[เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม  (อ่าน 67579 ครั้ง)

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #120 เมื่อ03-05-2009 08:17:18 »

เหมือนโอมจะไม่มีหวังแล้วด้วยคน เพราะดูๆแล้วเกี๊ยวจะคิดกับโอมแค่เพื่อนที่ขาดไม่ได้อะ

สงสารโอมจัง

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #121 เมื่อ03-05-2009 12:24:46 »

 :really2:

ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #122 เมื่อ03-05-2009 18:23:47 »

มารอปลอบโอม และพร้อมที่จะชิงโอมมาจากคนแถวนี้ 555+

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #123 เมื่อ03-05-2009 20:12:00 »

ตอนที่ 12
 เวลามักผ่านไปรวดเร็วคล้ายกับสายลมที่พัดผ่านเราไปโดยไม่มีวันหวนกลับมา จากก่อนนี้เคยขี้เกียจ แอบหลับ แอบกินขนม อ่านการ์ตูน สารพัดอย่างที่จะทำในเวลาเรียน ตอนนี้กว่าค่อนห้องต้องเปลี่ยนมานั่งปั่นงานกันจนหัวยุ่ง ไม่มีเวลาได้พูดคุยหรือเล่นกันเหมือนเดิม แต่ผมก็ชินแล้วล่ะ ก็เพราะมันเป็นยังงี้ตั้งแต่ผมอยู่ ป.3 แล้วมั้งนั่น
 
“กู ยืม ปาก กา หน่อย” สัมผัสหนักๆกดที่บ่าผมพร้อมกับเสียงเย็นๆโทนเดียวกับที่พระในวัดสวดของไอ่เอ็มดังขึ้น
 
“มาเรียนยังไงของมึงไม่พกปากกาว่ะ” ผมชักจะรำคาญมันนิดหน่อยที่มาขัดเวลาปั่นงานอันมีค่าของผม มือซ้ายผมลวกไปในกระเป๋าควาญหาปากกาให้มัน อีกมือก็ยังคงลอกงานจากต้นฉบับตรงหน้าอย่างรีบเร่ง
 
“อ๊ะ” ผมยัดปากกาใส่มือไอ่เอ็มไปโดยไม่ได้มอง
 
“ปาก กา กู นิ หว่า” ชิบหายแล้ว ผมลืมไปว่าแอบจิ๊กปากกามันมาใช้เมื่อหลายวันก่อน
 
“ของมึงที่ไหนล่ะ กูเพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้เอง จำผิดแล้วมั้ง” ไอ่เอ็มเกาหัวเลยครับ แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมเห็นมันเล็งซ้ายเล็งขวาปากกาเจ้าปัญหาอยู่หลายที อันที่จริงผมกะจะคืนมันหลายทีแล้ว แต่ลืม...
 
“เกี๊ยวๆ ช่วยขิงหน่อยสิ” เสียงเล็กๆลอยแว่วดังเข้าโสตประสาทของผม เสียงที่ทำให้ผมอ่อนยวบทุกครั้งเมื่อได้ยิน
 
“ห๋า” ผมเงยหน้ามองหน้าเด็กหญิงผมเปีย หน้าตาน่ารักที่มายืนข้างๆ ทำเอาอึ้งไปพักใหญ่ คำพูดเหมือนจะอุดตันอยู่ที่ลำคอจนไม่สามารถเรียบเรียงคำออกมาได้ในตอนนี้
 
    คล้ายกับสวรรค์จะเข้าข้างคนดีอย่างผม ไอ่โอมมันไปส่งการบ้านห้องพักครูพอดีเลยกำจัดก้างชิ้นโตออกไปจากคอหอยผมไปโดยปริยาย น้อยครั้งนักที่ผมจะได้คุยกับขิงแบบใกล้ชิดขนาดนี้ คนมันเขินนี่หว่าไม่กล้าเข้าไปจีบตรงๆสักกะที
 
“เอ่อ คือว่าช่วยขิงหักคัตเตอร์ให้หน่อยสิ” ผมรับคัตเตอร์มาจากมือของขิง กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากคนที่ยืนอยู่เล่นเอาผมเคลิ้ม มือไม้มันสั่น เนื้อตัวมันรู้สึกหวิวๆยังไงก็ไม่รู้แฮ่ะ
 
“โอ๊ย” แต่แล้วเศษคัตเตอร์ดันกระเด็นมาโดนมือผมซะยังงั้น ผมรีบเอามืออีกข้างกุมหลังมือตัวเองแน่น เลือดสีแดงสดเริ่มไหลรินออกมาจากปากแผลมากขึ้นเรื่อยๆที่ร้องไม่ใช่เจ็บหรอกครับ เพราะตกใจมากกว่า แอบมองขิงจนเพลินไปหน่อย
 
“มาให้ขิงดูหน่อย” เสียงของขิงตะโกนดังดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเลือดของผม แต่เจ้าตัวยังใจกล้าดึงมืออาบเลือดของผมไปดูมือเล็กนุ่มนิ่มของขิงจับมือผมแน่น ไม่ไหวๆ จะละลายแล้วนะ ผงแผลอะไรตอนนี้ผมก็แทบไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
 
 
“ไปทำแผลห้องพยาบาลเถอะ” ขิงรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันแผลห้ามเลือดให้ผม สีหน้าที่ซีดเผือกดูเป็นกังวลมาก ผิดกลับเกี๊ยวที่เผลอยิ้มบางๆ ดีใจน่ะสิครับ ดีใจมากๆเลยด้วยที่รู้ว่าขิงห่วงผมถึงขนาดนี้ตอนที่ถูกขิงจูงมือออกไปห้องพยาบาล รู้สึกว่าจะถูกสายตาคนทั้งห้องมองอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใครเลยนอกจากขิง
 
“ไปโดนอะไรมาอีกล่ะเนี่ย เลือดออกเยอะมากเลยนะ” คุณครูประจำห้องพยาบาลจัดแจงทำแผลให้ผม โดยที่ขิงนั่งรออยู่ห่างๆ
 
“โดนคัตเตอร์ปาดค่ะ” ขิงตอบแทน เพราะผมมัวแต่อึ้งขวดทิงเจอร์สีฟ้าที่วางตรงหน้า นี่ครูจะราดทิงเจอร์ใส่แผลผมสดๆเนี่ยนะ ให้ขิงออกไปก่อนได้มั้ย ถ้าผมแหกปากร้องออกไปตอนนี้ขิงต้องหาว่าผมปวดแหกชัวร์   
 
   น้ำทิงเจอร์ถูกทาที่แผลบนมือผม ซี๊ด...ด.. ทันทีที่ครูซับสำลีชุบทิงเจอร์ที่แผลของผม ความรู้สึกแสบจิ๊ดแล่นลิ่วถึงขั้วหัวใจในบัดดล ผมได้แต่กัดฟันแน่นก็ไม่อยากเสียฟอร์มตรงหน้าขิงนี่ครับ ไอ่ผมก็เพิ่งจะมาสังเกตว่าเลือดไหลออกมาเยอะมาก หลังจากการทรมานที่แสนยาวนาน ก็ต่อด้วยยาแดงที่มีสีไม่ต่างกับเลือดผมเท่าไร
 
“คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยนะ” ว่าแล้วคุณครูก็พันผ้าก๊อตให้ผม โล่งใจไปเปราะหนึ่งแล้วกู ยังแสบๆแผลไม่หายเลยเนี่ย
 
“ครับ” ผมตอบเสียงแห้ง ก่อนจะยกมือไหว้ครู ผมไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดหน้าของขิงยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเดินไปหาเจ้าตัวที่ยืนรอผมอยู่
 
“เจ็บมั้ย” สายตาคู่สวยมองที่มือของผม พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย (คิดไปเองรึเปล่า)
 
“....” ผมส่ายหัวเบาๆ โรคเก่ากำเริบอีกแล้ว หืดขึ้นคอพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ทั้งที่ในใจมีเป็นร้อยล้านคำที่อยากจะพูดกับคนๆนี้แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
 
   พอมาถึงห้องขิงก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่ที่เป็นต้นเหตุให้ผมเจ็บตัว แค่เห็นหน้าตาน่ารักๆของขิงก็ทำเอาผมเข่าอ่อนแล้ว แน่ล่ะผมไม่เคยโทษขิง ผมมันซุ่มซ่ามเองต่างหากล่ะ
 
“เหนื่อยชะมัด กูโผล่หน้าไปส่งการบ้านหน่อยโดนใช้ยาวเลยแมร่ง” ไอ่โอมปล่อยน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนเก้าอี้ ปากก็บ่นห่าอะไรไม่รู้ของมัน
 
“เห้ย ไอ่เกี๊ยว มือมึงไปโดนอะไรมาว่ะ” ไอ่นี่ก็ตะโกนซะดังจนผมสะดุ้ง แถมยังถือวิสาสะดึงมือกูไปดูอีก
 
“คัตเตอร์บาด” ร่างเล็กตอบมันสั้นๆ พลางชักมือกลับ โชคดีที่มือซ้ายเกี๊ยวยังใช้การได้ดีอยู่ การลอกการบ้านต่อจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
 
“แล้วมึงเป็นไรมากมั้ย ทายารึยังแล้ว...” ไอ่โอมมันยังเซ้าซี่ถามผมต่อ
 
“กูจะรีบทำงานมึงอย่าพึ่งกวนได้ป่ะ” กูไม่ได้ว่างงานนะโว้ย ถึงจะได้มีเวลามานั่ง 108 คำถามของมึง มือผมก็เจ็บ แถมงานกองเท่าภูเขาก็ต้องส่งเย็นนี้ ชีวิตเข้าขั้นวิกฤตและก็ใกล้จะบรรลัยแล้วด้วยผมเลยเผลอตะคอกใส่มันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
 
“...” ไอ่โอมดูเหมือนจะเงียบไปในทันที ผมก็ไม่ได้สนใจมันหรอกมัวแต่ยุ่งกะงานจนลืมไปว่า ความจริงผมเองเป็นฝ่ายผิดที่ตะคอกมันไปแบบนั้นทั้งที่มันอุตส่าห์ห่วงแท้ๆ
 
“กูขอโทษล่ะกันที่กวนมึง” คนตัวสูงเอ่ยเบาราวกับเสียงกระซิบอย่างคนน้อยใจ
 
    งานของผมถูกส่งถึงมือครูได้ทันแบบเฉียดฉิว ร่างเล็กฟุบหมอบอยู่กับโต๊ะอย่างคนหมดแรง แผงขนตาสวยหลับพริ้มเพื่อพักสายตาซึ่งอ่อนล้าจากการจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือมานานหลายชั่วโมง แต่มีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป...
 
“เห้ย มึงเห็นไอ่โอมป่ะว่ะ” ไวเท่าความคิด ผมเพิ่งสังเกตว่าไอ่โอมไม่ได้อยู่ในห้อง มันต้องโกรธที่ผมตะคอกใส่มันแน่ๆเลยคำถามเดิมถูกถามซ้ำๆ แต่ร่างเล็กกลับต้องผิดหวังทุกครั้งไป
 
   เขาตามหาโอมไปในทุกที่ที่คิดว่าจะเจอ กลับไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขาตามหา คนตัวเล็กทั้งเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที ร่างบางวิ่งตรงไปยังห้องศิลปะด้วยความหวังสุดท้ายแต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับว่างเปล่า ปราศจากผู้คนหรือแม้แต่อาจารย์ มีเพียงภาพวาดหลายชิ้นวางอยู่เท่านั้น
 
“แฮ่ก แฮ่ก มึงอยู่ที่ไหนกันแน่” เสียงหอบถี่ดังเร็ว เกี๊ยวทรุดลงก่อนจะใช้แขนยันตัวเองกับพื้น เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปกับการวิ่ง เหงื่อเม็ดใสไหลมาตามโครงหน้าเรียว แผ่นหลังเล็กเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อนักเรียนสีบริสุทธิ์ผืนบางราบลู่แนบกายที่กระเพื่อมเร็ว
 
“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” คำพูดที่เขาพร่ำขอโทษหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับฟังไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนหรือแค่จงใจหลบหน้าผม ผมก็ต้องพูดกับมันให้รู้เรื่อง
 
“อ้าว ไอ่โอมไปไหนซะล่ะถึงได้มาอยู่คนเดียวยังงี้” น้ำเสียงที่เยาะเย้ยดังขึ้นมาจากด้านหลัง ร่างเล็กหันควับไปตามต้นเสียง คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดตอนนี้กำลังเดินเข้ามาในห้องศิลปะ มุมปากเรียวยกแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า
 
“...” เกี๊ยวไม่ตอบอะไร เขาได้แต่มองคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาขุ่นเคือง ร่างเล็กรีบลุกขึ้น ก่อนจะก้าวฉับหวังใจว่าจะเดินหนีคนตรงหน้าไปให้ซะพ้นๆ
 
“โอ๊ย” แต่ก็ยังช้ากว่าคนตัวสูงซึ่งเอื้อมมือมาคว้าแขนเล็กไว้ได้ทัน บอลบีบแขนของเกี๊ยวแน่น ขณะที่นัยน์ตาคมจ้องดวงหน้าหวานไม่กระพริบด้วยสายตาที่เฉยชา
 
“ปล่อยนะเว้ย” เกี๊ยวส่งเสียงต่อต้าน ก่อนจะพยายามแกะแขนที่อยู่ในกำมือของบอลออก ยิ่งดิ้นเท่าไรก็ดูเหมือนร่างสูงจะกำแน่นมากเท่านั้น
 
“หึ ไม่มีใครมาช่วยมึงแล้วสินะ” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเยือกเย็น พลางสบตากับคนที่ห่างกันไม่ถึงฟุต
 
“กูปล่อยให้ปล่อยไง” ผมชักจะเหลืออดแล้วนะ ต่อให้ต้องเจ็บตัวผมก็จะไม่ยอมมันอีกแล้ว วันนี้ขอซัดหน้ามันสักเปรี้ยงเหอะ
 
หมับ~!!
 
   ด้วยส่วนสูงและร่างกายที่ได้เปรียบกว่าทำให้บอลหลบหมัดตรงของเกี๊ยวได้ไม่ยาก มือเล็กที่พุ่งไปข้างหน้ากลับถูกดึงเข้าไปหาร่างสูง เกี๊ยวจึงเสียหลักล้มไปอยู่ในอ้อมแขนของบอลโดยไม่ได้ตั้งใจ
 
“เฮ๊ย ปะ อุบ” ร่างสูงไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กได้โวยวายอีกต่อไป ริมฝีปากนุ่มถูกประกบอย่างรวดเร็วจนเกี๊ยวตั้งตัวไม่ติด
 
   ร่างเล็กดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง พลางส่งเสียงครางอู้อี้อยู่ในลำคอ จึงเปิดโอกาสให้ลิ้นสากลวนลามภายในโพรงปากหวานอย่างง่ายดาย ลิ้นเล็กถูกตวัดเกี่ยวพันอย่างอ่อนประสบการณ์
 
“อื้ม...ม...” บอลคลายมือจากการจับกุมเปลี่ยนเป็นประคองศีรษะเล็กให้เอียงรับรสจูบที่ยังอ่อนหัดเกี๊ยวทุบหน้าอกแกร่งท้วง แต่บอลก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
 
“มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอว่ะ” แรงไม่น้อยที่เกี๊ยวใช้ผลักบอล ทำให้เขาเป็นอิสระในที่สุด ร่างบางใช้มือถูปากตัวเองแรงจนบวมเจ่อ อาการที่แสดงออกมาคล้ายกับว่ารังเกียจมากมาย กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบของอีกฝ่ายให้รุนแรงยิ่งขึ้น
 
“ทำไม รังเกียจกูมากขนาดนั้นเลยเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้า นัยน์ตาคมจับจ้องดวงหน้าหวานที่ออกสีแดงระเรื่อ ราวกับสิงโตมองดูกวางน้อยที่สามารถตะครุบกินเมื่อไรก็ได้
 
“แต่... กูเป็นผู้ชาย” ผมทั้งสับสนทั้งงงไปหมด เรื่องเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่
 
“แล้วทำไมล่ะ กูก็เคยจูบมึงมาก่อนแล้วนิ ทำไมจะทำอีกไม่ได้” ร่างเล็กยืนนิ่งดั่งกับว่าถูกสะกดไว้อยู่อย่างนั้นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากบอลกรีดลึกเข้าไปข้างในหัวใจของร่างบาง นี่เขาเป็นอะไรสำหรับคนๆนี้กันแน่ แค่ของเล่นงั้นเหรอ
 
   แม้ว่าจะเคยพร่ำบอกตัวเองว่า เขามันก็แค่ของเล่นสำหรับคนอย่างบอลเท่านั้น ทั้งที่สั่งให้หัวใจยอมรับมันไปแล้วแต่ทว่า แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆ มันกลับเจ็บปวดกว่าที่เขาคิดไว้ ทำไมต้องแคร์คนที่ไม่เคยใยดีเขาได้มากถึงขนาดนี้ ทำไมเขากลายเป็นคนอ่อนแอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆนี้อีกแล้วนะ!!!
 
“กูเกลียดมึง” คนตัวเล็กก้มหน้างุด มือเล็กกำแน่นไว้ข้างลำตัว คำพูดไม่กี่พยางค์ที่เอ่ยเบา ทำให้บอลถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
 
“เกี๊ยว กู...” ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมเกิดหน้ามืดอะไรขึ้นมา แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นกับไอ่เกี๊ยวแท้ๆ แต่ว่า... (บอล)
 
“นี่ มึงร้องไห้เหรอ” บอลมองร่างบางที่ก้มหน้านิ่ง ไหล่เล็กไหวนิดๆ น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูนุ่มนวลเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน บอลเอื้อมมือไปแตะบ่าของเกี๊ยวเบาๆแทนคำขอโทษที่เขายังไม่กล้าพูดมันออกมา
 
“...” เกี๊ยวปัดมือของบอลออก ก่อนจะวิ่งหนีไป ทิ้งให้ร่างสูงยืนอยู่เพียงลำพัง
 
“กูขอโทษ” บอลพึมพำแผ่วเบา มือหนาแตะที่ริมฝีปากของตนเอง สัมผัสนุ่มนิ่มอันหอมหวนจากรสจูบที่ไม่ค่อยชำนาญ ยังคงตราตรึงชัดเจนภายใต้จิตสำนึกของเขา ความจริงเขาไม่เคยเกลียดร่างบางเลยสักนิด แต่แค่แสดงออกมาให้ตรงกับใจคิดไม่เก่งนัก
 
“ไอ่ เกี๊ยว ปาก มึง ไป โดน ไร ต่อย มา ว่ะ นั่น” เสียงยานเนิบของเอ็มที่แทรกเข้ามาทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย มือเล็กเผลอจับที่ปากของตัวเองทำให้นึกถึงหน้าของบอลขึ้นมาทันที
 
“อะ อ้อ เปล่าๆ ไม่มีไร” ร่างเล็กตอบปฏิเสธ พลางลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ
 
“เอ้อ ไอ่เอ็ม มึงเห็นไอ่โอมเข้ามาในห้องรึยังว่ะ” เขาถามเด็กหนุ่มใส่แว่นอย่างกระวนกระวายใจ
 
“มัน เพิ่ง ออก ไป เมื่อ กี้” เอ็มตอบช้าแต่มันก็ทำให้ร่างบางกระตือรือร้นขึ้นทันตาเห็น
 
“ขอบใจว่ะ” ถ้ามันเพิ่งออกไปเมื่อกี้ มันก็คงยังไปไหนไม่ได้ไกล ผมทนให้มันโกรธผมยังงี้ไม่ได้หรอก ก็มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่สำคัญกับผมนิ
 
“เฮ๊ย มัน ฝาก จด มะ (หมาย)...” เอ็มมองตามหลังเล็กที่หายลับจากประตูหน้าห้องไป ก่อนจะก้มดูกระดาษจดหมายสีขาวที่อยู่ในมือ

 

“คืนนี้เจอกันที่เดิม มาให้ได้นะ ถ้ามึงไม่มาแสดงว่ามึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกูอีกต่อไป”
 
ข้อความในจดหมายบอกชัดเจน แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครมาตามนัด ร่างสูงเดินวนไปวนมาในทุ่งกว้าง ถึงจะมีแสงดาวระยิบระยับอยู่เต็มฟากฟ้าแต่ตอนนี้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน
 
   อากาศเย็นพัดมากับกระแสลมโชยอ่อนๆ ทำให้คนที่มีแต่เสื้อยืดบางๆกอดตัวเองเพราะความหนาวที่กัดกินเขาทีละน้อย นัยน์ตาคมเฝ้าแต่มองหาว่าคนที่เขารอจะมาสักที
 
    ในหัวของเขามีแต่เกี๊ยวที่วนเวียนไปมาจนบางครั้งมันก็ทำเอาเขาแทบคลั่ง เวลาผ่านไปบรรยากาศตอนกลางคืนก็เย็นลงเรื่อยๆ ความเย็นที่เสียดสีกับผิวเนื้อโดยตรงมันหนาวจนโอมสั่นน้อยๆ เขายืนรออยู่ตรงนี้มาประมาณสองสามชั่วโมงได้ตั้งแต่เที่ยงคืน
 
    หรือเกี๊ยวจะไม่แคร์เขาแล้ว ทั้งที่คืนนี้เขาตั้งใจแล้วว่าจะสารภาพความในใจที่มีอยู่ทั้งหมดให้เกี๊ยวรับรู้แล้วแท้ๆ แต่ทำไม... มันเจ็บปวดเหลือเกิน เกินกว่าที่หัวใจของเขาจะรับไหว ความหนาวรอบๆกายตอนนี้ก็ยังดูอบอุ่นยิ่งกว่าความเย็นที่จับขั้วหัวใจของเขา 
 
   อุตส่าห์ฝากจดหมายให้ไปแล้ว เขียนไปแบบนั้น ตามนิสัยของไอ่เกี๊ยวมันต้องมาแน่ๆ ผมรู้... แต่ทำไมถึงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ จะทิ้งให้กูยืนรออีกนานเท่าไรมึงถึงจะพอใจ กูทำอะไรผิดช่วยบอกทีได้มั้ย อย่าทรมานกูแบบนี้อีกเลย (โอม)
 
   อันที่จริงเขาอยากจะเจอเกี๊ยวตั้งแต่ตอนเย็นซะด้วยซ้ำ ติดที่ว่าพ่อเขามารับไวกว่าปกติ เลยฝากจดหมายให้ไอ่เอ็มไปแทนมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันแน่ เราเคยเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ แต่แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ตะคอกใส่ ไม่ยอมมาเจอหน้ากัน
 
   ถ้าเราเลือกไปแล้วที่จะรักใครก็ต้องพร้อมที่จะเจ็บปวดด้วยเหมือนกัน แต่ผมไม่พร้อมเลยสักนิด หัวใจมันเรียกร้องแต่มึงคนเดียวนะ เกี๊ยว!!
 
“กูรักมึงนะ” กลุ่มไอสีขาวพ่นออกมาจากปากเรียวที่ซีดเซียว แค๊ก แค๊ก โอมไอเบาๆ ก่อนจะเดินกลับบ้านอย่างอ่อนล้า
 
 แสงไฟสีส้มข้างถนนส่องสว่างทำให้พอเห็นทางได้บ้าง โอมเงยหน้ามองหน้าต่างของตึกแถวที่อยู่ห่างจากหน้าต่างห้องของเขาเพียงแค่คูหากั้นกลาง ตอนนี้เกี๊ยวคงนอนอยู่บนเตียง คงลืมไปแล้วว่ามีใครที่กำลังรอมึงอยู่ แม้ความหวังมันดูจะเลือนรางจนแทบมองไม่เห็นก็ตามที
 
“ฝันดีนะ คนดีของผม” ถึงอยากจะเจอหน้าแค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่ฝากความคิดถึงไปกับสายลมเท่านั้น

 
   ผมตั้งนาฬิกาปลุก 5 ตัวไว้บนหัวเตียง ดัดสันดานตัวเองไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไป ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วมายืนรอรถข้างนอก แต่ไหงไอ่โอมมันยังไม่มายืนรอรถอีกนะ เดี๋ยวรถก็จะมาแล้วเนี่ย ร่างบางก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือย่างกระวนกระวายก่อนจะค่อยๆเนียนขยับไปยืนอยู่หน้าบ้านของคนตัวสูง
 
   ไม่นานรถนักเรียนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า แต่ไอ่โอมมันก็ยังไม่ลงมาสักทีหรือว่ามันยังไม่หายโกรธผมที่ไปตะคอกใส่มันเมื่อวาน ผมพยายามมองเขาไปในบ้านแต่ก็ไม่เห็นทีท่าว่าไอ่โอมจะออกมาสักที จะงอนกูไปถึงไหนว่ะเนี่ย ไอ่ผมก็ง้อคนไม่เก่งซะด้วย เครียดโว้ยยย ง้อมันยังไงดี
 
    จะว่าไปแล้วผมก็แอบเคืองมันนิดๆที่มันงอนผม ผมเลยต้องไปนั่งข้างไอ่บอลอีกแล้ว ปกติถ้ามีไอ่โอมไปด้วยผมก็ได้นั่งกับมัน ถ้ามันไม่โกรธผมผมคงไม่ต้องมานั่งอมทุกข์อยู่แบบนี้หรอก ตกลงใครผิดกันแน่ว่ะเนี่ย เริ่มงงซะเอง
 
“ไอ่โย ได้ข่าวว่าบ้านมึงมีเพย์สเตชั่นทูด้วยเหรอว่ะ” ผมคุยกับไอ่โยมาตลอดทาง บ้านใครมีสเตชั่นทูก็ถือว่าโครตรวยสำหรับผมล่ะครับ ส่วนไอ่บอลมันก็ไม่พูดอะไรกับผม ผมก็ไม่กล้ามองหน้ามัน ไม่อยากจะคุยด้วย
 
“อื้ม เสาร์-ทิต มึงมาเล่นก็ได้นิ” ชวนยังงี้ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก
 
“จริงดิ กูจะได้ชวนไอ่โอมไปด้วย” ผมพูดไปตามที่คิดถือโอกาสง้อมันไปในตัว
 
ปึก!! ศอกไอ่บอลเสียบชายโครงผมเต็มเม็ดเต็มหน่วยทันทีที่พูดจบ แต่มันทำหน้าเนียนมองไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้างซ้ายผมก็มีแต่มัน ไอ่เชี่ยนิไม่ทำแล้วผีที่ไหนจะทำล่ะว่ะ
 
   สรุปว่าวันนี้ไอ่โอมมันไม่มาโรงเรียน มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่าถึงขาดเรียนทั้งๆที่พรุ่งนี้จะสอบ วันนี้ผมก็เลยนั่งปั่นงานคนเดียว โค้งสุดท้ายของการส่งงานแล้วนี่ครับ เย็นนี้ผมเลยกะว่าจะไปหามันที่บ้านสักหน่อย อยากจะรู้ว่ามันตั้งใจหลบหน้าผม หรือว่ามันเป็นอะไรกันแน่
 
   ร่างบางตกอยู่ในอาการที่ว่าน้ำลายเน่า ไม่ได้พูดหรือสุ่งสิงกะใคร มัวแต่นั่งนับนิ้วทำรายงานคณิตเนี่ยแหละ นิ้วมือนิ้วเท้ารวมกันก็แทบจะไม่พอ ในใจก็ภาวนาว่าให้เลิกเรียนเร็วๆ ผมจะได้กลับบ้าน ไปหาไอ่โอมสักที
 
“สวัสดีครับน้าเพ็ญ” ผมยกมือไหว้แม่ไอ่โอม
 
“อ้าว มาหาโอมเหรอ โอมไปโรงบาลในเมืองกับพ่อแกเดี๋ยวสักพักก็คงกลับมาน่ะ” น้าเพ็ญพูดพร้อมกับยิ้มบางๆให้ผม
 
“ไอ่ เอ๊ย... โอมมันเป็นอะไรเหรอครับ” ผมตกใจเหมือนกัน ถึงกับต้องเข้าโรงบาล มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอไวๆ
 
“เป็นไข้หวัดธรรมดานั่นแหละ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ๊ะ” ไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะครับ เพื่อนทั้งคน
 
“อืม... งั้นฝากบอกโอมด้วยนะครับว่าผมมาหา” น้าเพ็ญพยักหน้า ก่อนผมจะเดินผิดหวังกลับบ้านตามเคย
 
   ไอ่โอมมันจะเป็นยังไงบ้างนะ จะปวดหัวตัวร้อน มันจะโดนฉีดยาด้วยรึเปล่า คำถามมากมายคั่งค้างอยู่ในหัว หนังสือเรียนที่กางอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้เข้าสมองผมเลยสักนิด สองวันแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับมัน ผมอยากเจอมันจริงๆนะ
 
“เกี๊ยวกินข้าวลูก” เสียงแม่ตะโกนเรียกผมให้ไปกินข้าวอย่างเช่นทุกวัน
 
“คร๊าบ” ร่างบางปิดสมุดพลางถอนหายใจเบา จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย
 
  เท่าที่สังเกตมาพักหลังๆพ่อกับแม่ทำตัวแปลกไป อย่างผมทำจานแตกแม่ก็ไม่บ่นสักคำ ปกติแม่จะบ่นได้ทุกเรื่องนี่นา แต่กลับไม่ว่าผมเลย
 
“แม่ พ่อ มีเรื่องไรปิดผมไว้รึเปล่า” ผมตัดสินใจถามไปกลางวงกินข้าวนี่ล่ะครับ พ่อกับแม่คล้ายกับจะนิ่งไปทั้งสองคน ก่อนจะหันมามองหน้ากัน น่าน ว่าแล้วต้องมีอะไรแน่ๆเลย
 
“เอ่อ... เกี๊ยว พอมีเรื่องสำคัญจะบอกลูกเหมือนกัน แต่เอาไว้หลังสอบดีกว่ามั้ย” แล้วพ่อก็พูดอ้อมโลก สุดท้ายก็จะไม่ยอมบอกผมใช่ป่ะ
 
“ถ้าไม่บอกผมจะอดข้าว 3 วันเลยอ่ะ” มุขนี้ผมใช้ขู่พ่อกับแม่บ่อยแต่ก็ได้ผลทุกครั้ง
 
“โธ่ลูก...” เสียงแม่ตัดพ้อ ยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของผมมากขึ้นไปอีก
 
“นะแม่นะบอกมาเหอะ” ผมคะยั้นคะยอแม่สุดชีพ
 
“พ่อบอกลูกไปสิ” เริ่มโยนไปให้พ่อแล้ว ยังไงกันหว่า
 
“แม่นั่นแหละ พ่อไม่ถนัดเรื่องแบบนี้” เรื่องแบบนี้มันเรื่องแบบไหนล่ะเนี่ยรอฟังอยู่น้า...
 
“คือ... พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่า... เทอมหน้าจะให้ลูกไปเรียนที่กรุงเทพน่ะ” พอผู้เป็นแม่พูดจบ ทำเอาร่างบางถึงกับนั่งเงียบ
 
“แต่ แม่...” คนตัวเล็กรวมรวบสติที่คล้ายจะหลุดวูบไปกลับคืนมา
 
“ฟังก่อนนะเกี๊ยว ที่พ่อกับแม่ทำไปยังงั้นก็เพราะหวังดีกับลูก อยากให้ลูกได้เรียนที่ดีๆนะ แล้วไปอยู่ที่โน้นมันดีกว่าเรียนอยู่ที่นี้ตั้งเยอะ” เหตุผลต่างๆนานาที่พ่อกับแม่หยิบยื่นให้ผม มันก็ไม่ต่างกับการผลักไส้ให้ผมไปไกลๆ
 
”พ่อกับแม่ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาใสๆไหลพรากออกจากดวงตากลมอย่างง่ายดาย
 
 
“เพราะรักลูกไงพ่อกับแม่ถึงอยากให้ลูกไปอยู่กับป้านิ่มที่กรุงเทพ” ผู้เป็นพ่อกอดลูกชายที่ร้องไห้สะอึกสะเอื้อนแน่นในอ้อมแขน พลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน มีพ่อแม่ที่ไหนบ้างไม่รักลูก แต่ถ้ามีอะไรที่ดีกว่าก็ต้องยอมเสียสละเพื่อลูกชายของตน
 
  คืนนั้นผมร้องไห้อย่างหนัก ตื่นมาตอนเช้าก็เลยตาบวมๆ ผมเข้าใจดีที่พ่อแม่ทำไปเพราะรักและหวังดีกับผมมากแค่ไหน แต่ผมไม่อยากไปอยู่กับคนอื่น ไม่อยากไปเลยจริงๆ
 
   อาจารย์แจกข้อสอบวางไว้บนโต๊ะ ผมจำสิ่งที่เคยอ่านแทบจะไม่ได้เลย นัยน์ตาคู่สวนลอบมองโอมที่นั่งอยู่ห่างกันคนละมุมห้อง สีหน้าที่ซีดเซียวทำให้คนตัวเล็กเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
 
   ผมทำข้อสอบได้ไม่ดีนัก ถึงไอ่โอมจะมาโรงเรียนด้วยแต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสพูดกับมันเลย ในใจมันว้าวุ่นและสับสนจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ทำไมต้องเป็นผมด้วย ผมไม่อยากอยู่ตัวคนเดียว ผมอยากมีพ่อ มีแม่ และก็เพื่อน ขอแค่นั้นมันมากไปเหรอ
 
“ไอ่ เกี๊ยว เป็น ไร ว่ะ เห็น เงียบๆ” ผมกามั่วๆเสร็จก็เลยออกมานั่งรออยู่หน้าห้อง
 
“อ่อ ไม่มีไร” ร่างเล็กส่ายหน้าเบา ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ริ้วคิ้วสวยก็แทบจะเบียดมาอยู่รวมกันแล้ว
 
“ข้อ สอบ ยาก เนอะ กู ล่ะ ปวด หัว” ถึงไอ่เอ็มมันจะนั่งบ่นข้างๆร่างบาง แต่เขากลับไม่ได้ฟังมันเลย เรื่องราวหลายอย่างมารุมเร้าคนตัวเล็กในคราวเดียว มันหนักเกินไปสำหรับเด็กอายุ 11 ขวบอย่างเกี๊ยว
 
   จะหาทางคุยกับไอ่โอมยังไงดี อีกไม่กี่วันก็ต้องไปแล้ว เรื่องที่พ่อกับแม่บอกผมมันเร็วจนตั้งตัวไม่ติด คงจะดีถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกนิด
 
“โอม...” ผมเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง แต่มันกลับไม่หันมามองผมเลยสักนิด
 
“เฮ๊ย เดี๋ยวรอกูก่อน” ผมรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนมันไว้ ทำให้คนตัวสูงหยุดเดิน
 
“...” ไอ่โอมจ้องหน้าผมเขม็งด้วยสายตาแปลกๆจนผมเดาไม่ถูกว่ามันกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ หายโกรธผมหรือว่ายังโกรธอยู่
 
“มึงโกรธกูเหรอ” ร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างกล้าๆกลัวๆ มือก็ยังจับแขนของคนตัวสูงแน่น
 
“เปล่า” รู้มั้ยว่ากูต้องฝืนแค่ไหน อย่ามาแกล้งกันแบบนี้ได้มั้ย แค่กูฝืนไม่ให้เข้าไปกอดมึงตอนนี้ก็ยากเต็มทีแล้วนะ อย่ามาสนใจกูอีกถ้ามึงไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงอยากจะพูดออกไป แต่ปากมันกลับขยับไม่ได้เลยสักนิด (โอม)
 
แค๊ก แค๊ก ร่างสูงเอามือปิดปาก ขณะไอเบาๆ เพราะอากาศหนาวในคืนนั้นทำพิษจึงทำให้คนแข็งแรงอย่างโอมไข้ขึ้นสูงอย่างง่ายดาย
 
“กินยารึยัง” ร่างเล็กเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของโอม พลางถามด้วยความห่วงใยที่เอ่อล้นออกมาจากความรู้สึกของเขา
 
“...” โอมจับมือเล็กที่แตะหน้าผากตนออก นัยน์ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของอีกฝ่าย มือแกร่งดึงเอวนิ่มเข้ามาหาตัวก่อนจะกอดแน่น คล้ายกับว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกแล้ว
 
   ความร้อนจากตัวโอมทำให้คนที่ถูกกอดรู้สึกได้ ถึงจะยังงงอยู่ว่าถูกกอดทำไม แต่เกี๊ยวเองก็ไม่ได้ขัดขืน มือเล็กค่อยๆโอบรอบเอวของโอม เขาสับสนไปหมดแล้ว เพื่อนของเขาคนนี้รู้สึกยังไงกันแน่ เขาไม่รู้เลยจริงๆ เกี๊ยวกอดร่างสูงที่ซุกหน้ากับไหล่เล็กของเขาโดยไม่มีคำพูดใดๆ
 
“เฮ๊ย...” เสียงหวานเผลออุทานดัง จู่ๆโอมก็หมดสติไปแถมยังทิ้งน้ำหนักตัวไปหาร่างเล็กทั้งหมด ทำเอาเกี๊ยวเซเล็กน้อย
 
“ไอ่โอมๆ ทำใจดีๆก่อนนะเว้ย” คนตัวเล็กประคองร่างสูงโดยเอาแขนข้างหนึ่งของโอมพาดคอตัวเองไว้ เกี๊ยวรวบรวมกำลังทั้งหมดที่ตัวเองมีพยุงโอมจนไปถึงห้องพยาบาล ความร้อนมากมายถูกส่งผ่านร่างกายของโอมมาหาคนตัวเล็ก
 
“ครูครับ วายุไม่สบาย ผมก็เลย” ร่างบางพูดตะกุกตะกัก เขาเรียงคำพูดไม่ถูก โอมตัวร้อนมากจนน่าเป็นห่วง
 
“ไข้ขึ้นสูงมากเลย สงสัยต้องโทรตามผู้ปกครองให้มารับกลับบ้านแล้วล่ะ” ผมไม่รู้ว่าไอ่โอมจะรู้สึกยังไงบ้าง แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย มันคงทรมานน่าดู
 
“เดี๋ยวผมไปเอาเบอร์โทรให้ครับ” พูดจบผมก็รีบวิ่งกลับห้องเพื่อไปเอาเบอร์โทรพ่อไอ่โอมไปให้ครู

ตึก ตึก ตึก
 
“เธอเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” คุณครูมองร่างสูงที่เดินเงียบๆเข้ามาในห้อง
 
“เอ่อ... ผมเป็นเพื่อนกับวายุ นี่เบอร์โทรผู้ปกครองครับ” บอลเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะยื่นเศษกระดาษที่มีเบอร์โทรของพ่อโอมเขียนไว้บนนั้น
 
“อ่อ งั้นครูฝากดูแลวายุเดี๋ยวนะ” คุณครูรับเบอร์โทร ก่อนจะเดินออกไปจากห้องบอลมองดูโอมที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
 
“ไอ่เกี๊ยวมันคงจะชอบมึงมาก ถึงได้เป็นห่วงขนาดนั้น” บอลพูดกับคนที่นอนอยู่ น้ำเสียงต่ำทุ้มและแผ่วเบาเจือปนเสียใจจนสังเกตได้ น้อยคนนักที่จะเห็นบอลพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เสียแต่ว่าโอมกลับไม่ได้ยินมัน
 
“กูล่ะอิจฉามึงจริงๆ ทุกครั้งที่ไอ่เกี๊ยวพูดถึงมึง ทุกครั้งที่มันอยู่กับมึง รู้มั้ย กูอยากจะชกหน้ามึงชริป ให้ตายเหอะ” บอลพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนที่นอนอยู่เลยสักนิด
 
“แต่ช่างมันเหอะ กูไม่ยอมแพ้มึงง่ายๆหรอก” ใบหน้าคมดูจริงจังอย่างมุ่งมั่นอย่างเคยอีกครั้ง
 
“หายไวๆนะเว้ย มานอนซมยังงี้จะสู้อะไรกูได้ล่ะ” บอลพูดติดตลก ริมฝีปากเรียวยกยิ้มอย่างอ่อนโยน ยังไงไอ่โอมมันก็เพื่อนผม ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย รีบๆหายล่ะ เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน (บอล)
 
   ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไป ประจวบเหมาะกับที่คุณครูเดินสวนเข้ามาพอดี ยังไงซะเขาก็เกลียดไอ่คนที่มันนอนไม่รู้เรื่องอยู่ไม่ลงหรอก อย่างมากก็แค่หมั่นไส้(มั้ง) ตอนนี้ถือว่าต่อให้มึงไปก่อนละกัน แต่ถ้ามึงหายดีเมื่อไร กูขอไอ่เกี๊ยวคืนล่ะกันนะ (บอล)

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #124 เมื่อ03-05-2009 20:15:12 »

มอบแต้ม+ ที่ 24
***
ขอบคุณที่มาต่อคร้าบ  :3123:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #125 เมื่อ04-05-2009 00:08:53 »

งอนกันทุกคนเลย  มั่วหมดแว้ว  จะรักกันตอนไหนละเนี่ย

 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ RAKDEK_KA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1798
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #126 เมื่อ04-05-2009 00:47:13 »

โอ๊ะๆๆๆๆๆ  ขยันจัง 
แต่เอ......นี่ป.3 แน่เหรอเนี่ย
เออ  แล้วมันจะยังไงต่อละ จะไปกทม ซะและ
เหนื่อยแทนโอมจัง
แต่ไม่เป็นไรนะโอม  ป้ายังว่าง  (ว่างกินเด็กเสมอ)  :-[

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #127 เมื่อ04-05-2009 11:02:11 »

อูย... แล้วอย่างงี้ ถ้าบอลรู้ว่า เกี๊ยวต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ก็คงอึ้งไปเหมือนกันล่ะสิเนี่ย


แต่ก็สงสัยอีกอย่าง โอมจะรู้รึยัง ว่าเกี๊ยวต้องไปอยู่กรุงเทพเนี่ย อาจจะรู้แล้วรึเปล่า ถึงได้นัดออกไปเพื่อบอกความในใจอะ

Greenkub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #128 เมื่อ04-05-2009 20:58:14 »

เกี๊ยวเอาไอ้บอลแหงๆ

โอมเอ้ย  :เฮ้อ:

yee

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #129 เมื่อ04-05-2009 22:00:03 »

เชียบอลลลลลลลลลลลลล :ped149: :110011:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #129 เมื่อ: 04-05-2009 22:00:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #130 เมื่อ05-05-2009 10:30:31 »

คิดแล้วปวดตับ ตอนที่จะย้ายไปเรียนกรุงเทพ

มันต้องเศร้าแน่เลยอ่ะ  :o12:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #131 เมื่อ05-05-2009 11:59:07 »

ไปดีก่า

Love Is All Around

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #132 เมื่อ05-05-2009 16:39:27 »

เพิ่งอ่านทันคะ

มาให้กำลังใจ  :L2:

คนแต่งเป็นคนเหนือป่าวคะ

พอดีเห็น "ง่อน กะ หาป้อเต๊อะ" อ่ะคะ

เรื่องเริ่มเศร้า ดูเหมือนบอลจะเป็นพระเอกป่าวอ่ะ

โอมน่าสงสารแหะ


tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม {END}
«ตอบ #133 เมื่อ05-05-2009 19:40:00 »

ตอนที่ 13 Last memory

 ในที่สุดผมก็สร่างไข้ หลังจากที่นอนเก็บตัวอยู่แต่บนเตียงมาร่วมสามวันยังกะนักกีฬาเก็บตัวก่อนลงแข่งขัน เพราะไอ่ไข้ที่ขึ้นสูงปรี๊ดดดด... จนทำให้ผมไม่สามารถหอบสังขารไปสอบวันที่สองได้ ครูแกเลยอนุญาตให้มาสอบทีหลัง อย่างน้อยก็ต่อชีวิตผมไปได้อีกนิดล่ะว่ะ
 
  ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ตามหลักทฤษฏีตอนนี้ก็ต้องปิดเทอมสินะ รู้สึกร่างกายมันกระปรี้กระเปร่าจนบอกไม่ถูกเลยแฮ่ะ จะว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอไอ่เกี๊ยว ไม่สิ มันน่ะเจอผมแต่ผมไม่เจอมันเพราะหลับอยู่ แม่บอกว่ามันมาเยี่ยมผมทุกวัน แต่ดันมาตอนผมหลับทุกที คิดแล้วแอบเสียดายนิดๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้พ่อจะบุกไปถึงห้องเลย (คิดไรของเอ็งว่ะ)
 
“อ้าวเฮ๊ย~!!” คิดเพลินไปหน่อย สบู่มันเลยลื่นตกลงไปในโอ่ง
 
    ร่างสูงเริ่มกดท่อนบนที่เปลือยเปล่า มุดหัวลงไปในโอ่งมังกรขนาดใหญ่ โอมใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานก่อนจะรีบทำความสะอาดร่างกายของตน
 
   กลิ่นหอม(ฉุน?)ชนิดที่แม้จะยืนอยู่ห่างโอมสัก 10 เมตรก็ยังบอกได้ว่ามันใช้สบู่ยี่ห้ออะไร โชยออกมาจากผิวกายของคนที่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำอย่างรุนแรง ร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาว มีตราโค้กสีแดงขนาบหน้า-หลัง แสดงตัวเป็นสปอนเซอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร เผลอๆถ้าเอาฝาจีบ 5 ฝามาแลกกะไอ่โอมคงได้โค้กฟรีกลับมา 1 ขวด
 
“จะรีบไปไหนอีกล่ะ เพิ่งหายไข้ไม่ใช่เหรอ” ไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินพ้นหน้าบ้านก็ต้องหยุดชะงักเพราะน้ำเสียงขึงขังของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยทั้งๆยังก้มดูพระเครื่องในมือ
 
“อะ อ่อ ไปบ้านไอ่เกี๊ยวมันน่ะพ่อ แค่นี้เอง” ร่างสูงกล่าวพลางยิ้มแห้งๆให้กับพ่อของตน
 
“ไอ่เกี๊ยวมันไม่อยู่หรอก” พ่อพูดน้ำเสียงเรียบนิ่งยังกับมันเป็นเรื่องปกติ
 
“อะ เอ่อ” ร่างสูงเริ่มสับสนเล็กน้อยเพราะร้อยวันพันปีก็ไม่ค่อยเห็นพ่อของเขาพูดถึงเรื่องบ้านโน้นเท่าไร ก็พ่อแกไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน โอมเลยตกใจเล็กน้อยที่พ่อรู้เรื่องไอ่เกี๊ยวทั้งๆที่ตนยังไม่รู้
 
“เห็นว่าพ่อแม่ไอ่เกี๊ยวมันให้ไปเรียนกรุงเทพฯ สงสัยขึ้นรถไปตั้งแต่เช้าแล้วมั้ง” เพียงแค่ประโยคสั้นๆที่เหมือนจะบดขยี้หัวใจของเขาให้แหลกอยู่ตรงนั้น ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
 
“ไม่จริง ทำไมพ่อไม่ปลุกผมล่ะ ทำไมๆๆ” ร่างสูงตะโกนอย่างบ้าคลั่งเขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ร่างกายสั่นเทิมเพราะความเสียใจที่เกินกว่าจะรับไหว มันเร็วเกินไป เขายังไม่พร้อมที่จะสูญเสียคนๆนั้น โลกทั้งใบคล้ายกับว่าจะหยุดนิ่ง ท้องฟ้าไม่สดใสเหมือนอย่างเคย ลมหายใจของเขามันรวยระรินราวกับว่าจะขาดอากาศไปซะดื้อๆ ทั้งมึนงงและสับสนไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
 
“โอม จะไปไหนน่ะ” พ่อตะโกนตามแผ่นหลังแกร่ง มีเพียงเสียงฝีเท้ากำลังย้ำลงไปบนถนน ความเงียบก่อตัวขึ้นภายในใจของเขาทีละน้อย มันเจ็บแปล๊บที่หัวใจแปลกๆ น้ำใสๆเอ่อล้นออกจากนัยน์ตาสีนิล ทำไม ทำไมเกี๊ยวไม่เคยจะบอกเรื่องนี้ให้เขาฟังสักครั้ง อย่างน้อยให้เขาได้ทำใจก่อนก็ยังดีกว่าตอนนี้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน เมื่อคนที่เขารักต้องจากไปทั้งๆที่ยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกทั้งหมดให้คนตัวเล็กได้รับรู้ เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บอกลา แล้วเมื่อไรที่เขาจะได้เจอกันอีก หรือว่ามันจะจบเพียงเท่านี้งั้นเหรอ
 
แฮ่ก แฮ่ก คนตัวสูงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เร็วเท่าที่ขาของเขาจะทนไหว เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ จะไม่ได้เจอเกี๊ยวอีกต่อไปแล้วจริงๆ เขาจะทำยังไงเมื่อไม่มีร่างเล็กอยู่ข้างกายแล้ว ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
 
แฮ่ก แฮ่ก ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ไปโดยไม่บอกกันสักคำ คิดจะแกล้งทรมานกูไปถึงไหน กลับมาเถอะนะ ตอนนี้กูเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามมึง ช่วยหยุดแล้วฟังคำสารภาพของกูก่อนได้มั้ย กูก็แค่... รักมึง
 
หัวใจของเขาเต้นถี่เร็วไม่เป็นจังหวะ มันอ่อนล้าจนแทบจะขาดใจ ร่างสูงวิ่งไปตามเส้นทาง หวังใจว่าจะเจอคนตัวเล็กยืนรอเขาอยู่เบื้องหน้า แต่กลับมีเพียงเส้นทางที่เขาวิ่งอยู่คนเดียว
 
“กลับมาฟังกูก่อนได้ม๊าย...” คนตัวสูงตะโกนสุดเสียง เข่าแกร่งทรุดฮวบกับพื้นยางมะตอย น้ำตาใสๆฉาบเคลือบดวงตาคมจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ขอแค่ครั้งสุดท้าย ให้โอกาสกู อีก สักครั้ง เถอะ
 
“ตะโกนเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย เอาซะขี้หูกูเต้นระบำเลย แม่ง” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยด่าทอร่างสูงอย่างไม่พอใจ มือเล็กปิดแนบหูทั้งสองข้าง คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกแล้วกำลังเดินมาหาผม
 
“ไอ่เกี๊ยว” ร่างสูงลุกพรวดตรงเข้าไปกอดคนตัวเล็กแน่น คิดถึงจริงๆ แค่เสี้ยววินาทีก็ไม่อยากจากคนๆนี้ไปไหน
 
“เป็นห่าอะไรของมึงอีกเนี่ย กูหายใจไม่ออกโว้ยยย แค่กๆ” ผมกอดไอ่เกี๊ยวนานจนลืมตัวไปหน่อย ผมกลัวว่ามันจะหายไปจากอ้อมกอดของผม กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก
 
“เอ่อ โทษที” ผมตอบอย่างเขินๆ ร่างสูงลอบมองคนตัวเล็กที่ยืนกอดอกทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างกาย ผมรีบใช้มือเช็ดคราบน้ำตา น้ำมูกแบบลวกๆ
 
“แล้วมึงวิ่งมาทำซากอะไรแถวนี้ว่ะ” ไอ่เกี๊ยวบ่นไม่หยุดปากตามสไตล์ของมัน
 
“ก็ กู... เออๆ ช่างมันเหอะ” ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี มีคำพูดมากมายที่ผมอยากจะพูดตอนนี้ แต่มันกลับพูดออกมาไม่ตรงตามใจคิดได้เลยสักอย่าง
 
“เอ่อ เกี๊ยว กู มะ มีเรื่องจะบอกมึงว่ะ” ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง เสียงทุ้มสั่นเครือเพราะความตื่นเต้น แล้วทำไมกูต้องมาเป็นโรคติดอ่างตอนนี้ด้วยว่ะ
 
“อืม ว่ามาดิ” ไอ่เกี๊ยวจ้องหน้าผมเขม็ง มึงไม่ต้องตั้งใจฟังขนาดนั้นก็ได้เว้ย กูเขิน ยิ่งมันมองมาทางผม ใจผมก็ยิ่งสั่น กดดันกูเก่งจริงเลยนะมึง
 
“กู เอ่อ กู...” ติดอ่าง โธ่เว้ย พอเอาเข้าจริงๆทำไมพูดไม่ออกว่ะ
 
“เฮ้อ... ตกลงจะพูดมั้ยเนี่ย ไปหาอะไรกระแทกปากดีกว่าว่ะ แมร่ง รำคาญ” น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ เวร...กูกำลังบิ้วอารมณ์อยู่เนี๊ยะ สัด รอฟังสักหน่อยก็ไม่ได้
 
หมับ ว่าแล้วคนตัวเล็กก็คว้ามือแกร่งก่อนจะออกแรงดึงเล็กน้อยให้คนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเดินตามมาในสภาพกึ่งลากกึ่งจูง สัมผัสนุ่มนิ่มจากมือของอีกฝ่ายที่มอบให้ด้วยความจริงใจ เพราะมึงช่างแสนดี หมดทั้งหัวใจกูก็ยอมให้ แล้วมึงล่ะคิดยังไง กูอยากรู้...
 
“รอยู่นี่นะ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้” ไอ่เกี๊ยวคุยจ้อมาตลอดทางผิดกับผมที่เงียบยังกะคนใบ้ ผมจะบอกกับมันยังไงดีล่ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันต้องเตือนตัวเองข้อนั้นผมก็รู้ แต่ว่าขืนเก็บไว้ยังงี้ ผมคง...
 
“…” ร่างสูงพยักหน้าสองสามครั้งพลางค่อยๆคลายมือเล็กออก โอมจ้องมองรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เกี๊ยวมอบให้ ก่อนจะยิ้มตอบกลับ
 
เอี๊ยดดดดด โครมมม!!!
 
   ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งชั่วขณะ เรือนร่างบอบบางถูกปะทะกับรถบรรทุกซึ่งพุ่งมาชนอย่างแรง ทำให้เกี๊ยวกระเด็นไปอีกฟากของถนน
 
“เกี๊ยวววว...แฮ่กๆ” โอมลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอน เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นทั่วร่างกายของเขา ร่างสูงหอบแรง หายใจถี่ไม่เป็นจังหวะยังกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายมา
 
“ขวัญเอ๋ยขวัญมา ลูกแม่” ผู้เป็นแม่รีบปลอบประโลมลูกชายของตนด้วยความห่วงใย
 
“แม่ แล้วเกี๊ยวล่ะ ไอ่เกี๊ยวมัน...” ภายในลำคอมันแห้งผาด ทั้งที่เหงื่อออกท่วมตัวขนาดนั้น แต่คนตัวสูงกลับหนาวมาก หนาวซะจนเนื้อตัวสั่นระริกยิ่งกว่าเจ้าเข้า
 
“โถ่...ลูกแม่ แม่ว่าลูกนอนพักก่อนดีกว่า ไปเป็นลมเป็นแล้งข้างถนนแบบนั้น รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน” แม่เอ่ยพลางลูบศีรษะโอมด้วยความห่วงใย
 
“แต่ว่า” ไม่จริง ทั้งหมดผมไม่ได้ฝันไปเองใช่มั้ย รอยยิ้มอ่อนโยนที่ปรากฏบนดวงหน้าหวานครั้งสุดท้ายยังคงตราตรึงและเด่นชัดจนเกินกว่าจะเป็นแค่ความฝัน
 
“เกี๊ยวน่ะ ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯแล้วนะ แม่รู้ว่าลูกเสียใจ แต่ถ้าลูกเป็นอะไรไปแม่ก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน” ผู้เป็นแม่ป้อนยาลดไข้ตามด้วยน้ำ ก่อนจะห่มผ้าให้คนที่ล้มตัวนอนลงอย่างว่าง่าย สีหน้าของแม่ดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
 
   ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ขอให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่ความฝัน พอตื่นมาไอ่เกี๊ยวมันจะมานั่งอยู่ข้างๆผม แล้วบอกว่า ให้ผมหายไวๆ เราคงไปเตะบอลในสวนมะพร้าวด้วยกันเหมือนเดิม ผมคงจะลืมเรื่องในวันนี้ มันก็แค่ฝันร้ายที่เมื่อตื่นขึ้นผมก็จะจำไม่ได้อีก ผมเฝ้าภาวนาขอให้มันเป็นอย่างนั้น (โอมคิด)
 
   และแล้วร่างสูงก็พริ้มตาจนหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ความจริงที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ คนตัวเล็กจะรู้บ้างรึเปล่าว่าร่างสูงต้องเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อไม่มีเกี๊ยวอยู่แล้ว...
 
 
“เฮ๊ย พวกมึงรู้เรื่องไอ่เกี๊ยวยัง?” โยหันไปพูดกับบอลที่นั่งเอาแรงอยู่ข้างสนามบอล หลังจากที่เล่นกันมาได้สักพัก
 
“เรื่องอะไรว่ะ” ร่างสูงเอ่ย พลางกรอกน้ำเย็นเข้าปากเพื่อดับกระหาย
 
“มันย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯอ่ะ แล้วทีนี้พวกเราจะไปแกล้งใครว่ะ” โยพูด ก่อนจะทำท่าเสียดายเล็กน้อย
 
พรวด แค่กๆๆ บอลสำลักน้ำแทบจะทันทีที่ได้ฟัง
 
“มึงว่าไรนะ” ร่างสูงกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ก่อนจะเผลอตะคอกใส่โยอย่างลืมตัว
 
“กะ ก็…” โยพูดตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ เพราะความกลัวจับใจจนไม่กล้าจ้องตาคนตัวสูง
 
“ไอ่เกี๊ยวมันไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว มึงจะปล่อยได้รึยัง ไอ่โยมันเจ็บนะเว้ย” เคนพูดดัง ขณะผลักแผงอกแกร่งของบอลแรงจนร่างสูงยอมผละจากโยแต่โดยดี
 
“อะ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ” บอลกล่าว ในหัวพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ฟังเมื่อกี้ ทำเอาเขาอึ้งไปเหมือนกันที่รู้ว่า จะไม่ได้เจอเกี๊ยวอีกต่อไป
 
“นี่มันก็เย็นมากแล้ว กลับกันเหอะ” เคนพูดกับคนตัวสูงที่นั่งนิ่งมาเป็นชั่วโมงตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เกี๊ยวจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว
 
“อืม... ไปก่อนเหอะว่ะ กูขอเล่นอีกหน่อย” ว่าแล้ว ร่างสูงก็ลงไปเตะบอลอยู่ในสนามหญ้าสีเขียวคนเดียว
 
“งั้นพวกกูกลับก่อนนะเว้ย” โยตะโกนบอกร่างสูงที่อยู่ในสนาม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากคนที่อยู่ในสนามหญ้าเลย
 
   มันยากที่จะตอบหัวใจของเขาได้ว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ไอ่เกี๊ยวจะอยู่รึจะไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด ผิดกลับภายในใจของเขาที่มันว้าวุ่นและสับสน ถ้าเขาไม่ได้แอบมองคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่หลังห้อง ไม่ได้แกล้งเกี๊ยวเพราะคิดว่าเวลาร่างเล็กงอนมันดูออกจะน่ารักดี ไม่ได้อยากนั่งข้างๆกันบนรถทุกวัน ไม่รู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้ๆ เขาคงไม่ต้องทรมานแบบนี้
 
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ว่ะ!!” บอลตะโกนออกมาอย่างคนเสียสติ
 
   ร่างสูงเตะบอลอัดกับโคนต้นมะพร้าวที่สูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเพื่อระบายอารมณ์ เขาเสียใจงั้นเหรอ คิดถึง หรือว่าดีใจกันแน่ที่กำจัดคนตัวเล็กไปได้พ้นๆโดยไม่ต้องเปลื้องแรง ที่แล้วๆมาทั้งแกล้งทั้งทรมานสารพัด ที่ทำไปก็เพราะไม่ชอบขี้หน้า หรือเพราะแค่อยากจะใกล้ชิด เขาไม่รู้ใจตัวเองเลยจริงๆ
 
“อย่าคิดนะว่าจะหนีกูพ้น กูไม่ยอมปล่อยมึงไปง่ายๆหรอก” ยิ่งคิด ร่างสูงก็ยิ่งเตะลูกบอลกลมๆอัดกับต้นมะพร้าวแรงขึ้นเรื่อยๆ
 
“โธ่เว้ย!!” เกลียด เกลียดตัวเองที่ไม่เคยทำดีกับคนตัวเล็กเลยสักครั้ง อยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อขอโทษ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะว่าอะไร ยอมซ้ำชั้นถึงสองปีก็เพียงเพื่อต้องการจะอยู่ใกล้ๆ พยายามแกล้งเพียงเพื่อหาทางเจอหน้า แต่แล้ววันนี้คนตัวเล็กกลับมาทิ้งเขาไป ทำแบบนี้มันเอาเปรียบกันรู้มั้ย
 

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม{END}
«ตอบ #134 เมื่อ05-05-2009 19:42:05 »

   ร่างสูงหวนนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่กับเกี๊ยว ริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เขาได้สัมผัส เขายังจำมันได้ดี อันที่จริงเขาก็ไม่เคยลืมมันได้เลยตั้งแต่วันนั้น คิดถึงเกี๊ยวมากซะจนแทบจะทนไม่ไหว เหมือนกับว่ามีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
   
    ถึงจะเคยพร่ำเพ้อกับตัวเองมาตลอดว่า คนตัวเล็กอยู่ในกำมือของเขา จะบีบให้แหลกคามือเมื่อไรก็ได้ แต่บอลกลับคิดผิดถนัด เขาเองต่างหากที่ยื่นหัวใจของตนให้เกี๊ยวไปโดยไม่ลังเลและตอนนี้ เกี๊ยวก็เป็นฝ่ายที่กำลังกุมหัวใจของเขาอยู่...


 
“ฝากดูแลลูกดาด้วยนะพี่” แม่ของเกี๊ยวเอ่ยกับหญิงสาววัยกลางคน โดยมีเด็กหนุ่มตัวเล็กสะพายกระเป๋าเป้ใบโตยืนหลบอยู่หลังผู้เป็นพ่อ ร่างบางก้มหน้างุดไม่ยอมพูดอะไร ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้มันก็ไร้ความหมาย เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องไป
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเอกมันก็บ่นว่าอยากมีน้อง พี่น่ะก็อยากให้ลูกเธอได้เรียนดีๆกับเค้าบ้าง ยังไงซะก็เหมือนเป็นลูกเป็นหลานของพี่อีกคน วางใจเถอะดา” ผู้หญิงที่ดูมีอายุมากกว่าแม่ท่าทางใจดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ในฐานะพี่สาวแท้ๆของแม่ผม
 
“ไงก็...ต้องรบกวนดูแลเจ้าเกี๊ยวมันด้วยนะ” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมแต่กลับเจือปนด้วยความห่วงใยลูกชายคนเดียวของตนอย่างเหลือล้น
 
“...” ป้าพยักหน้าอย่างรับรู้
 
“ตั้งใจเรียนนะ แม่จะรอ” นัยน์ตาของแม่ถูกฉาบด้วยน้ำตาใสๆ แม่พูดก่อนจะหอมผมฟอดใหญ่
 
“เกี๊ยว ไปอยู่ที่โน้นต้องเป็นเด็กดีนะรู้มั้ย อย่าดื้ออย่าซนล่ะ” ผู้เป็นพ่อนั่งยองๆก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางดึงตัวของเกี๊ยวเข้าไปกอดแน่นด้วยความรัก
 
“ครับ” ผมจะตั้งใจเรียนไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวผม จะไม่เกเรเหมือนแต่ก่อนให้แม่ต้องเสียใจ ถ้านั่นคิดสิ่งที่ผมสามารถทำได้ในตอนนี้
 
“พ่อกับแม่รักลูกนะ” ถึงแม้จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้งจนเกินกว่าจะหาคำใดมาอธิบาย ไม่มีใครเข้าใจความหมายของมันจริงๆก็ได้แต่บอกไปตามความรู้สึกอย่างนั้น คุณเคยรักใครตั้งแต่แรกพบมั้ย รักจนหมดหัวใจ ผมคิดว่านั่นแหละคือความรู้สึกที่พ่อแม่ทุกคนมอบให้ลูกของตัวเองตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
 
“ผมก็รักพ่อกับแม่” ร่างเล็กพูดอู้อี้อยู่ในลำคอพลางซบหน้าตรงบ่าของผู้เป็นพ่อ แขนเล็กโอบกอดระหว่างสองบุคคลที่ให้กำเนิดเขามา
 
     พ่อจูงมือผมเดินไปหาป้าซึ่งยืนรออยู่ห่างๆ ถึงจะเห็นว่าแม่ร้องไห้แต่แม่ก็ยังยิ้มให้ผมพลางโบกมือลาเบาๆ สักพักคนที่จับมือผมกลับไม่ใช่พ่ออีกต่อไป ผมถูกจูงมือเดินห่างจากพ่อกับแม่ไปไกลเรื่อยๆ คนตัวเล็กหันมองดูพ่อกับแม่ที่โบกมือลาอยู่เบื้องหลัง ไกล และไกลห่างออกมาจนไม่สามารถมองเห็นคนสองคนที่ผมรักมากที่สุดอยู่ในสายตาได้อีก
 
   วิวข้างทางที่ไม่คุ้ยเคยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้นไม้สีเขียวๆดูเหมือนจะน้อยลงทุกที มีแต่ตึกสูงๆขึ้นแข่งกันแทน เสียงอึกทึกของเครื่องยนต์บนท้องถนนพร้อมกับฝุ่นควันที่ลอยเข้ามาในจมูก ทำให้ผมทั้งอึดอัดและหายใจไม่ค่อยออก นั่งรถมานานเท่าไรผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน
 
    นัยน์ตาคู่สวยเหม่อลอยออกไปนอกกระจกรถซึ่งจอดมานานร่วมชั่วโมงได้ รถยนต์หลายสิบคันจอดเรียงยาวบนถนนที่แม้กว้างเพียงใดก็ดูคับแคบไปถนัดตา
 
“เฮ้อ... คงเหนื่อยสินะนั่งรถมาทั้งวันเลย ป่ะๆ เอาข้าวเอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวป้าจะทำอะไรให้กิน” ป้าพูดก่อนจะลูบหัวคนตัวเล็กที่ดูอิดโรยอย่างเอ็นดู
 
“ครับ” ร่างเล็กพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้าไปใบบ้านของป้า ที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่ถ้าเทียบกับบ้านเกี๊ยวแล้วที่นี้ถือว่าดีกว่าเยอะ     
 
“อืม ยังจำพี่เอกได้มั้ย ตอนนี้พี่เค้าไปเรียนพิเศษอยู่ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับแล้วล่ะ” ผมถือกระเป๋าเดินตามหลังป้าเข้าไปในห้องนอนของที่ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าของแล้ว
 
“...” คนตัวเล็กส่ายหัวแรง ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขาก็แทบไม่ได้พูดอะไรเลย ถามคำก็ตอบคำ
 
“นั่นสิเนอะ ตอนนั้นเกี๊ยวแค่สองสามขวบเอง เหอะๆ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงอดีต
 
“ตามสบายเลยนะ จะดูทีวีรอก่อนก็ได้” บ้านป้าดูจะต่างจากที่ผมคิดเล็กน้อย ที่นี้มีต้นไม้เยอะ แถมยังเงียบสงบกว่าข้างนอก ไม่มีกลิ่นควัน หรือแม้แต่เสียงอึกทึกของผู้คนให้ปวดหัว ป้าเค้าใจดีกับผมมาก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมชอบที่นี่ขึ้นมาได้เลย
 
   เกี๊ยวทิ้งตัวนั่งตรงเก้าอี้นุ่ม สายตาเสมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีแดงอมส้ม เห็นก้อนเมฆเบาบางลอยอยู่ไกลๆ มันเหงาจนคล้ายกับว่าโลกทั้งใบถูกบีบเข้ามาจนเหลือแต่ตัวผมคนเดียว ผมไม่มีใครแล้วจริงๆ มือเล็กล้วงไปในกระเป๋ากางเกง ในมือถือรูปของพ่อกับแม่ออกมา มันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องรออีกนานเท่าไรผมถึงจะได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่
 
   ไหล่เล็กสั่นไหวระริก น้ำตาใสๆอาบท่วมพวงแก้มเนียน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่เบาราวกับกระซิบ เกี๊ยวจ้องมองบุคคลที่อยู่ในรูปอยู่นาน คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน น้ำตาไหลรินออกมามากขึ้นตามความรู้สึกที่ยากจะห้ามไว้ได้
 
   ร่างเล็กร้องไห้จนกระทั่งพล่อยหลับไปในที่สุด ในอ้อมแขนก็โอบกอดรูปพ่อกับแม่ไว้แน่นอย่างหวงแหน คราบน้ำตาที่เลอะดวงหน้าหวานจนดูน่าสงสาร เด็กชายนอนนิ่งขดอยู่บนเก้าอี้น่วมในห้องนอนที่แสนสงบ มีลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ช่วยให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลายบ้าง มันเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ เรื่องราวต่างๆที่ถาโถมเข้ามาใส่อาจจะดูโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กหนุ่มในวัยนี้ แต่ยังไงเขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้ ไม่แน่มันอาจจะทำให้เด็กหนุ่มได้โตเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
 
“นี่ ตื่นได้แล้ว ตื่นสิ ตื่นๆๆ” มือหนาจับไหล่เล็กก่อนจะเขย่าเบาๆ เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับจ้องมองบุคคลแปลกหน้าที่ถือวิสาสะนอนในห้องของเขา
 
“งืม... แม่เหรอ ขออีกแปบน่า” ร่างเล็กเอ่ยงึมงำอยู่ในลำคอ
 
“ไม่ยอมตื่นใช่มั้ย” นัยน์ตาคมลอบมองดวงหน้าหวานก่อนจะเผลออมยิ้มเล็กๆ
 
“เห้ยฮ่าๆ พะ พอ แล้วฮ่าๆๆ” คนตัวเล็กพูดไปหัวเราะไป เพราะถูกใครบางคนจี้เอว ขัดจังหวะเข้าเฝ้าพระอินทร์ของเขา
 
“ยังบ้าจี้เหมือนเดิมเลยนะเรา” คนตัวสูงยิ้มกว้างให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่ก่อนจะขยี้หัวแรงๆ ทำเอาเกี๊ยวงงไปเหมือนกัน เพราะคำพูดที่ใช้ดูเหมือนว่าจะสนิทกันมากกว่าคนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก เออ... ลืมไปว่าผมกับพี่เค้าเคยเจอกันสมัยเด็กๆแต่ผมยังจำความไม่ได้
 
“อะ เอ่อ...” ร่างบางมองตามหลังชายหนุ่มที่ตัวโตกว่าเขาหลายเท่า ร่างสูงโยนกระเป๋าวางไว้บนเตียง ก่อนจะหันหน้ามามองเกี๊ยวอีกครั้ง ดวงหน้าคมเรียว ผิวสีไข่อย่างคนสุขภาพดี ดวงตาสีนิลจ้องมองมาทางผม รูปร่างสัดทัดไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป สวมอยู่ในชุดนักเรียนที่ชายเสื้อเริ่มหลุดรุยออกมาบ้างแล้ว
 
“หิวข้าวรึยังล่ะ รีบล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยไปกินข้าวกัน ห้องน้ำอยู่ทางนู้นน่ะ” ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าผมอยู่ 3-4 ปีเอ่ยพลางชี้นิ้วไปที่ประตูบานสีขาวซึ่งอยู่ภายในห้อง (ห้องน้ำส่วนตัว) ผมพยักหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเชื่อฟัง คนตัวเล็กล้างคราบน้ำตาด้วยน้ำสะอาด เรียกความสดชื่นกลับคืนมาได้บ้าง แต่มันกลับไม่สามารถลบความเศร้าในใจของเกี๊ยวได้เลยแม้แต่น้อย
 
“เอ่อ... พี่...” เกี๊ยวมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเอื้อมมือไปดึงบานหน้าต่างเข้ามา ดูเหมือนว่าลมเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆท้องฟ้าสีเทามืดครึ้มบ่งบอกว่าฝนใกล้จะตก ร่างเล็กยืนลังเลก่อนจะตัดสินใจเรียกชายหนุ่มเบื้องหน้า
 
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ ไปกินข้าวกัน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ
 
   ร่างสูงกอดคอเกี๊ยวเดินลงบันไดมาอย่างเงียบๆ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันอยู่มากทำให้เกี๊ยวดูยังเด็กถึงแม้เจ้าตัวจะคิดว่าตัวเองโตแล้วก็ตาม ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเกี๊ยวยังคงปรับตัวไม่ได้ อาจจะคิดถึงบ้านก็เป็นเรื่องธรรมดา เด็กขนาดนี้จากบ้านมาคงทำใจลำบากเอาการ เอกลอบมองร่างบางด้วยความเอ็นดู
 
“แม่ครับมีอะไรกินมั้งเนี่ย” ร่างสูงเดินตรงรี่เข้าไปในห้องครัว โดยไม่ลืมล็อกคอเกี๊ยวเขาไปด้วย จะว่าไปแล้วผมเองก็เริ่มหิวเหมือนกันแหละ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว
 
“ผัดหอยลาย กับผัดผักรวมมิตรจ้า อ่ะ ช่วยยกนี่ไปวางบนโต๊ะให้แม่หน่อยสิ” ป้าตอบแล้วก็ยิ้มๆมาให้ผม จะว่าไปแล้วผมก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกันนะเวลาที่ป้ากับพี่เค้ายิ้มมาให้ผม
 
“เกี๊ยวนั่งตรงนี่สิ” ร่างสูงลากเก้าอี้ออกมาขณะกวักมือเรียกร่างเล็กที่ยืนนิ่งเป็นสากเบือเพราะทำตัวไม่ถูกเกี๊ยวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างกับเอก ก่อนป้าจะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยอีกคน โต๊ะไม้กลมๆเต็มไปด้วยอาหารสองสามอย่างกับข้าวสวยร้อนๆที่มีควันฉุยขึ้นมาชวนให้น้ำลายส่อทันที
 
“เป็นไง บ้านป้าพออยู่ได้มั้ย” ป้าพูด ขณะเดียวกันท้องฟ้าสีเทาก็มืดสนิท สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักในไม่ช้า ภายในห้องครัวมีประตูกระจกบานใหญ่ติดอยู่ที่ผนังทำให้เกี๊ยวเผลอมองออกไปข้างนอกหลายครั้งด้วยใจเหม่อลอย พอมองเม็ดฝนที่กระทบกับบานประตูกระจกมันทำให้เขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวพิกล
 
“อะ อ่อ อยู่ได้ครับ” เสียงเรียกของป้าเรียกสติของเกี๊ยวกลับคืนมา ถึงตอนนี้มันหิวจนไส้จะขาด แต่ทว่าเขาแทบจะกลืนข้าวไม่ลง
 
“มานี่ เดี๋ยวพี่แกะให้” เอกมองเกี๊ยวที่พยายามแกะหอยลายในจานตัวเองอยู่นานก่อนจะออกปากช่วย ร่างสูงแอบหัวเราะเล็กๆเพราะความไม่ประสีประสาของร่างบาง
 
“ขอบคุณครับ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา เรี่ยวแรงที่มีมันเหมือนจะหดหายไปกับการเดินทางที่แสนยาวนาน
 
“กินผักเยอะด้วยล่ะ จะได้โตไวๆ” เอกพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตัวเล็ก
 
“ครับ” นั่นทำให้เอกได้รับรอยยิ้มจางๆจากเกี๊ยวเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึง
 
    เม็ดฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อาหารเย็นมื้อแรกในบ้านใหม่ของเขาดูเรียบง่ายและอบอุ่นถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อแม่นั่งข้างๆผมเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ต้องขอบคุณทั้งป้าและพี่ชายที่คอยให้กำลังใจผม ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแต่ผมก็รับรู้ได้
 
“ขึ้นไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวพี่จะช่วยแม่ล้างจานแปบหนึ่ง ไปคนเดียวได้รึเปล่า” พี่เอกถามผม มือก็พลางเก็บจานบนโต๊ะไปด้วย
 
“เอ่อ เดี๋ยวผมช่วยล้างก็ได้” มาอยู่บ้านคนอื่นแถมยังไม่ช่วยงานบ้านเค้าอีกมันก็ออกจะนิสัยไม่ดีเกินไปหน่อย
 
“ไม่ต้องหรอก เราน่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ รีบๆไปอาบน้ำเหอะ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็ดันหลังเล็กออกมาจากห้องครัวชนิดที่ว่าแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
 
“แต่ว่า... ผมอยากช่วย” ร่างบางยืนยันที่จะช่วยอยู่ดี
 
“อื้ม ตามใจงั้นยกจานตรงนั้นมาให้พี่หน่อยสิ” โหย... ทำไมเปลี่ยนใจง่ายจังแหะ พูดปุบก็ใช้ปับเลย
 
   พี่เอกเป็นคนถูซัลไลต์ส่วนผมเป็นคนล้างจานในน้ำสะอาด พี่เอกชวนคุยจนทำให้ผมหัวเราะและลืมเรื่องที่บ้านได้สักพัก แต่นั่นมันทำให้ผมคิดถึงไอ่โอมขึ้นมาซะดื้อๆ ตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้างนะ กูขอโทษที่กูไม่ได้บอกมึงก่อนหน้านี้ หวังว่ามึงจะยกโทษให้กูนะ โอม...
 
“เอ้า ไปอาบน้ำได้แล้ว” พี่เอกก็ดันหลังผมขึ้นบันได เสียงหัวเราะของเราดังท่ามกลางเสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมาเรื่อยๆ
 
   จากที่เคยตักน้ำอาบจากในโอ่งตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นฝักบัวแทน แต่ว่ามันใช้ยังไงว่ะเนี่ย ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยใช้เป็นครั้งแรก
 
“พี่เอก อันนี้มันใช้ยังไงอ่ะ” ร่างเล็กโผล่ศีรษะออกมาจากหลังบานประตูห้องน้ำ ภายในห้องมีพี่เอกกับป้ากำลังยืนคุยกันอยู่
 
“อืม แม่ฝากด้วยนะ” ป้าพูดเสร็จแล้วก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
 
“ไหน ก็หมุนตรงนี้ อันนี้เป็นน้ำเย็นส่วนอันนี้น้ำอุ่น ลองเปิดดูสิ” ไอ่ที่พี่เอกพูดมาผมก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะกล้าลองใช้เท่าไร มือเล็กเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำเย็นจนสุด ด้วยความไม่รู้แถมยังหันฝักบัวไปทางพี่เอกพอดีร่างสูงเลยโดนน้ำเย็นไปเต็มประตู
 
“พี่เอก ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ร่างบางรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ เพราะถูกน้ำเสื้อนักเรียนผืนบางเลยแนบไปกับแผงอกแกร่งเผยให้เห็นกล้ามอกนิดๆของเอกที่เริ่มแตกหนุ่ม
 
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะกัน” พี่เอกเอามือลูบหน้าตัวเอง พลางยิ้มจางๆมาให้ผม สุดท้ายพี่เอกก็หมุนก๊อกนั้นทีก๊อกนี้ทีจนอุณหภูมิของน้ำไม่ร้อนและเย็นจนเกินไป ดวงหน้าหวานซีดเซียวเพราะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
 
“แม่ฝากน้องนอนด้วยไปก่อนนะ สงสารน้อง นอนคนเดียวแกอาจจะกลัวน่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยหลังจากที่คนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
 
“อ่อ ได้ครับแม่ เอกก็ไม่ได้ว่าอะไร” ร่างสูงเอ่ยทันทีที่เกี๊ยวเปิดประตูออกมาพอดี
 
“พี่เอก อันนี้มันใช้ยังไงอ่ะ” ร่างเล็กโผล่ศีรษะออกมาจากหลังบานประตูห้องน้ำ ภายในห้องมีพี่เอกกับป้ากำลังยืนคุยกันอยู่(ย้อนไปอ่าน)
 
   หลังจากที่ผมกับพี่เอกสลับกันอาบน้ำเสร็จ เราก็นั่งดูทีวีกันสักพัก พี่เอกเค้าก็ชวนผมคุย ถามโน้นถามนี้ จะว่าไปแล้วพี่เอกก็เป็นคนที่คุยสนุกดีเหมือนกันแฮ่ะ ถึงตอนเด็กๆผมจะจำพี่เค้าไม่ได้ก็เหอะ
 
ฟรึบ~!! จู่ๆไฟมันก็ดับขึ้นมาซะยังงั้น ทำให้ทั้งผมและพี่เอกต่างเงียบไปตามๆกัน
 
“กลัวเหรอ” พี่เอกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป
 
“ผะ ผมเปล่ากลัว” แต่ผมขยับตัวไม่ออกเลย ถึงแม้ว่าจะมีแสงนีออนจากไฟข้างถนนส่องเข้ามาทำให้พอเห็นล่างๆ แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดีนี่ครับ ฝนก็ตก แถมไม่รู้บ้านนี่มีผีรึเปล่า
 
แบร่ ...
 
เย้ย~!!  สองเสียงที่ประสานดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของพี่เอกคนเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว ก็พี่เอกเล่นโผล่หน้าเข้ามาใกล้ๆแถมแลบลิ้นปลิ้นตา เล่นเอาผมใจหายวูบไปอยู่ตาตุ่ม
 
“ฮ่าๆ ไหนว่าไม่กลัวไง” หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวผมเอาคืนมั้งไอ่ผมก็เงียบพูดอะไรไม่ออกเลย
 
“นอนดีกว่า เรานอนบนเตียงนี่แหละ เดี๋ยวพี่นอนที่โซฟาเอง” พี่เอกก็หอบผ้าห่มกับหมอนไปที่โซฟาหน้าทีวี (ในห้องนอนเดียวกันนั่นแหละ) เห้ย ทำไมยังงั้นล่ะ ผมชักจะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที มานอนเบียดกับพี่เอกจนพี่ต้องไปนอนที่โซฟาแทน เตียงพี่เอกมันเป็นเตียงเดี่ยวนอนได้คนเดียว ถ้านอนเบียดกันสองคนดึกๆก็คงมีใครคนหนึ่งตกลงมาแหงๆ
 
“ไม่ต้อง ผมนอนที่โซฟาก็ได้” เกรงใจสิครับ เกรงใจมากๆเลยด้วย
 
“อย่าดื้อสิ” พี่เอกดึงผ้าห่มกับหมอนที่ผมพยายามแย่งอยู่
 
“แต่ผม...กลัว” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทั้งกลัวทั้งเกรงใจที่มารบกวนพี่เอกถึงขนาดนี้
 
“อืม เหรอ งั้นนอนด้วยก็ได้ ว่าแต่เราไม่นอนดิ้นใช่มั้ย” พี่เอกพูดกึ่งทีเล่นทีจริงแล้วก็ยิ้มๆให้ผม รอยยิ้มเหมือนกับป้าไม่มีผิด ก็แม่ลูกกันนี่เนอะ มือหนาขยี้ผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
 
   ถึงผมจะไม่เคยนอนเบียดเตียงกับคนแปลกหน้า ไม่สิ ญาติห่างๆ แต่ว่ากับพี่เอกผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด เพราะพี่เอกใจดีกับผมมากจนบางครั้งผมคิดว่ามันมากเกินไปแล้ว ผมว่าเตียงมันเล็กแล้วนะแต่ผมกลับนอนได้อย่างสบายๆไม่ใช่เพราะผมตัวเล็กแต่พี่เอกเค้านอนจนเกือบตกเตียงเพราะกลัวว่าจะมานอนเบียดกับผมซะมากกว่าในห้องนอนที่มืดมิด มีเพียงคนตัวเล็กที่ยังคงเบิกตากว้างในความมืด ความเงียบที่มีแต่เสียงฝนเป็นเพื่อนในยามนี้ ทำให้เกี๊ยวเริ่มเข้มแข็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว จะมามัวร้องไห้เป็นเด็กๆไม่ได้อีกแล้ว
 
   ความทรงจำสีจางๆผมจะเก็บมันไว้ที่ส่วนลึกของหัวใจและจะไม่มีวันลืม เรื่องราวที่ผ่านมาผมจะจดจำมันเอาไว้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร อีก 1 ปี 2 ปี หรือ 5 ปีต่อจากนี้ไป เราจะเป็นยังไงเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เป็นทหาร หรือเป็นครู ถึงแม้ว่าวันนี้กูจะมองไม่เห็นว่าตัวเองเป็นยังไง แต่ทุกครั้งที่หลับตาลงเมื่อไร กูก็จะเห็นมึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปนะเพื่อน

END.
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และคอยคอมเม้นให้ผมมาตลอดนะครับ ตอนสุดท้ายฟังเพลงซื่อสัตย์ของบอดี้ไปด้วยก็ซึ้งดี เหอะๆ ขอบคุณครับ  :bye2:

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #135 เมื่อ05-05-2009 19:44:38 »

^
^

 :z13:

จบแล้วววววววว

ตกลงว่า...
เป็นได้แค่ความทรงจำดีๆของกันและกัน

เข้าใจอ่ะนะ..น้องยังเด็กๆกันอยู่เลย
แต่แหมมมมมมม...ลุ้นอ่ะลุ้นมาตลอดเลย ๕๕
(หรือว่าจริงๆแล้วพี่เอกเป็นพระเอก หุหุ)

 :pig4: และ +1 สำหรับเรื่องราวน่ารักๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2009 20:11:03 โดย ohmpresto »

mackerel

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #136 เมื่อ05-05-2009 19:49:58 »

มอบแต้ม+ ที่ 25 คร้าบ
***
โชคดีนะเกี๊ยว  :impress3:

Greenkub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #137 เมื่อ05-05-2009 20:21:48 »

เอ๊า เวง แห้วทั้งบอล แห้วทั้งโอม

ขอบคุณครับ สนุกมากคับ

ออฟไลน์ RAKDEK_KA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1798
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #138 เมื่อ05-05-2009 20:43:43 »

ใสๆๆ ดีอ่ะ น่ารัก :L2:

Zadao

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #139 เมื่อ05-05-2009 23:51:04 »

และสุดท้าย  เรื่องราวก็จบลงประการละ ฉะนี้.

ใสค่ะ น่ารัก ^_^ ยิ้ม ๆ เนาะ
ให้ความหมายดีนะ


ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่เขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
« ตอบ #139 เมื่อ: 05-05-2009 23:51:04 »





patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #140 เมื่อ06-05-2009 06:44:08 »

จบแล้วเหรอครับเนี่ย


สงสารโอมจังเลย

gon_natt

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #141 เมื่อ06-05-2009 08:42:34 »

...ทุกครั้งที่หลับตาลงเมื่อไร กูก็จะเห็นมึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปนะเพื่อน

ซึ้งอ่า...คิดถึงเพื่อนเลย  :m15:

ขอบคะณนะค่ะ สำหรับเรื่องราวน่ารักๆ ^^  :pig4:

yee

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #142 เมื่อ06-05-2009 09:40:36 »

ตกลงคนไหนอะ


จบแบบความทรงจำแต่ก็น่ารักดี ชอบพี่เอก เชียบอล รักโอม


หน้ามีต่อภาค2ตอนอายุ19นะ


....................................

มา

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #143 เมื่อ06-05-2009 10:56:07 »

จบแล้วเหรอ  แล้ว บอล ล่ะ

แอร๊ยยยยยยยย บอล โฮฮฮฮฮฮฮฮ  :z3:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #144 เมื่อ06-05-2009 11:10:15 »

จบแล้วเหรอเนี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #145 เมื่อ06-05-2009 11:20:53 »

ง่า  :a5: :a5: :a5:

จบแล้วหรอ


????????

 :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #146 เมื่อ06-05-2009 12:11:39 »

มาให้่กอมซะดีๆ ถ฿กใจ

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #147 เมื่อ06-05-2009 18:26:53 »

ชอบมากกกกกกกกกกกกก o13

น้ำตาคลอเลย คิดถึงเพื่อน อยากให้มีภาคสองตอนโตๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับมารักกันก็ได้ แค่อยู่ในความทรงจำสีจางๆ ก็พอแล้วละ ฮือๆ

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #148 เมื่อ07-05-2009 13:09:46 »

หลังจากที่อ่านจบไปแล้ว ก็กลับไปนอนคิดต่ออะครับ ว่า "คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม" เป็นคำพูดของใคร เกี๊ยว บอล โอม หรือ พี่เอก

ออฟไลน์ naja

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: [เรื่องสั้น] คนเนี๊ยะ!!!แฟนผม
«ตอบ #149 เมื่อ15-05-2009 07:36:36 »

เกี๊ยวเอ๊ยยยยยยยยยยยย :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด