเขย่าตัวแรง ร่างบางไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นเอาแต่เก็บสมุดที่กระจายเต็มพื้นเข้ากระเป๋าอย่างคนที่ไร้สติ
 
“ตอบมาดิว่ะ เออ...ใช่สิกูไม่ใช่เพื่อนเมิงนิ เมิงถึงไม่ยอมบอกกู” อย่าเอาเรื่องปมด้อยกูมาเป็นประเด็นสิว่ะ กูก็มีเมิงเนี่ยแหละเป็นเพื่อนคนเดียว
 
“เห้ย เดี๋ยวดิว่ะ บอกก็ได้” คนตัวเล็กรีบคว้าแขนของร่างสูงที่ทำท่าเหมือนกับว่าจะเดินจากไป โอมหันมาจ้องอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบที่ค้างคาใจมานาน ดูเหมือนจะสร้างความกดดันให้ร่างเล็กอยู่ไม่น้อย
 
“คือว่า... วันนั้นกูไปตกปลากับไอ่โยแล้วตกน้ำ ไอ่บอลมันก็ช่วยกูไว้ กูก็เลย...” พอคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นก็พาลเอาคนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นมาซะดื้อๆ
 
“ก็เลยยอมให้มันโขกสับยังไงก็ได้งั้นเหรอ” ไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรต่ออีก คนตัวสูงกลับพูดขึ้นแทรกแต่น้ำเสียงดูเปลี่ยนไปคล้ายกับว่ากำลังโมโหอยู่มาก
 
“...” คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาเพื่อนของตน
 
“นี่มึงโง่รึว่ามึงบ้ากันแน่ว่ะ ถ้ามันสั่งให้มึงไปตายมึงจะทำมั้ยล่ะ” แล้วทำไมมันต้องมาโกรธใส่ผมด้วย ถ้ามันสั่งให้ผมไปตาย ถ้ามันต้องการยังงั้น ผมคงจะทำ จริงอย่างที่ไอ่โอมมันบอกผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
 
“อย่าลืม ว่ากูก็เคยช่วยมึงเหมือนกัน” ร่างสูงเอ่ยเน้นทุกถ้อยคำหนักแน่น ขณะที่มือหนาดึงกระเป๋าของคนตัวเล็กไปแบกไว้เองก่อนจะเดินหนีไปทิ้งให้ร่างบางยืนนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
 
   ใช่สิ ไอ่โอมมันก็เคยช่วยผมไว้ที่ตลาดครั้งหนึ่งแต่มันไม่เหมือนกับตอนที่ไอ่บอลช่วยผมเลยสักนิด มันไม่เหมือนกัน คล้ายกับร่างบางจะเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจความรู้สึกของตนเองในตอนนี้ ที่เขาทำได้ก็แค่ทำตามที่หัวใจของเขาบอกเท่านั้น
 
“ไอ่เคน มึงเห็นไอ่ก้างป่ะว่ะ” บอลถามเคนด้วยน้ำเสียงที่ดูฉุนเฉียวเล็กน้อย
 
“ไม่เห็นว่ะ” เคนตอบ พลางจ้องหน้าร่างสูงไม่วางตา เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
 
“สัด แมร่งหายหัวไปไหนว่ะ ไอ่โยแล้วมึงอ่ะ เห็นไอ่แห้งนั่นมั้ย” เมื่อถามอีกคนก็ไม่ได้เรื่องเขาจึงหันมาถามโยที่นั่งกินลูกชิ้นอยู่ด้านหลัง
 
“กูเห็นมันเดินไปทางห้องสมุดอ่ะ” โยตอบ พลางยัดลูกชิ้นใหญ่ๆเข้าปากอย่างชำนาญ
 
“เออๆ” มารู้สึกตัวอีกทีว่าตนกำลังถูกลูกน้องจ้องตาไม่กระพริบ ร่างสูงจึงทำท่าคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจร่างบางที่พูดถึง ทั้งที่ภายในใจเขาอยากจะออกไปตามหาเกี๊ยวเต็มที
 
   ตั้งแต่ที่ไอ่โอมมันเริ่มสนิทกับไอ่เกี๊ยว ท่าทางของไอ่บอลมันก็ดูแปลกไป ถ้าสังเกตดีๆผมเห็นมันชอบมองไอ่เกี๊ยวเกือบจะตลอดเวลา ไอ่อาการแบบนี้มันเดากันไม่ยากหรอก อยู่ที่ว่าไอ่บอลมันจะเก็บอาการได้ดีแค่ไหน คำว่า หึง คงน้อยไปสำหรับมันแล้วล่ะ มันเป็นอาการที่ว่า หวง ด้วยมากกว่า (เคน) เคนนั่งคิดไปไกลจนเผลออมยิ้มบางๆออกมา
 
“มึงยิ้มอะไรว่ะ อะ เอ่อ เดี๋ยวกูไปเยี่ยวแปบ” คนที่ถูกจ้องแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ สายตาคมก็เอาแต่มองไปข้างนอก ร่างสูงพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้ ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากห้องเรียนในช่วงพักกลางวัน
 
   ถ้าไอ่เกี๊ยวมันไปอยู่ที่ห้องสมุดตอนนี้ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะผมเอาการบ้านของผมไปให้มันทำทั้งหมดนิ ตอนนั้นเป็นห่าอะไรไม่รู้ เผลอขู่มันไปว่าให้ทำให้เสร็จวันนี้ ไม่รู้ว่าผมจะบังคับมันเกินไปรึเปล่า เพราะงานที่ผมเอาไปให้มันทำมีทั้งของไอ่เคนกับไอ่โยรวมอยู่ด้วย ป่านี้จะเป็นลมเป็นแล้งตายคาห้องสมุดแล้วมั้งเนี่ย (บอล)
 
   ยิ่งคิดกลับทำเอาคนตัวสูงใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ เขาพาตัวเองตรงไปยังห้องสมุดไวเท่าความคิดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงห่วงร่างบางได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนหยิบยื่นความเจ็บปวดนั้นไปให้คนตัวเล็กแท้ๆ

 
   เขาใช้เวลาไม่นานนักจนพาตัวเองมาถึงห้องสมุดได้ กลิ่นหนังสือที่คลุ้งกระจายอยู่ทั่วไป ไม่ค่อยถูกจมูกของคนตัวสูงเท่าไรนัก เสียงหอบดังในลำคอที่แห้งผาดจากการวิ่ง ร่างสูงหยุดมองบรรณารักษ์ที่สวมแว่นหนาเตอะตรงหน้า ซึ่งกำลังต่อว่าเขาด้วยสายตา
 
   บอลหยุดหายใจก่อนจะก้าวฉับเข้าไปในห้องสมุด กองหนังสือมากมายที่วางอยู่บนชั้นหนังสือสูงจนติดเพดาน ช่องทางเดินที่แคบมากจนสามารถเดินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำเขารู้สึกอึดอัดไม่น้อย นัยน์ตาคมกวาดไปรอบๆ หวังใจว่าจะเจอคนที่เขาตามหาสักที
 
“โอ๊ย... เมื่อยโว้ย” เสียงพึมพำดังไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ ร่างสูงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินคับแคบ แถมยังต้องคอยหลบกองหนังสือที่วางเกลื่อนบนพื้นที่แทบจะไม่มีทางสำหรับให้เท้าของเขาก้าวผ่านไป เขาจำเสียงนั้นได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะเบามากก็ตามเถอะ
 
    คนตัวสูงซ่อนตัวเองไว้ข้างหลังชั้นหนังสือที่สูงตระหง่าน นัยน์ตาคมลอบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ระหว่างซอกชั้นหนังสือ เกี๊ยวก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่หนังสือหลายเล่มถูกกางเปิดรอบๆกาย อากาศในนี้ร้อนแล้วก็เหม็นอับนิดๆ พัดลมเพดานเก่าที่ทำงานอยู่ด้านบนก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ที่พอจะทำให้อากาศถ่ายเทได้บ้างก็ตรงที่มีหน้าต่างนั่นแหละ
 
   ความจริงเขาอยากจะเดินไปหาเกี๊ยว อยากจะพูดให้เข้าใจว่าที่เขาทำไปทั้งหมด มันก็แค่เรื่องไร้สาระที่เขาไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบที่เขาปล่อยให้มันทำลายความสัมพันธ์ของเขา มันโง่มากใช่มั้ยที่ทำแบบนั้น มันก็แค่ทำให้เกี๊ยวเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้นเอง
 
“เอ๊ะ” ตะกี้เหมือนผมจะเห็นอะไรแว๊บๆตรงหัวมุมชั้นวางหนังสือแฮ่ะ สงสัยจะทำการบ้านเยอะจนตาลายละมั้ง ผมจัดการหักนิ้วของตัวเองเพื่อคลายความเมื่อยล้า ล่อนั่งเขียนมาเกือบ 3-4 ชั่วโมงถ้านับที่แอบทำในห้องอีกนะ นิ้วมือผมแทบจะยืดกลับออกมาเหมือนเดิมไม่ได้เลย
 
   หลังจากนั่งหักนิ้วตัวเองเล่นเพลินๆไปได้สักพัก ผมก็ต้องกลับมามุ่งมั่นทำงานให้เสร็จเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าไอ่บอลมันจงเกลียดจงชังอะไรผมนักหนาถึงได้รังควานกันไม่เลิกยังงี้ ขนาดหมาที่บ้านผมยังมรรยาทดีกว่ามันด้วยซ้ำ ชิ คิดแล้วมันก็น่าโมโห คนอะไรเดาใจยากชะมัด
 
   ต่างคนก็ต่างคิดว่าเป็นฝ่ายถูกรังเกลียดทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ บอลได้แต่ซ่อนตัวอยู่หลังชั้นหนังสือ ถึงเกี๊ยวจะไม่รู้ว่าเขาไม่เคยเกลียดคนตัวเล็กได้เลยสักนิด ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งเงียบๆโดยมีแค่ตู้ไม้ที่มีหนังสือวางเรียงกั้นกลางระหว่างเขากับเกี๊ยว แม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่ามีใครอีกคนที่ยังคอยนั่งเป็นเพื่อนเขาในตอนนี้ก็ตาม         
 
“เหี้ยบอล เมิงไปเยี่ยวรึว่าเมิงไปทำส้วมใหม่ให้โรงเรียนว่ะ” โยด่ารับขวัญตั้งแต่เห็นหน้าร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
 
“ทำส้วมบ้านมึงเด๊ะ” บอลไม่พูดเปล่าพลางตบง่อน (ท้ายทอย) โยซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะนักเรียน 1 ที
 
“อะไรว๊า...” โยตัดพ้อ ก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ บอลนั่งลงตรงเก้าอี้ของตน สักพัก นัยน์ตาคมก็เหลือบเห็นเกี๊ยวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอิดโรย
 
   เขารีบเดินออกมาตอนเกี๊ยวกำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยถ้าเกี๊ยวจะเดินตามเขามาติดๆ แขนเล็กหอบสมุดหลายเล่มพะรุงพะรัง ปอยผมสีนิลเปียกชุ่มลู้ลงมาตามโครงหน้าเนียนเป็นกลีบๆเนื่องจากความร้อนจนเกิดเหงื่อมากมาย
 
“ไอ่เอ็ม กูฝากส่งการบ้านเลขด้วย” ผมปล่อยกองหนังสือที่หอบมาจากห้องสมุดลงบนโต๊ะไอ่เอ็มอย่างแรง ก็แขนผมตอนนี้มันก็แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว
 
“ได้...” ไอ่เอ็มตอบกลับมาน้ำเสียงเย็นและยานเนิบอย่างเคย ผมนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง โชคยังดีว่ามีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่งั้นผมต้องร้อนตับแตกตายโหง บอลลอบมองร่างบางด้วยหางตาเป็นระยะๆ อาการแสดงออกมาว่าไม่สนใจแต่ลึกๆแล้วเขากลับห่วงเกี๊ยวอยู่มาก
 
   ตั้งแต่ตอนเช้าผมก็ยังไม่ได้คุยกับไอ่โอมอีกเลย ตลอดคาบมันก็เอาแต่นั่งเงียบ ผมก็ไม่รู้จะชวนมันคุยอะไรดี หรือมันอาจจะโกรธผมก็ได้ แล้วกูจะง้อยังไงว่ะ เกิดมาก็เพิ่งจะมีมันคนแรกเนี่ยแหละที่ผมต้องเป็นฝ่ายไปง้อมัน ก่อนนั้นมันจะนั่งข้างหน้าผม แต่ตอนนี้มันย้ายมานั่งข้างๆผมแล้ว
 
   กลายเป็นว่าผมเป็นพวกถ้ำมองไปซะยังงั้น ผมก็แอบมองมันบ่อยๆหาจังหวะที่มันอารมณ์ดี แต่ไอ่เชี่ยนิมันก็ไม่ยอมหันมามองผมมั้งเล้ย เอาแต่มองกระดาน กูเพื่อนมึงนั่งอยู่ตรงนี่นะโว้ยย จะงอนไปถึงไหน แล้วผมก็พยายามนั่งคิดอยู่ว่ามันโกรธผมเรื่องอะไรกันแน่?
 
“โอมๆ เก็บยางลบให้กูหน่อย” ผมเอานิ้มจิ้มแขนสะกิดมัน ไอ่โอมก็หันมาจริงๆแต่มันกลับทำหน้าตาย เหมือนยังจะโกรธผมจริงแฮ่ะ
 
“เก็บยางลบให้กูหน่อย ใต้โต๊ะมึงอ่ะ” พอมันมองผมเยอะเข้ามันรู้สึกแปลกๆไงก็ไม่รู้ แต่มันก็ยอมก้มลงไปใต้โต๊ะเพื่อเก็บยางลบให้ผม โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
 
“ไหนว่ะ” จนแล้วจนรอดมันก็ยอมพูดกับผม ฮ่าๆ ดีใจเหมือนถูกหวย มันเงยหน้ามาพูดกับผมขณะที่กำลังคลานหายางลบให้ผมอยู่ที่พื้น
 
“อ้าว ตะกี้กูเห็นอยู่ใต้โต๊ะมึงเลยนิ ตาถั่วรึไงว่ะ” ผมเลยแกล้งบ่นมันไป แล้วก็ลงไปช่วยมันหาอีกแรง ไอ่ห่านี่มันเงียบอีกแร่ะ
 
“ไอ่โอม มึงโกรธกูเหรอ” สุดจะทนแล้วครับ ผมเลยถามมันไป เราทั้งสองคนอยู่ในท่าคลานใต้โต๊ะไม้
 
“...” มันไม่ตอบ แล้วก็ทำท่ามองหายางลบของผมต่อไป
 
“เฮ๊ย ถามก็ตอบดิว่ะ” ผมคว้าเศษกระดาษแถวนั่นมาปาใส่มัน โดนหัวด้วย ถือเป็นกำไรเล็กๆน้อยๆไปในตัว
 
“เปล่า” มันมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะตอบ
 
“เปล่า ถ้าเปล่าแล้วทำไมมึงถึงไม่พูดกับกู” ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ผมไม่ยอมเสียเพื่อนดีๆไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก
 
“มึงห่วงความรู้สึกคนอื่นด้วยเหรอ” มันพูดประมาณว่าประชด
 
“ก็เพราะเป็นมึงไง ไอ่ฟายเอ๊ย” ว่าแล้วผมก็หลอกด่ามันอีก 1 ทีเพื่อความสะใจ กูไม่ห่วงมึงแล้วจะให้ไปห่วงหมาที่ไหนเล่า ก็มันเป็นเพื่อนคนเดียวของผมในตอนนี้นิ   
 
“...” มันเงียบไปสักพัก
 
“ไหนยางลบมึงว่ะ แมร่ง หาเท่าไรไม่เห็นจะเจอเลย” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้ มันรู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ ก็เพราะเป็นผม ไอ่เกี๊ยวมันห่วงความรู้สึกของผมจริงๆใช่มั้ย (โอม)
 
“น่านดิ หายไปไหนแล้วว่ะ” อันที่จริงผมไม่ได้ทำยางลบตกมาหรอก ก็แค่กะจะหาเรื่องคุยกับมันเท่านั้นแหละ มุขตื้นๆที่อยู่ในช่วงทดลองใช้   
 
“นี่ เธอสองคนน่ะ ลงไปทำอะไรข้างล่างห๊ะ” ผมเงยหน้าหันไปตามเสียงดุๆ คุณครูแกยืนโด่อยู่ข้างหลังผมกับไอ่โอมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
 
“ปะ เปล่าครับ” คำแก้ตัวสั้นง่ายได้ใจความมักหลุดจากปากผมไปก่อนเสมอ มันพูดบ่อยจนติดปากไปแล้ว
 
“ครูว่าพวกเธอน่าจะตั้งใจเรียนได้แล้วนะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบอยู่แล้ว พวกเธอก็น่าจะรู้” แล้วผมกับไอ่โอมก็โดนครูเทศน์ยาว ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปตามระเบียบ
 
“ครับ” ผมกับไอ่โอมตอบพร้อมกัน ผมหันไปมองหน้าไอ่โอมแล้วก็ขำเบาๆกับมันสองคน ไม่รู้ว่าขำอะไรเหมือนกันแฮ่ะ
 
   จริงสิ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบแล้วก็ปิดเทอม ผมก็จะได้ตื่นสายๆซะที ในหัวคิดแต่เรื่องยังงี้ จะนอนแช่อยู่แต่ทั้งนอนจนถึงบ่ายเลยให้ดู ปิดเทอมก็มีแต่นั่งกินนอนกินไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องการบ้าน ที่แน่ๆผมไม่ต้องทนเจอหน้าไอ่บอลทุกวันด้วย
 
“คิดถึงสาวแก้ผ้าอยู่รึไงว่ะ นั่งอมยิ้มอยู่ได้” จู่ๆไอ่โอมมันทักขึ้นมาทำลายความสงบที่ผมกำลังคิดเพลินๆ
 
“เออ จะบ้าเหรอมึง กูก็แค่อยากให้ปิดเทอมไวๆเว้ย” ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
 
“ฮ่าๆ เออๆ เชื่อก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ไปหาไรแดรกดีกว่าป่ะ กูหิวจนตาลายแล้วเนี่ย” ไอ่โอมสะพายกระเป๋ายืนค้ำหัวรอผม
 
“กูก็กำลังรีบอยู่นี่ไงเล่า” ผมรีบยัดสมุดหนังสือเข้ากระเป๋า
 
    ผมกับไอ่โอมไปนั่งแดรกลูกชิ้น ข้าวเหนียวหมูปิ้งข้างหนามบอลรอเวลารถนักเรียนออก นับตั้งแต่ที่มันเดินเข้ามาในชีวิตผม (อย่างเป็นมิตร) อะไรๆมันก็ดูจะดีขึ้น ผมรู้สึกอบอุ่นไม่ว้าเหว่แบบแต่ก่อน
 
“เห้ย พ่อมึงมาว่ะ” ผมเห็นพ่อไอ่โอมควบมอไซด์มาแต่ไกล หนวดเฟริ้มๆกับรถมอไซด์คันโครตใหญ่ของพ่อมันนี่ เห็นแว๊บแรกก็ไม่ต้องเดาแล้ว ผมละนับถือพ่อมันจริงๆ คิดถึงสภาพตอนที่พ่อมันกำลังดูพระแล้วมันขัดๆกันแฮ่ะ
 
“เออ กูลืมไป วันนี้พ่อกูมาหาลูกค้าในเมือง” มันบ่นพึมพำห่าไรของมันไม่รู้ ผมก็ไม่ได้สนใจมัวแต่มองรถแต่งที่พ่อมันขับเพลินไปนิด
 
“โอม กลับบ้านลูก” แล้วพ่อมันก็กวักมือเรียกไอ่โอมที่นั่งข้างๆผม
 
“แล้วเจอกัน” ผมพูดกับมันพลางมองมอไซด์ของพ่อมันอย่างชื่นชมต่อไป ดูเหมือนคนแถวๆนั่นก็มองแบบเดียวกับผม เด่นซะขนาดนั้นนี่นา...
 
“อะไร มึงต้องกลับกับกูด้วย” แล้วมันก็ฉุดผมให้ยืนขึ้นด้วย เล่นเอาผมตกใจเหมือน
 
“ไม่ดีกว่าม้าง รถพ่อเมิงกูไม่กล้านั่งว่ะ กลัวโดนดักรุมยำตีน” แหม่ ดูหน้าพ่อมันกับรถก็กินขาดแล้ว วัยรุ่นเห็นมันคงเขม่นลูกหูลูกกะตามันน่าดู
 
“จะกลัวเหี้ยไรว่ะ มีกูอยู่ทั้งคน” มันพูดแล้วก็ลากผมเดินดุ่มๆไปหาพ่อมัน เห้ย กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปกับมึงอ่ะ
 
“พ่อ วันนี้ให้ไอ่เกี๊ยวมันกลับด้วยคนนะ” ไอ่โอมมันพูดกับพ่อมันครับ รู้ๆกันอยู่ว่ามันได้ความหล่อมาจากใคร
 
“อืม ขึ้นมาเลย” แล้วพ่อมันก็สวมหมวกกันน๊อคสีดำ ผมเห็นแล้วยังหมั่นไส้เล้ย... คันไม้คันมือซะเอง แต่พ่อมันแนวดีครับ ไม่เหมือนพ่อผม อยู่แต่ร้านไม่อยู่ร้านก็ตลาด เฮ้อ...
 
“ขึ้นไปดิ” ผมยังไม่ทันได้เถียงอะไร ก็ดันหลังผมปีนขึ้นรถ ไอ่โอมมันก็โดดขึ้นรถตามมา ด้วยความที่เป็นรถแต่งที่นั่งมันเลยดูแคบคับไปถนัดตา ยิ่งซ้อน 3 โอย...กูจะบ้าตาย ไอ่ผมก็ไม่กล้าไปนั่งเบียดพ่อไปโอมมันเยอะ น้าเค้าเป็นผู้ใหญ่ผมก็เกรงใจ นั่งรถเค้าไม่พอยังจะเบียดเค้าอีก มันคงรู้ว่าเย็นนี้ผมก็ต้องนั่งกับไอ่บอลอยู่ดี ผมก็นึกขอบใจมันเหมือนกันที่ชวนผม ขอบใจมากๆเลยว่ะ
 
   เสียงรถมอไซด์สตาร์ทดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เด่นโครตๆ แล้วพ่อไอ่โอมก็โชว์ลีลาควบรถมอไซด์ชั้นครูออกไป ผมหันไปมองหันฝุ่นตลบไกลๆอยู่ด้านหลัง ผมนั่งชิดจนหลังผมติดกับอกของไอ่โอมคิดดูเบียดกันแค่ไหน เสียงลมประทะผ่านมาจนผมชักจะเริ่มหูอือ ผมใช้มือจับข้างๆเบาะนั่งแน่น กลัวตกรถตายห่า จะกอดเอวพ่อไอ่โอมก็ใช่เรื่อง
 
   เหมือนไอ่โอมมันจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยิน สักพักมันก็เอามือมากอดเอวผม สงสัยมันคงจะกลัวเหมือนอย่างที่ผมกลัวล่ะมั้ง รักเพื่อนดีจังนะเมิง ประมาณว่าถ้ากูตกมึงต้องตกไปกับกูด้วย
 
“ขะ ขอบคุณครับ” ผมรีบกระโดดลงจากรถ ก่อนจะยกมือไหว้พ่อไอ่โอม นี่ผมคิดผิดคิดถูกที่ยอมซ้อนรถพ่อมันมาว่ะเนี่ย เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด
 
“เป็นเหี้ยไร หน้าซีดเชียวนะมึง” มันยังมีหน้ามาเยาะเย้ยผม มึงก็กลัวเหมือนกันละว่ะ กอดกูซะแน่นเลยนิ
 
“…” ผมแลบลิ้นให้มัน ขี้เกียจเถียงไม่งั้นยาวแน่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าบ้าน บ้านผมกับบ้านไอ่โอมอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวเลยมั้ง
 
   ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินข้าวตามปกติสุขเช่นทุกวัน แต่ไหงวันนี้พ่อกับแม่ดูเงียบๆแถมยังทำหน้าเคร่งยังกะคนหนีหนี้ไงงั้นแหละ
 
“พ่อวันนี้ไมตักข้าวให้เยอะจัง จะกินหมดมั้ยเนี่ย” ผมก็บ่นไปตามประสา แต่วันนี้พ่อตักข้าวให้ผมพูนจานเลย กระเพาะคนไม่ใช่กระเพาะควายนิหว่า...ผมว่าต้องเหลือชัวร์
 
“กินเยอะๆจะได้โตไวๆไง” พ่อพูดพลางเอามือลูบหัวผม
 
“หัดกินผักบ้างนะเรา” แล้วแม่ก็ตักต้มจืดใส่ในจานข้าวผม กลิ่นชักไม่ค่อยดีแล้วสิ (ใครตดว่ะ) พ่อกับแม่ต้องปิดบังอะไรผมอยู่แน่ๆเลย
 
   ผมก็อยากรู้เหมือนกันแหละว่าพ่อกับแม่มีเรื่องอะไรกัน ถามไปผมคงไม่ได้คำตอบอยู่ดี ก็พ่อกับแม่ลื่นไปเรื่อยๆยิ่งกว่าปลาไหลซะอีก รอจนกว่าใครสักคนหลุดปากบอกผมมาเองดีกว่า โดนเฉพาะแม่ ก็แกขาเมาท์เลยนี่นา... ไม่นานเกินรอแหงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้โว้ย
 
แกร็ก แกร็ก
 
   ผมขยี้ขี้หูขี้ตาลุกไปเปิดหน้าต่าง ก็ไอ่เวรที่ไหนไม่รู้มันปาหินใส่หน้าต่างห้องผม ถ้าหน้าต่างกูแตกมึงเจ็บ แสงไฟนีออนสีส้มๆจากถนนทำให้ผมเห็นไอ่โอมที่ยืนอยู่ข้างล่างทำท่าว่าจะปาหินมาอีก ซวยแล้วไง
 
“เห้ย” ผมเผลอร้องเบาๆ ก็ไอ่เชี่ยนิมันยังไม่ยอมหยุดปา เฉียดคิ้วผมไปนิดเดียวเอง
 
“สัด ปาไม่ดูกูเลยนะ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเกิดโดนหัวกูขึ้นมาจะทำไงว่ะ” ผมย่องลงบันได้ไปหามันที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
 
“เออๆ กูขอโทษมันมืดนี่หว่า กูมองไม่เห็นอ่ะ” เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกู ไม่เป็นไรหล่อให้อภัย เอ๊ย หล่อน้อยกว่าผมละกัน
 
“แล้วมึงเรียกกูทำไมว่ะ กำลังฝันหวานเลยแมร่ง” ผมเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับหาววอดบอกให้รู้ว่ากูง่วงจริง
 
“โด่ กูอุตส่าห์มาชวนมึงไปดูดาวตก ตกลงจะไปมั้ย” ไอ่โอมมันพูดแกมขู่
 
“ไปดิว่ะ แมร่ง ของงี้พลาดได้ไง” ไอ่เนี่ยมันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าเปิด วันไหนฟ้าปิด คืนไหนฝนตกแดดออกมันรู้หมด ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่มีมันเป็นเพื่อน ผมเลยได้เห็นของดี? ทั้งดาวตกและดาวที่ไม่รู้จักอยู่ บ่อยๆ
 
   ไปนอนรอสักพักก็มีดาวตกอย่างที่มันว่าจริง ผมเห็นแค่แปบเดียวเอง แต่ก็สวยดี ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆดาวดวงเล็กๆมันก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกันที่นอนดูมันส่องแสงแพรวพราวบนฟากฟ้าไกลๆแบบนี้
 
“เมื่อกี้มึงขอพรว่าอะไรว่ะ” ไอ่โอมมันหันมาถามผม
 
“เห้ย กูลืมขอพรว่ะ ดูจนเพลิน เสียดายเว้ย” แล้วผมก็เกิดอาการชักดิ้นชักงออยู่พักใหญ่
 
“ฮ่าๆ ไว้วันอื่นก็ได้ ช่วงนี้มีดาวตกบ่อย” แล้วมันก็หันหน้ากลับไปมองท้องฟ้าไกลๆเหมือนเดิม
 
“ว่าแต่มึงขอพรอะไรว่ะ บอกกูมั้งดิ” ผมถามมันอย่างอยากรู้อยากเห็นที่ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่าเสือกนั่นแหละ
 
“ไม่บอก ถ้าบอกพรกูก็ไม่เป็นความจริงสิว่ะ” อันนี้ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าอธิษฐานอะไรห้ามบอกกัน แต่อยากรู้นี่เอ้อ ห้ามกันได้ที่ไหน ถ้าขอพรกับดาวแล้วเป็นจริง ผมก็ชักอยากจะลองบ้างซะแล้วสิ
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #109 เมื่อ01-05-2009 19:16:14 »

 :3123:
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่คร้าบผม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #109 เมื่อ: 01-05-2009 19:16:14 »





ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #110 เมื่อ01-05-2009 19:20:14 »

ท่าทางโอมจะได้แค่ใกล้ตัว
แต่ไม่ได้ใกล้ใจอ่ะ


 :เฮ้อ:

Greenkub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #111 เมื่อ01-05-2009 20:21:39 »

โอมเอ้ย อดกินเกี๊ยวแหงๆ

ว่าแล้วก็ไปกินเกี๊ยวทอดดีฝ่า

ออฟไลน์ piggie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #112 เมื่อ01-05-2009 21:10:10 »

พออ่านตอนนี้แล้วก็แอบเดาได้นิดนึงว่าไผ๋เป็นไผ๋ หุหุ

โอม.....ทำใจไว้แต่เนิ่นๆน้า

เด๋วไม่สมหวังแล้วจะเจ็บมากเนอะ

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #113 เมื่อ01-05-2009 21:27:39 »

 :impress2: :impress2: :impress2:

gon_natt

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #114 เมื่อ02-05-2009 00:30:13 »

แง
เค้าอยากเชียร์โอมอ่ะ
แต่อ่านตอนนี้แล้ว.......
 :monkeysad:

รอตอนต่อไปนะค่ะ ^^ :L2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #115 เมื่อ02-05-2009 03:55:40 »

โอมเพี้ยง...สิ่งใดที่โอมขอพรไป ขอให้เป็นจริงที่เถอะ...สาาาาาาาาาธุ

ยกมือว่าเชียร์โอมเหมือนกัน...เค้าปลื่มมมมมมมมมม

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #116 เมื่อ02-05-2009 10:34:12 »

อีกคนเขาชวนออกไปนอนดูดาวแล้ว

แต่อีกคน  ....... ไม่ได้ดั่งใจเลย  :m16:

ออฟไลน์ «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™»

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #117 เมื่อ02-05-2009 16:58:55 »

เชียร์ๆ บอล อ่ะ แหะๆ   :impress2:

yee

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #118 เมื่อ02-05-2009 20:00:36 »

เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆๆ


ใครกันหนาจะเป็นผู้ครอบครองเกี๊ยว

ออฟไลน์ RAKDEK_KA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1798
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #119 เมื่อ02-05-2009 22:06:43 »

 :z3:'ง่ะ ...โอม
จะม่สิทธิ ลุ้นไหมเนี่ย  :z10: :z10:

น่าฉงฉาน จัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด